แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
กิจกรรมพิธีกรรมของพวกเราอย่าเบื่อหน่าย ค่อยทำไปหัดไป สายอ้อมบ้างสายตรงบ้าง สายตรงก็ยกมือสร้างจังหวะ เห็นความรู้เห็นความหลงเข้าไป เห็นกายเข้าไป เห็นเวทนาเข้าไป เห็นจิตเข้าไป เห็นธรรมเข้าไป เห็นแล้วชี้หน้ามัน กายสักว่ากาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา เวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา จิตก็สักว่าจิต ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ธรรมก็สักว่าธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา สายตรงบุกเข้าไปเปิดเข้าไปเผยเข้าไป หงายของที่คว่ำออกไป เปิดของที่ปิดออกไป ส่องแสงสว่างในที่มืดให้เกิดความแจ้งเข้าไป เห็นกายเห็นเวทนาตามความเป็นจริงเข้าไป เห็นตัวเห็นตนที่มันไปยึดอะไรเข้าไป อุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นรูปก็ดี เป็นเวทนาก็ดี เป็นสัญญาก็ดี เป็นสังขารก็ดี เป็นวิญญาณก็ดี พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวกทั้งหลายเช่นนี้ สาวกทั้งหลายก็รู้เรื่องนี้คือเรื่องของกายของใจเข้าไป จนบุกเข้าไป เปิดเข้าไป พังทลายเข้าไป เรียกว่าสายตรง
เมื่อสายตรงเข้าไปแล้ว ไปทำลายความโลภความโกรธความหลง ทำลายภพชาติอุปาทานขันธ์ทั้งห้า ทำลายสังโยชน์ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ มานะ ทิฏฐิ เข้าไป ที่เป็นภพเป็นชาติพอกพูนอยู่ในความเห็นของเรา ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิให้เกิดสัมมาทิฏฐิเข้าไป บุกเข้าไป เกิดการกระทำที่ชอบ เกิดการคิดชอบ ระลึกชอบ ตั้งสติชอบเข้าไป มั่นคงเข้าไป ยึดเข้าไป อธรรมก็พ่ายแพ้ออกไป ธรรมก็เกิดขึ้นเรื่อยไปในกายในใจเป็นธรรม ได้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น ความหลงไม่เป็นธรรม ความรู้สึกตัวเป็นธรรม ความทุกข์ไม่เป็นธรรม ความไม่ทุกข์เป็นธรรม ความโกรธไม่เป็นธรรม ความไม่โกรธเป็นธรรม ยึดเข้าไป กายใจเป็นธรรมต่อกัน อะไรที่ไม่เป็นธรรม มันโชว์ให้เห็น สู้เข้าไป ปัดกวาดเข้าไปออกไป เหมือนเรากวาดบ้านอาจมีฝุ่นทั้งหลายกวาดออกไป มันก็ได้ความสะอาด สะอาดกายสะอาดใจ เรียกว่าสายตรงๆ เข้าไปอย่างนี้เท่านี้
สมัยที่เจ้าชายสิทธัตถะแสวงหาโมกขธรรม ไม่มีพิธีรีตองอะไร เมื่อเข้าถึงสภาวะธรรมสายตรงเข้าไปแล้วเรียกว่าศาสนธรรมเกิดขึ้น เมื่อมีศาสนธรรมเกิดขึ้นจึงค่อยมีศาสนพิธี ศาสนาบุคคล ศาสนวัตถุเกิดขึ้นมาตามหลังเพื่อเกี่ยวข้องกันและกัน เป็นหมู่เป็นบุคคล เป็นหมู่เป็นสงฆ์เป็นคณะ เป็นศาสนบุคคลเกิดขึ้นเพียงคนเดียวคือพระพุทธเจ้า ต่อมาจึงมีศาสนวัตถุเกิดขึ้น มีวัดวาอารามเกิดขึ้น ต่อมาจึงมีศาสนพิธีเกิดขึ้นทีหลัง เดี๋ยวนี้เราเข้าถึงแต่ศาสนพิธี ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ไม่เข้าถึงศาสนธรรม พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ว่าแต่ปาก ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ว่าแต่ปาก สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ว่าแต่ปาก มือถือสากปากถือศีล ยังโกรธยังหลงยังทุกข์อยู่ เป็นการปิดบังอำพรางตัวเอง
เมื่อเข้ามายังศาสนธรรมแล้ว แม้แต่พิธีสวดมนต์ไหว้พระเป็นน่าเบื่อน่าเกลียด คนส่วนมากก็พอทำวัตรสวดมนต์ไม่อยากจะสู้ หลบลีก เพราะมันน่าเกลียด บางทีทะเลาะกันเวลาสวดมนต์ บางทีเบื่อหน่าย อย่างเจ้าอาวาสวัดหนึ่งอยู่ตำบลบ้านเก่าย่านนี้ สวดมนต์บางทีเป็น ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง วันพระวันศีลพาญาติโยมสวด ญาติโยมก็สวด หนีทีละน้อย พากันลุกหนี ปล่อยให้หลวงตาสวดอยู่คนเดียว ถึงเวลาสวดมนต์คนก็เบื่อที่สุด สวดนานเกินไป ไม่รู้เอาสวดอะไรมา ไม่ใช่สวดพระพุทธเจ้าสอน เอามาจากพิธีรีตองอะไรต่างๆ เยอะแยะ จำมาเอามาสวดกัน หลวงตาก็เคยไปสวดด้วยทีหนึ่ง เขานิมนต์ไปเทศน์ ไปสวดด้วยไม่มีเวลาเทศน์เลย สวดมนต์จบ ๒ ชั่วโมง กลับวัดทันที
อีกวัดหนึ่งตำบลหนองขามที่หลวงตาเป็นผู้ปกครองอยู่ ทะเลาะกันกลางปล้องเลย สวดไม่รู้บทไหน เจ้าอาวาสเป็นผู้นำ นำไปนำไปก็ญาติโยมเขาก็อาจจะรู้ก่อน ก็รู้กว่าพระ บางทีบทนี้บ้าง บทนั้นบ้าง เจ้าอาวาสขึ้นบทหนึ่ง โยมขึ้นอีกบทหนึ่ง ก็เถียงกันกลางปล้อง ก็เลยด่ากันทะเลาะกัน ผลที่สุดไล่กันหนีจากวัดเลย หลวงพ่อต้องไประงับอธิกรณ์ (หัวเราะ) เพราะสวดมนต์ทำวัตรนะ บางคนก็เอาบทนั้นบทนี้ สมควรที่หยุดก็ไม่หยุด ไปกันเรื่อยๆ เอาไปเรื่อยๆ ไป สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายจบลงแล้ว ขอกุศลจงบังเกิดนั้น บังเกิดนี้ ไป๊ ยาวยืดไป โวยวายขึ้นมา ผิดทำถูกก็ได้ อ้างกันแล้วๆ เราก็อย่าให้มันน่าเบื่อ ให้พอดี๊พอดี ตั้งนาฬิกาไว้เลยอย่าให้เกิน ๓๐ นาทีอย่างช้าที่สุด การเทศน์ก็อย่าให้เกิน ๓๐ นาที สุคะโตนี้เขาบัญญัติให้เราเลย ข้างหน้านั่งทำวัตรก็มีนาฬิกาข้างหน้าเทศน์ก็มีนาฬิกา เขาให้เทศน์ ๓๐ นาที ทำวัตร ๓๐ นาทีก็พอดี อันนี้ศาสนพิธี พอเข้าถึงศาสนาพิธี คนก็เบื่อกันเป็นแถวเลย ไม่เข้าถึงศาสนธรรมเลย
ศาสนวัตถุก็มีอะไรต่างๆ ก็มีวัดวาอารามพระพุทธรูปสถูปเจดีย์ต่างๆ พระห้อยพระเครื่อง เครื่องรางของขลังศาสนวัตถุอันนี้ก็มี ก็อาจจะชินกว่าศาสนพิธีด้วย เขาได้พระเครื่องแขวนคอห้อยคออะไรต่างๆ เขาสร้างวัดสร้างวาเป็นที่สักการะบูชาก็มีคนมาใช้มาสอย ศาสนพิธีนี้ก็ส่วนมากจะมีแต่พระสงฆ์ที่ทำกัน ญาติโยมมีน้อยไม่ใช่สากล ศาสนธรรมนี้สากล นอกนั้นก็มีอะไรเกิดขึ้นมาทีหลัง มีพระสงฆ์เกิดขึ้นมาทีหลัง มีรูปแบบเกิดขึ้นมาทีหลัง ระเบียบปกครองกันขึ้นมาทีหลัง
แม้แต่ผ้าจีวรนี้สมัยก่อนก็ไม่เป็นอย่างนี้ ไปหาเก็บมามัดปะติดปะต่อกัน ต่างคนต่างเย็บไป ผืนเล็กผืนใหญ่ บางคนก็ได้ผืนใหญ่มา พอได้ผืนใหญ่มา มาย้อม มาย้อมมาตาก ก็มีขโมยมาลักไป เขาไปแปรสภาพเป็นเสื้อเป็นผ้าได้ คนมันจนจัณฑาลศูทร เห็นพระของตากอยู่ ผืนใหญ่ เอาไปห่มด้วย ย้อมสีใหม่ตัดเป็นเสื้อเป็นกางเกงได้ ก็มาประชุมกันเอาอย่างไรดี ก็เลยเอาแบบทุ่งนาของเมืองนาลันทา ทุ่งนาของพระสารีบุตร นั่งอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏมองลงไปทางทิศตะวันออก เห็นคันนาของนาลันทาเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ บ้านสารีบุตรโมคคัลลานะ ก็เลยมองออกไปเห็นกระดูกกระเดี้ย กระดูกนี้เป็นคันนาเขานะ อัฎฐกูสีมันเป็นร่องนาน้ำมันไหล น้ำของเขาไหลอยู่บนคันนานะ ก็เลยออกแบบตัดจีวรแบบคันนาของนาลันทา แต่ก่อนก็ไม่เป็นอย่างนี้ (หัวเราะ) แม่นบ่หลวงพ่อกรม ก็เอาแบบเอามา
ต่อมาก็มีพระมามากขึ้น พระพุทธเจ้าก็บวชเอหิภิกขุ เอหิภิกขุบวชให้ ก็ไม่ยากสมัยก่อน ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมวินัยอันเราตรัสเอาไว้ดีแล้ว ท่านจงเป็นผู้ประพฤติธรรมให้เป็นผู้สิ้นทุกข์เถิด ถ้าใครยังไม่เป็นพระอรหันต์น่ะ อย่างโกณฑัญญะนี่เป็นพระอรหันต์ก่อน จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมวินัยเราตรัสดีแล้ว จงเป็นผู้ประพฤติธรรมนั้นเถิด หมายถึงว่าไม่มีที่ทุกข์ อัญญาโกณฑัญญะหมดทุกข์แล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์นั้นเถิด ว่าเท่านี้ก็ห่มจีวรเป็นพระได้ ต่อมาก็มีมากขึ้น บวชเอหิภิกขุนี่ประมาณไม่มาก ประมาณพันกว่ารูป เอหิภิกขุอุปสัมปทาบวชกับพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว เมื่อมีลูกศิษย์มากขึ้น อยู่คนละทิศละทาง ก็จะมาบวชกับพระพุทธเจ้า มันก็ไกล ก็เลยบัญญัติขึ้นมาให้บวชได้ ให้โกญทัญญะเป็นพระอาวุโสไปบวชได้ ไปอยู่ที่ใดก็บวชได้ อนุญาตให้บวชได้ บวชเข้าถึงพระรัตนตรัย
ต่อมาอีกก็ไม่ได้อีก บวชญัตติจตุตถกรรมวาจา มีสงฆ์สี่ห้ารูปขึ้นไป ที่สองที่หนึ่ง ครั้งที่หนึ่งก็เอหิภิกขุ ครั้งที่สองติสรณคมนูปสัมปทา ครั้งที่สองญัตติจตุตถกรรม จนมาถึงทุกวันนี้ ต่อมาก็แปลงอีกเป็นนิกายไปแตกแยกกันไปเป็นมหายาน เป็นเถรวาทไป ต่อมาก็มาเป็นธรรมยุตมหานิกายมาทีหลังสมัยรัชกาลที่ ๔ ต่อมาก็มีนิกายอะไรไปอีก โพธิรักษ์เกิดขึ้น เอ้า เป็นนิกายไปอีกแล้ว ก็วุ่นวายไปเลย อันนี้ศาสนพิธี
ศาสนบุคคล ก็แตกต่างกันไป ศาสนบุคคลแตกต่างกัน มหายานก็นุ่งห่มเสื้อแขนยาวยาว กางเกงขายาวสวมรองเท้า บางวัดก็ยืนสวมรองเท้าไม่มีถอดรองเท้าเลย สวมรองเท้าไปไหนสวมรองเท้า ทำวัตรก็สวมรองเท้า ยืนสวด (หัวเราะ) หลวงพ่อก็ไปยืนสวดกับมหายาน ก็เป็นคนละแบบกันไป การจับต้องกับผู้หญิงก็ได้สบาย นั่งกินข้าวด้วยกัน โต๊ะกลมด้วยกัน เรียกมาๆ มากินข้าว บางทีพระก็กินข้าวหมดแล้ว ไม่อิ่ม ลุกขึ้นไปตักอาหารที่โรงอาหารเอามากิน ตักให้โยมด้วยก็มี พระตักให้โยม ตักมาแล้วก็แบ่งๆๆ ไปกินกัน เอามือสอดไปติดหน้าติดตากันก็ไม่เป็นไร บางทีแม่ชีภิกษุณีก็ตักมาให้เรา อ้าว เรานั่งนี่เบียดเข้ามา มหายานเขาก็เป็นอย่างนี้ แต่เขาเฉยๆ ไม่มีความหมายอะไร เพราะฉะนั้น อันนี้ก็ศาสนาบุคคลก็แตกต่างกันไป ศาสนวัตถุศาสนพิธีแตกต่างกันไป
ส่วนศาสนธรรมนี้อันเดียว แต่คนต้องเข้าถึงศาสนธรรมนี้ก่อนจึงจะเข้าทำศาสนพิธี ศาสนาวัตถุ ศาสนบุคคลถูกต้อง ถ้าศาสนธรรมไม่มีในหัวใจแล้ว เปรอะเปื้อนไปหมดเลย อะไรก็ตามหลงไปตะพึดตะพือไป เราจึงมาเข้าถึงศาสนธรรม มีสติเข้ามาทันที มันหลงเห็นความหลง มันทุกข์เปลี่ยนความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ ไม่อยากจะพูดอะไรให้มันเนิ่นช้า ทุกวันนี้เสียเวลากับเรื่องศาสนพิธีศาสนวัตถุ บางคนเอาเราไปใช้ศาสนพิธีเป็นชั่วโมง ๒ ชั่วโมงก็มี มันเสียเวลาตรงนั้นมากทีเดียว ดังนั้น ศาสนาธรรมนี้ทำยังไงให้พวกเราเข้าถึงได้ มันต้องมีสถานที่แบบนี้เป็นเวทีของเรา ใครมาก็มาสอนกันอย่างนี้ มาเดินจงกรม มานั่งยกมือสร้างจังหวะ ให้เข้าสายตรงๆ แบบนี้ มาสายตรงแบบนี้ ถ้าไม่มีสถานที่แบบนี้มันไม่ตรงเลย อย่างเราไปสถานที่อื่นวัดอื่น ไม่มีทางเป็นไปได้เลย มืด ปิดทุกวิธีการ
อย่างไปวัดบางที่ ญาติโยมเข้าวัด ตั้งตู้บริจาค ๔๐, ๕๐ ตู้ก็มี ตู้บริจาค มีทั่วไป เขียนไว้เลย ค่านั่นค่านี่ ค่านั่นค่านี่ เวียนไปสร้างบริจาคบูชาดอกไม้ธูปเทียนเอามา คนนั่งขายดอกไม้ เอาตู้บริจาค ไปกราบพระพุทธรูปปางนั้นปางนี้ ยกมือไหว้ปางนั้นปางนี้ไป แป๊บๆๆๆ เขาก็ชวนไปไหว้พระประธานพระวัตถุต่างๆ มีเยอะแยะต้องไปกราบ กว่าจะกราบหมดทุกรูปหมดเวลาเป็นชั่วโมง กระเป๋าตึงๆ ไป กว่าจะบริจาคทุกตู้ก็หมดแล้ว เพราะฉะนั้น ศาสนพิธีนี่ขวางกั้นอย่างมากเลย คนเข้าไม่ถึง ทำบุญเยอะๆ ก็ยังโกรธ ยังทุกข์ ยังหลง ทะเลาะวิวาทกัน บ้านเมืองเราทุกวันนี้ ฆ่าลูก ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าภรรยา สามี ทั้งๆ ที่มีศาสนา พุทธังสะระนัง คัจฉามิ ว่าได้ทุกคน มีแต่ปากภาษานกแก้วนกขุนทอง เพราะเข้าไม่ถึงศาสนธรรม
จะทำอย่างไรพวกเรา จะให้เข้าสายตรงๆ อย่างนี้ อย่าให้เสียเวลากับศาสนพิธี ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคลเกินไป ถือเจ้าคุณพระครูเกินไป ไปบอกเรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง ความทุกข์ อุปาทานขันธ์ อย่างไร ให้ฉลาดตรงนี้ ก็เงี่ยหูฟังบ้าง สมัยนี้เอาแต่ไหว้ พอบอกให้ประพฤติธรรมเรากำหูไม่ค่อยทำกัน เราจะต้องบุกเบิกให้มาก ช่วยกันทั้งพระสงฆ์อุบาสกอุบาสิกา ช่วยกันทำให้ดูอยู่ให้เห็น แบบนี้มันไม่มากมีนิดหน่อย ไม่เพียงพอขาดแคลน ขาดแคลนศาสนธรรม
แม้แต่เขาเทศน์ออกสถานีวิทยุ การสอนแต่ละสำนักแต่ละวัดนี้ จนมีการควบคุมพระนักเทศน์จะให้สอนอย่างไร มีระเบียบของมหาเถระสมาคม บางคนเทศน์เพื่อเกิดผลประโยชน์ เรี่ยไรบอกบุญบอกกุศลทอดกฐินผ้าป่า บางคนเทศน์เพื่อก่อร่างสร้างวัตถุปลุกเสกที่โน่นที่นี่ ขึ้นหนังสือพิมพ์ขึ้นสไลด์ตามถนนหนทาง เครื่องปลุกเสกแล้วแต่จะคิดกันในช่วงบางช่วง จตุคามรามเทพนานจนเป็นปีสองปีเดี๋ยวนี้ก็ลดลงบ้าง คนก็หลงไปพูดอะไรมากก็หลงไปตามนั้น ข่าวอะไรมีก็หลงไป ข่าวน้ำท่วมกรุงเทพก็หลงไป คนก็มีสมองก็ย่อมเอาน้ำท่วม เอาเศรษฐกิจสหรัฐล่ม คนก็มีทุกข์ อะไรก็ไปตามโลกไปเลย เดี๋ยวนี้ก็เกิดโจรผู้ร้ายมากขึ้น ลักกระทั่งรถแบคโฮ (รถขุด) จ้างรถเครนเก้าพันบาทไปขนรถแบคโฮ เอาไปขายคันละสองสามแสนบาท ลักแบคโฮนะทุกวันนี้ มีคนในภูนั่น ไปเยี่ยมไปดูบ้านที่พัทยา เขาขโมยหมด รั้วบ้านที่เป็นเหล็กดัด ประตูหน้าต่างดัด เครื่องสูบน้ำ เครื่องแอร์สามสี่ตัว พัดลม มันปลดออกหมดเลย เพดานที่มีอะลูมิเนียมทำยิปซั่มเป็นเพดาน รื้อออกหมดเลย ต้องประกาศขายบ้าน มันลักขโมยเพราะอะไร เศรษฐกิจไม่ดี แล้วก็หลวงตาก็เลยเห็นว่ารถเราจอดอยู่เดี่ยวๆ ตรงนั้น มานอนอยู่กับรถได้ ๒-๓ คืนแล้ว สงสารรถจะโดนเขาขโมยหรือเปล่า (หัวเราะ) เพื่อนบอกฮั่นเอาไปจอดไว้ตรงนั้นก็ดีนะ แถวนี้บ้านนี้ก็ประกาศว่ามีขโมยแล้ว มันมีอะไร มันเดือดร้อนกัน เราถึงต้องระมัดระวังอย่าประมาท มาตรการใช้ชีวิตทรัพย์สินเงินทองอย่าสุรุ่ยสุร่าย เศรษฐกิจมันล่มสลาย เพียงแต่ได้ยินข่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐล่ม พวกเราก็เดือดร้อน บางทีสินค้าบางอย่างก็กักตุนกัน แล้วทำไงล่ะ อะไรที่เราทำได้ อะไรที่เราทำได้แทบจะไม่มี เราพึ่งพาอาศัยภายนอกกันไป มันก็จำเป็น
แต่เรื่องของจิตใจต้องพึ่งตัวเองให้ได้เข้าถึงสายตรงๆ เอาไว้ก่อนเถิดใจนี้ อย่าไปทุกข์อย่าไปโกรธอย่าไปโลภอย่าไปหลง อย่าไปวิตกกังวลเศร้าหมองคับแค้นใจเรื่องใด ยึดไว้ก่อนเรื่องนี้ ต้องมีเป็นเศรษฐีในทางธรรมอย่าขาดแคลน เรื่องอื่นค่อยว่ากันไป ไม่กินข้าวซักสองวันสามวันก็ไม่ต้องทุกข์ก็ได้ กินน้ำลงไป ดื่มน้ำลงไปก็ไม่ต้องทุกข์ในใจเนี่ย อ้าว มันจะเจ็บก็ไม่เป็นทุกข์ มันจะตายก็ไม่ทุกข์ มันแก่ก็ไม่เป็นทุกข์ ตรงนี้เป็นสมบัติของเราแท้ๆ สายตรงมีสิทธิทำได้ อันอื่นไม่มีสิทธิ สิทธิคือกายใจของเรานี้ เอามาละความชั่ว เอามาทำความดี เอามาทำให้พึ่งได้ พึ่งความดีที่อยู่ในกายของเรา พึ่งความดีที่อยู่ในใจของเรา เป็นที่พึ่งอันเกษมตรงนี้ สายตรงเนี่ยเอาไว้ก่อน อย่าอ้อมแอ้มหาเรื่องที่จะมาทำลายตัวเองในความคิดในรูปรสกลิ่นเสียง มาทำลายตัวเรามันไม่ชอบ ไม่ชอบธรรม
นี่เราก็เป็นเพื่อนกัน เวลาใดที่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ช่วยกันดูแลสั่งสอนญาติโยม อะไรที่มันเหมาะสม เช่น อบรมเด็กนักเรียนเนี่ย เอาบทใดมาสวด เอามงคลสูตรบ้าง เอาบทที่เด็กๆ มันรับได้ อะไรบ้าง เผื่อเด็กเผื่อเล็กบ้าง จัดโปรแกรมจัดฉากลงไปช่วยกัน พี่รู้สอง น้องรู้หนึ่ง โยมคนไหนมา บางคนเขาก็มีอะไรจำเป็นต้องให้อยู่ใน เราก็นำไปได้ ให้โอกาสเขาอย่าพร่ำเพรื่อ การต้อนรับญาติโยมอย่าพร่ำเพรื่อ ให้พอเหมาะพอสม ถ้าให้เขาไม่พอ เขาก็ไม่อิ่ม ถ้าให้เขามากเกินไปก็ล้นเหลือ เรียกว่าน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง มันก็ใช้ไม่ได้ ให้มากก็รับไม่ไหว ให้น้อยก็ไม่เพียงพอ เราก็ต้องรู้ เราต้องรู้จักกาลเทศะ เราก็ยังศึกษาอยู่เนืองๆ ไม่จบไม่สิ้นหรอก จะทำอย่างไรจึงจะพอดี
เดี๋ยวนี้ก็มักจะสรุปอยู่ไวๆ มักจะพูดอะไรที่มันตรงๆ ไวๆ อยากจะพูดว่า อ้าว มาเปลี่ยนความหลงเป็นความรู้ เปลี่ยนความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ อยากพูดตรงนี้มากๆ เลยแต่พูดเรื่องนี้ก็ไม่นานเลย เท่านี้เองสายตรงพวกเรา แต่บางคนก็ไม่พอ ต้องถาม ต้องบอกว่าอย่าเอาความคิดมาถาม เอาความคิดมาถาม มันไม่จบไม่สิ้น ถ้าเอาการกระทำ มันเกิดอะไรขึ้นมา มาถาม เรียกว่าสอนกรรมฐาน ถ้าคิดมาถามนี่ไม่มีทางจบได้ เหมือนหลวงพ่อเทียนไปถามอาจารย์มหาสีจัน ถามตั้งแต่ค่ำๆ จนถึงสว่าง ถามเอาๆ เป็นคำพูดคำหนึ่งที่หลวงพ่อมหาสีจัน ตอบหลวงพ่อเทียน “โอ๊ยพี่เทียนเอ๋ย ถ้าจะมาถามจังซี่ สิบมื้อสิบคืนก็บ่อฮู้ดอก เจ้าต้องปฏิบัติเอา สิเอาความคิดมาถามนี่ มันบ่ถูกดอก ต้องปฏิบัติแล้ว มันเห็นแล้วมาถาม” จึงมาลงมือปฏิบัติ จึงมาเข้าใจเรื่องนี้ด้วย ถ้าคำถามเกิดจากความคิดมาถามนี่ มันไม่ได้ ให้มันเห็นก่อน เห็นรูปเห็นนาม บางทีเห็นแล้วไม่มีคำถามเลยสัจธรรม เพราะฉะนั้นคำใดที่เป็นคำถามไม่ใช่สัจธรรม เห็นทุกข์นี่ไม่ต้องถามมัน เห็นความไม่ทุกข์นี่ถามมั้ย ทุกข์นี่ทำไมเมื่อเวลาเกิดทุกข์เราเห็นแล้วความทุกข์เปลี่ยนเป็นตัวไม่ทุกข์นี่ ตรงนี้ไม่มีคำถามเลย ความโกรธเกิดขึ้นก็เห็นความไม่โกรธ เปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ ไม่มีคำถามเป็นตัวปฏิบัติลงไป
อันนี้ก็จะลาคุณมนไป (หัวเราะ) อ้าว ก็มีเกี่ยวข้องกันหลายอย่างคนเรานี้ เรียกว่า ญาตัตถจริยาประโยชน์ญาติ พุทธัตถจริยาประโยชน์พุทธศาสนา โลกัตถจริยาประโยชน์โลก ไม่ใช่เราตัวคนเดียว อยู่กับโลกเขาอยู่กับพระพุทธศาสนา มีญาติในทางธรรมเรียกว่าทำประโยชน์ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์โลก ประโยชน์แก่พุทธศาสนา เรามีงานทุกคน