แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านพุทธทาสที่เคารพฆราวาสอย่างสูงยิ่ง วันนี้วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานีได้มอบหมายให้พวกกระผมซึ่งเป็นคณาอาจารย์ฝ่ายกิจการนักศึกษา นำนักศึกษาของวิทยาลัยครูฯ ซึ่งสำเร็จการศึกษารวมทั้งหมด ๖๑๖ ท่าน คือแยกเป็นนักศึกษาที่จบปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต ๒๗๕ คน นอกนั้นเป็นนักศึกษาที่สำเร็จชั้น ป.ก.ศ. ชั้นสูง นักศึกษาเหล่านี้หลังจากเรียนจบตามหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว ทางวิทยาลัยได้จัดให้มีการตัดสินกรุงเทพฯเป็นเวลา ๓ วัน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ ๑๐ ที่แล้วมา ในช่วงสองวันแรกเป็นภาคทฤษฎีวิชาการทั้งหลาย ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้ส่งวิทยากรมาให้ความรู้ เฉพาะวันนี้เป็นวันสุดท้าย ทางวิทยาลัยฯได้ เมื่อนักศึกษาได้มารับฟังธรรมะบรรยายและธรรมะปฏิบัติจากพระเดชพระคุณท่านและสำนักสวนโมกขพลารามครับ อ่า, กระผมขอ อ่า, ขอกราบเรียนถวายเพียงแค่นี้ นักศึกษาทั้งหมด กราบ
ท่านที่เป็นครูบาอาจารย์และที่กำลังจะเป็นครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลายสู่สถานที่นี้ในลักษณะอย่างนี้ และขอร้องให้กล่าวสิ่งที่จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ความเป็นครูบาอาจารย์ตามสมควรแก่เวลา ในเรื่องแรกที่สุดก็อยากจะพูดว่าคนที่เกิดมาได้เป็นครูบาอาจารย์นั้น ต้องเรียกว่าเป็นคนที่มีโชคดีที่สุด เพราะว่าถ้าเป็นครูบาอาจารย์โดยแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงลูกจ้างสอนหนังสือหากินไปวัน ๆ หนึ่งแล้ว ย่อมเป็นปูชนียบุคคล คือผู้ที่โลกทั้งปวงบูชา เขาเรียกว่าปูชนียบุคคล มันจะเรียกว่าเป็นอาชีพก็ได้เหมือนกัน แต่เขาเรียกว่าอาชีพของปูชนียบุคคล คือได้ทำประโยชน์ให้แก่มหาชนมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับมากนัก ถ้าเป็นกรรมกรก็ทำประโยชน์แก่ผู้จ้างพอสมควรแก่การงาน โลกไม่ได้รับประโยชน์มหาศาลอย่างที่พวกครูทั้งหลายจะพึงทำให้ ดังนั้นเราจะต้องพูดกันถึงคำว่าครูคืออะไรกันเสียก่อน ขอย้ำว่าครูนั้นไม่ใช่ลูกจ้างรับสอนหนังสือหากินไปวัน ๆ เอาเงินเดือนไปหาความเพลิดเพลินทางวัตถุทางเนื้อทางหนังทางกามารมณ์ทางอะไรซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่หวังกันโดยมากสำหรับผู้ที่กำลังจะเป็นครู เรียนครูด้วยความหวังข้างหน้าว่าจะได้เงินเดือนไปใช้จ่ายเป็นอยู่ตามสบายตามสะดวกตามพอใจ ไม่เคยคิดที่จะทำหน้าที่ของครู อุดมคติของครูเกียรติยศของครูมันมีมาก มีจนพูดกันสั้น ๆ ว่า อยู่ ผู้ที่อยู่บนหัวคน หมายความว่าเป็นที่เคารพนับถือของคนทุกคนที่เป็นลูกศิษย์ เลยเป็นปูชนียบุคคลเพราะเหตุนี้ หน้าที่ของครูโดยตรงนั้นไม่ใช่เพียงแต่สอนหนังสือ ไม่ใช่เพียงแต่สอนหนังสือตามหลักสูตร แต่มีหน้าที่ทำให้จิตใจของลูกศิษย์นั้นสูงขึ้น สูงขึ้นตามความหมายของคำว่ามนุษย์ มีการค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับภาษา เกี่ยวกับคำว่าครูนี้ ปรากฏว่าในทางภาษาศาสตร์อันลึกนั้น คำว่าครุนี่ เป็นกริยาศัพท์หมายถึงผู้เปิดประตู ผู้เปิดประตู จำคำว่าเปิดประตูไว้ก่อน เปิดประตูอะไร เปิดประตูคอกที่กักขังสัตว์ทั้งหลายไว้ คือคนทั้งหลายเสมือนหนึ่งอยู่ในคอก คอกแห่งอะไร คอกแห่งความไม่รู้ แห่งอวิชชา คนตามธรรมดาถูกขังอยู่ในคอกของอวิชชา เป็นเสมือนที่มืดมองไม่เห็นและสกปรกเพราะว่าหมักหมมอยู่ด้วยความไม่รู้และเต็มไปด้วยความทรมาน หมายความว่าในคอกนั้นมีความทรมาน มีอาการมืด สัตว์ที่ไม่รู้ทางออกมันถูกขังอยู่ ครูเป็นผู้เปิดประตูให้สัตว์เหล่านั้นออกมาได้จากคอกดังที่กล่าวแล้ว ลองคิดดูว่ามันมีค่าสักเท่าไร ความหมายด้านจิตใจมันเป็นอย่างนี้ กริยาภายนอกเป็นแต่สอนหนังสือหากินไปวันหนึ่ง วันหนึ่งนั่น อย่าหวังเพียงแค่นั้น เป็นความหวังอย่างรูปเด็กๆ รู้จักแต่เรื่องกิน เป็นเรื่องทำมาหากินไปเสีย ขอให้ไปไกลกันถึงอุดมคติที่ว่าเป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ คือทำทุกอย่างให้เกิดความสว่างไสวแจ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ ให้ศิษย์นั้นเดินถูกทางของความเป็นมนุษย์ จนถึงกับว่าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของความเป็นมนุษย์ คนโง่ๆก็คิดว่าเกิดมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องแหละ พยายามหาความสนุกสนานกันให้เต็มที่ ฉะนั้นจึงใช้เงินไปในทางอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนันอะไรก็ตาม หรือแม้ที่สุดแต่ว่าจะแสวงหาปัจจัยเครื่องเกื้อกูลเพื่อบำรุงบำเรอชีวิตนี่ไปตามอำนาจของกิเลส อย่างนี้มันก็ไม่ถูก ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ ไหนๆก็จะเป็นครูแล้วก็ขอให้รู้จักสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ คือชีวิตชนิดที่มีความทุกข์ไม่ได้ เป็นชีวิตที่ประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ธรรมะ ตลอดทุกกระเบียดนิ้วทุกเวลาทุกอิริยาบถ คือประกอบอยู่ด้วยการกระทำที่ถูกต้องของความเป็นมนุษย์ ทุกวินาที ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกอิริยาบถของชีวิต นี่ฟังดูให้ดีอาจจะเกิดผลเป็นสองทางก็ได้ คือบางคนอาจจะเห็นว่าไม่ไหวมากเกินไป สู้เป็นครูหาเงินกินไปวันๆ หนึ่งไม่ได้ แต่บางพวกที่มีความคิดนึกสูงอาจจะพอใจในการที่จะได้สอนคนให้เป็นมนุษย์ที่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ คือมีชีวิตที่สะอาด สว่าง สงบ มากเท่าที่จะทำได้ แล้วก็เรียกว่าเป็นมนุษย์ที่เต็ม เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ หมายความว่าเป็นผู้อยู่เหนือปัญหาความทุกข์ยากลำบากทรมานโดยประการทั้งปวง ถ้าไปไกล การให้ถึงที่สุดแล้วมนุษย์ไปได้จนถึงกับเป็นพระอรหันต์ แต่นี่มันจะเหนือความสามารถของเรา เอาแต่เพียงว่าเป็นมนุษย์อยู่ในโลก มีชีวิตชนิดที่มีความทุกข์น้อยสุด คือไม่ทุกข์ตามแบบชาวโลก มนุษย์ควรจะได้สิ่งที่ดีที่สุดอย่างนี้ไม่ให้เสียทีที่เกิดมา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายควรจะเป็นอย่างนั้นได้เองเสียก่อน จึงจะสามารถสอนผู้อื่นให้เป็นอย่างนั้นได้ ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายทุกคนสนใจที่จะศึกษาธรรมะสำหรับทำมนุษย์ให้เป็นมนุษย์เต็มเปี่ยม เป็นมนุษย์เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ เดี๋ยวนี้ที่เราพูดกันอยู่นี่มันยังไม่ค่อยถูกนะ ไม่ใช่เต็มเปี่ยมอย่างที่จะพูด ก็อย่างคำที่พูดกันอยู่บ่อยๆ ไอ้คนนี้ไม่เต็มบาทหมายความว่าบ้าๆบอๆ ไอ้คนนี้มันเกินบาทมันก็หมายความว่าบ้าๆบอๆ ไอ้คนที่เต็มบาทตามธรรมดานั่นน่ะคือคนปรกติทั้งนั้น เต็มบาท แต่ยังไม่ได้หมายความว่าเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ที่เราจะพูดถึง ถ้าเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์มันมีอะไรดีมากมายแหละ ให้มีความเป็นอยู่ที่น่าเคารพน่าเลื่อมใสแล้วก็มีความสงบสุข ดำเนินชีวิตอยู่โดยปราศจากปัญหาแล้วหาความสุขได้แท้จริง หาความสุขแท้จริงได้ ข้อนี้อยากจะบอกให้ทราบเป็นหลักสำคัญว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ต้องซื้อด้วยเงินและซื้อด้วยเงินไม่ได้ ที่ซื้อด้วยเงินได้นั้นเป็นความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ที่คนหนุ่มคนสาวทะเยอทะยานชะเง้อหากันนักนั้น มันเป็นเพียงความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง คือมันร้อน มันเรื่องกามารมณ์เป็นส่วนใหญ่น่ะ ในความเพลิดเพลินที่หลอกลวงมันมีเรื่องกามารมณ์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพอจะเข้าใจกันได้ว่าหมายถึงอะไร มันเรื่องความรู้สึกทางเพศ แล้วมันก็ต้องทำไปด้วยความโง่ความหลงในความรู้สึกทางเพศ ก็เรียกว่ากิเลส ตัณหา อวิชชา แล้วมันจะเป็นความสุขได้อย่างไร มันเป็นเพียงความเพลิดเพลินที่หลอกลวง อย่าเตรียมเป็นครูหาเงินเดือนไปบูชาความเพลิดเพลินที่หลอกลวงอย่างนั้นเลย รู้ รู้จักความสุขที่แท้จริงคือเยือกเย็นและสงบ ข้อนี้ได้แก่ความสุขที่เกิดมาจากการรู้จักความเป็นมนุษย์อย่างถูกต้อง แล้วทำหน้าที่ของตน ของตน อยู่อย่างถูกต้อง แล้วรู้สึกพอใจ เมื่อพอใจมันก็เป็นความสุข มันไม่ต้องใช้เงิน คือทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง ๆ ถูกต้องไปหมดแล้วก็พอใจ เมื่อรู้สึกพอใจมันก็เป็นสุขในขณะที่ทำหน้าที่นั่นเอง ไม่ต้องไปสถานเริงรมย์ที่ไหนละ ที่นั่นที่สถานเริงรมย์มีแต่ความเพลิดเพลินที่หลอกลวง สมมติว่าเป็นครูสอนอยู่ในห้องเรียนถือชอล์คอยู่หน้ากระดานดำอย่างนี้ รู้สึกพอใจว่าได้ทำหน้าที่ของตนครบบริบูรณ์และถูกต้องแล้วก็พอใจ ๆ เมื่อพอใจก็ต้องเป็นสุข เห็นได้ว่ามันไม่ต้องจ่ายสักสตางค์เดียวหนึ่งมันได้ความสุขที่เกิดมาจากความพอใจในการทำหน้าที่ของตน นี่ความสุขชนิดนี้มันไม่ต้องใช้เงินมันกลับทำให้เงินเหลือนะ เพราะเรามีความสุขอยู่ได้ทุก ๆ อิริยาบถ ไม่ต้องไปใช้เงินที่สถานเริงรมย์ เงินเดือนมันก็เหลือหมด เหลือทั้งหมด สิ่งที่ได้ก็เป็นความสุขที่แท้จริงไม่ใช่ความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ขอบอกกล่าวผู้เยาว์ทั้งหลายนี่ ขออภัยที่จะใช้คำเรียกเธอทั้งหลายว่าผู้เยาว์ แม้กำลังจะเป็นครูมันก็ยังเยาว์อยู่ ยังวัย ยังเยาว์วัยอยู่ ยังรู้จักโลกรู้จักชีวิตไม่ถึงที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นมนุษย์นั้นจะเป็นกันอย่างไร นี่ขอให้สนใจเพื่ออนาคตกาลอันยาวนานว่าเราจะเป็นคนอย่างไร ทำหน้าที่เปิดประตูทางวิญญาณต้องรู้จักว่าไอ้มนุษย์นี่มันโง่อย่างไร ถูกกักขังอย่างไร เปิดประตูเปิดอย่างไร ถ้ารู้เรื่องมนุษย์ถูกต้องแล้ว แม้แต่สอนวิชาเลขก็จะเป็นการเปิดประตูทางวิญญาณ สอนหนังสือก็จะเป็นการเปิดประตูทางวิญญาณ ไม่ว่าจะสอนวาดเขียนก็มีลักษณะที่เป็นการเปิดประตูทางวิญญาณ คือกระทำให้ศิษย์นั่นน่ะมันมีความรู้สูงขึ้นสว่างมากขึ้น รู้ทิศทางด้วยความช่วยเหลือของครู รู้จักความต่ำของชีวิต รู้จักความ ทางสูงของชีวิต นั่นแหละมันจะต้องศึกษาธรรมะไว้ด้วย ไม่ใช่เรียนแต่วิชาในหลักสูตรและวิชาครูแล้วก็จะพอแล้ว มันจะไม่รู้วิธีเปิดประตูทางวิญญาณเอาเสียเลยก็ได้ ฉะนั้นของให้สนใจธรรมะว่ามันมีความสูง มันจะให้ความสูงทางวิญญาณคือไม่ไปหลงจมอยู่ในเรื่องต่ำ ๆตามสามัญสัตว์ ตามสัญชาตญาณ ซึ่งจะพอใจในความสนุกสนานเพลิดเพลินทางเพศตรงกันข้าม นั้นไม่ใช่เรื่องสูงสุด แต่ก็มีคนบูชากันมากหลงใหลกันมาก ถือเอาเป็นสิ่งสูงสุดของมนุษย์ไปเสียก็มี ขออย่าได้เข้าใจเพียงเท่านั้น จะต้องรู้จักความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ที่จะพึงได้รับตลอดชีวิต ตลอดเวลาในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความพอใจในการทำหน้าที่ มนุษย์มีหน้าที่มากมาย แต่ถ้าสรุปใจความก็เป็นเรื่องสักสองสามเรื่องเท่านั้นแหละ คือว่ามีหน้าที่ให้รอดชีวิตนี่ก็ทำทุกอย่างให้รอดชีวิต มีอาหารกินเป็นต้น แล้วก็มีหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัย มีหน้าที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจในครอบครัว แล้วก็มีหน้าที่ดูแลเรื่องทางสังคมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีปัญหา มันก็เลยมีความสงบสุข ที่มันเป็นสิ่งที่ละเอียดลงไปก็คือว่า ถ้าได้ทำหน้าที่ถูกต้องแล้วก็ขอให้พอใจ แล้วจะเป็นสุขที่นั่น แล้วก็จะอิ่มด้วยความสุขทุก ๆ อิริยาบถอยู่ในตัว ไม่ต้องไปสถานเริงรมย์ให้โง่ ไม่ต้องไปหาความเพลิดเพลินอันหลอกลวงจากสถานเริงรมย์เหมือนที่เป็นกันอยู่โดยมาก นี่ก็มีข่าวอยู่ทุกวันในหน้าหนังสือพิมพ์ที่นักเรียนนักศึกษาไปสถานเริงรมย์ แม้แต่ไปสถานที่เล่นหัวที่มันไร้สาระเพียงแต่ว่ามันยั่วยวนให้สนุกเท่านั้น แล้วก็บูชา จนตำรวจจับไม่ไหว จนครูบาอาจารย์ไล่ต้อนไม่ไหว นักเรียนที่มันหลง หลงไปทางเนื้อหนัง มีความโง่ก็หลงไปในทางเนื้อหนังเป็นเรื่องของกิเลส เราอย่าได้หลงเช่นนั้นเลย เรายังมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องที่จะนำผู้อื่นไม่ให้หลง คือนำศิษย์ทั้งหลายไม่ให้หลงเข้าไปในที่อย่างนั้น ขอให้สนใจเป็นพิเศษที่ตรงนี้ที่ว่า ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ ประจำวันทุกหน้าที่ หน้าที่เอากันตั้งแต่ว่าพอตื่นนอนขึ้นมาก็มีหน้าที่ล้างหน้า ก็ล้างให้ดีที่สุดด้วยสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่ใจลอย ใจฝันถึงเรื่องเริงรมย์อะไรก็ไม่รู้ ก็ล้างหน้าถู ๆ ถู ๆ ไปอย่างใจลอยใจไม่ได้อยู่กับตัว อาบน้ำก็เหมือนกันแหละมันมีใจลอยอยู่ที่อื่น มันก็อาบน้ำอย่างที่ทำส่ง ๆ ไปเท่านั้นเอง เมื่อจะแต่งตัวก็ไม่ได้มีสติสัมปชัญญะ มีใจลอยอยู่ที่วัตถุประสงค์อะไรที่เป็นเรื่องของความเพลิดเพลิน เราจะต้องทำให้ถูก ให้มีสติสัมปชัญญะให้ดีที่สุดแม้จะถ่ายอุจจาระ จะถ่ายปัสสาวะก็ทำด้วยสติสัมปชัญญะอยู่ในสิ่งนั้น ทำให้ดีที่สุด ไม่ได้ทำชนิดที่ว่าใจไปอยู่ที่อื่นโน่น ที่นี้ว่าจะรับประทานอาหาร ก็มีสติสัมปชัญญะรับประทานอย่างที่ว่าได้ผลดี อย่างอาหารย่อยดีอย่างไม่ผิดอย่างไม่หลงอย่างไม่หลงว่าอร่อย เมื่อไม่อร่อยก็โกรธเคืองเป็นไฟขึ้นมาอย่างนี้ อย่างนี้มันไม่ถูกแล้ว ไม่ได้กินอาหารด้วยมีสติสัมปชัญญะแล้ว ถ้ากินอาหารด้วยสติสัมปชัญญะมันจะรู้สึกพอใจอิ่มใจ ไม่ใช่อิ่มแต่ในทางกาย ทางปาก ทางท้อง แต่จะอิ่มจิตใจด้วย ฉะนั้นมันก็เป็นความสุขแล้ว รู้จักแยกความสุขเป็นสองชั้นเสมอ ได้ความสุขทางกิเลส ได้พอใจกิเลสแล้วก็เป็นสุขมันก็สุขกิเลส เป็นสุขร้อน สุขเผาไหม้ สุขเผาให้ไหม้ แต่ถ้ามีสติสัมปชัญญะรู้คุณค่าของสิ่งที่กระทำ จิตใจก็พอใจและสงบ เอ้า พอใจ ๆ พอใจ ล้วนแต่พอใจ เห็นไหมจะล้างจานข้าวก็พอใจ ก็มันไม่โง่ มันรู้ว่าเป็นหน้าที่ที่มนุษย์จะต้องทำด้วยเหมือนกัน เป็นส่วนประกอบของการกินอาหารหล่อเลี้ยงชีวิต แม้บางคราวจะต้องกวาดเรือน บางคราวจะต้องถูบ้าน ก็รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของมนุษย์ แล้วก็ทำด้วยสติสัมปชัญญะดีที่สุด เมื่อล้างจานมันต้องมีสมาธิอยู่ที่จาน มือที่ถูจาน เมื่อกวาดบ้าน จิตก็เป็นสมาธิอยู่ที่ปลายไม้กวาดที่กวาดไปกับบ้านนี่ทำสมาธิอย่างดี ได้เหมือนกันแม้ในขณะที่กวาดบ้าน แม้ขณะถูเรือน จิตเป็นสมาธิอยู่ที่ผ้าขี้ริ้วที่จดอยู่กับกระดานที่ถูไปนั่นแหละ และจิตใจของคนผู้ถูก็จะเป็นสมาธิ รู้สึกว่าเป็นความถูกต้องแล้วก็พอใจ ๆ เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างจาน กวาดบ้าน ถูเรือน แทบจะต้องช่วยทำได้ ที่นี้จะไปทำงาน ยังเยาว์วัยไปโรงเรียน ก็ไปอย่างดีตลอดเวลาด้วยความรู้สึกว่าถูกต้อง แล้วก็ไปเรียนอย่างดี มีความพอใจอยู่ทุกกระเบียดนิ้วทุกวินาทีตลอดเวลาเรียน ถ้าเป็นครูแล้วก็มีความพอใจอยู่ที่ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ ให้ลูกศิษย์ทุกคนมีความสว่างไสวเพิ่มขึ้นในทางจิตใจ เป็นการทำประโยชน์ให้แก่โลก เพราะว่าถ้าคนแต่ละคนในโลกนี้มันดีแล้ว เพราะมีคนดี มีคนเป็นมนุษย์แท้จริงอยู่ในโลก มันก็เป็นการทำประโยชน์แก่โลก ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยคนดีที่เป็นมนุษย์ที่แท้จริง เดี๋ยวนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่กินเหล้า เดี๋ยวนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่หลอกให้เด็กกินเหล้า มีคนเขามาเล่าให้ฟังว่าครูมันชอบกินเหล้า จนกระทั่งสอนเด็กว่าไอ้เหล้านี่มีโทษเล็กน้อยเท่านั้นแหละ มันก็มีประโยชน์เป็นยาด้วย ไอ้รัฐบาลก็ยังทำขาย เป็นสิ่งที่ปรารถนาของรัฐบาลที่เรามากินเหล้า ครูนั่นแหละหลอกให้เด็กกินเหล้า จนกระทั่งว่าติดเหล้า อย่างนี้มันไม่ใช่เป็นครู มันพาลงสู่นรกไปจมลงไปสู่นรกหรือว่าพาเข้าคอก พาเข้าไปในคอกที่มืดที่เหม็นที่สกปรกที่เร่าร้อน ไม่ได้ออกมาจากคอก หวังว่าเธอทั้งหลายจะไม่เป็นครูชนิดนี้ที่จะเป็นครูบาอาจารย์ต่อไปข้างหน้า ไม่หลอกให้เด็กทำอะไรชนิดที่ตัวทำอยู่อย่างผิด ๆ ที่ว่าเมื่อทำงาน เรียนก็ดี ทำงานในหน้าที่ครูก็ดี มันก็พอใจอยู่ตลอดเวลาที่เป็นครูอยู่หน้ากระดานดำ กี่นาทีกี่ชั่วโมงก็มีความพอใจในการกระทำที่ถูกต้องของตนเองอยู่ตลอดเวลา รู้สึกว่าในตัวนั้นมีความดี มีความถูกต้อง มีคุณธรรมแล้วก็พอใจ ๆ พอใจ ๆ ตัวเอง รู้จักทำจนเป็นที่พอใจตัวเอง ทั้งวันทำถูกต้องเป็นที่พอใจตัวเอง พอถึงเวลาจะนอนก็คิดบัญชีดู มันมีแต่ความถูกต้องและพอใจตัวเองมันไม่มีความผิดพลาด พึ่งตัวเองจะติเตียน ตัวเองได้นั้นไม่มี มีแต่รู้จักว่า มีแต่เห็นว่าเป็นความถูกต้อง มีแต่ความพอใจ แล้วไปยกมือไหว้ตัวเองได้ ขอให้ทุกคนช่วยจำคำนี้ด้วยว่า มานั่งที่สวนโมกข์กลางดินโคนไม้ ซึ่งเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เราได้พูดกันในฐานะ อ่า มี ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน พระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดิน พระพุทธเจ้าสอนกลางดิน พระพุทธเจ้าอยู่กลางดิน พระพุทธเจ้านิพพานกลางดิน ดินอย่างที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่นี่แหละ ฉะนั้นขอให้ถือว่ามันเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ พื้นดินน่ะ เดี๋ยวนี้เราก็มานั่งกลางดินพูดกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้เป็นเรื่องจริงจัง แล้วมันก็จะมีความจริงจังตลอดไปหมด นี่จะมีการกระทำชนิดที่พอใจยกมือไหว้ตัวเองได้ จะมีกี่คนจะมีกี่คนที่ทำอะไรถูกต้องจนพอใจตัวเองยกมือไหว้ตัวเองได้ คนอันธพาลทำไม่ได้ คนคดโกงทำไม่ได้ คนหน้าไหว้หลังหลอกทำไม่ได้ ทำจนเห็นว่าเต็มไปด้วยความดีจนยกมือไหว้ตัวเองได้ คำว่ายกมือไหว้ตัวเองได้แปลว่าเคารพตัวเองเป็นจริยธรรมสากล หลักจริยธรรมสากลทั่วโลกเขาก็มีคำ ๆ นี้ รู้จักตัวเอง เชื่อตัวเอง บังคับตัวเอง พอใจตัวเอง เคารพตัวเอง นี่เป็นคำที่ หลักสำคัญในจริยธรรมสากลของโลก ไปเปิดดูได้หนังสือเรื่องจริยธรรม ซึ่งเราทำจนเคารพตัวเองได้ ยกมือไหว้ตัวเองได้นั่นแหละคือสวรรค์ที่แท้จริง คือ เย็นเป็นสุขตลอดเวลา สวรรค์ทางกามารมณ์นั้นไม่ใช่ ไม่ใช่สวรรค์ที่แท้จริง เป็นของคนโง่เป็นของสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็นมันจะวิเศษอะไร แต่ถ้าทำจนยกมือไหว้ตัวเองได้นี่เป็นสวรรค์แท้จริง สวรรค์ของมนุษย์ผู้มีความเป็นมนุษย์อย่างถูกต้อง คือเขาเป็นมนุษย์มีจิตใจสูง ดังนั้นมันจึงรู้จักผิด ถูก ชั่ว ดี เราวันนี้มีแต่ความดีไม่มีความชั่ว ยกมือไหว้ตัวเองได้ ก็เรียกว่ามีสวรรค์อยู่ในสวรรค์ สวรรค์ที่แท้จริงไม่ใช่สวรรค์หลอกลวงไม่ใช่เอากามารมณ์เป็นสวรรค์ แล้วเอามาล่อคนให้ไปสวรรค์ อย่างนั้นไม่ถูก สวรรค์ที่แท้จริงคือความชื่นใจตัวเองมีแต่ความดีจนยกมือไหว้ตัวเองได้ อย่าเพิ่งท้อถอย ถ้ากิเลสมีมากนักมันก็ท้อถอยมันไม่อยากจะทำหรอกที่จะให้มีสวรรค์ชนิดยกมือไหว้ตัวเองได้ มันมีกิเลสมากนักมันก็อยากจะทำไปตามกิเลสอยู่นั่นแหละ มันเป็นสวรรค์ที่แท้จริงไม่ได้ ขอให้ช่วยจำคำนี้ไปทุกคน กับคำเดียวที่ว่า ยกมือไหว้ตัวเองได้นั้นคือสวรรค์ สวรรค์นั้นคือเมื่อมีความรู้สึกพอใจตัวเองจนยกมือไหว้ตัวเองได้ สวรรค์ที่แท้จริงคือความรู้สึกพอใจตัวเองจนยกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้าพิจารณาดูตัวเองแล้วมันเกลียด เกลียดชังหรืออิดหนาระอาใจตัวเองว่ามีความชั่ว กระทำอยู่ ซ่อนเร้นอยู่ ปกปิดอยู่นี่มันตกนรก มันจมนรกมันตกนรกอยู่ที่นั่น เวลานั้นน่ะเวลาที่นึกขึ้นมาเห็นแต่ความไม่น่าพอใจของตัวเองนี้เรียกว่านรกที่แท้จริง สวรรค์ พอตายแล้วนั่นน่ะ มันยังไม่แน่ แต่สวรรค์ที่ยกมือไหว้ตัวเองได้เมื่อไรนี่แน่ แน่นอนที่สุด แล้วสวรรค์ พอตายแล้วที่อยู่บนฟ้าหรือที่ไหนก็ตามมันขึ้นอยู่กับสวรรค์นี่ สวรรค์ที่ยกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้ามีสวรรค์ชนิดที่ยกมือไหว้ตัวเองได้แล้วก็จะได้สวรรค์ทุกชนิดถ้าจะมี สวรรค์ทุกชนิดมันขึ้นอยู่กับสวรรค์ที่ยกมือไหว้ตัวเองได้ นรกก็เหมือนกัน นรกกับตายแล้วนั่น ไม่แน่แต่ว่าเดือดร้อนเพราะเกลียดชังตัวเองอยู่นี่คือนรกแท้ ๆ นรกสุมอยู่ในใจแท้ ๆ ถ้าลงตกนรกชนิดนี้แล้วมันจะตกนรกหมดทุกชนิดไม่ว่าตายแล้วจะมีกี่ชนิดมันก็ตกหมดทุกชนิด ฉะนั้นเราระวัง ไม่ตกนรกแต่มีสวรรค์อยู่โดยแท้จริงตลอดเวลา นี่คือค่าของการทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ถ้าครูสอนพวกเธอว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วก็รู้เถิดว่า ครูคนนั้นยังสอนไม่สมบูรณ์ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องหน้าที่ ท่านสอนเรื่องหน้าที่ที่จะต้องทำ เป็นหน้าที่อย่างต่ำไปถึงสูงสุดจนเป็นพระอรหันต์ก็เรียกว่าหน้าที่ ฉะนั้นธรรมะคือหน้าที่ คำว่าธรรมะ ๆ ที่เขาพูดกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด มนุษย์สมัยโน้นก่อนพระพุทธเจ้าเกิดก็รู้จักพูดคำว่าธรรม ธรรมะ หน้าที่ ๆ ตั้งแต่มนุษย์คนแรกได้เริ่มสังเกตเห็นว่า โอ้ มันมีสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ ๆ หน้าที่ มันเรียกชื่อจริงว่าธรรมะ แล้วก็บอกต่อ ๆ กันมา ตามที่จะ คนไหนจะมีความรู้อย่างไรในการทำหน้าที่ แล้วก็สอนเรื่องหน้าที่สูง ๆสูงขึ้นมาจนพระพุทธเจ้าเกิดสอนหน้าที่สูงสุดเป็นพระอรหันต์ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อได้ทำหน้าที่แล้วก็เรียกว่ามีธรรมะ จะเป็นราชา มหากษัตริย์ เป็นจักรพรรดิก็ต้องทำหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ก็ไม่เรียกว่ามีธรรมะ เป็นข้าราชการก็ทำหน้าที่ข้าราชการ ก็มีธรรมะของข้าราชการ ทำนาทำสวนขุดดินอยู่ก็มีธรรมะของชาวนาชาวสวน ค้าขายอยู่ก็มีธรรมะของคนค้าขาย เป็นกรรมกรถีบสามล้อล้างถนน ถีบสามล้อกวาดถนนล้างท่อถนนก็ประพฤติธรรมะของกรรมกร ฉะนั้นนั่งขอทานอยู่แท้ ๆ ก็มีธรรมะ ๆ ของคนขอทาน เมื่อเขาทำไปด้วยดีธรรมะของคนขอทานก็จะช่วยเขาให้พ้นจากความเป็นคนขอทาน ฉะนั้นคนขอทานที่ถูกต้องมีธรรมะของคนขอทานแล้วจะพ้นจากความเป็นคนขอทานทั้งนั้น เว้นแต่ขอทานอันธพาล ไม่อาจจะพ้นจากความเป็นคนขอทาน แม้กรรมกรทั้งหลายแม้ประพฤติหน้าที่ของกรรมกรอย่างถูกต้องแล้วไม่เท่าไรมันก็พ้นจากความเป็นกรรมกร ขอให้ยอมรับว่าทุกคนมีธรรมะตามระดับแห่งหน้าที่การงานที่ตนกระทำ ตั้งแต่เทวดาบนสวรรค์ลงมาถึงราชา มหากษัตริย์ถึงข้าราชการ ถึงประชาชนทั่วไป ชาวนาชาวสวน คนค้าขาย ลูกจ้างกรรมกร คนขอทาน เป็นที่สุดล้วนแต่มีธรรมะเป็นเครื่องช่วยให้ตัวเองรอดทั้งนั้นแหละ อื่นไม่มีทางที่จะช่วย หน้าที่นั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วย ฉะนั้นขอให้พอใจในหน้าที่ ๆ หน้าที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารอด ถ้าจะมีพระเจ้ากับเขาบ้างก็มีพระเจ้าที่หน้าที่ทำหน้าที่ให้ดีแล้วพระเจ้าหน้าที่จะช่วย พระเจ้าอย่างอื่นไม่แน่นอน หน้าที่นั่นแหละจะช่วย ช่วยให้รอดชีวิตอยู่ได้ ช่วยให้รอดจากความทุกข์อื่น ๆ ทุก ๆ ประการ จะได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ นี่พระเจ้าก็ช่วยได้อย่างนี้ พระเจ้าที่แท้จริงคือหน้าที่ ฉะนั้นจงบูชาหน้าที่ ให้ความเคารพแก่หน้าที่ หรือให้ความเคารพแม้แต่สถานที่ที่จะประกอบหน้าที่ ทางที่ดี ถ้าครูคนไหนมีจิตใจเป็นอิสระ ทำอะไรด้วยจิตใจเป็นอิสระ ไม่เป็นทาสทางปัญญาของใครแล้ว ครูคนนั้นก็เข้ามาในห้องเรียนจะพนมมือไหว้ห้องเรียน หรือจะพนมมือให้แก่กระดานดำก็ได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ของหน้าที่ที่จะต้องทำ ถ้าเป็นชาวนา ก็เอาควายเอาไถมาจะลงมือไถนาก็พนมมือให้แก่ควายให้แก่ไถ เดี๋ยวนี้คนอันธพาลกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจว่าเราสอนให้ไหว้ควายไหว้ไถ ถ้าใครรู้สึกอย่างนั้นเป็นอันธพาลก็ยืนยันอย่างนี้ ถ้ามีความรู้จริงและกล้าหาญพอไม่เป็นขี้ข้าทางสติปัญญาของใครแล้ว เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เมื่อจะทำงานอะไรก็พนมมือให้แก่เครื่องมือที่จะทำนั่น แต่มันยังไม่มีใครทำหรืออาจจะมีใครทำก็ไม่แน่นะ บางทีเขาอาจจะทำอยู่ในใจก็ได้ ไม่ได้ยกมือไหว้ควายไหว้ไถโดยตรง แต่ในใจเคารพในฐานะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้รอด แล้วก็จะพอใจในการทำหน้าที่คือการไถนาขุดดินไปตามเรื่อง นี่มันมีความพอใจมันอิ่มใจอย่างนี้แล้วมันก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องใช้เงินซื้อกามารมณ์ที่ไหนอีก เงินเหลือ เงินเดือนเหลือ เดี๋ยวนี้เงินเดือนไม่พอใช้เพราะไปซื้อหาไอ้กามารมณ์ซึ่งเป็นเหยื่อล่อให้หลง ความเพลิดเพลินที่หลอกลวงนั่นแหละขายดี ระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในวัยหนุ่มวัยสาวนี่จงระวังให้ดี อย่าได้เป็นขี้ข้าของกิเลส ให้กิเลสไสหัวเอาเงินไปซื้อหาเหยื่อของกามารมณ์ จนเงินมันไม่พอใช้มันก็ต้องขโมย มันก็ต้องโกงมันก็ต้องถึงกับว่าไปจี้ไปปล้น พวกอันธพาลเหล่านั้นมันเงินไม่พอใช้มันไปจี้ไปปล้นเพื่อซื้อหาความเพลิดเพลินที่หลอกลวงทั้งนั้น เงินนั่นที่ได้ไป เดี๋ยวนี้เราไม่มีความสุขที่แท้จริงเสียแล้ว ในความเพลิดเพลินที่หลอกลวงมันก็ทำอะไรไม่ได้ เราไม่ตกเป็นทาสของความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ทำหน้าที่ให้สนุก ทำหน้าที่ที่ควรจะกระทำทุกอย่าง หน้าที่โดยตรงเช่นการเรียนโดยตรง การงานโดยตรง หน้าที่ประกอบเช่นว่าจะต้องกินอาหาร จะต้องนุ่งต้องห่ม ต้องรักษาความสะอาด ต้องถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะอะไรก็ตาม มันเป็นหน้าที่ไปหมดแล้วทำให้ได้รับความพอใจทุกอย่างเลยมีความสุขตลอดเวลา ก็พอใจในการกระทำตลอดเวลา จงมีจิตใจละเอียดประณีต แม้ว่าบางเวลาจะต้องช่วยเขาถูบ้าน ถูบ้านหรือกวาดบ้าน ก็มีใจละเอียดละออจนพอใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องของความเป็นมนุษย์มันก็พอใจ แม้เมื่อช่วยถูบ้านช่วยล้างจานมันก็พอใจ มันก็เป็นสุขเมื่อนั้นแหละ ก็เลยไม่ต้องไปซื้อหาสิ่งหลอกลวงที่ไหนกันอีก ขอให้ช่วยพิจารณาข้อนี้ เข้าใจแล้วจะจำไว้ให้ดี จะไปเป็นครูที่ดี เป็นครูที่สามารถเปิดประตูทางวิญญาณ มิได้เป็นเพียงลูกจ้าง รับจ้างสอนหนังสือหากินไปวันหนึ่งๆ ได้เงินเดือนมากหน่อยก็ไปซื้อหาความเพลิดเพลินที่หลอกลวงตามสถานเริงรมย์ ซึ่งเห็น ๆ กันอยู่ว่ามีคนหลงกันสักเท่าไร เราไม่จำเป็นจะต้องไปสมทบในคนพวกนั้น นี่ละอุดมคติของครูผู้เปิดประตูทางวิญญาณ มีชีวิตเป็นสุขอยู่ตลอดเวลาด้วยการทำหน้าที่ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานกำลังทำหน้าที่ หน้าที่ของสัตว์เดรัจฉานก็เป็นธรรมะของสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่ต้นไม้ที่เรานั่งอยู่ข้างใต้นี่มันทำหน้าที่ หน้าที่ของต้นไม้เป็นธรรมะของต้นไม้ ที่เขาเขียนไว้ในตำราเรียนว่ากลางวันนี่ต้นไม้คายแก๊สออกซิเจนทั้งวัน กลางคืนต้นไม้คายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งคืน ก็แปลว่ามันทำงานทั้งวันและทั้งคืน มันน่า น่า น่า อะไร น่าเลื่อมใสหรือน่าสนใจว่ามันทำและงานทั้งวันทั้งคืน มันไม่ได้ขี้เกียจเหมือนคน ที่ทำงานเพราะจำเป็นบังคับนะ ที่จริงมันก็ไม่อยากทำ ทำงานเพราะจำเป็นบังคับ อย่างนี้มันไม่จริง ถ้าจริงมันก็ทำงานเพราะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ ก็ทำด้วยความพอใจอย่างยิ่ง เมื่อมีพอใจก็ต้องเป็นสุข ข้อนี้ก็จำไว้ด้วยว่าถ้ามีความพอใจเมื่อใดก็มีความสุขเมื่อนั้น ถ้าเป็นความพอใจเลว ก็สุขก็เลว พอใจหลอกลวงสุขก็หลอกลวง พอใจจริงสุขก็จริง พอใจอย่างมีความสุขก็ดี ความสุขเกิดมาจากความพอใจเสมอ อย่างนั้นจงกระทำทุกอย่างให้ตัวเองพอใจแก่ตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้อย่างน้อยก็เวลาจะนอน ถ้าเวลาทั่วไปมันไม่มีเวลาจะไหว้ตัวเอง ก็พอจะนอนก็คิดบัญชีดู วันนี้เต็มไปด้วยความถูกต้องยกมือไหว้ตัวเอง เป็นสวรรค์ทันที จากนั้นค่อยหลับไป ถ้ามีความเห็นว่าทำผิดพลาดเกลียดชังตัวเองก็เสียใจ ๆ อธิษฐานใจที่จะไม่ทำให้ผิดพลาดอย่างนั้นอีก พอค่ำลงก็ยังจะคิดบัญชีชนิดที่เป็นบวก เป็นพอใจตัวเองเป็นสวรรค์ ก็จะไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์แน่นอน ก็ได้มีจิตใจสูง มีจิตใจสะอาด มีจิตใจสว่าง มีจิตใจสงบเย็น นี่เมื่อรู้เรื่องนี้แล้วช่วยผู้อื่นให้เป็นอย่างนี้ได้ก็เรียกว่าเป็นครูที่แท้จริง คือ เป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณที่แท้จริง ขอวกไปข้างต้นทีหนึ่งว่า การได้เป็น เกิด ได้เกิดมาเป็นครูขอให้ถือว่าโชคดีที่สุด มีโชคดีที่สุดเพราะว่าจะได้มีอาชีพอย่างปูชนียบุคคล อยู่บนหัวคนทั้งโลก ก็ทำหน้าที่ของครูอย่างถูกต้อง ก่อนนี้อาชีพครูถูกประณามว่าเป็นอาชีพเรือจ้าง ไม่มีที่ไปไหนแล้วก็ต้องเป็นครูไปก่อน เป็นครูไปก่อนแล้วค่อยไปเรียนกฏหมายค่อยไปเรียนอะไร เลิกอาชีพครูกัน อาชีพครูกลายเป็นเพียงเรือจ้างชั่วขณะอย่างนี้ไม่ถูก ฉะนั้นคนเหล่านั้นมันไม่มองเห็นหรอกความจริงความถูกต้องของความเป็นครู ไม่ใช่อาชีพชั่วขณะเพื่อจะผลัดเพี้ยนไปทีก่อน แต่เป็นอาชีพที่แท้จริง ถ้าทำเข้าแล้วก็ได้เป็นปูชนียบุคคลด้วย อะไรก็มีอยู่พร้อมด้วย มีชีวิตรอดเหมือนกับคนทั้งหลาย แต่รอดอยู่อย่างเป็นปูชนียบุคคลเป็นที่เคารพนับถือบูชาของคนทุกคน แม้แต่พระราชา มหากษัตริย์ก็ยังเคารพครู นี่ละครูมีเกียรติถึงอย่างนี้ นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ด้วยว่าเป็นบรมครู เป็นจอมแห่งครูทั้งหลายเพราะว่าท่านเป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณอย่างสูงสุดแท้จริง เราก็จะเป็นสมาชิก เป็นสาวก เป็นลูกน้องของท่าน ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน ขอให้นักศึกษาครู ผู้ที่กำลังจะเป็นครูต่อไปข้างหน้า รู้จักความหมายแห่งครู รู้จักค่าของครู รู้จักอุดมคติของครู ทำหน้าที่ของครูให้ถูกต้องคือเปิดประตูทางวิญญาณให้คนออกมาเสียจากความโง่ แล้วก็มีความพอใจเป็นสุขใจเพราะได้ทำหน้าที่นั้น ๆ อยู่ด้วยกันทุกคน ขอให้ครูหรือผู้ที่จะเป็นครู สำเร็จประโยชน์ ประสบความสำเร็จในการเป็นครูแล้วมีความสุขในหน้าที่ของครูอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
อ่า นักศึกษาทั้งหลาย พวกเธอก็ได้ฟังโอวาทหรือข้อคิดเห็นจากพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพุทธทาสซึ่งเป็นเจ้าสำนักแห่งนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ หวังว่าพวกเธอทั้งหลายคงจะได้ความคิดความรู้ที่จะนำเป็นแนวปฏิบัติในการที่จะออกไปประกอบอาชีพครูและอาชีพอื่น ๆ ทั้งหลายต่อไป ต่อไปนี้ขอให้นักศึกษาทั้งหลายได้เปล่งคำว่าสาธุพร้อมกัน สาธุ กราบ