แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมน่ะ ไม่เหมือนกับการฟังเพลง การฟังธรรมไม่ใช่เหมือนฟังนิยาย การฟังธรรมนี่เป็นการบอกให้ทำ ไม่ใช่สอนให้รู้ ไม่ต้องใช้ความจำมันสมอง ให้เอาไปทำ ไปทำดู ทุกคนก็เหมือนกันหมดไม่ใช่คนละอย่าง ที่พูดนี่พูดกับทุกคน ไม่ใช่พูดกับใครผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะมันเป็นอันเดียวกัน พระพุทธเจ้ามีแต่เพียงบอกว่า ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ส่วนการกระทำเป็นหน้าที่ของเธอทั้งหลาย บอก ให้ทำยังไง บอกว่าให้มีสติไปในกาย ทุกคนก็มีกาย มีสติก็เหมือนกัน คือรู้สึก ภาษาไทยเรียกว่า รู้สึกตัว ภาษาบาลีเรียกสติ ภาษาคนอีสานเรียกว่าฮู้เมื่อ ฟื้นแล้ว รู้แล้ว เหมือนกับปลุกลูกให้ตื่นเมื่อมันตื่นแล้ว พ่อแม่ไม่ต้องช่วยมัน มันจะช่วยตัวเอง ถ้าขอให้มันตื่นก่อน มันจะรู้จักหน้าที่ของมันเอง ทำยังไง ถ้ามันตื่นแล้ว พอถามดูตื่นหรือยัง ตื่นแล้ว ก็แล้วกันไป
ในชีวิตของเรานี้ก็เหมือนกัน ถ้าได้รู้แล้วก็แล้วแล้ว มันหลงรู้แล้ว มันสุขรู้แล้ว มันทุกข์รู้แล้ว มันผิดรู้แล้ว มันถูกรู้แล้ว มันสงบก็รู้แล้ว มันฟุ้งซ่านก็รู้แล้ว คำว่ารู้แล้วมันจบไปแล้ว ความหลงก็จบไปแล้ว เป็นความรู้แล้ว ความทุกข์ก็จบไปแล้วเป็นความรู้แล้ว จบลงบนความรู้สึกตัว ทั้งหมดสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายกับใจนี้ ไม่ใช่จบไปด้วยเหตุผลอันใด เหตุผลมันจบไม่เป็น ใครๆก็มีเหตุผลทั้งนั้น คนฆ่ากันตายก็มีเหตุผล เหตุผลไม่ใช่สัจธรรม สัจธรรมคือรู้สึกตัว สัมผัสความรู้ สัมผัสความหลง ความรู้ ความหลง จะสอนคนผู้รู้ ความหลงจะสอนคนที่หลง เมื่อเราสัมผัสดูแล้ว อะไรที่มันถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูกต้อง จะรู้จักเอาเอง เหมือนคนตื่นนอน ความถูกเป็นไง ความผิดเป็นไง ความหลงถูกต้องไหม ความรู้ถูกต้องไหม
ไม่มีคำถาม มีแต่คำตอบ ตัวเองก็ตอบเอาเอง คนอื่นตอบให้ไม่ได้ นี่คือของจริง ไม่ต้องไปถาม ไม่มีคำถาม ความหลงเราต้องไปถามคนอื่นเหรอ เราหลงหรือเปล่า ความรู้ก็ต้องไปถามคนอื่นไหม เรารู้หรือเปล่า เวลารู้ความหลงหมดไปเรื่อยไปหรือยัง ไม่ต้องถามคนอื่น ความรู้ฉันมีแล้ว ความหลงหมดไปหรือยัง ไม่มีคำถาม มันจะมีการตอบในตัวเสร็จ สำเร็จเสร็จไป จบแล้วๆๆ
ถ้าหลงเป็นรู้ จบแล้ว ความหลงจบไปแล้ว ถ้าหลงเป็นหลงจบไม่เป็น ถ้าทุกข์เป็นทุกข์จบไม่เป็น สุขเป็นสุขจบไม่เป็น ถ้าสุขเป็นรู้ จบไปแล้ว ถ้าทุกข์เป็นรู้จบไปแล้ว มันจบไปแล้ว ทำไงจึงจบ ไม่ใช่ไปห้ามไปอดไปกลั้นเอา ให้รู้สึกตัวก็จบเอง ปัญหาต่างๆเป็นปัญญาไปเอง ในขณะที่เรารู้สึกตัว ทันที เป็นการทำความดีก็ทำแล้ว ขณะที่มันหลงรู้ เป็นความดีแล้ว ขณะที่มันหลงรู้ ละความชั่วแล้ว ทันที ขณะที่มันหลงรู้ไม่เปรอะเปื้อน เป็นการมีศีลแล้ว ถ้าหลงเป็นหลง รู้เป็นรู้ ไม่มีศีลแล้ว ผิดแล้ว ไม่ใช่ชีวิตแล้ว
ให้ความหลงเป็นหลง ให้ความทุกข์เป็นทุกข์ เรียกว่าไม่มีชีวิตแล้ว ถ้ารู้นี่คือชีวิต รู้นี่ไม่เป็นอะไร การไม่เป็นอะไร คือชีวิต การเป็นอะไรไม่ใช่ชีวิต เอาชีวิตไปห้อยไปแขวนไว้กับอาการต่างๆ ไม่ใช่ชีวิตเรา ถ้าเราหัดมาเป็นอยู่นั่น ชีวิตเรา
เป็นอยู่อย่างนั้น สุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์เรื่อยไปจนตาย ถ้ารู้มันจบเป็น ความหลงก็จบลง ความโกรธก็จบลง ความทุกข์ก็จบลง ว่าแต่รู้เท่านั้น ไม่ต้องไปมีอะไรเหตุผล ทำไมๆๆ ไม่มี
ทำไมจึงหลงไม่ใช่ ไม่ใช่รู้ ถ้ารู้ไม่มีคำว่าทำไม ภาษาไทยอันนี้ ตัดออกไปได้เลย คำว่า ทำไมไม่มี ถ้าเป็นการปฏิบัติธรรม มีแต่รู้แล้ว เท่านั้นเอง คำว่าทำไมจึงหลง ทำไมจึงไม่รู้ ไม่มี ไม่ต้องพูด จบไปเลย ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ ก็ไม่พูดอีก จบไปแล้ว ไม่เคยพูด ถ้าใครมีสติ จะว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ ไม่มี ไม่มีแล้ว จบไปแล้ว คนหลงต่างหากที่พูดว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ทำไมจึงทำอย่างนี้ มีแต่คนหลงที่พูดแบบนั้น เป็นการบ้าน เป็นปัญหา สร้างปัญหาให้แต่ตัวเอง คำว่าทำไมนี่เป็นคำถาม เรียกว่าปัญหา ถ้ารู้นี่ไม่มีคำถาม จบไปแล้ว ตอบไปแล้ว (....) ความดีเกิดขึ้นเป็นพวงถ้ารู้น่ะ ความชั่วหมดไปเป็นพวงเหมือนกัน มันจึงไม่ยาก
พระพุทธเจ้าบอกว่า ปฏิบัติธรรมถ้าทำถูกเหมือนกลิ้งครกลงเขา ถ้าทำผิดเหมือนกลิ้งครกขึ้นเขา ถ้าสุขเป็นสุขกลิ้งครกขึ้นเขา ถ้าสุขเป็นผู้รู้ กลิ้งครกลงเขา โกรธเป็นรู้ กลิ้งครกลงเขา ง่ายๆ ง่ายๆสัมผัสดูนะ ถ้าสัมผัสแล้วจะมีศรัทธาตรงนี้ จะมีศรัทธาตรง เชื่ออย่างนี้ เมื่อมีศรัทธาก็มีความเพียรประกอบแล้วนี่บ่อย ๆ เอาใจใส่เรื่องนี้ตลอดเวลา เมื่อมันผิดแก้ไขให้ถูกต้อง ตลอดเวลา เรียกว่าทำให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่ศรัทธาลอยๆ ศรัทธาต้องมีความเพียรต่อไปอีก
ศรัทธาเหมือนหน้านา ความเพียรเหมือนน้ำฝน มีสติเหมือนข้าวปลูกข้าวกันหว่านลงไป มีกิจเป็นหนึ่ง รู้เป็นหนึ่ง เป็นการพลิกแผ่นดินให้รกเป็นโล่ง ให้ชั่วเป็นดี เปลี่ยนไป สมาธิเปลี่ยนร้ายเป็นดี ปัญญารอบรู้ เหมือนชาวนา มีนา เหมือนมีศรัทธา เชื่อ มีน้ำฝนเหมือนมีความเพียร มีสติเหมือนมีข้าวปลูก มีสมาธิเหมือนคราดเหมือนไถ เปลี่ยนร้ายเป็นดี เปลี่ยนหญ้าเป็นดินไปเลย ความหลงกลายเป็นปุ๋ยให้ความดีเกิดขึ้น ความชั่วกลายเป็นปุ๋ยแห่งความดี
ทุกข์แท้ๆ ทำไมเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเกิดอยู่บนทุกข์ ทุกข์จึงเกิดพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีทุกข์ไม่เกิดพระพุทธเจ้า จนพระพุทธเจ้าว่า ที่นี่ไม่มีทุกข์ ที่นี่ไม่เดือดร้อน ที่นี่ไม่วุ่นวาย ยสกุลบุตร ร้องออกมา วุ่นวายเหลือเกินๆ ขัดข้องเหลือเกินๆ ทุกข์เหลือเกินๆ พระพุทธเจ้าจงกรมอยู่ตอนเช้า พระพุทธเจ้าบอกที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่มีทุกข์ ที่นี่ไม่เดือดร้อน มาที่นี่ๆ มันก็คนละมุมกัน คนหนึ่งเดือดร้อน คนหนึ่งไม่เดือดร้อน คนหนึ่งหลง คนหนึ่งไม่หลง คนหนึ่งทุกข์ คนหนึ่งไม่ทุกข์ มันเป็นไปได้ สิ่งที่เขาหลง เรามีปัญญา สิ่งที่เขาทุกข์เราได้ปัญญา ปัญหาให้เป็นปัญญา คนที่ไม่ศึกษาเรื่องนี้ ปัญหาเป็นปัญหาเรื่อยไป มาศึกษาปัญหาให้เป็นปัญญาไปเลย
รอบรู้ในกองสังขาร สังขารคือปรุงแต่ง ตัวรอบรู้ในกองสังขารคือวิสังขาร หยุดปรุงแต่ง สังขารคือปรุง วิสังขารคือหยุด เหมือนรถมันวิ่ง ถ้ารถคันไหนมีแต่วิ่ง หยุดไม่เป็นมันก็ใช้ไม่ได้ ชีวิตของเราเหมือนกัน มันปรุง หยุด ใช้ได้ มันทุกข์หยุด ใช้ได้ มันโกรธ หยุด ใช้ได้ ความโกรธเป็นสังขาร ความทุกข์เป็นสังขาร ความโลภความหลงเป็นสังขาร ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน วิสังขารเนี่ย คือไม่เป็นอะไรกับอะไร สังขารคือทุกข์ วิสังขารคือนิพพาน สังขารเป็นทุกข์ วิสังขารไม่เป็นทุกข์ เรียกว่านิพพาน ในสังขารเป็นนิพพานอยู่ที่นั่น
สังขารา ปรมา ทุกขา สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานไม่เป็นทุกข์ มันตรงกันข้ามเหมือนหน้ามือหลังมืออย่างนี้ ปฏิบัติธรรม ไม่ต้องหาที่ไหน
ถ้ามีหลงแสดงว่าดีแล้ว จะได้รู้ ถ้าไม่มีหลงมันไม่ดี ไม่ได้ทำความดี ความหลงทำให้เราประกอบคุณงามความดี
ความหลงทำให้ประกอบคุณความชั่ว มีเยอะแยะ แต่ผู้ปฏิบัติ ความหลงทำให้เราประกอบคุณงามความดีได้ ความทุกข์ทำให้ประกอบคุณงามความดี มีอยู่ที่นั่น เช่นบ้านรกรุงรัง ทำให้เราได้ทำความดี ได้จับไม้กวาดมากวาดบ้าน ได้ทำความดี
สิ่งไหนที่มันสกปรกทำให้มันสะอาดเรียกว่าดี จะได้ทำความดี น่าภูมิใจตรงนี้ ภูมิใจจริงๆน่ะ ลองดูนะ
เคยไปทำแล้วนี่ สมัยนานมาแล้ว ไปประชุมคณะสงฆ์ที่พุทธมณฑล เรามีส้วมสาธารณะเป็นรถ จอดไว้ใช้เป็นห้องน้ำ พระเป็นพันๆ เราขึ้นไปบนรถ พอขึ้นไปนะ มีพระขึ้นก่อน ประตูว่างๆให้เปิดไว้อยู่ พระไปดูแล้ว ผ่านไปๆ
เราก็ดูแล้วมันเลอะเทอะไปหมดเลยในห้องน้ำ เต็มไปด้วยคูต สกปรกไปเลย เหม็นหึ่งไปเลย เราก็เปลี่ยนจีวรออก ดี
หัวใจมากๆ คราวนี้เราจะได้ทำความดี (หัวเราะ) บานจีวรออก พาดไว้หน้าต่างรถ แล้วก็เปิดน้ำโดยยองเข้าไป มีแต่ต้องลุยเข้าไปนะ (หัวเราะ) ก็ยองเข้าไป พอเปิดก๊อกน้ำ น้ำไหลชะ ใช้ได้ๆ แล้วก็ล้างลงๆๆ มันก็ดีขึ้นน่ะ ราดน้ำไป สะอาดขึ้นๆ ราดน้ำไป สะอาดขึ้นๆ ล้างไป ทำไมสะอาดจริงๆ ภูมิใจได้บำเพ็ญความดี เพราะสิ่งสกปรก ทำให้เกิดสะอาดขึ้นมา มีอย่างนั้นชีวิตของเรา ใครจะเปลี่ยนอย่างนี้ในโลกนี้ ถ้าเปลี่ยนอย่างนี้ มนุษย์โลกจะอยู่กันๆ ด้วยความสุข อะไรที่เราเปลี่ยนตรงนี้ อะไรก็ได้ ความทุกข์ความไม่ดีเกิดขึ้น เราก็เปลี่ยน ยิ่งสมน้ำหน้ามัน มันหลงเปลี่ยนหลงเป็นรู้นี่ โอ๊ย สัมมาทิฏฐิ ความอยู่โดยชอบที่สุดเลย อยู่โดยชอบที่สุด เปลี่ยนหลงเป็นรู้ เปลี่ยนทุกข์เป็นรู้ นี่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย หลงเป็นหลง ทุกข์เป็นทุกข์ เปรอะเปื้อน ทำไม่ได้ สัมผัสดูไม่ถูกต้องเลย ความหลงความทุกข์น่ะ ความไม่ทุกข์ ความไม่หลง ถูกต้องที่สุด
อยากให้มันหลงมันก็ไม่หลง ลองหลงไปเอง บางคนก็เศร้าๆ แต่ถ้าผู้ที่มีสติจะยิ้มสักหน่อยนะ เวลามันหลงน่ะ
เวลามันทุกข์ก็ยิ้มน้อยๆ หัวเราะความทุกข์ ได้ไหมแม่เพียร (หลวงพ่อถามพร้อมหัวเราะ) หัวเราะความโกรธ หัวเราะความทุกข์นะ
นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลจุฬา คนมองหน้าร้องไห้น้ำตาไหล แต่เราสนุกป่วยว่าอย่างเนี้ย ถ้าเราป่วยสนุกป่วย พูดอยู่เต็มปากไม่เสแสร้งแกล้งทำ ทำไมไปร้องไห้คนไม่มีทุกข์ ไม่เห็นเดือดร้อนตรงไหน ดูห้องนอนก็ห้องแอร์อย่างดี พยาบาลสาวๆสวยๆ แต่งตัวดีๆ มายืนข้างเตียง นายแพทย์ก็ผูกเนคไท นุ่งเสื้อสะอาดบริสุทธิ์ ดูกางเกงก็สวยงาม ดูเสื้อก็สวยงาม ทั้งแพทย์ทั้งพยาบาล มีแต่คนดีๆเหมือนเทพธิดาเหมือนเทพบุตร อยู่กุฏิของเราไม่ดีแบบนี้ มีความสุข เวลาน้ำห้องน้ำ ก็มีคนมาล้างให้ น้ำยาล้างห้องน้ำหอมไปทั่ว อยู่ในวัดนี่ไม่มีใครมาล้างห้องน้ำ อยู่โรงพยาบาล (หัวเราะ) เค้ามาล้างห้องน้ำให้ ถูสะอาดหอมไปด้วยน้ำยา อาหารก็ยกมาใส่รถเข็นมา วางไว้ อะไรก็ดี ผ้าปูนอน สามวันรื้อไปซักให้ ผ้าห่มเอาไปซักให้ แหม เหมือนสวรรค์อยู่ที่นี่นะ พยาบาลก็ถือว่าเทพธิดาซะ นายแพทย์ก็เทพบุตรซะ เขามีสติปัญญามาช่วยเรา พ่อแม่ส่งลูกสาวลูกชายไปเรียนแพทย์เรียนหมอ เขาเอาสติปัญญามาช่วยเรา นี่คือเมืองไทยคนไทย มันก็มีความสุข ไปทุกข์ทำไม เขามาร้องไห้กับเราทำไม สนุกป่วยจะว่าอย่างงั้น จะไปทุกข์ทำไม มันไม่ถูกต้อง ความทุกข์ไม่ถูกต้อง ความไม่ทุกข์ถูกต้อง ความโกรธไม่ถูกต้อง ความไม่โกรธถูกต้อง คือความรู้สึกตัวนี้ เราใช้ชีวิตแบบไหนกัน ให้ทุกข์เป็นทุกข์ให้สุขเป็นสุข ผิดประเภท ผิดประเภท เป็นโทษแก่ตัวเอง โกรธที่ใดก็เหมือนจุดไฟไปถึง ยังพากันโกรธอยู่ อายน่ะ หน้าด้าน คนโกรธเป็นคนหน้าด้าน คนหลงเป็นคนหน้าด้าน หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับความหลง ยังเอามาคิด บางคนไม่ลืมได้ในความทุกข์ เอามาคิด เขาว่ากะเราๆๆ กูไม่ลืมๆ น้อยใจในความทุกข์ น้อยใจในความโกรธ นั่นล่ะบ้า ปุถุชนคือคนบ้า รักษาได้ บ้าอย่างนี้ บ้าจริงๆนะ เอาไปอ้างคนด้วย มีไหม หน้าบูดๆ เอาไปอ้างคนได้ไหม ปุถุชนคือคนบ้า พระพุทธเจ้านะว่าอย่างนี้นะ ไม่ใช่หลวงตาว่านะ ปุถุชนคือคนบ้า คนที่หายบ้าคือพระอริยบุคคลชั้นต้น นับตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ทำลายความโกรธความโลภความหลงได้ นั่นล่ะคนดีแล้ว ไม่ข้องแวะผ่านไปแล้ว มันก็ไม่ได้หนีไปไหน เสื้อสีขาวๆ กางเกงสีดำๆ เพศใดภาวะใดทำได้ทั้งนั้นเป็นสากล ถ้าใครรู้สึกตัวก็เป็นของคนนั้น ถ้าใครหลงก็ไม่เป็นของเขา
เหมือนฝน ตกลงมา โบราณท่านว่า
อัศจรรย์แท้หนอ ฝนตกฮ่ง กลางโพนซังมาเปียก อันหนองบึงกว้างๆ ซังมาแห้งในฮง (หัวเราะ) ฝนตกฮ่ง จอมโพ้นจะมาเปียก โพนนี่ รู้จักโพนไหม สูงๆ ทำไมมันเปียก แล้วเป็นทุ่งกว้างๆ เป็นบึงเป็นหนอง ทำไมแห้ง อัศจรรย์แท้น้อ ดักแห่วกลางนา ดักไซกลางนาได้นกแซว ดักแห่วกลางต้นไม่ ได่ปลาขาวๆ ดักแห้วบนต้นไม้ได้ปลาขาว ดักแซวไว้กลางนาได้นกแซว อัศจรรย์แท้น้อ มันหมายความว่าอะไร จอมโพนมันสูง ในที่หนองที่บึงมันต่ำ ฝนไม่ลงไปอยู่ในหนองในบึงแบบนั้น หมายถึงจิตของเราที่มันต่ำ จิตของคนบางคนสูง สูงเปรียบกับคุณธรรม สมสัมผัสกับรสพระธรรม ถ้าจิตต่ำๆสัมผัสไม่ได้ เป็นสุขเป็นทุกข์ต่ำที่สุดแล้ว พอใจไม่พอใจ จิตต่ำ ใช่ไหม แม่ชีถามหลวงตา(หัวเราะ) พระพุทธเจ้าบอก ถอนความพอใจและความไม่พอใจออกมาเสียได้ ความพอใจมันจิตต่ำ ความไม่พอใจจิตมันต่ำ ไม่เปียกไปด้วยคุณธรรม คุณธรรมใจมันสูงนะ เห็นความพอใจ ไม่พอใจ เห็นมันไม่พอใจ เห็นมันพอใจ ไม่เป็นผู้พอใจ ไม่เป็นผู้ไม่พอใจ เห็นมันทุกข์ไม่เป็นผู้ทุกข์ จิตสูง เห็นมันโกรธไม่เป็นผู้โกรธ จิตสูง จิตสูงไม่ใช่อยู่บนเครื่องบิน จิตมันสูง เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะจิตสูง มนุษย์ไปสู่สวรรค์นิพพาน ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน ไม่ไปสู่มรรคสู่ผลได้ มีแต่ไปสู่อบาย โกรธง่าย โมโหง่าย ทุกข์ง่าย หลงง่าย อบาย ไม่เจริญ ถ้าใจสูงมันเจริญ สู่มรรคผล
คนไปนรกเท่ากับขนโค คนไปสวรรค์เท่ากับเขาโค ไปยาก ถ้าเป็นคนใจต่ำๆ เป็นมนุษย์ใจมันสูงไปสวรรค์เหมือนกับขนโค ไปนรกเท่ากับเขาโค ตรงกันพอดีเลยใจมันสูง “เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน ถ้าใจต่ำเป็นได้แต่เพียงคน ย่อมเสียทีที่ตนได้เกิดมา” ไม่ใช่ขาสองแขนสองเป็นมนุษย์ จากการฝึกตัวเองใจมันสูง ใจมันสูงไม่ใช่ต่ำนะ เหนือความหลง เหนือความทุกข์ เหนือความโกรธ มันสูง ถ้ามันต่ำอะไรก็ถมได้ ความสูงมันเหมือนกับชัยภูมิ ภูมิที่ชนะ ถ้าใจสูงชนะ ถ้าใจต่ำมีแต่แพ้ นี่คือปริศนาธรรม หมายถึงชีวิตของเราเนี่ย ความเป็นพระเป็นแบบนี้ ไม่ใช่รูปร่าง ใจมันสูงบริสุทธิ์ เห็นไม่เป็นนี่พระ ไม่เปรอะเปื้อน เห็นมันทุกข์ไม่เป็นผู้ทุกข์ ประพฤติพรหมจรรย์ เห็นมันหลงไม่เป็นผู้หลง เรียกว่าประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ไม่ใช่โกนผมห่มผ้าเหลือง จากการกระทำที่สัมมาทิฏฐิ อยู่โดยชอบอย่างนี้อ่ะ
วันนี้หลวงตาพูดให้ฟัง มีกลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมมา 10 คน เป็นญาติธรรมเก่าแก่ที่สุด สุคะโตแห่งนี้ คนกรุงเทพเข้ามาคนแรกคือกลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรม มาครั้งแรกคือ เอาเสื้อผ้ามาแจกเป็นรถๆ จำได้ไหมแม่เพียร 30 ปีมาแล้ว(หลวงพ่อถามพร้อมหัวเราะ) คนบ้านนี้ได้ทั้งเสื้อทั้งผ้าจากกลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมทุกคนเลย ศาลาหลังนั้นก็เขามาสร้างให้ อะไรก็รอยของกลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่ มากมาย เดี๋ยวนี้รุ่นเก่าๆก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว ตายไปหลายคนแล้ว หลวงตาก็ตายไปแล้วเมื่อคืน ฉะนั้นขอให้เราเนี่ย อย่าล้าสมัย มาหลังเขาต้องไปก่อนเขา ถ้าไม่ประมาทนะ ถ้าหลงเป็นหลง ช้าที่สุดเลย ถ้าทุกข์เป็นทุกข์ช้าแล้ว เดินช้าแล้ว ถ้าหลงเป็นรู้อไวเข้าไปแล้ว ตรงเข้าไปแล้ว เดินทางตรงมันถึงไว ปฏิบัติตรงหลงเป็นรู้ ตรงที่สุด ถ้าหลงเป็นหลง เนิ่นช้า ไม่ตรง ปฏิบัติตรงแล้ว ปฏิบัติออกจากทุกข์แล้ว ทุกข์เป็นทุกข์ไม่ตรง ถ้าทุกข์เป็นรู้ ออกแล้วละ ไปออกไปแล้ว มีไหมมีหลงไหมมีทุกข์ไหม นั่นแหละ นั่นแหละเป็นของดีที่สุด แย่ตรงที่ไม่ไปเป็นรู้ตรง เนี่ยมันถูกต้องที่สุดแล้ว ถ้าไม่แก้ผิดเป็นถูก มันก็ไม่ถูกต้องสักที
เราจึงมาปฏิบัติธรรม มันลัดมันลัด ทางลัด เพื่อบรรลุธรรม คือมีสติ สัมปชัญญะ ดูกายดูใจ ปัญหาที่เกิดขึ้นไปใจมีภาวะที่รู้เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ยินดีต้อนรับกลุ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมทุกท่านทุกคนด้วย ไม่ใช่กลุ่มศึกษา ใครก็ตามที่สามัญชนเหมือนกันหมด อยู่ให้เป็นสุขๆ อย่าเดือดร้อนอะไร ที่นี่ปลดปล่อยจิตวิญญาณของตัวเอง อย่ามีอะไรที่มันเป็นภาระ ปัญหาจากบ้าน วางไว้ก่อนไม่ให้ทอดทิ้ง มีลูกก็วางไว้ก่อน มีหลานก็วางไว้ก่อน มีความรัก ความเกลียดชังก็วางไว้ก่อน ให้มามีสติ รับสติไปก่อน
เหมือนน้ำในแก้ว มันเต็มแก้วจะมารับแจกใหม่ มันก็ไม่ได้ น้ำเก่ามันเต็มอยู่ ความรักก็เต็มอยู่ ความเกลียดชังเต็มอยู่ ความผิดความถูกยังเต็มอยู่ เทออกซะ แล้วจะเทน้ำใหม่ใส่ จะได้น้ำใหม่เต็มไปเลย(หัวเราะ) น้ำแก้วมันเต็ม ใจมันมีอะไรวางเอาๆ เทน้ำออก เทภาชนะออก เหมือนกับเราไปตักอาหารตอนเช้า ถ้าภาชนะมันเต็มอยู่มันคงไม่ได้อะไรเลย ถ้ามันว่างมันได้ ตักข้าวได้ก็สองทัพทีสามทัพพีก็ได้ แก้วน้ำมันว่างเทน้ำใส่ให้ก็ได้ นี่คือ ในความว่างมีความเต็ม ในความเต็มมีความว่าง หมายถึงใจของเรา ว่างไปด้วยทิฏฐิมานะ เต็มไปด้วยความรู้สึกตัว ถ้าเต็มไปด้วยทิฏฐิมานะ ว่างไปด้วยมีสติ มันก็ผิดแล้ว เต็มแบบอันธพาล ว่างแบบอันธพาลใช้ไม่ได้ ฝึกตนสอนตนเข้าไป ที่นี่ทำวัตรตอนเช้าจะมีการสอนธรรมกันทุกวัน ยินดีต้อนรับ ผู้ที่ยังไม่มา ก็ขอให้มาสู่อาวาสนี้ มาแล้วปฏิบัติธรรมมีสติ ไปเป็นคนคนเดียวกัน