แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย ในธรรมะบรรยายนี้ จะถือว่าเป็นธรรมะบรรยายในชุด ธรรมะช่วยได้ ธรรมะช่วยได้เป็นครั้งที่ ๓ คือ บรรยายธรรมะสำหรับแก้ปัญหาของมนุษย์ ในส่วนที่เป็นปัญหาอันเกิดมาจากธรรมชาติ ปัญหาเกิดจากธรรมชาตินั้นท่วมทับคนทุกคนอยู่ตามธรรมชาติ ไม่มีใครหลีกพ้น ที่เป็นปัญหาภายในก็เช่นว่า จะต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นส่วนใหญ่ เป็นไปตามธรรมชาติ อะไรๆเป็นความทุกข์ขึ้นในภายใน ตามธรรมชาติ อันที่เป็นภายนอกนั้นไม่เท่าไร ถ้ารู้จักแล้วก็จะหัวเราะเยาะได้ ธรรมชาติภายนอก เช่นก็มี แผ่นดินไหว มีน้ำท่วม มีไฟไหม้ มีฟ้าผ่า ถึงแม้ที่สุดแต่ว่าดาวหางมันจะมาชนโลกนี้พังทลายไปก็ช่างหัวมัน นี่ก็เรียกว่าปัญหาธรรมชาติภายนอก ไม่สู้มีความสำคัญอะไร มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้ารู้ธรรมะ ตถาตาพอสมควรแล้วก็หัวเราะเยาะได้ มันไม่ขบกัด เผาลน เบียดเบียน เหมือนกับปัญหาภายในกล่าวคือ ความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรืออะไรๆที่มันคล้ายๆกัน สรุปความว่าเราต้องการอย่างไร แล้วมันไม่ได้อย่างนั้น ก็ธรรมชาติมันไม่อำนวย ธรรมชาติมันไม่คอยอำนวยตามความประสงค์ของผู้ใด เว้นไว้เสียแต่ว่าคนนั้นเขาประพฤติถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ มีหน้าที่ที่จะประพฤติให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ แล้วก็จะไม่มีความทุกข์ เดี๋ยวนี้ในร่างกายของเราแท้ๆ เราก็บังคับมันไม่ได้ ธรรมชาติมันยึดครองอยู่ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เป็นต้น แต่แล้วเราก็ต้องอยู่กับมัน ทั้งที่บังคับมันไม่ได้ คิดดูเถอะว่ามันจะมีปัญหาอย่างไร เราต้องอยู่กับสิ่งที่เราบังคับมันไม่ได้ ถ้าเราโง่มันก็จะต้องเข้าไปต่อต้านอย่างโง่ แล้วมันก็ไม่สำเร็จ ก็ยังคงมีความทุกข์ และมากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้น ต้องมีสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหลักธรรมะในพระศาสนา ให้สามารถต่อต้านกับ ปัญหานานาชนิดอันเกิดมาจากธรรมชาติ และที่ว่าเป็นภายในดังที่กล่าวแล้ว
ในที่นี้จะขอยกเอาเรื่องความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เราเกิดตัวกู ของกูขึ้นมาครั้งหนึ่ง ต้องการอย่างนั้นอย่างนี้แล้วไม่ได้ มันก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เราต้องแก่ เราไม่ชอบความแก่ เราเกลียดความแก่ เราต่อต้านความแก่ แล้วก็ต่อต้านไม่ได้ เราไม่ชอบความเจ็บ แล้วมันก็ยังต้องเจ็บ เราไม่ชอบความตาย ซึ่งเป็นภัยอันใหญ่หลวงที่ทุกคนกลัวยิ่งกว่าภัยใดๆ ทุกอย่างดูให้ดีเถิดว่า มันเนื่องมาแต่กลัวตายทั้งนั้นแหละ พอมีวี่แววแห่งความตายผ่านเข้ามาก็สะดุ้ง หวาดเสียว เป็นทุกข์อย่างยิ่ง อะไรเป็นนิมิตแห่งความตาย เพียงแต่แสดงให้เห็นนิดหน่อย มันก็กลัวตาย และมีความทุกข์ จะอะไรๆก็รู้สึกจะเป็นเรื่องกลัวตาย คนโง่เขามีความรู้เท่านั้น มีความรู้ว่าความกลัว ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว ก็หากิน นุ่งห่ม บ้านเรือน หยูกยา สารพัดอย่างป้องกันความตาย มันก็ไม่ป้องกันได้ ความตายก็ยังบีบคั้นจิตใจเขาให้เป็นทุกข์ เราจะต้องมีธรรมะที่จะทำให้จิตใจอยู่เหนือความกลัวตาย เหนืออำนาจบีบบังคับของความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เดี๋ยวนี้พุทธบริษัท มาสวดร้องกันแต่เพียงว่า เรามีความเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเกิด แก่ เจ็บตายไปได้ นี่มันน่าหัว มันน่าสงสาร มันเป็นพุทธบริษัทท่อนเดียว หรือครึ่งเดียว ไม่ได้ระลึกนึกถึงข้อที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าได้อาศัยตถาคตเป็นกัลยาณมิตรแล้ว ก็จะพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระบาลีตอนนี้ไม่เอามาสวดกัน สวดพระบาลีแต่ที่ว่าเรามีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ไม่พ้นความเกิด แก่ เจ็บ ตายไปได้ ส่วนที่ว่าเราจะพ้นได้โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นกัลยาณมิตรนั้นไม่เอามาสวด ดังที่มันมีอยู่ในพระบาลีด้วยกัน ทำไมมันจึงสะเพร่าขนาดนี้ มันก็เลยเอาชนะปัญหาตามธรรมชาติ ที่เป็นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้
พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ถ้าได้อาศัยพระองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว จะพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จะพ้นได้อย่างไร มันก็ไม่ลึกซึ้งเกินไป ในความรู้เท่าที่ได้ยินได้ฟังกันมาก่อน มันก็พอจะอธิบายได้ คือบอกให้รู้ว่า มันไม่มีตัวตนอันแท้จริง มันไม่มีตัวตนที่เกิด ที่แก่ ที่เจ็บ ที่ตาย มันมีแต่การปรุงแต่งตามธรรมชาติของสังขาร และทำให้เกิดความโง่ ความหลงขึ้นมาว่ามีตัวกู แล้วก็มีตัวกูที่จะเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันก็เป็นทุกข์เท่านั้นเอง เพราะมันเป็นเรื่องผิด ผิดทั้งนั้น คือผิดตรงที่ว่า มันไม่มีตัวตนมาทำให้มีตัวตน ตัวตนมันก็เป็นที่ตั้งแห่งความเกิด แก่ เจ็บ ตาย รู้ธรรมะถึงความจริงอันสูงสุดว่า ไม่มีตัวตน มีแต่ธรรมชาติ หรือธาตุตามธรรมชาติอันปรุงแต่งกันตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ มันเป็นอย่างนั้นเอง ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตน เมื่อไม่มีอะไรเป็นตัวตน มันก็ไม่มีที่ตั้งของความเกิด แก่ เจ็บ ตายแต่ผู้ใด ไม่มีผู้ใดที่จะเป็นเจ้าของความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เพราะว่ามันไม่มีตัวตน นี่พอจะรู้ธรรมะลึกซึ้งถึงขนาดที่ว่าไม่มีตัวตน มีแต่ธาตุตามธรรมชาติ ปรุงแต่งกันไปตามเหตุ ตามปัจจัยทั้งนั้น ได้อาศัยพระพุทธองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว มันรู้อย่างนี้ มันรู้อย่างนี้ เพราะรู้อย่างนี้ จึงพ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีตัวตนที่จะเกิด ไม่มีตัวตนที่จะแก่ ไม่มีตัวตนที่จะตาย เรื่องนี้มันก็ต้องยากสักหน่อย เพราะว่ามันแก้ปัญหาได้มาก แก้ปัญหาได้สูงสุด คือไม่ต้องเป็นทุกข์เลย เพราะฉะนั้นต้องลงทุนศึกษา ศึกษาอย่างยิ่ง ศึกษาให้เข้าใจถึงเรื่องความไม่มีตัวตน มันเป็นเพียง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของการปรุงแต่งของธาตุ ตามกฎของธรรมชาติ ที่เรียกกันว่า การปรุงแต่งแห่งสังขาร มีแต่การปรุงแต่งแห่งสังขาร คำว่าสังขารนั้น มันปรุงแต่งกาย มีกายปรุงแต่งจิต มีจิตปรุงแต่งความคิดนึกของจิต มีความคิดนึกของจิตและมันโง่ เพราะมันปรุงแต่งไปในทางอวิชชา ไม่มีความรู้ตามที่เป็นจริง ปรุงแต่งไปในทางอวิชชา มันก็เข้าใจผิดว่ามีตัวตน เช่น ตาเห็นรูปได้ ก็คิดว่าตาเป็นตัวตน หูได้ยินเสียงได้ ก็หูเป็นตัวตน ที่อย่างยิ่งก็คือจิตมันคิดได้ ก็เอาจิตเป็นตัวตน ก็เกิดตัวตน ตัวตนก็เป็นที่ตั้งแห่งปัญหา ความเกิด แก่ เจ็บ ตายเหล่านี้ แล้วมันก็เป็นที่ตั้งแห่งความรัก โกรธ เกลียด กลัว อาลัยอาวรณ์ วิตกกังวล หึงหวง อิจฉาริษยา นี่มาจากความโง่แห่งความมีตัวตน
ธรรมะกำจัดสิ่งเหล่านี้ได้ ป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้ เราก็ไม่มีธรรมะ เราก็ไม่หาธรรมะ ไม่แสวงหาธรรมะ แล้วจะไปโทษใคร เป็นโรคประสาทกันเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะมันไม่มีความรู้ในข้อนี้ มันหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา มันอาลัยอาวรณ์ วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา เป็นโรคประสาทกันเต็มเมืองเต็มบ้าน เป็นโรคให้ละอายแมว เป็นต้น ไม่มีแมวตัวไหนเป็นโรคประสาท นอนหลับยาก หรือเป็นบ้า เป็นโรคจิต แต่คนนั้นเป็นกันเต็มบ้าน ได้ยินว่าเฉพาะประเทศไทยนี่ คนเป็นโรคประสาทกันเป็นแสนๆ เราไม่พบแมวสักตัวหนึ่งที่จะเป็นโรคประสาทจึงเรียกว่า เราไม่มีธรรมะ แมวไม่เป็นโรคประสาท เพราะมันไม่มีปัญหา เพราะว่ามันไม่มีความคิดนึกที่จะทำให้เกิดปัญหา คนเรามีความคิดนึกมาก เกิดปัญหามาก แล้วแก้ไม่ได้ ต้องเป็นโรคประสาทให้ละอายแมวนี่แหละ ไม่มีความรู้ในเรื่องของธรรมชาติแล้ว มันก็ต้องประสพกับปัญหาที่ต้องทำให้ละอายแมว เราไปเอาของธรรมชาติมาเป็นตัวตน มันก็เกิดปัญหาชนิดที่แมวมันไม่มี แมวมันไม่โง่ มันไม่หลง ไม่ไปเอาอะไรมาเป็นของตน มันปล่อยวางไว้เฉยๆ ทางฝ่ายคนนี้เอาอะไรมาเป็นตัวตนกลุ้มรุมไปหมด จึงเกิดโรคประสาทบ้าง โรคจิตบ้าง เป็นบ้าไปเลย ก็หมดความหมายของความเป็นมนุษย์ เราตู่ธรรมชาติมาเป็นตัวตน ฉ้อฉลธรรมชาติมาเป็นตัวตน เราเป็นอาชญากรอันเลวร้าย ไปปล้นเอาของธรรมชาติมาเป็นของตน นั่นแหละ คือ ปัญหาจากธรรมชาติ มันจึงเกิดขึ้น ทำให้เราต้องเป็นทุกข์ เนื่องมาจากปัญหาของธรรมชาติ ถ้าเราไปโกงธรรมชาติเข้าก่อน ฉ้อฉลธรรมชาติเข้าก่อน เอาของธรรมชาติมาเป็นตัวตนดังนี้
ท่านทั้งหลาย ท่านผู้ฟังทั้งหลายจงรู้ธรรมะข้อนี้ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านประทานไว้ให้เรา อาศัยพระองค์เป็นกัลยาณมิตร ก็คือ ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์แล้วก็จะไม่มีความโง่ หลงว่าตัวกูของกู มันไม่มีตัวตนแล้ว จิตนี้มันก็ว่าง ก็เป็นอิสระ ไม่ต้องแบกภาระหนักของความโง่ หรือของอวิชชา เรียกว่ามีชีวิตเย็น เย็นเป็นนิพพาน ปัญหาอันเกี่ยวกับธรรมชาติจะหมดสิ้นไปก็ด้วยความรู้ในข้อนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้ศึกษาความรู้ข้อนี้ยิ่งๆขึ้นไป ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีปัญหาธรรมชาตินี้รบกวน อยู่เป็นสุขทุกทิพาราตรีกาลเถิด