แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ธรรมบรรยายในวันมาฆบูชา เรื่อง การตกอยู่ใต้อำนาจของระบบประสาท Track ที่ ๑ วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๓๖ เวลา ๒๐ นาฬิกา ที่หน้ากุฏิ
ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย โอกาสนี้เป็นโอกาสพิเศษซึ่งอาตมาจะขอโอกาสกล่าวเป็นส่วนตัวสักไม่กี่นาที แต่ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ว่าคนมันไม่ทำอะไรจริง มันมีแต่ระบบ มันไม่มีระเบียบที่ปฏิบัติลงไปจริงๆ คนมันไม่มีระบบ มันไม่มี ไม่มีการปฏิบัติลงไปจริงๆ มันมีแต่ระบบ สักแต่ว่าระบบ สักแต่ว่าระบบ ซึ่งเป็นคำพูดเป็นเสียงๆ ซึ่งเป็นพิธีรีตรอง คนมันมีแต่ระบบ มันไม่มีระเบียบที่เป็นตัวการปฏิบัติลงไปจริงๆ นี่คนมันจึงสู้หมาก็ไม่ได้ คนมันสู้หมาก็ไม่ได้ เพราะว่าหมามันยังตรง ตรงจริงกว่านั้น เมื่อมันมีแต่ความรู้สึกทางระบบประสาทอย่างไร มันก็แสดงออกมาอย่างนั้น แต่คนนั้นมันมีแต่ระบบ มีแต่สักว่าเสียงที่จะพูด และมันก็ไม่ได้พูด และมันก็ไม่มีการปฏิบัติ มันไม่มีตัวการปฏิบัติ มันมีแต่คำว่าระบบ ระบบ ระบบ และมันไม่มีการปฏิบัติ
ดังนั้น คนมันจึงสู้หมาก็ไม่ได้ หมามันจริงกว่า เพราะมันซื่อตรงกว่า มันจริงกว่า จึงจะต้องขอพูดเรื่องนี้ให้เป็นที่เข้าใจแจ่มชัดโดยหัวข้อว่าทำไมคนจึงไม่นิพพาน ไม่ค่อยมีนิพพาน หรือ ไม่ค่อยจะบรรลุนิพพาน หรือมันปฏิบัติธรรมไม่สำเร็จ ปฏิบัติธัมมะไม่สำเร็จ ปฏิบัติธัมมะไม่สำเร็จ เพราะว่ามันบังคับระบบประสาทไม่ได้ มันสู้หมาก็ไม่ได้ นี่เป็นธรรมที่สำคัญที่สุดที่ว่าคนต้องมีการบังคับระบบประสาท ให้ระบบประสาทอยู่ในอำนาจของตนของตน ให้บังคับระบบประสาทได้ คนจึงจะสามารถปฏิบัติธัมมะ ปฏิบัติยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับและก็สูงขึ้นไปจนถึงบรรลุพระนิพพานได้ จึงขอพูดแต่เพียงเรื่องเดียวว่าคนมันไม่มีการบังคับระบบประสาท (นาทีที่ 05:37 – 05:54 เสียงหายไป) ก็คือสิ่งที่ทำประจำ ความรู้สึกของประสาท ของระบบประสาท อยากจะทำอะไรมันก็ทำอย่างนั้น จะต้องขอพูดให้ชัดเจนสักหน่อยในเรื่องการที่ไม่บังคับระบบประสาท มันผิดหลักของพระพุทธเจ้าอย่างเหลือประมาณอย่างเหลือที่จะกล่าว พระพุทธเจ้าท่านไม่มีอารมณ์บังคับ ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ เรียกว่าไม่มีอารมณ์ ที่เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ พระพุทธเจ้าไม่มีอารมณ์ ไม่เกิดอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ ไม่เป็นอารมณ์ โดยพระบาลีว่า อัปติถัง มิได้ตั้งอยู่ อัปวัตตัง มิได้เป็นไป อนารมณัง มิได้มีอารมณ์ (06:41 - 06:47 น.) พระพุทธเจ้าจะไม่ต้องมีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ใดๆ ว่า ที่จะต้องถาม ที่เป็นเหตุถามว่าผู้ใด หรือใคร หรืออะไร หรือที่ไหน หรืออย่างไร หรือเมื่อไร หรือเท่าไร หรือโดยวิธีใด หรือเหตุไร หรือทำไม ไม่มีเรื่องที่จะต้องถามอย่างนี้ เพราะท่านอยู่นอกเหนืออำนาจของระบบประสาท แต่คนน่ะมันยังตกอยู่ภายใต้ของอำนาจระบบประสาท มันคอยแต่จะสนใจ คอยแต่จะสงสัย คอยแต่จะถามถึงปัญหาว่าผู้ใด ใคร อะไร ที่ไหน เท่าไร อย่างไร เมื่อไร โดยวิธีใด เหตุไร ทำไม เพราะระบบประสาทมันบังคับให้ถาม นี่คนมันเป็นเสียอย่างนี้ มันจึงบรรลุธัมมะไม่ได้ หรือบรรลุพระนิพพานไม่ได้ เพราะมันตกอยู่ภายใต้อำนาจวิสัยของระบบประสาทเกินไป จะขอทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งกันในเรื่องนี้ เสียงหายไป (07:56 - 08:34 น.)
สิ่งที่มีชีวิตย่อมมีระบบประสาท มันก็หวั่นไหวไปตามอำนาจของระบบประสาท ซึ่งเป็นเหตุให้ทำ กระทำลงไปอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อมีอารมณ์อะไร มันกระทำไปอย่างนั้นโดยสัญชาติ-ญาณ สัญชาติญาณที่เกิดรู้สึกขึ้นมาเอง ขอให้สนใจฟังให้ดีว่ามันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทมากเกินไป และก็สู้หมาก็ไม่ได้ อย่างว่าเรไร มันมีความรู้สึกในระบบประสาทมันก็หริ่งๆๆๆๆ ระบบประสาทมันทำให้เรไรร้องออกมา กบมันมีระบบประสาทถึงที่สุดที่เกิด ความต้องการ เช่น เป็นทางกาม หรือทางอะไรก็ตาม กบมันก็ร้องอ๊บๆ ออกมา ไก่พอมันมีระบบประสาท รู้สึกต่อระบบประสาทมันก็ขันขึ้นมา แมว มีระบบประสาทที่ถึงขนาดแล้วมันก็เคลียแข้งเคลียขาขึ้นมา เพราะเป็นความอร่อย หมานี่มาเบียดตัวเรา เพราะมีความเอร็ดอร่อยทางระบบประสาท บางทีมันก็หอน เพราะมันมีความรู้สึกทางระบบประสาท หอนแล้วมันสบายใจมันก็หอน นี่ขอให้ดูที่สัตว์เดรัจฉานก็ได้ เพราะมันมีความรู้สึกทางระบบประสาทแล้วมันก็แสดงออกไป ม้ามันก็วิ่ง ควายมันก็คนอง คึกคนอง วัวควายมันก็คึกคนอง นี่เรียกว่าสู้หมาก็ไม่ได้ หมา เพราะมันเสมอกันเสียกับหมา มันมีความรู้สึกอะไรกับระบบประสาทมันก็หอนขึ้นมา ไก่มันก็ขันขึ้นมา หมาก็มาเบียดคนขึ้นมา แมวก็มาเคลียแข้งเคลียขาคนขึ้นมา เพราะมันทนต่อระบบประสาทไม่ได้ ระบบประสาทมันทำให้ต้องเป็นอย่างนั้น ที่จะขอยกตัวอย่างเรื่อยๆ ไป จนกว่าจะรู้เรื่องของคำว่าระบบประสาท ถ้าพูดอย่างภาษาธัมมะก็เรียกว่ากาม ระบบประสาทนั้นคือกาม คือเกิดความต้องการขึ้นมา ต้องการขึ้นมา แม้แต่ที่ต้องการที่จะรู้ว่าใคร ผู้ใด อะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เท่าไร วิธีใด เหตุไร ทำไม นี้เมื่อทนอยู่ไม่ได้มันก็ต้องถามออกมาอย่างนี้เรียกว่ามีอารมณ์ ระบบประสาทเต็มที่แล้วก็มีอารมณ์ มีอารณ์ขึ้นมา คนมันเป็นเสียอย่างนี้ คนเป็นเสียอย่างนี้ มันก็เท่ากับหมา เท่ากับหมา มันทนต่อระบบประสาทไม่ไหวมันก็แสดงออกมา แสดงออกมา เรไรหริ่งขึ้นมา กบร้องออกมา ไก่ขันออกมา แมวเคลียแข้งเคลียขา หมาก็มาเบียดเรา หมาหอน เมื่อสัตว์ทั้งหลายคึกคนองวิ่งร่าๆๆๆๆๆ มันคึกคะนอง
นี่ขอให้สนใจสิ่งที่เรียกว่าระบบประสาท ภาษาบาลีเรียกว่ากาม ภาษาจิตวิทยาของ
ซิกมันฟรอยด์ เรียกว่า เซ็กซ์ ไอ้ความรู้สึกทางเซ็กซ์มีหลายอย่าง หลายสิบอย่าง หลายร้อยอย่าง
มันเป็นเรื่องของเซ็กซ์ คนมันก็ต้องการความอร่อยในทางระบบประสาท ไอ้ลูกทุ่ง มันตอกหลักควาย มันตอกหลักล่ามควาย มันกระทุ้งเข้าไป มันอร่อยทางระบบประสาท มันตอกใหญ่ ตอกใหญ่ ตอกใหญ่ มันอร่อยเพราะมันได้ตอกหลัก ล่ามควาย ไอ้ลูกทุ่ง บางทีมันก็เลาะรั้ว เลาะรั้วสังกะสี รั้วบ้าน รั้วเมือง เลาะรั้ว รั้ว รั้ว (12:30 - 12:49 น.) เพราะมันอร่อยแก่ระบบประสาทของมัน
บางทีก็มากระทุ่มน้ำ ว่ายน้ำ กระทุ่มน้ำเพราะอร่อยทางระบบประสาท ลุยเลน ลุยโคลน อร่อยทางระบบประสาท ในที่สุดก็ลุยใบไม้แห้งๆ หนาแค่เข่า มันก็เอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาท
แม้แต่หมอแพทย์บางคนนะ ใช้คำว่าบางคนนะ มันบีบลูกยางวัดความดัน มันอร่อยแก่ระบบประสาทของมัน มันอร่อยแก่ระบบประสาทของมัน มันรู้สึกความเอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาทของมัน นี่มันก็บีบลูกยางในอาการที่อร่อยแก่ระบบประสาท บางทีต้องใช้การบีบ การนวด การขยำ การเค้นเพราะอร่อยแก่ระบบประสาท คุณป้า คุณยาย ใช้ขี้ผึ้งสีปาก เพราะมันอร่อยแก่ระบบประสาท แม้แต่ว่ามันฉีกของหรือทำชามแตก จานแตก อะไรแตก มันอร่อยแก่ระบบประสาท แม้จะดื่มน้ำมันก็ดื่มให้เอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาท มันไม่ใช่ธรรมดา แม้แต่ซดน้ำแกง มันจะซดอร่อยแก่ระบบประสาท ซดเหล้าซดอะไรก็ตาม มันอัดควันบุหรี่ กัญชา อะไรก็ตาม เพื่ออร่อยแก่ระบบประสาท แม้ที่สุดมันจะถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ มันก็ถ่ายให้อร่อยแก่ระบบประสาท ทางทวารหนักหรือทวารเบา ให้อร่อยแก่ระบบประสาท หมาดีกว่า หมาดีกว่าคนเสียแล้ว อย่างดีก็เท่ากันเหมือนกันกับคน ถ้ามันต้องถึงกับทำให้เต้นรำ รำวงรำเพลง รำวงทำเพลงอะไรกันก็เลยเข้าไป เลยเข้าไปใกล้ความรู้สึกรุนแรงมากขึ้นไป ความรู้สึกทางเพศมันก็มากขึ้น จ้องมองทางเพศก็มี ดีด สี ตี เป่าก็มี กามตรีกา หรือ love fair (15:01 - 15:01 น.) เป็นอร่อยแก่ระบบประสาท แม้ที่สุดแต่มันจะเคี้ยวถั่วมันๆ ให้อร่อย มันก็เพื่ออร่อยแก่ระบบประสาท มันทนอยู่ไม่ได้มันก็ต้องเคี้ยวเพื่อความอร่อยแก่ระบบประสาท มันจะอมลูกกวาด จะเคี้ยวชอคโกแลตมันก็เพื่ออร่อยแก่ระบบประสาท
นี่ตัวระบบประสาทมันมากมายเป็นบัญชีหางว่าง นับเป็นร้อยๆ มันอร่อยแก่ระบบประสาท คนมันต้องการความเอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาท มันจึงทำสารพัดอย่าง ที่เรียกว่ามันไม่ดีกว่าหมา หรือสู้หมาก็ยังไม่ได้ หมายังบังคับระบบประสาทได้มากกว่าคนก็มี มันไม่รู้ว่าโอ้, มันเช่นนั้นเอง มันก็พยายามให้เกิดความเอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาท ทางเพศหรือทางสรวลเสเฮเฮาสนุกสนานเต้นรำทำเพลงอะไรก็ได้ มันไม่มีการบังคับระบบประสาท ดังนั้น มันจึงเลยออกไป เลยออกไป เลยออกไป ทำอะไรเลยออกไป เลยออกไปจนเป็นการผิดศีลธรรม มีทำอาชญากรรม อาชญากรรมเต็มไปหมด อาชญากรรมทางเพศ อาชญากรรมทางดุร้าย โหดร้าย ทารุณ โหดร้าย เต็มไปหมดเพราะว่ามันไม่บังคับระบบประสาท ถ้ามันบังคับระบบประสาทไว้ได้ มันจะไม่ต้องทำอย่างนั้น
นี่ขอย้อนไปถึงความหมายสูงสุดของคำว่าพระนิพพาน พระนิพพานไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไร ตามระบบประสาท ขอย้ำอีกทีว่าพระนิพพานไม่ต้องมีอารมณ์ ในพระนิพพานไม่ต้องมีความรู้สึก (16:47 - 16:56 น.) ที่จะถามผู้ใดวะ ใครวะ อะไรวะ ที่ไหนวะ อย่างไรวะ เมื่อไรวะ เท่าไรวะ วิธีใดวะ เหตุไรวะ ทำไมวะ มันไม่ต้องมีถามอย่างนี้ นั่นน่ะมันจึงไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์มันจึงเป็นพระนิพพาน เพราะไม่มีอารมณ์ ถ้ามีอารมณ์มันก็จะคอยรู้ คอยถาม คอยสนใจตลอด ผู้ใดวะ ใครวะ ผู้หญิงวะ ผู้ชายวะ อะไรวะ ที่ไหนวะ อย่างไรวะ เมื่อไรวะ เท่าไรวะ โดยวิธีใดวะ เหตุไรวะ ทำไมวะ นั่นมันเป็นเรื่องมีอารมณ์ มีอารมณ์ ถ้าอย่างนี้ไม่มีพระนิพพาน แม้แต่เข้าปรมาณู มันก็ไม่มี (17:38 - 17:40 น.) เพราะมันยังมีอารมณ์ มีอารมณ์ที่จะต้องถาม ต้องถาม ต้องถาม ต้องถาม นี่ถ้าผู้ใดไม่มีอารมณ์ ผู้นั้นก็อยู่กับพระนิพพาน อยู่กับพระนิพพาน เพราะว่าไม่มีอารมณ์ ในที่นี้ก็ต้องการแต่จะเพียงเป็นที่เข้าใจ เป็นที่ประจักษ์ว่าสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีชีวิตนี้มันยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทมันคอยแต่จะมีความรู้สึกทางระบบประสาท อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าอะไร อะไร อะไร อะไร มันสารพัดอย่าง สารพัดอย่าง จนกระทั่งยกตัวอย่างเป็นของสัตว์เดรัจฉาน เลยต้องมี ไม่กลัวเสียเวลาแล้ว ต้องขอพูดตรงๆ แล้วว่าสัตว์ที่มันมีความรู้สึก สัตว์ที่มันมีความรู้สึก มันตกอยู่ภายใต้อำนาจของความเอร็ดอร่อยทางระบบประสาท สัตว์ตัวน้อยๆ เช่น เรไร เวลาร้องๆๆๆ หรีด หริ่งขึ้นมาเพราะมันอร่อยทางระบบประสาท เรไรมันจึงร้อง พวกกบมันมีความรู้สึกทางระบบประสาทในเรื่องทางเพศ กบมันจึงร้องโอ๊บ โอ๊บ ออกมา แม้แต่ว่าไก่ มันขัน จ้าก ขันจ้าก ขันจ้าก (0:19:14.7) มันก็มีความรู้สึกระบบประสาทว่าเวลานั้นเป็นเวลาค่ำมืด ค่ำมืดดึกดื่นไก่มันก็ขันขึ้นมา แมวเมื่อมันได้เคลียแข้งเคลียขามันอร่อยทางระบบประสาทของมัน หมาตัวนี้ไม่ต้องไปไหนมันมาคอยเบียดอาตมา เพราะมันเบียดด้วยความรู้สึกเอร็ดอร่อยทางระบบประสาทของมัน บางเวลามันก็หอน หอน อร่อยตามระบบประสาทของมัน นี่ขอให้ดูว่าสัตว์ทั่วๆ ไปพอรู้สึกอร่อยทางระบบประสาท มันก็วิ่ง ห้อแสดงท่าทางต่างๆ แม้แต่ควายก็ขวิดหัวคันนาได้อย่างเอร็ดอร่อยเพราะมันอร่อยระบบประสาท
พูดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ไม่มีความประสงค์อะไร ประสงค์เพียงอย่างเดียวว่าสัตว์มันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ไม่แพ้คน ไม่แพ้สัตว์เดรัจฉาน คนก็ไม่แพ้สัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานมันก็ไม่แพ้คน เพราะมันจะเลวเท่ากัน ถ้ามันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท นี่เป็นเหตุให้เบียดเบียนกันอาชญากรรม อพยากัน (0:20:27.0 - 0:20:28.5) อันธพาลเลยเต็มไปหมด ทั้งบ้านทั้งเมือง หรือทั้งโลก แต่ส่วนที่มันสำคัญกว่านั้นก็คือว่ามันตกอยู่ภายใต้อำนาจระบบประสาทแล้ว มันรักษาศีลไม่ได้ มันรักษาศีลไว้ไม่ได้ เป็นพระเป็นเณรแท้ๆ มันยังรักษาศีลไว้ไม่ได้ เพราะมันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท แม้แต่ตาดู หูฟัง มันก็มาตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทเสียแล้ว มันก็เลยไม่มี หรือไม่มีส่วนที่จะรักษาความบริสุทธิ์ของศีลธรรมไว้ได้ ที่ต้องขอใช้คำพูดว่าเลวกว่าหมาหรือดีเท่าหรือเลวเท่าหมา หรือเลวกว่าหมา หรือเลวเท่าหมา เลวเท่าหมาหรือเลวยิ่งกว่าหมา เพราะว่าหมาบางทีมันก็ยังระงับระบบประสาทได้ ถ้าคนมันเหมือนกัน คนเท่ากัน คนก็เลวเท่าหมาเท่านั้นเอง เพราะไม่บังคับระบบประสาท เพราะไม่มีขนบธรรมเนียมหรือมีวิธีที่จะบังคับระบบประสาท นั่นแหละเป็นเหตุให้มีได้แต่เพียงว่า ระบบ ระบบ ระบบงาน ระบบนั่น ระบบนี่ ระบบทำอย่างนั้น ระบบทำอย่างนี้ มีแต่เพียงระบบ แต่มันไม่มีการบังคับให้กระทำให้จริงจังลงไป นี่งานราชการก็ดี ราชการพลเรือน ราชการทหาร ราชการอะไรก็ตาม มันมีแต่ระบบ มันมีแต่ระบบ มันมีแต่ระบบ แต่มันไม่มีการทำจริง จริงลงไป ตามที่งานจะต้องทำหรือระเบียบงานที่จะต้องทำ มันก็เลยไม่ได้ทำ ดังนั้น มันจึงมีแต่ความเสียหาย ความเบียดเบียน ความโกหก ความเห็นแก่ตัว ความเอาเปรียบ ความเห็นแก่ตัวเหลือประมาณ เอาปรียบ เอาเปรียบให้ได้เปรียบเหลือประมาณ เพราะมันบังคับระบบประสาทไม่ได้
เอาล่ะ คราวนี้ก็พอแล้วล่ะ ต่อได้เพียงคำเดียวว่าคนมันบังคับระบบประสาทไม่ได้
มันต้องการความเอร็ดอร่อยทางระบบประสาท มันจึงก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัว เกิดการเอาเปรียบหรือว่าเกิดการเบียดเบียน เกิดการอาชญากรรมทางเพศ อาชญากรรมทางโจรขโมย ทางโหดร้ายทารุณ ทางปล้นจี้หรือฆ่าฟัน นั่นน่ะคนมันเลวกว่าหมา หรือคนมันก็ไม่ดีกว่าหมา มันเลวกว่าหมามันไม่ดีกว่าหมา เพราะมันบังคับระบบประสาทไว้ไม่ได้ ถ้ามันบังคับระบบประสาทไว้ได้มันจะมีศีลด้วยกันทุกคน จะรักษาศีลไว้ได้ด้วยกันทุกคน ไม่ว่าพระ ไม่ว่าเณร เพราะว่ามันมีการบังคับระบบประสาทได้ นี่มีเรื่องอย่างนี้ มีปัญหาอย่างนี้ ที่เอาเรื่องนี้มาพูดก็เพื่อว่าเป็นปัญหาทำไมรักษาศีลไว้ไม่ได้ ทำไมจึงปฏิบัติธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ทำไมมันจึงไม่มีความอดกลั้นอดทน หรือทำไมจึงไม่ จึงเกิดปัญหาไปเสียทั้งหมด เพราะว่ามันเต็มอยู่ด้วยความต้องการทางระบบประสาทและขยายขึ้นมา ขยายขึ้นมา ขยายตัวออกมา ขยายตัวออกมา จนทนอยู่ไม่ได้ จนมันต้องมาขวนขวาย มารู้ มาชี้ มาถาม มาไถ่ว่า ใครวะ ผู้ใดวะ ใครที่ไหนโว้ย อะไร อย่างไรโว้ย เมื่อไรโว้ย เท่าไรโว้ย โดยวิธีใดโว้ย เหตุไรโว้ย อย่างนี้เป็นความเลวของความที่ไม่บังคับระบบประสาท พระอรหันต์ไม่มีความเป็นอย่างนี้ ไม่มีการทำไปตามความรู้สึกของระบบประสาท พระอรหันต์จึงนิพพานได้ จึงนิพพานได้เพราะไม่ทำอะไรลงไปตามความต้องการของระบบประสาท ทีนี้คนที่ไม่เป็น พระอรหันต์ ยังต้องการทำอะไรไปตามระบบประสาทก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว อย่างที่กล่าวมาแล้วเป็นสัญชาติญาณ ขอพูดซ้ำอีกทีหนึ่งว่า เรไรมันก็หริ่ง หริ่ง หริ่ง หริ่งขึ้น บังคับระบบประสาทไว้ไม่ได้ มันก็หริ่งร้อง กบมันก็ร้องเมื่อต้องการความรู้สึกทางเพศ ไก่มันก็ ขันจ้า (0:24:45.1) ขันไม่รู้แล้ว ไม่รู้รอดเพราะมันมีความรู้สึกทางเพศ แมวมันมาเคลียแข้งเคลียขา เพราะมันมีความรู้สึกทางเพศ หมามันก็มาเบียดตัวเรา หมาก็หอน หรือว่าสัตว์ตัวโตๆ เช่น วัว เช่น ควาย มันคึกคนอง มันก็ขวิดแม้แต่หัวคันนา เพราะอร่อยแก่ระบบประสาทของมัน เท่านั้นแหละ จึงขอให้เห็นให้ชัดลงไปที่ว่าความเอร็ดอร่อยแก่ระบบประสาทนั้นเป็นเหตุให้มีศีลไม่ได้ มีธัมมะไม่ได้ บรรลุพระนิพพานไม่ได้ เพราะทุกอย่างทั้งเนื้อทั้งตัวมันตกอยู่ภายใต้ของอำนาจของระบบประสาท ถ้าทุกคนบังคับระบบประสาทได้ก็เป็นพระอรหันต์กันหมด เดี๋ยวนี้มันบังคับไว้นิดหนึ่งไม่ได้ มันพร้อมที่จะทุศีล มันพร้อมที่จะทำอะไรไปตามอำนาจของระบบประสาท อาตมาขอโอกาสพูดสองสามคำ นี่ครึ่งชั่วโมงแล้ว เรื่องเดียว เรื่องเดียว ไม่มีพูดเรื่องอื่น พูดแต่เรื่องว่าคนไม่บังคับระบบประสาท สัตว์ไม่บังคับระบบประสาท คนกับสัตว์ก็เท่ากัน ไม่ดีกว่ากัน ต่อเมื่อคนมันละบังคับระบบประสาทได้ไม่ทำอะไรไปตามอำนาจของระบบประสาทมันก็ดีกว่าหมา และมันก็สามารถบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ถ้ามันบังคับระบบประสาท มันไม่ต้องมาทำ มัวสร้างแต่ปัญหาถามอยู่ว่าเท่าไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร อย่างที่กล่าวมาแล้ว เข้าใจว่าไอ้แรดคงฟังไม่ถูก เพราะมันเป็นแรดมากเกินไป ฟังคำว่าบังคับระบบประสาทไม่ได้หรือว่าฟังคำว่าตกอยู่ใต้อำนาจของระบบประสาทไม่ถูก มันเป็นแรดเกินไป มันฟังไม่ถูกมันเป็นแรดเกินไป มันฟังธัมมะลึกนิดเดียวก็ไม่ถูก เพราะฉะนั้น มันจึงเต็มอยู่ด้วยปัญหาตลอดเวลาว่าเดี๋ยวก็สงสัยขึ้นมา เดี๋ยวก็ทะลึ่งตึงตังขึ้นมาว่าผู้ใด หญิงหรือชาย ใคร ใคร อะไร อะไร อะไร ที่ไหน อยู่ที่ไหน แล้วมันมาเมื่อไร มันมาอย่างไร มันมาเท่าไร มาโดยวิธีใด เหตุไร ทำไม นี่เต็มไปหมด ปัญหาที่เกิดมาจากการสงสัยทางระบบประสาทก็อยากจะรู้ทางระบบประสาท
นั่นแหละอย่าหาว่าอาตมาพูดหยาบ อย่าหาว่าอาตมาแกล้งพูดให้เจ็บใจ แต่เดี๋ยวนี้ขอพูดว่า มันมีแต่ระบบที่เป็นเสียงเป็นตัวหนังสือ มันไม่มีระเบียบที่ปฏิบัติลงไปจริงๆ คนทั้งหลายที่เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นข้าราชการ เป็นอะไรก็ตาม ไม่ยกเว้นใคร ชาวนาชาวไร่ อะไรก็ตาม มันมีแต่ ธรรมเนียม มันมีแต่ระบบ ระบบว่าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ มีแต่เสียงพูดจา ระบบงาน ระบบงาน มันก็มีแต่ระบบงาน งานก็มีแต่ระบบ ระบบงานก็มีแต่ระบบ มันไม่มีการกระทำลงไปจริงๆ มันเลยไม่สำเร็จประโยชน์อะไร มันจึงต้องขอใช้คำว่าเมื่อมันยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทแล้วมันก็ไม่ดีกว่าหมา หรือไม่ดีกว่าหมา หรือดีกว่าหมาไปไม่ได้ มันก็ดีกว่าแรดไปไม่ได้ มันฟังอะไรไม่ถูก มันมีแต่ปัญหาว่าอย่างไร ที่ไหน เท่าไร เมื่อไร ของใคร มีแต่อย่างนี้ นี่มันพอแล้วเท่านี้ คำเดียวพอแล้ว คำเดียวพอแล้ว ขอให้รู้เดี๋ยวนี้ว่าอาตมาพูดคำเดียวพอแล้วว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกภาษาธัมมะของท่านว่า กาม มันตกอยู่ใต้อำนาจของกาม ที่ภาษานักจิตวิทยาอย่างซิกมันฟรอยด์ว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของเซ็กซ์ ของสิ่งที่เรียกว่าเซ็กซ์ ไอ้สิ่งที่เรียกว่าเซ็กซ์ หรือกามนี้ เป็นเรื่องของระบบประสาท ที่มันมีอยู่ทั่วไปทั้งร่างกาย ทั้งร่างกาย ระบบประสาทมันมีอยู่ทั่วไปทั้งร่างกาย เมื่อมันตกเข้าไปใต้ระบบประสาทแล้วมันก็รู้สึก พอรู้สึกมันก็อยากอย่างนั้น มันต้องการอย่างนี้ ต้องการอย่างโน้น อย่างโน้นมันก็มีปัญหาถามขึ้นมาว่าอะไร บางทีมันมีปัญหายุ่งยากขึ้นมาว่าต่อสู้ ป้องกัน ต้านทานอะไร โกลาหลวุ่นวายขึ้นมาอย่างไร นี่ก็เรียกว่าปัญหา คือมันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทและมันก็จะมีปัญหา ปัญหา ปัญหาที่เรียกว่า question question เป็นปัญหา คือ คำถาม ต้องถาม ปุจฉา ปัญหาเรียก problem problem problem คือ ความยุ่งยาก ลำบาก ยุ่งยาก ลำบากที่ต้องสะสาง ปัญหาทั้งที่เป็นปุจฉา หรือ question ก็ดี ที่เป็นปัญหายุ่งยาก problem ก็ดี มันมาแต่สิ่งที่มนุษย์ตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ถ้าทุกคนไม่อยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทแล้วนิพพานกันทุกคน จะเป็นพระอรหันต์กัน ทุกคน เป็นพระอรหันต์กันได้ทุกคน ขอแต่อย่าตกอยู่ภายใต้อำนาจประสาทเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่อาตมาพูดจนหมดแรงแล้ว หมดเวลาด้วย จึงขอพูดเพียงคำเดียว คำเดียว คำเดียว คำเดียว คำเดียว วันนี้คำเดียวว่าไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ที่ต้องดีกว่าหมา หรือเสมอกันกับหมา หรือดีกว่าหมาได้ก็ยิ่งดี เพระไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทแล้วมันก็มีแต่คำถามอย่างนี้เท่านั้น เรียกว่ามีอารมณ์ มีอารมณ์ที่ต้องถาม มีอารมณ์ อารมณ์ถามอยู่ในใจ ว่าผู้ใด ว่าใคร ว่าอะไร ว่าที่ไหน ว่าอย่างไร เมื่อไร เท่าไร โดยวิธีใด เหตุไร นี่เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายไม่เป็นแรดเกินไป ก็คงจะพอฟังถูกว่าการตกอยู่ภายใต้อำนาจระบบประสาทมันเลวทรามเท่าไร มันเลวทรามเท่าไร มันเลวทรามเท่าไร มันน่าอันตรายเท่าไร มันน่าอันตรายเท่าไร ขอให้สนใจตั้งแต่สิ่งแรกที่สุดที่เรียกว่ามันเกิดได้ แม้แต่ว่าเสียงเรไร หริ่ง เสียงกบร้อง เสียงไก่ขัน เสียง แมวมาเคลีย หมามาเบียด สุนัขมาหอน สัตว์ทั้งหลายก็คึกคนองไปตามอำนาจของสัตว์เดรัจฉาน เป็นเพราะมันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ถ้าไม่ตกอยู่ภายใต้ของอำนาจระบบประสาทแล้วมันจะดีขึ้น ดีขึ้น เลื่อนชั้นขึ้น เลื่อนชั้นขึ้นจนไปเป็นพระอรหันต์ และจะเป็นบรรลุพระนิพพานได้ด้วยกันทุกคน เรื่องนี้มีเท่านี้ วันนี้มีเท่านี้ มีคำเดียวเท่านั้น มีคำพูดเป็น คำเดียวว่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท และก็ไปใคร่ครวญดูเองว่า แม้แต่สัตว์เดรัจฉานเป็นอย่างไร ต้นไม้ต้นไร่ นี่ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ต้นไม้มีความรู้สึกเอร็ดอร่อยตามระบบประสาทของต้นไม้ ต้นไม้ก็แห้ง แต่ว่ามาถึงสัตว์ อย่ามาถึงคนเลย สิ่งใดมีความรู้สึกทางระบบประสาท สิ่งนั้นจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของความรู้สึกทางระบบประสาท แล้วจึงเป็นปัญหาทั้งนั้น เป็นปัญหาทั้งนั้น เดี๋ยวนี้คนเราควรจะมีเครดิตอะไรมากกว่านั้น ดีกว่านั้น มันก็ไม่ควรจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทมากถึงขนาดนั้น จึงขอชี้ว่าทำไมจึงไปพระนิพพานไม่ได้ ทำไมจึงมีธัมมะไม่ได้ ทำไมจึงมีธัมมะสูงขึ้นไม่ได้ เพราะมันตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทเต็มที่ เต็มที่ นี่เวลาก็หมดแล้ว แรงก็ไม่มีแล้ว เหนื่อยแล้ว ไม่สบายด้วย จะขออภัยหรือไม่ขออภัยก็ได้ เพราะพูดตรงๆ พูดตรงๆ ไม่ต้องขออภัย แรดทั้งหลายจะฟังถูกหรือไม่ฟังถูกก็ตามใจ ไม่ต้อง ขออภัย แต่ถ้าฟังถูกก็จะเป็นการดี จะเป็นการดีว่าอย่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท มิฉะนั้นมันจะมีแต่ระบบ ระบบ และไม่มีการปฏิบัติที่แท้จริง ดูสิคนในโลก คนในโลกมันมีแต่ระบบ ระบบนั้น ระบบนี้ ทำงานอย่างนั้น อย่างนี้ เรียกว่ามีแต่ระบบ มีแต่ระบบ แต่การปฏิบัติงานลงไปจริงๆ มันไม่มี เพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรในทางธัมมะ มันจึงไม่เป็นพระอรหันต์ มันจึงไม่บรรลุพระนิพพาน เพราะมันมีแต่การตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาทเต็มทั่วไป ทุกหัวระแหง ทุกๆ ปรมาณู อาตมาขอยุติการบรรยาย เพราะความหมดแรง และหมดเวลาเพียงเท่านี้ พูดคำเดียว พูดคำเดียวว่าอย่าเป็นแรด ขอให้ฟังถูกว่าอย่าตกอยู่ใต้อำนาจของระบบประสาท อย่าให้มันเลวกว่าหมา ให้มันเสมอกับหมา ให้มันดีกว่าหมาโดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท ขอยุติการบรรยาย
ขอเชิญไปที่หินโค้งเพื่อปรึกษาธัมมะ อภิปรายธัมมะ ศึกษาธัมมะ ให้เกิดความรู้กว้างขวางยิ่งๆ ขึ้นๆ เพื่ออย่าตกอยู่ภายใต้อำนาจของระบบประสาท