แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เห็นแล้ว ตามธรรมดาก็มีการให้พรหรือให้โอวาทตามธรรมเนียม เรามุ่งหมายจะได้ประโยชน์อะไรในการบวช ก็ต้องทำให้ได้ประโยชน์อันนั้น เข้ามาศึกษาอะไร ก็ให้รู้สำหรับจะได้ปฏิบัติ แล้วเราก็จะต้องกำหนดรู้สึกถึงข้อที่เมื่อบวช เราได้มีการบังคับตัวเองอย่างไร ก็คงจะทำให้ได้ รักษาไว้ให้ได้ บวชคราวนี้ดูเหมือนเรื่องฝึก เพื่อฝึกฝนบังคับตัวเองทั้งนั้น เพราะปัญหาของเราหรือของคนทั่วไปมันอยู่ที่สะเพร่า ประมาท เลินเล่อ ไม่มีการบังคับตัวเอง ผลุนผลัน ฉะนั้นจงไปนึกใคร่ครวญดูให้ดี มันมีอะไรกี่อย่าง ที่แล้วมาแต่หนหลังจนกระทั่งบัดนี้ เรามัน มันกระทำไปอย่างไม่มีสติ เมื่อไม่มีสติ มันก็ไม่มีบังคับตัวเอง จะยกตัวอย่างที่ง่ายที่ต่ำที่สุด พะผู้มีพะภาคย์เจ้าเป็นพระอรหันต์นี่ นี่คือไม่มีสติ แล้วก็ไม่บังคับตัวเองให้ว่าให้ถูกต้อง แทนที่จะว่าพระผู้มีพระภาคย์เจ้า พะผู้มีพะภาคย์เจ้า มันผลุนผลัน ผลุนผลัน ไม่มีสติ ไม่มีการบังคับตัวเอง คนก็เป็นอย่างนี้แหละโยม และเมื่อมาเข้าวัดเข้าวาก็คือมาสอดส่อง สอบสวน ซักไซ้ดูว่ามันมีอะไรบ้าง ที่มันเหลืออยู่ในรูปแบบของการไม่บังคับตัวเอง จนกระทั่งถึงเรื่องการคิด การพูด การทำอะไรต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องเป็นราว เป็นชิ้นเป็นอัน แล้ว แล้วก็ขจัดไปเสียให้หมด นั่นแหละก็จะได้รับประโยชน์ตามความมุ่งหมายของการบวช แม้จะเป็นการบวชพิเศษอย่างนี้ก็ต้องไปพิจารณาดู เวลาบวชก็ฝึกการบังคับตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องการให้อยู่ด้วยความอดกลั้นอดทนเป็นพื้นฐานทั่วไปเสียก่อน การบังคับตัวเองขั้นพื้นฐานก็คืออยู่อย่างที่ต้องอดกลั้นอดทน เรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องทุกอย่าง สารพัดอย่างที่แบบที่จะเป็นอยู่ มันเป็นเรื่องของการบังคับตัวเองตลอดเวลานานพอสมควร มันก็ต้องเปลี่ยน คือมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภายในว่ามันรู้จักคิด รู้จักนึก รู้จักมีสติบังคับตัวเอง เมื่อออกไปก็จะต้องให้มันอยู่ด้วยสำหรับจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ในอนาคต สรุปว่าเรามีคุณธรรมข้อนี้มากขึ้น มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งปล่อยตามความรู้สึกธรรมดาสามัญ ซึ่งปราศจากสติสัมปชัญญะ ไปรู้จักคำว่าสติสัมปชัญญะกันเสียบ้างว่า โดยธรรมดาที่เขาเป็นอยู่นั้น เขาก็ไม่คำนึงถึงเลย อยากจะคิดอะไรก็คิดผลุนผลัน แล้วเขาก็พูด ทำออกมาอย่างผลุนผลัน หรือว่าเมื่อไม่อยาก ก็ไม่ทำเสียเลย แม้สิ่งที่ควรทำ ต้องทำ มีประโยชน์อย่างยิ่ง มันก็ไม่ทำเสียเลย ก็เพราะไม่มีสติสัมปชัญญะ ไปทำเข้าในสิ่งที่ไม่อยากทำ ก็ทำอย่างผลุนผลัน ผลุนผลันไม่ค่อยจะดูแลระมัดระวัง อย่าให้มันเกิดผิดพลาดขึ้นมา ฉะนั้นสติสัมปชัญญะมันจึงเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับมนุษย์ในการที่จะไม่ทำอะไรให้ผิด และในการที่จะทำอะไรให้มันถูกถึงที่สุดนั่นเอง ถ้าเราไม่สนใจในข้อนี้ มันก็คงเป็นหมัน การบวชนั้นมันจะเป็นหมัน มันจะเสียเวลาเปล่า ฉะนั้นเราควรจะมาเปรียบเทียบกันดูที่แล้วมากับบัดนี้และต่อไป มันควรจะต่างกันอย่างไร ก็ให้มันได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเรายังมีหน้าที่เรียน เราก็ต้องเรียนสำเร็จ เมื่อเรามีหน้าที่ประกอบการงานอาชีพ แล้วเราก็ต้องทำได้ดีที่สุด ที่แล้วมามันพิสูจน์เพราะว่าการบังคับตัวเองไม่ได้ หรือว่ามันไม่มีการบังคับตัวเองเสียเลยก็มี มันก็เลยชะงักคาราคาซังกันหมด ต้องไปแก้ปัญหาข้อนี้ อุปสรรคอันนี้ให้มันหมดสิ้นไป ให้ลุล่วงไปด้วยดี มันต้องยอมอดกลั้นอดทน การบังคับตัวเองให้อยู่ในความถูกต้อง มันต้องอดทนอย่างมาก ถ้าชอบตามสบายอยู่แล้วก็ไม่มีทางที่จะบังคับตัวเองได้ คือว่าถ้า ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร คือไม่ต้องบวช ไม่ต้องประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ต้องประพฤติอะไรที่มันเป็นการขูดเกลากิเลส แต่นี่มนุษย์มันมีอะไรมาไม่ครบถ้วน ต้องมาเพิ่มเติมให้มันครบถ้วน คือมีความรู้และมีสติสัมปชัญญะในการที่จะใช้ความรู้อันนั้นให้ทันเวลาบ้าง ให้ถูกต้องกับกรณีเหตุการณ์ของมันบ้าง ฉะนั้นเราก็ต้องฝึกฝนข้อนี้ให้มันมากขึ้น นับตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กเล็ก ๆ เป็นเด็กโต เป็นผู้ใหญ่นี้ต้องฝึกข้อนี้ให้มันมากขึ้น ๆ ถ้าที่แล้วมามันไม่ได้ฝึกเพราะเหตุอะไรก็ตาม ก็แล้ว ก็ ก็ไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าต่อไปนี้ มันต้อง มันต้องฝึก มิเช่นนั้นมันล้มละลาย เราเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจะลืมไม่ได้ จะเผลอไม่ได้ จะทำหวัด ๆ ชุ่ย ๆ ไอ้เรื่องนี้อีกไม่ได้ นัยยะมันมีเท่านี้
ทีนี้สำหรับฆราวาส เขาก็มีธรรมะสำหรับฆราวาสและก็มีอยู่ในหนังสือนวโกวาท แบบเรียนนักธรรมชั้นตรี ฆราวาสธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงจัดสรรให้เหมาะสำหรับฆราวาส เรียกว่าฆราวาสธรรม เราต้องมี ต้องมีเป็นคู่มือ ยิ่งกว่าแขวนพระเครื่องเสียอีก พระเครื่องมันแขวนไว้ก๊อกแก๊ก ๆ อยู่ที่คอ แต่ว่าฆราวาสธรรมนี้ต้องมีอยู่ในจิตใจในดวงวิญญาณโน้น มีฆราวาสธรรมที่จริง มีอย่างแท้จริงยิ่งกว่าแขวนพระเครื่องเสียอีก คือมีอยู่ในจิต อยู่ในวิญญาณ มีอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะและปัญญา มันต้องขึ้นปากขึ้นใจที่สุดแหละ สำหรับธรรมะ ๔ ข้อนี้ โดยเฉพาะปัญหาของเธอ เท่าที่ทราบต้องแก้ด้วยไอ้ธรรมะ ๔ ข้อนี้ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ จะหลับลงไปก็หลับลงไปด้วยคาถานี้ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ ตื่นนอนขึ้นมา ก่อนนึกถึงสิ่งอื่นก็ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ และก็ตลอดวันก็มีเวลาที่จะนึก จะพูด จะพิจารณา สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ สัจจะคือความจริง จริง จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจริงต่อความเป็นมนุษย์ เราเป็นมนุษย์ให้ ให้จริง เราเป็นมนุษย์ให้ได้ เป็นมนุษย์ให้จริง ส่วนที่จะเป็นบุตร เป็นอะไรพิเศษต่อไปนั้นก็ให้จริง แต่ว่าข้อแรกต้องจริงที่ต้องเป็นมนุษย์ให้ได้ ต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี ต้องรับผิดชอบในความเป็นมนุษย์ ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกดูหมิ่นได้ในเรื่องความเป็นมนุษย์ นี่ที่สำคัญมันมีอยู่อย่างนี้ ให้จริงต่อเพื่อนฝูง จริงต่อเวลา จริงต่อหน้าที่การงาน จริงอะไรอีกหลาย ๆ อย่างนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับจริงต่อความเป็นมนุษย์ เมื่อมีความจริงต่อความเป็นมนุษย์ มันก็จริงต่อทุกอย่างที่ปลีกย่อยเหล่านี้ได้ จริงต่อเพื่อนฝูงรอบ ๆ เรา ทั้งความเป็นมนุษย์ของเราและของเขา จริงต่อเวลา เราเป็นมนุษย์ไม่ควรเหลวไหล จริงต่อหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะต้องเป็นอะไร จะเป็นพ่อค้า เป็นชาวสวน เป็นข้าราชการ เป็นหมอ เป็นอะไรก็ให้มันจริง นี่เรียกว่าจริงต่อหน้าที่การงาน มันรวมอยู่ในข้อที่ว่าจริงต่อความเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่แท้จริงให้ได้ ทีนี้ต้องมีธรรมะคือการบังคับให้มันเป็นอย่างนั้น แล้วมันจะเหลวไหลออกไปนอกทางคือจะไม่จริง นี่ต้องบังคับ บังคับให้จริง บังคับให้จริงมากขึ้น บังคับให้จริงอยู่ตลอดเวลา จิตเป็นสิ่งที่ต้องบังคับ เพราะว่าตามธรรมชาติมันจะตกไปในฝ่ายที่ต่ำ คือใช้ไม่ได้ คือฝ่ายกิเลส ธรรมดามันจะตกไปในฝ่ายนั้น เป็นธรรมชาติของมัน เพราะมันสะสมกันมาด้วยความรู้สึกชนิดนั้น เราต้องบังคับ ควบคุมให้อยู่ในร่องรอยของความถูกต้อง ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะ มันก็ไม่รู้สึกว่าเมื่อไรมันจะผิด หรือเมื่อไรมันจะต้องถูกควบคุม ฉะนั้นที่แล้วมามันก็ขาดสติสัมปชัญญะ มันก็ไม่ได้บังคับ หรือไม่ได้ควบคุม เรื่องจึงมีขึ้นมา ไม่ว่าใครทุกคน ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็บังคับได้ทันเวลาเสมอ ทีนี้เมื่อบังคับมันก็เป็นธรรมดา อย่าไปเข้าใจผิดว่าโอ๊ย, มันป่วยการ เว้ย, เจ็บปวด เสียเวลา เว้ย, มันบีบคั้นจิตใจ เว้ย, มันกดดันเรา เว้ย, อย่างนี้ไม่ต้องมีเพราะเรามองเห็นประโยชน์ของการบังคับ เดี๋ยวนี้โลกมันก็ขาดการบังคับความรู้สึกอย่างนี้ โดยเฉพาะไอ้การศึกษาฝ่ายตะวันตก มันนิยมอิสรเสรี มันก็เหยียดในการบังคับเพราะเห็นว่าเสียเสรีภาพ เป็นความกดดันทำให้มีทุกข์ ไอ้อย่างนั้นนั่น มันเข้าใจผิด ทำกับกิเลสอย่างนั้นไม่ได้ ขึ้นชื่อว่ากิเลสมันก็ต้องบีบคั้น ต้องต่อสู้ ต้องฟาดฟัน มันจะเจ็บปวดอย่างไรก็เท่ากัน ก็ต้องต่อสู้ ก็ต้องยอมเจ็บปวด ยอมยุ่งยากลำบากเกี่ยวกับการบังคับความรู้เลว ๆ นั่น ถ้าไม่อย่างนั้นปล่อยไปตามความรู้สึกเลว ๆ มันก็วินาศ มันก็ล้มละลาย ฉะนั้นการศึกษาแผนใหม่นี่ มันผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ไม่เน้นในเรื่องการบังคับตัว อะไรนิดก็ร้องเพลง อะไรนิดก็ร้องเพลง ทำให้เสียนิสัยในการไม่บังคับตัว เสียนิสัยทำให้เกิดการไม่บังคับตัว สูญเสียนิสัยที่ดีคือการบังคับตัว ฉะนั้นเราได้ผิดพลาดมาเท่าไรก็ควรจะเอามาเป็นครู เอาความผิดพลาดแต่หนหลังเป็นครู เป็นครูดีกว่าครูชนิดไหนหมด แต่ก็ต้องทำอย่างฉลาด แนบเนียน แยบคายเหมือนกันนะ เข้มแข็งด้วย มันจึงจะเอาความผิดพลาดมาเป็นครูได้ ฉะนั้นคนโดยมาก เขาแล้วก็แล้วไป แล้วก็แล้วไป ผิดแล้วก็ผิดไป บางทีก็ร้องไห้ บางทีก็ฆ่าตัวตายไปเลย ไม่ต้องเอามาเป็นครูสำหรับทำให้ดี นี่เราจะต้องบังคับ และเราก็จะต้องทนเมื่อมีการบังคับ ไม่ใช่ความกดดันที่ทำให้เสียเสรีภาพ มันเป็นการดึงมาหาความปลอดภัยสำหรับจิตที่มันเหลวไหล มันอยากจะวินาศโดยไม่รู้ตัว ก็ดึงมา กระชากหัวมันมา มันก็ต้องเจ็บปวดกันบ้าง นี่ก็เรียกว่าขันตี ความหมายมันกว้างขวาง ลึกซึ้ง ความเป็นบรรพชิตทุกชนิดอยู่ได้ด้วยขันตี ไปดูเถิดตั้งแต่เณร ตั้งถึงพระ ถึงจะเป็นพระอรหันต์อยู่ได้ด้วยขันตี ไม่อย่างนั้นมันบวชอยู่ด้วยไม่ได้