แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมต่อนะ ขออย่าได้เบื่อหน่ายต่อคำสั่งสอน อย่าพากันขี้เกียจทำตาม อย่าส่งจิตใจเพลิดเพลินไปทางอื่นมากเกินไป ให้มีสติดูแลกายใจของตัวเองให้มากที่สุดเหมือนกับมองตากลับเข้ามาด้านใน ตาภายใน แม้แต่ตาภายนอกก็หัดมองกลับมาด้านใน อย่ามองไปหารูป หารส หากลิ่น หาเสียง เพลิดเพลินในกามคุณ รู้จักสำรวมอินทรีย์ในพระปาฎิโมกข์ เป็นข้อที่พระพุทธเจ้าห้ามทำตามข้อพระองค์อนุญาต สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผสฐัพพะอารมณ์ที่มากระทบ หัดเข้มแข็ง อย่าหวั่นไหว อย่ารู้ไปตามรูปตามรสจนถึงความพอใจไม่พอใจ มันจะผิดรสของโลก ถูกโลกทับถม ไม่เป็นอิสระ เพราะเราใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง จึงฝึกตนสอนตน ฝึกกายสอนกาย ฝึกใจสอนใจ
ตอนนี้บทเรียนมากมายที่เกิดขึ้นกับกายกับใจของเรานี้เอง เมื่อผู้ใดได้บวชเรียนได้พบเห็นอาการที่เกิดขึ้นกับกายใจเป็นเป็นพหูสูตร ให้บทเรียนเยอะแยะเพราะเรามีสติ สตินี่เป็นตัวบทเรียนเป็นตัวศึกษา เป็นนักศึกษา พาไปถึงมรรคถึงผล หลังการศึกษาที่เป็นทางโลกที่เป็นสมมุติบัญญัติ วิชาการต่าง ๆ ไม่ไปถึงมรรคถึงผลได้ อาจจะเป็นทิฐิมานะมีตัวมีตนมากขึ้นก็ได้ อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อสองสามวันนี่ ข้าราชการซี 7 ปลุกหูผู้ตรวจสแกนคนเข้าออกเมือง เข้าเมืองขาออก จะขึ้นเครื่องบิน การตรวจเขาก็ตรวจ พอก้มตรวจบุคคลคนนั้นก็เอามือตบหูจนหูแตก ตบหูแล้วไม่พอ จับคอเสื้อตะคอก มึงรู้จักกูไหม กูนี่เป็นข้าราชการซี 7 ซี 8 มาสั่งมาสอนยอม แล้วก็ตะคอก เสื้อตบหูอีก ได้เห็นภาพหนังสือพิมพ์ อันนี้การศึกษา ศึกษาแบบหมาหางด้วนไม่มีคุณธรรม
เหมือนอาจารย์พุทธทาสแสดงธรรมว่าศึกษาแบบหมาหางด้วน ก็นั่นเราจึงมาศึกษาของเท็จของจริงที่มันเกิดกับกายกับใจเรานี่ ให้เห็นความเท็จความจริง แล้วจะได้บทเรียนที่ดีที่สุดพาไปมรรคไปผล มีสติมันก็เป็นเกณฑ์ เป็นเกณฑ์ที่โต้ตอบตรวจสอบทักท้วงทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นกับกายกับใจเราง่าย ๆ เห็นกายสักว่ากาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขาไปทางนี้ อะไรที่มันเกิดขึ้นมากับกาย ที่มันซ่อนขึ้นมากายในกาย อันการที่เป็นรูปนี้ มันก็ไปของมันเอง รู้สึกความแก่ ความเจ็บ ความตาย การรู้ของกายนี้ เจออะไรที่มันเกิดขึ้นมาที่เราจะต้องศึกษาที่ต้องเห็นในบทเรียนเอาประโยชน์จากมันต่อยอดเอา มาร้ายเป็นดี สร้างความเห็นชอบได้อันที่เกิดกับกายกับใจเรานี้ อย่าไปสร้างความเห็นผิด เลือกเอาถลุงเอาย่อยเอา เห็นแล้วรู้แล้วนี่มันไม่เที่ยง มันไม่ใช่ของจริง มันเป็นของไม่เที่ยง เอาทิ้งกับของไม่เที่ยงไป ไปได้บทเรียนสิ่งไหนที่มันแสดงออกมาจากกายที่เป็นรูปนี่ บางทีมันก็เป็นสุขเป็นทุกข์ที่เรียกว่าเวทนา ก็สักว่าเวทนาซะ ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา อย่าเข้าไปเป็นผู้สุข อย่าเข้าไปเป็นผู้ทุกข์ อย่าเข้าไปเป็นผู้ชอบไม่ชอบ ไปถึงจิตใจ จิตวิญญาณ ร่วมรุมกันสร้างตัวสร้างตนขึ้นมาเป็นภพเป็นชาติ แต่จงเห็นว่าตัดประเด็นมันซะ นี้เวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ให้ตอบไปในความรู้สึกตัวลึก ๆ จะได้บทเรียนได้ความแยบคายตรงนี้
ถ้าจะอ่อนแอไปเข้มแข็งโน่นนี่ ถ้ามีผิดก็มีถูกตรงนี้ ถ้าหลุดพ้นก็หลุดพ้นตรงนี้ ถ้าไม่หลุดพ้นก็ไม่หลุดพ้นตรงนี้ เราหลุดพ้นตรงนี้บ้างไหมชีวิตที่เราเกิดมา ที่มันเกิดสุขเกิดทุกข์ที่มันอาการต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น อย่าเข้าไปเป็นอย่าได้เข้าไปเห็นตามความเป็นจริง ไปโทษใคร สุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ เป็นเช่นนั้นหรือชีวิตของเรา แค่นี้ก็ยอมหรือทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไร สุขก็มาก็ไม่มีอะไรที่เป็นดุ้นเป็นก้อน ทุกข์ก็ไม่มีอะไรที่เป็นดุ้นเป็นก้อน แต่เราไปถือว่าเป็นสุขของเราเป็นทุกข์ของเรา ใช้ชีวิตแบบนั้นหรือ ก็เสียชาติซิ มันก็ไม่มีประโยชน์เลย คอยรับใช้คอยเป็นทาส สิ่งเหล่านั้นเป็นนายของเราอยู่ สุขก็ยอมสุข ทุกข์ก็ยอมทุกข์ เห็นเวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขาซะ หลุดออกมา
จิตที่มันคิดมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน เป็นความคิดเฉย ๆ นี่ เคยเห็นจิตที่มันคิด เคยเห็นความคิดตัวเองบ้างไหม หรือไปตามความคิดไปทั้งหมดอ่ะนะ คิดอะไรขึ้นมาก็เป็นตัวเป็นตน ให้ความคิดพาสร้างภพสร้างชาติ คิดเป็นทุกข์ก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะความคิด เราเคยเห็นความคิด มีสติขณะที่มันคิด ให้เห็นเป็นสักแต่ว่าคิด เป็นสักแต่ว่าจิต ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ให้ทำแบบนี้ ศึกษาอย่างนี้เรียกว่าศึกษา โต้ตอบทักท้วงตรวจสอบ มันจะหลุด ถ้าไม่แก้ไม่หลุดตรงนี้ก็ยังผูกติดอยู่ สู้ไม่แก้คนแก่ไม่ไข มันก็ไปไม่ได้ ไปสักถึงไปคือหลุดพ้น ถ้าหลุดพ้นมันก็ไปได้อิสระภาพ
อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับกายกับใจ เป็นกิเลสตัณหาเป็นราคะ ก็สักแต่ว่าทำ ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ความง่วงหงาวหาวนอน เป็นสักแต่ว่าทำ ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ความสงบความปิติมันก็สักแต่ว่าทำ ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา อาการต่างๆ มากมายที่มันเกิดพร้อมกันในรูปในนาม แสดงมาเป็นธรรมารมย์ มีเชื้อมีสายร่วมกัน เหมือนกับขันธ์ห้ารวมมือกันทำงานขยันคนละแบบ เพื่อให้มันเป็นภพเป็นชาติ เป็นอุปาทานยึด รูปก็ขยันสร้างขึ้นมาให้มีอะไรมากมาย เวทนาก็ขยันสร้างขึ้นมาให้หมดเชื้อ สุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ เชื้อของเวทนา แล้วก็ยึดว่าตัวว่าตนและอันสุขอันทุกข์นั้น
สัญญาก็ติดจำเอาไว้ จำเอาไว้ บันทึกเอาไว้เก็บข้อมูลเอาไว้ ข้อมูลที่เลวๆ ทรามๆ ให้ติดค้างเป็นเหมือนกับคอมพิวเตอร์ให้ข่าวให้ข้อมูลไม่ดี มันก็ได้ภาพไม่ดี มันก็เลยชีวิตที่ไม่ดี จะให้ข้อมูลไม่ดีฝ่ายราคะก็ราคะจริต ข้อมูลไม่ดีฝ่ายโทสะก็โทสะจริต ฝ่ายโมหะก็เป็นโมหะจริต ยิ่งใหญ่รับใช้มันซอกๆๆ จนแก่จนตาย อย่างนี้เรียกว่าสัญญาที่ให้ข้อมูลแก่ตัวเองไม่ดี ไม่เคยให้ความรู้สึกตัวให้ข้อมูล กายใจของตัวเองไม่เคยฝึก แล้วก็ได้ ไม่ได้พุทธะจริตไม่มีพุทธะ ไม่ตื่นไม่เบิกบาน มีแต่ชีวิตที่เกิดทุกข์
เหมือนซอนแมลงซอนไซ ไม่เบิกบานสักทีไม่ตื่นสักที กลางคืนเป็นควันกลางวันเป็นเปลว กลางคืนวาดฝัน กลางวันวาดคิด หมกมุ่นครุ่นคิดหุนหันพลันแล่น คิดอย่างนี้ น่าจะเห็นที่มันแสดงมา ถ้ามีสติจะเปรียบเทียบได้ เกณฑ์ชี้วัดได้ ถ้ามีสติแล้ว เราจึงต้องรื้อ อย่างเช่นอย่างเรามีวิชากรรมฐานนี่ มันจะอยู่ไม่ได้ มันจะถลุงจริงๆ ถ้ามีกรรมฐานจริงๆ มีการกระทำจริงๆ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นทายาท เรามีกรรมเป็นของๆ เรา แน่นอนที่สุด ถ้าเราหลงเป็นหลงมีกรรมในความหลง ถ้าเราทุกข์เป็นทุกข์ก็มีกรรมในความทุกข์ ถ้าเราโกรธเป็นโกรธก็มีกรรมในความโกรธ ถ้ามีราคะปรุงแต่งในกิเลส ตัณหา ก็มีกรรมรับใช้เจตตัณหาไป
คนที่ผู้ศึกษาเขาจะต้องรู้จัก แปลกออกไปสักหน่อย มันมีจริง ๆ หรือรูปเป็นตัวเวทนาที่มันขยันที่มันเป็นสัญญา ร่างลองดูมันดูได้ไหม เปลี่ยนมานอนดู มีสติ สัญญา สังขารก็ขยันปรุง อยู่นิ่งไม่เป็น กายสังขาร จิตสังขาร ร่วมกันปรุงๆ แต่งๆ เพื่อไม่ให้หมดเชื้อ เหมือนหนอนที่เขี่ยขึ้นมาบนคูถก็มุดลงไปอีก เขี่ยขึ้นมาก็มุดลงไปอีก เห็นว่ามันมีความสุข ตอนติดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร กลายเป็นวิญญาณก็ติด ติดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ถูกไม่ต้องก็ยังติดอยู่ เวลาใดเกิดความไม่เที่ยงเกิดขึ้นก็เป็นทุกข์ ติดความทุกข์ ติดความไม่เที่ยงมาเป็นทุกข์ ติดความทุกข์เป็นทุกข์
ถ้าเรามีสติเราจะแบกได้ทุกกรณี จึงมีสติเป็นเจ้าเรือนสร้างกรรมฐานขึ้นมา แล้วก็จะถลุงหรือว่ารื้อถอน เห็นกายสักว่ากาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา มันจะรื้อถอนโครงสร้างอันนี้ เวทนาสักว่าเวทนาจะรื้อถอน สัญญาหรือจิตมันจะรื้อถอน ธรรมมันจะรื้อถอนโครงสร้างออก เหมือนพระพุทธเจ้าได้เปล่งอุทานเมื่อตรัสรู้แล้ว สังขารา แต่ก่อนนี้เราไม่มีสติ ไม่มีญาณหยั่งรู้ถึงกายถึงเวทนาถึงจิตถึงธรรม เราแล่นท่องเที่ยวไปกับมัน บัดนี้เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว ก็เจ้าสังขาร เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รู้แล้ว โครงเรือนเราก็รู้แล้ว เราได้รื้อแล้ว เจ้าสังขารจะทำให้เราอะไรไม่ได้อีกต่อไป จิตของเรา สติของเรา ญาณของเรา วิปัสสนาญาณของเราได้เกิดขึ้นแล้ว จนพาถึงมรรคถึงผลถึงนิพพาน นี่คือผู้ที่เป็นสมน้ำหน้าของขันธ์ห้า เราก็ได้สวดสาธยายพระสูตร อะไรก็มา เวทนาเป็นทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์ ความแก่ความเจ็บความตายเป็นทุกข์ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทุกข์ โดยจะย่อมันก็มีเท่านี้
เมื่อไม่มีอุปาทานขันธ์ทั้งห้า เหมือนกับมือห้านิ้วมันหันหลังให้กัน กำมือถึงมันก็ไม่ติดกันก็ปานนั้น มันไม่มีอุปาทานก็หลุดพ้นได้ ลองหันหลังมือใส่กันดูซิ กำดูซิ ดึงดูซิ มันก็ไม่ติด ถ้าเอามือหันหน้าไปเข้าหากัน ดึงมันก็ติด ดึงก็ติด สุขก็ติดไปถึงสุข ทุกข์ก็ติดไปถึงทุกข์ โกรธก็มาถึงความโกรธก็ดึงอยู่นี่ พอใจไม่พอใจก็ดึงอยู่นี่ ถ้ามันหลุดซะ มันก็จะพ้น หลุดพ้นได้ จึงว่าเรารู้จักเจ้าเสียแล้ว โครงเรือนของเจ้าหักยอดเรือนหักเสียแล้ว เราจึงง่ายๆ นะไม่ต้องขอแรงขออะไรไม่ต้องว่าอะไรทั้งหมด ตามความเห็นมีสติเข้าไป ใส่ใจสักหน่อย ใส่ใจเหมือนเราทำงาน ทำงานที่เราใส่ใจมันก็จะชำนาญ หัดอะไรก็ใส่ใจสักหน่อย ถ้าใหม่ๆ อาจจะไม่ชำนาญหรอก
ระหว่างเรารู้สึกตัวนี่มันจะหลงมากกว่ารู้ด้วยซ้ำไป เดินจงกรมนาทีสองนาทีอาจจะหลงหลายครั้ง สร้างจังหวะๆ หนึ่งวินาทีหนึ่ง 14 จังหวะจะหลงไปสักครึ่งหนึ่งรู้สักครึ่งหนึ่ง หัดใหม่ๆ ไปทางตาบ้าง ไปทางหูบ้าง ไปทางจมูกลิ้นกายใจบ้าง ลืมจังหวะที่ยกอยู่นี่ก็ดึงกลับมาได้ เอาบทเรียนจากที่มันหลงนั่นแหละกลับมาตั้งมั่น กลับมาตั้งไว้ มันจะชำนาญต่อเมื่อกลับมารู้ตรงนี้เรียกว่ากรรมฐาน ถ้าไม่กลับมาไม่เรียกว่ากรรมฐาน ไม่มีที่ตั้งเป็นกตัตตากรรม เป็นกรรมที่ไม่มีผล เราจึงต้องใส่ใจสักหน่อย ได้ไปเรียนจากความหลง ได้ไปเรียนจากสิ่งที่ไม่ใช่สตินั่นแหละมากมาย
บางคนอาจจะมีมากก็ได้รู้มากกว่าคนที่ไม่มีปัญหามาก ไม่มีบทเรียนมาก บางคนมีอะไรที่เกิดกับกายกับใจมากหรือใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้องมามาก อาจจะมาฝึกมามากติดอะไรมามาก แล้วยิ่งดีมาก จะได้รู้เห็นที่มันแสดงออกมา คนติดบุหรี่ก็จะแสดงถึงอาการที่ติดบุหรี่ คนที่กินเหล้าก็แสดงอาการที่กินเหล้า คนมีโทสะจริตก็แสดงโทสะจริตออกมา ถ้าได้เห็นจริงๆ แล้วนะ หักดิบตรงนั้นได้ ตื่นตรงนั้นได้ กระโดดได้ตรงนั้นได้ ถ้ามีสติดีๆ นะ ดักดูดๆ นะ จับได้ไล่ทัน มันคนละเรื่องละราวจริงๆ ระหว่างความรู้กับความหลง โตมันเกิดจากความหลงนั่นแหละ เราก็จับทางได้แล้ว ภาวะที่หลงภาวะที่รู้น่ะตรงกันพอดีเลย เหมือนทางแยก พอแยกผิดก็ไปไม่ถูกเลย
ถ้าไปทางแยกถูกก็ไปถูกเลย ไม่พยายามแยกให้ถูก ถ้าหลงให้เป็นรู้ ทุกข์ให้เป็นรู้ สุขให้เป็นรู้ อะไรก็ตามให้เป็นรู้ ถ้าสุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ พอใจเป็นพอใจ ไม่พอใจเป็นไม่พอใจก็ไปผิดเรื่อยๆ ผิดเรื่อยๆ ก็ชำนาญในความผิดไปซะมันก็เลยพลาด พลาดตรงที่มันผิด ผิดทีไรก็ผิดทุกที สุขทีไรก็สุขทุกที ทุกข์ทีไรก็ทุกข์ทุกที ไม่ได้บทเรียน ถ้ามีใส่ใจดีๆ จะมีบทเรียน มาดีก็จับบทเรียนได้ดีมันก็ทะลุๆๆ ไปหลายอย่าง ถ้าไม่ได้บทเรียนก็มืดๆมา ติดมาๆ หลายอย่าง แปดด้านก็มืดแปดด้านจนสู่อบายได้ ถ้ามันทะลุมีเปลี่ยนต้นตอดีๆ มันไปกันเอง ทะลุแปดด้านเหมือนกัน เห็นช่องเห็นทางได้กระแสแห่งพระนิพพาน เข้ากระแสแห่งพระอริยะบุคคลชั้นใดชั้นหนึ่ง อันมีเกรดดีหลงเป็นรู้ เกรดมันดี อะไรก็เป็นรู้เกรดดี เมื่อเกรดมันดีก็เลื่อนชั้นได้ เข้ามหาวิทยาลัยพาน มหาวิทยาลัยได้เอาเกรดไปอวดเลย ขี้วัดเลย อันนั้นเป็นสมมุติบัญญัติ
เกรดของปฎิบัติธรรมที่มันอยู่กับเราๆ ต้องสร้างขึ้นมาไม่ต้องมีอะไรมาอ้าง ไม่ต้องมีเส้นมีสายมาจากที่อื่น ไม่ต้องใช้สมองเหมือนกันเกรดการศึกษา มีแต่สติเท่านั้นที่เป็นเกรดพาไปถึงมรรคถึงผลนั่น เราก็สร้างได้ทุกคน เอามือมาวัดมันเข้า พลิกมือขึ้นก็รู้แสดงว่ามีหน่อแล้ว ยกมือขึ้นรู้ยกมือไป 14 จังหวะรู้ทุกจังหวะเท่าๆ กันหมดเหมือนกันหมด ถ้าศึกษาอย่างนี้ต้องเป็นเรื่องของตัวเองไม่มีคนอื่นช่วยได้ เห็นเองตอบเอง ทุกข์เองก็รู้เอง เป็นตำราเล่มใหญ่ กายใจนี่เป็นหลักสูตรอยู่ที่นี่เพื่อไปถึงมรรคถึงผล สูตรของกายสูตรของใจ ถ้าจบก็ถึงมรรคถึงผลก็จบกันนะ เรียนจบได้ไม่ใช่เรียนไม่จบ
ถ้าปฏิบัติกรรมฐานไม่จบเราจะทำไปทำไม ถ้ามันหลงเห็นมันหลงน่าจะจบง่ายๆ ทุกข์เห็นมันทุกข์รู้ขึ้นมาน่าจะจบง่ายๆ ในความหลงในความทุกข์ มันก็ไม่ใช่เรื่องอื่นที่มันงอกงามขึ้นมา น่าจะอยู่ในกำมือ ถ้าเราตั้งใจใส่ใจดีๆ จับหลักของมันได้ มั่นใจ เช่นเวลาเรานั่งยกมือสร้างจังหวะมันก็รวมชีวิตทั้งหมด เวลาเราเดินจงกรมมันก็รวมมาให้เราได้เห็นทั้งหมด เป็นด่านเป็นช่อง เป็นตักศิลาของแหล่งการศึกษา มีให้เห็นหมด ไม่ใช่เรื่องที่ภายนอก เรื่องภายในที่มันเกิดกับกายกับใจเป็นตักศิลาของการศึกษาไปสู่มรรคสู่ผลเท่าๆ กันมาหมดทุกคน ได้รูปได้นามมา อาการที่เกิดขึ้นกับรูปอาการที่เกิดขึ้นกับนามเหมือนกันหมด แม้แต่วิธีการปฏิบัติวิธีการศึกษาก็เหมือนกันหมดไม่ใช่คณะนั้นคณะนี้ พุทธศาสตร์เป็นคณะเดียว ถ้าจบสูตรนี้แล้วอันอื่นก็ง่าย อันอื่นก็ง่ายเหมาะแก่การงาน เราจึงต้องน่าจะพอใจภูมิใจ หลายอย่างที่ทำให้เราได้ภูมิใจ วัดวาอาราม ประเทศไทย ญาติโยมประเทศไทย ระเบียบวินัยของพระพุทธเจ้าที่บัญญัติพาให้เราได้สะดวก ไปไหนมาไหนในประเทศไทย
ไปถามอาจารย์ตุ้มเป็นยังงัยไปเดินธุดงค์พาเพื่อนไปเดินธุดงค์ที่วัดเราไปตั้งหลายชีวิต โอ้ย! ไปตามรอยของพระพุทธเจ้ารอยครูบาอาจารย์สะดวกทุกที่ ไปที่ไหนก็สะดวก มีที่นอนมีที่ใช้ชีวิตมีอาหารกินมีที่พระพุทธเจ้าได้สร้างไว้เป็นมูลนิธิให้เราได้อาศัย มีบาตรใบเดียวเป็นมูลนิธิ ธรรมสารูปเพศบรรพชิตนักบวชเป็นมูลนิธิของการใช้ชีวิต เพื่อการไปสู่มรรคสู่ผล ไม่ลำบาก โยมสนับสนุนส่งเสริมเรา มีแต่สิ่งที่สนับสนุนให้เราได้ปฏิบัติ ประมาทไม่ได้ อายๆ ตัวเอง เวลาใดเห็นคนยกมือไหว้ก็ประมาทไม่ได้ก็ทำให้เราได้ความบริสุทธิ์ ได้ไม่ประมาทไปพัฒนาชีวิตของเราจากสิ่งแวดล้อมจากศรัทธาจากศีลจากธรรม ยิ่งเราได้ปฏิบัติได้พบเห็นอาการที่เกิดกับกายกับใจก็ยิ่งมีชีวิตชีวา
เหมือนกับคุ้มค่าที่ข้าวสุกน้ำแกงที่ศรัทธาญาติโยมอุปถัมภ์บำรุงเรา โอ้! มันเพื่อการนี่หนอธรรมวินัย ระเบียบวินัยเพื่อให้เราได้ทำอย่างนี้หนอกระตือรือร้นแม้แต่มองถึงธรรมชาติของคน พ่อแม่ให้กำเนิดเกิดมาก็เพื่อการนี่หนอก็มองไป บางทีพ่อแม่ทำอะไรไม่ได้ก็วางลูกเอาไว้วางเอาไว้ เพื่อไม่ให้หมดพันธุ์ ให้เหลืออยู่เพื่อให้มาทำอันนี้ เหมือนกับผู้อยู่เบื้องหลัง โบกมือให้เราอยู่เสมอเอาเลยลูก เอาเลยลูก เอาเลยๆ สู้ๆ เหมือนว่าอย่างนั้น ถ้าเราทำอะไรลงไปที่มันถูกต้องเหมือนกับว่าคุ้มค่า เวลาเราหลุดพ้นจากอะไรมันคุ้มค่าที่เห็นพ่อเห็นแม่ ไม่เคยหลุดพ้นไม่เคยรู้เรื่องนี้ ก็ทำเผื่อพ่อเผื่อแม่ทันที เอ้านี่มือห้านิ้วสิบนิ้วเป็นของพ่อของแม่ กายใจเป็นของพ่อของแม่แล้วจะมาทำความดี การจะมาทำความดีมันก็กระตือรือร้น
องค์ว่าแก้วกล้าสง่าราศรี น่าลูกของคุณพ่อนี่ลูกของคุณแม่ ลูกสาวของคุณพ่อลูกสาวของคุณแม่ ลูกชายของคุณพ่อลูกชายของคุณแม่ นี่นั่งอย่างนี้ทำอย่างนี้วางจิตวางใจ เกี่ยวกับการสิ่งที่เกิดกับกายกับใจทำอย่างนี้มันหลงไม่หลงแล้ว ความทุกข์ไม่ทุกข์แล้ว นี่ลูกของพ่อของแม่ทำดีให้คุ้มค่าที่พ่อแม่ให้เราเกิดมามันก็ยิ่งสนับสนุนเราใหญ่มากมาย แล้วมีเทวดาๆ ก็สนับสนุนเรา มีธรรม 84,000 อย่าง เป็นกุศลสนับสนุนเรา เป็นอกุศล เป็นบทเรียนให้เราได้ศึกษา เราก็ได้ประโยชน์จากมันเราได้เรียนรู้จากมัน ได้ปัญญาจากมัน แต่ก่อนปัญหาเป็นปัญหา บัดนี้ปัญหาเป็นปัญญาแล้วก็ลึกซึ้งจิตใจ ได้เปลี่ยนอะไรที่มันไม่ดีในกายในใจมาเป็นความดี ทุกครั้งก็แม่นยำชัดเจน ได้เปลี่ยนหลงเป็นรู้มันขึ้นไปๆ ขึ้นไปๆ ก้าวไปให้พ้นไปเอาไว้หลัง ความหลงเอาไว้หลัง ความทุกข์เอาไว้หลัง ความโกรธความรักความชังอะไรก็ตามเอาไว้หลังๆ มันก็ปรากฏว่ามันหลุดพ้นอย่างนั้นจริงๆ ปฏิบัติธรรม ให้เราใส่ใจ
ถ้าเราไม่หลุดพ้นเราจะเดินอะไร เดินทำไม เหมือนคนเดินทางย่ำเท้าอยู่ไม่รู้จะเดินไปทำไม อาบแดดอาบฝนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่ได้ไปที่ไหน สติเหมือนการเดินทางเพื่อความหลุดพ้น เมื่อไหร่พ้นอะไรพ้นความหลง พ้นความผิด พ้นความถูก พ้นความสุข พ้นความทุกข์ พ้นความจุดหมายปลายทาง พ้นการเกิดแก่เจ็บตาย ถ้าไม่หลุดพ้นจะทำทำไม ถ้าไม่สำเร็จจะทำกันทำไม พระพุทธเจ้าก็มาหลอกเราเลย ท่านไม่ได้หลอกเราเลย สัมผัสดูซิ โถ่! มันเกิดศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ง่ายๆ แล้วก็ไม่เปลี่ยวเดียวดายเยอะแยะ พอผิดตรงนี่ เอ้อ ก็เห็นเอ้า สมัยก่อนพระอรหันต์ที่เกิดขึ้นมาก็ผิดตรงนี้ก็แก้ตรงนี้นะ มันหลงตรงนี้ก็แก้ตรงนี้นะ จนมีธรรมวินัยขึ้นมา ภาพมาสอนเรา
รอยพระพุทธเจ้า รอยธรรม รอยพระอรหันต์ เห็นกายสักแต่ว่ากาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา พระพุทธเจ้าได้เห็นตรงนี้ได้ผ่านตรงนี้ได้ทำอย่างนี้ เวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา โอ้พระพุทธเจ้าก็ทำอย่างนี้ง่ายๆ อย่างนี้แหละ อุ่นใจละ แล้วจะต้องให้สุขเป็นสุขอยู่นั่นหรือ พระพุทธเจ้าไปทางนี้แล้วไปทางนี้แล้ว ไปด้วยกับพระพุทธเจ้านั่นแหละ จะมานั่งหน้าเง้าหน้างอนอยู่หรือ เวลามาคร่ำเครียดก็นั่งอยู่คร่ำเครียดอยู่ที่นั่น เป็นเวทนาทุกข์เวทนา โอ้ย ไปแล้วพระพุทธเจ้าเห็นเวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลนั่นแหละ น่าจะกระโดดเข้าไป ยกมันออกไป เหมือนช่างตกหล่มก็ยกตัวขึ้นมา จิตตกหล่มก็ยกออกง่ายๆ สร้างกรรมฐานเอากรรมฐานเป็นเกาะเป็นที่พึ่งเป็นนิมิตปกไว้ ช่วยตัวเองด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
มองถึงพระพุทธเจ้า อะไรที่มันเกิดขึ้น มองตรงกันข้ามทุกกรณี อย่ามองแบบจนๆ ตรงกันข้ามทุกเรื่อง ไม่ใช่ตำแหน่งเดียว ไม่ใช่จำนนแล้วยอมได้ทุกอย่าง เอ่า! เอาเลย ๆ ถ้าโจรกำลังหุงข้าวให้เรากินอยู่โน่นไปบิณฑบาตท่าทางจะเตรียมอะไรไว้แล้วสนับสนุนเรา บางคนก็คิดโน่นคิดนี่ไว้แล้ว หลวงตาไปอยู่วัดภูเขาทองมามีญาติโยมมาหาตั้งสามคัน มาจากไกลจะไปไหน ก็เขาคิดถึงเรา เขามาหามาสนทนาธรรมกันนั่นแหล่ะ มีความสนับสนุนมากราบมาไหว้มีคนเห็นด้วย บางทีก็แผ่นทองมาขอให้เป็นสิริมงคลจะไปหล่อพระพุทธรูป เอาแผ่นทองมาให้เซ็นต์หนังสืออะไรก็ได้ จะเขียนอะไรก็ได้เอาเหล็กจานเหล็กนั่นมาให้ด้วย แล้วก็เขียนอย่างภาคภูมิใจว่า ไม่เป็นอะไรกับอะไร เขียนใส่แผ่นทอง ไม่เป็นอะไรกับอะไร อ่านก็ โอ้! สุดยอดนะนี่ ไม่ทราบ พอใจมาก ว่าไม่เป็นอะไรกับอะไร มันเหนือทุกอย่างแล้ว นั่นก็มีแต่สิ่งสนับสนุนเรา เวลานาทีก็สนับสนุนเรา เช่นวัดป่าสุคะโตก็สนับสนุนเรา จะชอบไม่คบใด ๆ ทั้งวันก็ได้อยู่คนเดียวปลีกวิเวกได้ทุกโอกาส ถึงเวลาฉันก็มาฉัน ตอนเช้าเจ็ดโมงครึ่ง ตอนเที่ยงสิบเอ็ดโมงมาฉันได้
บางทีก็มีศรัทธาเจ้าภาพสร้างกุฏิให้ทำไฟทำน้ำให้ มหาชัยมาทำปฏิพาทใต้ดินให้สายเท่าแขนนี่ทั่ววัด 500 ไร่ น้ำประปาน้ำไว้ให้ใช้ เปิดได้ทุกโอกาสถ้าไฟไม่ดับเพื่อความสะดวกในกรรมฐาน เครื่องใช้ไม้สอยนี่มีคนสนับสนุน โน่น! ไม่น่าจะขี้เกียจขี้คร้าน ขยันหมั่นเพียรไว้ มีสิ่งสนับสนุนเรามากมาย อ่า! หลวงพ่อก็เขี่ย หลวงพ่อก็จะเป็นมิตรไม่พาหลงทิศหลงทาง เพื่อนมิตรมาจากประเทศจีนมาจากศรีลังกา นั่น ก็อุ่นใจดี เพื่อนมิตรประเทศ พาสปอร์ตมิตรประเทศแต่ละชาติ นี่วันนี้ก็จะมีมิตรของเราไปพม่ากันแล้ว ไปดูซิพม่า หลวงตาก็มีคนนิมนต์ไปพม่า จะไปอย่างไรล่ะทีนี้ เขานิมนต์ไปเที่ยวพม่า พอดีกับวัดป่าสุคะโตจะไปพม่า แต่ว่าไม่ไปคราวนี้หรอก ถ้าไปเขาก็ดูท่าทางดีๆ ก่อน เป็นภาระต่อคนอื่น พวกเราอยากให้ไปมั๊ย แม่ชีวิ หะ ก็เคารพพวกเรานะก็เคารพมิตรเพื่อนมิตรวัดป่าสุคะโตที่ช่วยชีวิตเรารอดมา ถ้าเพื่อนห้ามก็ไม่ไป ถ้าเพื่อนไม่ห้ามก็ไป อ่า! เคารพเพื่อนอยู่นะ ถ้าจะให้ไปก็ไป คิดว่าไปได้มั๊ย แต่ว่าอย่าให้ไปแสดงธรรมเผยแพร่ไปไม่ได้นะ พูดได้ตั้งแต่ตอนเช้าที่นี่เท่านั้น ไปพูดนอกจากที่นี่พูดไม่ได้ นะ ถ้าไม่งั้นก็ไม่รับงานแสดงธรรมไปสวดไปฉันไม่ไป ถ้าไปเล่นๆ ไปเที่ยวไป อิสระแบบนั้น ไปได้อยู่คิดว่านะ แต่ถ้าไปรับการรับงานมันรับผิดชอบอย่างคนเอาไว้มานอนเฝ้าอยู่ 2 เดือน มาจากนิวยอร์กสหรัฐอเมริกามานิมนต์ไปสัก 5 ปี บอกว่าไปไม่ไหวมันแก่แล้ว ไม่แก่ยังดีอยู่ เราว่าเราแก่ เขาว่าเราไม่แก่ ยังแข็งแรงๆ มาเฝ้าอยู่สองเดือนเราไม่ไปหรอก