แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้เป็นพรหมจาริณีทั้งหลาย อาตมาขอแสดงความยินดีในการบวช และการมาที่นี่ของท่านทั้งหลาย เป็นการกระทำที่ดี เป็นการได้ที่ดี ที่ได้ทำอย่างนี้ แม้จะชั่วเวลาไม่ได้ตลอดไป แต่ว่าสิ่งที่เรียกว่าพรหมจรรย์นั้นมีหลายอย่างที่ประพฤติได้ตลอดไป พรหมจาริณีแปลว่าผู้ประพฤติพรหมจรรย์ บางอย่างประพฤติได้ตลอดไป แต่ที่ทำเป็นพิเศษ เฉพาะครั้งคราว เช่นบวชมากไปกว่าปกติธรรมดา ปกติธรรมดานั้นอยู่ที่บ้านที่เรือนนี้กล่าวตามอรรถกถาคำว่าพรหมจรรย์นี่ หรือลึกลงไป เช่นการกระทำที่ยังเป็นขั้นต่ำๆ แต่ถ้าทำสม่ำเสมออย่างเคร่งครัด อย่างอุทิศแท้จริงก็เรียกว่าพรหมจรรย์ได้เหมือนกัน หมายความว่ามันทำยาก ทำลำบาก หรือว่าต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง แม้แต่ว่าจะไม่ตื่นสาย จะไม่บ้านอน ได้ทุกวันๆ ไม่ขาดเลยนี่ก็เป็นพรหมจรรย์ชนิดหนึ่ง ตักบาตรทุกวันก็ยังเป็นพรหมจรรย์ได้ เว้นอะไรได้อย่างจริงจังทุกวันๆ ก็เป็นพรหมจรรย์แต่ว่าเป็นในขั้นต่ำ ซึ่งพรหมจรรย์อย่างนั้นก็รักษาไว้ด้วย ที่มาบวชอย่างนี้เป็นพิเศษมันก็เป็นครั้งคราว เป็นชั่วขณะก็หมายความว่าทำให้มันสูงขึ้นไป จะเรียกกันว่าปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม ชนิดที่ไม่สะดวกจะทำที่บ้าน โดยเฉพาะการฝึกจิตใจคือทำสมาธิ ภาวนาจิต ภาวนา นี่เราก็ต้องแยกทำเป็นพิเศษถึงจะได้ความอดกลั้นอดทนเสียสละ มานะ พยายามเอาจริงเอาจังพักหนึ่ง ก็ได้ผลสูงขึ้นไปแล้ว จะได้ผลทางจิตใจหรือว่าจะรักษาศึลให้พิเศษยิ่งขึ้นไปมันก็ได้มากกว่าที่อยู่ที่บ้านมันจึงเป็นพรหมจรรย์ที่สูงขึ้นไป ฝึกเสียสละ อดกลั้น อดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ตามใจกิเลส ไม่ตามใจตัวเอง ไม่ตามใจกิเลส ไม่เห็นแก่ตัว นั่นแหละขูดเกลาอย่างมากก็เป็นพรหมจรรย์ที่สูงขึ้นไป จนเขาเรียกว่าตบะพรหมจรรย์ ตบะนั้นแปลว่าเผา เช่นเผาให้ใหม่หมดไป คำนั้นมันของเดิมมันใช้อย่างนั้น ทีนี้เราก็มาบำเพ็ญตบะ เผาก็ต้องรวมเรียกกันว่ากิเลส กิเลสเผาได้หรือจะเรียกว่าสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในตัวเราก็เผาไปเสียให้หมดคราวนี้ ตบะเป็นหัวใจของพรหมจรรย์ พรหมจรรย์เป็นพื้นฐานของตบะ อะไรที่ไม่ควรมีอยู่ในตนเผาให้หมดเลย ไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป อย่างนี้ก็เป็นตบะพรหมจรรย์ มันเลยไปถึงเผากิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ทำว่ากิเลสนี้จำกันไว้ง่ายๆ ว่ามันเป็นความรู้สึก ที่ทำให้ร้อน แล้วก็ทำให้เศร้าหมอง สกปรก กิเลสประเภทหนึ่งเป็นกิเลสประเภทบวกดึงเข้ามาหาตัว เอากันมาเป็นของตัวเรียกว่าเป็นกิเลสประเภทบวก เช่นโลภะ ดึงเข้ามา และยิ่งกว่านั้นก็เป็นราคะ ความกำหนัดยินดี คือกิเลสประเภทหนึ่งผลักออกไปหรือทำลายฆ่าตีรันฟันแทง ด่าทอ เช่นโทสะ โลภะ นั่นคือกิเลสลดผลักออกไปหรือทำลายเสีย กิเลสประเภทหนึ่งไม่แน่ว่าอย่างไรดีคือไม่แน่ว่าผลักออกหรือดึงเข้ามาก็สงสัยอยู่นั่นแหละ สงสัยมัวเมาอยู่อีกแบบหนึ่งด้วยความสงสัยทั้งที่ไม่เข้าใจ กิเลสเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดหรือเรียกว่าเผา คำว่าตบะทีนี้การที่จะเผามันก็ต้องมีสิ่งหนึ่งคือความอดกลั้น อดทนก็เรียกเป็นบาลีว่า ขันติ ชาวบ้านชอบเรียกว่า ขันตี บาลีแท้ๆ เรียกว่า ขันติ อดกลั้นอดทนได้เท่าไรก็เป็นการเผาได้เท่านั้นแหละ ขันตินั้นเป็นตัวตบะคือเผาไม่ใช่ว่าอดทนร้องไห้ นี่ไม่ใช่ บางทีร้องไห้ก็ได้ แต่ว่าอย่ายอม ก็เผานะ อดทนต่อผู้อื่น แม้จะเจ็บปวด แม้จะต้องประพฤติพรหมจรรย์ด้วยน้ำตาคำอย่างนี้มีในบาลี มีในคัมภีร์ว่า ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยน้ำตา น้ำตาชนิดนี้เป็นน้ำตาที่ทำลายกิเลส น้ำตาบ้าบออย่างอื่นนั้นไม่ได้เอามารวมที่นี่ ความอดกลั้นอดทน ไม่ยอมให้เสียวัตรปฏิบัติจนน้ำตาไหล ก็เรียกว่าประพฤติพรหมจรรย์ด้วยน้ำตาเป็นตบะ เป็นขันติอย่างยิ่ง แล้วก็มีโอกาสที่จะปฏิบัติถึงขนาดนี้ในการออกบวชแม้ชั่วคราวอย่างนี้เรียกว่าประพฤติพรหมจาริณี ปฏิบัติได้เท่าไรมันก็เป็นพรหมมากขึ้นเท่านั้น เดี๋ยวนี้ยังมีพิเศษ ยังมาขอฟังธรรมะ รวมอยู่ในการประพฤติพรหมจาริณี เลือกเอาเวลาอย่างนี้เพราะว่าเป็นเวลาที่จิตใจเหมาะสมไปพักผ่อนมาพอแล้วมันก็สดชื่นแจ่มใส พร้อมที่จะเบิกบานเหมือนดอกไม้บาน เวลาเช้า พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้เวลาหัวรุ่ง เป็นเวลาสูงสุดของจิตที่สดชื่นซึ่งเราก็ยินดีพอใจที่จะเลือกเอาเวลานี้มาเป็นเวลาสำหรับพูดจากัน คนที่เห็นแก่นอนก็ยังนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง นอนเวลานี้สบายที่สุด สบายเท่าไร อดกลั้นได้ก็เป็นพรหมจรรย์เท่านั้นแหละ จึงพูดว่าไม่นอนสาย ไม่นอนคลุมโปง ทำได้ทุกวันๆ ก็เป็นพรหมจรรย์ชนิดหนึ่งด้วยเหมือนกัน ถ้าเรามาตั้งใจเป็นพิเศษมันก็เป็นมากขึ้น เดี๋ยวนี้ก็เลือกเอาเวลาที่อยากจะนอนมาบรรยายพูดจากันตั้งใจฟังให้ดีย่อมจะสำเร็จประโยชน์ หัวข้อบรรยายในวันนี้ว่าโลกบ้า หรือธรรมะบ้า โลกเป็นของบ้า หรือธรรมะเป็นของบ้า มันเป็นปัญหาที่จะต้องคิดต้องใคร่ครวญจึงจะรู้จึงจะมองเห็นที่เรามาบวชกันคราวนี้หลายๆ คนที่อยู่ที่บ้านว่าบ้า มาบวชบ้าๆบอๆ นี่มันก็ว่าบ้า เรามาบวชก็เห็นว่าคนไม่รู้จักบวชมันบ้า ต่างฝ่ายต่างหาว่าบ้า อย่างนี้จึงมีปัญหาขึ้นว่าฝ่ายโลกมันบ้าหรือฝ่ายธรรมะมันบ้า ที่จริงมันก็มีโอกาสบ้ากันทั้งสองฝ่าย บ้าโลกก็บ้าได้ บ้าธรรมะก็บ้าได้ บ้าวิปัสสนาจนเป็นบ้ามันก็มีถมไป ก็ดูให้ดีแล้วเห็นว่ามันมีทางที่จะบ้าด้วยกันได้ทั้งนั้น แต่ถ้าตามที่เป็นจริงมันควรจะว่าอย่างไร โลกบ้า หรือธรรมะบ้า ก็พอใจในเรื่องโลกๆ ก็พวกปฏิบัติธรรมก็บ้า พวกปฏิบัติธรรมก็ว่าพวกที่อยู่จมปลักอยู่ในโลกมันก็เป็นคนบ้า นี่เราจะพบเห็นความเป็นปัญหาบางคนรักธรรมะ บางคนเกลียดธรรมะ ชอบธรรมะก็มี ชังธรรมะก็มี มันต่างกันอยู่เป็นสองอย่าง บางพวกเห็นว่าธรรมะดี บางพวกเห็นว่าป่วยการไปกินเหล้า ไปเล่นไพ่ดีกว่า ถ้าธรรมะดีทำไมคนไม่ชอบกันทั้งโลก มันแบ่งเป็นสองพวก พวกที่ไม่สนใจธรรมะเอาเสียเลยมันก็มีเหมือนกัน ก็มีอะไรบ้า อะไรดีไปตามแบบของเขามันก็เลยเกิดเป็นคนสองพวกขึ้นมาในโลกนี้ว่าเป็นบัณฑิต แล้วก็เป็นอันธพาล เขาว่าบัณฑิตแปลว่าผู้มีปัญญดา (นาทีที่ 15.16) แปลว่าปัญญาเครื่องกระทำซึ่งความรอด ในแบบปัญญดา (นาทีที่ 15.17.9) และปัญญดา อิตะ (นาทีที่ 15.22) ก็เรียกบัณฑิต แปลว่ามีปัญญาเครื่องทำความรอดให้แก่ตัวเอง อันธพาลแปลว่าโง่เขลา มืดบอด อันธะมืดบอด พาละแปลว่าอ่อน อ่อนจากสติปัญญานี่เรียกว่าอันธพาล บัณฑิตกับอันธพาลก็ไม่มีความเห็นที่ตรงกันได้ งั้นไม่เป็นบัณฑิตไม่เป็นอันธพาล ก็อันธพาล และบัณฑิตก็บ้าไปตามแบบ จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่าโลกบ้า หรือธรรมะบ้ามีคนไม่ชอบธรรมะอยู่มากมายไม่มีประโยชน์ บางทีเขาก็ว่ามันดีเกินไปก็มี นี่ก็บ้าพิเศษ ธรรมะดีเกินไป นิพพานดีเกินไปฉันไม่เอาแล้ว อย่างนี้มันก็มีอยู่นะระวังให้ดีก็มันน่าห่วงที่ว่าในคนๆเดียวกันนั้นคนๆเดียวแท้ๆ บางเวลาเป็นบัณฑิต บางเวลาเป็นอันธพาล คนๆเดียวกันแท้ๆ บางเวลามีลักษณะเป็นบัณฑิต บางเวลามีลักษณะเป็นอันธพาล ทำอะไรเลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อก็ได้คนๆเดียวกันนั้น ทีนี้มันก็บ้าได้ดีได้ในบุคคล คนเดียวกันนั้น ชำระสะสางปัญหาข้อนี้ดีมันมีพวกหนึ่งรักธรรมะ มีพวกหนึ่งปฏิบัติธรรมะ แต่มากกว่านั้นก็ในคนๆเดียวกัน บางเวลารับเอาธรรมะ บางเวลาปฏิเสธ กูไม่เอา นี่มันเป็นปัญหาอย่างนี้ เราจะอยู่ไป เราจะเอากันอย่างไร เราจะทะเลาะเถียงกันต่อไปอีกเท่าไร ในคนๆเดียวกันมันก็ยังมีการทะเลาะ ดึงกันไปดึงกันมาระหว่างความเป็นบัณฑิตความเป็นอันธพาลเรียกว่าความรู้สึกฝ่ายต่ำ กับความรู้สึกฝ่ายสูงทะเลาะกันเรื่อยไปผลัดกันหาว่าบ้ามาบวชเป็นพรหมจารี พรหมจาริณีก็หมายความว่าจะต่อสู้ให้มันเด็ดขาดเสียที นี่ฝ่ายธรรมะมันชนะ มันก็นับว่าดีได้กำไรได้ประโยชน์เป็นสิ่งสูงสุดในชีวิตดูที่จิตเป็นหลักบางคนมีจิตเป็นโลก เป็นโลกียะ บางคนมีจิตเป็นธรรม เป็นธรรมิก คนที่มีจิตเป็นโลกมันก็บูชาโลก หลงใหลในอารมณ์ของชาวโลก พูดตรงๆก็ว่ากามารมณ์คือหลงใหล ในภาษาศาสนาเรียกว่าเนื้อหนัง เรื่องเนื้อหนังไม่ใช่จิตใจ จิตใจที่โง่มาเป็นทาสของเนื้อหนัง มาบูชาเนื้อหนัง กิจกรรมทางเพศ กิจกรรมระหว่างเพศ บูชากันนัก ที่จริงมันเป็นสิ่งที่เรียกบ้า บ้าวูบเดียวเท่านั้น กิจกรรมทางเพศน่าเกลียดนะ ถ้าไม่น่าเกลียดทำไมต้องปกปิดล่ะ ถ้าไม่น่าเกลียดทำไมไม่ทำกันกลางถนนล่ะ มันต้องปกปิดแล้วก็สกปรกนะ เป็นเรื่องที่ไม่ใช่สะอาด แล้วก็กินเรี่ยวกินแรงมากสุดเหวี่ยงเลย แล้วมันก็ง่ายจนสุนัขก็ทำเป็นนะ แล้วผลที่ได้รับคือบ้าวูบเดียว ทำไมจึงบูชากันนัก จะหาให้เอาอย่างวิเศษจะแข่งกับเทวดาก็ยิ่งบ้าใหญ่ นี่เรียกว่าถ้ามันบ้าแล้วมันก็บ้าขนาดหนักอย่างนี้ เรื่องน่าเกลียดสกปรกกินแรงงานมากหมาก็ทำเป็นอย่างนี้ มันก็ยังบ้ากันได้ คิดดูให้ดี อย่างธรรมะบ้า เรียกว่าโลกบ้า ฝ่ายไหนบ้ากันแน่ ในเมื่อฝ่ายธรรมะไม่ส่งเสริมเรื่องกามารมณ์ ฝ่ายโลกมัวเมาในกามารมณ์มันก็ต้องเถียงกันว่าใครบ้า คนที่จิตเป็นโลกก็บูชาอบายมุข เขาว่ากันว่าบางคนยอมหย่าผัว ไม่เลิกเล่นไพ่ มีข้อเสนอเด็ดขาดว่าถ้ายังชอบเล่นไพ่ก็ต้องหย่ากัน บางคนก็สมัครหย่าผัวเพื่อจะเอาการเล่นไพ่ไว้ นี่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายบ้า ผัวบ้าหรือเมียบ้า ทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ คนที่บูชาโลกก็ชอบความเอร็ดอร่อยทางเนื้อทางหนังทางวัตถุ ทางสิ่งมึนเมายังไปชอบอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร จนเป็นปัญหาเต็มไปหมด แล้วเดี๋ยวนี้เกิดของใหม่ที่ไม่เคยมีคือยาเสพติด เดี๋ยวนี้ยาเสพติดเป็นปัญหาของโลก เป็นปัญหาใหญ่ของโลก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจเช่นอเมริกาก็มีปัญหาใหญ่ คือยาเสพติดมันบ้า ให้คนป่าหัวเราะ ให้ลิงหัวเราะ สมัยคนป่าหรือฝูงลิงมันไม่มีปัญหาอย่างนี้ ทำไมมันมีปัญหากับมนุษย์ถึงขนาดนี้ พวกบ้ากามารมณ์ก็มีพระเจ้าสูงสุดเรียกว่ากามเทพ พระเจ้ากาม พวกที่บ้าน้ำเมาก็มีพระเจ้าสูงสุดเรียกว่าโสมเทพ โสมะแปลว่าน้ำเมา มีกามเทพ มีโสมเทพมาด้วย ถึงกับบูชาเซ่นสรวงโสมเทพด้วยเหล้า ทำพิธีรีตองอะไรมีเนื้อมีกับเพื่อบูชาโสมเทพ เพื่อบูชากามเทพ อะไรก็บูชากามเทพ ไอ้วันวาเลนตีน หรือวาเลนไทน์นี่ระวังให้ดี หลายๆ ประเทศบูชากามเทพ ให้ระวังกันไว้บ้าง นักเรียน นักศึกษาทั้งหลาย นี่เป็นเรื่องของโลก เป็นเรื่องของคนที่มีจิตเป็นโลกก็บูชาเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ กินดีจนไม่รู้จะกินอย่างไร กินเกินความถูกต้องเกินความจำเป็น บูชากามเรื่องทางเพศ แล้วก็บูชาเกียรติเหมือนกับกิ้งก่ายกหัวเพราะมันแสดงความมีเกียรติหยิ่งยโส คนก็เป็นกิ้งก่ามากกว่ากิ้งก่าเสียอีก บูชากิน บูชากาม บูชาเกียรติ ฝ่ายหนึ่งก็ชอบการบูชาตีรันฟันแทงชอบด่า ด่าติดปาก ด่าประพฤติ ชอบตีรันฟันแทง เพียงแต่ใครมองหน้าก็ชกปากเสียนี่ เป็นอันธพาลกันถึงขนาดนี้เรียกว่ามีจิตเป็นโลภคนจิตเป็นโลก ถ้ามีจิตเป็นธรรมมันก็ตรงกันข้าม ตรงกันข้ามอย่างที่ว่ามาแล้วมีความหมายเป็นบัณฑิตไม่ใช่อันธพาลไม่บูชาเพศรสหรือเมรัย เพศรสคือรสจากเพศตรงกันข้าม เมรัยก็คือของเมาที่ตั้งแห่งความเมาในโลกนี้ก็คือเพศรสและเมรัย เขาเรียกกันอย่างนั้นไม่บูชาโสมเทพ ไม่บูชากามเทพ แต่ว่าบูชาพระรัตนตรัยยิ่งไปกว่าเทพเสียอีก คนมีจิตใจเป็นธรรมบูชาพระเจ้าตรงกันข้าม มันไม่ได้ทำงานเพื่อกินกามเกียรติ ไม่ได้ทำงานมาหล่อเลี้ยงกิเลสตัณหา แต่มันทำงานเพื่อความสะอาด ความสว่าง ความสงบของชีวิต สะอาดก็แปลว่าไม่มีสกปรกไม่มีความลับ ไม่โง่ สงบ คือเยือกเย็นเป็นสุข เป็นนิพพาน คือชอบสงบทำอะไรๆก็เป็นไปเพื่อชีวิตที่เยือกเย็นเป็นชีวิตที่สงบ ชีวิตที่สะอาด สว่าง สงบมันก็เป็นชีวิตที่ไม่กัดเจ้าของ ระวังให้ดีเรามีชีวิตที่กัดเจ้าของหรือไม่ กัดด้วยความรักบ้าง กัดด้วยความโกรธบ้าง ด้วยความเกลียด ด้วยความกลัว ตื่นเต้น วิตกกังวลอาลัยอาวรณ์บ้าง อิจฉาริษยาบ้าง หึงบ้างหวงบ้างนี่มันกัดทั้งนั้นแหละ เพราะมันไม่ใช่ธรรมะ ดูให้ดีสุนัขมันยังไม่กัดเจ้าของ ไม่เคยได้ยิน แต่ชีวิตนี่ทำไมมันบ้าถึงขนาดกัดเจ้าของ ความบ้าเหล่านี้ควรจะล้างออกไป มาบวชพรหมจารีชั่วขณะก็เรียกว่าล้างกันใหญ่ อาบน้ำกันใหญ่ เป็นพิเศษด้วยน้ำคือธรรมะ ทำได้ดีก็เป็นพรหม คำว่าพรหมแปลว่าประเสิรฐสูงสุด สิ่งใดเรียกว่าพรหม คนพวกนี้ไม่ชอบด่า ไม่ชอบตีรันฟันแทง ชอบความสงบ ชอบเมตตากรุณา สามารถจะยอมรับเอาลัทธิที่ว่าเราเป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายแก่กันและกันทุกคน คนมีจิตเป็นโลกมันไม่ยอมรับไม่ใช่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายอะไรกับใครมึงก็มึง กูก็กู กูได้ด้วยดี กูได้ในถูกต้อง กูได้ในยุติธรรม ตามใจมึง ไม่มีเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย มันมีแต่เพื่อนกินเหล้าเมายา เพื่อนทำเลว เพื่อนทำชั่ว เพื่อนเป็นอันธพาลด้วยการเป็นเพื่อนไปจี้ไปปล้น น่าเศร้า ดูหน้าหนังสือพิมพ์ดูมันมากขึ้นทุกทีๆในหน้าหนังสือพิมพ์ คุมพวกไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำระบาดเข้าไปในโรงเรียนครูบาอาจารย์บางคนก็ทำหมดความเป็นครู มีคนโลภมันก็เต็มไปด้วยความไม่ยอม นิดนึงก็ไม่ยอม มองตาก็ไม่ยอม ใครมองหน้าชกปาก คนที่มีธรรม มีจิตเป็นธรรมมันก็ยอมให้ แม้แต่ตัวเจ็บปวดก็ยอมให้เรื่องระงับไปให้คนอื่นสบายใจเสียสละถึงขนาดนี้ คนประเภทนี้ไม่ถือลัทธิว่าฉาดมา ก็ฉาดไป เขาตบหน้าฉาดหนึ่งแล้วก็ไม่ต้องตบหน้าตอบ คนจิตเป็นโลกมันก็ฟันต่อฟัน ตาต่อตา มึงทำกูฟันหักซี่นึง มึงก็ต้องหักซี่หนึ่ง มึงทำกูตาบอดข้าง มึงก็ต้องบอดข้าง ลัทธินี้สูงสุดตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้าเขาเป็นชาวธรรมะ เขาถือตรงกันข้าม คำสอนของคริสเตียนเขาสอนว่าถ้าเขาตบแก้มซ้าย ให้เขาตบแก้มขวาด้วย อย่าโกรธเขาเลย ถ้าเขาขโมยกางเกงไปแล้ว เอาเสื้อตามไปให้เขาด้วย อย่าจับตัวเขาไปให้ตำรวจหรือฟ้องศาลเลย นี่ก็เป็นที่นิยม เรื่องนี้เป็นหลักมาแต่ดึกดำบรรพ์ในอินเดียถือกันมาไม่รู้กี่พันปีแล้วว่าธรรมะสูงสุดคือไม่เบียดเบียน เป็นบาลีว่าอหิงสา ปรโม ธัมโม อหิงสาแปลว่าไม่เบียดเบียน ปรโมแปลว่าอย่างยิ่ง ธัมโมแปลว่าธรรมะ อหิงสา ปรโม ธัมโม ความไม่เบียดเบียนเป็นธรรมะอย่างยิ่ง เป็นธรรมะสูงสุด ใครคือได้มันก็ไม่เบียดเบียน ไม่ฟันต่อฟัน ไม่ตาต่อตา เขาเบียดเบียนเราก็ไม่เป็นไรให้เขาสบายใจ หลีกหนีเสีย ไม่ตีตอบ ไม่ด่าตอบ ไม่อะไรตอบ ไม่ทำให้เรื่องเกิดให้ระงับไปเสียได้ ทีนี้มาดูถึงความน่าประหลาดทำไมคนสองขั้วนี้มันอยู่ร่วมโลกกัน ต้องรู้ว่าธรรมชาติไม่ได้สร้างมาอย่างนี้ แต่แล้วมันก็ยังเป็นไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างมาให้มาพัฒนา มาอบรม พัฒนาจิตใจให้สูงจนเป็นพระอรหันต์กันทุกคน แต่คนก็ไม่เอา คนหนึ่งเดินทางหนึ่ง อีกคนเดินทางหนึ่งมันไม่เอา จนเกิดแบ่งแยกเป็นสองพวกกัน คนหนึ่งก็เป็นบัณฑิต พวกหนึ่งเป็นอันธพาลมันก็มีอยู่ในโลกร่วมกัน แต่อย่าลืมว่าเมื่อตะกี้พูดแล้วนะ ว่าบางทีมันก็อยู่ในคนๆเดียวกันนั่นแหละ เราเองนั่นแหละบางเวลาถ้ามืดมน โง่เขลาขึ้นมาก็เป็นอันธพาล บางเวลามีความถูกต้องก็เป็นบัณฑิตอย่าว่าแต่ในโลกเลย น่าจะในคนๆเดียวกันก็ยังมีได้ทั้งสองชนิด เอาร่างกายเป็นโลกก็ได้ ในโลกมีสองชนิดตรงกันข้ามอย่างนี้ ทีแรกมันก็ไม่ได้มี อยู่ในท้องแม่ไม่มีต่างกันอย่างนี้ พอคลอดออกมาจากท้องแม่นี่มันก็เริ่มรู้สึกทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ รู้สึกเป็นบวก รู้สึกเป็นลบ รู้สึกเป็นโง่ รู้สึกเป็นฉลาด โดยไม่รู้สึกตัว พวกที่จะเป็นอันธพาลเขาเรียกว่ามันทิ้งพ่อแม่ หนีตามโจรไป เกิดมาแต่ในท้องยังเสมอกันไม่เป็นอะไร แต่พอออกมาแล้วไม่เท่าไรหลงใหลความเอร็ดอร่อยทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ ก็ทิ้งพ่อแม่หนีตามโจรไป ไปตามอำนาจของกิเลสแม้กระทั่งมันไปอยู่กับพวกโจร ไปอยู่กับพวกอันธพาล ไอ้เด็กคนนี้มันไปเข้าฝูงโจร ไปเข้าฝูงอันธพาล มันก็เรียกว่าทิ้งพ่อแม่หนีตามโจรไปเหมือนกัน แม้ว่ามันไม่ได้ทำในภายนอกอย่างนั้นแต่ภายในมันสมัครเอาข้างกิเลสเลือกเอาฝ่ายกิเลส ตามใจกิเลส ตามใจเนื้อหนังแล้วมันก็เรียกว่าทิ้งพ่อแม่คือธรรมะ แล้วก็หนีตามโจรไปเหมือนกัน ส่วนอีกพวกหนึ่งมันตรงกันข้ามเหตุการณ์หรือโอกาสอะไรมันเป็นไปในทางตรงกันข้ามก็มีอยู่อีกพวกหนึ่ง นี่ก็แบ่งแยกออกมาเป็นสองพวก ทั้งที่ธรรมชาติมันสร้างมาให้เป็นกลาง เพราะเราจะพัฒนาให้ดีให้สูงจนเป็นพระอรหันต์จนนิพพาน แต่พวกนั้นมันไม่เอา มันหนีตามโจรไปนี้ต้องระวัง เด็กอันธพาลหรือคนอันธพาลก็เห็นได้ชัดว่าหนีพ่อแม่ หนีตามโจรไป มันไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ชอบสิ่งเสพติด อบายมุข หรือมันไม่ประพฤติตามวัฒนธรรมที่พ่อแม่ประพฤติมันเกเรโหดร้ายอยู่ในบ้านในเรือนก็ได้ในทางภายในจิตใจก็หนีตามโจรไปแล้วหมดสิ้น คนหนึ่งหนีตามโจรไป คนหนึ่งอยู่กับพ่อแม่คือธรรมะ นี้มันเป็นเหตุให้เกิดเป็นสองพวกสองฝ่ายขึ้นมาแบ่งแยกกัน แล้วในคนๆเดียวกันในบางเวลาก็เป็นโจรบางเวลาก็เป็นบัณฑิต คือบางเวลาก็เชื่อฟังธรรมะถือหลักธรรมะ แต่บางเวลามันไม่เอา ในคนๆเดียวกันแท้ๆ โลกเดียวคือร่างกายนี้ มีทั้งโจรทั้งบัณฑิต แยกกันไปเป็นคนละฝ่ายเลย หันหลังให้กันเดินไปคนละฝ่าย ฝ่ายหนึ่งไปเป็นนักบุญ ฝ่ายหนึ่งไปเป็นนักบาป จิตใจเป็นอย่างนี้ให้บวชเป็นพรหมจารี พรหมจาริณีนี้ต้องจัดการให้ดีๆ ถ้ามันเคยหนีพ่อแม่ตามโจรไปก็ดึงกลับมาแล้วก็ฝึกฝนเสียใหม่ให้อยู่กับพ่อแม่คือธรรมะ ไม่ทิ้งพ่อแม่หนีตามโจรไปอีกต่อไป ถ้ายึดถือโลก เมาโลกบ้าโลกหลงก็ว่าธรรมะบ้า ใครยึดถือธรรมะก็ว่าโลกบ้านี่คือหัวข้อที่เราบรรยาย แล้วถ้ามันถือตรงกันธรรมะไม่บ้าโลกบ้าแล้ว ในโลกนี้ท้งโลกจะไม่มีคนอันธพาล ทีนี้คำนวนดูสิว่าคนอันธพาลมากหรือว่าคนเป็นบัณฑิตมาก นั่นแหละมันก็บอกอยู่ในตัวแล้ว ถ้าคนอันธพาลมากกว่าคนในโลกที่เป็นบัณฑิตก็แสดงว่ายังมีคนเห็นว่าธรรมะบ้า โลกนี้ดี โลกนี้ถูกต้อง เดี๋ยวนี้มันยังมีคนที่ซ่อน เก็บซ่อนความบ้าเอาไว้ภายใน บ้าดีบ้างเก็บซ่อน บ้าชั่วบ้างเก็บซ่อน หรือเปิดเผยออกมาก็มีอยู่มากมาย ทั้งบ้าลัทธิของตน บ้าศาสนาของตน ถืออะไรมั่นคงมันก็กลายเป็นศาสนาของคนนั้นขึ้นมาจะดีหรือชั่วไม่รู้ ฉันชอบ ฉันถือ อย่างหนักแน่นในจิตใจของฉัน คนนั้นมันก็มีลัทธิอย่างนั้น มีศาสนาอย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างมีลัทธิของตนแล้วก็หาว่าไอ้ฝ่ายตรงกันข้ามนั้นเป็นบ้าดังนั้นการต่อสู้ทำลายล้างกันระหว่างลัทธิระหว่างศาสนามันก็มี และมันน่าหัวที่ในลัทธิศาสนาเดียวกันมันก็ยังบ้าคนละอย่าง มันก็รบราฆ่าฟันทำลายล้างกันระหว่างนิกาย ระหว่างพวกนั่นแหละในศาสนาเดียวกัน เกิดมีคนบ้าคนดีขึ้นมาในลัทธิเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน ทีนี้ต้องดูให้ดีว่าใครบ้า ใครไม่บ้า ถ้าต่างฝ่ายต่างถือเอาความรู้สึกของตนมันก็บ้ากันทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างหาว่าฝ่ายหนึ่งบ้าทั้งนั้น เนี่ยแหละโลกก็บ้า ธรรมะก็บ้า ต้องถูกกล่าวหาเท่าๆกัน เราอย่าเพิ่งลงมติเด็ดขาดว่าใครบ้า พิจารณากันดูให้มันละเอียดกว่านี้ สุขุมแยบคายสักหน่อย อย่าเพิ่งว่าใครบ้า ใครไม่บ้า เพราะว่าไอ้ความบ้ามันมีมากมายเหลือที่จะกล่าวได้มากมายหลายชนิด มันบ้าตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานขึ้นไปจนถึงพรหมโลกนู่น สัตว์เดรัจฉานต่ำสุดมันก็มีบ้าไปตามแบบของมัน พรหมโลกสูงสุดก็บ้าไปตามแบบของชาวพรหมโลก แม้จะเป็นพรหมโลกสูงสุดที่เรียกว่าภวัคคพรหม พรหมมีมากชั้นหลายชั้น ชั้นสูงสุดเรียกภวัคคพรหม มันก็บ้าตัวกู บ้าของกู จนนิพพานไม่ได้อยู่นั่นแหละ พูดให้มันหยาบคายสำหรับความบ้ามันมีตั้งแต่หมาถึงเทวดา มันเป็นอย่างนั้นระวังให้ดีๆ อย่าเพิ่งว่าใครบ้า บ้าเงิน บ้าทอง บ้าข้าวบ้าของ บ้าลูก บ้าเมีย บ้าผัว บ้าเล่นไพ่ บ้าขวดเหล้า แม้แต่ปลากัด หรือไก่ชนก็ยังมีคนบ้า นี่เรื่องจริงเห็นมาด้วยตนเอง คนหนึ่งเขาบ้าปลากัดจนไม่ได้แต่งงาน มีนะไม่ใช่ไม่มี มันเป็นไปได้ทั้งนั้น มันก็เป็นเรื่องบ้า บ้าดอกไม้ บ้าของเล่น เดี๋ยวนี้กำลังบ้าคอมพิวเตอร์กันนะ บ้ายักษ์ตาบอดที่มันช่วยบูชาคอมพิวเตอร์ เราไม่เอา เราเอาสติปัญญามันสมองของมนุษย์ที่มันจะรู้จักผิดชอบชั่วดี คอมพิวเตอร์ไม่รู้เรื่องนี้ บ้าชั่วก็บ้าสุดเหวี่ยง บ้าสวรรค์ก็บ้าสุดเหวี่ยงบ้าดี พรหมก็บ้าสุดเหวี่ยงก็เรียกว่าบ้าหมด ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานขึ้นไปจนถึงเทวดาในชั้นพรหม บางคนเข้าใจนิพพานผิดๆก็บ้านิพพานได้เหมือนกัน ยึดถือในนิพพานยืดมั่นด้วยตัณหามานะทิฐิ ผู้หญิงคนหนึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ตาย ยังอยู่ ถามว่ามาที่วัดเนี่ยอยากไปนิพพานไหม เขาว่าอยากที่สุด อยากอย่างยิ่ง อยากทั้งหมดชีวิตจิตใจ ทีนี้บอกว่าในนิพพานไม่มีรำวงนะ โอ้ถ้างั้นไม่เอาแล้ว ขอคืน เพราะว่าคนๆนี้เขาบ้ารำวง แต่ว่ามันก็คิดว่าบ้านิพพานก็ได้ถ้าเข้าใจว่าในนิพพานก็รำวงกันใหญ่ ในนิพพานมีอะไรทั้งหมดทุกอย่างที่เรามนุษย์จะต้องการก็เลยขอนิพพาน แต่พอว่าไม่มีรำวงเท่านั้นแหละ หมดกันเลย โยนทิ้งคืนเลย เป็นนิพพานหลอก มันต้องเป็นคนที่ไม่รู้จักนิพพาน นิพพานจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรโดยความเป็นตัวตน โดยความเป็นของตนเท่านั้นแหละ สิ่งเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่บ้าหรือหายบ้า ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรโดยความเป็นตัวตนคือนิพพานที่ถูกต้อง ถ้านิพพานที่ยืดมั่นเอาเป็นนิพพานของกู วิเศษวิโสอย่างนี้มันก็ยังเป็นนิพพานของคนบ้า นิพพานจริงไม่บ้า นิพพานจริงแก้บ้า ไม่ยึดถืออะไรมีนิพพานจริงก็จะหายบ้าที่จริงธรรมะมันแก้บ้า ธรรมะที่ถูกต้องมันแก้ความบ้าของโลก แต่โลกมันไม่เอามันว่าธรรมะบ้าเสียอีก แล้วก็มากด้วยมากที่สุดในโลก เพราะมีสติปัญญา เรียนจบมหาวิทยาลัยเมืองนอกเมืองนามันว่าธรรมะไม่เอา ธรรมะเป็นฆ่าศึกแก่ความพัฒนา ฉันไม่เอา ฉันจะเอาความรู้ชนิดที่สอนให้พัฒนา ให้เจริญทางวัตถุๆๆ ในโลกมันเป็นเสียอย่างนี้..ถ้าบ้าหรือเป็นพาลเพราะว่ายึดถือหายบ้ามันก็เป็นบัณฑิตธรรมะขจัดความบ้า แต่ว่าเกิดมีคนหาว่าธรรมะหรือศาสนาเป็นยาเสพติดออกชื่อก็ได้เขาเชื่อกันทั่วโลกแล้วว่า คาร์ล มาร์กซ์ เจ้าลัทธิคอมมิวนิสต์ศาสนาเป็นยาเสพติดคือดึงคนอย่าไปหลงศาสนาบ้าบุญบ้าทำบุญ มันมีส่วนถูกนิดหนึ่งฝ่ายหนึ่งของเขาที่ว่ามันศาสนาผิดๆ ศาสนาผิดๆ มันสอนให้คนบ้าบุญ หลงบุญ เมาบุญ แต่ที่จริงศาสนามันแก้ยาเสพติด ศาสนานั่นแหละมันจะแก้ยาเสพติดจะกำจัดยาเสพติด ถ้ามีธรรมะมีศาสนาแล้วมันก็เกลียดยาเสพติด มันแก้บ้า แก้ไปถึงกระทั่งแก้ยาเสพติด กลับถูกหาว่าเป็นยาเสพติด เพราะศาสนาถูกเอาไปหลงสำหรับยืดถือ ถ้าแบบนั้นมันก็เป็นยาเสพติด แต่ถ้าทำให้ฉลาด ไม่ยึดถืออะไร ศาสนามันก็กำจัดยาเสพติด ขอให้เรามีธรรมะมีศาสนาในลักษณะที่เป็นยาแก้บ้า มิใช่ยาเสพติด เป็นบัณฑิตกันเสียให้ถูกต้อง อย่าบ้าความเป็นบัณฑิตของตัวเอง คนบ้าดี บ้าความรู้ อวดดี อวดความรู้ มันบ้าความเป็นบัณฑิตของตนเองมันก็ยกหัวชูหางได้เหมือนกัน บัณฑิตอย่างโลกๆ มันบ้าตัวเอง ถ้าบัณฑิตอย่างธรรมะของพระพุทธเจ้ามันไม่บ้าตัวเอง ไม่บ้าอะไร ทุกอย่างทุกประการ บ้าเรียนมันก็ไม่ใช่สนุก เรียนจนเป็นบ้าก็มีเยอะแยะเรียนจนเป็นโรคตายก็มีเพราะมันบ้าเรียน ต้องเรียนแต่พอดีถูกต้องไม่บ้าเรียนไม่บ้าดีไม่บ้าเกียรติ ไม่บ้าธรรมะด้วย บ้าธรรมะก็เป็นบ้าได้ บ้ากรรมฐาน บ้าวิปัสสนานี่มันก็บ้าได้ เราจะไม่บ้าทุกอย่างทุกประการ ไม่บ้าการตามใจตัวเองเนี่ยสำคัญมากระวังให้ดี มันจะมีกันทุกคนไม่มากก็น้อย บ้าตามใจตัวเอง ถูกพูดจาอะไรชุ่ยๆ ทำอะไรชุ่ยๆ มันอวดดี มันบ้าดี มันบ้าอวดดีคนอย่างนี้มีมากในโลก ทำอะไรหวัดๆชุ่ยๆ ทำไปง่ายๆ พูดไปง่ายๆ ผิดทันที ผิดไม่ทันรู้ ผิดไม่รู้เนี่ย นี่มันบ้าสะเพร่า บ้าตัวเอง บ้าอะไรของตัวเอง ก็เลยทำอะไรผิดๆ และความอยากอวดมันทำให้สะเพร่า ทั้งความอยากอวดอยากมีเก็บให้หมดเถอะ มันจะไม่ทำอะไรอย่างสะเพร่า มันจะไม่ทำอะไรอย่างชุ่ยๆ นี่กูเก่งพูดถูกสวนทันควันขึ้นมาเลยแล้วก็ผิดหมดเพราะว่าเขาไม่ได้คิดเสียก่อน เขาพูดเขาทำเขาอะไรออกไปอย่างนั้น เป็นความบ้า มันบ้าเงา คนพวกนี้มันบ้าเงา คนบ้าเงามันก็ไล่ตระครุบเงามันกัดเงาบ้าเงา คือบ้าสิ่งที่เป็นมายา บ้าความดีของตัวเอง บ้าความเก่งของตัวเอง แล้วมันก็สมมติเอาเองเนี่ยมันบ้าเงา มันบ้าขนาดหนักมันบ้าแม้แต่เงา เอาล่ะลองมาเทียบกันดูนะคนโลกๆ กับคนธรรมะๆ คนหนึ่งมันบ้ากิเลส คนหนึ่งมันไม่บ้ากิเลส มันตรงกันข้าม บ้ากิเลสก็ใช้กิเลสมันก็สะสมกิเลส มันก็ใช้กิเลส คนหนึ่งไม่บ้ากิเลส บ้ากาม คนหนึ่งมันไม่บ้า คนบ้ากามนี้มันเหลือประมาณ มันมืดยิ่งกว่ามืด แต่คนหนึ่งมันไม่บ้าเพราะมันไม่บ้ากาม หูตามันก็สว่างไสว ความรักไม่ได้ทำให้คนนี้ตาบอด แต่ทำให้คนโง่ตาบอด คนบ้ากามกับคนไม่บ้ากาม คนหนึ่งบ้าดีบ้าเด่นบ้าดัง อีกคนหนึ่งมันไม่บ้า ไม่อวดดี ไอ้คนหนึ่งมันอวดดี มันบ้าดี อีกคนหนึ่งมันบ้าตัวตน บ้าตัวกู บ้าของกู อีกคนหนึ่งมันมีธรรมะมันไม่บ้าตัวกู มันไม่บ้าของกู แล้วในที่สุดมันก็ไม่บ้าเงา คนหนึ่งมันบ้าของที่เป็นมายาก็ปล่อยมันไปเถิดให้มันบ้าให้สมใจของมัน มันบ้าเงา มันบ้าสิ่งที่เป็นมายา นี่เปรียบเทียบกันดูแล้วมันต่างกันอย่างนี้ ชาวสวรรค์มันบ้าสวรรค์ ชาวพรหมโลกมันบ้าพรหมโลกแต่พระอริยเจ้าไม่บ้าอะไร อยู่ที่นี่ อยู่ที่ไหน พระอริยเจ้าไม่บ้าอะไร ที่บ้ามามันก็ลดลงๆ สัตว์เดรัจฉานก็บ้าไปตามแบบของสัตว์เดรัจฉาน คนก็บ้าไปตามแบบคน มนุษย์ก็บ้าไปตามแบบมนุษย์ เทวดาก็บ้าไปตามแบบเทวดา แต่ว่าพระอริยเจ้าท่านไม่บ้าอะไร รู้จักไว้เถิด มุ่งหน้าไปทางที่จะตามรอยพระอริยเจ้า เพื่อว่าเราจะไม่ต้องบ้าอะไร แต่ถ้าในที่สุดเมื่อมันบ้าอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมันก็เห็นผู้ที่ไม่เหมือนตนว่าเป็นคนบ้า แต่ถ้าว่าอันที่จริงถ้ายังไม่เป็นพระพุทธเจ้ามันก็้ต้องเรียกว่าบ้าด้วยกันทั้งนั้นแหละ บ้าดี มันก็ยังเรียกว่าบ้า นับประสาอะไรกับบ้าชั่ว เรื่องขำๆขันๆไม่จริงจังไม่มีสาระอะไรแต่ว่ามันก็มีสาระ คราวหนึ่งไปเยี่ยมคนป่วยในโรงพยาบาลบ้าที่ปากคลองสานคนบ้าชนิดที่ค่อยยังชั่วแล้วพอทำงานอะไรได้ เขาเอามาให้ทำงานในโรงงานเกี่ยวกับหวาย ทำหวายสานบ้างเกี่ยวกับหวายเต็มไปหมดหลายๆสิบคน เราต้องเดินผ่านกันไปทางนั้น ผ่านไปข้างโรงงาน คนบ้าคนหนึ่งพูดว่าพระมาๆ ไหว้ๆๆ แล้วคนบ้าอีกคนก็ว่า โอ้ย มาที่นี่ก็บ้าทั้งนั้นแหละ ไม่มีพระ พูดมีคติน่าฟัง ที่เรากำลังพูดว่าอยู่ที่ไหนมันก็บ้าทั้งนั้นแหละถ้ามันยึดมั่นถือมั่น คนบ้าแท้ๆมันยังรู้จักพูดอย่างนี้ พูดว่าบ้ากันทุกคน ต่างคนต่างหาฝ่ายที่ตรงกันข้ามว่าบ้าเราเองก็ดูเถอะ ตัวเราเองก็ดูให้ดีเถอะ มักจะด่าคนอื่นว่าบ้า เห็นคนอื่นว่าเป็นคนบ้า ทั้งที่ตัวเองบ้าก่อนแล้ว บ้าเสร็จแล้ว มันจึงจะเห็นว่าคนอื่นบ้า ระวังให้ดี มันเห็นกันคนละทางมันก็เอาความบ้ายัดใส่กันต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล เพราะเหตุว่าถ้ามันยังมีกิเลสตัณหาอุปาทานยึดมั่นของตนอยู่อะไรของตนอยู่มันก็ยังเป็นคนบ้า ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ถ้างั้นก็ต้องแยกทางกันเดิน คนโลก ชาวโลกก็ว่าไอ้ฝ่ายธรรมะบ้า ใครที่มีธรรมะยึดมั่นธรรมะก็ว่าโลกบ้า แต่พระอริยเจ้าจะไม่เห็นอย่างนั้น จะไม่ว่าใครบ้า ถึงแม้จะเห็นคนบ้ามาก็นิ่งไม่พูด ไม่ต้องพูด คนนี้มันมีอวิชชา มีตัณหาครอบงำก็เท่านั้นแหละ มันมีกิเลสครอบงำเท่านั้น อย่าว่ามันบ้าเลยสงสารมันบ้างเถอะ ช่วยเหลือให้มันหายบ้า ถ้าอย่างนี้ก็จะสบายดี จะไม่มีคนบ้าให้เป็นที่รำคาญเห็นใครเป็นบ้าก็ไม่พูด ไม่พูดให้บ้าเอง ถ้าไปว่าคนนั้นคนนี้บ้าไม่มีเหตุผลมันก็บ้าเอง อย่าพูดดีกว่า เห็นว่าคนนี้มันมีอวิชชา บ้าอย่างนั้น คนนี้มันเป็นโรคจิตประสาทของเขากำลังพิการ เขาเป็นคนบ้า เพราะว่าเขากำลังเป็นโรคชนิดหนึ่งน่าสงสารเขา อย่าว่าเขาเป็นบ้า ถ้าไปว่าเขาเป็นบ้าตัวเองก็บ้าเสียเองอีก บ้าทันทีที่ไปเป็นบ้าไปว่าคนอื่น นี่กำจัดไอ้โรคบ้านี้ให้มันหมดไปจากโลก มันมีโอกาสที่จะเป็นบ้ากันทุกคน มันมีหลายขนาด หลายชนิด หลายระดับเต็มที จะสมัครเลือกเอาฝ่ายไหนก็เลือกเอา แต่อย่าว่าใครเป็นบ้านั่นแหละดี เพราะเราเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราทุกคนเป็นบ้าเพราะเห็นแก่ตัว ใครไม่เห็นแก่ตัวช่วยยกมือขึนได้ไหม ที่นั่งอยู่ที่นี่ใครไม่เห็นแก่ตัวยกมือได้ไหม อยากจะดูสักมือว่าใครไม่เห็นแก่ตัว ถ้ายังเห็นแก่ตัวมันก็ยังบ้าอยู่นั่นแหละ สงสารเพื่อนมนุษย์ อย่าว่าเขาบ้า ใครว่าเขาบ้าตัวเองก็บ้าหนักไปอีก ทำลายความเห็นแก่ตัว มาประพฤติพรหมจาริณีชั่วขณะนี้ก็เรียกว่าทำลายความเห็นแก่ตัว พยายามสุดเหวี่ยงสุดกำลังสติปัญญาสามารถ เจริญอาณาปาณะสติสำเร็จแล้วจะหายความคิดอย่างนี้ หายบ้า หายอะไรหมด เพราะมันทำให้หมดตัวกู หมดของกูแล้ว มันก็ไม่เห็นแก่ตัว เมื่อไม่เห็นแก่ตัวแล้วมันก็ไม่บ้า ไม่มีทางที่จะเป็นบ้า เดี๋ยวนี้โลกกำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว เพราะทั้งโลกมันเป็นบ้า เห็นแก่ตัวนี่ถ้ามีพระอริยเจ้าซุกซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง ยกเว้นนะ ชาวโลกทั้งหลายมันเห็นแก่ตัว กำลังจะเป็นบ้าเพราะเห็นแก่ตัว พวกนายทุนทั้งหลายก็เห็นแก่ตัว พวกชนกรรมาชีพก็เห็นแก่ตัว พวกนายจ้างเห็นแก่ตัว พวกลูกจ้างก็เห็นแก่ตัว ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาปริญญายาวเป็นหางหลายมหาวิทยาลัยมันก็บ้าเห็นแก่ตัวมันยิ่งบ้าหนักเข้าไปอีก มันบ้าวิชา บ้าความดีความเด่นของมัน มันก็แบ่งพวกต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัว ผู้แทนมาจ้างคนให้เลือกมันก็บ้า คนเลือกผู้แทนรับจ้างมันก็บ้า คนบ้ามาเลือกคนบ้าไปเป็นรัฐสภาบ้ามันก็ฉิบหาย ระวังๆ มันมีความบ้าแม้ในโรงเรียนนั่นแหละมันก็ทะเลาะวิวาทกันในครอบครัวนั่นแหละ ผัวก็เห็นแก่ตัว เมียก็เห็นแก่ตัว แล้วมันจะเป็นอะไร มันก็ต้องใช้คำหยาบคายว่ามันต้องกัดกัน ถ้าผัวก็เห็นแก่ตัวเมียก็เห็นแก่ตัว ถ้าพ่อแม่ก็เห็นแก่ตัวลูกก็เห็นแก่ตัวมันก็วินาศ นั่นแหละคือความบ้า ความบ้าคือความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวนี้มันขี้เกียจนะมันไม่อยากทำอะไร มันไม่อยากเรียนแต่มันอยากสอบไล่ได้ มันไม่อยากทำงานอะไร คอยรับผลงาน เมื่อก่อนนี้ไม่มีถนน มีถนนหัวคันนาเส้นหนึ่งพุ่งตรงไปตลาดไม่มีถนนอะไรเลย ก่อนนี้ต้องบุกนา บุกน้ำเชิญชวนประชาชนไปช่วยกันทำถนนเดินเถอะ ก็มากอยู่หลายคนไปช่วยทำทุกวันๆ กับพวกหนึ่งมันก็ว่ากูไว้เดิน กูเอาไว้เดินกูไม่ต้องทำ คิดดูสิมันคิดอย่างนี้นะที่นี่ กูขอเป็นคนเดิน คนเห็นแก่ตัวมันไม่ทำแต่มันจะเอาประโยชน์ ถ้ามันไม่ทำหน้าที่แต่มันจะเรียกร้องสิทธินี่คือคนเห็นแก่ตัว มันบ้าหรือไม่คิดดูเอง บ้าหรือไม่คนเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่ตัวไม่สามัคคีเรียกร้องหาความสามัคคีจากคนเห็นแก่ตัวไม่ได้ นอกจากพวกอันธพาลสามัคคีไปปล้นไปจี้ คบกันเอาเปรียบผู้อื่นทำร้ายผู้อื่นนั่นแหละได้ สามัคคีของคนบ้า แต่สามัคคีทำประโยชน์โดยตรงนั้นไม่มี แล้วคนเห็นแก่ตัวมันก็อิจฉาริษยาไม่อยากให้ใครดีกว่าตัว นั่นแหละมันจะเกิดอาการที่เรียกว่าใครมองหน้ามันชกปากเลย มันเห็นแก่ตัว มันบ้าตัวมันเอง ฉะนั้นขอให้เราเห็นโทษของความเห็นแก่ตัว มีแต่โทษ ทำให้นอนไม่หลับ ทำให้คิดผิด ในที่สุดก็เป็นบ้าเอง ฆ่าตัวเองตายก็มากมาย ฆ่าพ่อฆ่าแม่ฆ่าลูกฆ่าเมียก็มากมาย เนี่ยแหละคนที่เห็นแก่ตัว โลกจะวินาศเพราะคนเห็นแก่ตัว พยายามลดความเห็นแก่ตัวจะทำอะไรก็ให้มันเป็นการลดความเห็นแก่ตัว ถ้าทำบุญที่แท้จริงต้องลดความเห็นแก่ตัว ทำบุญที่เพิ่มความเห็นแก่ตัวนั้นเป็นบุญปลอม บุญบ้าเสียอีก ทำบุญบาปวิมารหลังนึง ตักบาตรช้อนนึงวิมารหลังนึง มันมีความเห็นแก่ตัวสูงสุดอย่างนี้ไม่ไหว เรียกว่าทำบุญหรือทำดีหรือประพฤติธรรมะอะไรโดยแท้จริงแล้วขอให้ลดความเห็นแก่ตัว ยิ่งสูงในทางจิตใจ ลดความเห็นแก่ตัวลงไปได้เท่าไร ก็มีความสูงในทางจิตใจเพิ่มขึ้นเท่านั้นจนไปเป็นพระอริยเจ้า ไปเป็นพระอรหันต์ เพราะหมดความเห็นแก่ตัว ท่านก็เลยอยู่เหนือชั่ว เหนือดี เหนือบ้า เหนือไม่บ้า เหนือหมดเลย พ้นจากโอกาสที่จะถูกหาว่าบ้าหรือไม่บ้า ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์ยังเป็นธรรมดาก็ยังต้องมองกันในแง่เชื่อฝ่ายหนึ่งเป็นบ้าเสมอไป เพราะทุกๆฝ่ายมันก็เห็นแก่ตัว คนที่สมมติกันว่าคนดีในโลกคนดีคนสวยคนรวยคนมีอำนาจวาสนามันก็เห็นแก่ตัว คนขี้เหร่คนยากจนมันก็เห็นแก่ตัว มันก็ได้ทะเลาะวิวาทกันว่ามึงบ้ากูไม่บ้าอยู่อย่างนี้ เป็นอันว่าการพูดจาเรื่องโลกบ้าหรือธรรมะบ้านี้มันก็พอจะมองเห็นได้เอง ธรรมะมันถูกหาว่าบ้า มีคนเป็นอันมากไม่ชอบธรรมะ ไม่สนใจธรรมะหาว่าถ่วงความเจริญ ถ้าอย่างนี้แล้วธรรมจาริณีทั้งหลายเหล่านี้นั้นบ้าทั้งนั้นแหละ เพราะมันบูชาธรรมะ ชอบใจธรรมะ มันก็เป็นคนบ้า เรามันไม่บ้าอะไร อะไรดับทุกข์ได้เราก็ทำ เพื่อดับทุกข์ได้ ไม่บ้าดี เมาดี ไม่บ้าสวรรค์ ไม่เมาสวรรค์ ไม่เมาอะไรทั้งหมด ไม่บ้ากิน ไม่บ้ากาม ไม่บ้าเกียรติ ไม่บ้าอะไรทั้งหมดนั่นแหละถูกแล้ว ถ้าจะประพฤติพรหมจรรย์ หรือประพฤติธรรมกันให้ถูกในการบวชต้องเป็นอย่างนี้ ก็ขอแสดงความยินดีอีกครั้งหนึ่งที่ได้บวชแล้วก็ได้มาที่นี่ในลักษณะที่จะแสวงหาธรรมะที่ถูกต้องเพื่อไปกำจัดกิเลสตัณหาซึ่งเป็นความบ้าสูงสุด แล้วก็อยู่เหนือที่จะเป็นคนบ้าอีกต่อไปแปลว่าได้คิดถูกต้องแล้ว ได้พยายามถูกต้องแล้ว ขอให้พยายามให้ถึงที่สุดในชั่วเวลาอันสั้นไม่กี่วัน ก็ขอให้ได้ความรู้ที่ถูกต้องสำหรับประพฤติปฏิบัติต่อไปในเมื่อลาสิกขาแล้ว ลาบวชแล้วก็ยังมีความรู้สำหรับจะประพฤติปฏิบัติต่อไป ถ้าทำได้อย่างนี้ก็ประเสริฐที่สุดคือเป็นการได้รับประโยชน์จากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเป็นตัวอย่างที่ดีให้ใครเห็นแล้วก็ปฏิบัติตาม เผยแผ่ธรรมะด้วยการทำตัวอย่างให้ดู ดีกว่าพูดด้วยปาก ขอให้ทุกคนได้รับผลสำเร็จตามที่ปรารถนา มีธรรมะยิ่งขึ้นๆ มีความก้าวหน้าทั้งในทางโลกและทั้งในทางธรรม หลุดพ้นจากความบ้าทั้งปวงแล้ว มีความสุขสวัสดีอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ