แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอ่อ ขอแสดงความยินดีในการที่ต้องมาประชุมกันในลักษณะอย่างนี้ โดยได้รับคำขอร้องว่าให้มาพูด เพราะว่าจะเป็นการพูดเพื่อจะบันทึก เอ่อ ข้อความไว้สำหรับพิมพ์...เอ่อเป็นที่ระลึกต่อไป แม้ว่าไม่ค่อยมีแรงจะพูด ก็ขอสนอง เอ่อ ความประสงค์นั้นตาม... เท่า...ตามที่จะทำได้ และก็ขอ..โอกาสพูดเท่าที่จะพูดได้ เท่าที่มันมีอะไรอะไรบังคับอยู่ ไม่มีแรงจะพูด แล้วก็ไม่มี...ไม่ค่อยมีเรื่อง เอ่อ ที่เหมาะสมจะพูด แต่เมื่อต้องพูด มันก็ต้องพูด
ขอแสดงความยินดีที่มาประชุมกันอย่างนี้ ในลักษณะอย่างนี้ ด้วยความประสงค์ หรือความจำเป็นที่จะต้องพูดดังที่กล่าวแล้ว
เรา ในฐานะที่ว่าเป็น...สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็มีส่วนที่ต้องสะ...สนองความประสงค์ เอ่อ ของพระองค์อยู่ด้วยเหมือนกัน คือการพูดในสิ่งที่ควรจะพูด ให้มีประโยชน์ดีที่สุด
ทีนี้เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า ไอ้เรื่องที่จะพูด...กันให้มีประโยชน์ แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรดีกว่าเรื่อง คำว่า “ความถูกต้อง” เพียงคำเดียวเท่านั้นแหละ คำว่า “ความถูกต้อง ความถูกต้อง” เพียงคำเดียวเท่านั้น เพราะว่าคำว่าความถูกต้องนั้นมันรวมความหมาย รวมน้ำหนัก หรือรวมอะไรทุกๆ อย่างไว้ทั้งหมด
ทั้งของพระพุทธ ทั้งของพระธรรม ทั้งของพระสงฆ์ ทั้งของธรรมะ ทั้งหมด ทั้งสิ้น ทั้งปวง ถ้าไม่เข้าใจ หรือฟังไม่ถูก ก็... ก็แล้วแต่ ถ้าฟังถูก ก็จะเป็นการดี ขอให้ตั้งใจฟัง หรือพยายามฟังเท่าที่จะฟังได้ ให้ได้ดีมากที่สุด อืม, สำหรับคำว่า “ความถูกต้อง” มันเป็นคำที่ประหลาด แล้วความหมายก็...ไม่ใช่ง่าย แล้วมัน มันกำกวม ถูกต้องของคนหนึ่ง มันก็ไม่ถูกต้องของอีกคนหนึ่ง
เพราะว่าถูกต้อง ถูกต้อง มันก็ยังมีความไม่ถูกต้องรวมอยู่ในนั้น เพราะว่ามันถูกต้องของคนพาลนี่ มันก็...ไม่ใช่ถูกต้องของบัณฑิต มันมีความถูกต้องที่มีประโยชน์ก็มี ไม่มีประโยชน์ก็มี เมื่อมีคนเห็นแก่ตัว มันก็ถูกต้องของคนเห็นแก่ตัว ดังนั้นใคร ใครมันก็ถูกต้องตามแบบของคนๆ นั้น มันก็เห็นแก่ตัว เพราะว่ามีความถูกต้องตามแบบของเขา เมื่อเขาเอาความเห็นแก่ตัวไปไว้ที่ไหน มันก็ถูกต้องตามแบบนั้น
นี่ ขอให้เห็นอกเห็นใจในการที่จะต้องพูดถึงเรื่องของคำๆ นี้ มันเป็นการพูดถึงสิ่ง หรือคุณค่าของสิ่งซึ่งเป็นพิเศษ แล้วก็มีความหมายเฉพาะเจาะจงเป็นเรื่องๆ เป็นส่วนๆ ไป ความถูกต้องของคนส่วนใหญ่ มันก็เป็นของคนประเภทนั้นโดยเฉพาะ เพราะมันยังมีความเห็นแก่ตัวเจือปนอยู่ ก็เป็นธรรมดา
ถ้าผมพูดว่า ความถูกต้องแท้จริงนั้น ไม่มีความเป็นบวก ไม่มีความเป็นลบ ใครจะฟังถูก หรือฟังไม่ถูก ก็สุดแท้ ความถูกต้องของคนบางคนมันยังเป็นลบ เพราะมันเป็นความถูกต้องของผู้เห็นแก่ตัว คือผู้เห็นแก่ตัวมันเห็นว่าถูกต้อง
แล้วก็มันมีความถูกต้องที่ไม่หมดจดสิ้นเชิง นั่นคือมีเหลือไว้เป็นความเห็นแก่ตัว คือความเป็นบวก ความเป็นลบ หรือจะเรียกกันภาษา...วิชาเลขก็แล้วแต่ มันยังเป็นการที่ต้องคำนวณ เอ่อ ความถูกต้องทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ทางการสังคมนี้ มันอัดแน่นอยู่ด้วยความเห็นแก่ตัว เมื่อมีความหมายแห่งตัว ตัวตน ตัวกู มันไม่มีความว่าง เพราะว่ามันถูกอัดอยู่ หรือกำกับอยู่ ด้วยความเห็นแก่ตัว
ทีนี้ก็เป็นความที่ไม่ถูกต้องอยู่โดยอัตโนมัติ มันถูก...ไม่ถูกต้องอยู่โดยอัตโนมัติ นี่เราจะพูดกันให้ชัดลงไปในเหตุการณ์ที่กำลังมีอยู่ในโลก เมื่อโลกไม่มีสันติภาพ เพราะว่าโลกนี่มัน...ประกอบอยู่ด้วยใครก็ได้ เมื่อใครมีความคิดเห็นอย่างไรเป็นส่วนมาก มันก็มากไปทางนั้น มันก็มากไปแต่ในทางนั้น มันจึง...ไม่...ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ความจริงแท้ เพราะมันเจืออยู่ด้วยความเห็นแก่ตัว คือความมุ่งหมายที่เห็นแก่ตัว หรือคุณค่าของความเห็นแก่ตัว ประโยชน์ของความเห็นแก่ตัว
ที่เราจะต้องมองให้เห็นว่า ในโลกนี้มันเต็มไปด้วยการกระทำที่เป็นการเห็นแก่ตัว..ของผู้เห็นแก่ตัว ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๒ อย่าง คือว่า มันเป็นเรื่องของ...อุปสงค์ อุปทาน มันมีการเสนอให้ และมีการสนองให้ต้องให้ คนพวกหนึ่ง หรือจำนวนมาก หรือทั้งโลกทีเดียวนั่นแหละ มันมีการเสนอเพื่อจะได้ และมันก็สนองแก่การได้ ทั้งโลกมันจึงมีแต่..การเสนอด้วยอุปสงค์ คือต้องการจะได้ และสนองด้วยความที่จำเป็นจะต้องให้ จะต้องได้
ที่ ที่ที่พูดอย่างนี้ก็พูดด้วยภาษาบาลี อุปสงค์ มัน มันต้องการจะได้ อุปทาน มันก็จะต้อง มันต้อง ต้อง ต้อง ต้องให้ หรือต้องได้ อุปสงค์ อุปทาน อันหนึ่งมันเป็นดีมานด์ พวกหนึ่งเป็นดีมานด์ มันต้องการจะเอาให้ได้ พวกหนึ่งมันเป็นซัพพลาย มันต้องให้ หรือต้อง ต้องให้ หรือต้องผ่อนตาม โลกนี้มันมีอยู่แต่ว่า ความเห็นแก่ตัวที่มันต้องมีอุปสงค์ และมีอุปทาน พร้อมพร้อมกันไป มันเสนอ เพื่อจะเอา และมันสนอง เพื่อจะให้ ความผิดหรือความถูก มันก็ไปอยู่ที่ตรงนั้นน่ะ
ไอ้พวกที่ได้ เสนอแล้วได้ ก็ดี สนองแล้วต้องได้ ก็รู้สึกว่ามันต้องเสียเปรียบ โลกนี้น่ะ ทั้งโลก ไม่มี โลกส่วนไหนที่มันไม่มีของ ๒ อย่างนี้ เป็นอุปสงค์ หรืออุปทานนี่ โลกนี้มันจึงไม่มีสันติภาพ ไม่มีสันติภาพ คุณดูเอาเองว่า ทุกคนในโลกกี่ล้านๆ คนนะ รวมจุดกันเข้าไปเป็นความประสงค์ ถ้ามันต้องการจะเอาอันหนึ่ง มัน...มันต้องให้ มันต้องได้ ให้โดยที่ไม่ไม่อยากจะให้ มันก็ต้อง ต้องมีการให้
มันเลยมีแต่การเสนอจะเอา และสนอง เพื่อจะได้ แล้วมันจะเอาสันติภาพมาจากไหนล่ะ มันก็มีแต่ความยุ่งยากโกลาหล อุปัทวะเลวร้ายไปตลอดเวลา ตลอดเวลา มันไม่มีความถูกต้อง ถ้าเมื่อใดน่ะ มันว่างไปจาก อาการที่ต้อง ที่เสนอ หรือสนองแล้ว เมื่อนั้นน่ะมันจึงจะมีความว่าง เอ่อ ของอาการที่เสนอ เสนอ สนอง อุปสงค์ อุปทาน มันจึงมีการ มีสันติภาพ มีพักผ่อนขึ้นมา เดี๋ยวนี้มันมีไม่ได้ ทั้งโลก ทั้งโลก ทั้งทั้งโลกกี่ล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านคน มันก็มีแต่อุปสงค์ และอุปทาน
นี่ก็เรียกว่ามันไม่มีความถูกต้อง...ขึ้นมาได้ ก็จะได้ก็แต่ว่า มันมีอยู่ว่าเมื่อไร มันว่างจากอุปสงค์ และอุปทาน นั่นหละจึงจะเป็นความถูกต้อง นั่นใครจะทำให้ได้น่ะ เพราะการศึกษาสมัยนี้ โดยเฉพาะการศึกษา โดยเฉพาะสมัยนี้ ล้วนมีแต่เพื่อความต้องการ ต้องการนี้มันก็เสนอ ก็มีการสนอง เสนอ สนอง เสนอ สนอง มันจึงไม่มีความถูกต้องของสันติภาพ
ถ้าเมื่อใดมันว่างจากสิ่งเหล่านี้ หรือว่าจากกิเลสเหล่านี้ ไม่บีบคั้นกันอยู่ด้วยการเสนอ สนอง นั่นน่ะ มันจะมีสันติภาพ อันนั้นแหละ มันจึงจะเรียกว่า ไอ้ความถูกต้อง ความถูกต้อง ขึ้นมา
คนก็คงจะแย้ง โอ้มันถูกต้องต่อตายแล้ว ถูกต้องต่อตายแล้ว ตายแล้ว ต่อตายแล้ว จึงจะมีความถูกต้อง มันมีความว่าง มีความว่าง ว่างจากการเสนอ การสนอง หรือความเป็นบวก หรือความเป็นลบ ว่างจากสสาร ว่างจากพลังงาน ว่าง ว่างจากทุกๆ สิ่งที่มันเป็นคู่ เป็นคู่ของการขัดแย้ง
มันก็ก็ก็จริงของเขานะ จริงของเขา มันตายแล้วมันจึงจะมีความว่าง แล้วมันจึงจะมีความถูกต้อง ถ้ามันยังไม่มีความ (นาทีที่ 16:11 : ฟังไม่ออก)...มันยังไม่มีความว่าง มันก็ยังมีข้อขัดแย้ง มีอาการขัดแย้ง อยู่เป็นธรรมดา
ทีนี้เราจะเอากันอย่างไร มันก็ต้องรอต่อตายแล้ว มันถึงจะมีความถูกต้อง หรือยังไม่ตาย มันก็ยังมีการขัดแย้งอยู่เป็น เอ่อ เป็นประจำ เป็นอัตโนมัติ ไม่มีที่สิ้นสุด ผมจึงอยากจะให้สนใจในความหมายของคำว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง”
ก็ขอยกเอาพระพุทธเจ้า เอ่อ เป็นหลัก เป็นประธาน คือเป็นผู้...เปิดเผยความถูกต้องที่แท้จริง ที่โดยไม่ต้องตายก็ได้ คือท่านเปิดเผยให้เห็นโลก เอ่อ ที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว โลกที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว คือโลกที่ไม่มีกิเลส ไม่ต้องเห็นแก่ตัว
มีพระบาลีว่า โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรหมะกัง สัสสะมะณะ พราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะ... มะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ
พระพุทธเจ้ากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งโลก...นี้ และเทวโลก และมารโลก และพรหมโลก และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดา แลมนุษย์ จึงประกาศน่ะ เอามาทำให้แจ้งแล้ว ประกาศน่ะ จึงประกาศให้เห็นมันเป็นอย่างไร ไอ้โลก ไอ้โลกทั้ง ที่กล่าวมานี้ทั้งหมดนี้ มันเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านประกาศ...ให้เห็นว่ามันเป็นอย่างไร เป็นโลก คือเป็นโลกนี้ ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ มันเป็นอย่างไร มันเป็นอย่างไร ถ้ารู้ว่ามันเป็นอย่างไร มันก็จะหายข้อข้องใจ หรือหาย เอ่อ ข้อสงสัย หรือหมดปัญหาว่ามันเป็นอย่างไร เราจะต้องรู้จักโลกนี้ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านต้องการให้รู้ มันจึงจะหมดความสงสัยว่าโลกนี้มันเป็นอย่างไร และรู้ว่ามันถูกต้องอย่างไร เมื่อมันถูกต้อง มันถูกต้องอย่างไร เมื่อมันผิดพลาด คือมันเห็นแก่ตัว มันเป็นอย่างไร
เราจะต้องอาศัยหลักเกณฑ์อันนี้ เป็นข้อแรก เป็นข้อแรกที่ว่ารู้จักโลก...อย่างถูกต้อง เอ่อ ตามที่เป็นจริง เอ่อ ของพระพุทธศาสนา ถูกต้องของพระพุทธศาสนา
คำว่า “โลก” นี่มันประกอบอยู่ด้วยสัตว์โลก และโลกแผ่นดิน ไอ้โลกที่เป็นตัวแผ่นดินนี่ก็เป็นโลก ไอ้สัตว์โลก หมู่สัตว์ในโลก มันก็เรียกว่าโลก คือโลกนี้ ก็หมายถึง รวมกันทั้งโลกแผ่นดิน และโลกหมู่สัตว์นี้
แล้วมันก็ สะเทวะกัง เอ่อ เป็นไปกับด้วย หรือประกอบอยู่ด้วย เทวดา มาร พรหม เอ่อ สมณะ และพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ พูดเป็นรายละเอียดกันเสียทีหนึ่งก่อนว่าไอ้โลกนี้ ทั้งหมดนี้น่ะ ที่เป็นเทวดา หรือเทวะน่ะ มันถือว่า รุ่งเรือง งดงาม น่าปรารถนา พออกพอใจ นี่ก็เรียกว่าเทวโลก แล้วก็เป็นทิพย์ มีอะไรได้ มันก็ทิพย์
แล้วก็มารโลก สวยงามที่สุด สวยงามที่สุด สำหรับทำให้หลงใหลไปจนถึงสุดเหวี่ยง เรียกว่ามารโลก ไม่ใช่สัตว์...มีเขี้ยวกลางนะ ไม่ ไม่ดุร้ายน่ากลัวอย่างนั้น ไม่ใช่เค้าน่ะ(นาทีที่ 21.22 : ฟังไม่ชัดเจน)
เทวโลก มันเป็นโลกที่มีเป็น ได้เป็น พอใจเป็น มันก็เป็นของทิพย์ และมารโลก ก็คือว่า สวยงามที่สุด เพราะถ้าไม่สวยงามแล้วมันจับใจใครไม่ได้ คำว่า “มาร มาร” นี้มันคือจับคนไปได้ ไปต้มยำเล่นได้ตามพอใจแล้วมันก็สวยงามที่สุด มันจึงจะมีชื่อว่ามาร มาร ขึ้นมา นี่มารโลกก็เป็นอย่างนี้
แล้วที่พรหมโลก ก็ว่าสัตว์ที่ไม่มีกาม ไม่ไม่ไม่ไม่ไม่เกี่ยวข้องกับกาม นี่เรียกว่าพรหมโลก แล้วก็ประกอบอยู่ด้วยสมณะและพราหมณ์ นี่ถ้าเขามีสติปัญญา มีการประพฤติปฏิบัติดี ก็เรียกว่าเป็นสมณะ หรือเป็นพราหมณ์ เป็นพราหมณ์นี่เป็นผู้รอบรู้ แล้วสมณะก็เป็นผู้สงบ ไม่มีปัญหา มีทั้งสมณะและพราหมณ์ แล้วก็ทั้งเทวดาและมนุษย์ คือเทวดา ก็คือที่เป็นอยู่กันตามธรรมดาที่นี่ และเป็น เป็นมนุษย์น่ะ แล้วเป็นเทวดาก็คือแปลกออกไป ตรงกันข้าม
พระพุทธเจ้า ตอนนี้มีบาลีว่า สะยัง อะภิญญา สัจฉิ สัจฉิก...กัตวา ปะเวเทสิ
ทรงรู้ยิ่งด้วยปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วก็ประกาศ ทำให้แจ้ง แล้วประกาศ ก็คือประกาศให้รู้ว่าไอ้โลกนี้ทั้งหมดที่ว่ามานี้ มันเป็นอย่างไร มันมีความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง โดยแท้จริงมันเป็นกันอย่างไร มันอยู่กันอย่างไร ก็เห็นได้ชัดว่า มันไม่มีความถูกต้อง
เมื่อมันยังไม่มีความถูกต้อง มันก็เป็นโลกที่ เป็นชื่อของนรก อะไรอย่างนั้น คือมีแต่ปัญหา มีแต่ความวุ่นวาย จนต้องช่วยประกาศให้ ช่วยประกาศให้ ช่วยประกาศความจริงให้มันต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ โลกนี้มันเป็นอย่างนี้
เทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ จึงจะมีความถูกต้อง
นี่เรา ก็พอจะเข้าใจกันได้ว่า ใครน่ะมันช่วยประกาศให้ว่า ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ใครมันช่วยประกาศให้ มันต้องมีพระพุทธเจ้าน่ะมาประกาศให้ ว่าโลก โลกนี้เป็นอย่างนี้ เป็นเทวโลก เป็นมารโลก เป็นพรหมโลก เป็นหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ ต้องเป็นอย่างนี้
เมื่อยังไม่มีการประกาศ มันก็รู้ไม่ได้ แล้วมันก็ไปกันตามกิเลส ตามความต้องการ หรือตามความเห็นแก่ตัว ใครบ้างที่ไม่เห็นแก่ตัว ทั้งเทวดา ทั้งมาร ทั้งพรหม ทั้งสมณะ ทั้งพราหมณ์นี้มัน เมื่อมันยังไม่ไม่ไม่หมด ไม่หมดกิเลส ยังมีกิเลส มันก็เห็นแก่ตัว ไม่อย่างนั้น มันก็ทำไปตามประสาของมัน
ถ้าเมื่อไรมีพระพุทธองค์มาประกาศด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ก็ทำให้แจ้งว่า เป็นอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ มันก็จะมีความรู้ขึ้นมา รู้เป็นความถูกต้องขึ้นมา จะได้รู้อะไรถูกต้อง อะไรไม่ถูกต้อง
ก็ขอกล่าวถึงพระบาลีตอนต่อไปว่า โย ธัมมัง เทเสสิ อาทิกัลยาณัง มัชเฌกัลยาณัง ปะริโยสานะกัลยาณัง สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรหมะจะริยัง ปะกาเสสิ
คือพระพุทธเจ้า หรือพระผู้มีพระภาคพระองค์ใด แสดงธรรมแล้ว ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด คำว่า “ไพเราะ” น่ะหมายความว่าอย่างไร ความหมายแท้จริงมันก็หมายความว่ามันถูกต้อง มันจึงจะไพเราะ ถ้ามันไม่มีความถูกต้อง มันก็ไม่มีความไพเราะอะไรที่ไหน
ท่านแสดงโลกเหล่านั้น ทุกๆ โลก ทุกๆ โลก ทุกๆ โลก อย่างถูกต้อง มันจึงมีความไพเราะ
กัลยาณัง นี่มันแปลเป็นไทยว่า ไพเราะก็ได้ แปลว่างดงามก็ได้ เพราะมันหมายถึงคุณค่า งดงาม กับไพเราะ แสดง...ธรรม ไพเราะก็ตาม งดงามก็ตาม ในเบื้องต้น ในท่ามกลาง ในเบื้องปลาย นี่ก็หมายความว่า เอ่อ ทุกส่วนที่เป็นเบื้องต้น เป็นท่ามกลาง เป็นเบื้องปลาย นี้คือความถูกต้อง เพราะความถูกต้อง เพราะความไพเราะน่ะ งดงามนั้นน่ะ เพราะความงดงาม และถูกต้อง เรียกรวมกันก็ได้ว่า เพราะถูกต้อง เพราะถูกต้อง มันจึงงดงาม
สาตถัง สะพยัญชะนัง เอ่อ ทั้งความหมาย และทั้งตัวอักษรน่ะ คือทั้งคำ...ย่อ และคำพิสดารน่ะ
สาตถัง อัตถะ สาตถะ นั่นแหละคืออัตถะ ทั้งอัตถะ สะพยัญชะนัง ทั้งพยัญชนะ คือใจความพิสดาร ก็ไพเราะ ใจความย่อเอาแต่หัวข้อ มันก็ไพเราะ
เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
ถ้ายังไม่รู้ ก็รู้เสียว่า ไอ้คำพิเศษคำนี้ คือคำว่า “เกวะละ” “เกวะละ” แปลว่าทั้งหมด ทั้งสิ้น ไกวัลละยะ เป็นภาษาสันสกฤต เกวะละ เป็นภาษาบาลี
ผมเขียนหนังสือขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ใช้คำว่า “ไกวัลยธรรม” ไม่มีใครรู้เรื่องว่าไกวัลยธรรมอะไร มันก็เป็นคำบาลีง่ายง่ายว่า เกวะละ เกวะละ คือหมดจด สิ้นเชิง บริสุทธิ์ บริบูรณ์ บริบูรณ์นี้ก็คือครบถ้วน แล้วบริสุทธิ์นี้ก็ดูเอาเองคำว่าบริสุทธิ์ คำว่าบริสุทธิ์ คือมันไม่มี ไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
พรหมะจะริยัง ปะกาเสสิ ทรงประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
นี่การกระทำของพระพุทธเจ้า เป็น เป็นความถูกต้อง รวมอยู่ในคำว่าถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง จนไม่รู้จะพูดกันสักกี่ เอ่อ กี่คำ มันมีแต่ความ...คำว่าถูกต้อง ถูกต้อง แล้วก็มันรวมอยู่ในความหมายเหล่านี้ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง โดยใจความย่อก็ถูกต้อง โดยใจความพิสดารก็ถูกต้อง เป็นตัวพรหมจรรย์ คือข้อปฏิบัติอันยอดเยี่ยมในการดับทุกข์ได้
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม ไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย ให้แน่ ให้ย้ำกันอยู่ว่ามันถูกต้อง จึงงดงาม แล้วก็มันบริสุทธิ์ สมบูรณ์ เอ่อ ทั้งโดยใจความย่อ และใจความพิสดาร นี่คือ...ส่วนที่เราจะต้องทราบ ที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ว่าท่านแสดงธรรมอย่างนี้ ท่านรู้แจ้งโลกนะ รู้แจ้งโลก ท่านจึงว่าอย่างนี้ ว่าอย่างนี้ แล้วก็ท่านแสดงธรรมออกมาอย่างนี้ อย่างนี้
เพราะท่านรู้แจ้งด้วยพระองค์เอง แล้วก็แสดงธรรมออกมา แสดงธรรมออกมาก็ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เมื่อถูกต้องมันก็งดงาม ไพเราะในเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง และเบื้องปลาย
นี่ ลองคิดดูเถอะว่าเราบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนากี่ปี กี่พรรษาแล้วก็ตามเถอะ รู้จักพระพุทธเจ้าได้เท่าไหร่ ความรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้ที่เรามีสำหรับพระพุทธเจ้า มันแค่หางอึ่ง จะได้หรือไม่ อึ่ง ตัว อึ่ง อึ่ง ตัวมันเป็นสัตว์ชนิดไหน หางมันมีเท่าไร ก็ไปดูเอาเองเถอะ
เรามีความรู้เรื่องพระพุทธเจ้าแค่หางอึ่งหรือหาไม่นี่ ถ้า ถ้ามันออกไปได้ มันไม่ใช่แค่หางอึ่ง มันก็จะ นี่จะติดเป็นอย่างนี้ จะบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
คำว่า “ความถูกต้อง” มันก็มีความหมาย มันถูกต้องจริงๆ มันถูกต้องจริง มันถูกต้อง คือทำโลกให้แจ่มแจ้ง ทำโลกให้หมดปัญหา ทำโลกให้ชัดเจน เพราะการแสดงธรรมของพระองค์ ที่จะสำเร็จประโยชน์ แล้วก็ไพเราะแก่สัตว์ที่มิใช่แรก ไอ้พวกแรกน่ะ มัน มันฟังไม่ถูกหรอก อย่างไรอย่างไรมันก็ฟังไม่ถูกหรอก มันไพเราะไม่เป็นล่ะ
ต่อเมื่อมันไม่เป็นแรกเท่านั้นแหละ มันจึงจะฟังถูก ก็จะมีความไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย นี่ขอให้เห็นอกเห็นใจพวกเรากันเองด้วย เห็นอกเห็นใจแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าว่าท่านจะลำบากลำบนสักเท่าไร ที่จะต้องแสดงธรรมให้ไอ้พวกแรกมันฟังถูก ถูกว่ามันถูกต้องอย่างไร ถูกต้องอย่างไร
นี่ผมจึงขอชักโยงเรื่องว่ายังเรื่องเดียวกันว่า มันไม่มีความถูกต้อง แล้วมันก็ไม่มีสันติภาพ ถ้ามันมีความถูกต้อง โลกนี้ก็มีสันติภาพ เพราะฉะนั้นโลกนี้เท่าไร กี่ล้านล้านล้านล้าน คน หรือว่ากี่หมื่นกัป กี่กัลป์มา มาแล้วกี่กัปกี่กัลป์มาแล้วโดยเวลา หรือว่าโดยปริมาณ มันใหญ่โตเท่าไร มันไม่มีความถูกต้อง มันหาความถูกต้องไม่พบ เพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีสันติภาพ นี่เราจะมาช่วยทำให้โลกมีสันติภาพ แล้วมันจะยากลำบากสักเท่าไร
นี่ต้องทำให้พระพุทธ เอ่อ ทำให้คนเรานี่รู้จักโลก เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านรู้จัก เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านรู้จักว่า อิมัง โลกัง โลกนี้ สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรหมะกัง ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก เอ่อ หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดา และมนุษย์ นี้มันเป็นอย่างไร ใครมีความรู้เรื่องนี้ ใครเคยมีความรู้เรื่องนี้ นี่เรียกว่ามันไม่มีความรู้เรื่องนี้ นี่พระองค์จะทรงแสดงธรรมอย่างไรล่ะ ที่จะให้มันรู้จักว่าไพเราะ ธรรมะที่พระองค์จะทรงแสดงขึ้นมานั้น จะต้องแสดงอย่างไร มันจึงจะมีความรู้สึกในใจคนว่า มีความไพเราะ ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง และเบื้องปลาย
แล้วมันจะรู้สึกสูงสุดที่ว่าถูกต้อง ถูกต้อง คือบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ และบริบูรณ์ บริบูรณ์ ทั้งบริบูรณ์ ทั้งบริสุทธิ์นี่ คือความถูกต้อง แล้วก็สิ้นเชิง ทั้งโดยคำย่อ และโดยคำพิสดาร
สาตถัง ก็แปลว่าความพิสดาร สะพยัญชะนัง ก็คำย่อย่อ พยัญชนะ ก็โดยพยัญชนะ แล้วก็โดยอรรถะ โดยอรรถะก็คือโดยเนื้อความพิสดาร โดยพยัญชนะก็คือแล้วก็สิ้นเชิง ทั้งโดยธรรมย่อ และโดยธรรมพิสดาร โดยคำพูดแต่ละคำละคำ คือคำย่อ
มันจะถูกต้องได้อย่างไร มันจะถูกต้องได้อย่างไร มันไม่มี มันมันไม่มีหวังที่ว่ามันจะ...พบความถูกต้อง มันต้องมีความรอบรู้ รู้จักโลก จนถึงขนาดเห็นว่า มันมันมันไม่ได้เป็นโลก มันไม่ใช่โลก มันเป็นแต่เพียงความว่าง...จากตัวตน แต่มันมาสมมติเรียกกันว่าโลก เพราะมันมีมิจฉาทิฐิ เรียกเอาเอง สมมติเอาเอง หมายมั่นเอาเองว่าตัวกู ตัวกู ตัวกู ตัวกู ก็มีความเห็นแก่ตัวกู ไอ้ตัวกูต้องได้อย่างนั้น ตัวกูต้องได้อย่างนี้
แล้วมันก็มีสิ่งเลวร้ายที่เป็นคู่ๆ ที่เรียกว่าอุปสงค์ และอุปทานน่ะ ซัพพลายหรือดีมานด์น่ะ มันต้องเสนอ แล้วมันต้องสนองอยู่ เสนอ สนอง กันอยู่ในตัวตลอดเวลา คนจน ยากจน หรือคนมั่งมีก็ตาม มันก็มีการถูกเสนอ ให้เป็นไปอย่างนั้น แล้วก็ถูกสนองให้ต้องทำให้เป็นอย่างนั้น
คุณไป...คิดคำพูดเอาเองก็ได้ นายทุนก็ดี กรรมกรก็ดี จะเป็นชั้นพวกประชาธิปไตยก็ดี พวกเผด็จการก็ดี มันล้วนแต่ต้องถูกเสนอ แล้วก็ถูก ต้องทำให้สนอง ถูกเสนอ แล้วก็ต้องให้มัน ต้องต้องมีการสนองให้นี่ ถ้าจะเทียบคู่ให้มันยาวออกไปก็ว่า ให้มันมีการเสนอ และมีการสนอง คือซัพพลาย หรือดีมานด์นั้น แล้วมันก็จะต้องมีความเป็นบวก หรือเป็นลบ เพราะว่ามันไปตามความต้องการของคนมีกิเลส แล้วมันจึงถูกต้องไม่ได้โดยประการทั้งปวง มันจึงมีความเป็นบวก หรือมีความเป็นลบ แล้วมันก็จะยุ่งหรือวุ่นวายสักเท่าไร
มันก็มีทั้งที่เป็นวัตถุ และจิตใจ คือมีทั้งสสาร มีทั้งพลังงาน มีทั้ง matter มีทั้ง energy ที่จะให้มันถูกต้องพร้อมกันทั้งสสาร ทั้งพลังงานน่ะ ทั้ง material ทั้ง energy มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ถูกต้องได้ แล้วมันมันมัน มันไม่เคยร่วมกันได้ ไอ้สสาร และพลังงานนี้น่ะ ก็มีข้อขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงไม่มีความถูกต้อง มันไม่มีความถูกต้อง มันก็มีความขัดแย้ง
และบางอย่างมันลึก มันยาก มันเข้าใจไม่ได้ในความหมายที่เป็น subjective เข้าใจไม่ได้ในความหมายที่เป็น objective ที่เรียกว่าเป็นโดยปรนัยก็ดี โดยอัตนัยก็ดี มันเข้าใจไม่ได้นี่
มันจึงโง่ บรมโง่ โง่ โง่อย่างบรมโง่ นี่มันจึงไม่มี เอ่อ สันติภาพ มันขัดแย้งกันเป็นคู่ตรงกันข้ามเสมอไป ถ้ามีเสนอ ต้องมีสนอง ต้องเป็นบวก ต้องเป็นลบ ต้องเป็นอุปสงค์ อุปทาน ต้องเป็นบวก ต้องเป็นลบ ต้องเป็นสสาร ต้องเป็นพลังงาน ต้องเป็นอัตนัย เอ่อ หรือปรนัย
ไอ้สิ่งที่เรียกว่า subjective เอ่อ มันไม่ใช่วิสัยของคน...ธรรมดาจะเข้าใจได้ มันลึก แต่ถ้ามันเป็น objective มันก็โง่ หรือง่ายเกินไปอีก จนเข้าใจไม่ได้อยู่อีกน่ะ เพราะมันง่าย มันมันง่ายเกินไป จนคนเข้าใจ... คนก็เข้าใจไม่ได้
นี่โลกนี้มันประกอบกันอยู่ด้วยสิ่งที่เป็นคู่ๆ คู่ๆ จะได้เป็นกี่คู่ก็สุดแท้นะ แต่ที่จะมองเห็นกันได้ง่าย ง่าย เข้าใจกันได้ง่ายๆ ก็ แง่ ทีแรก ก็คือว่ามันแง่ซัพพลาย แง่ดีมานด์ คือเสนอ หรือสนอง แง่ที่เป็นบวก หรือเป็นลบ เป็น positive หรือ negative มันยังเป็นพวกที่ว่า เป็นวัตถุ หรือเป็นกำลัง...กำลังงาน กำลังใจ กำลังทางความคิด ทางสติปัญญา ก็เรียกว่าเป็นกำลังงานได้ ไอ้ทางสสารมันก็เป็นเรื่องของวัตถุที่จะต้องมาช่วยประกอบพลังงานให้เกิดสำเร็จขึ้นมา นี่มันยังมีที่เข้าใจอย่างไรก็ไม่ได้ แล้วยัง...แล้วอย่างไรก็ยังเข้าใจไม่ได้ เพราะมันง่าย หรือมันโง่เกินไป หรือมันลึกเกินไป ก็เข้าใจไม่ได้ มันง่ายจนเกินไป มันก็เข้าใจไม่ได้
นี่โลกนี้มัน มันตกหนักอย่างนี้ เรียกว่ามันไม่มีความถูกต้อง เอ่อ ที่จะให้หยุด การที่ต้องเสนอ สนอง หรือเป็นบวก หรือเป็นลบ หรือเป็นสสาร หรือเป็นพลังงาน หรือว่าทุกคู่ๆ ที่มันเรียกกัน เรียกกันเป็นคู่ๆ คู่ๆไปนั่นแหละ มันหยุดไม่ได้ มันห้ามกันไม่ได้ มันป้องกันไม่ได้ มันก็เลย ใช้คำพูดว่าอย่างไรดี มันยุ่งๆ ยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกัน ในโลกนี้ มันก็มีกิเลส และความเห็นแก่ตัว แล้วมันก็ต้องยุ่งยุ่งยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกัน แล้วจะหาความถูกต้องมาจากไหน
มันก็มีแต่สติปัญญาอย่างของพระพุทธเจ้า หรือเรียนรู้จากพระพุทธเจ้า หรือเอาอย่างมาจากพระพุทธเจ้า แล้วก็ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ของพระพุทธเจ้านี่ มันจะมีความถูกต้องขึ้นมาได้ ทำให้สันติภาพมันเกิดขึ้น ไม่ต้องเสนอ ไม่ต้องสนอง ไม่ต้องเป็นบวก ไม่ต้องเป็นลบ ไม่มีสสาร ไม่มีพลังงาน ไม่มีอัตนัย ไม่มีปรนัย ที่เรียกว่าเป็นคู่ๆ คู่ๆ อยู่ตรงกันข้าม ร้ายกาจ เลวร้ายทุกๆ คู่ เพราะมันเป็นที่ตั้งแห่งปัญหา เป็นที่ตั้งแห่งปัญหานานาชนิด
นี่เราจะทำอย่างไร คุณบวชขึ้นมากี่พรรษาแล้ว คุณจะทำอย่างไร ที่จะให้ได้ความรู้ ได้สติปัญญาของพระพุทธเจ้า แล้วทำให้โลกนี้มีสันติภาพ โดยทำให้มีความถูกต้อง ค้นพบความถูกต้อง แล้วก็มีความถูกต้อง แล้วมันก็มีสันติภาพเท่านั้นแหละ นี่จะสันติภาพกันตรงไหนล่ะ
สันติภาพมันจะมีก็ตายแล้ว มันจะมีก็ตายแล้ว ถ้ามันยังมีการปรุงแต่งกันอยู่ มันก็ มันก็ มัน มันถูกต้องไม่ได้ กว่าจะถูกต้องได้ มันก็ตายเสียก่อนแล้ว ไอ้ความถูกต้อง ความถูกต้องนั่น มันมีความลับอยู่ตรงที่ว่า มันไม่ตาย มันตายไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้มัน มัน มัน มันยังตายอยู่ มันยังตายอยู่ มันยังตายอยู่อย่างแน่นอน
ขอย้ำคำว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง” กันอีกทีนะ ถ้ามันถูกต้อง แล้วมันไม่มี...ไม่มีอะไรสูญเสีย หรือสูญหายไป ที่ผมชอบพูดอย่างง่ายๆ ให้ ไอ้พวกแรกทั้งหลายมันเข้าใจได้ว่า ถ้ามันมีความถูกต้อง แล้วตดมันก็ไม่เหม็นนะ ถ้ามันมีความถูกต้องอยู่ในร่างกายนี่ ตดมันจะเหม็นได้อย่างไร ถ้ามันมีตดเหม็นแล้ว ก็มันหมายความว่า มันไม่มีความถูกต้องในทางร่างกาย
เอ่อ ถ้ามันไม่มีความถูกต้อง มันก็ต้องมีปัญหา เช่น ร่างกายมีต้อง เอ่อ.. ท้องขึ้น ท้องเสีย มีการเป็นแผล มีการเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะมันไม่มีความถูกต้อง มันก็มีการเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วในที่สุดความความป่วย เจ็บไข้ได้ป่วย มันก็ทำให้ต้องตาย ทำให้ต้องตาย ถ้ามันไม่...ถ้ามันมีความถูกต้อง มันตายไม่ได้นะ ถ้ามันมีความถูกต้อง มันตายไม่ได้
คนเรา หรือใครก็ตาม ถ้ามันมีความถูกต้อง ถูกต้อง ไอ้โรคภัยไข้เจ็บมันก็หายเสียหมด มันก็ตายไม่ได้ ทีนี้ยังมีส่วนที่ไม่ถูกต้องอยู่ มันก็ตายได้ มันก็ต้องตายแน่ นี่คือความไม่ถูกต้อง ฉะนั้นใคร่ครวญดูเอาเองให้ดีๆ เถิดว่า ถ้าถ้ามันถูกต้องแล้ว มันเป็นอย่างไร มันเหนือบวก เหนือลบน่ะ คือมันตายก็ไม่ได้ จะเกิดหรือ ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้ ถ้ามันมีความถูกต้อง มันมีเหนือบวก เหนือลบ เหนือทุกๆ อย่างที่เป็นคู่ๆ คู่ๆ
นี่มันอยู่กันอย่างนี้ มันมีความจริงอยู่อย่างนี้ ของธรรมชาติมันมีอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวนี้มันไม่มีความถูกต้อง เพราะฉะนั้นมันก็... มันก็...ก็เพราะอะไรก็ดูเอาเองสิ มันก็เจ็บไข้ได้ป่วย หรือจนกระทั่งตายลงไปได้ ฉะนั้นที่มันจะตายไม่ได้ ก็เพราะมันมีความถูกต้อง เมื่อมันมีความถูกต้องก็แล้วมันตายไม่ได้
มันก็เลยต้องมีสิ่งที่มาแก้ไขโดยเฉพาะ โดยตรงอย่างหนึ่งคือว่า มันไม่ตาย มันว่างจากตัวตน มันว่างจากตัวตน มันไม่มีความคิดนึกเป็นตัวตน ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตน มันไม่มีกิเลสตัณหาใดใด มันไม่รู้สึกว่ามีตัวกู มีของกู มีตัวกูตาย มีตัวกูได้ มีตัวกูเสีย ดังนั้นมันจึงเหลืออยู่แต่ความว่างจากตัวตนเท่านั้นน่ะ ที่มันจะตายไม่ได้ ฉะนั้นความถูกต้องคือความว่างจากตัวตน ถ้ายังไม่ว่างจากตัวตน มันไม่ถูกต้อง ดังนั้นความถูกต้องมันอยู่ลึก มันอยู่ลึกๆ ลึกๆ ลึก จนบอกไม่ถูก ว่าจะลึกๆ เท่าไร ลึกกี่ร้อยโยชน์พันโยชน์ แล้วก็ยังไม่พอ
มันต้องลึก ความถูกต้องมันจึงอยู่ลึก ลึกจนไม่มีการตาย ลึกจนไม่มีความเจ็บไข้ได้ป่วย ลึกจนว่าแม้แต่ตดมันก็ไม่เหม็น มันต้องพูดกันอย่างนั้น มันเป็นคำหยาบสักหน่อย แต่เพื่อประหยัดเวลา มันก็ต้องพูดกันอย่างนี้แหละว่า มันถูกต้อง มันถูกต้อง ทางร่างกาย มันถูกต้องทุกอย่าง
ทางฝ่ายจิต คือเวทนา มันก็ถูกต้องทุกอย่าง เอ่อ การประกอบของจิต กระทำของจิต ก็ถูกทุก ถูกต้องทุกอย่าง ของธรรมะและของสิ่งที่เป็นสังขารธรรมทั้งหลายทั้งปวง มันก็ต้องเป็นความถูกต้อง จนไม่มีความเปลี่ยนแปลง
ผมใช้คำพูดคำนี้ว่า “น้ำมันหยุด ตลิ่งมันไหล” เพราะมันไม่มีความถูกต้อง มันมีสังขารปรุงแต่ง ให้ตลิ่งมันไหลอยู่เรื่อยไป
ถ้ามีความถูกต้องทางกาย มีความถูกต้องทางเวทนา มีความถูกต้องทางจิต มีความถูกต้องทางธรรมะแล้ว มันไม่มีอะไรตาย มันตายไม่ได้ เพราะว่ามันไม่มีตัวตน แล้วมันจะเอาอะไรมาตายล่ะ ถ้ามันไม่มีตัวตนที่เรียกว่า “ตัวกู ของกู” มันไม่มีความรู้สึกที่เป็น อะหังกาละ มะมังกาละ มันก็ไม่ตาย มันก็มันมันมัน เพราะมันไม่มีสิ่งที่จะตายนี่
นี่พระพุทธเจ้า เอ่อ ท่านเป็นอะไรกับเรา ท่านสอนให้เรารู้อะไร ถ้าว่าท่านแก้ปัญหาอย่างไร นี่ท่านสอนให้รู้จักโลก โลกนี้
โลกัง อิมัง โลกัง โลกนี้ สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรหมะกัง สัสสะมะณะ พราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง โลกนี้ ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดา และมนุษย์ มันรู้อย่างนี้ หรือจะ หรือจะบอกว่า เพราะรู้อย่างนี้ มันจึงไม่มีโลก ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าโลก คือตัวกู มันก็ไม่มีอะไรตาย
สติปัญญาของท่านได้มาจากไหน ที่เราเรียกกันว่า ปัญญา ตรัสรู้เอง
สัจฉิกัตวา กระทำให้แจ้งด้วยลำพังพระองค์เอง
นี่ขอให้รู้จักพระคุณของพระพุทธเจ้า ถ้าพูดโดยปริมาณ โดยการคำนวณแค่หางอึ่ง เพราะว่าพระคุณของพระพุทธเจ้ามันลึกซึ้ง ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง เรารู้เพียงแค่หางอึ่งก็ยังไม่ ก็ยังจะพอ ยังจะพอเอา ขอให้รู้จักสิ่งนี้ สิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้จักว่า
อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรหมะกัง สัสสะมะณะ พราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง
นี่ ครั้นรู้อย่างนี้แล้ว จงเปิดเผย จงพูดจา จงแสดงออกในลักษณะที่เรียกว่า...แสดงธรรม ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด พระธรรมที่แสดงออกมานั้น เปิดเผยเป็นตัวการปฏิบัติ ที่เรียกว่าพรหมจรรย์ การประพฤติอันประเสริฐ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
พร้อมทั้งเมื่อกล่าวโดยย่อย่อ และเมื่อกล่าวโดยพิสดาร เมื่อกล่าวโดยคำพูดย่อย่อก็สมบูรณ์ กล่าวโดยพิสดารก็สมบูรณ์ คือมันชัดเจน เปิดเผยโลกนี้ จนไม่มีที่ลับ ที่ให้อวิชชามันจะเล่นงานเอา
นี่คือความถูกต้อง ความถูกต้อง มันไม่มีปัญญาจะพูดแล้วว่า ความถูกต้องนั้นมันคืออะไร ความถูกต้องที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีก ก็คือมันไม่เป็นบวก มันไม่เป็นลบ มันไม่มีความถูกต้องที่ เอ่อ ที่จะเป็นทุกข์ขึ้นมาได้ มันถูกต้องสิ้นเชิง แสดงธรรม ก็ประกาศพรหมจรรย์ถูกต้องสิ้นเชิง ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง และเบื้องปลาย ทั้งขั้นต้น ทั้งท่ามกลาง และขั้นปลาย มันก็เลยไม่มีโอกาสที่จะผิดพลาด
นี่พระคุณของพระพุทธเจ้าใหญ่หลวง เกิน เกินที่จะพูด ที่จะกล่าวว่าใหญ่หลวง อย่างใหญ่หลวงที่สุด ใหญ่หลวง อย่างใหญ่หลวง ใหญ่หลวงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่พระคุณของพระพุทธเจ้า นี่คุณรู้จักพระพุทธเจ้ากี่มากน้อย แค่หางอึ่งได้ไหม แล้วคุณทำให้เปิดเผยออกมา แห่งความถูกต้องนี่ แค่หางอึ่งได้ไหม
ดังนั้นขอให้...ประมาท ขอให้ไม่ประมาท ไม่ประมาท ไม่ประมาท ไม่ประมาท พยายามอยู่อย่างเต็มที่ ให้เกิดความแจ่มแจ้ง ให้เกิดความจริง เกิดความปรากฏออกมา จนไม่มีอะไรตาย จนไม่มีอะไรตาย คือสังขารทั้งหลายไม่เปลี่ยนแปลง นี่โลกไม่มีสังขารที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกต่อไป
นี่เรียกว่าการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือสิ่งๆ เดียว เอ่อ คือความถูกต้อง ความถูกต้อง ที่ไม่เป็นบวก ไม่เป็นลบ รู้อย่างถูกต้อง ถูกต้อง จนอะไรมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เพราะฉะนั้นมันจึงตายไม่ได้ แม้แต่ตดมันก็ยังไม่เหม็น มันจะเปื่อยเน่าเป็นแผล เป็นหนอง เป็นผล เป็นไอ้โรคภัยไข้เจ็บ มันก็ไม่มี มันก็ไม่มี มันก็ไม่มีโรค มันก็คือไม่ตาย นี่คือความถูกต้อง เพราะอำนาจของความถูกต้อง เป็นผลของความถูกต้องมันเนื่องกันอยู่อย่างนี้
ถ้ามัน...มันมีอะไรเหลืออยู่ มันก็ตายน่ะ ถ้ามันเหลืออยู่เป็นความไม่ถูกต้องนิดเดียว มันก็ก็ต้องตาย นี่คำว่าถูกต้อง ถูกต้อง มันถูกต้องจนมันไม่มีอะไรตาย ไม่มีอะไรตาย ฉะนั้นขอให้มาท่องไอ้บททำวัตรเช้าถึงข้อความเกี่ยวกับของพระพุทธเจ้ากันให้ขึ้นใจ ให้แจ่มแจ้ง และให้ปฏิบัติได้ ให้เป็นความรู้สึกอยู่ในตัวเอง โดยจะเหนือความเป็นบวก ความเป็นลบ ไม่มีของเป็นคู่ๆ ไม่มีความโง่เป็นคู่ๆ ความโง่เป็นคู่ๆ คือ อุปสงค์ อุปทานน่ะ สสาร พลังงาน ความเป็นบวก ความเป็นลบ เอ่อ ความเป็น...เอ่อ ที่จัดได้ว่าเป็นคู่ๆ คู่ๆ ตรงกันข้าม มันต้องเป็นความว่างไปแล้ว เป็นความว่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว มันจึงไม่มีอะไรเหลืออยู่เป็นคู่ๆ
ถ้ามันยังไม่มีความว่าง มันมีสังขาร เหตุปัจจัยอันใดเหลืออยู่ มันก็ มันก็ไม่ไม่ไม่อาจจะว่างไปได้ เมื่อมันว่างไปไม่ได้ มันก็มีสิ่งที่ตายได้ มีสิ่งที่ตายได้ เรียกว่าสังขารนั้นน่ะมันสิ่งที่ตายได้
ที่ผมจะพูดมีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ ผมก็รับ ไม่รับผิดชอบหรอก ถ้าคุณฟังพูด ถ้าคุณฟังถูก ก็คงมีประโยชน์บ้าง ถ้าฟังไม่ถูก ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ได้ ก็ชวนกันเป็นแรกต่อไป มันก็ไม่รู้จะเป็นอะไร เพียงแต่ขอเตือนว่าจงขยัน ขยัน ขยัน ศึกษาเรื่องของพระพุทธเจ้าให้แจ่มแจ้ง ชัดเจน ในเรื่องความถูกต้อง
ความถูกต้องที่มันอยู่ เอ่อ เหนือเหตุ เหนือปัจจัย เหนือสังขาร เป็นวิสังขาร นี่แหละความถูกต้องที่มันอยู่ใต้เหตุ ใต้ปัจจัย มันไม่ ยังไม่เป็น เอ่อ ยังไม่เคย ยังเป็น ยังเป็นสังขารอยู่ คือเป็นความถูกต้อง ชนิดที่เป็นวิสังขาร เป็นวิสังขารก็คือเป็นนิพพาน ถูกต้องจนไม่มีปัญหาอะไรเหลือ ไม่มีปัญหาอะไรเหลือ ถ้ามีปัญหาเหลือ ก็คือยังไม่ใช่ความถูกต้อง คือมันยังจะต้อง เรียกว่าเป็นความสูญเสีย เป็นความไม่ถูกต้อง เพราะว่ามันไม่ว่างไปจนหมดตัวตน
ขอย้ำอีกทีว่า ถ้ามันว่างไปจนไม่มีตัวตนเหลือแล้ว มันก็เป็นความถูกต้อง บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านประกาศพรหมจรรย์ หรือท่านกระทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ ท่านทำให้มันแจ้ง แจ่มแจ้งก่อน แล้วท่านจึงประกาศ ระวังให้ดีๆนะ พระพุทธเจ้า ท่านทำให้มันแจ่มแจ้ง ให้โลกนี้แจ่มแจ้ง ให้โลกนี้แจ่มแจ้ง แจ่มแจ้ง แจ่มแจ้ง เสร็จแล้วท่านจึงประกาศว่ามันเป็นอย่างไร เป็นอย่างไร นั่นคือแสดงธรรม แสดงธรรมไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
ผมคิดว่ามันจะพอสมควรแล้วที่จะพูดเรื่องพระพุทธเจ้ากันในความหมายนี้ ให้เป็นที่เข้าใจ พอใจ จนเรียกว่าไม่เสียชาติเกิดมา และไม่เสียชาติที่พบพระพุทธศาสนา รู้จักใช้ประโยชน์ของการมีพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เรียกว่าความถูกต้อง
เพราะฉะนั้นยินดี ยินดีที่ได้มาพบกันอย่างนี้ ยินดีที่จะได้มีโอกาสแห่งการศึกษาความถูกต้อง แล้วก็หาความถูกต้องให้พบ เป็นความถูกต้องของพระพุทธศาสนา ความถูกต้องที่ เอ่อ ทำให้ว่างไปจนไม่มีอะไรเหลืออยู่เป็นปัญหา คือเหนือความตายน่ะ แล้วไม่มีคู่ที่ทำให้เกิด เอ่อ ความขัดแย้ง เช่น ความเป็นบวก ความเป็นลบ ความเป็นอุปสงค์ เป็นอุปทาน ความเป็นสสาร ความเป็นพลังงาน ความที่รู้ไม่ได้โดยเป็นปรนัย และอัตนัย ซึ่งมันง่ายเกินไป
ขอให้คิดว่าผมพูดนี่ ยาวหรือสั้นอะไรกี่มากน้อยก็ตามใจ แต่ว่าขอ...รับรองว่ามันหมดจดสิ้นเชิง มันหมดจดสิ้นเชิง มันเป็น เกวะละปะริปุณณัง ได้ในความหมายว่า ไกลวัลยธรรม ไกลวัลยธรรม หมดจดสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ
รวมอยู่ในคำพูดคำเดียวว่า ความถูกต้อง ความถูกต้อง ถึงที่สุด ถ้ามีความถูกต้องแล้ว มันจะนำไปสู่ที่สุดเอง ถ้ามันยังไม่ถูกต้องอยู่เพียงใด มันก็จะอยู่ที่ตรงนี้ อยู่ที่ตรงนี้น่ะ เป็นแรกอยู่ที่ตรงนี้น่ะ จะมีซ้ำซากอยู่ในเวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิด หาสันติภาพไม่ได้ แล้วมันเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายระอาที่ว่า ทำไมโลกนี้มันหาสันติภาพไม่ได้ ก็ขอให้สนใจเรื่องนี้ สนใจเรื่องนี้ เพราะมันไม่มีความถูกต้อง มันไม่รู้จักความถูกต้อง มันจึงมีแต่ความที่ต้องตาย ต้องดับ ต้องหาย ต้องสูญเสียไป ด้วยการปรุงแต่ง จนตาย จน จนปรุงแต่งจนเกิดความตาย
ใครจะคิดว่ามากไปก็ตามใจน่ะ แต่ผมขอยืนยันว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้เรื่องความไม่ตาย ความไม่ตาย คือมันถูกต้อง ถูกต้องจนไม่ตาย มันถูกต้องเพราะไม่ตาย นี่มันมีความถูกต้องจนไม่ตาย ถูกต้องและจะทำ จะแก้ปัญหาของโลกนี้ และของธรรมะนี้ ซึ่งจะเป็นเครื่อง เป็นคู่ปรับกันกับโลก
เมื่อโลกมันโง่เท่าไร ท่านก็เปิดเผยให้ ให้มันเห็น แล้วก็แสดงธรรมประกาศชัดลงไปว่า ต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ นี่เป็นการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า
อาทิกัลยาณัง มัชเฌกัลยาณัง ปะริโยสานะกัลยาณัง
แล้วก็ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ หมดจดสิ้นเชิงพร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
คำพูดเหล่านี้มันก็ปรากฏชัดอยู่ในหนังสือสวดมนต์เด็กๆ สวดมนต์ของให้อุบาสก อุบาสิกาแล้ว ไปดูเองก็ได้ นี่คือความถูกต้องที่ผมคิดว่าควรจะนำมาเปิดเผย หรือพูดกันให้รู้จัก คือช่วยกันทำโลกนี้ให้เกิดความถูกต้อง แล้วก็จะมีสันติภาพ คือเป็นความสงบเย็น และเป็นประโยชน์
ขอหวังผลสุดท้ายปลายทางเป็น ๒ ประการว่า สงบเย็น และเป็นประโยชน์ คือมันถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง แล้วมันสงบเย็น ไม่เป็นทุกข์ มันเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าประกาศพรหมจรรย์ได้สำเร็จ มันจะ เอ่อ มีความสงบเย็น และเป็นประโยชน์ ไม่มีที่สิ้นสุด
เอาล่ะ เป็นอันว่า การที่ขอร้องให้พูดวันนี้ ให้แสดงธรรมในวันนี้ ผมก็เสนอ เอ่อ เรื่องนี้ขึ้นมา ขอให้ออกไปด้วยการทำให้รู้เรื่องนี้ คือเรื่องความถูกต้อง และขอต่อท้ายด้วยคำว่า คำว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง” ก็คือ สัมมัตตะ
สัมมา สัมมา แปลว่า ถูกต้อง ตา แปลว่าความ สัมมัตตา สัมมัตตะ สัมมัตตัตตา แปลว่าความถูกต้อง ถอดออกมาจากคำว่า สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ แล้วก็สัมมาญาณะ สัมมาวิมุติ
มันจะมีคำว่าสัมมา สัมมา จะกี่คำก็สุดแท้เถอะ แต่ขอให้เอาความหมายให้ถูกต้องว่า สัมมา สัมมา แปลว่าถูกต้อง เป็น เป็นหลักสูงสุด เป็นโค้ด เป็นประมวล เป็นสารบบ ทั้งหมดทั้งสิ้นของพระพุทธศาสนา คือคำว่าสัมมา สัมมา สัมมา สัมมา โดยเหตุมีอยู่ ๘ คำ หรือ ๘ ข้อ โดยผลมีอยู่ ๒ คำ รวมกันก็เป็น ๑๐ สัมมา
ผู้ใดรู้เรื่องสัมมา ผู้นั้นก็เรียกว่า เอ่อ เป็นพุทธบริษัทสมชื่อ เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าสมชื่อ สมชื่อ เราจึงช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกันทำให้พระพุทธเจ้าสำเร็จพระพุทธประสงค์ คือว่าท่านไม่มีอะไรที่จะตำหนิติเตียนเรา ท่านไม่มีอะไรที่จะมาต้องลงโทษเรา ท่านไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เราให้ต้องกระทบกระทั่งกันกับท่าน เพราะว่าทำ เอ่อ ทุกฝ่ายทำแต่ความถูกต้อง มีแต่ความถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง
นี่ใจความที่มันละเอียดลออไปกว่านี้ ไปแสวงหาเอาเถิด ผมไม่มีแรงจะพูดแล้ว วันนี้ไม่แรงจะพูดแล้ว มันอ่อนเพลีย แต่ว่าเท่าที่พูดมา อ่า มันก็มีใจความเป็นข้อข้อข้อข้อเพียงพอ
รวมใจความสำคัญในวันนี้ ก็ขอว่า ขอให้รู้จักพระพุทธเจ้า และก็ได้รับประโยชน์จากการที่มีพระพุทธเจ้า โดยบทว่า โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง ซึ่งแปลว่า อ่า พระพุทธเจ้า ด้วยสติปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง ได้กระทำให้แจ้ง ให้มันแจ่มแจ้งซึ่งโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ ให้แจ่มแจ้งว่านี่เป็นอย่างไร โลกนี้เป็นอย่างไร จะดับไฟแห่งโลกนี้ สิ้นสุดแห่งโลกนี้ เป็นอย่างไร
พระองค์ก็จึงทรงแสดง พระองค์ก็ทรงแสดงข้อ เอ่อ ใจความ ที่เรียกว่าแสดงธรรมว่า ให้เป็นความไพเราะเบื้องต้น ท่ามกลาง เบื้องปลาย ทั้งคำย่อ และคำพิสดาร ประกาศพรหมจรรย์ ประกาศสิ่งที่ควรประกาศ ประกาศสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดที่เรียกว่า พรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ
ขอยุติการบรรยายว่า ผู้ใด...เข้าใจพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าได้เท่าไร ก็เป็นผลดีแก่ท่านทั้งหลายเพียงนั้น
ผมขอยุติการบรรยายด้วยคำว่า “ความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง” เพียงคำเดียว ย้ำนะ ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง แสนครั้ง ล้านครั้ง ล้านล้านล้านล้านครั้ง ว่าเป็นความถูกต้อง คือสัมมัตตะ สัมมัตตะ ขอยุติคำบรรยาย ด้วยความหมดเรี่ยวแรงที่จะบรรยายแล้วเพียงเท่านี้ในวันนี้