แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมนะ ปฏิบัติธรรมกันเถอะ มันมีทาง ตามธรรมตามวินัย ชีวิตเราก็จะไปสู่จุดหมายปลายทาง ทำให้จากความเป็นคนเป็นมนุษย์ จากความเป็นมนุษย์เป็นพระ สูงตามลำดับจนเป็นพระอรหันต์ได้ มันมีทางอยู่ อะไรถ้ามีทางที่จะไปสู่ที่นั่น ถ้าผู้ที่จะประสงค์ จะไปสู่จุดหมายปลายทางที่นั่น ก็ต้องเดินตามแผนที่ตามทางนั้นไป ก็ถึงแน่นอน มาเถอะ พยายามเดินไป พระธรรมนี่ พระวินัยนี่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว แม่นแล้ว สะดวกแล้ว สำหรับผู้ที่จะปฏิบัติตามธรรมวินัยนั้น ทำได้ทุกคน ให้ผลได้ตามสมควร แก่ผู้ที่จะปฏิบัติตามธรรมตามพระวินัย
ขนาดพระพุทธเจ้านั้น สมัยเป็นเจ้าฟ้าชาย ได้เล่าเรียนถึงหลายศาสตร์ ตามตำราว่า 16 17 ศาสตร์ จบมาในการศึกษาของโลก ไม่ใช่สามัญปุถุชนทั้งหลาย เป็นผู้มีสติปัญญา ศึกษาแล้วก็จบได้ นั่นก็เป็นส่วนของโลกๆ เกษตรศาสตร์ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อะไรต่างๆ นี่ แล้วคนที่เรียนอย่างนี้ก็ต้องมีความรู้ตามศาสตร์นั้นๆ จึงเป็นเรื่องที่สะดวกสำหรับผู้ที่ศึกษาตามหลังที่พระพุทธเจ้าได้เดินไปแล้วเนี่ย ไม่ยาก สะดวก ในเมื่อเป็นความสะดวก ลองสัมผัสดู เช่น ความรู้สึกตัวเนี่ย มันสะดวก ความรู้สึกตัวภายในกายภายในใจ ว่าจะ อะไรที่มันเกิดขึ้นมา ขณะที่เรามีความรู้สึกตัวอยู่นี่ เช่น ความหลง มันไม่สะดวก เหมือนกับเราเดินตามทาง เมื่อมันหลงเหมือนกับออกจากทางไป เป็นรกเป็นพงไม่สะดวก กลับมาสู่ทาง มารู้ทีไรก็สะดวกทุกที ทุกครั้ง สำหรับผู้ที่สัมผัสกับการเดินกับถนนหนทาง ทางที่มันอยู่ภายในใจเรานี่ ชีวิตเราจะเดินมาผิดๆ อาจจะชินชาต่อความหลง ความสุข ความทุกข์ที่ไม่ใช่ความรู้สึกตัวเนี่ย มันก็ชินทางนั้น คนกินเหล้าก็ชินแบบกินเหล้า คิดว่ามันดี มันสูบบุหรี่ก็คิดว่ามันดี จึงทำตามสิ่งที่เราเห็นว่ามันดี มีเงินมีทองก็ซื้อมาสูบมาดื่ม คนขี้โกรธก็คิดว่ามันดี เพราะมันไม่เคยเห็นทาง ก็ปฏิบัติตามความโกรธ จนสำเร็จทุกครั้งที่มันโกรธ เวลามันทุกข์ก็พอใจในความทุกข์ ยินดีในความทุกข์ ให้ความทุกข์นอนอยู่กับเราข้ามวันข้ามปี คิดถึงแต่เรื่องที่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะมันเคยชินทางนั้น
หญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีเพื่อนที่เป็นพระอยู่นี่ อยู่สุคะโต ญาติของเพื่อนๆ เคยรู้จักกัน แล้วเขาก็เคยมาบวชแม่ชีที่วัดป่าสุคะโต สึกไป ทางบ้านให้สึกไปช่วยงาน ก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเครียด เหมือนคนซึมเศร้า ดูหน้าดูตาก็รู้สึกว่าซึมเศร้ามาก ก็พระท่านติดต่อมา ก็ได้คิดอยากจะช่วยลองดู ถือว่าเป็นไปได้ เมื่อได้คิดว่าจะช่วยได้ ก็ต้องช่วยได้จริงๆ ถ้าเชื่อกัน อาตมาพูดอยู่ตั้งหลายนาที เกือบชั่วโมง ชวนให้ยิ้มก็ไม่ยิ้ม เขาบอกว่า เขาคิดดีไม่เป็น คิดถึงแต่เรื่องที่ทำให้เป็นทุกข์เป็นโทษ คิดดีไม่เป็น ชวนคิดดีๆ ก็ไม่มา ไปแต่ความคิดที่ไม่ดี ซึมเศร้าอยู่ตรงนั้น นี้เรียกว่ามันเคยชิน หัดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น กายของเรา ใจของเราเนี่ย แต่ถ้าเรามาหัดให้มีสติ รู้เห็นเข้า ทีแรกก็ต้องทวนกระแส สิ่งที่มันเคยผ่านมา หลายๆอย่าง เคยใช้ชีวิตแบบไหน เป็นโทสะจริต ก็โทสะจริต แซงหน้าแซงหลัง โมหะจริต ราคะจริต เกิดขึ้นเป็นนิสัย นั่นแหละ ยากนักเห็นทางของจริง เราปฏิบัติ เรามีสติ มันก็คู่แข่งก็ว่าได้ เป็นคู่แข่ง ที่จะต้อง เห็นต่อหน้าต่อตา แต่ถ้าเราเป็นธรรม เป็นคู่แข่ง เป็นเครื่องมือทีไร กลับมารู้สึกตัวกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ก็ทำได้ทุกครั้ง ทำได้ทุกครั้ง
คนที่ทำได้ทุกครั้งในสิ่งที่มันดี มันถูกต้อง มันก็ชำนาญ มีพลังหลายด้าน มีศรัทธา มีความเชื่อ มีความเพียร เหมือนกับคนที่ฝึกม้า ฝึกไก่ชน นักเล่นไก่ นักเล่นม้า เวลาฝึกไก่ชนนี่ เขาต้องเอาไก่ของเขาไปชนกับไก่ที่ด้อยกว่า หัดให้มันชนได้ชนะทุกครั้ง เพราะไม่ต้องไปชนกับที่มันเสมอ เขาจับดูน้ำหนัก จับดูตัวของไก่ ให้เป็นปมด้อยกว่าไก่ชนของเขา เขาหัดให้ไปชน 10 ครั้ง 20 ครั้ง ชนะทุกครั้ง พอเขาหัดได้ มันชนะทุกครั้ง ไก่เขาก็เป็น ไก่ที่เป็นนักไก่ชนที่ไม่ยอมแพ้ ที่ใดที่นั่น ชนะทุกที แล้วไปลงสนาม ก็กลายเป็นไก่ชนที่มีประสบการณ์ มีบทเรียน ไม่ยอมแพ้ ด้วยความบากบั่น ด้วยความต่อสู้ ด้วยความเพียร ไม่กลัวเจ็บ ก็ชนะทุกที กลายเป็นไก่ชนที่มีค่า มีราคา ม้าแข่งก็เหมือนกัน หากแข่งกับม้าที่มีฝีเท้าไม่ดี แซงที่ใดชนะที่นั่น เชียร์มันให้พวงมาลัย ลูบหน้าลูบตา แต่งเนื้อแต่งตัว มันก็ย่ำเท้าร้องเฮ้อๆๆ เวลาได้ยินเสียงนกหวีดทีไร มันทะยานขึ้นแล้วตี เพราะมันชนะ ได้ยินเสียงนกหวีดขยัน กระตือรือล้นกระโดดโลดเต้น อยากจะวิ่งๆ ห้าวหาญฮึดฮัดๆ เคยเห็นแต่ก่อนอยู่บ้านเก่า บ้านใกล้กัน เห็นผู้ใหญ่บ้านเค้ามีม้าแข่ง แต่ไม่มี ได้ยินเสียงนกหวีดก็เฉยๆ นี่คือหัดสัตว์เดรัจฉาน ช้างและม้าต่างๆ
นี่เราปฏิบัติธรรมนี่ ให้มีศรัทธา ให้มีความเพียร ให้มีสติ ให้มีสมาธิ มีปัญญา เป็นพลังสนับสนุน ในการทำความเพียร อย่าลุ่มๆดอนๆ ทำความเพียรด้วยความขี้เกียจขี้คร้าน มีสติด้วยความไม่ขยัน ไม่พอใจ คิดหน้าคิดหลัง พะวงเรื่องนั้น พะวงเรื่องนี้ อืดอาด ยืดยาด มันจะหัดตัวเองไม่ดี ต้องให้มีความพร้อมพอสมควร เหมือนการเดินทางในการที่จะไปทางไหน เมื่ออาจารย์ประมวลที่เดินทางจากเชียงใหม่ถึงภาคใต้ มันมีความพร้อมที่ต้องเดิน ทำยังไงก็ต้องเดิน ไม่พกเงินสักบาท ถ้าไม่มีใครให้กินก็จะไม่กิน จะไม่อ้าปากขอใคร หิวน้ำก็ไม่ต้องขอใคร ถ้าได้กินที่ไหนก็ดื่มกินไป ก็ไม่ตาย เห็นคนช่วยอยู่ ไม่ว่าจะเดิน จะเดิน เวลาที่เดินมันมีอะไรที่จะทำให้สนับสนุนการเดิน ในคราวเดียวกันเยอะแยะไปเลย นี่แหละปฏิบัติธรรมแท้ๆ ง่ายกว่าทุกอย่าง หนึ่งล่ะธรรมชาติ นักบวช ผ้ากาสาวพัตร์ กัลยาณมิตร พระภิกษุ แม่ชี ภิกษุณี อุบาสิกา อุบาสก ธรรมชาติป่าไม้ ภายนอกภายใน รอบตัวเรา อากาศก็ดีๆ บรรยากาศดีๆ พวกเราก็เป็นมิตร เป็นเพื่อนดีๆ การความเป็นอยู่ด้วยกันน่ะ อาหารบิณฑบาตก็พอดีๆ ไม่ได้เดือดร้อน เหมือนอาจารย์ประมวลเดินทาง ก็ยังถึงจุดหมายปลายทางได้ แนวร่วมที่เกิดกับเราปฏิบัติเยอะแยะเลย แล้วอีกธรรมวินัย ที่มันถูกต้อง ที่ตรัสไว้ดีเยอะแยะ เป็นเครื่องมือ มีชีวิตที่มองถึงได้ เช่น พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์จนมาถึงรุ่นพวกเรานี่ ที่เห็นไออุ่นอาจารย์ผู้สอน เช่น หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อเทียน ก็เห็นอยู่นี่ แม้เราสวดมนต์ไหว้พระนี่ แปลออกมาจากภาษาบาลี คือเจ้าคุณพุทธทาส มันก็สะดวกหลายอย่าง คำสอนพระพุทธเจ้า มาให้เป็นภาษาของเรา ภาษาไทย เหมาะสำหรับทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น สำหรับให้สังฆกรรม กิจกรรมของเราที่เป็นนักบวชหล่อหลอมเรา ธรรมวินัยก็หล่อหลอมเรา ช่วยเราอยู่นี่ เป็นความสะดวกในการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตามธรรมวินัยมากที่สุดเลย เหงื่อไม่ไหลไคลไม่ย้อย ไม่ได้หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทำนา คนหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน กรำแดดกรำฝน เขายังทำงานอยู่กลางแดดกลางฝน เป็นเดือนเป็นปี แต่เช้าเลย ของงานจึงมีกิน นี่ปฏิบัติธรรมนี่
พระสิทธัตถะ สมัยเป็นนักบวชก็ได้หา ศึกษาหลายรูปแบบ ทั้งหมด 6 ปี ขนาดถึงปัญญาชน ขนาดถึงเรียนมา 17 ศาสตร์ เห็นทุกแง่ทุกมุมตามที่ได้เรียน ได้สัมผัส ได้มีผู้สอน ปฏิบัติตาม ถ้าโง่คงไม่มาถึงพระพุทธเจ้า อยู่กับอาจารย์อุทกดาบส อาฬารดาบส ที่นั่นก็เพียงพอ หรือครูทั้งหก ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร อชิตเกสกัมพล มักขลิโคศาล ปูณกัสสปะ นิครนถนาฏบุตรนี่ล้วนแต่เป็นครูที่ดังๆสมัยนั้น ยังเอาไม่อยู่เลย มันคือผู้มีปัญญา แสดงว่าแหลมคมพอสมควร กว่าจะมาถึงธรรมวินัยเนี่ย แบกมาเท่าไหร่ตั้ง 6 ปี มีความขยันอดทนแค่ไหน จึงสบายสำหรับพวกเรา ผู้ที่อยู่เป็นสุดท้าย เป็นอันหลัง ได้เห็นได้สัมผัส ไม่ได้ยุ่งได้ยาก เหมือนกับประกอบไปได้เลย ไม่ต้องเปลืองหัวคิด ปัญญาอะไร ไม่เกี่ยวกับเพศกับวัยใดๆ ไม่เกี่ยวกับชีวิตขนาดไหนหนุ่มแก่ จึงเหมาะที่สุดที่เราจะต้องมา ปฏิบัติตามธรรมวินัย มันสะด๊วก สะดวก เป็นอานิสงส์เกิดขึ้น เวลาอะไรที่มันเกิดขึ้น ถ้าเรามีสติเนี่ย มันจะรู้สึกตัวเนี่ย ความรู้สึกตัวมันพาให้เราบริสุทธิ์ หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง ปฏิบัติเป็นพรหมจรรย์ บริสุทธิ์จริงๆ อะไรเกิดขึ้นมา มันหลงเห็นมันหลง ไม่ได้เป็นผู้หลง มันทุกข์เห็นมันทุกข์ ไม่ได้เป็นผู้ทุกข์ รู้สึกตัว มันมีกิเลสตัณหาเกิดขึ้น รู้สึกตัว เมื่อได้มีกิเลสตัณหาก็ไม่ทำให้เราเปรอะเปื้อน บริสุทธิ์ทั้งกายทั้งใจ มันก็เห็นได้อยู่ สัมผัสได้อยู่ แค่ไหนเพียงไร เป็นปัจจัตตังของผู้ปฏิบัติ ไม่น่าจะท้อถอยท้อแท้ มันน่าที่จะกระตือรือล้นเหมือนเมื่อก่อน มาได้สัมผัสกับชีวิตจริงๆ ด้วยกาย ด้วยใจจริงๆ มันบริสุทธิ์หมดจดอย่างไร มีผลอย่างไร ไม่ได้ดื้อ ไม่ได้ด้าน ได้ศึกษา ได้สัมผัสของผู้ที่เห็น ผู้ปฏิบัติเอง นี่คือของเท็จของจริง มาให้ได้สัมผัสในคราวเดียวกัน ไม่อยู่คนละทิศละทาง จึงเป็นเรื่องที่เป็นกอบเป็นกำขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้เสี่ยง เหมือนกับทำนาทำไร่ ต้องเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมดินฟ้าอากาศ หรือราคา ไม่มีคำว่าขาดทุนได้กำไร ปฏิบัติธรรมนี่ ไม่ได้ลงทุนอะไรที่ไหน ทุ่มเทที่ไหน เป็นหนี้เป็นสินจากอะไร สร้างมรรคสร้างผล ปฏิบัติตามธรรมวินัย มีอยู่ในตัวเราแล้ว นี่ก็คือวิเศษนัยยะนำไป ไม่มีภายนอกภายในที่ไหน อยู่กับตัวเราทั้งหมดเลย หากเป็นตำราก็อยู่ในกายในใจนี่ ถ้าเป็นพุทธศาสนาก็เป็นสตินี่ สะดวก เห็นทุกเรื่องที่มันเกิดกับกายกับใจ
ความรู้สึกตัวเนี่ย นี่จะเป็นอนุบาล เป็นชั้นประถมทีแรก มันก็ต้องประสบการณ์ได้บทเรียนมากขึ้น ถ้าเราได้เห็นสิ่งที่มันเห็นบ่อยๆ ถ้าได้มีสิ่งที่มันมีบ่อยๆ ที่มันถูกต้องบ่อยๆ มันก็มีประสบการณ์ เหมือนเราเป็นนักเรียน เรียนอนุบาล เรียนประถม ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมารู้อะไร ความหมายอะไร ทำอะไรเป็น ประสบการณ์มีบทเรียนมา มันก็ทำเป็น ตื่น ความคิดที่จะไปหาคำตอบก็บ่คิด มันทำเป็นแล้ว ไม่ต้องไปคิด ที่เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นมรรคเป็นผล ไม่ต้องไปคิด มันบอก ความถูกมันบอก ความผิดมันบอก ปัจจัตตังของผู้ปฏิบัติ ถ้าเราได้ศึกษาได้ปฏิบัติตามธรรมตามวินัย จะเห็นสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่วินัยเกิดขึ้น โดยไม่มีใครมาบอกมาสอน ช่วยตัวเอง ดูแลตัวเองอย่างสง่างาม ในการปฏิบัติธรรมเนี่ย นั่งอยู่คนเดียวก็งาม จะนอนจะเดินจะยืนที่ไหนก็งาม งามด้วยความไม่เปรอะเปื้อน ไม่ใช่งามด้วยใบหน้าแต่งเนื้อแต่งตัว จึงเป็นเรื่องที่เรากระตือรือล้นนะ เหมือนพระพุทธเจ้ามาเห็นเรื่องนี้ สัมผัสเรื่องนี้ กระตือรือล้น ไปทางไหนประกาศไป อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ในทางสี่แพร่งห้าแพร่ง ทวน ไม่เหมือนกับพวกเราทุกวันนี้ ลำบากกว่าพวกเรา เผยแพร่ทีแรกก็อยากไป มีแนวร่วม ดีพวกเรานี่ จะเอายังไง มันสะดวกไปที่ไหน อุ้มบาตรไปคนก็ยกมือไหว้ หาแต่ของดีๆใส่ คนเขาก็ยกมือใส่หัว ปานนี้แล้ว ยังเป็นคนประมาทมันก็เต็มทีแล้ว พระพุทธเจ้าไปบิณฑบาตยังถูกเขาด่า บ้านไหนมีแต่มาขอข้าวเขากิน ไม่ทำมาหากินอะไร ไม่ให้ไปๆๆ แบบนั้นก็มีนะ ไปไหนเขาก็ด่า บ้า บ้า อาจจะเป็นบ้า เลวที่สุดคนเรา บังสุกุล ผ้าขาดๆ ผ้าที่หาตามศพ มาซักมาตากมาย้อม มาเย็บ มาคิดดูแล้วเนี่ย เราจะเลี้ยววกขนาดไหน ไม่ได้ทำแบบนั้น สะดวกสนับสนุนเราทุกรูปแบบ พระพุทธเจ้าบุกเบิกมาให้ วัดวาอารามที่เราอยู่ มีมาแล้ว 2600 ปี อาหารบิณฑบาตมีมาแล้ว 2600 ปี ยังไม่ล้าสมัย ยังนำอยู่ เพราะมีอานิสงส์ มีประโยชน์ เกิดแนวร่วมขึ้นทั่วโลก ไปทางไหนไม่ลำบาก นี่ก็รถ ก็เรือเขาก็ซื้อมาให้ ของใช้ของสอยซื้อมาให้ สองสามวันก่อนเต็มไปหมด มีรถบัส รถทัวร์ใหญ่สองคันสามคันขนมาปฏิบัติ มาถามเรื่องการปฏิบัติ ไม่ได้ตะโกนเรียกเหมือนพระพุทธเจ้าสมัยก่อน เราจะอยู่ยังไงพวกเรา ไม่เห็นคุณค่าที่เป็นความถูกต้องเกิดอยู่ในเรา ไม่ศึกษาหรือ จะไม่มีน้ำใจที่จะต้องดูแลกันหรือ มีคนอีกเท่าไหร่ มีเท่าไหร่ๆ อย่างน้อยเราก็ ญาตัตถจริยา ญาติ โลกัตถจริยา ประโยชน์ต่อโลก ชีวิตแบบนี้ลองดู มันจะโอ้ สง่างาม มีค่า พุทธัตถจริยา ประโยชน์แก่พุทธศาสนา ทำให้ดู อยู่ให้เห็น พูดให้ฟัง นี่คือชีวิตของเรา แล้วก็ แล้วก็ อุ่นอกอุ่นใจ มีเพื่อนมีมิตร ที่จะไม่ปล่อยกันทิ้ง ไม่เปลี่ยวเดียวดาย ตื่นขึ้นมาก็มาร่วมกันทำวัตรสวดมนต์ มีแต่ของดีๆ มีครูพูดมีผู้บอกมีผู้สอนมีแต่เรื่องดีๆ แล้วเรื่องที่มันดีก็อยู่ในเรานี่ เรื่องไม่ดีก็อยู่ในเรานี่ สามารถแก้ได้ทุกอย่าง เวลาเราปฏิบัติ มันกระตือรือล้น เช่น เราเห็นความคิดที่ไม่ตั้งใจ เรามีสติอยู่ดีๆเนี่ย คิดขึ้นมาเนี่ย โอ้โห มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันเคย มันเคย มันเคยมา
รู้ทันทีนี่ เหมือนกะ เหมือนยุงมา นั่งอยู่ดีๆ ยุงมากัด มันเจ็บก็รู้ ไล่ยุง มันถูกต้องที่สุดแล้ว อยู่ดีๆมันคิดขึ้นมา มีสติ ไล่ความคิดออกไปถูกต้องแล้ว เขาจะไม่ให้มันไป มันก็ไม่ถูกต้อง ไม่มีใครที่จะประมาทแหละเรื่องนี้ ถ้ามีสตินะ รักตน สอนตน ดูแลตน เตือนตน แก้ไขตนอยู่ทุกรูปทุกแบบ เหมือนร่างกาย มันก็ดูแลร่างกายตัวเอง แต่ว่าดูแลแบบภายนอกเป็นยุงกัด เป็นความหิว เป็นความเจ็บความปวด ตัวบอก เจ็บไข้ได้ป่วยก็บอกไม่ให้ไปทำอะไร ให้พักผ่อน จิตใจเวลาเราปฏิบัติ ยิ่งได้เห็นสิ่งดีๆ กว่ามีมายา เมื่อโอกาสดีเสียแล้ว มาเป็นนักบวชกันเนี่ย ชีวิตเรายังมีอยู่แท้ๆนี่ ยังทำอะไรได้อยู่นี่ มันไม่มีโทษอะไร มีแต่ประโยชน์ เราอยู่ที่นี่อีกหลายชีวิตที่กำลังเกิดความดี ช่วยเราอยู่ในป่าในดงปฏิบัติธรรม ยังคิดถึงพวกเราอยู่ อีกหลายคนกำลังมีความสุขกับเราอยู่ คิดถึงที่พวกเราพากันปฏิบัติที่ใด เราก็คิดถึงเป็นที่พึ่งพาอาศัย แน่นอนอยู่ในบ้าน
เราสมัยเป็นฆราวาสก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน คิดว่ามีที่พึ่ง คิดว่ามีที่พึ่ง ได้ใส่บาตรก็ดีใจ ได้ไปรับศีลก็ดีใจ ได้ไปไหว้พระ อรหังสัมมาก็ดีใจ แค่นั้นก็มีความสุขได้ เกื้อกูลกับกาลทุกชีวิต เคยอกสั่นขวัญหาย เคยอะไรที่เกิดขึ้นมา คิดถึงพระที่อยู่ในวัด เราอยู่ในบ้าน มันก็มีประโยชน์ มีผลกระทบกับทางจิตวิญญาณของคนอีกไม่น้อย เราอยู่ที่นี่ แต่เราก็ได้อยู่ที่นี่ ก็ดีได้ดูแลสิ่งแวดล้อม มันสูญเสียทำให้มันดีขึ้นมา ก็เป็นสมบัติของส่วนรวมของโลก ก็ยิ่งใหญ่นะ มันไม่ใช่ส่วนตัว ก็อยากจะเชียร์ตัวนี้ ให้ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรม ตามสมควรแก่ธรรม ทำง่ายๆ ไม่ต้องรีบต้องเร่ง ไม่ต้องคร่ำเครียด
การปฏิบัติตามธรรมวินัยไม่ใช่ความเคร่งเครียด ความเร่งรีบ ธรรมพาไป ธรรมนำไปเอง ถ้าเราปฏิบัติตามธรรมตามวินัย วินัยจะนำไป วิ คือ วิเศษ นัยยะนำไปสู่ความถูกความต้อง ทุกๆเรื่องไป ไป มันก็ผ่านไปๆ ไกลจากข้าศึกไปเรื่อยๆ จนไม่มีภัยในชีวิตของเรา อาจจะไม่ช้า ถ้าเราเดินตามธรรมวินัยนะ ทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ