แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชน ผู้สนใจในธรรม อ่า, ทั้งหลาย การพูดกันครั้งนี้ อาตมาจะกล่าวโดยหัวข้อ ว่าธรรมะ สามารถ แก้ปัญหาของโลก ได้ ทั้งหมด การพูดอย่างนี้คนบางพวกเขาไม่เห็นด้วย เพราะเขาไม่รู้จัก สิ่งที่ เรียกว่า ธรรมะนั้นเอง เขาให้ความหมายแก่คำว่า ธรรมะจำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ บางคนจะถือว่าธรรมะ อยู่ที่วัด อยู่แต่ที่วัด หรือธรรมะมีแต่เฉพาะคนที่ ถือศีลกินเพล เขาไม่รู้ว่าธรรมะนั่นคืออะไร อาตมาอยาก จะสรุปความ ให้เขาเข้าใจกันสักทีว่า ธรรมะนั้นคือ ความถูกต้อง เออ, ของสิ่งที่มนุษย์จะต้องประพฤติ ปฏิบัติ ธรรมะนั้นคือ ความถูกต้อง อ่า, ของสิ่งที่มนุษย์ จะต้องประพฤติปฏิบัติ
ปฏิบัติทำไม ปฏิบัติเพื่อความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ถ้าเป็นมนุษย์ที่ไม่ถูกต้องมันก็เกิดปัญหาตัว เขาเองก็จะต้องตายในที่สุด มนุษย์ที่มีความเป็นมนุษย์ที่ไม่ถูกต้อง นั้นจะต้องตายในที่สุด ถ้าเรามีความ ถูกต้องทั้งความเป็นมนุษย์ ข้อแรกที่สุด ก็คือ เราไม่ตายแล้ว และเราก็เจริญ ๆๆ ไปตามแบบของมนุษย์ จนถึงจุดสูงสุด ที่มนุษย์เราเจริญได้ จะเจริญได้ เจริญนี้หมายความว่าอย่างไร เจริญคำนี้หมายความว่า มีประโยชน์ เป็นประโยชน์ อยู่ด้วยประโยชน์ มากขึ้น ๆ เรียกว่า เจริญ มนุษย์เกิดมา เออ, สำหรับก้าวหน้า เจริญในความเป็นมนุษย์จนถึงที่สุด เรียกว่า ไม่มีความทุกข์เลย มนุษย์ที่ยังมีความทุกข์อยู่ นี่เรียกว่า ยังไม่เป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง หรือสมบูรณ์
มนุษย์ที่ไม่มีความทุกข์เลย เรียกว่า มนุษย์ที่ถูกต้อง และสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้ว เป็นยอดของมนุษย์ แล้ว ในภาษาธรรมะก็เรียกกันว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นปุถุชนตรงกันข้าม คือ มีความทุกข์เต็มที่ แล้วก็เป็น อริยชน มีความทุกข์น้อยลง น้อยลง น้อยลง จนกระทั่งยอดสุดของอริยชน ไม่มีความทุกข์เหลืออยู่เลย และเราก็เรียกว่า เป็นพระอรหันต์ การที่มนุษย์จะมีความถูกต้องและจะเจริญได้อย่างนี้ ก็เพราะสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ จึงขยายความออกไปว่า ธรรมะ เออ, สามารถจะแก้ปัญหา หรือขจัด อ่า, ปัญหาของมนุษย์ ได้ทุกปัญหา
มนุษย์จะต้องมีปัญหา เรื่อง ๆ ชีวิต จะต้องทำมาหากินนั่นแหละ นี่ปัญหาแรก ถ้าไม่ประกอบด้วย ธรรมะ ก็จะเลี้ยงชีวิตผิด ด้วยการทำมาหากินที่ผิด แล้วความผิดนั้น จะลงโทษมนุษย์นั้น จะเรียกว่า ตัดเอา มนุษย์คนนั้นก็ได้ การกระทำผิดนั้นนะมันจะตัดผู้ที่กระทำให้เจ็บปวด เราเรียกกันว่า ความทุกข์ นี่เราจะ ต้องมีความถูกต้องในระดับแรก คือ การดำรงชีวิตอยู่ การมีชีวิตอยู่นั่นมันเป็นพื้นฐาน ถ้าว่ามันไม่มีชีวิต แล้ว มันก็ไม่มีอะไรเหลือที่จะทำอะไร นั้นการที่จะเป็นอะไร จะทำอะไรได้ มันก็ต้องมีชีวิตกันเสียก่อน เราถึงเรียกว่า ชีวิตเป็นพื้นฐาน
ฉะนั้นชีวิตนี้มันจะคือ ก็อะไรยากที่จะเอามาดูได้ และขอให้ทุกคนถือเอาความหมายตามที่รู้ อยู่เองว่าชีวิตนี้คืออะไร การมีชีวิตก็คือ ไม่ตาย ไม่ตายมันก็คือ สิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่การมีชีวิต เช่น มีอาหาร กิน มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่มห่ม เครื่องใช้สอย มีการบำบัดโรค นี่ เป็นอย่างน้อย สำหรับชีวิตจะไม่ตาย การทำให้ถูกต้องในเรื่องเหล่านี้เรียกว่า ธรรมะทั้งนั้น ถูกต้องในเรื่องทำมาหากิน ถูกต้องในเรื่องนุ่งห่ม ถูกต้องในเรื่องใช้สอย ถูกต้องในเรื่องบำบัดโรค นี้เรียกว่า ธรรมะทั้งนั้น ขอให้ท่านฟังดูให้ดี ๆ เอาละ เป็นอันเป็นว่า เดี๋ยวนี้เราเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด ไม่ทำผิด เกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน การนุ่งห่ม การเป็นอยู่ การรักษาโรค รอดชีวิตอยู่ได้เป็นปกติ
ทีนี้จะทำอะไรต่อไป มันก็นึกถึงว่า เราและเพื่อนของเราจะอยู่กันโดยสันติสุข นั้นเราก็ร่วมมือกัน ประพฤติประโยชน์ต่อกันและกัน แต่ละคนประพฤติประโยชน์ของตน ให้ได้เสียก่อน ถ้าเราต้องการเงิน เราก็มีเงิน อ่า, ตามที่ควรจะมี เราหากต้องการชื่อเสียงความดี ก็หาได้ตามที่ควรจะมี เราต้องการเพื่อนฝูง พวกพ้องบริวาร ความรัก ไมตรี เมตตา เราก็หาได้ อ่า, ตามที่ควรจะมี เรามีเงิน มีทรัพย์สมบัติ มีเกียรติยศ ชื่อเสียง มีอำนาจ มีเพื่อนฝูง ให้กำลัง ให้ความช่วยเหลือ เราก็มี นี้เราช่วยกันทำให้ อ่า, สังคมของเราอยู่กัน เป็นผาสุข ไม่เบียดเบียนกัน ยามที่ท่านกล่าวไว้เป็นหลัก ว่าทุกคน นอนหลับสนิท ไม่มีภัย ไม่มีอันตราย แล้วก็รักษาตัว พ้นภัย อ่า, พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ
แล้วก็ทำการงานสนุกสนาน อ่า, เพราะว่าการงานเป็นที่ตั้ง แห่งชีวิต เป็นหน้าที่ ที่จะต้องทำ รวมทั้งการงาน ที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง และการงานที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนด้วย นี่เราก็ เป็นสุข เพราะเรามีความรู้สึกว่าถูกต้อง เพราะเรามีความรู้สึกพอใจในความถูกต้องของเรา ความพอใจนั้นแหละ คือ ความสุข ถ้าเรารู้สึกว่าเรามีความถูกต้อง เราก็พอใจในความถูกต้อง และเราก็เป็นสุขเพราะความพอใจ แม้ที่สุดแต่เราพอใจว่า เรามีสุขภาพดี มีสุขภาพดี และก็พอใจในความมีสุขภาพดี และเราเป็นสุขเพราะ ความพอใจว่าเรามีสุขภาพดี เพราะฉะนั้นขอท่านทั้งหลายทุกคน จงได้กระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ตนพอใจ ตนเองได้ ให้ตนพอใจในการกระทำของตนเองได้ ให้ตนพอใจในสิ่งที่ เป็นผลที่ตนกระทำขึ้นมาได้
นี่พอใจอย่างนี้ มันก็มีความสุขอยู่ในตัวความพอใจนั้นเอง ความสุขอย่างอื่นเป็นเรื่องหลอกลวง เรื่องเอร็ดอร่อย สนุกสนานทางกามอารมณ์นั้นนะ มันเป็นเรื่องหลอกลวง มันพอใจของกิเลส มันพอใจแก่ กิเลส มันพอใจเพื่อกิเลส ไม่ใช่พอใจเพื่อเรา คำว่า เรา ในที่นี่หมายถึง ความถูกต้อง ชีวิตที่มีความถูกต้อง ควรจะเคารพนับถือว่าเป็นตัวเรา ส่วนเรื่องของกิเลสนั้นเป็นความชั่วที่จะทำลายเรา ฉะนั้นเรื่อง กามอารมณ์เป็นเรื่องพอใจของกิเลส ไม่ใช่เรื่องพอใจของเรา ถ้าเราจะต้องมีอะไรที่สวยงาม เอร็ดอร่อย ก็อย่าพอใจในรูปแบบของกิเลส ถ้าเราจะกินของอร่อยบ้าง ก็รู้ว่าอันนี้มันเป็นของอร่อย แล้วก็กิน แล้วก็ไม่หลงใหล
ถ้ากินแล้วหลงใหล นั้นก็เป็นเรื่องพอใจของกิเลส มันก็เป็นเรื่องของกิเลสไป แล้วมันก็เป็นเรื่อง เศร้าหมอง ไม่สะอาด แล้วมันก็เกิดไอ้ความยึดมั่นถือมั่น เป็นทุกข์เป็นร้อน แล้วหาความสงบสุขไม่ได้ แยกตัวเรา ที่ถูกต้องออกมาเสีย จากตัวเราที่หลอกลวง คือ ตัวเราของกิเลส ฉะนั้นที่พูดกันว่าตัวกู ของกู ในที่นี่ หมายถึง ตัวของกิเลส เพราะมันเดือดอยู่ด้วยความ ยึดถือ ความหลงใหล ความรัก ความเกลียด ความกลัวต่าง ๆ นานา เต็มอัตราที่เรา พูดมาว่าตัวกู หรือของกู
ถ้าความถูกต้องของธรรมชาติของธรรมะแล้ว ก็คือ ความสงบ ความปกติ ไม่มีความกดดันออกมา เป็นตัวกู ของกู มันอยู่เฉย ๆ จะเรียกว่า ตัวเราก็ได้ แต่เพียงแต่พูดกันเข้าใจ เรียกว่า ตัวเรา ตัวฉันก็ได้ แต่อย่าเดือดผล่าน เออ, เป็นตัวกู ถ้าจะให้ดีแล้วก็อย่ามีตัวเราก็ยิ่งดี คือ มีแต่ธรรมชาติ ที่เป็นไปอย่าง ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ แล้วร่างกายและจิตใจนี้ ก็จะมีแต่ความสงบสุข ที่จริงที่เราเรียกว่า ตัวตน ตัวกูนี้ มันก็มีร่างกายกับจิตใจ รวมกันอยู่ ถ้ามีความถูกต้องทั้งทางร่างกายและจิตใจ อ่า, มันก็ไม่มีปัญหา ร่างกายนั้นและจิตใจนั้นรวมกันอยู่อย่างสงบเย็น ในความหมายของคำว่า นิพาน นิพานแปลว่า เย็น อย่าให้เกิดกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมโห ซึ่งเป็นของร้อน แล้วชีวิตนี้ก็เป็นของเย็น เรียกว่า ชีวิตนี้มันอยู่กับ นิพพาน นั้นแหละคือ ความถูกต้องในที่สุด
ปุถุชนหาความเย็นไม่ได้ ปุถุชนคนธรรมดาหาความเย็นไม่ได้ เพราะเขาชอบกิเลส ชอบใช้กิเลส ชอบมีกิเลส ชอบอร่อยด้วยกิเลส อร่อยเพื่อกิเลส แสวงหาด้วยกิเลส มันก็เป็นของร้อน เป็นชีวิตร้อน เรียกว่า เป็นปุถุชน อ่า, เข้าใจว่าเคยรู้รสกันดีมาแล้วทั้งนั้น และกำลังรู้รสของความร้อน ของความเป็น ปุถุชนอยู่ นี่เรียกว่า คนเบียดเบียนตนเอง มันโง่สักเท่าไหร่ คนเบียดเบียนตนเอง ทำตนเองให้เร้าร้อน นี่มันโง่สักเท่าไหร่ ทำไมไม่ทำตัวเองให้เย็น โดยการดับไฟของกิเลสเสีย แล้วเรื่องที่มาหลอกให้รักก็อย่ารัก เรื่องที่มาหลอกให้เกลียด ก็อย่าเกลียด อ่า, เรื่องที่มาหลอกให้โกรธก็อย่าโกรธ เรื่องที่มาหลอกให้กลัว เป็นต้น ก็อย่ากลัว
ทำไมจึงใช้คำว่า หลอก เพราะว่ามันไม่ใช่ความจริง มันเป็นสิ่งที่มาทำให้เราโง่ หลง ไปรัก ไปโกรธ ไปเกลียด ไปกลัว ที่จริงมันเป็นธรรมชาติ ที่เป็นอย่างนั้นเองตามธรรมชาติ แล้วเรามันโง่ เราไม่รู้เราก็เข้าใจ ผิด เราก็หลง เพราะเราหลง จึงเรียกว่า ถูกหลอก อ่า, เพราะว่าโดยแท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้น เราไม่ต้องรัก ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเกลียด ไม่ต้องกลัว ไม่จำเป็นอะไรเลย แต่เรามันโง่เราจึงถูกหลอก ที่เห็นว่าน่ารักก็รัก เห็นว่าน่าเกลียดก็เกลียด เห็นว่าน่าโกรธก็โกรธ เห็นว่ากลัวก็กลัว มันยังมีอะไรอีกมากมาย ที่ทำให้จิตใจนี้ มันร้อน ฉะนั้นเรียกว่า ความไม่ถูกต้อง ไปโง่หลง เพื่อรัก โกรธ เกลียด กลัว วิตก กังวล อาลัย อาวรณ์ อิจฉา ริษยา หึงหวง ต่าง ๆ นานา ซึ่งเป็นเรื่องของกิเลส คือ ความร้อน ฉะนั้นเรียกว่า ความไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องก็คือ อธรรม ไม่ใช่ธรรม อ่า, เพราะว่าธรรมนี่ คือ ความถูกต้อง
นี่อาตมาได้บอกท่านทั้งหลายวันนี้เพียงพอแล้วว่าธรรมะ คือ ความถูกต้อง เมื่อมีความถูกต้อง มันก็แก้ความผิดพลาดได้ อ่า, ธรรมะแก้ปัญหาได้ทุกชนิด เพราะธรรมะเป็นความถูกต้อง ตามกฎของ ธรรมชาติ ขอให้ถือธรรมะในฐานะเป็นความถูกต้อง จำเป็นที่ชีวิตจะต้องมีเพื่อไม่ตาย และเพื่อเจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงที่สุดที่ชีวิตมันจะมีอยู่ได้ เวลาก็หมดแล้ว ขอยุติการพูดแค่นี้ไว้เพียงเท่านี้