แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ช่วยกันทางกาย ช่วยกันทางจิตใจ ดึงกันไป ผลักกันไป ให้ใจดึงกาย อย่าให้กายดึงใจ กายมันไปไม่ถึงไหน ไปถึงเชิงตะกอน พี่น้องเราก็ไปแค่ถึงเชิงตะกอน ทรัพย์สินเงินทองก็ไปถึงแค่เชิงตะกอน นำกันไป เอารถเอาราเข็นกันไป แต่ใจนี้นำไปไกลกว่านั้น ให้ความสำคัญเรื่องใจด้วย จึงดึงกันเรื่องนี้ให้มากๆ เราก็ดึงตัวเราให้มาก เอาให้ความสำคัญต่อใจมากที่สุด อะไรที่เกิดขึ้นกับใจนั้น อย่าปล่อยปละละเลย ให้ดูมั่งให้ดีดี มีสติสัมปชัญญะ คอยตรวจสอบ คอยดูแล สตินี่แหละจะเป็นผู้ที่สอนใจ สตินี่แหละจะเป็นผู้ที่ชี้แจงให้ใจมีทิศมีทางไป อย่าปล่อยให้ไปตามลำพังของจิตใจ มันซุกซน
ที่ใจมันซุกซน มันเอาทุกอย่าง ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรัก ความชัง มันก็เอา ความสุข ความทุกข์ มันก็เอา เอาทุกอย่าง บ้าหอบฟาง ใจเนี่ย ก็ต้องเลือกจัดสรรให้ ตรวจสอบให้ดีดี มันจึงจะถูกต้อง เหมือนรัฐบาล ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบ ถ้าปล่อยให้รัฐบาลหมู่มากลากไปก็ฉิบหายวายวอด จึงตรวจสอบ ในชีวิตเรานี่ก็เหมือนกัน ป่าเถื่อนก็มี เป็นธรรมก็มี ไม่เป็นธรรมก็มี มันเกิดขึ้นที่ใจของเรานี่แหละ พระพุทธเจ้ายังว่า เย จิตตัง สัญญะเมสสันติ โมกขันติ มาระพันธะนา จงระวังจิต เมื่อใดระวังจิต เมื่อนั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร มารเกิดขึ้นที่จิต เมื่อมารเกิดขึ้นที่จิต จิตเลวร้าย ร่างกายก็เลวร้ายไปด้วย ถ้าจิตมันดี มันก็ดึงกันไปได้ จริงอ่ะ จิตเป็นหัวหน้าสำเร็จอยู่เพราะจิตใจเนี่ย เราจึงมีอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อดึงจิตของเรา แม้แต่เราสวดเนี่ย สวดมนต์ไหว้พระตอนเช้า ตอนเย็น จงดึงจิตให้จิตใส่ใจตามว่าให้ชัดเจน ตั้งใจว่า ตั้งใจบอกตัวเอง สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทั้งบาปทั้งปวง มันส่งอำนาจ อย่าว่าลอยๆ กุสะลัสสูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม ว่าให้มันชัดๆ อย่างนี้ อย่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา สะจิตตะ มันลอยๆ ไม่มีอะไรเลย มันไหล เราจึงเอาประโยชน์จากการสวดเนี้ย ให้มันจริงจังลงไป ให้มันชัดเจน ทำอะไรให้มันชัดเจน เก็บตกให้ได้ การเก็บตกมันดีนะ เงินหมื่น เงินแสน มันเกิดจากเงินบาทเดียว เก็บตกไป เก็บตกไป การใช้เงินบาทเดียวมันประมาทมากกว่าใช้เงินร้อยเงินแสน การใช้เงินพันเงินร้อยเงินแสน มันระมัดระวังอยู่แล้ว การใช้เงินบาทเนี่ย ไม่ค่อยระมัดระวัง มันจะมีร้อย มีแสนได้ ก็เพราะมีเงินบาทเดียว
ความคิด จิตใจที่มันจะมีมรรคผลนิพพานได้มันต้องมีบาทหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นที่รู้สึกตัวไปกับอะไรก็ตาม การพูดจาปราศรัย ความคิดนึก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ต้องหัด ถ้าไม่หัดมันก็ไม่เป็นน่ะ อ่า ต้องหัดเสียก่อน หัดให้ไปทางเสียก่อน ให้ถูกทางเสียก่อน เหมือนเราหัดวัว หัดควาย เทียมคราด เทียมไถ เทียมล้อ เทียมเกวียน เมื่อมันเป็นแล้ว ไปถูกทาง เมื่อมันเป็นแล้วไม่ต้องไปหัดมัน มันไปของมันเอง อย่างควายล่อตาแป๊ะเนี่ย เอาไปซุกข้าวที่ท้องนา มันมาเอง มาหายุ้ง หาฉางเอง ไม่ต้องไปขี่มัน อันหลวงตาไปเห็นประเทศพม่า คันหนึ่งมีเกวียน 10 คัน 20 คันก็มี บรรทุกอ้อยเข้าโรงงาน เขาไม่มีรถเหมือนบ้านเรา คนหนึ่งขี่เกวียนเล่มเดียวไปนั่งข้างหน้าบ้าง นั่งข้างหลังบ้าง ยืนอยู่ ไป ไป ซ้าย ซ้าย ขวา ขวา มันก็ไปของมันไป ไม่ต้องไปขับมัน เวลาไปถึงโรงงาน มันไปตีโค้ง จอดเป็นวงกลมเลย แล้วก็ไม่ถอดแอกจากคอมัน เอายอดอ้อยไปวางให้มันกินตรงหน้าน่ะ มันก็ยืน ยืนอยู่เป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง มันก็ไม่หนีไปไหน เพราะมันหัดเป็นแล้ว มันไม่พยศ เนี่ยสัตว์เดรัจฉานมันหัดได้
คนเรานี่ยิ่งประเสริฐกว่านั้น ถ้ามันเห็นทางแล้ว เห็นยังไง มันหลง ไม่ใช่ทาง มันรู้ มันเป็นทางแล้ว อันทุกข์ไม่ใช่ทาง อันไม่ทุกข์นี่เป็นทางแล้ว มันรู้อย่างนี้ มันหัดอย่างนี้ มันเห็นอย่างนี้ อะไรผิดมันไม่เอา ถ้าไม่หัดมันเอา ทั้งความผิดก็เอา ความทุกข์ก็เอา ยิ่งเอาดีความทุกข์ความผิดอ่ะ ใส่ใจ ใส่ใจ เพียรทำความผิดสำเร็จ แต่ความถูกต้องนี่ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ จึงมีวิธีหัดแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสัตว์ที่ดุร้ายที่สุด ชีวิตของคนเนี่ย ฟังดูก็น่ากลัวแล้วคน คำว่าคนนี่มัน ปนเปกันไปหมดเลย อะไรต้องอยู่ในคนทั้งหมด ชั่วดี อะไรต่างๆ ดุร้าย ก้าวร้าว โทโส โมโห จนมีรัฐธรรมนูญ มีตัวบทกฎหมาย มีคุก ตาราง มีตำรวจ ทหาร มีกุญแจมือ ใส่กุญแจไว้ ตีโล่ ตีตรวนไว้ ไปอยู่คุก ตารางเนี่ย
สมัยหนึ่งหลวงตาเคยไปอบรมนักโทษ เที่ยว เที่ยวเข้าคุกตารางเนี่ยบ่อยๆ เขาเอาโซ่ใส่ขาไว้ โซ่มันเท่าแขนเนี่ย แล้วก็เอาผ้าขาวม้ามัดตรงกลางโซ่ แล้วเอามาคล้องบ่า คล้องคอ เดินไปไหน คล้องคอ หลังขด หลังโก่งไปเนี่ย โอ้ย คนเราเป็นไปได้หนอ แทนที่จะเหมือนนก เหมือนหนู บินไปไหนก็ได้ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ เพราะอะไร เพราะคนมันปนเป มันจึงมีอย่างนั้น บางคนนี่เขาไปเอากรงเหล็กขังไว้กลางแดด เทคอนกรีต ขังไว้ ไม่มีร่ม นั่งเหงื่อไหลสดสดสดอยู่ แล้วแดดกรงมันก็ไม่ใช่นั่งได้เหมือนเรา ต้องทำหัวขดๆ ลง มันนั่งตรงๆ ไม่ได้ มันขดๆ ลง ด่อมลงไว้ ขังไว้ตรงนั้น บางคนก็ขังให้จนตายเลย เขาหาว่า โรคเอ่อหัวใจวาย มันทรมานนี่นะ คนเรา มันปานนั้นนะ ถ้าเราไม่หัดน่ะ ไปนอนอยู่บ้านมันไปยังหายใจอ่ะ เป็นโจร เป็นผู้ร้ายก็มี มันเป็นอะไร เป็นเทวดาน้อยที่สุด เป็นพระน้อยที่สุด เพราะการไปทางต่ำ มันไหลไปง่า
จิตใจของคนเราน่ะเหมือนน้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จิตใจของคนที่ไม่เคยฝึกเนี่ย คำว่าคนนี่ไปทางต่ำๆ ไปทางต่ำ คนนี่ถ้าคราวใดที่ใจเราไปทางต่ำ หรือว่าเราเป็นคนแล้ว ระวังให้ดี มันตกนรก มันเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นเดรัจฉาน เพราะใจไปทางต่ำ อะไรพาไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะใจนี่แหละ มันไหลไปทางต่ำ ๆ ไหลพาให้เป็นพระก็เพราะใจนั่นแหละ ไหลไปทางสูง ไปทำความร้ายเป็นความดี มันหลงทีใดเปลี่ยนเป็นตัวรู้ มันทุกข์ทีใดเปลี่ยนเป็นตัวรู้ ไปทางสูง นี่กำลังเป็นมนุษย์ มนุษย์แล้วก็เป็นเทวดาได้ เป็นพระได้ เป็นพรหมได้ ถึงมรรค ถึงผลได้ ถ้าเราไม่หัดน่ะมันก็ไปไม่ได้นะ ไม่ใช่เกิดมา ขา 2 แขน 2 จะไปสวรรค์นิพพานเลย ไม่ได้เลย ต้องมาหัดอย่างนี้ จึงมีศาสนา มีคำสอน มีคำสั่ง มีคำสอนแล้วมีการกระทำด้วย ทำอย่างนี้มันเป็นแบบฉบับมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
แต่ก่อนคนเราเป็นคนป่าเถื่อน อาศัยอยู่ตามสุมทุม พุ่มไม้บ้าง เช่น ลิง ค่างบ้าง ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสาร เราจึงมีศีล มีธรรม เพราะมีศาสนาเกิดขึ้นมา ศาสนาไปคู่กับกายไปคู่กับจิตใจ ปฏิเสธไม่ได้ ใครปฏิเสธศาสนาเรียกว่า ปฏิเสธกาย ปฏิเสธใจตัวเอง กายก็มีระเบียบของกาย ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย วาจาก็ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ จิตใจก็ไม่คิดประทุษร้ายเขา ไม่พยาบาทปองร้ายเขา ไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม เขามีแบบของเขา กายก็มีแบบ วาจาก็มีแบบ ใจก็มีแบบ จึงอยู่ด้วยกันได้ ถ้ากาย วาจา ใจ ไม่มีแบบ เราก็อยู่ด้วยกันลำบาก แม้บ้านเรานะเกิดเป็นโจรผู้ร้ายสักคนหนึ่ง เราก็อยู่ลำบาก ถ้าเราไม่สำรวมของตัวเรา เราก็อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยความยากลำบาก ไม่เหมือนนก ไม่เหมือนสัตว์ มันโลภมาก มันก็ทำคนอื่นเดือดร้อนได้ เช่น เขาเอาข้าวมาแจกเรา นั่งอยู่นี่ 10 ชีวิตอย่างเนี่ย เขาเอาข้าวมาให้เราคนละจาน ละชาม แต่คนนึงลุกออกไปซะ เราเลยไม่ได้กินข้าว มันก็ทำให้เดือดร้อนอย่างนี่
เพราะงั้นเราจึงมีขอบเขตของกาย ของวาจา ของใจล้อมเอาไว้ นี่เรียกว่า ศาสนา ถ้าใครไม่มีขอบเขตเขาไม่ให้อยู่ด้วย เขาไปจับไปขังไว้ ในกรงเหล็ก ให้เป็นอย่างนั้น มันดุร้าย มีใจอย่างเดียว พอเพียงแล้ว อย่าไปเรียกร้องอะไร ทำความดีเนี่ย ไม่มีเงินสักบาท ไม่มีบ้านสักหลัง ไม่มีอะไรก็ตาม ขอให้มีใจ อย่างมหาตมะคานธีนี่ นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว ยังเป็นมหาบุรุษได้ ตามประเทศอินเดีย ไปอยู่ที่ไหน ตามสถานีรถไฟ โรงพยาบาล มีมหาตมะคานธี ยืนนุ่งผ้าเตี่ยวอยู่ อยู่ในที่สาธารณะทั่วๆ ไป คนยกมือไหว้ ไม่มีสมบัติอะไร ลงรถไฟ พอลงรถปั้บ เก็บขยะ เดินไปไหน เก็บขยะ ไปตามนั้น มหาบุรุษ ไม่ต้องใส่สูท ใส่เนคไท อะไรต่างๆ เพราะงั้นไปได้ถ้าใจมีอ่ะ อย่าไปง้ออะไรเลยเรา มีใจก็พอแล้ว มันก็มีกันทุกคนใจนี่ มีทุกคนแล้ว ประเสริฐแล้ว เอาไปใช้ละความชั่ว ใจ เอาไปทำความดี ใจ
มันดีตรงนี้ เป็นใหญ่ในเรื่องนี้ ถ้าไปทำความชั่วไม่ประเสริฐ เลวร้ายไปแล้ว มันอยู่ที่ใจ เกิดที่ใจ อะไรก็ตามเกิดที่ใจ สุขเกิดอยู่ที่ใจ ทุกข์เกิดอยู่ที่ใจ ให้ใจดึงไปเถอะ ถ้าใจดึงไปแล้วแม้กายมันจะเป็นทุกข์ มันก็ดึงกันไปได้ ไม่เป็นใหญ่ได้ อันทุกข์ของกายน่ะ ใจมันใหญ่กว่า แม้กายมันจะตาย ใจมันใหญ่กว่าตายอีก จริงเหนือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ฝึกใจเนี่ย งั้นเราจะไปฝึกอะไร มีอะไรเล่า เอามาอวดมาอ้างกันน่ะ มีลูก มีเมีย มีสามี ภรรยา มีทรัพย์สินศฤงคารหรือ มันไม่ใช่ ต้องมีใจเนี่ย เอาไว้ก่อนเถอะใจเนี่ย บางทีเอาเรื่องเหล่านั้นมาเป็นการข้องติดก็ได้ ถ้ามีเชือกผูกคอ ปอผูกศอก ปอกสูบเท่าสูบตีนได้ มี มีไม่เป็น เป็น เป็นไม่ถูก มันก็ยิ่งพะรุงพะรังไป แต่เรามีให้เป็นนี่ เป็นให้ถูก มันก็สะดวก เอามีอย่างนั้นมาทำความสะดวก อย่าเอามาผูกมัดรัดรึงตัวเรา มีได้ อาศัยสิ่งมีเหล่านั้นมาสร้างความสะดวกให้เกิดการบรรลุธรรม
งั้นเราจึง ฝึกหัด อย่าอ้างว่าแก่ อย่าอ้างว่าเฒ่า อย่าอ้างว่าหนุ่ม อย่าอ้างว่าเจ็บป่วย ไม่มีเลยใจนี่ ถ้าเรามาดูจริงๆ ความเจ็บ ความปวด ความป่วย ความเกิด ความเจ็บ ความตาย ไม่มีอยู่ในจิตใจ มันเป็นเรื่องของกายต่างหาก ปานนั้นหนา ใจเราเนี่ย เรานี่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว พอตัว อยู่ในกำมือของเรา ไม่พะรุงพะรังเลย ใจเนี่ย บันทึกเอา บันทึกเอาความดี ละความชั่ว เอาใจเนี่ยทำลงไป ไม่หนัก ทำความดีก็ไม่หนัก ละความชั่วก็ไม่ยากอะไร ไม่เหมือนกับเราไล่ยุง ยุงมันเป็นวัตถุ เป็นนอกใจ น่ะ ว่าใจเนี่ย ถ้าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เหมือนโทรศัพท์เครื่องเล็ก ๆ บรรจุข้อมูลได้ บันทึกชื่อของคนได้ตั้ง 5,000 ชื่อ 6,000 ชื่อ เป็น 10,000 ชื่อ แม้ก็ไม่หนักอะไร ใจมันประเสริฐกว่านั้น มองไปทางไหนมีแต่บุญกุศล ความดี ไม่ล้น ไม่เหลือ ไม่อิ่มความดี ทำลงไป นอนอยู่ก็ทำความดีได้ นั่งอยู่ก็ทำความดีได้ เดินอยู่ก็ทำความดีได้ นอนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ก็ทำความดีได้
ไม่จนในใจ ไม่มีทางจน อันเรื่องของกาย อาจจะจนหน่อย ไม่มีข้าวกินนี่ แต่ใจนี่ไม่จนน่ะ อย่ามาอยู่กับกายจนหมดเนื้อหมดตัว บางทีชีวิตของเราเนี่ยฝากไว้กับกายอย่างเดียว ตกแต่งเอาใจใส่ คอยดูว่ากายเป็นอะไร ใจก็คอยทุกข์คอยเดือดร้อนไป ทุกข์แม้กระทั่งเล็บมือ เล็บเท้า ถ้ามัวเมาเกินไป ถ้าเราไม่ฝึกหัดจิตใจเรา มีแต่ทุกข์เท่านั้นคนเราน่ะ มีแต่ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์เท่านั้นเกิดไป เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นดับไปด้วย ให้เป็นความทุกข์ที่สุด ถ้าเราเกิดมาไม่มีธรรมะแล้วไม่ฝึกตนแล้ว ตกนรกกันมากเท่ากับขนโค ไปนิพพานเท่ากับเขาโคจริงๆ เรื่องนี้ เพราะอะไร เพราะคนเราเนี่ย ฟังดูก็น่ากลัวเหล่าคน เรามาตั้งฐานะในความเป็นคน มาเป็นมนุษย์ มาเป็นพระ สร้างขึ้นไป สูงขึ้นไป สุดจุดหมายปลายทาง ความปรารถนาที่ดีงาม จงสำเร็จ คือ มรรคผล นิพพานไปโน่น จุดหมายปลายทางเรา เพราะนั้นเราประมาทไม่ได้นะ มีพร้อมแล้ว ใช้สิทธิ ที่ได้ชีวิตมา แล้วก็เป็นเพื่อน เป็นมิตรกัน ศึกษาไป ไม่ใช่เราอยู่คนเดียว ใครก็เหมือนกับเรา มันก็เหมือนกับเราหมด อยู่คนละโลก ก็เหมือนกับเราหมด ไม่มองอะไร เป็นลักหลั่น มานะ สำคัญมั่นหมายว่าเราเลวกว่าเขา เขาดีกว่าเรา เราดีกว่าเขา เขาเลวกว่าเรา ไม่มีอะไร เสมอภาค สามัญลักษณะเหมือนกันหมด เราจึงมาทำความดีอันเนี่ย มีสิทธิทำได้ เราหลง มีสิทธิไม่หลง เราโกรธ เรามีสิทธิจะไม่โกรธ เราทุกข์ เรามีสิทธิไม่ทุกข์ อย่างนี้ เราก็ช่วยกันไป
เราอยู่ได้สะดวก เพราะเราเป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติ เป็นเพื่อนกัน เราก็อยู่ได้ เจ็บไข้ได้ป่วย เราก็ช่วยกันได้ ถ้าเรามีน้ำใจ ถ้าไม่มีน้ำใจ มันก็ แม้แต่ช่วยตัวเองเราก็ช่วยไม่ได้ มีเหมือนกันน่ะ ลูกเต้า ไม่ดูแลพ่อแม่ เวลาแม่ป่วยตาย ไม่หามเลย หลวงพ่อเคยเห็นนะ บ้านใกล้กัน (...) แม่ตาย ไม่ไปหามเลย เฉย หลวงพ่อต้องไปหาม เรียกไปหาม ก็ไม่ไป ปัดโถ มันหมาแม่นบ่พ่อกรม หมายังเอาขาคาบแก่(ลาก)กันไปลง ลงหลุมเป็น เอาลงหนังสือพิมพ์มา หมาเอากันไปฝังเป็น ไป แก่ไปแล้ว ลากไปแล้ว ก็ค้วด(เอาออก)เอาเท้ามันค้วด แล้วก็ดึงกันลงหลุม แล้วก็ฝังกัน ถ้าเป็นคนเนี่ย แม่ตัวเองก็ยังไม่รู้จักรับผิดชอบเลย มันขนาดนั้น คนเรามันร้ายขนาดนั้น ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ก็ได้ ฆ่าตัวเองก็ได้ งั้นเราจึงประมาทไม่ได้หนา เอาล่ะ เอาใจดึงไปก่อน ดึงไปก่อน ดึงกายไปก่อน เมื่อใจดึงไปได้ ก็ดึงไปได้ ตะพึดตะพือ ไปหมดเลย อะไรก็ตาม เปิดความดีขึ้นจากใจของเราเยอะแยะไปเลย อย่างศาลาหลังนี้ อะไรดึงมาเป็นศาลานี่ ก็ใจนั่นแหละดึงมา ปีกลายมาดูตรงนี้น่ะ เป็นป่ากก ป่าอะไร เต็มไปหมดเลย ใจเขาดึงขึ้นมา นี่ก็เป็นศาลานี้ขึ้นมา ให้ใจมันขนาดนั้นนะ ประสาอะไร ดึงไปมรรคผล นิพพานมันก็ได้ อ่ะงั้นเราเนี่ย ใช้สิทธิของเราให้มากที่สุด ให้กระตือรือร้นในเรื่องนี้กัน