แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เป็นอันว่าพูดถึงเรื่อง...ไป (นาทีที่ ๐.๑๘) เป็นเรื่องทดลอง ขอให้รู้ใจความ เอ่อ, ใจความ ลึกซึ้งแน่นอนแท้จริง สักข้อหนึ่งว่า การที่จะรู้เรื่องของใคร เรื่องอะไร นี้มันต้องไปเป็นอยู่ ให้มีการเป็นอยู่เหมือนผู้นั้น
ทีนี้สมมุติว่าเราจะรู้จักพระพุทธเจ้าดีขึ้น ก็ขอให้เป็นอยู่ ไปอยู่ เป็นอยู่ คือ ไปเป็นอยู่อย่างเดียวกันกับพระพุทธเจ้า คือ อยู่ตามธรรมชาติ เป็นอันว่า ที่ออกไปอยู่นี้ ไปอยู่ตามธรรมชาติแบบโบราณสองพันปี เขา เขาอยู่กันอย่างไรเท่าที่เราเรียนรู้มา ไปอยู่กันอย่างนั้น ก็จะรู้ธรรมะ หรือรู้พระพุทธศาสนา หรือแม้แต่รู้จักพระพุทธเจ้าก็รู้ จะรู้ดีขึ้น ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นอีก ก็คือว่า ธรรมะนี้ เป็นเรื่องของธรรมชาติเกินร้อยเปอร์เซ็นต์
ธรรมะ คือ ตัวธรรมชาตินั่นเอง
ธรรมะ คือ กฎของธรรมชาติ
ธรรมะ คือ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ
ธรรมะ คือ ผลจากหน้าที่ ที่มีตามกฎของธรรมชาติ
เรียกว่าเกิน ร้อยเปอร์เซ็นต์, ธรรมะคือตัวธรรมชาติ
ฉะนั้น เมื่อจะรู้ธรรมะ ก็ทำตัวให้ใกล้ชิดธรรมชาติ ขอให้เป็นอยู่ให้ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยทุกวิถีทางของการเป็นอยู่ การกินการอยู่ การเป็นการอยู่ ให้ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้เป็นไปอย่าง อย่างธรรมชาติ มันก็ใกล้ชิดธรรมชาติ เมื่อใกล้ชิดธรรมชาติ มันก็รู้ธรรมชาตินั่นเอง รู้ตัวธรรมชาติดีขึ้น
ดังนั้น ก็รู้ตัวธรรมะ เพราะธรรมะคือตัวธรรมชาติ ตัวกฎของธรรมชาติ ตัวหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ก็จะรู้ธรรมะ ก็ต้องเป็นอยู่อย่างธรรมชาติ ใกล้ชิดธรรมชาติ คือใกล้ตัวธรรมะจริง ๆ
เพราะฉะนั้น ในระหว่างที่ออกไปอยู่นี่ ก็ขอให้จัดเอาเอง คนอื่นจัดให้ มันก็ไม่ถึงที่สุด จัดเอาเองให้เป็นอยู่ให้ใกล้ชิดธรรมชาติให้มากที่สุด การฉันอาหาร การนุ่งห่ม การอยู่อาศัย การบำบัด บริหารอะไรต่างๆ ให้เป็นไปตามธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าไม่เคยไปโรงพยาบาล พระพุทธเจ้าไม่, ไม่รู้จักโรงพยาบาล ผมจะพูดกับคุณอย่างนี้ วันที่จะนิพพานนั้นยังเดินอยู่เป็นโยชน์ โยชน์ ทั้งที่เป็นโรคลงโลหิตมากมาย ไม่ได้เรียกหาไปโรงพยาบาล พระพุทธเจ้าไม่เคยรู้จักโรงพยาบาล สถานบำบัดโรค หรือโรงพยาบาล ไม่ใช่ว่าจะไม่มี สมัยนั้ มันก็มีไปตามแบบสมัยนั้น แต่พระพุทธเจ้าไม่รู้จัก ไม่เคยไป มีเรื่องอะไร ก็เป็นไปตามธรรมชาติ แก้ไขตามธรรมชาติ โดยธรรมชาติ โดยกำลังจิตที่เข้มแข็ง ก็เอาชนะได้ทุกอย่าง นี่ก็เรียกว่า ถึงตัวธรรมชาติที่สุด เป็นการถึงตัวธรรมชาติที่สุด
ไอ้เรามันยังเด็กอมมือ เด็ก ๆ อมมืออยู่ ไม่ ไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ ก็เลยเห็นเป็นของบ้า หรือของแปลกประหลาดอะไรไปเสียอีก ถ้าอ่านพุทธประวัติมาอย่างทั่วถึง ก็จะรู้พระพุทธเจ้าเป็นนัก นัก นักธรรมชาติ .. (นาทีที่ ๕.๑๘) แล้ว ไป เป็นอยู่
ฝึกส่วนการเป็นเสียอยู่ส่วนหนึ่ง ให้ใกล้ชิดธรรมชาติ จนรู้จักธรรมชาติ จนรู้จักพระพุทธเจ้า ผู้บัญญัติกฎเกณฑ์ธรรมะต่าง ๆ นา ๆ โดยอนุโลมตามธรรมชาติ ธรรมะมันสอนตามธรรมชาติ วินัยก็อนุโลมตามธรรมชาติ นี่เรียกว่า ได้ประโยชน์ที่แท้จริง
ไปฝึกสมาธิกรรมฐานนี้ยังเป็นเรื่องเล็ก เป็นเรื่องรองลงไป สู้เรื่องใกล้ชิดธรรมชาติ รู้จักธรรมชาติไม่ได้หรอก แต่ว่าเมื่อเป็นโอกาส ก็ฝึกไปตามที่จะฝึกได้ ฝึกอานาปานสติ หรืออะไรก็ตาม ฝึกไปตามที่จะฝึกได้ แต่สู้การเป็นเกลอกับธรรมชาติไม่ได้
เอาล่ะ ขอชี้แนะแนวทางให้ตั้งจิตใจให้ ให้ถูกต้อง ให้มันถูกต้อง เพื่อไปเป็นอยู่กับธรรมชาติ เพื่อจะรู้จักความลับสูงสุดอันหนึ่งว่า ชีวิตนี้ไม่ใช่ตัวกู ไม่ใช่ของกู เป็นของธรรมชาติ เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ
นี่ก็ มีโอกาสที่จะฝึกให้เป็นระเบียบ มีระเบียบ เรื่องหลับ เรื่องนอน เรื่องตื่น เรื่องควบคุมสติ เรื่องความเป็นระเบียบนั้นมีโอกาสจะฝึกง่ายกว่าเมื่อเราไปอยู่ในสถานที่ชนิดนั้น มันมีโอกาสให้ฝึกได้มากกว่า ละทิ้งเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันเสีย เหลือแต่เรื่องจำเป็น จิตใจก็เข้ารูปเข้ารอยเป็นธรรมชาติได้ง่ายขึ้น แล้วมันจะฟุ้งซ่านได้ง่าย เอ่อ, ได้น้อยลง จะ มันจะไม่ฟุ้งซ่าน ถ้ามันเข้ารูปกับธรรมชาติ ถ้าไม่เข้ารูปกับธรรมชาติมันจะฟุ้งซ่าน
แต่ข้อนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนนั้น มัน มันถึงหรือไม่ถึง ถ้าถึง เข้าถึง ก็ปกติตามธรรมชาติโดยอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้นมันก็ฟุ้งซ่านอย่างเดิมก็ได้ นี่ก็ไม่แน่ว่าบางทีจะยิ่งกว่าเดิมก็ได้ ถ้ามันไปเกิดกลัว เกิดท้อแท้ เกิดรำคาญอะไรขึ้นมา ไม่ได้สนุกสนาน ไอ้พวกที่ขโมยสูบบุหรี่คงไม่มีหวังที่จะพบธรรมชาติอย่างแท้จริง
จิตใจที่ปกติตามธรรมชาติแท้ ๆ น่ะไม่มีอะไรยุ่งยากมากมาย มัน มันวิเศษกว่าจิตใจยุ่ง วุ่น ๆ เหล่านี้มาก ถ้าจิตใจปกติ กล่าว พูดได้เลยจะนอนสองชั่วโมง ตื่นตีสาม นี่, จะตื่นตรงเปรี๊ยะเลย ตรงทุกนาที ตรง ตรงตามนาทีเลย ถ้าคนที่ฟุ้งซ่านแล้วมันทำไม่ได้ ถ้าคนใจมันยังปกติอยู่ มันทำได้ แล้วทำได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่น่าเชื่อ
ขอให้ถือเสียว่า ฝึกทุกสิ่งเท่าที่จะฝึกได้ในโอกาสเช่นนี้ เมื่อมีโอกาสอำนวย เพราะมันไม่ต้องผูกมัดด้วยอะไร จะ จะฝึก จะทำอะไร ก็ไม่มีอะไรผูกมัด ทำได้เต็มที่ ขอให้พยายามทำ ขอให้พยายามฝึกตามธรรมชาตินี้ให้มากยิ่งกว่าจะฝึกตามตัวหนังสือ ตามตำรา จะฝึกด้วย ฝึกด้วย ด้วย หัวข้อคอยดูจิตใจว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร เท่านี้ก็วิเศษ ถ้าทำได้จริง ๆ จิตใจเปลี่ยนแปลงอย่างไร คือ มันจะคิดอะไร หรือมันจะเป็นอย่างไร มันหยุด หรือมันจะคิด คอยสังเกตดูให้ดี ๆ มันคิดไปได้เลวทรามอย่างไร อย่างไร
ไป ไป ไป คอยดูสังเกตดูว่าจิตจะเกิดขึ้นเป็นความคิดอย่างไร อย่างไร หรือไม่เกิด หรือไม่ให้เกิด อย่างนี้เขาเรียกว่า ฝึกจิต ฝึกสังเกตดูจิต สังเกตดูจิต ให้รู้จักจิต และก็รู้ความลับที่จะควบคุมจิตได้ขึ้นมาเอง ก็จะควบคุมจิตได้ดีขึ้น
นักบวชโดยทั่วไปเขาฝึกข้อนี้กันทั้งนั้น หมายถึงในประเทศอินเดีย ในโบราณ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ทำกัน คอยดูจิต เฝ้าดูจิตนั่นแหละ คือ สติปัฏฐานอย่างยิ่ง ทำความเข้าใจที่จะเป็นอยู่ แต่ละวัน ละวัน เสียให้แน่นอน และเป็นอยู่ให้ถูกต้องตามนั้น อย่าให้ต้องมีปัญหาเลย
มันก็ที่พูด ก็อธิบายยาก พูดยาก ถ้าไม่เคยเห็นมาก่อน ไปอยู่อย่างไม่มีตัวกู อยู่อย่างไม่มีตัวตน อยู่อย่างไม่มีตัวกู อยู่อย่างไม่มีผู้อยู่ อย่างไม่มีตัวกูผู้อยู่
มีแต่ร่างกาย กับ จิตใจ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ที่ควบคุมได้ก็ควรควบคุมเสีย
ก็ดูข้อนี้ เป็น เป็น ใจความที่ลึก ไม่มีตัวผู้กระทำ มีแต่การกระทำ เดินโดยไม่ต้องมีตัวผู้เดิน นั่งนอนโดยไม่ต้องมีตัวผู้นั่งนอน มันเป็นบทเรียนชั้นลึก ชั้นยาก ชั้นหัวใจ ถ้าทำได้ก็ดี ก็ควรลองดูบ้าง ไม่มีตัวตนโดยประการทั้งปวง แต่ก็ทำอะไรได้ สวดมนต์ก็มีแต่เสียงสวดมนต์ ปากสวดมนต์ไม่มีตัวกูผู้สวด ไม่มีความรู้สึกเป็นบวกเป็นลบ ไม่รำคาญอะไร ไม่ฟุ้งซ่านอะไร ไม่หลงใหลอะไร ไม่เป็นบวก ไม่เป็นลบ ก็หมาย ไม่มีตัวกูของกู
เอาล่ะ, ขอสรุปความสั้น ๆ ว่า ไปฝึกการอยู่กับธรรมชาติให้ใกล้ชิดที่สุด และก็รู้จักธรรมะดีขึ้น เพราะธรรมะคือตัวธรรมชาติ ก็รู้จักพระพุทธเจ้าดีขึ้น คือผู้เอาตัวธรรมชาติมาสอน มาบรรยาย เป็นคำสอน และท่านก็เป็นอยู่กับธรรมชาติที่สุด อย่าโง่ ๆ โกหกตามอาจารย์อะไรก็ไม่รู้ อธิบายว่าพระพุทธเจ้าอยู่ในพระคันธกุฎี หอมฟุ้ง อย่างนี้ เราถือว่าคำโกหก ไม่เชื่อ นี่,พระพุทธเจ้าอยู่ในถ้ำบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้มากกว่า คุณไปลองดู นี่, ขอเน้นข้อนี้นะ ไปอยู่ให้รู้จักธรรมชาติ ทำให้รู้จักธรรมะดีขึ้น เพราะธรรมะคือธรรมชาติ และก็ไปรู้จักพระพุทธเจ้าดีขึ้น เพราะท่านอยู่ตามธรรมชาติ เพราะท่านเอาเรื่องของธรรมชาติมาบัญญัติเป็นเรื่องธรรมะ เป็นเรื่องวินัยมหาศาล ไปดูสภาพเดิมแท้ หรือสภาพต่ำสุด ที่มา ต้นตอที่สุด เพียงเท่านี้ก็ดีกว่าอ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม
ขอพูดเท่านี้ ไปฝึกให้รู้จักธรรมชาติ รู้จักธรรมะดีขึ้น รู้จักพระพุทธเจ้าดีขึ้น รู้จักสิ่งที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนดีขึ้น เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติทั้งนั้น