แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
บรรยายอบรมแก่คณะพระนิสิตจากมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๓๓ เวลา ๕ นาฬิกา ณ ลานม้าหิน
เพื่อนสหธรรมิกและสพรหมจารีทั้งหลาย ผมขอแสดงความยินดีในการที่ท่านทั้งหลายมาสู่สถานที่นี้ ในลักษณะอย่างนี้ คือแสวงหาความรู้ทางธรรมะเพิ่มเติมให้การศึกษาสมบูรณ์ ข้อนี้มีเหตุผลสมควรอย่างยิ่งเพราะว่าสิ่งที่เรียกว่าความรู้นั้นน่ะมันมีหลายแขนงซับซ้อนลึกซึ้ง เกี่ยวพันกันอยู่ อยากจะปรารภถึงข้อที่ว่า ทำไมเราจึงมาพูดกันในเวลาอย่างนี้ คือตี ๕ สำหรับผมโดยส่วนตัวนั้นก็มีอยู่บ้างคือว่า มันไม่มีแรงและเวลาที่พอจะมีแรงบ้างก็คือเวลาอย่างนี้ แต่ว่าข้อนี้ไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ใช่เหตุผลอะไรนักหนา เหตุผลที่ควรจะนึกถึงก็คือเวลาอย่างนี้ เป็นเวลาที่ร่างกาย จิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรู้สึก คิดนึก หรือว่าจะเรียกว่ารับอารมณ์ก็ได้ พอจะสังเกตได้ด้วยกันทุกคนว่า เป็นอย่างไร เมื่อได้พักผ่อนเต็มที่ ร่างกายพักผ่อนเต็มที่อะไร ๆ ก็สด ใหม่ อากาศก็สด ใหม่ บางทีจะเห็นได้จากการที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เวลาอย่างนี้ เวลาหัวรุ่ง ดอกไม้เป็นอันมากก็เบิกบาน เราถือโอกาสอย่างนี้มาเป็นเครื่องช่วยเหลือในการศึกษาหรือการพิจารณาธรรมะ
ทีนี้เรื่องที่ผมจะบรรยายถวายนี่ ก็อยากจะบอกกล่าวกันให้ทราบว่า ไม่ใช่เรื่องหลักวิชาความรู้โดยตรงเพราะว่าไอ้เรื่องหลักวิชาโดยตรงนั้นหาได้ในสถานศึกษา หรือได้ที่ มากมายอยู่แล้ว แต่ว่ามันเป็นเรื่องประกอบที่ควรจะรู้ประกอบกันเข้ากับเรื่องหลักวิชาโดยตรง ขอให้ดูให้ดี มันแยกออกจะเป็น ๒ เรื่อง ไอ้หลักวิชาโดยตรงมันก็มี มากเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เข้าใจหลักวิชาโดยตรงมันก็มีส่วนหนึ่งนะขอให้ดูให้ดี มิฉะนั้นเราจะเข้าใจไอ้หลักวิชาลึกซึ้งถึงที่สุดได้ยาก แล้วทีนี้มันยังมีปัญหาแวดล้อมบางอย่างแวดล้อมอยู่อีกที่ทำให้ไม่สามารถจะได้รับผลเต็มที่ในเรื่องหลักวิชาโดยตรงก็ดี อุปกรณ์โดยอ้อมที่จะเข้าถึงในหลักวิชาโดยตรงก็มี เรื่องจึงมีให้พูดอยู่อีกแผนกหนึ่ง ซึ่งผมขอโอกาสพูดส่วนที่จะเป็นประโยชน์แก่หลักวิชาโดยตรง ซึ่งเชื่อว่าไม่ค่อยจะได้ยินได้ฟัง หรือบางทีจะไม่ได้หยิบขึ้นมาพิจารณาก็ได้
หัวข้อเรื่องจะพูดวันนี้ก็มี ค่อนข้างจะประหลาดสักหน่อยนะว่า แพของพระพุทธเจ้ากำลังแตก แต่พระพุทธเจ้ามิได้แพแตก พระพุทธเจ้ามิได้เป็นผู้แพแตก พระพุทธเจ้ามิใช่แพแตก แต่ว่าแพของพระพุทธเจ้ากำลังแตก อย่าฟังเป็นเรื่องลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า ฟังในเรื่องที่ว่าความจริงที่มันกำลังเผชิญหน้าอยู่กับพวกเราพุทธบริษัท ที่จริงเป็นหน้าที่ด้วยที่จะต้องปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระบาลี นาทีที่ 0.06.45 โอฬมปิกสูตร เป็นต้น ได้ตรัสอุปมาพระธรรม ธรรมะหรือพระธรรมน่ะ ธรรมวินัยของตถาคต เปรียบเสมือนพ่วงแพ แพข้ามฟาก ข้ามจากฝั่งนี้ไปสู้ฝั่งโน้น ธรรมะเหมือนกับพ่วงแพ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประทานพ่วงแพ คืออย่างน้อยก็ทรงสอนให้รู้จักทำพ่วงแพขึ้นสำหรับใช้ข้ามฟาก แพทั้งหลายเหล่านี้คือพระธรรม คือธรรมะ คือพระศาสนานั่นแหละที่เรามาเรียกกันทีหลังว่าพระศาสนา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เคยทรงเรียกว่าศาสนา คำนี้ท่านจะไม่เคยใช้ อย่างที่พวกเราใช้ ท่านเรียกว่าธรรมวินัย ธรรมวินัย เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงชีวิต ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ มันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วทุกคนก็มาศึกษาโดยตรงสำหรับการข้ามฟากและก็ปฏิบัติกันทั้งนั้นโดยเสมอหน้ากัน มันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเสมือนพ่วงแพที่รัดกุมที่สุด ใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด ไอ้เรื่องวิปริตเล็กน้อยแทบจะไม่มี มีเป็นธรรมดา จึงเหมือนกับไม่มี จึงเรียกว่า อย่างสมบูรณ์ที่สุด สำเร็จประโยชน์ที่สุด จนกระทั่งต่อมา ล่วงกาลผ่านวัยมาถึงบัดนี้ สองพันกว่าปี สองพันกว่าปี มันมีลักษณะอาการที่พอจะเรียกได้ว่าแพมันแตก ไอ้แพแตกนี่ใครเคยเห็นภาพแล้วก็จะรู้สึกได้เองว่า ไม้ไผ่ลอยเกลื่อนกลาดไปหมดที่ตามผิวน้ำ ของก็สูญหายไป แพมันแตกแต่พระพุทธเจ้าไม่ใช่เป็นบุคคลแพแตก ท่านไม่ได้รับ ไม่ได้รับการเสียหายอะไรเกี่ยวกับแพมันแตก แพนี้มันได้มอบหมายให้สาวกไปแล้ว แล้วมันก็ได้มีอาการเหมือนกับแตกกระจัดกระจาย แบ่งแยกออกไปตามพวก เป็นนิกาย คราวเงื่อนมันก็มีมาแล้วตั้งแต่การทำสังคายนา ครั้งที่หนึ่งใหม่ ๆ น่ะ ใน นาทีที่ 0.10.16 ปัญจสติกววินัย ก็พูดถึง พอทำสังคายนาเสร็จ คณะสงฆ์หมู่หนึ่งมาจากทางเหนือ คณะสงฆ์นี้ก็บอกว่าเดี๋ยวนี้ ทำสังคายนาเสร็จแล้วอย่างนี้ อย่างนี้ ขอให้ท่านรับรู้ คณะสงฆ์หมู่นั้นบอกว่า ดีแล้ว ท่านทำก็ดีแล้ว แต่ข้าพเจ้าจะถือเอาตามที่ได้ยินได้ฟังมาด้วยตนเองอย่างไร นี่มันแสดงภาพแตกตั้งแต่บัดนั้น อาการอย่างนี้คือต่าง คือต่างพวกต่างที่ถือเอาตามที่ตนได้ยินมาเองอย่างไรก็มากขึ้น ต่อมามันก็เกิดแตกแยกกันไปตามเหตุการณ์บังคับ หรือเหตุผลอย่างอื่น จนทราบกันดีอยู่แล้วในการเล่าเรียน นี่ความเป็นมาแห่งพระธรรมวินัย ค่อย ๆ เป็นมหายาน เป็นเถรวาทขึ้นมา กี่นิกายต่อกี่นิกายก็เรียนรู้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องพูด จนกระทั่งเดี๋ยวนี้มันก็มีเถรวาทกับมหายานเป็นส่วนใหญ่พอจะสงเคราะห์ได้เป็นสอง ที่มันแตกแขนงขึ้นมาใหม่อย่างนิกายเซน เซนนี่ ไม่ใช่มหายานหรอก ไปอ่านดู ไปศึกษาดู มันเป็นฝ่ายคัดค้านล้อเลียนมหายานด้วยซ้ำไป เมื่อมหายานพูดว่า อมิตาภะอยู่ที่สุขาวดี นิกายเซน นาทีที่ 0.12.05 ก็ว่า อยู่ที่จิตเดิมแท้ อย่างนี้เป็นต้น ที่จริงเซนมันก็เถรวาท ที่เมืองจีน เถรวาทใน นาทีที่ 0.12.16มหายาน คนจำนวนมากเข้าใจว่าเซนเป็นมหายาน ผมมาพิจารณาดูแล้วไม่ใช่ มันแข็งกระด้างต่อมหายาน ลักษณะเหมือนเถรวาทที่ต่อต้านมหายานอยู่ในเมืองจีน และยังมีใหม่ ๆ ของทิเบต วัชรยาน นวยาน อะไรเป็นต้นนี้ ก็ไม่ใช่เชิงมหายานหรอก มันมีสอนเฉพาะ ให้แนวหนึ่ง ๆ แต่ก็ปนกันบ้างเป็นธรรมดา ทิเบตนี้เป็นอย่างมหายานจนเลยเถิดไปก็มี เป็นอย่างมิใช่ไม่ใช่ก็มี จนเราไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร ต้องจัดสงเคราะห์เอาเองว่า โดยส่วนใหญ่มันแบ่งเป็นเถรวาทและมหายาน อะไรเกิดขึ้นมาใหม่ ๆ ก็สงเคราะห์เข้าไปในสองอันนี้ แต่นั่นมันก็แตกต่างกันมาก จนมีวิธีการ หลักการสำหรับการดับทุกข์ต่างกันมาก จน จนเกิดคำพูดขึ้นมาในหมู่นักศึกษาปัจจุบันนี้ว่า ต้องเลือกเรียนพุทธศาสนา คำนี้มันประหลาดนะ แล้วมันแสลงหู เราต้องเลือกเรียนพุทธศาสนา นี่ในหมู่นักศึกษาปัจจุบันมันเกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว ในระดับสูงด้วย เราจะต้องระมัดระวังเลือกเรียน ศึกษาพุทธศาสนาให้ตรงตามความประสงค์ของเรา มันก็จึงมีปัญหาว่าจะไปเรียนที่ไหน ที่ลังกา ที่พม่า ที่เมืองไทย ที่จีน ที่ญี่ปุ่น ที่เกาหลี ที่ทิเบต เนปาล อินเดีย มันกลายเป็นต้องเลือกเรียนพุทธศาสนา นี่มันมีลักษณะเหมือนกับแพแตกกระจายอย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้มันยิ่งกว่านั้นน่ะ ถ้าแพแตกกระจาย ลอย มันกระจัดกระจายไปก็ไม่เป็นไร แต่เดี๋ยวนี้แพแตกในลักษณะหนึ่งมันน่ากลัวมาก คือว่าคนที่อยู่บนแพแหละมันเป็นผู้รื้อแพ รื้อแพออก เอาไม้ไผ่หรือไม้ไปใช้ประโยชน์อย่างนั้นอย่างโน้นเสีย จนไม่เป็นแพ แต่ที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้นมันก็เอาไม้ไผ่มาฟาด ตีกัน ฟาดตีกันจนจม ล่มจมกันไปหมด นี่หมายความว่ามันไม่ได้แยกนิกายเปล่า ๆ นะ มันมีการคัดค้านต่อสู้ฟัดเหวี่ยงเอาชนะกันเหมือนกับทะเลาะวิวาท ลักษณะอย่างนี้มันก็เหมือนกับว่ารื้อแพออกมาเป็นอาวุธแล้วก็ใช้ประหัตประหารกันระหว่างนิกาย แม้ระหว่างนิกายย่อยลงไปอีกทีก็ได้ นิกายใหญ่แยกเป็นนิกายย่อย มันก็ยังมีทะเลาะวิวาทกัน นี่ผมใช้คำว่าแพแตก แพของพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้มันแตก แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นบุคคลแพแตกนะ ท่านไม่ได้เป็นบุคคลล้มละลายนะ แต่ว่าอะไรบางอย่างที่ท่านให้มานี่เอามาทำกันเสียล้มละลาย
ทีนี้พวกเราเมืองไทยก็อยู่ในจำนวนนั้นด้วยเหมือนกันเพราะเราเป็นเถรวาท แต่ก็อย่าลืมไปว่าแม้ในขอบเขตของเถรวาท มันก็มีการแตกแยกโดยอัตโนมัติ โดยธรรมชาติอีกมากมาย ในการศึกษาเล่าเรียนของเราน่ะมันแตกแยกกัน ยิ่งในการปฏิบัติศาสนาก็แตกแยกกัน วัตถุประสงค์มุ่งหมายก็แตกแยกกัน จนเป็นหลายชนิดหลายอย่าง พร่าเอาไป มันก็จางลงไป ยิ่งพร่าไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะจางลงไปเท่านั้น นี่ขอให้ใคร่ครวญดูให้ดี จะไม่พูดระหว่างเถรวาท มหายานก็ไม่พูด พูดว่าเถรวาทน้อย ๆ เฉพาะในประเทศไทยนี่ มันก็มีอะไรที่แตกแยก ได้เกิดแตกแยกขึ้นมาแล้ว ซึ่งเราควรจะได้ คือพิจารณากันดูให้ดี ๆ มันเป็นหน้าที่รับ ความรับผิดชอบ ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ต้องเอามาหารือกัน ปรึกษากัน ทำความเข้าใจกัน ในฐานะที่เป็นสาวก ที่จะสืบอายุพระศาสนาตามพระพุทธประสงค์ ขอให้ถือเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์เลยโดยไม่ต้องมีข้อแบ่งแยกว่า พระพุทธประสงค์น่ะมีให้เราช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนา คงจะไม่มีใครหาว่าผมพูดก้าวก่ายเสียดสีอะไรเกินขอบเขต แต่พูดเรื่องที่จำเป็นจะต้องพูดกัน อย่างในเมืองไทยเราโดยเฉพาะ อย่าพูดถึง ลังกา พม่าเลยป่วยการ เราก็มีการศึกษาหรือถ้าจะเรียกโดยอุปมาก็เรียกว่าการใช้แพน่ะ การใช้แพ ทำแพแตกหลาย ๆ รูปแบบเต็มที ในเมืองไทยเรานี่แหละ เรามีการศึกษาหลาย ๆ ขนาด หลาย ๆ ระดับ มีพิธีกรรมหลายชนิดหลายระดับ ซึ่งขอโอกาสปรึกษา เรียกว่าปรึกษาหารือ
การศึกษาอันแรกที่ว่าสูงสุด ACADEMIC STUDY ชอบเรียกกันอย่างนี้ การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยน่ะเราก็มีและเราก็เริ่มมีแล้วเราก็ได้มีมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ACADEMIC STUDY ระดับมหาวิทยาลัย แต่ดูเถอะมันยังไม่ถึงขนาดที่จะดับทุกข์ได้หรือบางทีก็ไม่ได้มุ่งหมายไปเพื่อจะดับทุกข์ การศึกษาแบบนี้ฝรั่งเขานำเรามากกว่า ในวงพุทธศาสนายังไม่เคยมี แต่พวกฝรั่งเขาทำขึ้นก่อน เขาเอาไปจัดศึกษาอย่างระดับมหาวิทยาลัย แต่แล้วมันไม่สำเร็จประโยชน์ตามพระพุทธประสงค์ คือมันไม่ดับกิเลสและดับทุกข์ แล้วก็ไปทำเสียเลิศลอยใหญ่โตมากมาย เขียนหนังสือหนังหาตำรับตำราขึ้นมาเยอะแยะ เป็นการศึกษาระดับนี้ ผมก็เคยบ้ากับเขาพักหนึ่งเหมือนกัน คราวหนึ่งไปอินเดียซื้อมาตั้งเกือบหมื่นบาทในสมัยโน้นน่ะ ๒๐ – ๓๐ปี แล้วมันก็ใช้ไม่ได้ เพื่อการดับทุกข์มันใช้ไม่ได้เลย แล้วใน ในหนังสือเหล่านั้นยังมีผิด ๆ ก็มี อย่าง ปตัญชลี โยคะสูตรของปตัญชลี พุทธจริตของอัศวโฆษนี่ คำแปลยุคนั้นใช้ไม่ได้ต้องแปลใหม่ทั้งนั้นแหละ ฉะนั้น ACADEMIC STUDY นี้มันก็ยังไม่ ไม่เป็นแพที่ข้ามน้ำได้ นี่เราก็รับเอามานะ มหาวิทยาลัยสงฆ์เราก็รับการศึกษาระดับนั้นเข้ามา จึงขอร้องว่าให้ระวังให้ดี ๆ ให้ระวังให้ดี ๆ ขอให้รู้จักคัดเลือกรู้จักแยกแยะเอาชนิดที่มันจะดับทุกข์ได้ เอามาประกอบให้มันดับทุกข์ได้ หรือว่ามันง่ายขึ้น ให้มันกว้างขวางชนิดที่มีประโยชน์ มิฉะนั้นมันจะกว้างขวางไปในลักษณะสำหรับจะเป็นนักปราชญ์ ศาสตราจารย์ จะเป็นนักปราชญ์ ศาสตราจารย์ มันไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์เลย น่าหัว ACADEMIC STUDY มันเป็นเสียอย่างนี้ ไทยเราก็มี ประเทศไทยเราก็มีแขนงใหญ่และกำลังจะมียิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย นี่หล่ะอันหนึ่งแพมันก็ได้แสดงลักษณะเป็นอย่างอื่น หรือว่ามันจะได้แตกออกไปเป็นแพอีกชนิดอื่น มันจะไม่สมบูรณ์น่ะ เพราะว่ามันจะเหลือเป็นปลีกย่อยสำหรับเกาะกันจมน้ำตาย มันไม่สมบูรณ์
ทีนี้พวกที่สองก็เป็นพวกที่ ความรู้ที่จะระงับดับทุกข์โดยตรงตามแบบของพระพุทธเจ้า นี่เราก็เรียน เราก็เรียนตามพระพุทธประสงค์ เรียนเรื่องสมาธิวิปัสสนาโดยตรง แต่ยังไม่สำเร็จประโยชน์ มันไม่สำเร็จประโยชน์ เพราะดูมันจะไม่มีความต้องการโดยแท้จริง เรียนเป็นวิชาความรู้เสียโดยมาก ถ้าเป็นอย่างสมัยพุทธกาลเขาก็เรียนมุ่งกันในส่วนนี้ ดับทุกข์ ทำที่สุดแห่งทุกข์ จึงเรียนกันจริง เรียนอย่าง อย่าง อย่าง ACADEMIC STUDY ไม่มีครั้งพุทธกาล เพิ่งมีกันยุคนี้ในประเทศที่กำลังมี ครั้งพุทธกาลก็มีแต่เรื่องดับทุกข์กันโดยตรง ดับทุกข์กันโดยตรง แต่แล้วมันก็ไม่ไปถึงจุดปลายทางเรียกว่าข้ามฟาก ไม่ถึงฝั่งโน้น และดูไม่ค่อยจะศรัทธาโดยแท้จริง แม้ในหมู่พระสงฆ์เรานี่ แม้ในหมู่พระสงฆ์เราก็ยังไม่ ไม่จริง แต่ถ้าเราจะสังเกตดูจากพระพุทธประสงค์ ทรงย้ำเหลือประมาณ ให้ศึกษาเรื่องอริยสัจ ให้ศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท ทรงย้ำอย่างเสมือนกับอ้อนวอน นี่ก็เป็นแขนงหนึ่ง เรียกว่า ศึกษาเรื่องดับทุกข์โดยตรงตามรอยพระพุทธองค์โดยตรงก็มี ในประเทศไทยเราก็มี กำลังพยายามกันอยู่ แต่ดูจะไม่โดยบริสุทธิ์ใจ
อันที่สาม ธรรมะประเภทที่จะนำมาใช้ประกอบกับการดำรงชีวิตในบ้านเรือน หรือที่เราจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า คิหิปฏิบัติ นี้ยังไม่สมบูรณ์ ยังน่าระอา ยังเห็นว่าเข็นครกขึ้นภูเขา การที่จะทำให้ประชาชนคนไทย ชาวไร่ ชาวนามั่นคงในหลักที่ปฏิบัติ เท่านี้ยังทำไม่ได้ มันก็ยังทำไม่ได้ ที่จริง มันสิ่งที่ทำได้และควรจะทำ แล้วมันก็ไม่ได้ทำหรือทำไม่ได้กันอยู่อย่างนี้ แม้แต่ว่าจะเลิกกินเหล้ากันสักทีก็ยัง มันยิ่งกลายเป็นตรงกันข้าม คือว่าเหล้ายิ่งทำขึ้นมามากกว่าเก่า ขายมากกว่าเก่า พวกเราก็พูดกันอยู่บนธรรมมาสน์เท่านั้นน่ะ แล้วก็หล่นอยู่ข้างธรรมมาสน์ ไม่ได้ไปอยู่ที่ในจิตใจของ ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวนเหล่านั้น เราพูดกันตามเนื้อผ้าเสียมากกว่า เราได้พยายามจัดโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ มันก็ยังไม่ค่อยจะได้ผล ถ้าไปเทียบกันผลที่พระพุทธเจ้าทรงหวังก็ยังไกลมาก โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จะดึงเข้าไปสู่ที่ปฏิบัติโดยสมบูรณ์มันก็ยังไม่ค่อยจะได้ ที่ธรรมะ ที่จะช่วย เข้ามาช่วยในกิจการบ้านเรือนอย่างฆราวาส ก็มี กำลังปลุกปล้ำกันอยู่ ถึงขนาดที่ว่าปลุกปล้ำกันอยู่ทีเดียว เป็นทางการก็มี ไม่เป็นทางการก็มี
ทีนี้ธรรมะอีกประเภทหนึ่งนั่นคือ ธรรมะที่จะช่วยให้การทำการงานหรือทำหน้าที่ไม่เป็นทุกข์ ข้อนี้สำคัญมากนะ ผมขอฝากไว้ว่าให้ช่วยพิจารณากันให้มากว่า ไอ้ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของธรรมะ ที่ถึงกับท้าทายชาวต่างประเทศ ต่างศาสนา ก็ว่ามนุษย์ต้องทำหน้าที่การงานตามหน้าที่การงาน ซึ่งตามหลักพระศาสนาก็ได้ แต่พอไปทำเข้ามันไม่สนุก มันเป็นทุกข์ มันเป็นทรมาน มันก็เลิกเสีย มันก็ทิ้งเสีย การทำงานด้วยจิตชนิดนั้นน่ะมันเป็นทุกข์เพราะการทำงานที่สุจริตที่ถูกต้องแหละ ยิ่งให้สุจริตให้ถูกต้องมากเท่าไรก็ยิ่งลำบากมากเท่านั้น มันมีธรรมะอีกแนวหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่ง ระบบหนึ่งที่จะช่วยให้การทำงานนั้นไม่เป็นทุกข์ ให้สนุกเป็นสุขไปเสียเลย ขอฝากเพื่อนสหธรรมมิกและสพรหมจารีทั้งหลายว่า ช่วยสนใจข้อนี้แหละให้มาก ไปบอกญาติกาทั้งหลาย ชาวไร่ ชาวนาว่าคุณจะมีจิตใจอย่างไร คุณจะต้องรู้ธรรมะอย่างไร คุณจึงจะทำนา ทำสวนสนุก ข้อนี้มีรายละเอียดมากจะต้องพูดกันเป็นชั่วโมง ไว้คราวหลังก็ได้ แต่ว่ามันมี มันมีธรรมะประเภทนั้น ประเภทถ้ามีแล้วทำงานสนุก ยิ่งเหงื่ออกยิ่งสนุก ยิ่งเหงื่ออกยิ่งเป็นสุข ยิ่งเหงื่อออกมาเป็นน้ำเย็นแหละ ไม่เป็นน้ำร้อน แต่ถ้ามันไม่มีธรรมะประเภทนี้แล้ว เหงื่ออกมาเป็นน้ำร้อนแหละ เดี๋ยวมันทิ้ง กูไปปล้นจี้ดีกว่าก็มาทนทรมานเหน็ดเหนื่อยอยู่อย่างนี้ทำไม มันเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ธรรมะที่ช่วยทำงานสนุกมี มีสำหรับทุกงานเลย มันสอนเรื่องไอ้ธรรมะคือชีวิต ชีวิตคือธรรมะ ได้ช่วย แต่ว่ามันจะต้องเผชิญกันกับคนบางพวก ที่ว่านี้มันเรื่องนอกรีต เรื่องนอกคอก อย่างนี้ไปเสียก็มี เพราะไม่รู้
เอ้า, ทีนี้ต่อไปก็ถึงธรรมะประเภทที่จะมีฤทธิ์ มีเดช มีปาฏิหาริย์ คือเรียกว่าพิเศษกว่าคนธรรมดา ชนิดที่เรียกว่า อุตริมนุสธรรม อุตริมนุสธรรมนี่ก็ยังเป็นที่นิยมกันอยู่ ว่ามีขวนขวายกันอยู่ มันจะหากินทางลัด มันจะเอาเปรียบ มีฤทธิ์ มีเดช มีปาฏิหาริย์มันก็ได้เปรียบ แม้แต่พวกเสน่ห์ยาแฝดอะไรทั้งหลายเหล่านี้มันก็ยังมีอยู่ และบางทีก็ในหมู่พระเราเสียด้วย กลับมีคนสนใจกันมาก แอบฝึกกันอย่างลับ ๆ แม้จะไม่เป็นเรื่องจริงจังนั้นก็ยังหลงใหลกันอยู่เป็นอันมาก นี่ก็เสียเวลาไปมากเหมือนกันน่ะ อย่าไปสนใจกับเรื่องอิทธิ ปาฏิหาริย์
เอ้า, ทีนี้ต่อไปก็ว่าธรรมะสำหรับจะไปสวรรค์กัน อันนี้ก็ยังไม่ ยังไม่พ้นสมัย ยังมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ว่า ศึกษาปฏิบัติเพื่อเกิดในสวรรค์ แม้แต่จะสวดมนต์ ภาวนา ทำบุญ ให้ทาน ก็ไปเกิดในสวรรค์ เพื่อเกิดในสวรรค์ พวกมหายาน พวกอาซิ่มเขาทำกันมาก สวดมนต์ครบกี่พันจบ หมื่นจบแล้วก็มีรถมารับไปสวรรค์ พอไม่สบายรถก็มารออยู่บนหลังคาแล้ว พอตายแล้วก็ไปทันทีเลย หมั่นทำบุญทำทาน สวดมนต์อะไรกันเพื่อ เพื่อไปสวรรค์นี่ เราต้องขออภัยด้วยที่ว่า มักจะมีกันแต่พวกคนในหมู่หัวโบราณ คุณตา คุณยายหัวโบราณ กลายเป็นที่หัวเราะของคนสมัยใหม่ แต่มันมีความลับนะ มีความลับที่จะพูดหรือไม่พูด ถ้าไม่มีคนพวกนี้ พวกเราเกือบจะไม่มีข้าวกินนะ การทำบุญให้ทาน ตักบาตรเหลือประมาณนี้มันอยู่ในหมู่คนพวกนี้ทั้งนั้นแหละ นี่มันก็คาบเกี่ยวกันอยู่อย่างนี้ สวรรค์วิมานนี้ยังเป็น เป็นสิ่งจำเป็นอยู่ แต่พอมาสอนให้รู้ว่าสวรรค์ที่นี่ นรกที่นี่ สวรรค์ที่นี่ มันก็ ก็ไม่สนใจ ต้องการ ตายแล้วซึ่งมีพิธีรีตองมาก
ทีนี้ธรรมะอีกประเภทหนึ่ง ต่อไปธรรมะอีกประเภทหนึ่ง พวกธรรมะประกอบวัตถุมงคล พิธีรีตอง ก็ต้องมีคาถาศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ สวดคาถานี้แล้วดับทุกข์ได้ แก้ปัญหาสารพัดอย่างได้ เราจะเรียกว่าธรรมะประกอบวัตถุมงคล มันกลายเป็นเรื่องไสยศาสตร์ ผมไม่เคยไปเห็นน่ะแต่ผมถามเขา เขาบอกว่า คนกรุงเทพน่ะไปศาลพระภูมิเอราวัณมากกว่าไปโบสถ์พระแก้ว จริงไม่จริงไปดูเอาเอง และมันยังน่าเศร้า ยังน่าสลดอะไรอีกบางอย่างว่า แม้ไปถึงโบสถ์พระแก้วแล้วก็ยังมีทำอะไรที่มีลักษณะเป็นไสยศาสตร์อยู่ อยู่อีก เขาบอกว่าพระแก้วมรกตนี้ชอบไข่ อย่างนี้ อะไร ๆ ก็มีพิธีอย่างไสยศาสตร์ เข้าไปในโบสถ์พระแก้วแล้วก็ยังไม่ปลอดภัย นี่ธรรมะประกอบไสยศาสตร์ มันก็ยัง ยังเหลือประมาณ อย่าไปออกชื่อเลยมันกระทบกระเทือน มีคาถาบทนั้น คาถาบทนี้ ที่แสนจะศักดิ์สิทธิ์
ทีนี้ก็ถึงการปฏิบัติ สมาธิ วิปัสสนา แบบที่มีตาทิพย์ อะไรทิพย์ เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นญาติที่ตายไปแล้ว สมาธิวิปัสสนานี้ก็มีคนสนใจมาก อยากจะมี อยากจะได้กันเป็นอันมากก็ไปฝึกกันอยู่ พวกหนึ่งทีเดียว มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีในครั้งพุทธกาล ครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนวิปัสสนาให้คนตายแล้ว แต่เดี๋ยวนี้กลับขึ้นหน้าขึ้นตา แต่ก็ยังไม่ ไม่ถึงกับชนะเด็ดขาด
เหล่านี้เราจะเรียกว่า แพแตก แต่พระพุทธเจ้าไม่ใช่บุคคลแพแตก ไม่มีทางจะเป็นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าใครมันทำให้แพแตก ดูเอาเองเหอะ แม้ในประเทศไทยเราก็มีปัญหาอย่างที่ว่านี่ นับดูก็ได้หลาย ๆ อย่าง ธรรมะที่ถูกแบ่งแยกออกไปเป็นอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนี้ มันก็ มันก็ลด หรือก็ทำลาย หรือก็อะไรกันไปในตัว เป็นอันว่าในประเทศไทยเราเท่านั้น เถรวาทน้อย ๆ ในประเทศไทยเราก็มีไอ้การศึกษาธรรมะนี่หลายอย่างหลายประการอย่างที่ผมพูดมาแล้ว ศึกษาอย่าง ACADEMIC STUDY นี้ก็มี อย่างพวกเรานี้ไม่ต้องพูดอะไรกันให้มันอ้อมค้อม จะดับทุกข์เป็นพระอริยบุคคลกันก็มี จะเอาไปใช้ตามบ้านเรือนเป็นฆราวาสที่ดีก็มี จะไปใช้เป็นดับทุกข์ในการทำการงานก็มี จะปาฏิหาริย์ก็มี จะไปสวรรค์ก็มี ใช้เป็นวัตถุมงคลคุ้มครองคนขี้ขลาดกันที่นี่ก็มี และก็วิปัสสนาแบบใหม่ได้เกิดขึ้น ไม่ได้มุ่งหมายจะดับกิเลสดับทุกข์ล่ะ แต่จะเห็นอะไรที่พิเศษที่จะได้เปรียบผู้อื่นหรือว่าจะได้รับประโยชน์อะไรของเขาก็ไม่รู้ แล้วมันถูกแบ่งแยกออกไปตั้งหลายทิศทางอย่างนี้ มันจะเอาดียังไงได้ มันถูกแบ่งแยกไปหลายทิศทาง แต่ละทิศทางก็ไม่ได้ถูกปรับปรุงให้ดี ให้ถึงที่สุด ผมก็จะขอร้องว่า ช่วยกันเถอะ ช่วยกันแก้ไข ช่วยกันปรับปรุง ไอ้ทิศทางที่มันถูกต้อง ที่มันมีประโยชน์ ก็ทำให้ถึงที่สุด รู้จักเลือก การศึกษาแบบ ACADEMIC STUDY นี้ก็ต้องระมัดระวัง ต้องเลือก มิฉะนั้นมันก็เหมือนอย่างพวกฝรั่งน่ะ มันอ่านหนังสือพุทธศาสนากันเป็นหาบ ๆ มันก็ยังไม่รู้จักพุทธศาสนา นี่มันเป็นได้ถึงขนาดนี้ เอาวิธีอย่างวิทยาศาสตร์ของเขามาใช้ศึกษาพุทธศาสนาก็ได้ เพราะลักษณะของพุทธศาสนามันเป็นวิทยาศาสตร์ คือว่า ค้นคว้าเอง เห็นเอง ปฏิบัติเอง มีเหตุผลอยู่ในตัวเอง ไม่ต้องเชื่อไอ้สิ่งภายนอกซึ่งไม่รู้ว่าอะไรและก็ไม่ต้องพึ่งคนอื่นนอกจากตัวเองนี่ วิทยาศาสตร์ถ้าเขาทำกันจริง ๆ เขาก็ไปถึงโลกุตระได้ อย่างเรื่องไอ้ RELATIVITY ของไอน์สไตน์น่ะถ้าศึกษาสำเร็จ มันก็ไม่ถูกลวงด้วยของสวย ของงาม ของหอม ของอะไรต่าง ๆ เพราะว่าไอ้คุณค่าเหล่านั้นมันเป็นการลวงของไอ้เวลานั่นแหละ SPACE TIME AND SPACE เมื่อประกอบอยู่อย่างถูกต้องด้วย TIME AND SPACE มันยังจะมีรส มีรสวิเศษ มีความงาม ความสวย ความหอมวิเศษ พอรู้เรื่องเหล่านี้ รู้เรื่องเหล่านี้แล้วมันก็หมดความวิเศษอย่างนั้น มันช่วยอยู่เหนือ เหนืออารมณ์ เหนือโลกได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครใช้วิทยาศาสตร์แขนงนี้ ซึ่งผมเห็นว่าถ้าใช้กันจริง ๆ แล้วก็จะไปสู่โลกุตระได้ ถ้าจะอาศัยไอ้ความรู้ใหม่ ๆ ของวิทยาศาสตร์ละก็ ยังมีทางที่จะทำได้มากเหมือนกัน แต่รู้ไว้ว่าเขาไม่ต้องการ เขาต้องการเอาวิทยาศาสตร์ไปใช้หาอำนาจวาสนาบารมี จะครองโลก แต่ว่าคำว่า ครองโลกแบบนั้นมันเป็นทาส มันเป็นขี้ข้าของโลก ไปจมอยู่ในโลกเรื่องความสวยงาม ความไพเราะ ความเอร็ดอร่อย ความหอมหวน มันจึงเป็นทาสโลกมากกว่า น่าสงสารวิทยาศาสตร์อันแสนจะประเสริฐ ถูกนำไปใช้เพื่อเป็นทาสอารมณ์ เป็นขี้ข้าของโลก เราต้องรู้จักเลือกเอามาแต่ในแง่ที่มันจะชนะอารมณ์ จะชนะโลก
นั่นพูดไปแล้วถึง ๘ หัวข้อว่า ธรรมะที่ทำความยุ่งนี่ ทีนี้เหลือไว้พูดสัก ๒ ข้อ ธรรมะที่เราจะต้องทำให้สำเร็จ ธรรมะที่จะบอกประชาชน ก็บอกว่าธรรมะคือหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ ไปอ่านดูพุทธประวัตินี่ ท่าน นาทีที่ 0.43.52ต่อไปนี้จะเคารพใครเป็นพระพุทธเจ้าแล้วมีข้อความกล่าวต่อไปว่า โอ้, เคารพธรรมะ เคารพธรรมะที่ตรัสรู้ ธรรมะคือหน้าที่ของพระพุทธเจ้า คำว่าธรรมะ ธรรมะแต่ดึกดำบรรพ์ธรรมะก่อนนู้น ก่อนพุทธกาล ก่อนนั้นมันแปลว่าหน้าที่ หน้าที่ช่วยให้รอดน่ะคือธรรมะ แล้วก็ใช้ความหมายนี้ก็มาเรื่อย ๆ มาถึงพระพุทธเจ้าก็ธรรมะ หน้าที่ อยู่บรรลุมรรคผลนิพพาน ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่จะช่วยให้รอด แต่พอพูดอย่างนี้ก็เห็นเป็นว่า ไม่มี ไม่มีรสมีชาติอะไรธรรมะคือหน้าที่ ที่จริงมันยิ่งกว่าสิ่งใดเพราะว่าชีวิตมันรอดอยู่ด้วยหน้าที่ ความทุกข์ทั้งหลายมันดับไปเพราะหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่มันไม่ดับทุกข์แล้วมันจะตาย ธรรมะคือหน้าที่ ผมบอกพวกครูโรงเรียนทั้งหลายที่มาที่นี่ว่า คุณเลิกหลอกเด็ก ๆ เสียทีเถอะว่าธรรมะคือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นมันหลอกเด็ก ๆ ธรรมะมันแปลว่าหน้าที่ มันแปลว่าหน้าที่ แล้วคำสอนของพวกอื่นเขาก็เรียกว่าธรรมะเหมือนกันแหละ ธรรมะคือหน้าที่ ๆ จะต้องปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติแล้วมันจะตาย ธรรมะคือหน้าที่ ระบบปฏิบัติเป็นระบบ แล้วมันเกิดความรอด รอดทั้งร่างกาย รอดทั้งจิตใจ ทุกขั้นตอนแห่งชีวิต ทั้งเพื่อตัวเองและผู้อื่น นี่ธรรมะมันคืออย่างนี้ ไม่ใช่ว่าธรรมะมันคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ในอินเดีย ธรรมะของใคร คำสอนของลัทธิไหนก็เรียกธรรมะเหมือนกันหมด ฉะนั้นธรรมะคือระบบปฏิบัติที่ให้เกิดความรอดทั้งทางกายและทางจิตจนตลอดชีวิต ทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่นนั่นน่ะคือธรรมะ เรียกสั้น ๆ ก็ว่าหน้าที่ หน้าที่ นี่คนไม่ค่อยยอมรับหาว่า ว่าเอาเอง ธรรมะคือหน้าที่ แต่ชาวอินเดียเขาแปลธรรมะว่าหน้าที่ DUTY ธรรมะคือ DUTY สอนประชาชนให้รู้ว่าธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิต หรือเป็นตัวชีวิตเสียเอง ธรรมะในแง่นี้จะต้องศึกษากันให้มาก และธรรมะนี้มันจะต้องเป็นสิ่งที่ใช้กับชีวิต คือประยุกต์ APPLY หรือ APPLICABLE ให้ได้ ถ้ามันไม่มีอันนี้ก็ไม่ใช่ธรรมะหรอก มันต้องทำอยู่กับเนื้อกับตัวกับชีวิตจิตใจ สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปัสสิโก นี่ ในชีวิตประจำวันต้องมี นิพพาน นิพพาน นั้นน่ะ ครู พวกครูทั้งหลายก็สอนเด็ก ๆ ว่าแปลว่าตาย ตายของพระอรหันต์ พระอรหันต์ตาย นี่แบบนี้ ผมบอกว่าเลิกหลอกเด็กเสียทีเถอะ พระอรหันต์ตายไม่ได้หรอก แล้วก็นิพพานไม่ได้แปลว่าตายนะ นิพพานแปลว่า สงบ ระงับ ดับเย็น ที่นี้เราบอกพวกฝรั่งว่าไอ้ ไอ้นิพพาน นาทีที่ 0.47.36 NIRVANA นิพพานไม่ได้แปลว่าตาย มันมีความหมายว่า QUENCH QUENCH Q-U-E-N-C-H QUENCH คำนี้ใช้ได้สารพัดอย่างล่ะ อะไรที่สงบระงับลงไปมันเรียกว่า QUENCH ทีนี้ความทุกข์มัน QUENCH กิเลสมัน QUENCH ความร้อนมัน QUENCH QUENCH นั่นแหละคือนิพพานไม่ใช่ตาย แล้วพระอรหันต์ตายไม่ได้หรอก ร่างกายตายพระอรหันต์ไม่ได้ตาย อย่าบอกว่าพระอรหันต์ตายสิ หลอกเด็ก ๆ นี่ เราจะให้ประชาชนรู้ว่าไอ้ QUENCHING ของความร้อนหรือความทุกข์นี่ มันหล่อเลี้ยงชีวิตไว้นะ ถ้ามันไม่มีระยะที่ QUENCH เลย คนตายหมดแหละ เป็นบ้าและตายหมด หมายความว่ากิเลสเกิดทั้ง ๒๔ ชั่วโมง ทั้ง ๒๔ ชั่วโมง ราคะ โทสะ โมหะ เผานี่ตายหมด วันสองวันก็ตายหมด มันมีระยะเวลาที่ไอ้กิเลสเหล่านี้ไม่ ไม่เกิด ไม่เกิดขึ้นมาแผดเผา ระยะพักผ่อนมันกระมัง ๒๔ ชั่วโมงนี่ กิเลสไม่ได้เผาหลาย ๆ ชั่วโมง เผาวินาที ฉะนั้นนิพพานนี่หล่อเลี้ยงชีวิตเราไว้ ขออย่าได้เกลียดนิพพาน อย่าเห็นนิพพานเป็นข้าศึกแก่การพัฒนา นักพัฒนาเขาประณามนิพพานว่า เป็นข้าศึกแก่การพัฒนา แล้วมันไม่รู้คำว่านิพพาน จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เล่าได้เรียน เราก็ไม่ได้สอนเขาด้วย บางทีเราก็ไม่ได้สอนเขาอย่างนี้ ผมพยายามให้ขอบ พยายามสอนให้ขอบคุณพระนิพพาน ช่วยให้ไม่เป็นบ้า ช่วยให้ไม่ต้องตาย มันมีเวลาที่นิพพานแทรกเข้ามามากพอ ชีวิตนี้มันก็ไม่ต้องแตกดับ นิพพานน้อย ๆ นี้ก็มีอยู่ นิพพานตัวอย่างอย่างนี้ก็มี นิพพานชั่วขณะก็มี ในบาลีเรียกว่า นาที่ที่ 0.49.45 สามายิก สมยะ แล้วมา สามายิก นิพพาน นิพพานชั่วขณะ ชั่วสมัยอย่างนี้ก็มี ตทังคนิพพาน นิพพานเพราะการกระทบเข้าก็เหมาะบังเอิญเหมาะส่วน มันก็ กิเลสมันก็ระงับไป ตทังคนิพพานอย่างนี้ก็มี นี้ก็เรียกว่านิพพานเหมือนกันแหละ นิพพานอย่างนี้ที่ช่วยชีวิตคนเราไว้ ไม่นั้นตายหมด ขอให้ประชาชน ชาวไร่ชาวนาเถอะ อยู่ รู้จักพระคุณของนิพพานชนิดนี้ มีอุบายที่จะระงับกิเลสหรือ QUENCH นี่ มัน ตามโอกาสที่จะทำได้ ก็จะได้นิพพานน้อย ๆ นิพพานตัวอย่าง นิพพานชิมลอง มาหล่อเลี้ยงชีวิต นี่แหละธรรมะที่ประยุกต์อย่างยิ่งซึ่งเราไม่ค่อยจะได้สอนกัน
แล้วธรรมะอีกชนิดหนึ่งก็ว่า เป็นเรื่องไปนิพพานแต่เอามาใช้ในเรื่องทำไร่ทำนาก็ได้ ผมพูดอย่างนี้แล้วก็ถูกด่ามาหลายทีแล้ว เรื่องโพช เรื่องโพชฌงค์ ๗ ไปนิพพานนั่นแหละ เอามาคล้าย ๆ ทำไร่ทำนาได้ สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา นี่ หลักการ ๗ ประการนี้มาใช้ในเรื่องทำไร่ทำนาได้ดีที่สุด ทีนี้ อริยมรรคมีองค์ ๘ สำหรับใช้ไปนิพพานนำมาใช้อยู่ในโลกนี้ได้สบายที่สุด ธรรมะมาประยุกต์ให้ได้ แล้วมีธรรมะอย่างเดียวพอไม่ต้องมีหลายเรื่อง ใช้อย่างนิพพานก็ได้ ใช้รองลงมาก็ได้ ใช้อยู่ในโลกนี้ก็ได้ ขอให้สนใจศึกษาเป็นพิเศษ ขอให้สอดส่องเป็นพิเศษ จะพบความจริงเรื่องนี้ ว่าธรรมะมีเพียงอย่างเดียวสองอย่างนี้เอามาประยุกต์ได้ทุกขั้นตอนแห่งชีวิตและการงานในโลกนี้ เขาก็บอกว่าไม่เชื่อ หาว่าเราหลอกบ้างอะไรบ้าง มีคนเขาด่าว่าผมคิดจะสอนให้แปลกออกไปเพื่อตั้งตัวเป็นศาสดา นี่มันบ้าที่สุดเลย ผมยังเป็นพุทธทาส รับใช้พระพุทธเจ้าเกินร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นี่ จะอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้มีประโยชน์ที่สุด มีประโยชน์ที่สุด แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแพมันแตกจะได้ช่วยกันรวบรวมแพขึ้นมาเป็นแพมัดใหม่ นี่หน้าที่ของพวกเรา ไอ้เราก็ปฏิญญาตัวเป็น พุทธทาโส ธรรมทาโส สังฆทาโส ทุกคราวที่ทำวัตรเย็น จะต้องรู้จักหน้าที่อันนี้ คือ เก็บ เก็บแพที่แตกมารวมกันให้เป็นแพที่ใช้ได้และใช้อย่างแพ อาการแพแตกมีมากขึ้น แตกใหญ่ ๆ และแตกย่อย ๆ แม้ในวงเถรวาทเราเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็มีดังที่พูดมาแล้วพอเป็นตัวอย่าง
ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาว่า จะทำหน้าที่ของพระสาวกหรือตามพระพุทธประสงค์ว่า สาวกทั้งหลายจะช่วยกันสืบอายุพระศาสนา ขอได้ศึกษาให้รอบคอบและไปปรับปรุงกันเสียใหม่ให้มันตรงเรื่องตรงราว ให้ได้รับประโยชน์เห็นชัด อย่างที่เขาชอบเรียกกันสมัยนี้ว่า เป็นรูปธรรม ปรากฏแก่สายตา มันเป็นสิ่งที่ทำได้ เรียกว่า สนองพระพุทธประสงค์ บูชาพระพุทธ บูชาพระพุทธคุณ บูชาพระพุทธองค์ สนองพระพุทธประสงค์ ขอให้ศึกษาด้วยจะยิ่งเห็นว่า พระพุทธองค์ทรงหวังว่าพวกเรานี่จะสืบอายุพระศาสนา ให้รู้จักพระพุทธเจ้า พระองค์ธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นธรรม ให้รู้จักพระพุทธเจ้าพระองค์นี้กันให้มาก ๆ แล้วเอามาประยุกต์ให้สำเร็จประโยชน์ เพื่ออยู่ในโลกนี้อย่างดีที่สุด หรือเพื่อข้ามขึ้นเหนือโลกเป็นพระนิพพานก็ได้ นี่หละสมบูรณ์ อยู่ในโลกนี้อย่างไม่ อย่างเหนือโลก อยู่อย่างไม่มีความทุกข์ก็เรียกว่าอยู่อย่างเหนือโลก ไม่ต้องแยกเป็นโลกุตร โลกียะอะไร ถ้าอยู่อย่างไม่มีความทุกข์แม้อยู่ในโลกนี้ก็เป็นโลกุตระเหมือนกัน ช่วยกันแนะ ช่วยกันสอนวิธีอย่างนี้ ว่าอยู่ในโลกนี้ที่ไม่ต้องมีความทุกข์ โลกนี้จะทำให้เราเป็นทุกข์ไม่ได้เอากันอย่างนั้นดีกว่า นั่นแหละคือโลกุตระ กระทั่งไม่ใช่ ต้องรอถ้าตายแล้วไปอยู่ที่ไหนกันก็ไม่รู้ ตัวอยู่ในโลกแต่จิตอยู่เหนือโลกนั่นแหละคือโลกุตระ
เอาละเป็นอันว่าผมไม่ได้พูดอะไรมากในทางหลักวิชาแต่พูดถึงปัญหาที่มันเผชิญกันอยู่กับพวกเรา กับพระพุทธศาสนา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแก่พ่วงแพที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ให้คือ ธรรมวินัย มันกำลังแตกกระจัดกระจาย มันจะคุมกันไม่ติด แม้แต่เพียงในเถรวาทเล็ก ๆ ในประเทศเราประเทศเดียวก็ยังเป็น กระจัดกระจายกันอย่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงทั้งหมด มหายาน อะไรกันทั้งหมด ยิ่งกระจัดกระจายเหลือประมาณจนฝรั่งเขาพูดว่า ต้องเลือกศึกษาพุทธศาสนา ตรงนี้เลือกพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักพระพุทธศาสนาของที่ไหน อย่างไร พุทธศาสนาในไทย ในลังกา ในพม่า ในจีน ใน นาทีที่ 0.57.20 มันก็ ก็พุทธศาสนาหลายอย่างต้องเลือก แต่โดยที่แท้แล้วพุทธศาสนามีอย่างเดียว ไม่ต้องเลือก ฉะนั้นขอให้พบพระพุทธศาสนาอย่างเดียวที่ไม่ต้องเลือก มายื่นให้ประชาชน ก็จะได้กุศลมหาศาล มหา ยิ่งกว่ามหากุศลใด ๆ ให้โลกมีพระพุทธศาสนาที่ดับทุกข์ได้ กุศลมหาศาล แล้วเราก็อยู่ในโลกนี้เราก็พลอยดับทุกข์ได้ด้วยเหมือนกัน
วันนี้ผมขอพูดเพียงเท่านี้ เดี๋ยวนี้แรงมันมีให้พูดเท่านี้ ก็ขอยุติ ขอบพระคุณที่อุตส่าห์มา ให้สวนโมกข์มีประโยชน์ ขออนุโมทนาที่มาแสวงหาธรรมะ ขออนุโมทนาที่มาลองมาประพฤติอย่างพระป่า พระเถื่อน ปฏิบัติธรรมะให้รอบรู้ส่วนที่จะควรจะรอบรู้ ที่มันหาไม่ได้ในมหาวิทยาลัย ขอพูดตรง ๆ อย่างนี้ ขอให้สำเร็จประโยชน์ตามความประสงค์ทุกองค์และทุก ๆ ประการเทอญ ขอยุติการบรรยาย