แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันหนอ หลวงพ่อก็มีอาชีพสอนธรรม ไปทั่ว ไม่ใช่เฉพาะหลวงพ่อ หลายรูปหลายองค์ พระสงฆ์องค์เจ้า ฆราวาส ญาติโยม มีทั่วๆไป
กำลังเป็นยุคทอง ยุคธรรม สอนไม่หวาดไม่ไหว ที่ไหนๆ ก็ต้องการ ถ้าจะไปตามความต้องการของผู้กระหายธรรมแล้ว ไม่ได้อยู่วัดล่ะ แต่ว่าก็แบ่งๆปันๆกันไป หลายรูปหลายองค์ ก็โดยเฉพาะสายงานหลวงปู่เทียนเนี่ยล้นมือ ในช่วงนี้ก็มีงานติดกันอยู่ 2-3 งาน อุดรธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่นด้วย 4 จังหวัด ก็แบ่งกันไป งั้นพวกเราก็ไม่ประมาท หมั่นเพียรศึกษาปฏิบัติธรรม ปลูกสติ สร้างความรู้สึกตัว ให้กายให้ใจมีสติ
สติถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับต้นกล้า ปลูกลงไปที่เนื้อนา ปลูกเอา ปลูกเอา ไม่ต้องไปใช้เหตุใช้ผลอันใด จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ไม่ต้องไปคิด เวลาปลูกก็ปลูกเอา ปลูกเอา ปลูกเอา ให้ได้มากๆ เน้อ บางทีส่วนประกอบกับการปลูกต้นกล้าต้นข้าว ก็ต้องมีปุ๋ย มีดิน มีน้ำ มันจึงจะงอกจะงาม หมายถึงมีศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา สิ่งที่ทำให้สติไม่งอกไม่งาม เช่นความคิด ฟุ้งซ่าน เหมือนกับต้นข้าวที่เราปลูกลงไป มันไม่มีน้ำเสียแล้วถ้าไปคิดน่ะ มันไหลหนีหมด อย่างดีก็แกร็นไปเลย ไม่งอกไม่งาม ไม่แตกหน่อไม่แตกกอ ไม่ถือคันถือท้อง ไม่มานไม่ถอก ไม่ได้ผลถ้าปล่อยให้มันคิดไป คิดไป มีแต่คิด ทำอะไรลงไปก็มีแต่คิด หาคำตอบจากความคิด อ่า มันแห้ง ปลูกข้าวก็น้ำแห้งหมด ปิดซะ ขยันตรงนี้ซะหน่อยชาวนา ขยันตรงปิดน้ำขังไว้ ตรงนี้ขยัน ถ้าขี้เกียจตรงนี้แล้วก็พลาดแล้ว พลาดแล้ว ไม่ได้ผลแล้วการทำนา บางทีเราไปขี้เกียจตรงนี้ เวลามันคิดก็ปล่อยให้มันคิดไป ขี้เกียจ ขี้เกียจทำ ไม่ได้ผลนะ
บางที ต้นไม้เราปักชำลงไปแล้ว ต้นไม้มันล้มลงมาทับต้นข้าวเรา ตรงนี้ก็ต้องขยัน ทำอันอื่นไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องเฉพาะหน้า ต้องรีบหามีดหาขวานมาตัดออก แบกขึ้น โบกขึ้น จากต้นข้าวที่ถูกทับถม ตกแต่งให้มันงามขึ้นมา ให้มัน อย่าให้มีอะไรมาทับ หมายถึงกิเลส กามราคะ ปฏิฆะ มานะ ทิฏฐิ พวกนี้มันทับ ทับสตินะ เอาออกทันที เวลานี้เอาออกทันที ต้องขยันตรงนี้อีกนะ ถ้าไม่ขยันตรงนี้ก็ข้าวอาจจะไม่มีเสียเลย ต้นกล้าที่ปลูกไว้หายสาบสูญไปเลย เพราะว่ากามราคะ ปฏิฆะ ความโกรธ ความโลภ ความหลงเนี่ย บางทีก็มีสิ่งไซซอน หนอนเจาะกอ เจาะกล้า ความง่วงเหงาหาวนอนพวกเนี่ย ต้องขยัน ขยันดูแลรักษา ขยันตรงอื่นไม่ได้ ขยัน...แต่ว่าหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ ขยันไม่ถูกที่ถูกทาง มันก็ไม่ได้ผลนะ ถ้าเราขยันถูกที่ถูกทางนะ โอ้!มันมีฝีมือ มันภูมิใจ น้ำมันแห้งเราปิดน้ำใส่นาเรา คือมันคิด พอมันคิดไป เราก็รู้สึกติ เปลี่ยนความคิดที่มันหลงไป เปลี่ยนมาเป็นความรู้ น้ำกำลังไหลเข้านา มานั่งอยู่ โอ้เรามีฝีมือ ภูมิใจ ภูมิใจตรงเนี่ย มีความสุขเหมือนกันนะ ไปเปลี่ยนตัวหลงเป็นตัวรู้น่ะ บางทีมันเกิดราคะ เกิดมานะทิฏฐิขึ้นมา สำคัญมั่นหมาย เปลี่ยนมาเป็นความรู้ เปลี่ยนมาเป็นความรู้ มีความสุขเหมือนกัน มีฝีมือตรงนี้ เปลี่ยนได้สำเร็จ ทำเป็น ทำเป็น เรียกว่าทำนาเป็น ไม่ใช่ปลูกเฉยๆ มันมีส่วนประกอบที่เกี่ยวกับต้นข้าวต้นกล้าที่เราปลูกไว้ หลายอย่าง ถ้าไม่ทำตรงนั่นให้สมบูรณ์ มันก็ไม่ได้รับผล รับหมาก รับผลอะไร
การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน นะ ให้เรารอบคอบ รอบคอบขยันตรงที่ขยัน ดูแลตรงที่ควรดูแล อย่าไปดูแลอะไรที่มันไม่ใช่จุดที่เราดูแล เราชำนาญในการดูแลผืนนาของเรา ปัญหามันอยู่ตรงไหนรู้หมด รู้หมด เพราะชำนิชำนาญ เหมือนคนเลี้ยงลูก ได้ลูกคนที่หนึ่งได้ปริญญาตรี ชำนาญในการเลี้ยงลูก ได้ลูกคนที่สองได้ปริญญาโท ได้ลูกคนที่สามได้ปริญญาเอก ชำนาญในการเลี้ยงลูก เอามา เอามา เอามาให้กู ไม่ไกลตาไกลหูของพ่อของแม่หรอก มั่นใจ ใครๆก็ไม่มั่นใจเท่าตัวเรา ถ้าเราได้อุ้มลูก ถ้าเราได้ป้อนข้าว ถ้าเราได้ให้นม ถ้าเราได้ดูแลต่างๆมันก็มั่นใจ ชำนิชำนาญ การปฏิบัติธรรมเนี่ยก็มีโอกาสชำนิชำนาญ เมื่อมีความชำนาญแล้ว แรงอาจจะไม่ออกแรงเท่าไหร่ มันมีปัญญาไปในตัว เหมือนชาวนา บางคนเวลาปักดำเนี่ยมัวแต่เดินไต่คันนา ชี้มือกงการ(บงการ) วันนั่นปักดำตรงนั่น ปักตรงนี่ นาแปลงนั่น ปั้นคันนาตรงนี่ เอาน้ำมานั่น วางโครงการ เลยไม่ปักดำ มีแต่ชี้มือ มีญาติหลวงพ่อ พ่อกำนัน เป็นน้องพ่อของแม่หลวงพ่อ(น้องของตา) ไม่ค่อยทำนา ให้หมู่ลูกๆทำนา เดินไปนั่น ชี้ไปตรงนั้น ชี้ไปตรงนี้ พวกลูกๆก็หัวเราะกันใหญ่เลย ชี้คนเดียว ชี้ไปชี้มา ชี้ไปโน่นชี้ไปนี่ พูดอยู่คนเดียว โครงการอะไรเยอะแยะ
การปฏิบัติธรรมนี่ก็เหมือนกัน บางทีมันก็ โครงการ จะทำให้ได้ จะทำให้ได้ จะเอาให้ได้ จะเอาให้ได้ เวลามันหลง อื้อ ทำไมมันหลง ทำไมมันหลง เวลามันสุขมันทุกข์ เอ้ออย่างนี้ดี เอ้ออย่างนี้มันไม่ดี ไอ้นั่นมันความหลงมันทำความเพียร ไม่ใช่ความรู้สึกตัว บางทีกิเลสมันทำความเพียรก็มี ไอ้กิเลสมันสั่ง มันสั่งให้ขยันก็ขยัน มันสั่งให้ขี้เกียจก็ขี้เกียจ มันสั่งให้หยุดก็หยุด มันสั่งให้ทำก็ทำ ระวังให้ดีๆ บางทีอ้างอันนู่นอ้างอันนี้ ดูดีๆ ให้มันเรื่องบริสุทธิ์ เฉพาะเรื่อง มีสติ จะหยุดก็สติ จะทำก็สติ หัด ฝึกหัด ฝึกหัด มันเบ๊าเบานะถ้าทำถูกเนี่ย ความรู้สึกตัวมาเบาบ๊าว กายลหุตา จิตลหุตา ความเบากายความเบาจิต การเดินจงกรมเนี่ยเบาหวิ๊ว ถ้ามีส่วนประกอบไม่ดีก็หนัก ยากนะ ฝืนแล่ว ทวนกระแส บุกบืน หน้าดำคร่ำเครียด ไม่ใช่ ต้องวางอะไรให้มันเหมาะสม สัมมาทิฏฐิ สัมมากัมมันตา สัมมาวายามา ความเพียรชอบ การงานชอบ ความตั้งสติไว้ชอบ ระลึกชอบ อะไรต่างๆมันมาทำให้เบา พลังร่วม เครื่องทุ่นแรง ที่มันเกิดขึ้นขณะที่เราทำความเพียร ของยากเป็นง่าย ของหนักเป็นเบาได้เหมือนกัน ความรู้สึกตัวน่ะ
ความรู้สึกตัว ยิ่งพวกเรามาประกอบเนี่ย อย่างเรามีสติเห็นกายเนี่ยสำเร็จ ยกมือไปทีหนึ่งรู้ โอ้มันสำเร็จจริงๆ 14 จังหวะ14รู้เนี่ย พอมันเกิดเวทนาขึ้นมา เห็นเวทนาเนี่ย เห็นเวทนาเนี่ย บางคนก็เป็นสุขเป็นทุกข์นะ เห็นเวทนานี่ มันน่าสงสาร สงสารเวทนาด้วย สงสารกายที่เป็นรูป ที่มันเป็นสุขเป็นทุกข์กับเวทนา สงสารจิตใจที่มันเป็นหลงสุขหลงทุกข์กับเวทนา มันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่ว่าเวทนาล้วนๆ มันเป็นปัญญาไปในตัว ขณะที่เห็นเวทนาเนี่ย มันไม่ลงโทษเราเลย มันกลายเป็นปัญญา กลายเป็นความเมตตากรุณา สงสารกายที่มันมีเวทนา สงสารจิตใจที่มันมีเวทนาที่มันเป็นสุขเป็นทุกข์ แล้วก็เกี่ยวข้องนะ ความเมตตากรุณาสงสาร สงสารตัวเองที่มันหลง สงสารตัวเองที่มันทุกข์ สงสารตัวเองที่มันโกรธ น่ะ มันกระตือรือร้นนะ ไม่ใช่หลงแล่ว ไม่ชอบ อันนั้นไม่ใช่ ถ้าไม่หลง เออชอบ อันนั้นไม่ถูกละ มันเป็นปัญญาทั้งหมดเลย การปฏิบัติธรรม การเจริญสติเนี่ย ดูดีๆ มันมีแต่บทเรียน ส่วนประกอบขณะที่มันหลง มันไม่ใช่หลงดุ้นๆ ความหลงสำหรับผู้ที่มีเพียร มันก็มีเพียร มันก็มีศรัทธา มันก็มีสติ มีเพียรยังไง เปลี่ยนความหลงเป็นความไม่หลง ไม่ท้อถอย มีสติ รู้ขณะมันหลง มีศรัทธาต่อความรู้สึกตัว ถือว่าความหลงมันไม่ใช่มิตรของเรา ไม่ใช่มิตรสติ เหมือนต้นไม้มันทับต้นกล้า หรือ กิ่งไม้แห้งๆมันหักลงมา มันทับต้นข้าวเรา ต้นหนึ่งสองต้น ชาวนาจริงๆเขาจะไม่เฉย เขาจะต้องลงไปเอา ไปยกออก ไปลูบต้นข้าวขึ้นมา หากว่ามันยังล้มอยู่มันแหมบอยู่ ก็เอาอะไรไปปักเทียมๆไว้ให้มันยืนขึ้นมา มันมีเพียรตรงนั้น มันมีศรัทธาตรงนั้น มันมีความรักตรงนั้น มันมีความเมตตากรุณาตรงนั้นด้วย สำหรับชาวนาจริงๆ ได้อะไรเยอะแยะไปหมดเลยนะ คิดถึงด้วย คิดถึงนาของเรา น้ำแห้งหรือเปล่าน้อ ไม่ได้ไป มีอะไรน้อ เสียหายหรือยังน้อ ไปเดินไปนา มันวิ่งเอานะ ศรัทธานี่โอ้ยมันรุนแรงนะ เหมือนผู้ที่ปรารภความเพียรเนี่ย นะ ก็จ้องอยู่เสมอ
โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมความเพียร การเจริญสติ มันไม่ไกลเหมือนกับทำนาด้วย มันอยู่กับเราจริงๆ สารพัดประโยชน์ สารพัดนึก แก้วสารพัดนึกนะ ชีวิตของเราเนี่ย เอามาสิ เอามาสร้างความรู้สึกตัว เอาความหลงน่ะมาสร้างความรู้สึกตัว เนี่ยล่ะแก้วสารพัดนึก เอาความทุกข์หรือ จะมา มันมี ที่ว่ามันมาย่ำยี่(ย่ำยี)เรา เอามาเป็นความรู้สึกตัว แก้วสารพัดนึก เนี่ยมันน่าภาคภูมิใจ เวลาเราปรารภความเพียร เวลาเราเจริญสติ มันก็ได้มรรคได้ผล เป็นกอบเป็นกำไปเรื่อยๆเลยนะ การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ไปอ้างนู่นอ้างนี่ รอนู่นรอนี่ ไม่มีเลย อยู่กับเรา อยู่กับเรา สิทธิหน้าที่ อะไรก็ตามมันอยู่กับเรา ผิดก็เรื่องของเรา ถูกก็เป็นเรื่องของเรา ทุกข์ก็เป็นเรื่องของเรา สุขก็เป็นเรื่องของเรา แต่คนอื่นบางทีก็ช่วยได้บ้างเวลามันหลง แต่ว่าถ้าคนอื่นช่วยตะพึดตะพือมันอ่อนแอนะ ต้องหมั่นตรวจสอบ หมั่นดูแลตัวเอง บางทีมันหลง มันผิด ก็ช่วยตัวเองเสียก่อน อะไรที่มันเกิดปัญหาขึ้นมา คอยชะเง้อชะแง้ อันนั้นก็ไม่ได้ ต้องช่วยตัวเองก่อน ความผิดเป็นครู ความรู้เป็นเตา ความชั่วเป็นตรี ชั่วดีเป็นตา อะไรท่านว่าไว้ เราก็เห็นเอาเอง เห็นเอาเอง เห็นเอาเอง
เวลาเราปรารภความเพียรเนี่ย ไม่มีตรงไหนลี้ลับหรอก ถ้าว่ากิเลสมันร้ายจริงๆ มันก็โง่ๆมันไม่ฉลาดอะไรหรอก มาแบบโง่ๆ เห็นสันหลังมันอยู่ ไม่ลับไม่ลี้ แต่มันก็ไม่มีศัสตราอาวุธอะไร แต่เรา ดูมันจริงๆ ธรรมย่อมชนะอธรรม อธรรม คือ กิเลส ธรรม คือ ปัญญา สติปัญญานะ มันมาโง่ๆ ความหลงก็มาโง่ๆ ความทุกข์ก็มาโง่ๆ ความโกรธก็มาโง่ๆ มาแบบไม่ลับไม่ลี้อะไร เราก็ดูเอา
เหมือนยุงเจ้าซุกซน ที่มันตะกละตะกลามมากัดเรา มันไม่ระวังตัว ถ้าเราอยากฆ่า มันก็ตายเอาตายเอา บางทีถ้าจะจับมัน ก็ให้มันกัดซะหน่อย แล้วก็ เราก็เอามือไปจับมันไว้ หรือเหลือบ เหลือบบางอย่างมันโง่ๆเหมือนกันนะ อย่างเหลือบ หรือเหลือกนะ(หัวเราะ) หลวงพ่อไปอยู่สหรัฐนะ เหลือบกวางตัวแปๆ(แบนๆ)เนี่ย มันบินปั๊บจับปั๊บเลย ดูดท่าเดียวเลย บี้เข้าไปเลย เอามือลูบออกไม่ยอมออก ต้องเอามือไปบีบ ดึงออกมา มันก็ต้องเจ็บตัวกว่าจะดึงออกมา ถ้าจะบีบให้มันตายมันก็ตาย บีบมันออกมาทิ้งออกไป คลานก้อมๆไปเนี่ย สมน้ำหน้ามึงบ๊อ มึงไม่รู้จักมนุษย์จักคนหรือ เขามีปัญญา เขามีมือ มาแบบไม่รู้หรือ ไม่รู้หรือ คล้ายๆบอก ความหลงที่มาเกิดกับเรานี่ มันก็ท้าทาย มึงไม่รู้จักกูหรือ พูดกับความหลง พูดกับกิเลส มึงไม่รู้จักกูหรือเนี่ย เนี่ยก็มนุษย์นะเนี่ย เนี่ยก็พระนะเนี่ย มันมาไม่ได้หรอกนะ ถ้ารู้สึกตัว รู้สึกตัว เวลาใดที่เอาชนะความโกรธ เวลาใดที่เอาชนะความทุกข์ เวลาใดที่เอาชนะกิเลสตัณหา โอ้ มันมีฝีมือนะ มีฝีมือ มันภาคภูมิใจ เราก็เคยชนะ ไม่มีแพ้นะ ปฏิบัติธรรมเจริญสติเนี่ย
การฝึกตนให้เป็นนักรบเนี่ย การเจริญสติเนี่ย เหมือนเขาฝึกไก่ชน เขาฝึกไก่ชนเนี่ย เขาจะต้องเอาไก่ของเขาไปชนกับไก่น้อยๆ เสียก่อน พอชนทีไรก็ชนะทุกที ชนทีไรก็ชนะทุกที ชนะสักสองสามสี่ตัว มันเอาไปเอามา มันไม่ยอมแพ้ใครล่ะ เขาฝึก เราก็เหมือนกัน ความหลงเนี่ยมันเปรียบเทียบกับความรู้สึกตัวพอดี๊พอดี ทำใหม่ๆนะ มันพอดีกัน อาจจะอ่อนแอกว่าความรู้สึกตัวด้วยซ้ำไป ความหลงเนี่ย ถ้าเป็นความโกรธก็อาจจะเสมอกันกับความรู้สึกตัว ถ้าความรู้สึกตัว ยังมีพลังน้อยๆ ใหม่ๆ ฝึกใหม่ๆ บางทีมันก็ลากไป เป็นความคิด ที่มันคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์ เปรอะเปื้อนอะไรมา บางทีมากก็ลากเราไป บางทีเกิดญานหอบเสื่อหาบหมอนหอบกระเป๋ากลับบ้านไปเลย มันหนักเหมือนกัน
เหมือนสมัยนานมาแล้ว หลวงพ่ออยู่วัดป่าสุคะโตเนี่ย มีพระรูปหนึ่ง สะพายบาตรสะพายย่ามมา มาขออยู่ด้วย คนอำเภอหนองสองห้อง โอ้ ดีๆๆ ผมก็อยู่องค์เดียว มาอยู่เป็นเพื่อนกัน โอ้คิดไว้นานแล้ว ตั้งใจจะมานานแล้ว แต่ไม่ได้มาซักที ตัดสินใจมา ดีๆ คุยกันไปคุยกันมา คว้าเอาห่อยามาสูบ อุ๊ย ที่นี่เขาไม่สูบยานะ(หัวเราะ) เค้าไม่สูบยานะเนี่ย ที่นี่เขาไม่สูบบุหรี่นะ หลวงพ่อก็ลุกไปเอา เพราะว่าเขาเอาห่อยามาสูบ ลุกไปเอาเสื่อ เสื่อก็ก้อ(ม้วน)ไว้ ก้อสอดไว้กับต่ำ(แป)กับเชือก ไปเอาเสื่อจะปูให้เขานั่ง พอเอาเสื่อปู งูเขียว งูเขียวมันอยู่ในเสื่อ โอ้(หัวเราะ) เขาหาว่าหลวงพ่อ เอางูไปใส่เขา ทำไมเอางูไปใส่เขา พอคุยกันไปคุยกันมา ผมไปเล่นบ้านโยมสักหน่อย ไปบ้านพ่อกว้าง ค่ำแล้วก็ยังไม่มา ก็ตามไปดู จุดดังก่อไฟ นอนอยู่ใต้เล้า โยมไปเรียกมา ก็ไม่มา เพียงบุหรี่เนี่ย เพียงไม่ให้สูบบุหรี่เนี่ย ไปกันใหญ่เลยเนี่ย มันลากไปนะ ทีแรกก็ตั้งใจจะมาอยู่ด้วย พอท้วงนิดเดียวว่าที่นี่ไม่สูบบุหรี่ ไปกันเลย เนี่ย ไม่ไม่เอาเลย มันก็ลากไปได้ สติยังไม่มี นิโคตินบุหรี่ที่มันเคยหิว มันเกิดขึ้นมา มันเอาไม่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ฝึกตนเอง หลวงพ่อก็เคยฝึกเหมือนกัน เคยติดบุหรี่มาเหมือนกัน ถ้าจะไปอดซึ่งหน้าเนี่ย มักจะไม่ได้ เพราะว่าการเอาชนะบุหรี่มันเห็นทุกข์ เห็นรูป เห็นนาม สงสารรูป สงสารนามเนี่ย ไม่ได้อดซะหน่อยเลย โอ้อันนี้มันดีนะ เหมือนยาคุณหมอให้ ยาแก้ไข้แก้ปวดยาแก้แพ้ ไม่ต้องไปเกามันแก้คัน พอให้กินยาแก้แพ้ลงไปน่ะ ปั๊บเดียวหายคันไปเลยเนี่ย อันนี้ก็โอสถธรรมะที่เป็นปัญญา ที่ไปเห็นรูปเห็นนามเนี่ย เห็นรูปทุกข์เห็นนามทุกข์ สงสารรูป บุหรี่นี่หลุดไปเลยไม่ได้อดเลย ไม่ได้สู้เลย นิโคตินมันหายไปไหนไม่รู้ ตัวปัญญา ตัวปัญญา แต่ก่อน โห้ ใจด้วย เหนื่อยด้วย หลายอย่างที่มันหิวบุหรี่ มันอดน่ะ ต้องอดต้องทน กัดฟันสู้ พอมาเห็นรู้ทุกข์นามทุกข์เนี่ย โอ้ยไม่ได้อดสักหน่อยเลย มันหลุดไปเลยมันหลุดไปเลย อย่างนี้เรียกว่าปัญญา ขนส่งนะ ถ้าไปอดตัวต่อตัวเนี่ยไม่ได้
เหมือนไปอยู่ขอนแก่น เค้า น้องชายติดเฮโรอีนมาให้ ก็ตรวจกระเป๋า ได้เฮโรอีนสองหลอด เขาขอยึดไว้ เขาก็บอกว่าผมก็มีเท่านี้หลวงพ่อ ผมก็เอามาเผื่อมันจะไม่ไหว ผมก็ขอให้หมดสองหลอดแล้วผมก็จะเลิกแล้ว ไม่ได้หรอก จะทำกับผมยังไง หักเลย หยุดเลย พอบอกว่าหยุดเท่านั้น ช็อกไปเลย ล้มลง พี่สาวก็ต้องไปกอดเอาไว้ กอดเอาไว้ หน้าซีดไปเลย ช็อกไปเลย เนี่ยมันไม่ไหว บางที มันก็ถ้าว่าหักดิบ หักดิบไปเลย เขาก็กลัวแล้ว บางทีถ้ากำลังความเพียรสติไม่มี มันแพ้ตะพึดตะพือนะ ว่าอะไรๆก็ตามเถอะ ขณะนี้ เรามาสร้างสติไว้ก่อน อย่าไปมองว่าเราจะสู้ได้หรือเปล่า กิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด โอ้ยมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละที่จะสู้เรื่องนี้ได้ เรานี่มันกิเลสหลาย กิเลสหลาย ตัณหามาก สู้ไม่ได้หรอก อย่าไปคิดแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ไม่คิด มาทำเลย มาประกอบเลย มาประกอบ มาเจริญสติเข้าไป เอ๊ายกมือ รู้เอา รู้เอา รู้เอาๆๆๆ ไปเลย
เหมือนเราปักดำนา คราดนางานใหญ่ๆ เรามาก้มดู เราจับมัดกล้า เราสองคน โอ้ จะเสร็จมั้ยน้อ วันนี้น้อ ดูกำลังคน กับดูงานนาที่เราคราดที่เราไถไป จะเสร็จมั้ยน้อ จะเสร็จมั้ยน้อ จะไหวหรื๊อ จะไหวหรื๊อ ไม่ได้ถ้าไปคิดแบบนั้น อ้าวอย่าไปคิดแบบนั้น ไม่ต้องดู ปักลงไป ปักลงไปๆๆ ขอให้เร่ง ปักเอา ปักเอาๆ โอ้ยมันเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้น่ะ งานมันก็สร้างงานไปเรื่อยๆ ไม่ให้คิด
การปฏิบัติธรรมไม่ได้สอนให้คิดเอาเหตุเอาผล เป็นการกระทำล้วนๆ เป็นการกระทำล้วนๆ ลงมือสัมผัสเข้าไป สัมผัสเข้าไป อะไรที่ไม่ใช่สติเปลี่ยนมาเป็นสติ เปลี่ยนมาเป็นสติ อย่าไปหารายละเอียด จับผิดจับถูกมากเกินไป ไม่ใช่จับผิดจับถูกเอาเหตุเอาผลไม่ใช่ กรรม กรรมฐาน ที่ตั้งของการกระทำ เขาบอกตรงๆอยู่แล้ว ฐานก็มีอยู่แล้ว นิมิตนี่เคลื่อนไหวไปมา เห็นโจ้งๆ ให้มันรู้อยู่ ให้มันรู้อยู่ ให้มันรู้อยู่ อันนี้น้าปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็มั่นใจจริงๆว่า ต้องพบเห็นต้องสัมผัสกับธรรมะ เพราะมันไม่ลี้ลับ มันธรรมะนี่ก็ด๋าย แล้วก็เป็นกอบเป็นกำเป็นมัด เป็นผลตั้งแต่เริ่มต้น สร้างสติมันก็มีสติ สติมันก็ไปเห็นความหลง ไม่เคยเห็นความหลง โดยเฉพาะความหลงที่เกิดจากความคิด ความคิดที่มันหลง ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นความคิดตัวเองเลย พอทำไปทำไป เห็นมันหมดเห็นอันนี้มาฉายให้ดู เห็นความคิดตัวเอง โอ้ กระตือรือร้นเหมือนกันนะ เห็นความคิด โอ้มันคนละอันกัน อันนั่งอยู่นี่มันก็อันหนึ่งแล้ว มันเป็นกายมันเป็นรูป อันที่คิดไปนู่น มันคือความคิดน่ะ มันดึงไปได้ มันมีพลังเหมือนกัน พอรู้สึกตัว กลับมากับฐานกับนิมิตที่ตั้งไว้เนี่ย มันก็หยุดได้ มันก็หยุดได้ อันนี้แหละเห็นชัด เห็นงานเห็นการ เรียกว่าเห็นงานเห็นการ ได้งานได้การ เป็นการงานชอบตรงนี้นะ พอมันรู้ มันก็หมดไปจริงๆ ความคิดที่มันไหลที่มันคิดไปต่างๆนานา แล้วมันก็เปรอะเปื้อนมาก มันเป็นนิสัยด้วย อันความคิดที่มันเคยชินในเรื่องต่างๆนะ พอมาให้มันรู้สึกตัว มันก็ไม่ยอม มันก็แสดงออกมา ก็ได้งานได้การ มาเห็นเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับกายกับจิต มันไม่ใช่เล็กๆน้อยๆ สนุกแล้วบั่นนั่น การสอนตัวเองเนี่ยมันสนุกกว่าการสอนคนอื่น แล้วมันก็ทำได้
การสอนตัวเอง การเรียนรู้กับกายกับใจ บทเรียนที่ได้จากกายจากจิตใจเนี่ย เป็นบทเรียนที่หา..หายาก ไม่มีใครสอนเรา นอกจากเราที่จะมาดูแลมาสอนมาดูตัวเอง ก็เลยขยันตรงนี้ ขยันสร้างจังหวะ ขยันยกมือ เหมือนกับกวนมัน ถ้าไม่สร้างจังหวะ ถ้าไม่ยกมือ ไม่ปลูกสติ ถ้ามันคิดน่ะ มันไม่มีรสชาตินะ แต่ถ้าเราตั้งไว้กับความรู้สึกตัว มันคิดไปไง ตรงนี้มีรสชาติ เห็นจังๆ คาหนังคาเขา ของเท็จของเถื่อน ของจริงของไม่จริง มันตรงกันพอดี มันตรงกันพอดี แล้วตัวรู้ที่เราสร้างเนี่ย ตัวรู้ที่เราสร้างเนี่ย มันก็พัฒนาไปเรื่อยๆ มันจะเห็นความหลงชัดกว่าเก่า ชัดกว่าเก่า ระหว่างตัวรู้ ระหว่างตัวหลง ทำใหม่ๆมันก็ครึ่งรู้ครึ่งหลง พลัดเข้าไปง่ายๆ พอทำไปทำไป มันจะเห็นความหลงชัดเจนมากนะ บางทีพอเห็นความหลงชัดเจนเนี่ย ทำใหม่ๆมันก็ยากสู้กับความคิด พอทำไปทำไป มันสนุกมันหัวเราะได้ หัวเราะความคิดตัวเอง หัวเราะความหลงตัวเอง หัวเราะความทุกข์ตัวเอง มันเป็นอย่างนั้น มันแก่กล้า ความรู้สึกตัว ไม่ได้สู้ ไม่ได้สู้ เพียงแต่มีความใส่ใจแยบคาย ความแยบคายเนี่ยมันไม่ได้ออกแรงนะ ความแยบคาย ความสุขุมเนี่ยไม่ได้ออกแรงเลย มันแพ้ไปแล้ว ไม่ใช่ว่ากัดฟันสู้เหมือนเราทำอะไร ความรู้สึกตัวเนี่ย มันเป็นความแยบคาย เป็นความสุขุมรอบคอบเฉยๆ ความเห็น เป็นทั้งปัญญาตั้งแต่เริ่มต้นเลย การเจริญสติเนี่ย ไม่ต้องรอ เข้าอยู่ในไตรสิกขาไปทันทีเลย เข้าอยู่ในองค์มรรคทันที เข้าอยู่ในหลักอริยสัจทันที ลุยตรงนี้ได้เลย เห็น ปัญหาต่างๆ เห็นเหตุเห็นผลต่างเห็นหลักเห็นฐานของมัน ไม่ต้องไปงมๆซาวๆ ทำไมมันจึงหลง ไม่ต้องไปทำไม เพราะเราไม่รู้มันจึงหลง เราก็กลับมารู้ซะ ความรู้เนี่ยเราก็สร้างได้
มือของเรา กายเคลื่อนไหว14จังหวะ นิมิตเนี่ย บัพพะ กายบัพพะ สัมปชัญญะบัพพะ เป็นธาตุเขย่า ธาตุรู้ได้ อย่างพอเพียง ไม่เหมือนลมหายใจนะ ไม่เหมือนดูลมหายใจนะ มันตื่นมันรู้มันพอเพียง มันเหมาะ มันเหมาะกับการเริ่มต้น มันเหมาะกับการเริ่มต้นที่มันได้สัดได้ส่วน ได้ข้อมูล ได้หลักแหล่งนะ อันยกมือสร้างจังหวะ เราก็เปรียบเทียบลองดู เราเคยนั่งหายใจเข้าหายใจออกบริกรรม มันเวลามันพัดเข้าไปในความหลงความง่วง มันไม่เห็นชัดเท่ากับเรามาสร้างสติแบบกายเคลื่อนไหว ลืมตาโจ้งๆ ยกมือไปยกมือมา ปั๊บ...มันคิดไป หรือมันง่วงอยู่เนี่ย ปั๊บเข้าไปเนี่ย เราก็เห็นอยู่แล้ว มันโจ้งๆ ตัวนี้มีน้ำหนักอยู่แล้ว มีฐานมีที่ตั้งอยู่แล้ว เหมือนเรายืนอยู่ ในที่ที่ยืนได้มั่น มีอะไรมากระทบกระเทือน มันก็ไม่เซไม่ซัดส่ายได้ง่าย หรือเราจะฟันขวาน ถ้าเรายืนไม่มั่น แรงของการฟันขวานฟันมีดก็ไม่เต็มที่ ไม่ไม่มีแรงถ้ายืนไม่มั่น การกรรมฐาน วิชากรรมฐาน มันยืนมั่นๆ เวลาเราเหวี่ยงไปเนี่ยกับความรู้สึกตัวเนี่ย มันจะหลงมันก็เหวี่ยงขึ้นมาได้ ออกแรงได้ดีกว่า ไม่เหมือนกับดูลมหายใจเข้าหายใจออกนะ อันนี้ไม่พูดด้วยเหตุด้วยผล พูดด้วยการกระทำ ที่ได้ทำมาอย่างนี้ แล้วก็อยากจะสอนคนให้ทำแบบนี้ แล้วก็สอนแบบนี้ อย่างอื่นไม่สอนแล้ว หยุดแล้ว ไม่สอนจริงๆ แบบอื่นไม่สอนจริงๆ ไปสอนไหนก็ตามต้องสอนแบบนี้ สอนในประเทศไทยก็สอนแบบนี้ สอนต่างประเทศก็สอนแบบนี้ เพราะว่ามันเหมาะสมที่สุดเลย ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดลัทธินิกาย ไม่จำกัดเพศวัย ไม่จำกัดชาติชั้นวรรณะ มันเป็นหลักของสากล การปฏิบัติธรรมแบบนี้นะ ขอพูดว่าแบบนี้ เพราะว่าเรามั่นใจจริงๆ
ผู้ที่ศึกษาผู้ที่ปฏิบัติก็เอาตรงนี้ไปเลย ตั้งต้นจากตรงนี้ไปเลย ไม่ต้องไปเอาเหตุเอาผลหรอก หลวงพ่อเนี่ยเคยเสียเวลาเรื่องเหตุเรื่องผลมามาก เช่นเราเดินจงกรม เราเดินให้รู้ อ้อเราเดินให้รู้ แต่ก่อนเราเดิน เดี๋ยวก็เดินนานเท่าไหร่ ปักธูปไว้ เอาธูปกำหนด เวลามองธูปด้วย เมื่อไหร่ธูปมันจะหมดจะได้นั่งเนี่ย มันมันหลงไป โอ๊ย..กำหนดรู้ไป รู้ไป รู้ไป กลับไปกลับมา รู้ไปรู้ไป กลับไปกลับมา อ้าวก้าวไปมันก็เห็นรู้ ก้าวไปมันก็เห็นรู้ อ้าวตัวรู้มันเกิดได้จากกาย ที่ก้าวไปได้จริงๆ ก้าวทีไรมันก็รู้ ก้าวทีไรมันก็รู้ ตัวรู้กับตัวรูปที่มันก้าวไป วัตถุที่รู้กับตัวรู้ที่ไปรู้เนี่ย มันพร้อมกันพอดี ไม่ใช่คิดเอา มันก็เห็นรูปเห็นนามทันที