แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ณ บัดนี้จะได้วิสัชนาพระธรรมเทศนา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา ส่งเสริมศรัทธาความเชื่อ และวิริยะความพากเพียร ของท่านทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัทให้เจริญงอกงามก้าวหน้าตามทางแห่งพระศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดาอันเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลาย กว่าจะยุติลงด้วยเวลา
ธรรมเทศนาในวันนี้อาศัยนิเขปบทดังที่ได้ยกมากล่าวแล้วข้างต้นว่า ธัมมัง สุจริตัง จเร แปลว่า บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต ท่านทั้งหลายจงกำหนดไว้ซึ่งหัวข้อนี้ให้เป็นหัวข้อสำคัญว่า มีการตักเตือนว่าให้ประพฤติธรรมให้สุจริต เราส่วนมากมักจะไม่พูดกันถึงขนาดนี้ เพราะว่าเพียงแต่ประพฤติธรรมก็เป็นการเพียงพอแล้ว ทำไมจะต้องกล่าวถึงกับว่าต้องประพฤติธรรมให้สุจริต หรืออีกทางหนึ่งก็จะกล่าวได้ว่า จงประพฤติความดีให้สุจริต นี้ก็หมายความว่ามีการประพฤติความดีที่คดโกง คด ๆ งอ ๆ ก็ยังมี ประพฤติธรรมไม่สุจริต ฟังดูให้ดีเถิดหมายความว่าอย่างไร ถ้าจะมองดูกันให้กว้างออกไปก็จะเห็นได้ว่า การประพฤติธรรมไม่สุจริตนี้มีอยู่ทั่ว ๆ ไปในโลก โลกนี้กำลังยุ่งยากลำบากทนทุกข์ทรมานเดือดร้อนหนักขึ้นทุกที ก็เพราะว่าคนในโลกไม่ประพฤติธรรมให้สุจริต
สถาบันต่าง ๆ ที่มีหน้าที่รักษาความเป็นธรรมของโลก ซึ่งมนุษย์ในโลกจัดตั้งขึ้น ก็ประพฤติธรรมไม่สุจริต ทำหน้าที่ของตนไม่สุจริต ทำความดีไม่สุจริต ทำความดีคด ๆ งอ ๆ เป็นการคดโกง ดังนั้นควรจะมองเห็นกันเสียให้ชัดเจนลงไปว่า โลกกำลังไม่มีสันติภาพเพราะว่ามนุษย์ประพฤติธรรมไม่สุจริต เพราะว่ามนุษย์ประพฤติธรรมคด ๆ งอ ๆ เป็นการคดโกงอยู่ในการประพฤติธรรมนั่นเอง ไม่มีใครที่จะไม่กล่าวว่าตนประพฤติดีหรือประพฤติธรรม ไม่มีหมู่คณะบุคคลใดที่ไม่กล่าวว่าตนทำหน้าที่เพื่อสันติภาพของโลก แต่แล้วเราก็ไม่ได้รับผลเป็นไอ้ความสงบสุขหรือสันติภาพของโลกขึ้นมาได้เลย เพราะการประพฤติธรรมไม่สุจริต เพราะการทำความดีไม่สุจริตนั่นเอง นี้เป็นคำตักเตือนที่มีความหมายลึกซึ้ง คือเตือนให้ไม่ประมาท ถึงกับว่าประพฤติธรรมก็ต้องดูให้สุจริต คนสะเพร่า คนเลินเล่อ สักแต่ว่าประพฤติธรรมนั้นไม่มีทางที่จะสุจริตได้ เพราะว่ามองผิวเผินทั่วไป คนทำความดีด้วยความคด ๆ งอ ๆ ก็มีอยู่เป็นอันมาก ไปคิดดูเองเถิดว่า มีความคด ๆ งอ ๆ ที่ตรงไหน ทำความดีประชดตัวเองก็ยังมี ประชดผู้อื่นก็ยังมี ทำความดีประชดกิเลสของตนก็ยังมี แต่แล้วก็ไม่มองกัน อ้างแต่ว่าตนประพฤติดี ร้องตะโกนปาว ๆ ไปแต่ว่า เราทำดี ๆ แล้วก็ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจ ดังนี้เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าประพฤติธรรมไม่สุจริต ทำความดีไม่สุจริต ถ้าทำความดีสุจริตแล้วจะต้องไปเรียกร้องอะไรจากใครว่าไม่มีใครเห็นใจ ทำไมเล่า
จงได้พิจารณาดูให้ละเอียดเถิดจะเห็นว่า คนเราส่วนมากยังขาดคุณธรรมข้อนี้ ดังนั้นจะได้วินิจฉัยกันในข้อนี้ให้เป็นที่เข้าใจตามสมควรแก่โอกาส ยกตัวอย่างในเบื้องต้นว่า ถ้าเราทำความดีเพื่อได้เงิน จะหาเงินด้วยการทำความดี อย่างนี้เรียกว่าประพฤติธรรมสุจริตแล้วหรือยัง มันก็จะต้องตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำความดีนี้เพื่อเงิน หรือทำความดีเพื่อความดี ถ้ายังทำความดีเพื่อเงินอยู่แล้วยังเรียกว่าทำความดีไม่สุจริต เพราะว่าทำความดีนั้นเพื่อเงินต่างหาก หรือว่าทำความดีเพื่อให้คนในโลกเขาสรรเสริญ ให้ชาวบ้านเขาสรรเสริญ อย่างนี้เรียกว่าประพฤติความดีให้สุจริตแล้วหรือยัง ก็ต้องตอบได้อย่างเดียวกันว่าถ้าทำความดี เพื่อให้คนเขาสรรเสริญนั้น มันเห็นแก่ความสรรเสริญ ไม่ได้เห็นแก่ธรรมหรือเห็นแก่ความดีโดยตรง ยังไม่เรียกว่าประพฤติความดีที่สุจริตตามความหมายที่แท้จริง ถ้ากล่าวอย่างนี้ท่านทั้งหลายจะมีความเข้าใจกันอย่างไร จะเห็นด้วยหรือจะคัดค้าน จะเห็นด้วยหรือจะคัดค้านก็เป็นสิทธิของท่านทั้งหลายเอง
ความเข้าใจผิดหรือความเข้าใจถูกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ จะมาว่าเอาเองกับธรรมะนั้นไม่ได้ ความถูกหรือความผิดของธรรมะนั้นไม่เข้าใครออกใคร ตรงไปตามแนวตามหลักตามเกณฑ์ของธรรมะ ถ้าคนทำความดีเพื่อเห็นแก่เงิน มันก็เห็นแก่เงิน ไม่ได้เห็นแก่ความดี อย่างนี้ตามหลักของธรรมะต้องถือว่าไม่สุจริต เพราะเขาไม่ได้บูชาความดี เขาบูชาเงิน แล้วยังจะกลับเอาความดีไปใช้เป็นเครื่องมือ เป็นสื่อสำหรับหาเงิน อย่างนี้จะเรียกว่าเคารพความดีได้อย่างไร หรือว่าทำความดีเพื่อจะให้ได้ชื่อเสียงก็เหมือนกัน จิตใจนั้นมันบูชาชื่อเสียง บูชาเกียรติ ไม่ใช่บูชาความดี อย่างนี้เรียกว่าขบถหรือทรยศต่อความดี ไม่ได้เห็นแก่ความดีแต่ไปเห็นแก่เกียรติหรือชื่อเสียง ตามหลักของธรรมะ ตามกฎเกณฑ์ของธรรมะก็ถือว่าประพฤติความดีไม่สุจริต เพราะไม่ได้ซื่อตรงต่อความดี เพียง ๒ อย่างเท่านี้ก็ลองคิดดูเถิดว่า เราทั้งหลายมีปัญหาอะไรบ้างที่จะต้องสะสางกันในข้อที่จะประพฤติธรรมให้สุจริต หรือทำความดีให้สุจริต
ทีนี้สูงขึ้นไปอีก พูดว่าทำความดีเพื่อไปสวรรค์ ประพฤติธรรมเพื่อไปสวรรค์ อย่างนี้จะเรียกว่าทำความดีสุจริตหรือไม่สุจริต ถ้าเห็นแก่สวรรค์มันก็ไม่ได้ ไม่ใช่เห็นแก่ความดีหรือเห็นแก่ธรรม แล้วสวรรค์ในความรู้สึกหรือความมุ่งหมายของบุคคลนั้น ๆ ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องกามคุณหรือกามารมณ์ ดังนั้นจึงบูชากามารมณ์ ไม่ใช่บูชาธรรมหรือบูชาความดี อย่างนี้มันจะยิ่งเป็นการประพฤติธรรมที่ไม่สุจริตมากยิ่งขึ้นไปหรือหาไม่ เพราะฉะนั้นลองคิดดูเถิด ปัญหาก็จะมีต่อไปว่าคนเราที่ทำความดีกันอยู่ทุกวันนี้ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อปากเพื่อท้อง หรือว่าทำเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง หรือว่าทำเพื่อไปสวรรค์ เป็นต้น หรือแม้ที่สุดแต่จะเลยไปถึงว่าทำเพื่อดับทุกข์ เพื่อนิพพาน ในบรรดาความมุ่งหมายเหล่านี้ อันไหนเป็นความมุ่งหมายที่สุจริต
การทำเพื่อปากเพื่อท้อง เพื่อเกียรติยศชื่อเสียง เพื่อสวรรค์ คือกามารมณ์นั้น ก็ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดที่ชั่ว ยังยกย่องนับถือกันว่าเป็นสิ่งที่ควรทำหรือต้องทำ ไม่มีใครปรับให้เป็นบาปเป็นกรรม นั้นมันเป็นเรื่องที่มนุษย์ว่ากันเอง ว่าเอาเองตามความรู้สึกของมนุษย์ แต่ถ้าตามหลักของธรรมแท้ ๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะว่าการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเพื่อธรรมจริง ๆ นั้นต้องเป็นไปตามความมุ่งหมายของธรรม คือเพื่อดับทุกข์โดยตรง และเพื่อเป็นการดับทุกข์ที่แท้จริง เรื่องเกียรติยศชื่อเสียง เรื่องสวรรค์ หรือเรื่องอะไรเหล่านี้มันยังดับทุกข์ไม่จริง จะได้สวรรค์มาสักเท่าไร มันก็ยังไม่พ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย ยังไม่พ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ในสวรรค์ก็มีการร้องไห้ ในสวรรค์ก็มีความประพฤติอย่างอันธพาล เพราะอำนาจของกิเลสที่เป็นของมีอยู่ในภพทั่วไป ในโลกทั่วไป ดังนั้นจึงยังไม่ดับทุกข์ ยังไม่ใช่ความมุ่งหมายอันแท้จริงของธรรม นี่แหละคือข้อที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่สุจริต ถ้าสุจริตหรือเป็นธรรมแล้ว ต้องตรงตามความมุ่งหมายของธรรม คือดับทุกข์ได้จริง การปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ได้จริงหรือเพื่อนิพพานเท่านั้น ที่ตรงต่อความหมายของคำว่าธรรม ดังนั้นเราจึงปฏิบัติ เราจงปฏิบัติให้สุจริต ให้ตรงต่อความมุ่งหมายของคำว่าธรรม คือดับทุกข์ให้ถูกต้องให้แท้จริง
คำว่าธรรมมีความหมายในที่นี้ก็เพื่อจะกำจัดทุกข์ จะดับกิเลสนานาชนิดให้สูญสิ้นไป เราก็สรุปรวมความได้เป็นคำสั้น ๆ เพียงคำเดียวว่า ทำลายความเห็นแก่ตัว ทำลายตัวหรือทำลายความเห็นแก่ตัว นี้คือทำลายความเห็นแก่ตัว เป็นใจความสำคัญ ถ้ายังเพิ่มความเห็นแก่ตัวแล้วย่อมไม่เป็นธรรม ถ้าหากว่าหาเงินได้มาเพิ่มความเห็นแก่ตัว มันก็ไม่เป็นธรรม หาชื่อเสียงมาเพิ่มให้ความเห็นแก่ตัว มันก็ไม่เป็นธรรม หาสวรรค์มาเพิ่มให้ความเห็นแก่ตัว มันก็ไม่เป็นธรรม เรื่องที่เป็นธรรมมันต้องทำลายความเห็นแก่ตัว ถ้าเราจะทำอะไรให้เป็นธรรมให้สุจริตแล้ว ต้องเป็นการทำลายความเห็นแก่ตัว ความยึดมั่นถือมั่นว่าเรา ว่าของเรา หรือพอเดือดจัดขึ้นมาก็เพื่อกู เพื่อของกู นี้คือความเห็นแก่ตัว ถ้าทำอะไร ๆ ล้วนแต่เป็นไปเพื่อตัวกูหรือเพื่อของกูแล้ว ไม่เป็นธรรมทั้งนั้น แม้แต่จะทำสิ่งที่เขาเรียกกันว่าความดี ๆ อยู่อย่างเหน็ดเหนื่อยลำบาก มันก็เป็นการทำความดีประชดตัว ประชดธรรมพร้อมกันไปทีเดียว มันจึงไม่ใช่ความดีของธรรม แต่มันเป็นความดีของกิเลส มันจึงได้แก่กิเลสนั่นเอง มันจึงไม่ดับทุกข์ได้ ทำความดีชนิดนี้ทำเท่าไร ๆ มันก็ดับทุกข์ไม่ได้ แล้วมันก็จะเพิ่มความเห็นแก่ตัวให้มากขึ้นด้วย แล้วมันก็จะประชดตัวด้วยการทำความดีนั้นอยู่ร่ำไป แล้วความดีนั้นมันก็คด ๆ งอ ๆ เป็นความดีที่คดโกง ไม่สมตามพุทธภาษิตที่ว่า ธัมมัง สุจริตตัง จเร จงประพฤติธรรมให้สุจริตดังนี้
หวังว่าเราทุกคนจะได้ตรวจสอบ ทดสอบ หรือตรวจตราพิจารณาดูให้ดีว่า เรากำลังประพฤติความดีสุจริตแล้วหรือยัง เราควรจะชำระสะสางการกระทำอันนี้เสียโดยเร็ว เพราะว่านี่แหละคืออันตรายอย่างยิ่ง เรากำลังไม่ประสบสันติสุขสันติภาพกันก็เพราะว่ามนุษย์กระทำความดีไม่สุจริต ผู้ที่มีหน้าที่ทำความดี คณะหรือสถาบันที่มามีหน้าที่ทำความดี รักษาสันติภาพของโลกหรืออะไรก็ตาม ล้วนแต่ทำความดีไม่สุจริต ทำความดีอย่างคด ๆ งอ ๆ ทำความดีอย่างคดโกง โลกนี้จึงไม่มีสันติภาพและไม่มีสันติสุขส่วนบุคคล จงพิจารณาดูเถิดว่ามันเป็นปัญหาสำคัญหรือไม่สำคัญในการที่จะประพฤติธรรมให้สุจริต ทีนี้ก็ตรวจสอบดูในหมู่คนทั้งหลายทั่วไปรวมทั้งตัวเราด้วย ที่ทำความดีอยู่ทุกวันนี้ทำเพื่ออะไร ใครทำความดีเพื่อทำลายความเห็นแก่ตัวบ้าง หรือว่าจะถือว่าการทำความดีนั้นคือการทำลายความเห็นแก่ตัว ดูจะไม่ไปถึงนั่นกันเสียเลย จะอยู่เพียงแค่ทำความดีเพื่อลาภสักการะ ทำความดีเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ทำความดีเพื่อไปสู่สวรรค์ เป็นที่สุด เป็นชั้นสูงสุด ถ้ามันเป็นอยู่อย่างนี้ขอให้เลยออกไปอีกหน่อย เลยออกไปถึงการทำความดีที่เป็นการทำลายความเห็นแก่ตัว ฉะนั้นจึงจะเป็นความดีที่แท้จริง มิฉะนั้นแล้วจะเป็นความดีที่หลอกลวง หรือเป็นความดีชนิดที่ว่ายาพิษที่เคลือบไว้ด้วยน้ำตาลเป็นอย่างมาก นี่แหละคือข้อที่เรายังมีปัญหาเป็นความทุกข์ยากเดือดร้อนกันอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ก็เพราะว่าแต่ละคน ๆ ทำความดีในลักษณะที่เป็นการเห็นแก่ตัว ไม่ได้ทำความดีในลักษณะที่เป็นการทำลายความเห็นแก่ตัว
ทีนี้พิจารณาดูถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม หรืออะไรต่าง ๆ ที่เขาจัดขึ้นในโลกนี้ล้วนแต่มีความมุ่งหมายไปในทางที่จะให้เป็นธรรม เป็นความดีชนิดที่ทำลายความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น แต่แล้วมนุษย์ก็ไม่ประพฤติในลักษณะเช่นนั้น กลับประพฤติไปในลักษณะที่ทำความดีทุจริต ทำความดีไม่สุจริต ยกตัวอย่างเช่นว่า การเล่นกีฬาของมนุษย์ในโลกสมัยนี้ การเล่นกีฬามีความมุ่งหมายเพื่อทำลายความเห็นแก่ตัว ให้เกิดความอดกลั้นอดทน ให้เกิดความอดออม ให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ให้รักผู้อื่น แต่แล้วจงไปดูเถิดในวงการกีฬานั่นแหละมีการเอาเปรียบคดโกงกัน มีการทำอันตรายแก่กันและกันในสนามกีฬานั้น ไปเล่นกีฬาเข้ากลับเพิ่มความเป็นอันธพาล ไม่เล่นกีฬาเสีย อยู่ที่บ้านยังจะดีกว่า ไม่เพิ่มความเป็นอันธพาล พอลงสนามกีฬาก็เพิ่มความเป็นอันธพาล ที่เปิดเผยออกมาบ้าง ที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง เลยเสียความมุ่งหมายของคำว่ากีฬา ที่มนุษย์จัดให้มีขึ้นเพื่อจะทำลายความเห็นแก่ตัว กีฬาในสมัยนี้เป็นบทเรียนสำหรับฝึกความเห็นแก่ตัวอย่างลึกลับ อย่างเอาเปรียบผู้อื่นอย่างลึกลับ ไม่เป็นการทำลายกิเลสที่เป็นความเห็นแก่ตัวเลย โลกนี้จึงไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการที่มนุษย์มีการกีฬา เพราะว่าการกีฬามันเพิ่มความเห็นแก่ตัวโดยตรงและโดยอ้อมอยู่อย่างนี้ สูญเสียความมุ่งหมายไปหมดแล้ว นักกีฬาพวกนี้ก็คือคนที่ทำความดีอย่างคดโกง ประพฤติธรรมเป็นทุจริต เพราะว่าการเล่นกีฬานั้นมีความมุ่งหมายจะให้ทำลายความเห็นแก่ตัว แล้วตนก็กระทำมันหรือเล่นมันอย่างทุจริตหรืออย่างคดโกง เพื่อจะเอาเปรียบผู้อื่น เพื่อความเห็นแก่ตัว เพื่อชัยชนะ เพื่อเกียรติยศชื่อเสียง อันเป็นทางมาแห่งลาภสักการะนั่นเอง
นี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ในโลกเรานี้กำลังเป็นอย่างไรในข้อที่ว่า จงประพฤติธรรมให้สุจริต ตัวอื่นตัวอย่างอย่างอื่นยังมีอีกมาก นี้ยกมาเฉพาะตัวอย่างที่จะพอเห็นกันอยู่ได้ชัด ๆ ว่าในทางโลกแท้ ๆ มันก็หมุนไปในทางประพฤติธรรมเป็นทุจริตไปเสียหมดแล้ว ทีนี้เหลียวมาดูในทางธรรมกันบ้าง สัปปุรุษ ทายก ทายิกา อุบาสก อุบาสิกา กำลังประพฤติธรรมสุจริตหรือไม่ กำลังประพฤติธรรมเพื่ออะไร กำลังประพฤติธรรมเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียง หรือเพื่อสวรรค์ หรือเพื่ออะไร ทุกคนก็พอจะมองเห็นได้ดีว่าไป ๆ มา ๆ ก็ไม่พ้นไปจากความเห็นแก่ตัว ดังนั้นความประพฤติธรรม การประพฤติธรรมของบุคคลเหล่านี้จึงยังไม่สุจริต เพราะฉะนั้นจึงช่วยไม่ได้ จะช่วยยกมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ไม่ได้ จึงได้ตกอยู่ในลักษณะที่ต้องเป็นทุกข์แปลก ๆ ออกไปหรือยังคงเป็นทุกข์อยู่ตามเดิม เรื่องประพฤติธรรมไม่สุจริตมีอะไรมากถึงอย่างนี้ แต่แล้วเราก็ไม่รู้สึก กลับรู้สึกไปในทำนองที่ว่า นั่นมันสุจริตแล้ว มันก็ถูกแล้ว มันก็สุจริตแล้ว ตามแบบของผู้ที่เห็นแก่ตัว แต่ไม่เห็นแก่ธรรม ถ้าเอาผู้ที่เห็นแก่ธรรมเป็นหลักแล้ว นั่นมันยังไม่สุจริต เพราะว่าบูชาเงินยิ่งกว่าธรรม บูชาเกียรติยิ่งกว่าธรรม บูชาสวรรค์ยิ่งกว่าธรรม คือความถูกต้อง ความแท้จริงของธรรม เรียกว่าประพฤติธรรมยังไม่สุจริต
ทีนี้ลองพิจารณาดูต่อไปเถิดว่า ความรู้ต่าง ๆ ที่เราอุตส่าห์ศึกษาเล่าเรียนกันเป็นวรรคเป็นเวรอย่างมากมายก่ายกองนั้น ทำไมมันจึงช่วยไม่ได้ มันช่วยไม่ได้ก็เพราะว่าผู้มีความรู้มากมายเหล่านั้นประพฤติธรรมไม่สุจริตนั่นเอง แม้จะเรียนความรู้ในทางธรรมมาอย่างถูกต้อง แต่พอมาถึงการประพฤติธรรมก็กลายเป็นประพฤติธรรมทุจริต ใช้ความรู้ธรรมะนั้นเพื่อหาเงิน หาชื่อเสียง หาสวรรค์ดังที่กล่าวแล้ว แล้วยิ่งตกมาถึงสมัยนี้ด้วยแล้ว การศึกษาหรือวิชาความรู้นั้นมิได้คำนึงถึงธรรมกันเลย ยกตัวอย่างง่าย ๆ ไปเรียนเมืองนอก มีปริญญาติดมาเป็นหางยาว ในปริญญาเหล่านั้นมีเรื่องธรรมะบ้างหรือหาไม่ ดูว่าทุกวิชาที่เรียนมานั้นเพื่อเป็นสะพานในการที่จะเห็นแก่ตัวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปจนผู้อื่นตามไม่ทันเท่านั้น วิชาความรู้เหล่านั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางวัตถุนั้น เรียนมามากเพื่อจะเอาเปรียบพวกอื่น คณะอื่น ประเทศอื่น หรือว่ามีอะไรให้มากเข้าไว้ก็เพื่อว่าจะได้วัตถุมามาก ๆ เพื่อมาสนองความต้องการของตนให้มาก ๆ วิชาความรู้เหล่านั้นจึงกลายเป็นการเพิ่มความเห็นแก่ตัว การปฏิบัติตามวิชาความรู้เหล่านั้นก็เป็นการทำความดีที่ทุจริตไปตามเดิม ทุกคนนิยมยกย่องว่าเป็นการกระทำถูกต้องแล้ว ไม่ทุจริต ไม่เป็นอันธพาลที่ไหนนั้นมันภาษาคนเห็นแก่ตัวว่า แต่ถ้าคนเห็นแก่ธรรมว่าแล้วจะยังยอมให้ไม่ได้ เพราะว่ายังไม่เห็นแก่ธรรม ยังไม่บูชาธรรม ยังไม่ถือธรรมเป็นหลัก ยังประพฤติธรรมไม่สุจริต เอาวิชาความรู้ไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น
เดี๋ยวนี้คนในโลกก็มีการศึกษากว้างขวาง แต่ละชาติ แต่ละประเทศก็มีความก้าวหน้าในการศึกษา แล้วก็ยังแลกเปลี่ยนกันซึ่งกันและกันให้มีมากขึ้น เต็มไปด้วยความรู้และการศึกษา แต่ความรู้และการศึกษาเหล่านั้นไม่เกี่ยวกับธรรมเลย เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นข้าศึกของธรรมทั้งนั้น คือเพิ่มความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น ดังนั้นยิ่งรู้มากก็ยิ่งทำให้โลกนี้ร้อนเป็นไฟมากขึ้น ยิ่งรู้มากเท่าไร ก็ยิ่งทำโลกนี้ให้ร้อนเป็นไฟมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าเป็นการเพิ่มความเห็นแก่ตัวขึ้นในโลกนี้ให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น นั่นแหละคือการประพฤติธรรมไม่สุจริตของคนทั้งโลก ประพฤติความดีไม่สุจริตของคนทั้งโลก โลกจึงเป็นอย่างนี้ คือเป็นโลกของความหลอกลวง เป็นโลกของความเห็นแก่ตัว หาความสงบสุขไม่ได้ และจะยิ่งเป็นไปในทำนองนี้มากยิ่งขึ้นทุกที ถ้าเราพิจารณาดูให้ดียิ่งขึ้นไปเท่าไร เราก็จะยิ่งเห็นด้วยพระพุทธเจ้าที่ตักเตือนว่า จงประพฤติธรรมให้สุจริต ยิ่งขึ้นทุกทีเหมือนกัน เราทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท จงมีความสลดสังเวชในข้อนี้ แล้วรีบชำระสะสางการประพฤติปฏิบัติของตนให้เป็นการประพฤติธรรมที่สุจริต คือประพฤติธรรมหรือทำความดีเพราะเห็นแก่ความดีหรือเห็นแก่ธรรมนั่นเอง
ทีนี้บางคนก็จะร้องคัดค้านขึ้นมาทีเดียวว่า จะเอามาแต่ไหนกิน จะเอามาแต่ไหนใช้ จะมีเกียรติยศชื่อเสียงได้อย่างไร จะมีความสุขได้อย่างไร ถ้าไปเห็นแก่ธรรมหรือเห็นแก่ความดี นั่นก็คือคำคัดค้านของคนที่เห็นแก่ตัวอีกนั่นเอง ถ้าคนที่เห็นแก่ธรรมจะไม่คัดค้านอย่างนั้น และความจริงมันก็มีอยู่ว่า ขอให้ประพฤติธรรมเพราะเห็นแก่ธรรมเถิด ขอให้ทำความดีเพราะเห็นแก่ความดีเถิด แล้วเงินก็จะมีมาเอง เกียรติยศชื่อเสียงก็จะมีมาเอง ความสงบสุขตามที่ควรจะมีจะได้ก็จะมีมาเอง มันเป็นการได้ที่ดีที่สุจริต คือเงินที่ได้มาเพราะการประพฤติธรรมโดยเห็นแก่ธรรมนั้น มันเป็นเงินบริสุทธิ์ เกียรติยศชื่อเสียงที่ได้มาเพราะการประพฤติธรรมที่เห็นแก่ธรรมนั้น มันเป็นการ ๆ ได้ชื่อเสียงที่บริสุทธิ์ แม้จะเป็นสวรรค์ที่ได้มาเพราะการประพฤติธรรมนั้นก็เป็นสวรรค์ที่บริสุทธิ์ ไม่เป็นสวรรค์ที่เดือดร้อนเป็นไฟเผาลนเหมือนสวรรค์ที่ได้มาเพราะการประพฤติธรรมเพราะเห็นแก่สวรรค์ ถ้าทำความดีเพราะเห็นแก่เงิน นี้หมายความว่าบูชาเงินยิ่งกว่าความดี เงินที่ได้มาเพราะการกระทำเช่นนั้นเป็นเงินชั่ว เป็นเงินที่ได้มาเพราะกิเลสที่บูชาเงินยิ่งกว่าบูชาธรรม มันเป็นเงินชั่ว มาทำเจ้าของเงินให้ชั่ว แต่ถ้าเราไม่บูชาเงิน บูชาธรรม ประพฤติธรรม ไปตามธรรม ด้วยความรู้สึกที่บูชาธรรม ประพฤติธรรมอย่างนี้แล้ว เงินได้มาก็เป็นเงินดี เป็นเงินบริสุทธิ์ ทำเจ้าของเงินให้เป็นคนดี ไม่เป็นคนชั่ว
ดังนั้น มันจึงอยู่ที่จิตใจอย่างเดียวเท่านั้น ว่าจิตใจในขณะที่ประพฤติธรรมนั้นมันสุจริตหรือไม่สุจริต ถ้าจิตใจในขณะที่ประพฤติธรรมมันสุจริต มันก็ประพฤติธรรมเพื่อธรรม ทำความดีเพื่อความดี แล้วเงินมันก็ได้มาด้วย มันก็เป็นเงินดี แต่ถ้าประพฤติธรรมเพราะบูชาเงิน จิตใจมันก็เป็นจิตใจชั่วเสียแล้ว เงินแม้จะได้มามันก็เป็นเงินชั่ว ทำเจ้าของให้เป็นคนชั่วตั้งแต่ต้นจนปลาย ชื่อเสียงก็เหมือนกันมีนัยยะเช่นนั้น ทำความดีเพราะเห็นแก่ความดี ไม่คำนึงถึงชื่อเสียง ชื่อเสียงมันคลานมาหาเองอย่างนี้ คนที่มีชื่อเสียงนั้นอยู่เหนือชื่อเสียง แต่ถ้าทำความดีเพราะอยากได้ชื่อเสียง เพราะเห็นแก่ชื่อเสียง คนนั้นมันเป็นทาส เป็นขี้ข้าของความของชื่อเสียงหรือของเกียรติยศ มันอยู่ข้างใต้ ไม่ได้อยู่ข้างบน ฉะนั้นถ้าว่าประพฤติความดี หรือประพฤติธรรมเพื่อจะให้ได้สวรรค์ในฐานะที่เป็นกามารมณ์แล้วก็มีจิตใจที่ตกต่ำไปแล้ว มันก็เป็นทาสของกามารมณ์ ได้สวรรค์มาสำหรับเผาลน แต่ถ้าประพฤติธรรมเพื่อสวรรค์ ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีว่าสวรรค์นั้นเป็นความสุขตามประสาของบุคคลผู้ทำความดี ไม่ได้หลงใหลในกามารมณ์แล้ว มันก็เป็นสวรรค์ชนิดที่ดี ชนิดที่ไม่เผาลน
คำว่าสวรรค์มีหลายความหมาย แต่ความหมายที่คนรู้จักกันทั่วไปนั้น คือสวรรค์ที่เต็มไปด้วยกามารมณ์ สวรรค์ที่สูงไปกว่ากามารมณ์ก็มี เช่นชั้นพรหมก็เรียกว่าสวรรค์เหมือนกัน สวรรค์ชั้นพรหม หมายความว่าไม่เกี่ยวข้องกับกามารมณ์เลย เกี่ยวข้องอยู่แต่กับธรรมที่บริสุทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็มีความสงบสุข เย็นอกเย็นใจ อย่างนี้เป็นสวรรค์ที่ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ก็มี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ถ้าจะเอาความดีเป็นสวรรค์แล้วก็จะปลอดภัยกว่า เมื่อใดทำความดีแล้วชื่นอกชื่นใจในการได้ทำความดี นั่นแหละคือสวรรค์ เมื่อใดพิจารณาดูตัวของตัวแล้วยกมือไหว้ตัวเองได้ ว่าไม่มีความชั่ว มีแต่ความดี นั่นแหละคือสวรรค์ คำว่าสวรรค์ไม่จำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกับกามารมณ์เสมอไป เดี๋ยวนี้มีแต่ความหลงใหลในกามารมณ์ มุ่งหมายสวรรค์แต่ในลักษณะเช่นนั้น การประพฤติธรรมจึงทุจริต ไม่เป็นไปเพื่อธรรม ไม่สมควรแก่ธรรม ไม่เห็นแก่ธรรม ไม่บูชาธรรม แต่ไปบูชากามารมณ์ เรียกว่าประพฤติธรรมไม่สุจริต
ถ้าผู้ใดต้องการสวรรค์ จงศึกษาให้รู้ให้เข้าใจในความหมายของคำว่าสวรรค์ให้ถูกต้อง แล้วก็จะเห็นว่ามันเนื่องกันอยู่กับธรรม คือความดีที่บริสุทธิ์หรือถูกต้อง ซึ่งเมื่อบุคคลกระทำลงไปแล้ว ยกมือไหว้ตัวเองได้ ความที่ยกมือไหว้ตัวเองได้อย่างชื่นอกชื่นใจนี้คือสวรรค์ที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่สวรรค์ที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเหมือนที่คนเขาสอนกันอยู่ เขาพูดกันอยู่เป็นส่วนมาก ตามประสาของคนที่เห็นแก่ตัวเลยตกเป็นทาสของกามารมณ์ รวมความแล้วว่าจะประพฤติธรรมเพื่อหาเงินก็ดี จะประพฤติธรรมเพื่อเกียรติยศชื่อเสียงก็ดี ประพฤติธรรมเพื่อสวรรค์ก็ดี นี้ต้องระวังดูให้ดี ๆ อย่าปล่อยไปตามที่เขาว่า ๆ กันว่ามันดี มันจะเป็นเพียงความดีของคนที่เห็นแก่ตัว ถ้าจะเป็นความดีจริงต้องเป็นความดีของคนที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว แต่เห็นแก่ธรรม เห็นแก่ความดี เห็นแก่ความจริง อย่างคนที่ทำงานเพื่องาน นี้เรียกว่าเป็นคนประพฤติธรรมสุจริต แต่ถ้าใครทำงานเพื่อเงินแล้วเป็นคนประพฤติธรรมทุจริต ชาวโลกอาจจะสมมติกันให้ได้ว่าไม่ทุจริต แต่ตามความจริงหรือตามทางธรรมนั้นเป็นความทุจริต คนทำงานเพื่อเงินเป็นคนประพฤติธรรมทุจริต คนทำงานเพื่องาน เป็นคนประพฤติธรรมสุจริต แล้วคนที่ทำงานเพื่องานนั่นแหละกลับได้เงินที่ดีมาหล่อเลี้ยงตัวเองได้ ส่วนคนทำงานเพื่อเงินนั้นได้เงินชั่วมาสำหรับย้อมตัวเองให้เป็นคนชั่ว คนเลวยิ่งขึ้นไปอีก มันต่างกันมากถึงอย่างนี้
ตัวอย่างที่จำง่าย ๆ เรื่องการทำงาน ทำงานเพื่อเงินกับทำงานเพื่อเงิน มันก็มีอยู่ทั่ว ๆ ไป ลองพิจารณาดูเถิดว่า คนทุกคนส่วนมากในโลกนี้ทำงานเพื่องานหรือทำงานเพื่อเงิน ถ้าว่าคนส่วนมากในโลกนี้ทำงานเพื่องานแล้ว มันก็เป็นโลกที่ดี แต่ถ้าคนส่วนมากในโลกนี้ทำงานเพื่อเงินแล้ว มันก็เป็นโลกที่ชั่ว เป็นโลกที่ร้าย แล้วโลกของเราทุกวันนี้กำลังสงบสุขหรือกำลังวุ่นวาย และความวุ่นวายนี้จะต้องเกิดมาเพราะว่าคนทำงานเพื่อเงินอีกนั่นเอง คนส่วนมากในโลกกำลังบูชาเงิน อย่างที่ถูกหาถูกด่าว่าเป็นพวกนายทุน อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นผู้บูชาเงิน แล้วมีใครนิยมนับถือกันบ้าง มันก็จะมีแต่พวกที่เห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้นที่จะนับถือคนพวกนี้ ส่วนคนที่เห็นแก่ธรรมแล้วจะไม่เห็น จะไม่บูชานับถือคนพวกนี้เลย เพราะว่าประพฤติธรรมไม่สุจริต
มองดูไปทางไหนทิศไหนในโลกนี้ ก็จะเห็นแต่ว่าคนประพฤติธรรมไม่สุจริต นี้เรียกว่าเป็นกันทั้งโลก โลกนี้จึงเป็นโลกของคนที่ประพฤติธรรมไม่สุจริต จึงเป็นโลกที่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น แล้วจะไปโทษใคร มันไม่ควรจะไปโทษใคร ไม่ควรจะไปโทษเทวดาผีสางที่ไหน ไม่ควรจะไปโทษพระเจ้า พระเป็นเจ้าที่ไหน มันควรจะโทษคนนั่นเองที่ประพฤติธรรมไม่สุจริต ถ้าประพฤติธรรมให้สุจริตแล้วมันก็จะมีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองโลก แล้วธรรมนั่นแหละคือเทวดา แล้วธรรมนั่นแหละคือพระเป็นเจ้าที่จะคุ้มครองโลกนี้ให้อยู่เย็นเป็นผาสุก เราจงมุ่งหมายไปที่คำว่า ธรรม เพียงคำเดียวเถิด จะมีที่พึ่งอันแท้จริง จะมีที่พึ่งอันประเสริฐ สำหรับคุ้มครองโลกให้อยู่เย็นเป็นสุขโดยแน่นอน
เดี๋ยวนี้แม้แต่ตัวเองเพียงคนเดียวก็ประพฤติความดีชนิดที่ไม่สุจริตเสียแล้ว ประพฤติความดีเพื่ออวดคน หรือน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาก็ทำความดีประชดคนอื่น อย่างนี้มันก็ยิ่งเพิ่มความเห็นแก่ตัว เพิ่มกิเลสที่เป็นเหตุให้เห็นแก่ตัว เพิ่มกิเลสที่เป็นเหตุให้ยกหูชูหาง มันก็ยิ่งไปไกลกันใหญ่ ไม่มีทางที่จะใกล้เข้ามาสู่แนวของธรรม คนนั้นจึงตกนรกทั้งเป็น ทั้งกลางวันและกลางคืน แม้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับใครเลย ก็ตกนรกอยู่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนในส่วนตัวคนเดียว นี้เรียกว่าเรื่องส่วนบุคคลแท้ ๆ มันก็ยังเป็นอย่างนี้ ทีนี้ส่วนโลก ทั้งเป็นที่เป็นส่วนรวมนั้น ก็ยิ่งเป็นอย่างนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างมีการศึกษา ที่จะใช้เป็นเครื่องมือทำความเห็นแก่ตัว ไม่ให้คนอื่นเขาสู้ได้ ให้สามารถเอาเปรียบผู้อื่นได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการดี แล้วก็บูชาสิ่งนี้ว่าเป็นการดี แล้วก็เอาใจใส่สนใจกันแต่เรื่องอย่างนี้ทั่วกันไปทั้งโลก แปลว่าเป็นโลกที่ไร้ที่พึ่ง คือธรรมะ แต่ไปมีที่พึ่งที่กิเลส ตัณหา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ เพราะไม่เป็นธรรม เพราะว่าไม่สุจริต
หวังว่าท่านทั้งหลายทุกคนจะได้นำเรื่องนี้ไปคิดพิจารณาดู จนมองเห็นตามที่เป็นจริงว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมประพฤติดีแล้วยังจะต้องพูดว่าต้องให้สุจริตด้วย ทำไมจึงว่าประพฤติธรรมแล้วต้องให้สุจริตด้วย เพราะมันมีธรรมที่ไม่สุจริต มันมีความดีที่ไม่สุจริต ที่คนผู้เห็นแก่ตัวทั้งหลายบูชากันนักนั่นเอง ถ้าเราอยากจะเป็นพุทธบริษัท เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จงรีบประพฤติธรรมให้สุจริตให้สมตามธรรมภาษิตที่ว่า ธัมมัง สุจริตตัง จเร ดังที่ได้ยกขึ้นเป็นนิเขปบทข้างต้นนั้นจงทุกประการเถิด ก็จะไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนาเลย ธรรมเทศนาสมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้