แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้ดำเนินการประชุม : อยู่ข้างล่างก็ขอนิมนต์ขึ้นกำลังใจกัน ให้มาสมโภชน์โดยปรารภท่านอาจารย์ดังได้กล่าวแล้วในลำดับต่อไปนี้ขอรับผม
ท่านพุทธทาส : เป็นอันว่าผู้ดำเนินการประชุมต้องการให้อาตมาพูดก่อน ให้ผมพูดก่อน นี่ด้วยความประสงค์อะไรก็ไม่ทราบ อาตมาเห็นว่าดีแล้วที่จะทำความเข้าใจกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้อแรกก็คือ จะต้องทราบกันทุกคนว่า งานฉลองอายุ หรือไอ้ที่จะเรียกนี้ อาตมาไม่ได้จัด ไม่ได้เป็นผู้จัด ที่แล้วมามีผู้ขอจัด คือท่านปัญญา แล้วก็ จัดไปตามที่ท่านประสงค์ ท่านต้องการอย่างไร ท่านก็จัดไปอย่างนั้น ดังที่เห็น ๆ กันอยุ่ ครั้นมาถึงปีที่จะถึงครบรอบ ๘๔ ปี ๑๗ รอบนี่ ว่าจะจัด ได้ยินว่าจะจัดกันอีก ก็ท่านปัญญาก็ไม่ได้มาขอร้อง ไม่ได้มาขออนุญาตเพื่อจะจัด แล้วก็เป็นอันว่า อาตมาไม่ทราบเรื่องที่จะจัด แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยประการทั้งปวง บัดนี้กลายเป็นว่า มีผู้จะขอจัดอีก อย่างที่กล่าวเมื่อตะกี้นี้ว่า ท่านปัญญา หรือใคร จะเป็นตัวการ ตัวประธานสำหรับจัด แล้วก็ไม่ได้มา แล้วก็ให้มาประชุมกันเอง เอ้าก็ลองประชุมกัน จะประชุมกันอย่างไร ถ้าให้อาตมาพูดก่อน ก็จะขอพูดความประสงค์อันแท้จริง เกี่ยวกับการที่จะจัดต่อไป นี่ขอได้โปรดฟังให้ดี
ผมหรืออาตมานี่ ขอบพระคุณท่านทั้งหลายบรรดาที่มาประชุม ซึ่งล้วนแต่มีส่วนช่วยจัดมาแล้วแต่หนหลัง เหน็ดเหนื่อยกันมาก ขอขอบพระคุณ วันนี้ก็มากันอีก นี่ก็ต้องขอทำความเข้าใจเป็นพิเศษ ในฐานะเป็นเรื่องอันสำคัญ หรือครั้งสำคัญด้วย ปรารภโดยส่วนรวมก็อยากจะพูดว่า ที่จัดแล้วปีกลายนั้นนะเป็นเรื่องโลภ พระพุทธเจ้ามาเห็น ถ้าสมมุติว่าท่านมาเห็น ท่านจะสั่นพระเศียร ยืนหน้าเบ้ หรือถ้าคนธรรมดาก็จะถ่มน้ำลายรด คือมันเป็นเรื่องโลภเกินไป จัดอย่างงานแซยิด กินกันใหญ่ รับเงินกันใหญ่ แสดงบทบาทอะไรกันใหญ่ ไม่มี มีดนตรี มีรำ มีอะไรนี่ นี่เรียกว่ามันเป็นอย่างจัดงานแซยิด ที่เรียกกันว่า ต่ออายุ หรือฉลองอายุ มีความรู้สึกว่าพระพุทธองค์ สมมุติว่ามาเห็น แล้วก็ทรงว่า ไอ้พุทธทาสบ้า จัดงานอะไรอย่างนี้ เป็น แซยิด แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องของอาตมา ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ข้อนี้ เพราะมีเรื่องผู้จัด ดั้งนั้นถ้าจะจัดกันอีก ขอให้เลิก เลิกความหมายอย่างนี้ เลิกงานแซยิด ไม่จัดอย่างแซยิด ไม่กินกันใหญ่ ไม่รับเงินกันใหญ่ ไม่สนุกกันใหญ่ ไม่หมดเปลืองกันใหญ่ ไม่ลำบากกันมากมาย การทำคนให้ลำบากมากมาย นั้นเป็นบาป ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่ใช่พระพุทธประสงค์ ขอได้โปรดจำไว้ เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย ว่าอย่าทำอะไร ให้คนเป็นอันมากพลอยลำบาก มันผิดหลักกับศีลธรรมวินัย ๘ ประการนั่นแหละ เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ เป็นไปเพื่อความประสงค์กองกิเลส เป็นไปเพื่อเกิดทุกข์ เป็นไปเพื่อทำให้ลำบาก นี่มันผิดธรรมผิดวินัย มันไม่เป็นเรื่องที่ว่าพุทธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นี่เรื่องมันเป็นอย่างนี้
แล้วความหมายของผม หรืออาตมานี้ ไม่ต้องการจะจัดอย่างแซยิด แต่ที่แล้วมานั้น ไม่ได้จัดเอง ไม่ได้บัญชาเอง ไม่ได้ออกความคิดเห็นแม้แต่คำเดียว ไม่ได้ขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะท่านขอจัด มาบัดนี้ถ้าท่านจะขอจัดอีก ก็ขอต่อรองว่าอย่าจัดอย่างนั้นเลย ถ้าเป็นเรื่องจัดอย่างแซยิด ก็เป็นเรื่องฉลองอายุ เป็นเรื่องต่ออายุ ซึ่งไม่ประสงค์ ต้องการจะจัดอย่างล้ออายุ ปีนี้ก็จะขอจัดพิเศษ เป็นกับว่าเลิกอายุ เลิกเรื่องอายุ เลิกปัญหาเกี่ยวกับอายุ ธรรมดาเด็ก ๆ มันก็ต้องรักอายุ ล้ออา หลงอายุ มันก็ มันก็จะต้องต่ออายุ มันเป็นเรื่องไอ้พวกกลัวตาย พวกไม่รู้จักอายุ แต่นี่เราอยากจะล้ออายุ ล้ออายุ ไม่บ้ากับมึงแล้ว แล้วก็จะเลิกอายุ เลิกอายุ เลิกเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับอายุ ขอทบทวนที่ว่าถ้าเด็ก ๆ มันก็หลงอายุ มันรักอายุ มันก็ฉลองอายุ หมดเรื่องเด็กแล้ว มันก็ชักจะสงสัยว่านี่มันบ้าหรือดี มัน มัน ไม่ถูกเรื่องนี้มันไม่ใช่หัวใจของพระพุทธศาสนา นั้นจึงเปลี่ยนเป็นว่า เอ่อ เลิก ล้อ เอ้า ล้ออายุกันสักทีก่อน แล้วเลิกอายุ จบลงด้วยความเป็นอยู่เหนืออายุ หรือเหนือปัญหาของอายุ นี่คือความมุ่งหมายอันแท้จริง แต่ถือว่าปีครบ ๘๔ นี้จะเป็นปีสุดท้าย เป็นปีสุดท้ายในหลายความหมาย ว่าอยากจะพอกันที หยุดกันที เป็นปีสุดท้ายของครบรอบ ๘๔ ปี ด้วย ให้มันเป็นปีสุดท้าย แล้วก็เลิกความยุ่งเหยิงเกี่ยวกับอายุ ล้ออายุ เลิกอายุ แล้วก็อยู่เหนืออายุ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ถูกตรง ตามพระพุทธประสงค์นั่นเอง ทำอย่างแซยิด ฉลองอายุ เลี้ยงกันใหญ่ สนุกกันใหญ่ รับเงินกันใหญ่ อะไรกันใหญ่นี่ มัน มันละอาย แสนที่จะละอาย ละอาย ต่อพระพุทธเจ้า ขอได้โปรดจดจำคำนี้ไว้ด้วย ว่า ผมละอาย ละอาย เหลือที่จะละอาย ต่อพระพุทธเจ้า ในการที่จัดอย่างปีที่แล้วมา แต่ผมก็ยังมีทางออกตัวไม่ได้จัด เพราะคนอื่นขอจัด แล้วก็จัด เดี๋ยวนี้มาแจ้ง หรือรู้ได้ด้วยในตัวเองว่าจะจัดอย่างนั้นอีก ความละอายก็กลับมาอีก รู้สึกละอายต่อพระพุทธเจ้า เรียกว่าทนไม่ไหว จะต้องขอออกปาก อย่าจัดอย่างนั้นเลย จัดอย่างนั้นยุ่งมาก เปลืองมาก เหนื่อยมาก เหนื่อยมาจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้สึกหาย นึก นึกขึ้นมาทีไรก็เหนื่อย เหนื่อยสามปีมาแล้วก็ยังเหนื่อย ความเหนื่อย ความยุ่งยากมันยังไม่หมด แล้วความละอาย ที่ละอายต่อพระพุทธเจ้า ว่าทำอย่างนี้มันไม่สมกับพุทธทาส นี่ก็ยังเหลืออยู่เป็นความละอาย นี่เราจะต้องถือตามความหมาย เพียงหัวใจของพระพุทธศาสนา มุ่งหมายความหลุดพ้นเป็นการใหญ่ เป็น เป็นสิ่งสำคัญ นั้นจึงขอเรียงลำดับว่า เคยหลงอายุ รักอายุ ฉลองอายุ อะไรกันมาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนเป็นล้ออายุ เลิกอายุ แล้วก็ เหนืออายุ นั่นคือความหมายที่เป็นการเหนือกิเลส เรื่องนี้จะขอบรรยายพรุ่งนี้ในเทศนาเกี่ยวกับวันล้ออายุโดยละเอียด ว่าเหนืออายุนั้นเป็นอย่างไร อย่างนี้ที่มันไม่อยากจะ เห็นก็คือว่า กินกันใหญ่ เลี้ยงกันใหญ่ สนุกกันใหญ่ หมดเปลืองกันมาก ลำบากกันใหญ่ มีโอกาสที่แต่แต่ละคนอวดเบ่งกันใหญ่ นิทรรศการนั้น นิทรรศการนี้ แสดงนั้น แสดงนี้ กินอย่างนั้น กินอย่างนี้ อวดเบ่งกันใหญ่ มันเป็นเรื่องสนองกิเลส แล้วก็รบกวนกันใหญ่ เห็นอกเห็นใจ ที่อุตส่าห์มาช่วยจัด ที่ใครบรรทุกของมาด้วยรถยนต์ ก็คงจะรบกวนกันเป็นทอด ๆ ทอด ๆ ลงไปเลย แต่ข้อนี้ก็ขอขอบพระคุณ แล้วก็ทำไปด้วยความรัก ความเอ็นดู แต่ว่ามันจะทำอย่างนั้นอีกไม่ได้ มันผิดพระธรรม ผิดพระวินัย ที่จะเป็นการรบกวนกันใหญ่ ทำให้ลำบากกันใหญ่ พระศาสนาไม่ได้รับผลอะไร ผมขอว่าอย่างนี้ ใหญ่ ๆ ๆ เปลืองมาก อะไรมาก มาก มาก พระพุทธศาสนาไม่ได้รับอะไร ได้รับเพียงแต่ว่า ผู้ทำแยกกันสนองกิเลส อวดเบ่งกันใหญ่ นี่ขอให้พิจารณาดู ใส่ปุ๋ยให้กิเลสกันใหญ่ พูดอย่างนี้ดีกว่า ยิ่งกิเลสมันก็จะอ้วนเท่านั้น ถ้าขืนทำกันอย่างนี้ ในที่สุดมันจะส่งเสริมความเห็นแก่ตัว มันจะส่งเสริมความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด คอยทำทุกอย่าง ทำไป ทำไป เพื่อลดความเห็นแก่ตัว เราจะเปลี่ยนจากการฉลองอายุ แซยิด มาเป็นเรื่องล้ออายุ และเลิกอายุ ซึ่งชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้จักกัน เพราะเขากลัวตาย ก็อยากจะฉลองอายุ จะต่ออายุ จะหล่อเลี้ยงอายุ เอ้าที่นี้มาเปลี่ยนใหม่ ขอให้การกระทำนี้เป็นการล้ออายุ ล้ออายุให้คนที่หลงอายุมันตายเลย ให้มันเป็นลมตายไปเลย ไอ้พวกที่หลงอายุนั่น เรามาล้ออายุให้คนเหล่านั้นตายไปเลย แล้วจะล้อกิเลสที่เคยหลอกเรา เราจะล้อกิเลสประเภท สวยงาม หรูหรา สนุกสนาน ที่มันเคยหลอกเรานี่ เราจะต้องล้อมัน เราจะล้อไอ้สังขาร สังขารธรรมที่มันเคยปรุงแต่ง เราปรุงแต่ง เราปรุงแต่งเรามากมายเหลือประมาณ ไอ้สังขารเหล่านี้ มันปรุงแต่งเรา เราจะจัดงานชั้นที่ล้อมันให้หัวหกตกคะเมนไป ที่เราจะล้อสังสารวัฎที่เวียนว่ายมาหลาย อีกหลายร้อย หลายพันชาติแล้ว ไม่หยุดกันที เป็นการทำบุญ ทำภาวนา ที่เพิ่มความเห็นแก่ตัว ส่งเสริมกิเลส สนองกิเลส ไม่ได้ลดความเห็นแก่ตัว รู้จักแต่จะทำเป็นพิธีรีตรอง พิธีรีตรอง แต่ไม่รู้จักวิธีที่จะกำจัดกิเลส ขอบอกกล่าวเพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย บรรพชิตดัวยกันว่า เรามันรู้จักกันแต่ พิธี ๆ ๆ ไม่รู้จัก วิธี ๆ ๆ ซึ่งที่แท้มันเป็นคำเดียวกัน ภาษาบาลีคำเดียวกัน วิธิ (นาทีที่ 15:57) แปลว่า พิธีก็ได้ แปลว่าวิธีก็ได้ ถ้าเป็นพิธีมันทำอย่างงมงาย ทำด้วยกิเลส มันก็เป็นเรื่องไสยศาสตร์ไปในที่สุด แม้แต่จะคิดล้ออายุ จะต่ออายุนี่ มันก็เป็นเรื่องไสยศาสตร์ ถ้าเป็นเลิกอายุ มันจะเป็นพุทธศาสตร์ ถ้าเป็นวิธี ๆ ๆ กำจัดกิเลส กำจัดกิเลสให้แหลกละเอียดไป โปรดช่วยจำคำ คำนี้ คำเดียว จะ ๒ ความหมาย ถ้าเป็นพิธีก็เป็นไสยศาสตร์ ถ้าเป็นวิธีก็เป็นพุทธศาสตร์ เราจะทำให้เป็นวิธีที่จะกำจัดกิเลส กำจัดอวิชชาของเราเอง จะทำการเลิก ล้ออายุ เลิกอายุ อยู่เหนืออายุให้สุดความสามารถ อย่าให้ผีหัวเราะ ทำอย่างส่งเสริมกิเลส กินกันใหญ่ สนุกกันใหญ่ รับเงินกันใหญ่ อวดเบ่งกันใหญ่ ผีมันหัวเราะ ผีตามต้นไม้มันหัวเราะ เทวดาก็หัวเราะ คนป่าดึกดำบรรพ์โน่นถ้ามันมาเห็นก็หัวเราะ เพราะคนป่าสมัยดึกดำบรรพ์โน่น มันก็ไม่ทำอะไรบ้าบอมากอย่างนี้ เหมือนคนเดี๋ยวนี้มันบ้าบอกิเลสชักจูงมากเกินไป คนป่าที่ไม่นุ่งผ้าสมัยหมื่น แสนปี ล้านปีมันก็หัวเราะเหมือนกัน อย่าทำให้ผีหัวเราะ อย่าให้เทวดาหัวเราะ อย่าให้คนป่าหัวเราะ อย่าให้ตุ๊กแกมันหัวเราะ อย่าให้จิ้งจกมันทัก ขอให้เป็นอย่างนั้น ขอให้ทำถูกต้อง ถูกต้อง ชนิดที่ไม่ถูกหัวเราะโดยคนเหล่านั้น ทำให้เป็นตัวอย่างที่คนชั้นหลังจะถือเอาเป็นตัวอย่างได้ ให้เป็นการท้าทายกิเลสคือ ความเห็นแก่ตัว กูจะไม่เอากับมึง ความเห็นแก่ตัวในความหมายใดใดก็ดี แล้วขอเอ่ยอีกสักทีหนึ่ง คำหนึ่งคำสูงสุดว่าขอเป็นไปอย่างอตัมมยตา อย่าให้กิเลสบวกหรือกิเลสลบ มันผลักไสปรุงแต่งไปในทางใด ๆ ขอร้องในที่สุด ขอร้องในที่สุดว่า นี่เป็นการกระทำครั้งสุดท้าย ชิ้นสุดท้าย แล้วก็ไม่ต้องทำกันอีกต่อไป ทำให้ดีให้พิเศษ ให้สุดความสามารถ ให้สุดจิตสุดใจ สุดทั้งหมดแหละ แต่ว่าเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้ามันเป็นครั้งสุดท้าย ต้องทำดีที่สุด งั้นก็ขอให้ช่วยกันทำให้ดีที่สุด ให้เป็นไปตามอุดมคติอย่างที่ว่ามาแล้ว ของการบำเพ็ญบุญ ประเภทล้ออายุ เลิกอายุ แล้วก็อยู่เหนืออายุ ถ้าสมมุติว่าพระพุทธองค์เสด็จมาเห็นเข้าจะทรงสรรเสริญ จะทรงอนุโมทนาว่า พุทธทาสแกทำดีแล้ว ให้เป็นอย่างนี้ ต้องการอย่างนี้ ให้มันเป็นสุดท้ายอย่างนี้ ของที่มันเกินไปนั้นไม่ต้องทำ เขียนลงไปในรายการที่พิมพ์มาก็จะทำงานธรรมโฆษณ์คอมพิวเตอร์ บรรจุคอมพิวเตอร์ ขอแสดงความสงสารว่า บ้าที่สุด โง่ที่สุด ไอ้คอมพิวเตอร์ ไอ้ยักษ์ตาบอด ยักษ์ตาบอดไม่เอากับมึง ไอ้คอมพิวเตอร์ไม่มีความหมายใด ๆ มันไม่ใช่บอกความผิดไม่บอกความถูก ไม่บอกความจริง บอกไม่ได้ ได้แต่ช่วยจำไอ้ยักษ์ตาบอด ไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ พอตัดออกไปได้ เรื่องของสวนโมกข์ไม่มีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะจัดว่ามันเป็นยักษ์ตาบอดไม่เอากับมึง จะเอาหัวสมองของคน มนุษย์ที่รู้จักดีรู้จักชั่ว รู้จักแยกแยะกลั่นกรองว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรดี อะไรชั่ว ขอถวายความคิดอันนี้ไว้กับ เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย ถ้าสมมติว่ามีใครจะหันไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วขอให้ได้พิจารณาคำพูดนี้ก่อน ซึ่งขอพูดย้ำอีกทีว่ายักษ์ตาบอดอย่าไม่เอากับมัน มันไม่อาจจะบอกว่า ถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว ตรงไหน ไม่ได้ มันมีแต่จำอย่างตะพรึด ผิดก็จำอย่างผิด ถูกก็จำอย่างถูก มันไม่ใช่ชำระให้เกิดความถูกต้องได้ เรื่องธรรมโฆษณ์สัญจร ขออย่าได้จัดเพื่อเอาหน้า เอาตา เพื่ออวดเบ่ง ขอให้จัดอยู่อย่างเงียบ ๆ ๆ ๆ ตลอดเวลา แสดงด้วยเสียงที่ไม่ต้องพูด คือแสดงกริยาท่าทางเป็นอยู่ให้ถูกต้อง เป็นพระให้ถูกต้อง แล้วมันก็เป็นการแสดงธรรมที่ดีที่สุด ไอ้สัญจรอะไรก็ไม่รู้คราวก่อนเที่ยวรบกวนกันยุ่งไปหมด มีการทะเลาะเบาะแว้งต่อว่าต่อขาน ไม่ไม่เป็นธรรมะไม่เป็นวินัย ขอให้ทำตลอดปีธรรมะสัญจรทำตลอดปี ทำตลอดชีวิต เงียบสงบแสดงธรรมะสูงสุดอยู่ที่เนื้อที่ตัวของผู้ปฎิบัติ ได้เห็นสมณะแล้วเป็นการดี นี่ขอให้ทำสัญจรกันอย่างนี้ หนังสือที่ระลึกนั้น ไม่ ไม่ต้องช่วยทำ คนอื่น คนอื่นช่วยทำ ทำไม่ได้ ทำเอง หนังสือที่ระลึกอายุ ๘๔ ปีนั่น ขอทำเอง จะขอร้องก็คือว่า อะไรเรื่องอะไรมันดีมันดับทุกข์ได้ช่วยพิมพ์เผยแผ่ พิมพ์เผยแผ่โฆษณากันตลอดเวลาก็แล้วกัน นั่นเรียกว่าถ้าจะเป็นที่ระลึก ผมตายไม่ต้องสร้างเจดีย์ ไม่ต้องสร้างอนุสาวรีย์ ขอร้องว่าอย่าทำเลย ทำแล้วบ้า อนุสาวรีย์ทางวัตถุไม่พึงประสงค์ กับทางธรรมะที่ได้ใส่ไว้ในจิตใจของเพื่อนมนุษย์ทั่วๆ ไปทั้งโลกนี้ ขอเอาอันนี้เป็นอนุสาวรีย์ ขอให้ถือเป็นหลักไว้อย่างนี้เถิด แล้วที่อยากจะบอกล่วงหน้าว่าไอ้งานชิ้นสุดท้ายของพระศาสนานี้ มันมีแต่การทำความเข้าใจระหว่างศาสนา การทำการศึกษาให้รู้ศาสนาของตน ภายในศาสนานี่ทำแล้ว เฟ้อแล้ว ขอใช้คำว่าอย่างนี้ดีกว่า เฟ้อจนคนอ่านไม่ไหว คิดไม่ไหวแล้ว เกินที่จะอาไปคิดไปศึกษาแล้ว แต่ว่าโลกก็ยังไม่มีสันติภาพ คิดดูสิ ความเจริญทางวัตถุของโลกก็เหลือประมาณวิเศษวิโส อิเล็กทรอนิกส์ อวกาศ ปรมาณูมันก็เหลือเกินแล้ว แต่โลกมันก็ยังไม่มีสันติภาพ ศาสนาทั้งหลายก็มีแต่ทะเลาะกัน แยกเขี้ยวใส่กัน ขออภัยใช้คำหยาบไปหน่อย ศาสนาทั้งหลายมันยังยิ้มกันไม่ได้ ยังมีเจตนาร้าย ที่มุ่งทำลายต่อกัน ศาสนามันเป็นซะอย่างนี้ แล้วโลกนี้มันจะมีสันติภาพได้อย่างไร นั้นขอได้โปรดสนใจไว้เถอะว่าสันติภาพจะมีมาได้ในโลกก็เพราะว่าศาสนาทั้งหลายร่วมมือกันกำจัดความเห็นแก่ตัวของคนในโลก แล้วโลกนี้ก็จะมีสันติภาพ นั้นถ้าเห็นแก่ผม สงสารผม เอ็นดูแล้วก็อยากจะร่วมมือล่ะก็ขอให้ช่วยกันในแง่นี้ แง่ที่ทำความเข้าใจระหว่างศาสนา ช่วยกันมาร่วมมือด้วยอาศัยศาสนาของตน ของตน ไม่ต้องรวมศาสนา มันเป็นสิ่งที่รวมไม่ได้ ศาสนามันรวมไม่ได้ แต่ว่าร่วมมือกันได้ ศาสนาไหนมีวิธีกำจัดความเห็นแก่ตัวอย่างไร ก็ขอให้ใช้วิธีของศาสนานั้น ๆ กำจัดความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ในโลกคนละไม้คนละมือ ความเห็นแก่ตัวลดลงไปเท่าไหร่ สันติภาพก็จะเกิดขึ้นเท่านั้น งั้นความหวังในบั้นปลายแห่งชีวิต สุดท้ายแห่งชีวิตนี้ มุ่งหวังแต่จะทำความเข้าใจระหว่างศาสนา
นี่เป็นอันว่าผม หรืออาตมาได้แถลงความจริงใจ รู้สึกหรือความรู้สึกแก่ท่านทั้งหลายถึงที่สุดแล้ว ว่ามีความรู้สึกอย่างนี้ ละอายพระพุทธเจ้าเต็มทีแล้ว ถ้าเราจะจัดอย่างงานแซยิด แล้วก็เหนื่อย เหนื่อยไม่รู้จักหายต้องทำให้คนเป็นอันมาก จำนวนมากพลอยเหน็ดเหนื่อยรวมกันแล้วมันเหลือประมาณ นี่มันเหนื่อย เหนื่อยใจ จึงขอร้องว่าอย่าได้เป็นไปเช่นนั้นอีกเลย ดังนั้นถึงเมื่อใครจะมาขอจัดงานล้ออายุ เลิกอายุกันใหม่ ขอให้ทำไปตามวัตถุประสงค์อันนี้ ขออย่าได้ทำไปในลักษณะที่ทำมาแล้ว ละอายพระพุทธเจ้าจนไม่รู้ว่าจะเอา ละอายไปถึงไหนแล้ว เหนื่อย และไม่พอใจในการกระทำของตัวเองแล้ว ยกมือไหว้ตัวเองไม่ได้เลยด้วยประการทั้งปวง ท่านทั้งหลายที่เป็นมิตรสหายก็ดี ที่เป็นที่เคารพนับถือก็ดี เป็นศิษย์หาอะไรก็ดี ขอได้โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงอันนี้ ด้วยความรู้สึกอันนี้ ถ้าใครจะมาขอจัดงานเกี่ยวกับอายุ ขอให้จัดไปในทำนองล้ออายุ เลิกอายุ และอยู่เหนืออายุ ขอให้จัดอย่างนั้น เรื่องที่จะต้องพูดก่อน ก็มีอย่างนี้ ขอถวายและขอบอกกล่าวความรู้สึกแก่ท่านทั้งหลายที่เป็นคฤหัสถ์ เป็นบรรพชิต ว่ามีความรู้สึกอย่างนี้ ถ้าจะจัดงานปีสุดท้าย ชิ้นสุดท้าย ชั้นเลิศที่สุด ประเสริฐที่สุดเกี่ยวกับอายุของผม หรือของอาตมานี่มันมีเท่านี้แหละ ขอให้งานล้ออายุ เลิกอายุ อยู่เหนืออายุนั้น เป็นธรรมะเป็นวินัยทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีส่วนใดที่จะเป็นการสนองกิเลส และก็อยากจะซ้อมไว้ตั้งแต่ปีนี้ คือพรุ่งนี้มาพูดกัน พรุ่งนี้มาพูดกันว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร
เรื่องซ้อมมือหัวแต่ปีนี้ก็จะทำดีที่สุด ถึงที่สุดในปี ปีหน้าปีที่จะครบรอบ ๗ รอบ พรุ่งนี้มาพูดกัน ทำความเข้าใจกันว่าจะทำอย่างไร จะพูดกันให้สิ้นเชิง ให้สิ้นเชิง สรุปความว่าให้พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนาด้วย และก็ให้เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ใครจะจัดงานเกี่ยวกับอายุนี้ด้วย ไม่เอาเงิน ไม่เอาแรง ไม่เอาเวลา มาละเลงเล่น เพื่อสนองกิเลสโดยประการทั้งปวง นี่เรื่องที่ผม หรืออาตมาอยากจะขอเสนอความประสงค์ ความต้องการ หรือข้อแนะนำอะไร ว่าถ้าจะช่วยจัด เลิก ล้อ ล้อเลิกอายุให้เป็นที่พอใจแล้ว ขอได้มุ่งหมายหลักเกณฑ์ตามที่กล่าวมาแล้วนั้นทุกประการ
ผมเดี๋ยวนี้ไม่มีแรง บางวันจะลุกจากที่นอนก็ยังลุกขึ้นจากที่นอนลำบาก แต่มันก็ประหลาดที่มันสบายดี มันไม่เจ็บปวดตรงไหน มันไม่ทรมานที่ตรงไหน ความจำก็เริ่มหมดไป เหลือไม่กี่มากน้อยแล้ว ตาก็อ่านหนังสือกับเขาไม่ได้แล้ว รู้สึกว่าเกิดมาในโลกที่แสนจะลำบากแล้วที่หนังสือพิมพ์มันพิมพ์ตัวเล็ก ๆ มากขึ้นทุกที จนอ่านไม่ได้แล้ว นี่พูดถึงสังขารมันเป็นอย่างนี้ มันควรจะล้อ หรือเลิก หรืออยู่เหนือปัญหาแห่งอายุหมดสิ้นโดยประการทั้งปวง ขอแสดงความขอบคุณที่มาประชุมนี้ เจตนาดีอย่างนี้ ก็พูดออกไปนี้ด้วยความรู้สึกที่ปกติโดยจิตใจไม่เชื่อไปเอาหมอมาจับชีพจร วัดความดันดู ไม่ได้เครียด ไม่ได้พูดด้วยความเครียด มีแต่ความรู้สึกไม่เครียดอะไร พูดด้วยความรู้สึกปกติว่ามันเป็นอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้ จึงขอฝากถวายไว้อยุ่ในความคิดนึกของท่านทั้งหลาย แล้วก็ต้องหยุดพูดเพราะมันเหนื่อยแล้ว มันไม่มีไม่มีแรงจะพูดแล้ว ขอยุติที
สาธุ
ผู้ดำเนินการประชุม : ทุกท่านได้ฟังความรู้สึกในเบื้องต้นของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์แล้ว รายการที่เตรียมมาประชุมอย่างไรบ้างเราก็จะพิจารณาไปกันตามลำดับ แต่คงจะตัดกันได้หลายข้อ อย่างไรก็ตามในห้วงเวลาที่มีการประชุมนั้น กระผมเห็นว่าพระเดชพระคุณท่านอาจารย์จะไปพักก็แล้วแต่อัธยาศัยท่านอาจารย์ เพราะว่าเรามีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัด เป็นประธานรวมมติของเราที่จะประพฤติกระทำเพื่อบูชาท่านอาจารย์ตามความรู้สึกสนองความประสงค์ท่านนี้อยู่ ในที่สุดก็ต้องทำ เพราะมติออกมาว่าต้องทำตามที่ท่าน อาจารย์ประสงค์ให้ทำ