แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาตมาอยู่ในสภาพที่ไม่มีแรงที่จะพูดกับท่านทั้งหลาย แล้วหมอก็ห้ามว่าไม่ควรพูดแล้ว ความดันของโลหิตเกือบจะไม่มีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจะต้องมาพูดตามธรรมเนียม เพราะว่าท่านทั้งหลายก็อุตส่าห์มาด้วยความหวังว่าคงจะได้พูดจากันนิดหน่อยสัก ๒-๓ คำ แล้วก็คิดเผื่อไว้ด้วยว่าถ้ามันต้องตายลงเวลานี้ก็คงจะเป็นได้เหมือนกัน เพราะมันไม่มีแรงจะพูดแล้ว
เนื้อเรื่องที่จะพูดมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญ สำคัญที่สุดของทุก ๆ เรื่อง ยังมีข่าวว่าก็ยังจะให้เป็นการพูดเหมือนกับพูดกับชาวต่างประเทศ ที่อยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ออกจะมากไป แล้วเรื่องที่อาตมาจะพูดนั้นมันก็มีความหมายพอ ๆ กัน เนื้อเรื่องที่จะพูดก็คือว่า เรื่องสำคัญที่สุด แล้วก็จะพูดว่าเธอทั้งหลายไอ้ชาติโง่ที่สุด ไอ้คนชาติโง่ที่สุดออกไปเสียได้บ้างก็ดี มันไม่รู้ความถูกต้อง มันไม่รู้เรื่องความถูกต้อง ไอ้คนชาติโง่ ทั้งหัวดำ หัวขาว หัวผมไม่มี หัวโล้นอะไรก็ตาม ไอ้ชาติโง่ที่สุด มันไม่รู้ว่าอะไรเป็นความถูกต้อง เพราะฉะนั้นขอให้กำหนดไว้เถอะว่าเราพูดว่าอย่างไร เราพูดว่าไอ้ชาติโง่ที่สุด มันไม่รู้จักความถูกต้องของความถูกต้อง
แล้วก็ยังจะต้องพูดไปถึงว่าพวกชนชาติที่เขาอ้างว่าเจริญแล้ว ๆ อย่างพวกฝรั่งมั่งค่าทั้งหลายนั้นมีความเกี่ยวข้องเนื่องไปถึงกันด้วย ไอ้ชาติโง่ที่สุด ไอ้ชาติโง่ที่สุด มันจะมีสันติภาพได้อย่างไร มันจะมีสันติภาพกันได้อย่างไร เพราะว่ามันไม่รู้แม้แต่เรื่องความถูกต้อง มันจะมีสันติภาพกับผีได้อย่างไร คนทั้งโลก คนทั้งโลก มันจะมีสันติภาพกันได้อย่างไร มันจะมีสันติภาพกับผีสางที่ไหนก็มันไม่รู้เรื่องในความถูกต้อง ความถูกต้อง เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนกำหนดหัวข้อที่จะพูดนี้ไว้ให้ดีที่สุดเถิดว่าเราจะพูดกัน เรื่องความถูกต้อง
ความถูกต้องนั้นเป็นคำที่สุดยอดสำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้า ไอ้คนชาติโง่ที่นี่มันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่า คือคำว่าอะไร ก็คือคำว่าความถูกต้อง ความถูกต้อง “สัมมัตตะ” หรือ “สัมมัตตา” ก็แล้วแต่จะเรียก สัมมัตตะแปลว่าความถูกต้อง สัมมัตตาก็ความถูกต้อง สัมมัตตะตาก็ความถูกต้อง คิดดูเถอะว่ามันจะรู้จักความถูกต้องกันได้หรือยัง อย่างไร เมื่อไม่ถูกต้องมันก็ไม่มีสันติภาพ แล้วไอ้คนชาติโง่เหล่านี้มันฟังไม่ออกหรอก เราจะพูดให้มันลึกซึ้งสักหน่อยว่า ตลิ่งมันไหล ตลิ่ง ตลิ่ง ของตลิ่ง มันไหลไป เมื่อน้ำมันหยุด ไอ้คนชาติโง่มันฟังไม่ถูก ไอ้คนชาติโง่ที่สุดมันฟังไม่ถูก แล้วมันจะมีสันติภาพได้อย่างไร มันจะมีสันติภาพกับผีได้ที่ไหน เมื่อมันฟังคำเหล่านี้ก็ไม่ถูก เมื่อฟังคำเหล่านี้ก็ไม่ถูกว่า ตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุด ไอ้คนชาติโง่ฟังไม่ถูก ทำไมต้องขอย้ำคำนี้มากนัก แต่ไอ้คนชาติโง่มันฟังไม่ถูก เพราะมันไม่รู้ แล้วเพราะมันไม่มีวิปัสสนา ไม่มีดวงตาเห็นแจ้งด้วยวิปัสสนาว่าตลิ่งมันไหล ส่วนสังขาร สังขาระ สังขารมันปรุงเรื่อย มันปรุงเรื่อย มันปรุงเรื่อย มันไม่เป็นวิสังขาร คือมันไม่หยุดปรุง เพราะมันมีการปรุงเรื่อย มันจึงมีการไหลเรื่อย มันปรุงเป็นนั่นปรุงเป็นนี่ ไม่มีการหยุด
เอาถึงโลกเวลานี้กันดีกว่า โลกเวลานี้มันปรุงเรื่อย มันปรุงเรื่อย ปรุงเป็นสสาร ปรุงเป็นพลังงาน สลับกันอยู่เรื่อย มันปรุงอยู่เรื่อย มันปรุงเป็นบวกเป็นลบ เป็น Positive เป็น Negative อยู่เรื่อย แล้วมันยังปรุงเป็น Supply เป็น Demand เป็นอุปสงค์เป็นอุปทานกันอยู่เรื่อย ทุกชีวิตทุกวิญญาณ มันเดือดพล่านอยู่ด้วยอุปสงค์ คือมันจะเอาอย่างนั้นจะเอาอย่างนี้ มันเดือดพล่านอยู่เรื่อย อุปสงค์คือ Demand Demand มันเดือดพล่านอยู่เรื่อย แล้วมันก็จัดการกันด้วย Supply คือสนองความประสงค์กันอยู่เรื่อย มันมีอุปสงค์คือ Demand แล้วก็มีอุปทานคือ Supply กันอยู่เรื่อย ทั้งโลกกี่โลกกี่จักรวาลมันก็ยังมีแต่เรื่องนี้ มันมีความต้องการ มันมีการสนองความต้องการกันอยู่เรื่อย เดือดพล่านอยู่ใน Supply และ Demand แล้วมันจะมีสันติภาพกับผีได้อย่างไร ผีที่ไหนจะมาให้สันติภาพได้ จะเอาสันติภาพกับผีที่ไหนมาได้
สังขารมันมีการปรุงแต่งผลักดันอยู่เรื่อย มันจึงมีการปั่นป่วนอยู่เรื่อย มันจึงเปรียบเหมือนกับว่าตลิ่งมันไหลอยู่เรื่อย ตลิ่งมันไหลอยู่เรื่อย
ไอ้คนชาติโง่มันฟังไม่ถูก ถ้ามันเป็นน้ำ เป็นน้ำใสใจของวิปัสสนา น้ำใสของวิปัสสนา มันไม่ไหล มันไม่ไหล มันหยุด มันสงบ นี่จงดูให้เห็นเถิดว่า ถ้ามันมีสังขาร สังขารอยู่แล้ว มันจะไหลอยู่เรื่อยไป ซึ่งพวกฝรั่งเขารู้ดีไม่ต้องพูดกัน มันมี Energy แล้วมันก็มี Material ซึ่งคอยผลัดกันปรุงแต่งอยู่เรื่อย แล้วก็มีความเป็นบวก มีความเป็นลบ Positive Negative สลับซับซ้อนกันอยู่เรื่อย มันก็มี อยากจะพูดเอ่ยถึงว่า มันมีบุญ มีบาป สลับกันอยู่เรื่อย เป็นตลิ่งที่มันปั่นป่วนอยู่เสมอ เพราะว่าตลิ่งมันไหล ก้อนหินก้อนดินก้อนอะไรต่าง ๆ มันไหลไปโดยตัวตลิ่ง มันไม่ได้หยุดสงบด้วยวิปัสสนาอันใสแจ๋ว ไม่ปรุงแต่ง ไม่ปรุงแต่งอะไร นี่เรียกว่าตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุด ไอ้น้ำที่มันไม่มีถูกปรุงแต่ง มันก็ไม่มีการไหล นี่เรียกว่ามันเป็นความไม่ถูกต้อง ไอ้ชาติโง่ ไอ้ชาติโง่ ทั้งหัวโล้นหัวดำ หัวอะไรต่าง ๆ มันชาติโง่ มันฟังเรื่องนี้คำนี้ไม่ถูกว่าตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุด ไอ้ชาติโง่มันฟังไม่ถูก
ช่วยกำหนดไว้ด้วยว่าอาตมาพูดคำนี้กับคุณ กี่คำแล้ว ไอ้ชาติโง่ ไอ้ชาติโง่ ไอ้ชาติโง่ ขอพูดจนหมดลมหายใจก็ได้ ที่ว่ามันโง่ มันฟังไม่ถูกว่าสังขารมันปรุงเรื่อย แล้วก็ว่ามันไม่มีการหยุดปรุง เพราะมันไม่มีวิปัสสนา มันไม่เห็นแจ่มแจ้ง มันไม่หยุดปรุง แล้วทางวัตถุมันก็ปรุงอยู่เรื่อย ทางจิตทางวิญญาณมันก็ยังปรุงอยู่เรื่อย มันไม่มีการหยุดไหล มัน มันไม่มีสฺญญตา มันไม่มีการหยุดไหล เวลาแต่ละเวลา แต่ละเวลานี้ มันไหล ไหลอยู่เรื่อย ไหลเข้าไหลออกอยู่เรื่อย มันกินเข้าไป มันกินเข้าไป มันกินเข้าไป แล้วมันก็ย่อย ถึงเวลามันก็ย่อยออกมา นี่กินเข้าไปตอนเช้า ตอนเย็นตอนไหนก็ได้มันก็มีการไหลกลับออกมา มันไม่หยุด นาฬิกาเรือนนี้มันก็ไม่ได้หยุด เพราะมันมีการกินเข้า ถ่ายออก กินเข้า ถ่ายออกอยู่ตลอดเวลา กินทางวัตถุสิ่งของ กินทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ นาฬิกาเรือนไหนมันหยุดได้ เพราะมันมีกินเข้า แล้วถ่ายออก กินเข้าแล้วถ่ายออกอยู่ตลอดเวลา นี่เรียกว่าตลิ่งมันไหล ตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุดซึม ไม่มีการปรุงแต่ง สังขารทั้งหลายปรุงแต่งอยู่เรื่อยไป เมื่อไม่ปรุงแต่งมันก็เป็นวิสังขาร ไม่เป็นวิสังขารเมื่อนั้นมันไม่ไหล เหลือน้ำแท้ ๆ มันหยุด ตลิ่ง ตลิ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหินโสโครกนี่มันไหล มันไหล มันไหลไป นี่คือความไม่ถูกต้อง มันมีการปรุงอยู่ตลอดเวลา
เขากะแผนการกันว่าจะให้อาตมาสนทนากับพวกชาวต่างประเทศหรือพวกฝรั่งด้วย อาตมาก็เตรียมมาพร้อมที่จะพูดกับชาวต่างประเทศซึ่งเป็นพวกฝรั่งทั้งหมดทั้งโลกด้วยว่ามันจะมีสันติภาพได้ที่ไหน มันจะมีสันติภาพกับผีได้ที่ไหน จะเอาผีที่ไหนมาสร้างสันติภาพ เพราะสังขารมันปรุงอยู่ตลอดเวลา มันไม่ปรุงอยู่ก็แต่วิสังขาร การสิ้นสุดแห่งสังขารเท่านั้นซึ่งมันจะไม่ไหล มันไหลอยู่ตลอดเวลา ปรุงแต่งอย่างชนิดที่ไอ้คนโง่มันมองไม่เห็น มันมองไม่เห็น เมื่อตลิ่งมันไหลอยู่ตลอดเวลา น้ำบริสุทธิ์เท่านั้นที่มันไม่ไหล นี่เรียกว่า มันไม่มีความถูกต้อง ถ้ามันมีความถูกต้องมันก็ไม่ต้องไหล
สำคัญที่สุดอยู่ที่ความถูกต้อง ความถูกต้อง ถ้าไม่มีความถูกต้องมันมีการปรุง ถ้ามีการปรุงแล้วก็มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
จึงขอแนะนำไอ้ความถูกต้อง เรื่องความถูกต้องนี้ไว้ว่า จะต้องมีความถูกต้องอย่างน้อยอยู่สัก ๖ ประการ เอ้อ, สัก ๔ ประการ
ไอ้คนโง่ทั้งหลายช่วยจำไว้ด้วยว่า มีความถูกต้อง ๔ อย่าง คือ ความถูกต้องทางกาย ถูกต้องทางจิต ถูกต้องทางตัวตน ปรุงแต่ง แล้วก็ถูกต้องทางว่าง เดี๋ยวนี้มันก็ไม่มีความถูกต้องในทางกาย ถ้ามีความถูกต้องในทางกาย ร่างกายมันก็จะถูกต้องทั้งทางกระดูก เลือด เนื้อ โลหิต ลมหายใจก็จะถูกต้อง ลมหายใจเข้าก็จะถูกต้อง ลมหายใจออกก็จะถูกต้อง ลมหายใจสั้นก็จะถูกต้อง ลมหายใจยาวก็จะถูกต้อง ไอ้ปราณ ปราณายามะ คือ พลังแห่งลมหายใจก็ถูกต้อง มีการควบคุมอย่างถูกต้อง กายลมก็ถูกต้อง กายเนื้อก็ถูกต้อง กายะสังขารคือลมหายใจก็ถูกต้อง จิตสังขาร สังขารทั้งหลายมันก็จะถูกต้อง การกินอาหารมันก็จะต้องถูกต้อง มันต้องตั้งอยู่อย่างถูกต้องด้วยการกินอาหาร มันมีกายบริหารที่ถูกต้อง ไอ้คนโง่มันไม่ได้มีกายบริหาร
อยากจะขอเสนอเรื่อง “เรือนไฟ” พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้เรื่องเรือนไฟ ให้มีการปฏิบัติในเรือนไฟให้ถูกต้อง มันมีโคลน มียางไม้ มีอะไรมาผสมกันถูตัว ทำให้ร่างกายถูกต้อง ที่พวกแขก อินเดียใช้กันอยู่ตลอดเวลา เรือนไฟ เรือนไฟ เรียกว่าเรือนไฟ เรือนไฟ มันถูกต้องทางกายบริหาร มันก็มีอุณหภูมิถูกต้อง อุณหภูมิของเนื้อหนังถูกต้อง เนื้อ หนัง เล็บ ฟัน หรือแม้แต่ขี้ฟันมันก็ต้องถูกต้อง มันไม่มีความผิดพลาด ทางกาย ทางกำลังกาย ทางร่างกาย กำลังงานล้วน ๆ ก็ถูกต้อง แม้แต่อวัยวะเพศมันก็ถูกต้อง ที่ร่างกายมันถูกต้องในการที่มันไม่ต้องมีกลิ่นบุหรี่ ซึ่งมันเป็นความไม่ถูกต้อง มันเป็นร่างกายที่ไร้บุหรี่ ทางหยูกทางยามันก็ถูกต้อง ทางเครื่องใช้ไม้สอยก็ถูกต้อง ทางสมุนไพรที่จะควรบำรุงร่างกายกันอย่างไรมันก็ถูกต้อง คนโง่มันมองข้ามทั้งสิ้น มันไม่ถูกต้อง มันจึงมีอินทรีย์ไม่ผ่องใส คำว่าอินทรีย์ผ่องใสนี้เป็นคำที่พระอรหันต์ท่านใช้ มีอินทรีย์ผ่องใส เมื่ออินทรีย์ไม่ผ่องใสมันก็หมายความว่ามันไม่มีความถูกต้องทางอินทรีย์ ทางอินทรีย์ มันไม่มีกลิ่น ไม่มีกลิ่นยาเสพติด
คุณจะพูด คุณจะคิดดูก็ได้ว่า ถ้ามันมีความถูกต้องทางร่างกายแล้ว ขออภัยนะพูดคำหยาบว่า ตดมันก็ไม่เหม็น ถ้ามันมีความถูกต้องทางร่างกายแล้ว ผายลมออกมามันก็ไม่เหม็น นี่คนสกปรก คนไม่มีความถูกต้อง มันยังไม่มีความถูกต้องแม้แต่การที่จะผายลมออกมา นี่มันจะมีบัญชีหางว่าวยืดยาวไปบ้างแล้วว่ามันต้องมีความถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้องทางกาย ถูกต้องทาง ของที่เกี่ยวกับร่างกายทุกอย่าง ถูกต้องทางลมหายใจ เนื้อ หนังกระดูก เอ็น อะไรต่าง ๆ มันก็ต้องมีความถูกต้อง ยังมีความถูกต้อง อึของเด็กทารกที่ยังเป็นเด็กหญิงพรหมจารีอยู่อย่างนี้ มันยังมีความถูกต้องอยู่ จะหยาบคายหรือไม่คุณไปฟังเอาเอง ดูให้ดี นี่คือระบบกาย ระบบกายมันถูกต้อง ระบบกายมันถูกต้อง ทั้งหมดมันไม่มีความผิดพลาด
ที่นี้ก็มาถึงระบบจิต ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจด้วย มันก็มีความถูกต้อง ทีนี้มันยังมีความผิดพลาดในเรื่องกุศล เรื่องอกุศล ถ้าอกุศลมันก็ไม่ตัดสิ่งที่ควรตัด ถ้ากุศลมันก็ตัดสิ่งที่ควรตัด ระบบเวทนา สัญญาณ สังขาร วิญญาณ มันก็ถูกต้อง คือมันไม่อาจจะเกิดกิเลสขึ้นมาได้ ระบบเพศมันก็มีความถูกต้อง เกิดเป็นการปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกในทางจิต สัญชาตญาณทุกอย่างทุกประการมันก็มีความถูกต้อง วิภาตญาณ ไอ้ญาณที่มันจะค่อย ๆ ปรุงแต่งงอกงามขึ้นมามันก็ถูกต้อง ธรรมฐิติญาณ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ถูกต้อง นิพพานญาณไม่ต้องพูด มีความถูกต้องอย่างสูงสุดเป็นนิพพานญาณ คนเรามีความเห็นแก่ตัว มีอัสมิมานะ ไม่มีความถูกต้องอยู่โดยกำเนิด เพราะสัญชาตญาณ เดี๋ยวนี้ขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปเสียให้หมด มันก็มีความถูกต้อง แม้แต่ในทางระบบจิตซึ่งเป็นอย่างสัญชาตญาณ เกิดเองเป็นวิภาตญาณ ทำให้เกิดขึ้นมา มันก็มีความรู้ในการที่จะให้เกิดธรรมฐิติญาณ เรียก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วก็ทำให้เกิดนิพพานญาณ ไม่มีกิเลสตัณหา นี้ก็จะมีความถูกต้องทางจิตอย่างสูงสุด
ทีนี้ก็มาถึงระบบที่สามคือระบบตน คนโง่ ๆ คนโง่ ๆ นี่คือฟังไว้ให้ดี ๆ ว่าระบบที่หนึ่งคือระบบกาย กาย กาย ระบบที่สองคือ ระบบจิต จิต จิต จิตมันก็ถูกต้อง ระบบที่สามคือระบบตัวตน ระบบตัวตนมันก็ถูกต้อง มันมีละคน คนอยู่กับตัวตนที่มันไม่ถูกต้อง ความไม่ถูกต้องอย่างยิ่งก็เรียกว่า อหังการะ มะมังการะ มานานุสัย มนุษย์มันยึดมั่นถือมั่นอยู่เป็นประจำว่ามีตัวกูคืออหังการะ มีของกู คือ มังมังกาละ มันไม่มีความถูกต้องอยู่โดยกำเนิด คือ อหังการะ มะมังการะ มานานุสัย คนชาติโง่มันคงจำไม่ได้เพราะไม่อยากจะจำไอ้คำยาว ๆ อหังการะ มะมังการะ มานานุสัย แปลว่า มานะ นิสัยแห่งความมีมานะคือความเคยชินที่จะยึดมั่นถือมั่นว่าตัวกูว่าของกู นี่เรียกเป็นบาลีว่า อหังการะ มะมังการะ มานานุสัย มันไม่มีความถูกต้อง ในหัวข้อที่เป็นหลัก เป็นประธานว่าอหังการ มะมังการ นี่มันเป็นไม่ถูกต้อง มันมีตัวตนที่ยุ่งเพราะปรุงแต่ง ปรุงแต่ง ปรุงแต่ง นับครั้งไม่ไหว แม้แต่ในวินาทีเดียวมันมีการปรุงแต่ง ปรุงแต่งทางจิตใจ อย่างที่มันนับไม่ไหว คนมันก็ยุ่งด้วยการปรุงแต่ง ยุ่งอย่างยิ่งด้วยระบบของอิทัปปัจจยตา และปฏิจจสมุปบาท คือปรุงแต่งว่าตัวกูของกูอยู่ตลอดเวลา ก็มันมีปัจจัยปรุงแต่ง มันไม่มีความถูกต้อง มันไม่มีความถูกต้องในข้อที่ว่า มันจะยึดไอ้ตัวตนเหล่านี้เสียไม่ต้องให้มีตัวตน
ถ้าเป็นตัวตน มันต้องใช้คำพูดอย่างเดียว มีตนของปรมัตถ คือรู้ความจริงอย่างถูกต้อง
มันไม่ปรุงแต่ง มันสามารถที่จะพึ่งตน พึ่งตน พึ่งตนได้ มันสามารถจะเตือนตนด้วยตน มันสามารถจะปรุงแต่งตนให้มีความถูกต้อง มันมีการปล่อยวาง ปล่อยวางซึ่งตนมันมีเป็นคนสติ จะรวบความรวมความเรียกว่ามันเป็นคนเรียนสมาธิ มันเป็นคนฝึกสมาธิ แล้วมันเป็นคนมีสมาธิ ไอ้คนชาติโง่มันมีสมาธิไม่ได้ มันเรียนสมาธิมันก็ไม่รู้สมาธิ เรียนสมาธิมันก็ไม่ได้ฝึกสมาธิ แม้แต่ฝึกสมาธิมันก็ไม่มีสมาธิ ขอให้เธอฟังให้ดีว่าไอ้คนชาติโง่มันเป็นอย่างนี้ ที่ถูกคือมันต้องเรียนสมาธิ แลัวมันต้องฝึกสมาธิ ต้องฝึกได้แล้วมันต้องมีสมาธิ มันจึงจะมี อุตตริมนุสสธรรม คือธรรมอันยิ่งของมนุษย์เหนือมนุษย์ใด ๆ มีอุตตริมนุสธรรม แล้วมันจะเป็นคนมีธรรมะสูงสุดที่เราจะเรียกว่าธรรมะ ๙ ตา
มี ธรรมะ ๙ ตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วก็มีอนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา, ธัมมัฏฐิตตา, ธัมมนิยามตา, อิทัปปัจจยตา, ตถาตา, แล้ว สุญญตา, อตัมมยตา ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไปหาดู ตรวจสอบดูเรื่อง ๙ ตา ก็ถ้ามันมีเรื่อง ๙ ตาอย่างนี้แล้วมันเป็นระบบตน ตัวตนที่ถูกต้อง ตัวตนที่ถูกต้อง อนิจจตามันเห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขังมันเห็นความเป็นทุกข์ อนัตตามันเป็นความเป็นอนัตตา ธัมมัฏฐิตตามันตั้งอยู่ธรรมดาอย่างนั้นเอง ธัมมนิยามตาก็มีกฎของธรรมชาติบังคับอยู่ อิทัปปัจจยตาเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แล้วก็มีตถาตาความเป็นเช่นนั้น มันมีสุญญตาความว่างจากตัวตน มันมีอตัมมยตา ไม่มีความปรุงแต่งไปตามเหตุตามปัจจัย มันรื้อทิ้งไอ้การปรุงแต่งออกไปเสียหมดได้ อย่างนี้เรียกว่ามันมีความถูกต้อง ตามระบบตน ระบบตัวตน ระบบตัวตน ไอ้ตัวตนที่เป็นพิษร้ายมันรื้อทิ้งออกไปเสียได้หมด มันก็ไม่มีตัวตนที่มีพิษร้าย มันก็ไม่มีพิษร้าย มันก็เป็นตัวตนที่ไม่ร้าย คือมันไม่มีตัวตนที่เห็นแก่ตน
ถ้ามันมีตัวตนที่เห็นแต่ตน มันมีสันติภาพไม่ได้
อ้าว ทีนี้มาถึงระบบ 4 คนโง่ ๆ คนขี้เกียจจำ ฟังไว้ดี ๆ เถิด ต้องมีระบบกายถูกต้อง ระบบจิตถูกต้อง ระบบตัวตนถูกต้อง แล้วก็ระบบว่างถูกต้อง คำว่า “ว่าง” นี้ไอ้คนชาติโง่มันฟังไม่ถูก มันฟังไม่ถูก มันฟังไม่รู้เรื่อง เพราะมันไม่รู้ว่าจะว่างอย่างไร มันว่างไม่เป็น มันว่างไม่ได้ แม้แต่วินาทีเดียวมันก็ว่างไม่ได้ เพราะมันไม่รู้ว่ามันจะว่างกันอย่างไร มันดูเป็นว่างทางวัตถุ หรือว่างอย่างไม่มีอะไร ว่างอย่างสูญญากาศอย่างนั้นไปเสียหมด มันว่างของคนโง่ มันว่างของคนชาติโง่ มันว่างอย่างไม่มีอะไร มันมีแต่สูญญากาศอย่างนี้ เดี๋ยวนี้เราจะต้องมีความว่างที่ถูกต้องคือ ว่างจากการปรุงแต่ง ว่างจากการปรุงแต่ง ว่างจากสังขาร ว่างจากการปรุงแต่ง มันจะเรียกว่าไม่มีการปรุงแต่งทางนามหรือทางรูป มันก็มีความว่างโดยแท้จริง มันว่างจากตัวตน ไม่มีความรู้สึกยึดมั่น ถือมั่นว่าอหังการ มะมังการ อหังการะ มะมังการะ มานานุสัย มันว่างจากสิ่งเหล่านี้ มันว่างอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านชอบใช้คำนี้ “ปรมานุตตรสุญญตา” เมื่อถามว่าพระองค์พระผู้มีพระภาคได้ทำวิหารธรรมอะไร ก็บอกว่า ปรมานุตตรสุญญตา ว่างอย่างยิ่งไม่มีอะไรยิ่งกว่า สิ่งที่จะนำไปสู่ความว่างอย่างยิ่งก็คือ อตัมมยตา อตัมมยตา อยู่อย่างไม่มีการปรุงแต่งด้วยอะไร ถอนการปรุงแต่งออกไปเสียหมดสิ้นเรียกว่าอตัมมยตา พระองค์อยู่ในความว่างอย่างปรมานุตตรสุญญตา ไม่มีอะไรเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าเป็นตัวตนหรือเป็นความไม่ว่าง
ไอ้คนชาติโง่นี้จงจดจำคำนี้ไว้ดี ๆ จำไว้ดี ๆ จำไว้ดี ๆ ว่าปรมานุตรสุญญตา คือสิ่งสูงสุดสิ่งเดียวที่พระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญ พระคถาคตอยู่ด้วยปรมานุตตรสุญญตา ขอพูดกับเธออีกสักหน่อยเพื่อให้ไอ้คนชาติโง่มันจะฟังได้ถูกต้อง ก็มันไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณไปเกิดเป็นตัวตน ท่านเทียบเปรียบเทียบไว้ให้ไอ้คนโง่ ๆ ฟังถูกว่า เอ้า, สมมุติว่าคนมาเต็มบ้านเต็มเมือง จิตของตถาคตก็ยังว่าง พวกเศรษฐี คหบดี มาเต็มบ้านเต็มเมือง ทายก ทายิกา มาเต็มบ้านเต็มเมือง จิตของตถาคตก็ยังว่าง ทหารมาเต็มบ้านเต็มเมือง จิตของตถาคตก็ยังว่าง คนใจดีมิตรสหายมาเต็มบ้านเต็มเมือง จิตของตถาคตก็ยังว่าง นี่มันว่าถึงขนาดที่ไม่มีอะไรปรุงแต่งให้เกิดความวุ่นวายได้ นี่จึงจะเรียกว่า ปรมานุตตรสุญญตา นี่มันไม่มีอะไร มันมีอะไรเข้ามานิดหนึ่งมันก็พอใจมันก็ยินดีแล้ว แม้แต่ว่าบุรุษไปรษณีย์ถือจดหมายมาฉบับหนึ่งมันก็อยากจะรู้ใจจะขาดเสียแล้วว่าจดหมายนั้นมันว่าอะไร ไอ้ชาติโง่ ไอ้คนชาติโง่มันไม่รู้จักว่าง มันไม่รู้จักความว่าง เมื่อมีโทรเลขมาฉบับหนึ่งมันก็อยากจะรู้ใจจะขาดเสียแล้วว่าอะไร นี่ลองไปเทียบดูเถิด วิหารธรรม ปรมานุตตรสุญญตาของพระพุทธเจ้า ต่อให้คนมาเต็มบ้านเต็มเมือง เต็มจักรวาล ทั้งเทวดา ทั้งมนุษย์ทั้้งหลาย มันไม่มีอะไรที่จะทำให้สูญเสียความว่าง นี่เรียกว่า ว่าง ว่างอย่างยิ่ง มันเป็นคุณธรรมสูงสุด
ว่างให้เป็น ว่างให้ดี ว่างอย่างสงบเย็นและเป็นประโยชน์ ว่างของคนโง่นั้นมันไม่สงบเย็น และมันก็ไม่เป็นประโยชน์ จะว่างเท่าไรมันก็ไม่เป็นประโยชน์ ต้องว่างอย่างสงบเย็น และเป็นประโยชน์ ถ้าว่ามันช่วยไม่ได้จริง ๆ แล้ว ไม่เป็นอะไรเสียเลยมันยังจะดีกว่า คิดดูให้ดีว่าไม่เป็นอะไรมันก็ยังดีเสียกว่า ว่าง ว่าง ว่างอย่างดีที่สุด นี่เรียกว่าความถูกต้อง เพราะว่าคนโง่นั้นอาจจะเหมาเอาเองได้ว่า ดีกว่ายุ่ง ไอ้ชั่วก็ยังยุ่ง ไอ้ดีก็ยังยุ่ง ไอ้ดีก็ยุ่ง ชั่วก็ยุ่ง ปรุงแต่งแล้วมันก็ยุ่ง ไม่ปรุงแต่งนั่นแหละดีที่สุด แล้วมันก็ดีอย่างที่ไม่ต้องยุ่ง ถ้ามันไม่มีการปรุงแต่งแล้วมันก็ไม่มีอะไรผิด มันมีแต่ความถูกต้อง มีแต่ความถูกต้อง ขอให้สนใจคำว่าความถูกต้อง ความถูกต้อง
อยากจะบอกให้พวกชาติโง่มันรู้เสียทีว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา จนคนเหล่านี้มันฟังไม่ไหวแล้ว สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมา สัมมา สัมมา ไอ้คนชาติโง่มันจงรู้เสียทีมันแปลว่าถูกต้อง ถูกต้อง ถ้ามันถูกต้องอยู่แล้วมันผิดไม่ได้ มันเป็นสัมมา สัมมา สัมมา เป็นสัมมา ๘ แล้วโดยเหตุ ๘ แล้ว เพิ่มอีกสองเป็นสัมมายานะ สัมมาวิมุต สัมมาโดยผลอีก ๒ ก็เลยเป็นสัมมา ๑๐ สัมมายานะ สัมมาวิมุตติ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมายานะ สัมมาวิมุต พระพุทธเจ้าท่าน ท่าน ท่าน ชอบหลักธรรมะข้อนี้มาก สัมมัตตะ ๑๐ แต่ไอ้ชาติโง่มันไม่สนใจ ทั้งหัวโล้นหัวดำมันไม่สนใจ ไอ้คนชาติโง่มันไม่สนใจคำว่า สัมมัตตะ ๑๐ สัมมัตตะ ๑๐ คอยเตือนใจกัน ขอให้เตือนใจกันว่าต้องมีความถูกต้อง ถูกต้อง ๑๐ ประการ ที่จริงจะเรียกว่ามีความถูกต้อง มันไม่มีอะไรที่เป็นความไม่ถูกต้อง มันไม่ปรุงแต่งอย่างเดียว มันไม่ปรุงแต่งอย่างเดียว แล้วมันก็ว่าง มันก็ว่าง มันก็ว่าง ว่างอย่างที่สุด
จีนมันยังรู้จักพูดว่าพระพุทธก็ว่าง พระธรรมก็ว่าง พระสงฆ์ก็ว่าง แต่ไอ้คนชาติโง่เมืองไทยนี่มันยังไม่รู้สึก มันยังไม่รู้จักว่ามันว่างอย่างไร มันฟังไม่ถูก พระพุทธเจ้าก็ว่าง พระธรรมก็ว่าง พระสงฆ์ก็ว่าง มันว่าง ว่าง กันทั้ง ๓ อย่าง มันว่างจนไม่รู้จักจะว่างกันอย่างไร อย่างนี้เรียกว่าความถูกต้องในทางความว่าง ขอเตือนให้จำให้ย้ำให้จำอีกทีว่า มันต้องมีความถูกต้อง มีความถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้องในทางกายทุกอย่าง ทุกอย่าง ถูกต้องในทางจิตทุกอย่าง ทุกอย่าง ถูกต้องในทางตัวตน ตัวตน ตัวกูของกู ให้ถูกต้องไปเสียหมดทุกอย่าง ให้ถูกต้องในความว่าง ว่าง จนไม่มีสังขารการปรุงแต่ง ซึ่งมันจะกลายเป็นวิสังขารไป ถอนความปรุงแต่งเสียให้หมด เตสัง วูปะสะโม สุโข ถอนการปรุงแต่งออกเสียให้หมดแล้วมันจะมีความสุขอย่างยิ่ง
นี่ขอให้ช่วยจำสักนิดเถิดว่า มันต้องมีความถูกต้อง ถูกต้อง ใช้คำ ๆ เดียวว่าถูกต้อง ถูกต้อง แล้วก็จำแนกออกเป็น ๔ หมวด ถูกต้องทางกาย ถูกต้องทางจิต ถูกต้องทางตัวตน ถูกต้องทางความว่าง ไปหารายละเอียดทบทวนให้เข้าใจเป็นอย่างยิ่งไว้เสมอ ให้มันมีถูกต้องทางกาย ถูกต้องทางจิต ถูกต้องทางตัวตน ถูกต้องทางความว่างอยู่เสมอ ขอรับประกันว่าถ้ามีความถูกต้องทั้ง ๔ หมวดนี้แล้ว มันจะเป็นการถูกต้องถึงที่สุด ถูกต้องถึงที่สุด ถูกต้องหมดทุกอย่างทุกประการ เดี๋ยวนี้มันไม่มีความถูกต้อง มันมีแต่การปรุงแต่งซึ่งไม่ถูกต้อง จึงขออุปมาง่ายๆว่า ตลิ่งมันไหล ตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุด ตลิ่งมันไหลเพราะมันมีการปรุงแต่ง เพราะมันเป็นสังขาร สังขารธรรมมันมีการปรุงแต่ง ตลิ่งมันก็ไหล ก้อนหินก้อนดินก้อนกรวดก้อนทรายมันก็ไหล เป็นตลิ่งไหลไปหมด มันไม่มีความว่างซึ่งเป็นความไม่ไหล มันไม่มีวิปัสสนา มันมีแต่อวิชชา มันก็ไหล ไหลกันไปหมด ถ้ามันมีวิปัสสนา มีปัญญา ตลิ่งมันก็หยุดไหล แม้แต่ว่าเมื่อร่างกายเป็นอยู่ ๒๔ ชั่วโมงนี้ มันก็ไม่มีอะไรไหล คุณฟังให้ดีๆเถิด ร่างกายพักผ่อนนอนหลับอยู่ ๒๔ ชั่วโมงไม่มีอะไรไหล เพราะมันไม่มีการปรุงแต่ง เพราะไม่มีการปรุงแต่งของอะไร เมื่อไม่มีการปรุงแต่งของอะไรมันก็ไม่มีการไหล เดี๋ยวนี้ตลิ่งมันยังไหลอยู่เรื่อย ตลิ่งมันยังไหลอยู่เรื่อย ก้อนหินก้อนดินก้อนกรวดก้อนทรายท่อนไม้ท่อนอะไร มันยังไหลอยู่ ไหลอยู่ ด้วยตามตลิ่งมันไหล มันไม่ได้หยุดด้วยวิปัสสนา มันจึงไม่มีอะไรที่ไม่ไหล นี่ขอให้ช่วยจำคำเหล่านี้ไว้เสียว่า ถ้าตลิ่งมันยังไหลอยู่ ไม่มีอะไร น้ำก็ไม่ไหล นี่ก็ใช้ได้ มันเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง
มีความเห็นแจ้งที่ถูกต้อง มันก็จะหยุดโง่ มันจะหยุดโง่กันที มิฉะนั้นมันจะยังโง่อยู่เรื่อยไป
โง่อยู่เรื่อยไป โง่ในข้อที่มันไม่รู้ มันไม่เข้าใจว่าทำไมตลิ่งมันไหล น้ำมันหยุด ถ้ามันยังเห็นอยู่ว่าตลิ่งยังไหลอยู่ มันก็ยังโง่อยู่นั่นแหละ มันต้องหยุดไม่มีอะไรไหลมันถึงจะไม่โง่ ฉะนั้นจึงขอบอกกล่าวว่าพุทธบริษัททั้งหลายจงหยุดโง่ จงหยุดโง่ หยุดโง่ในข้อที่มองเห็นว่า สังขาร สังขารมันยุ่ง มันปรุงแต่งมันต้องหยุด วิสังขาร ความไม่มีสังขารมันต้องไม่มีการปรุงแต่งนั้น มันจึงจะหยุด มันจึงจะไม่ไหล จงมองให้เห็นความจริงข้อนี้ ให้เห็นความจริงข้อนี้ แล้วมันก็จะไม่มีอะไรไหลทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ขอใช้คำหยาบคายสักหน่อย ว่าจะใช้คำว่าฝรั่ง ฝรั่ง พวกฝรั่งอย่าเอาอะไรกับมันเลย มันเป็นพวกตลิ่งยังไหล ตลิ่งยังไหล ตลิ่งยังไหล มันไม่มีอะไรจึงไม่ไหล มันจะไปเอาสันติภาพอะไรกันที่ไหน มันจะไปมีสันติภาพอะไรกับผี กับผีที่ไหน เพราะมันยังตลิ่งไหลอยู่เรื่อย นี่ขอให้ใคร่ครวญดูข้อนี้
ที่มันเก่งมากที่สุด มันก็สามารถทำให้สสารและพลังงานไหลอยู่เรื่อยไป ความเป็นบวกความเป็นลบไหลอยู่เรื่อยไป อุปสงค์ อุปทาน Supply และ Demand ไหลอยู่เรื่อยไป แล้วมันยังเป็นสังขารและเป็นสังขารปรุงแต่งให้ไม่เป็นวิสังขารอยู่เรื่อยไป นี่จะต้องมีความถูกต้อง มีความถูกต้อง ความถูกต้องโดยพุทธอาณา ขอให้พระพุทธเจ้าของเราทำให้ทุกคนมองเห็นความจริงในข้อนี้โดยพุทธอาณา และไม่มีอะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ และถูกต้องทางธรรมอาณาของธรรมชาติ ถูกต้องของสังฆะอาณา ถูกต้องของพระสงฆ์ทั้งหมด แล้วก็ไม่ต้องให้มันมีอะไรมันไหล ถูกต้องทางกาย ทางจิต ทางตัวตน และทางความว่าง ๔ ทางนี้ ถูกต้องทางสติปัฏฐาน ทางกายถูกต้อง เวทนาถูกต้อง ทางจิตถูกต้อง ทางธรรมะถูกต้อง แล้วก็ถูกต้องที่สำคัญที่สุดคือ ถูกต้องทางปฏิจจสมุปบาท ไม่ให้มีอะไรมาปรุงแต่งที่ทำให้สังขารอาศัยปัจจัย อาศัยเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา
ปฏิจจสมุปบาทนั้นแปลว่าการอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น ไอ้คนโง่จงฟังให้ถูกว่ามันอาศัยแล้วมันเกิดขึ้น ปฏิจจสมุปบาท อาศัยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมันเกิดขึ้นมา นี่เรียกว่ามันไม่ถูกต้องทางปฏิจจสมุปบาท ขอให้มันถูกต้องทางปฏิจจสมุปบาท ให้มันถูกต้องทางสังขารและทั้งทางวิสังขาร มันรู้การปรุงแต่งมันไม่ทำให้เกิดการปรุงแต่ง มันเป็นวิสังขาร ทางการเกิดดับของอริยสัจทั้ง ๔ ประการ นั้นแหละมันจะถูกต้องหมดทั้งทางธรรมกิตติญาณและนิพพานญาณ คือถูกต้องทาง ๙ ตาอย่างที่กล่าวมาแล้ว แล้วเป็นอย่างนี้แล้วตลิ่งมันจะหยุดไหล มันไม่มีเกลียวแห่งสสารพลังงาน บวกหรือลบ Supply หรือ Demand จะเป็น Positive หรือ Negative มันก็หยุด จะดีหรือชั่ว มันก็หยุด Energy หรือ Material มันก็หยุด อุปสงค์ อุปทาน Supply และ Demand มันก็หยุด มันหยุดอย่างนี้ ถึงพวกฝรั่งจะโง่อย่างไร จะฉลาดอย่างไร จะโง่อย่างไรมันก็ยังรู้ได้ว่า มันมีสันติภาพ เราจะมีสันติภาพได้ด้วยการหยุดตลิ่ง ไม่ให้ตลิ่งมันไหล คือไม่ให้สังขารมันมีการปรุงแต่ง นี่มันถูกต้องหมดทุกอย่างทุกทาง
เดี๋ยวนี้ไอ้คนชาติโง่มันไม่ถูกต้องแม้แต่ทางอายตนะ ๖ อายตนะดิบ ๆ ง่าย ๆ หก ๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี้ มันก็ยังไม่มีความถูกต้อง ไม่ต้องไปอ้างคนพวกไหนหรอก คนไทยเรานี่แหละขอให้มีความถูกต้องทางอายตนะ ให้มันมีการเกิดการดับโดยทางสังขารและทางปฏิจจสมุปบาทนี้อยู่ตลอดเวลา ถูกต้องทางอายตนะ ๖ นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มันจะไม่เกิดกิเลสใด ๆ ขึ้นมาได้ มันถูกต้องทางอายตนะ มันไม่เกิดความผิดพลาดทางผัสสะ ทางเวทนา ทางตัณหา ทางอุปทาน เทียบกันง่าย ๆ ว่าถูกต้องทั้งทางสังขตะและอสังขตะ ทางกายถูก ทางจิตถูก ทางตัวตนก็ถูก ทางสุญญาตาก็ถูก นี่เรียกว่าทางพลัง พลังที่จะผลักดันคือการปรุงแต่ง ขอให้รู้ไว้ว่าในคำว่าสังขาร สังขารคำเดียวเท่านั้น มีพลังผลักดันทาง Energy ทาง Material ใช้คำว่าอย่างนี้บ้างก็เพื่อจะให้พวกฝรั่งเขาฟังถูก ว่าที่มันไม่มีสันติภาพนี้เพราะมันไม่มีความถูกต้องในทางสสารและทางพลังงาน ในทางบวกในทางลบ ตลิ่งมันไหล น้ำมันไม่ไหล ถ้ามันมีการถูกต้อง น้ำมันไม่ไหล มันสูญเสียความเป็นน้ำไปเสียเลย ถ้าตลิ่งมันยังไหล มันก็ยังโง่มาก มันยังเป็นสังขตะเหลือประมาณ สังขตะเหลือประมาณ มันไม่มีความเป็นอสังขตะเสียเลย
อาตมาพูดมาหลายนาทีแล้ว คืนหมอมาตั้งหลายนาทีแล้ว หมอขอห้ามไม่ให้พูด พูดแล้วจะเป็นโลหิตอุดตันแล้วตายทันที ชักตายคาที่ทันที ทันทีคาที่ ถ้าโลหิตอุดตันถึงที่สุดแล้ว มันจะชักตายทันที นี่อยากขอเล่าเรื่องนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องแม้จะลับอยู่สักหน่อย ก็เป็นเรื่องส่วนตัว คือว่ามันอะไรก็ไม่รู้ อย่าพูดให้เข้าใจผิดว่าดีเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่ออาตมาไม่สบายคราวอย่างยิ่งนี่ ทำไมไม่สบายคราวอย่างยิ่งเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงนี้ มันมองเห็น มองเห็นทางตานี้ จะเรียกเห็นทางตาก็ไม่ถูก มันเห็นทางธรรมะ ทางอะไรก็ไม่เห็น สิ่ง ๆ หนึ่ง มันขาวอยู่น้อยหนึ่งเหมือนกับสำลี เหมือนกับสำลีขาวอยู่น้อยหน่อยหนึ่ง มันไม่มีน้ำหนัก ไม่มีการกดดัน ไม่มีการผลัก ไม่มีการดูด มันเฉยๆ จนมันไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร สิ่งที่เห็นเป็นสีขาวอยู่หน่อยหนึ่งนั้น มันไม่มีการเคลื่อนไหว มันไม่มีความรู้สึกว่าหนักหรือเบา ว่าเคลื่อนที่หรือไม่เคลื่อนที่ แล้วมันก็หายไปได้ หายไปได้ด้วยความที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มันงีบไป มันงีบไป มันงีบยิ่งกว่างีบ มันงีบยิ่งกว่างีบ งีบยิ่งกว่างีบ มันไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร
แต่แล้วมันก็ค่อย ๆ รู้สึกกลับมา รู้สึกว่าอะไรเป็นอะไร รู้สึกว่าใครเป็นใคร รู้สึกพระ รู้สึกรู้จักพระองค์นั้น รู้จักเณรองค์นี้ เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ จึงค่อยรู้สึกตามธรรมดา ตามปกติขึ้นมา นี่เคยรู้สึก รู้จักสิ่งที่ว่ามันว่าง มันเป็นสัญลักษณ์ของความว่าง ว่างอย่างไร้น้ำหนัก ไม่มีน้ำหนัก เหมือนมนุษย์ไร้น้ำหนัก หรือสิ่งที่ไร้น้ำหนัก ถ้าคุณไม่โง่เกินไป รู้วิทยาศาสตร์อยู่บ้าง มันก็จะต้องเข้าใจสภาพไร้น้ำหนัก สภาพไร้น้ำหนัก มีความไร้น้ำหนัก ไม่มีน้ำหนักใด ๆ นี่ขอให้คิดล่วงหน้ากันไว้บ้างว่า ถ้าสภาพไร้น้ำหนักมาถึงแล้วเราก็จะมีอาการเป็นอย่างนี้ คือมันว่างไปโดยทางวัตถุ มันว่างไปในทางไร้น้ำหนัก ไม่มีสีไม่มีอะไร ไม่มีความกด ไม่มีความดัน ไม่มีความดูด ไม่มีความผลัก ไม่มีความเป็นบวก ไม่มีความเป็นลบ ไม่มีลักษณะของสสารหรือพลังงาน ซึ่งคำเหล่านี้พวกฝรั่งเขารู้จักดี
จึงขอสรุปความว่า ในที่นี่ ในชั้นนี้ ในขั้นนี้ ขอให้รู้จักตลิ่งไม่ไหล ซึ่งน้ำก็ไม่ไหล ถ้าตลิ่งมันไม่ไหล มันไม่มีสังขารการปรุงแต่ง แล้วตลิ่งมันก็ไม่ไหล เมื่อตลิ่งมันก็ไม่ไหล ไอ้น้ำมันก็เป็นความไม่ไหลเป็นความว่างไปเสียด้วย ถ้ามันยังไหลอยู่มันยังเป็นความโง่อยู่ มันยังมีการปรุงแต่งอยู่ แล้วมันไม่รู้สึกตัว ไม่รู้สึกตัวก็ทำให้เราหลับอยู่ นอนหลับอยู่ ๒๔ ชั่วโมงนี้ มันก็ยังมีการไหลอยู่ในสังขารในร่างกายในจิตใจ นี่ตลิ่งมันไหลอย่างนี้ ใครบ้างที่ว่านอนหลับอยู่นี่ อาหารมันไม่ย่อย อาหารมันไม่เปลี่ยนแปลง มันไม่เกิดการถ่ายอุจจาระ การปัสสาวะ มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ นี่แสดงว่าแม้ว่าเราหลับอยู่ ๒๔ ชั่วโมงนี้มันยังมีการไหลของสิ่งที่เป็นสังขารเหล่านี้
ขอให้รู้เรื่องว่าตลิ่งมันไหล ให้รู้เรื่องว่าธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมะแท้ ๆ ธรรมะล้วน ๆ หรือความว่าง ความว่างนั้นมันไม่ไหล
ขออย่าได้โง่ให้มันมากนัก อย่าโง่เกินกว่านี้อีก ความว่างแล้วมันไม่ไหล ถ้าตลิ่งมันมี มันต้องมีการไหล มันยังเป็นตลิ่งเป็นก้อนหิน เป็นก้อนดินก้อนทรายก้อนกรวด มันยังไหล ถ้าเป็นความว่างแล้วมันไม่ไหล ขอให้เหมือนกับน้ำที่มันเป็นเสมือนความว่างแล้วมันไม่ไหล นี่อาตมาคิดว่ามันเกินค่าแล้วที่จะพูดกับไอ้คนชาติโง่ พูดเท่านี้มันฟังไม่ถูกก็ตามใจ ถ้ามันพูดว่าตลิ่งไหล ความว่างไม่ไหล มันฟังถูกแล้ว มันใช้ได้แล้ว มันคุ้มค่าแล้ว มันเป็นการคุ้มค่าแล้วที่จะพูดเรื่องนี้กับคนอย่างนี้ ก็ขอไปฝากให้ไปพูดกับพวกฝรั่งที่เป็นผู้มีการศึกษาดี มีความเจริญรุ่งเรืองดีว่าตลิ่งมันยังไหลอยู่ แล้วก็ยังใช้ไม่ได้ ความว่างมันไม่ไหล มันจึงจะใช้ได้
ฉะนั้น คุณอย่าไปมัวหวงสันติภาพ สันติภาพ สันติภาพ เหนื่อยจะพูดเรื่องสันติภาพ กี่ล้าน ๆ ครั้งมันก็มีสันติภาพไม่ได้ เพราะว่ามันจะเอาสันติภาพกับผีที่ไหนเล่า มันไม่มีแม้แต่กับความว่าง มันจะเอาสันติภาพกับผีที่ไหน มันไม่มีสันติภาพสำหรับพวกคุณ ฉะนั้น คุณจงรู้จักกับตลิ่งไม่ไหล รู้จักความว่างไม่ไหลเสียโดยประการทั้งปวงว่าเป็นความถูกต้องอย่างยิ่ง ถูกต้องอย่างยิ่ง คำว่าถูกต้อง ถูกต้องนี้มันมีความหมายเหลือประมาณ มีความหมายสำคัญที่สุดเหลือประมาณ คำว่าถูกต้องหรือความถูกต้องนี่มันต้องถูกต้อง ต้องมีความถูกต้องอยู่โดยประการทั้งปวง จะเรียกว่าโดยทุก ๆ อิริยบถ ทุกๆสสาร ทุก ๆ พลังงาน ทุก ๆ สิ่งที่จะประกอบกันเป็นสังขาร ต้องมีความถูกต้อง มีความถูกต้อง
เดี๋ยวนี้อาตมาก็พูดถึงความถูกต้อง ความถูกต้อง ขอให้ท่านทั้งหลายสนใจจำเอาไปเป็นหลักธรรมะที่สำคัญที่สุดว่า ความถูกต้อง นึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็นึกถึงคำว่า สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา ให้ครบทุกสัมมา สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมายานะ สัมมาวิมุต ขอให้เข้าใจเรื่องเหล่านี้ อย่าทำวิปัสสนาโดยไม่รู้จักวิปัสสนาหรือไม่มีวิปัสสนา ถ้าทำอย่างนี้แล้วมันจะไม่มีวิปัสสนา เพราะมันไม่รู้จักวิปัสสนา วิปัสสนาคือปัญญาอันสูงสุดที่จะต้องมีที่จะต้องใช้ ขอให้รู้ความหมายของคำว่าวิปัสสนา ซึ่งมันทำให้เกิดความถูกต้อง เกิดความถูกต้อง คือการเห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง ไม่ยกเว้นอะไร จนมันว่างไปหมด จนมันว่างไปหมด ความว่างนั้นแหละคือพระนิพพาน พระนิพพานเป็น ไม่รู้ ต้องขอพูดให้กาสงกับไอ้คนโง่ ขอพูดให้กาสงกับไอ้คนโง่ที่ไม่รู้เรื่องความว่าง ไม่รู้เรื่องทางกาย ไม่รู้เรื่องทางจิต ไม่รู้เรื่องทางตัวตน ไม่รู้เรื่องทางความว่าง เดี๋ยวนี้ก็ขอให้รู้จักเสียทั้งหมดทั้งสิ้นว่าไอ้ที่ชื่อว่าสังขาร สังขารแล้วมันต้องไหลเป็นตลิ่งไหลเรื่อย ๆ วิสังขารเท่านั้นที่จะไม่ไหล ขอให้บอกเสียเลยว่าเดี๋ยวนี้ได้พูดมาก ๆ ๆ มากพอแล้ว มากเกินแล้ว เกินที่จะคิดค่า คุณจะเอาเพชรมาให้อาตมาเป็นเกวียน ๆ มันก็ไม่คุ้มค่า เพียงแต่ขอให้ฟังเรื่องความว่าง เรื่องความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้องอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะคุ้มค่า เอาเพชรมาให้หมดทั้งโลก พูดเรื่องความถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง อย่างเดียวเท่านั้นแหละมันคุ้มค่า ไปพูดกับพวกฝรั่งง่าย ๆ ว่า ไอ้คำว่า Right Right นั้น มันคือถูกต้อง มันถูกต้อง คือสัมมา สัมมา แล้วมันจะต้องมี Rightness ความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง ซึ่งมันผิดพลาดไม่ได้ มันจะต้องทำให้เกิดความทุกข์ไม่ได้ มันเกิดการปรุงแต่งขึ้นมาไม่ได้ มันเกิดความให้ตลิ่งหยุดไหลโดยนิรันดร
คืนหมอมาอย่างไม่กลัวตาย ไม่กลัวโลหิตอุดตันแล้วตายทันที ไม่กลัว เดี๋ยวนี้ไม่กลัว ขอพูดไปเผื่อไปทั้งฝรั่งทั้งคนไทยว่า ทุกคนจงสร้างสันติภาพโดยการทำให้เกิดความถูกต้อง ความถูกต้องของฝรั่งนี่ เขาใช้คำกันง่ายๆว่า “Alright” “Alright” นั้นมันคือความถูกต้อง ถ้ามันมี “Alright” เสียแล้ว มันจะไม่มีอะไรที่เป็นความไม่ถูกต้องแล้วมันจะไม่มีปัญหาโดยประการทั้งปวง จึงขอให้พวกฝรั่งไปสนใจ ให้พบคำว่า “Alright” แล้วมันจะมีสันติภาพ โลกนี้สากลจักรวาลนี้ มันก็จะมีสันติภาพ ไม่อย่างนั้นอย่าหวัง อย่าหวัง ไม่ต้องไปหาสันติภาพ จะไปหาสันติภาพกับผีที่ไหน มันมีไม่ได้ มันมีไม่ได้นี่ มันต้องมีความถูกต้อง ความถูกต้อง ความถูกต้อง ขอให้ช่วยบอกว่าคือคำว่า สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา สัมมา ๑๐ คำ รวมกันเป็นสัมมาเพียงคำเดียว ถูกต้อง ถูกต้อง แล้วก็จะมีสันติภาพเป็นไปทั้งสากลจักรวาล ขอให้มุ่งหมายข้อนี้ มุ่งหมายความถูกต้อง ความมุ่งหมายความถูกต้อง สร้างสรรค์ความถูกต้อง แล้วก็จะมีสันติภาพเป็นไปทั้งสากลจักรวาล ไม่ต้องมาต่อสู้ให้ยุ่งยากลำบากให้เดือนร้อนกันอย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการต่อสู้ ต่อสู้ทางสสารทางพลังงาน ทั้งทาง Positive ทาง Negative ทางดีทางชั่ว ทางอะไรยุ่งไปหมด ไม่ต้องๆๆ ขอให้มีความถูกต้อง คือ สัมมา สัมมา สัมมา เพียงคำเดียว
เดี๋ยวนี้อาตมาไม่มีแรงจะพูดแล้ว ขืนพูดต่อไปอีกบางทีก็เป็นลมตาย เป็นลมตาย เส้นโลหิตอุดตันจนถึงขนาดตายทันที ชักคาที่ทันที จึงต้องขอโอกาสหยุดพูด หยุดพูด แล้วขอให้รู้จักคำว่า ตลิ่งมันไหล ความว่างมันไม่ไหล ให้รู้จักสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นแหละ มันคุ้มค่าทั้งหมด ท่านทั้งหลายอุตส่าห์มากันถึงที่นี้ ขอให้ได้ยินคำนี้ ขอให้ได้ฟังคำนี้ ให้เข้าใจคำนี้ และขอให้มีสิ่งๆนี้คือ มีตลิ่งที่ไม่ไหล อย่าโง่กันนักเลย อย่าโง่กันไปอีกต่อไปเลย อาตมาจะพูด ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง ๑๐,๐๐๐ ครั้ง ก็จะพูดว่าแต่อย่าโง่กันไปนักเลย จงมีความถูกต้อง มีความถูกต้อง มีสัมมา สัมมัตตา สัมมัตตะ หรือสัมมัตตาแล้วแต่จะใช้คำไหน ใช้ว่าสัมมา ซึ่งถูกต้อง สัมมัตตะ ความถูกต้อง สัมมัตตตา ซึ่งมีความถูกต้อง ต้องขอยุติการบรรยายเพราะเห็นว่าหมดแรงแล้ว พูดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ขอยุติ แล้วก็ขอให้ท่านทั้งหลายหยุดโง่ หยุดโง่ หยุดโง่ หยุดโง่ หยุดโง่ เลิกโง่ เลิกโง่ เลิกโง่ เลิกโง่ ด้วยประการทั้งปวง ขอเชิญไป ขอเชิญไป อยู่ที่นี่ทำให้อากาศเสียมากพอพูดไม่ค่อยจะออกแล้ว
ถ้ายังไม่อยากหายโง่ พรุ่งนี้มาพูดกันอีกทีก็ได้