แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มันเป็นบัญญัติให้ปฏิบัติตามแผนที่ แต่ละวัน แต่ละเวลา แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที แต่ละวินาที เรามีอาชีพ เรามีหน้าที่ ให้มีความ ให้มีศรัทธาต่อหน้าที่ ต่อกิจวัตร วิถีวัตร แต่ละวินาที แต่ละนาที แต่ละชั่วโมง แต่ละเวลา แต่ละวัน ให้สม่ำเสมอ เมื่อมีศรัทธาปฏิบัติหน้าที่อยู่เนืองนิตย์ ทำอะไรก็ย่อมมีความสำเร็จ ตั้งใจทำสิ่งใดก็มีความสำเร็จในสิ่งนั้น
ในโลกนี้สิ่งที่เราจะต้องทำ หน้าที่ที่เราต้องทำ หาไม่ยาก มีอยู่ในตัวเรา รอบตัวเรา เหนือกว่ากระทำความดีทุกลมหายใจ คิดสิ่งใด พูดสิ่งใด ทำสิ่งใด ซึ่งเป็นทวารของชีวิต ของกาย ของวาจา ใจของเรานี้ เป็นทวารแห่งการสร้างความดีละความชั่ว สะดวกกว่าอย่างอื่น เราจึงไม่น่าจะจนเรื่องความดี ถ้าทุกชีวิตที่ไม่จนความดี ความดีที่อยู่ในชีวิตๆ หนึ่งก็ขยายไปสู่อีกชีวิตหนี่ง ต่อสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งก็เกิดสิ่งแวดล้อม เกิดคุณประโยชน์ขึ้นมาร่วมกัน รวมกัน ร่วมกัน ไม่ใช่ตัวเดียว ตัวใครตัวมัน ความดีที่เกิดจากกาย วาจา ใจ จากชีวิตที่ยึดปฏิบัติดีทำดีมานี้ เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสิ่งอื่น หรือผู้อื่น ต่อวัตถุอื่น ต่อโลก ต่ออะไร โลกทั้งโลก อย่างพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “โลกัตถจริยา ประโยชน์ต่อโลก / ธัตถจริยา ประโยชน์ต่อธรรม / ญาตัตถจริยา ประโยชน์ต่อญาติ” ทุกคนก็มีญาติที่เกี่ยวข้อง หนีไม่พ้น
อย่างเรากรวดน้ำตอนเช้า สัตว์ทั้งหลายทั้งอยู่ในโลก ในภูมิทั้งสาม อยู่ในกำเนิดทั้งสี่ มีขันธ์ห้าขันธ์ มีขันธ์ๆ เดียว มีขันธ์สี่ขันธ์ กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ยิ่งผู้มีพระคุณต่อเราเช่น บิดามารดา อุปัชฌาย์อาจารย์ ก็ปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนก็มีพ่อมีแม่ ให้เรามาอยู่ที่นี่ คนอื่นก็เกี่ยวข้องกับเราอยู่ เป็นลูกชายของพ่อของแม่เขามาอยู่เป็นนักบวช ลูกสาวของเขามาเป็นนักบวช ปฏิบัติธรรม นุ่งขาวถือขาว ห่มผ้าจีวรสีเหลืองๆ โกนผม สละออกจากบ้านจากเรือนไม่เกี่ยวข้องโดยบ้านโดยเรือนแล้ว ก็อาจจะวางใจเหมือนที่พึ่ง หวังพึ่ง ลูกชายเขาจะเป็นคนดี ลูกสาวเขาจะเป็นคนดี เมื่อเราเป็นคนดีเขาก็มีความสุขเป็นผลกระทบทางจิตวิญญาณของอีกหลายๆ คน แล้วเราเองก็มี มีโจทก์ มีหนี้ อย่างนี้ไม่ควรประมาท เกิดมา มานั่งอยู่ที่ใด เกี่ยวข้องกับคนอื่นทั้งนั้น ผู้อื่นช่วยเรามาทั้งนั้น เป็นตัวบุคคล เป็นคุณพ่อคุณแม่ หลายคน ญาตัตถจริยา ปฏิเสธกันไม่ได้ นอกจากนั้นก็แม้แต่อากาศ เราหายใจ สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ ยิ่งพวกเราบริโภค จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานะเภสัช ของคนทั้งหลายเหล่าใด ก็จะได้ประโยชน์ อย่าให้เป็นสูญเปล่า เหมือนคนหว่านพืชเช่นใด ก็อยากได้ผลเช่นนั้น
ถ้าเราไม่ปฏิบัติกิจวัตร วิถีวัตร หน้าที่ ปฏิบัติตามธรรมวินัย เราก็สูญเปล่าทั้งสองฝ่าย เราก็สูญเปล่า คนอื่นก็สูญเปล่า ไม่ได้อะไรเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อญาติ ต่อโลก ต่อธรรม ต่อพระศาสนา เราจึงเป็นโจทก์ที่จะฟ้องเราอยู่ เดี๋ยวนี่เราทิ้งอะไรมา ทิ้งลูกทิ้งเมียมาก็มี ทิ้งงานทิ้งการมา ทิ้งหน้าที่การงานมา ไม่ได้ดูแล ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร เป็นโจทก์ตัวหนึ่งที่ทำให้เราได้สะดุ้งขึ้นมา แล้วจะมาเล่นมานอนที่นี่ นอนไม่ลง เล่นไม่ได้ เราจะเป็นบาปมากที่สุด เอาเปรียบคนอื่น เอาเปรียบโลก เอาเปรียบศาสนา เอาเปรียบญาติพี่น้อง คนอื่นหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอยู่ เราจะมาเล่นอยู่นี่ โอ้โหมันไม่ได้ เป็นบาปเป็นกรรมจริงๆ พระตกนรกมีมาก ทายกเป็นเปรตมีมาก ถือโอกาสเห็นแก่ตัว ถือโอกาสเกียจคร้าน
มองแบบเป็นโจทก์มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องพิพากษาเรื่องนี้ให้ได้ แล้วมันคุ้มค่าหรือ ยืดอกออกมา
ลูกสาวของพ่อของแม่ ลูกชายของพ่อของแม่คนนี้ไม่เสียค่าน้ำนม ให้ได้มีความคิดแบบนี้ออกมาจากหทัยหัวใจลึกๆ สักหนึ่งก็ยังดี จะได้คุ้มค่า และจะได้ทำหน้าที่ มีความดีสามารถจะแผ่เมตตากรวดน้ำได้อย่างองอาจ คนมีความดี คิดดี พูดดี ทำดี มันก็เป็นผลกระทบต่อสิ่งอื่น สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็มีความดี เหมือนกับเรามีน้ำใจมีความดี ว่าออกไปทางวาจา คิดออกไปทางใจ การกระทำทั้งหลายก็เป็นความดี ไม่รู้จักหมดจักสิ้น เพราะมันเป็นบุญเป็นธรรม เพราะเกิดจากคนๆ หนึ่ง ก็เป็นผลกระทบต่ออะไรหลายๆ อย่าง มันคุ้มค่าแล้ว ทิ้งลูกทิ้งเมียหนีมาบวช ทิ้งงานทิ้งการมาบวช ทิ้งพ่อทิ้งแม่หนีมาบวช สละเลยหนีมาบวช คุ้มค่าแล้ว ไม่ฟรี ก็ได้ประโยชน์ จากการออกบวชจากบ้านจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องโดยบ้านเรือนแล้ว มีค่ายิ่งขึ้น
การงานของเราก็มีอย่างนี้ หน้าที่ก็มี ทุกโอกาสแบบนี้ ก็เหมาะแล้ว เหมาะสมแล้วที่มีชีวิตอย่างนี้ ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องรับจ้าง ไม่ต้องทำอะไร เรามีสิทธิไปบิณฑบาต ไม่เป็นบาปเลย มีสิทธิให้คนนั่งกราบนั่งไหว้ มีสิทธิรับสิ่งของจากผู้เอามาให้ ประโยชน์ที่เราได้ทำมันมากกว่านั้น แค่เท่านี้ มันก็คุ้มค่า แล้วก็ไม่อายตัวเอง ไม่ได้หลอกตัวเอง ไม่หลอกคนอื่น นั่นก็สมควรแล้ว อาจจะไม่สมกับชีวิตของเราด้วยซ้ำไป ความดีเกิดจากกาย จากวาจา จากใจ เรานี้ได้ใช้ชีวิตมามันมากกว่า แล้วชีวิตเราผลิตผลดีที่เกิดจากกาย จากใจของเราเป็นส่วนรวมทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นส่วนตัวเลย ก็แสดงว่าเราเกิดมามีชีวิต ใช้ชีวิตจากชีวิตของเรากลายเป็นสิ่งส่วนรวม เป็นผลกระทบต่อสิ่งส่วนรวมและความดีจากชีวิตของเราที่ฝึกตนสอนตนมันก็คุ้มค่า แล้วเราไม่ได้มีชีวิตสิกขาและธรรมเป็นการเลี้ยงชีวิต ชีวิตมาแบบนี้ มันก็ไม่มีใครทำประโยชน์ ก็สามารถให้คนกราบคนไหว้ได้ รับทานสิ่งของได้ บิณฑบาตได้ คุ้มค่าข้าวสุกน้ำแกงต่อคนอื่นที่เขาให้ ยกมือไหว้ท่วมหัว นั่นเราจึงกล้าพูดว่าเวลาเขาใส่บาตร มันถึงหัวใจของเรา ไม่ว่าอะไรต่าง ๆ มาจากเวลานั้น ตามชีพปฏิบัติ เราจะมีเวลานั้น เราจะรับบิณฑบาตโดยเคารพ เมื่อเราบิณฑบาตเราจะแลดูแต่ในบาตร เกิดอะไรที่นั่นขณะนั้น แล้วใจของเราว่างหรือเราคิดยังไง ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทัง ว่าอย่างเช็ดล้างสร้างสรรค์ออกมาจากใจ ธาตุผู้ให้ก็เป็น แต่ธาตุผู้รับก็เป็น แต่ธาตุเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัยอยู่เนืองนิจย์ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นในขณะนั้น เป็นธรรมที่เกิดขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นเวลารับบิณฑบาตต้องว่ายะถาปัจจะยังในใจ ตามหลักขีดปฏิบัติที่อุปัชฌาย์อาจารย์สอนมา เราจะได้ไม่ประมาท แต่ถ้าไม่มีความดีเกิดขึ้นในขณะนั้น ก็อาจจะคิดเป็นอันอื่นไป เป็นความโลภเกิดขึ้นที่นั้น เป็นความยินดียินร้ายเกิดขึ้น ณ ที่นั้น แย่งกัน ได้มา บิณฑบาตพาณิชย์สินค้าขาย บิณฑบาตเวียนเทียนที่ไหนแหล่งไหน กลายเป็นมิจฉาชีพ เดียรถีย์เกิดขึ้นมากมาย ถ้าใช้ชีวิตที่ผิด ไม่รู้จักอาย ไม่ได้ฝึกตนสอนตน ไม่มองตน ไม่ดูแลตัวเอง ไม่แก้ไขตัวเอง ก็ไม่รู้จักละอายเลย เกิดความโลภ เกิดเปรตขึ้นมาแค่นั้น มันก็สูญเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เราจึงมีหน้าที่ตามธรรมวินัย จงปฏิบัติตามธรรมวินัย
พระพุทธเจ้าตรัสเช่นนี้ สอนผู้บวช ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ท่านจงประพฤติพระธรรมตามพระธรรมวินัยนั้นให้เป็นที่สิ้นทุกข์เถิด มันก็มีทางอยู่นี้ ความหลงไม่เป็นธรรม ความไม่หลงเป็นธรรม เกิดขึ้นขณะที่ใช้กาย ใช้ใจ เก็บเอา เก็บเอา ความโกรธไม่เป็นธรรม อย่าไปตามความโกรธ อย่าไปคิดตามความโกรธ อย่าไปคิดตามความโลภความหลง กลับมารู้สึกตัว กลับมารู้สึกตัว ปฏิบัติตามธรรมวินัย มีอย่างนี้ สัมผัสได้อย่างนี้ สอนตนอย่างนี้ทุกโอกาส ไม่ใช่อยู่ในห้องเรียนเป็นชั่วโมงนาที แล้วเราไม่ต้องจนเรื่ิิองนี่การศึกษา เราจะกลายเป็นตู้พระไตรปิฎก ธรรมวินัยอยู่ที่นี่ เกิดขึ้นที่กายที่ใจนี่ บุญก็เกิดที่นี่ สวรรค์นิพพานก็เกิดขึ้นที่นี่ อยู่ที่ไหนมีนิพพานอยู่ที่นั่นเอาปานนั่นแหละ ฟังเสียงทุกเสียงเหมือนเสียงพระสวดมนต์ ดูคนทุกคนเป็นพระพุทธเจ้า อยู่ที่ไหนมีนิพพานอยู่ที่นั่น ตามสิ่งแวดล้อม มันจะซิดเราอย่างสม่ำเสมอ อย่าไปจน อย่าไปจน เป็นผู้ไม่จน
มีศรัทธา มีความเชื่อในการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า เชื่อในพระธรรมที่ทำให้เกิดเป็นพระพุทธเจ้า วิธีปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติออกทุกข์ ปฏิบัติสมควร เปิดออกมาจากชีวิตเรานี้ แสดงออกมา นี่เรามีหน้าที่อย่างนี้ เอาให้เต็มที่ แล้วอยู่ด้วยกันให้มีความสนับสนุนมีส่วนรวม ส่วนร่วมซึ่งกันและกัน อย่าคิดเป็นอื่นไปซะ แม้เราอยู่คนละที่ มีกุฏิที่อยู่ห่างไกลกัน เห็นกันเวลาทำวัตรสวดมนต์ เวลาฉันเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไปคนละทิศละทาง เดี๋ยวนี้เพื่อนเรากำลังเดินอยู่ จงกรมอยู่ เพื่อนเรากำลังนั่งบำเพ็ญสมาธิอยู่ เราอยู่อย่างไร มองในแง่ดี มองเป็นคู่แข่ง เอาสิ่งแวดล้อม เอาเพื่อนมิตร เผื่อผู้เผื่อมิตรบ้าง ทำเผื่อผู้อื่นบ้าง พ่อแม่เราอาจจะไม่ได้ทำ แต่เราก็ทำเผื่อพ่อเผื่อแม่ต่อ เผื่อผู้อื่น มีแต่งานแต่การที่เราจะต้องสร้างความดี
ยิ่งเรามีวิชากรรมฐานตามที่พระพุทธเจ้าได้ขีดเส้นไว้เป็นแผนที่ ไม่จนเลย กรรมฐานเป็นอาชีพเลย ให้กายให้ใจอยู่ในรูปกรรมฐาน เป็นนักกรรมฐาน ทำอาหารก็เป็นกรรมฐาน ห้องน้ำห้องส้วมเป็นกรรมฐาน นอนเป็นกรรมฐาน ตื่นเป็นกรรมฐาน ใช้ชีวิตเป็นกรรมฐาน ทุกเวลานาที แม่บ้านกรรมฐาน พ่อบ้านกรรมฐาน เกษตรกรรมฐาน อะไรให้เป็นกรรมฐาน ที่ตั้งแห่งการกระทำความดี ๆ มีที่ตั้ง ให้เกิดความดีมีที่ตั้ง ไม่ให้จน นี่มันก็เป็นค่าของมนุษย์ที่เราได้เกิดมา เวลาก็เป็นประโยชน์ต่อเรา เท่านั้น ก็ขวนขวายมีศรัทธา อย่าท้อถอย บากบั่น เราบากบั่นไม่ใช่เหงื่อไหลไคลย้อย มันหลงไม่หลงนี่ความบากบั่น ความแกร่งกล้า นี่คือความเพียร มันทุกข์ ไม่ทุกข์ รู้สึกตัวทุกโอกาส นี่คือความแกร่งกล้า ความเข้มแข็ง ความศรัทธา ความบากบั่น ถ้าปล่อยให้หลงเป็นหลง ขี้เกียจเป็นขี้เกียจ ทุกข์เป็นทุกข์ กิเลสเป็นกิเลส มันไม่ได้บากบั่น มันเป็นความเกียจคร้าน ปฏิบัติอย่างเลว ได้ผลอย่างเลว ไม่ได้เปลี่ยนความร้ายเป็นความดี ความไม่ดีก็อยู่ในชีวิตเราตลอดจนตาย ถ้าเราเปลี่ยนมันทุกครั้งทุกคราวแล้วเกิดความดีในชีวิตเรา ในปัจจุบันนี้ ได้มรรค ได้ผลในชาติปัจจุบันนี้ เวลานี้ อยู่ที่ไหนมีนิพพานอยู่ที่นั่น เอาให้ปานนั้น ชีวิตเรามีสิทธิในเรื่องนี้ร้อยเปอร์เซนต์ เอามั้ย เท่านี่นะ สมควรแก่เวลา