แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ในชั้นแรกนี้ อยากจะทำความเข้าใจกันในข้อที่ว่า สิ่งที่ธรรมะมีให้นั้น มันจะตรงกับความประสงค์ของท่านหรือไม่ ท่านมาทางนี้เพื่อจะศึกษาธรรมะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า สิ่งที่ธรรมะจะมีให้ท่านนั้น จะตรงกับความต้องการของท่านหรือไม่ นี่คือข้อแรกที่จะพูดกัน
ขอให้ท่านฟังเอาเอง แล้วจะรู้ว่า จะตรงความต้องการของท่านหรือไม่ นี่อยากจะทำความเข้าใจกันก่อน มิเช่นนั้นอาจจะเสียเวลาก็ได้ ไม่ได้รับผลคุ้มค่ากันกับเวลาที่มา ด้วยความลำบาก แล้วก็ต้องลงทุนบ้าง อะไรบ้าง นี่ขอให้ตั้งใจฟังและทำความเข้าใจดี ๆ
คำที่ต้องทำความเข้าใจ ก็คือว่า ความสุขชนิดที่ธรรมะมีให้นั้น มันจะตรงกับความสุขที่ท่านต้องการหรือไม่ แล้วอยากจะพูดสั้น ๆ ว่า ความสุขที่ธรรมะจะมีให้นั่น มันไม่กัดเจ้าของ ความสุขที่เขามีกันอยู่ทั่ว ๆ ไปนั่น มันล้วนกัดเจ้าของ ท่านเคยโดยชนิดนี้มาแล้ว อยากจะหาความสุขใหม่ที่ไม่กัดเจ้าของหรือไม่ นี่ขอให้สนใจพิจารณากันตอนนี้ ความสุขที่เขามีกันทั่ว ๆ ไปในโลกนั้นนะ มันเนื่องกันอยู่กับความเป็นบวกและความเป็นลบ เดี๋ยวเป็นบวก เดี๋ยวมันเป็นลบ แล้วมันก็สร้างปัญหาให้ มันเป็นความสุขที่กัดเจ้าของ เดี๋ยวเราก็จะพูดกัน ส่วนความสุขที่ธรรมะมีให้นี่ มันอยู่เหนืออำนาจของความเป็นบวกและความเป็นลบ และมันไม่กัดเจ้าของ นี่ ขอให้สนใจแยกแยะดูให้ดี ๆ
ถ้ามันเป็นไปในทางบวก มันก็พอใจ มันก็หลงรัก แล้วมันก็อยากมากขึ้นไปอีก แล้วก็กลัวว่าจะหมดไปเสีย ถ้าเป็นวัตถุ มันกลัวถูกแย่งชิง มันก็ทำให้เป็นไปในฝ่ายถูกกระตุ้น ไปตามความหมายของคำว่าบวก ถ้ามันเป็นไปในฝ่ายลบ เราก็เกลียด เราก็กลัว เราก็หนีมันไปไม่ได้ มันก็มีอิทธิพลไปในแง่ลบ นี่ทั้งในแง่บวก และแง่ลบ มันไม่ใช่ความสงบเลย
คำอีกคู่หนึ่งซึ่งจะต้องเอามาใช้ด้วยกันก็คือคำว่า ดีและชั่ว บวกก็คือดี ลบก็คือชั่ว มันมีปัญหา ถ้าดี มันก็ชวนให้บ้าดี เมาดี หลงดี นอนไม่หลับ ไม่มีความสงบ เกิดแต่ความหลงดี ถ้าชั่ว มันก็ทรมานจิตใจ หลีกหนีกันไม่ค่อยจะไหว นี่มันก็รบกวนหรือทรมานจิตอย่างยิ่ง ทั้งดีและทั้งชั่ว
ถ้าท่านเป็นคริสเตียน ก็ขอให้พยายามทำความเข้าใจ กับคำสั่ง คำแรก คำเดียว ประโยคเดียว ของก๊อด (God) ที่สั่งกับอดัมและอีฟ ว่าอย่ากินผลไม้ ของต้นไม้ที่ทำให้รู้ กู๊ดแอนด์อีเวิล (good and evil) ถ้ากินจะต้องตาย ถ้าท่านเข้าใจความหมายของคำสั่งอันนี้แล้ว ท่านจะเข้าใจธรรมะ ในพระพุทธศาสนาได้อย่างดีที่สุด และ หมดจดสิ้นเชิงด้วย ทำไมกินผลไม้ที่รู้จัก กู๊ดแอนด์อีเวิล แล้วจะต้องตาย ท่านเข้าใจคำนี้แล้วก็จะดีที่สุด ถ้าไปมีความรู้สึกเป็นกู๊ด มันก็แอทแทช (attach) มันก็ติด ยึดมั่น ถือมั่นในกู๊ด จนเป็นบ้า บ้าดี ถ้ามันรู้สึกเป็นอีเวิล แล้วมันก็ ไม่มีความสุข มันก็เป็นทุกข์โดยไม่มีเหตุผลอะไร นี่คือความเป็นบวกหรือความเป็นลบ ที่รู้สึกแล้วมันกัดเจ้าของ
ขอให้ดูว่า ทำไมสุนัข ๒ ตัว พอมาพบกันเข้า มันไม่มีความเป็นมิตร มันส่งเสียง ฮือ ๆ แฮ่ๆ ฮือๆ แฮ่ๆ แสดงความเป็นศัตรู นี่มันแอทแทช กับดี หรือกู๊ด หรือ positive มากเกินไป มันรู้สึกว่า แกอย่ามาอยู่ที่นี่ แกอย่ามาได้สิ่งที่ฉันมีอยู่ที่นี่ มันจึงเกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร เพราะมันยึดมั่นถือมั่น ดี หรือบวกนั่นแหละ มากเกินไป สุนัขจึงเป็นอย่างนั้น
การที่เรารักเพื่อนของเราไม่ได้ เพราะเรามันแอทแทช ดีหรือบวก มากเกินไป ไม่อยากให้เพื่อนมามีเสมอกัน หรือดีเท่ากัน หรือดีกว่าเรา เว้นไว้แต่เพื่อนจะมาช่วยทำให้เราดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เราก็มีปัญหาเรื่องที่จะ รักษาความดี หรือไม่ให้ใครมาดีเท่าเรา ความริษยาที่เกิดอยู่ในโลกเวลานี้โดยทั่วไป มีมูลมาแต่ การยึดมั่นถือมั่นในดี มากเกินไปทั้งนั้น
ขอให้ดูให้ดีว่า พวกคอมมิวนิสต์ ก็ยึดมั่นดี แคพปิตอลลิส ก็ยึดมั่นดี นอกนั้นจะเป็นอะไรก็ตามแล้ว ก็ยึดมั่นดี ดังนั้นเราจึงทำความตกลงกันไม่ได้ พูดกันไม่รู้เรื่อง รักกันไม่ได้ เพราะว่าต่างฝ่ายต่างยึด ดี ๆ หรือบวก ๆ ของตน ทำไมทุก ๆ พวกเหล่านี้จึงร่วมมือกันสร้างโลกให้มีสันติภาพไม่ได้ ถ้าเขาร่วมมือกัน ทุกพวกก็จะสร้างโลกให้มีสันติภาพได้ เดี๋ยวนี้เขาไม่อาจจะร่วมมือกันได้ เพราะเขา ยึดดีของเขา ติดดีของเขา หวงดีของเขา จึงร่วมมือกันสร้างโลกให้มีสันติภาพไม่ได้ โลกไม่มีสันติภาพเพราะว่า คนในโลกมันแบ่งเป็นพวก ๆ แล้วก็ยึดดี ยึดบวกกันมากเกินไป
ฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายค้านในรัฐบาล เขาก็ค้านอย่างหลับหูหลับตา ค้านอย่างจะคว่ำรัฐบาล เพื่อเอามาเป็นของตัวเอง นี่เพราะเขาติดยึดมั่นดีเกินไป รัฐบาลก็ต้องต่อสู้เพื่อรักษาดีของตัวไว้ ถ้าบ้าดี เมาดี ขึ้นมาบ้าง ก็จะต่อสู้อย่างหลับหูหลับตา บ้านเมืองก็จะล่มจม ถ้าพรรคฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายรัฐบาล มันติดดีของตนจนถึงขนาดนี้ แล้วบ้านเมืองจะล่มจม ไม่เจริญ นี่ขอให้คิดดูเถิด มันคอยขัดขวางกัน คอยเป็นศัตรูกัน โลกก็ไม่มีสันติภาพ
ทีนี้มาดูที่ชั้นต่ำ ชั้นเลวที่สุด อันธพาล ๆ ปล้น จี้ ขโมย เขาเป็นอันธพาล ปล้น จี้ ขโมย เพราะเขาก็ ยึดมั่นดี ที่สุด มากเหมือนกัน เขาอยากจะมีอะไร มีอะไรเหมือนกับที่คนมั่งมีเขามี มันมีไม่ได้ แต่เขาก็อยากจะมี เขาอยากจะมีให้ได้ เขาก็อันธพาล ปล้น จี้ ฆ่า ทำทุกอย่างที่เรียกว่า อันธพาล นี่เรียกว่า เขาหลงในความดีด้วยเหมือนกัน ความดีของเขามันหลงทาง ความคิดของเขามันหลงทาง แอทแทชในความดีมากเกินไปจนได้เป็นอันธพาลที่สุดตามท้องถนน หรือว่าจะมองอีกทางหนึ่งก็ยังมองได้ว่า ชั่วหรืออีเวิล มันบังคับ หรือ มันหลอกลวงหรืออะไรนี่ ให้เรามาติดดี ยึดดี ชั่วหรือบาปนั้นมันก็เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหา ให้เกิดความยุ่งยากด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา แห่งความทุกข์ ทั้งชั่ว และ ทั้งดี ทั้งบวกและทั้งลบ ทำไมมหาเศรษฐีที่มีเงินมากจนไม่รู้จะมี จะนับไม่ไหวกันแล้ว ก็ยังฆ่าตัวตายกัน เพราะแอทแทชอยู่ในกู๊ด ในบวก มันมากเกินไป เขาเลยฆ่าตัวตายทั้งที่ มีเงินมากมายนับไม่ไหว
ถ้าท่านสังเกตุเห็นอิทธิพลของบวกและลบ กู๊ดหรืออีเวิล ว่ามันมีมากอย่างนี้ ให้เกิดความทุกข์อย่างนี้ ทั้งบวกและลบ แล้วท่านก็จะเข้าใจว่า ทำไมพระเจ้าจึงสั่งอดัมกับอีฟด้วยประโยคเพียงสั้น ๆ เท่านี้ เท่านั้น แล้วไม่ต้องสอนอะไรกันอีกมาก ไม่ต้องสั่งอะไรกันอีกมาก นี่ขอให้พยายามทำความเข้าใจ คำสั่งของก๊อดนั้นให้ดีด้วย คำสั่งที่ก๊อดสั่งประโยคเดียวสั้น ๆ นั้น จริงที่สุด ถูกต้องที่สุด ลึกซึ้งที่สุด และ มีประโยชน์มากที่สุด ถ้าท่านเข้าใจความหมายของประโยคเดียว ประโยคแรกนี้ แล้วก็จะเรียกว่า เข้าใจพระพุทธศาสนา ปฏิบัติตามนั้นเถิด ก็จะเป็นการปฏิบัติอย่างเดียวกับที่ธรรมะหรือพระพุทธศาสนาต้องการให้ท่านมี ถ้ามันเป็นคำพูดของก๊อด มันก็ดีที่สุด จริงที่สุด ถูกต้องที่สุด มีประโยชน์ที่สุด อยู่ที่ก๊อด แต่ถ้ามันเป็นการเขียนของบุคคลในสมัยนั้น ในยุคนั้นของชาวฮิบรูสมัยนั้นที่เขียนคัมภีร์ขึ้นมาว่า ก๊อดสั่งว่าอย่างนั้นนะ ว่าอย่างนั้น ๆ นะ มันก็เป็นสติปัญญาที่ลึกซึ้งที่สุด ที่ถูกต้องที่สุดของชนชาติฮิบรูยุคนั้น นี่ท่านจะเลือกเอาว่าเป็นคำของก๊อด หรือเป็นคำของผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมาให้ก๊อดสั่งว่าอย่างนั้น มันก็มีผลเท่ากัน มันเป็นความจริงที่เท่ากัน ถูกต้องเท่ากัน ลึกซึ้งเท่ากัน ขอให้สนใจให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากคำสั่งข้อนี้
ทีนี้มาถึงคัมภีร์ใหม่ พระเยซูสอนในทาง ไปในทางที่ให้ดี ให้ไปในทางบวก ยึดถือบวกนี่ ข้อนี้ อาตมาเข้าใจว่า คงจะเป็นเพราะคนที่นั่นเข้าใจคำสอนเดิม ของคัมภีร์เดิมไม่ไหว เข้าใจไม่ได้ จึงลดลงมาสอนไปในทางบวก แต่แล้วก็ยังสอน ไม่ให้ยึดมั่นบวก เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ให้ยึดมั่นในความดี เหมือนกันแหละ จะเป็นคัมภีร์เก่าหรือคัมภีร์ใหม่ ก็สอนไม่ให้ยึดมั่นในความดีจนเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา เราได้เคยถามเพื่อนที่เป็นคริสเตียนว่า ท่านเข้าใจเรื่องนี้ว่าอย่างไร ไม่ให้แอทแทชกู๊ดแอนด์อีวิลนี่ เขาบอกว่า ไม่ได้เข้าใจอย่างนั้น และเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่คำสอนเหล่านั้น ถือเสียว่า เป็นบันทึกไว้เรื่องหนึ่งว่า มีคนดื้อพระเจ้า ไม่เชื่อพระเจ้า เท่านั้นเอง คือ อดัมกับอีฟ ไม่เชื่อพระเจ้า ดื้อพระเจ้า กินผลไม้ ที่รู้ดี รู้ชั่วเข้าไป เขาเข้าใจเพียงเท่านั้น เขาไม่สนใจ การที่จะพยายาม ให้อยู่เหนืออิทธิพลของกู๊ดแอนด์อีวิล มันเลยไม่ได้รับประโยชน์อะไร ๆ
ในคัมภีร์ Old Testament นั่นเอง ๒ – ๓ หน้า ต่อมาก็พูดถึงลูกหลานของอดัมกับอีฟ พี่น้อง ๒ คน นั้น พี่มันก็หลอกน้องไปฆ่าเสียในป่า เพราะมันโกรธว่า พ่อรักน้อง ไม่รักเขา มันอิจฉาริษยาน้อง มันจึงหลอกน้องไปฆ่าเสียในป่า นี่คืออิทธิพลเลวร้ายของยึดมั่นในบวกหรือในดี คือริษยา ยิ่งเดี๋ยวนี้เราจะเห็นชัดว่า ยึดมั่นบวกหรือดี แล้วมันก็ ม่ต้องการให้ใครดีเท่าเรา ดีเหมือนเรา ดีกว่าเรา ก็มีความริษยา ในโลกปัจจุบันนี้ เต็มไปด้วยความริษยา ระหว่างบุคคล ระหว่างพรรค ระหว่างหมู่กลุ่มอะไรนี่ มันจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง มันจึงคิดแต่ในการทำลายล้างกันเพื่อจะครองโลก เพราะว่ามันยึดติดในทางดี ๆ ๆ มันก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้ ๆ รักอย่างเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้ เพราะมันรักดี ๆ ๆ นี่อิทธิพลของความดีมันเป็นอย่างนี้ จนเราต้องอยู่เหนือมันเสีย เมื่อ ยึดมั่น ๆ ดีหรือบวก มาก ๆ แล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ สิ่งเลวร้ายที่สุดอันหนึ่งคือ selfishness เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายก็คงรู้จักดีแล้วว่า selfishness คืออะไร เลวร้ายเท่าไหร่ โลกมันจะวินาศเพราะ selfishness อยู่แล้ว selfishness นี่มันเป็นผลที่คลอดออกมาจาก การยึดมั่นดีนี้มากเกินไป ดังนั้นเราจะต้องอยู่เหนืออิทธิพลของบวกและลบ
พระศาสดา ทุกองค์ ๆ ของ แต่ละศาสนา ๆ ไม่ต้องการให้ริษยากัน เกลียดชังกัน แต่ว่า ผู้รับปฏิบัติศาสนา ช่วงมาถึงสาวกนั้นนะ แอทแทชดีมากเกินไป อยากจะดีกว่าศาสนาอื่น อยากจะเหนือศาสนาอื่น เขาก็มีแผนการที่จะทำลายล้างศาสนาอื่น นี่เป็นเหตุให้ ศาสนาต่อศาสนา ก็หวังดีกันไม่ได้ ศาสนาต่อศาสนามันยังยิ้มกันไม่ได้ แล้วคนมันจะยิ้มต่อกันได้อย่างไร นี่เป็นผลเลวร้ายของการที่ยึดมั่นถือมั่นดี ๆ ๆ หรือบวก ๆ ต้องออกมาจากอิทธิพลอันนี้เสียให้ได้ พระศาสดาของ แต่ละศาสนา ๆ ไม่มีการขัดแย้งกัน ไม่มีการกระทำ หรือการพูดที่ขัดแย้งกัน เพราะทุกศาสนาเกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความรักกันระหว่างมนุษย์ เพื่อความรักสากล พระศาสดาไม่มีความขัดแย้งกัน แต่สาวกของพระศาสดานี่ จะโง่ไปหรืออะไรก็ตามใจนะ ทีหลังนะ ยึดมั่นถือมั่นในความดี มากเกินไป จนเกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา และสิ่งที่ไม่น่าจะมี ก็มีขึ้นมา คือ สงครามระหว่างศาสนา นี้มันมีขึ้นมาเพราะว่า ยึดมั่นถือมั่นในดีมากเกินไป
ถ้าท่านพยายามศึกษา ท่านก็จะเห็นว่า เจตนารมย์ของ Christianity ก็ต้องการให้อยู่เหนือบวก เหนือลบ เหนือกู๊ดแอนด์อีเวิล อย่างที่ปรากฎชัดอยู่ในคัมภีร์นั้นแล้ว ทีนี้ธรรมะในพุทธศาสนา ก็สอนให้อยู่เหนือบวกเหนือลบ เหนือกู๊ดแอนด์อีวิล ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่มีความมุ่งหมายตรงกันแท้ ๆ เราควรจะมีความเข้าใจต่อกันและกัน ว่า มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน ไม่ควรจะมีความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนากับคริสต์ศาสนา ที่ยังมีปัญหา ที่ยังเหลืออยู่ในจิตใจ จึงอยากจะทำความเข้าใจระหว่างศาสนา จึงขอทำความเข้าใจในโอกาสนี้ว่า จงเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างเดียวกัน ที่จะอยู่เหนืออิทธิพลของบวกและลบ และเราก็ไม่มีความเห็นแก่ตัว มุ่งหมายเอาความหมดความเห็นแกตัว แล้วก็มีสันติภาพทั้งส่วนบุคคลและส่วนสังคม อย่างลึกซึ้งที่สุดนี้ ขอทำความเข้าใจในระหว่างศาสนาในโอกาสนี้เสียเลย
ดังนั้นขอให้ท่านเห็นให้ ชัดแจ้ง ๆ realize อย่างชัดแจ้งว่า มาศึกษาพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมะ ในพุทธศาสนาได้ โดยไม่ต้องทิ้งศาสนาเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา และท่านจะทำได้ดีที่สุด ถ้าท่านยึดถือหลักหัวใจข้อนี้ที่ว่า beyond กู๊ดแอนด์แบดนี่ จะปฏิบัติได้ดีที่สุด และจะสมความประสงค์ของท่าน ในการที่จะมาศึกษาธรรมะ ปฏิบัติสมาธิในพระพุทธศาสนา
ถ้าท่านเป็นอิสลาม คัมภีร์ของท่านก็สาวขึ้นไปจนถึงต้นตอ เรื่องพระเจ้าเดียวกัน ถ้าท่านเป็น คริสเตียน คัมภีร์คริสเตียน คัมภีร์ไหนก็สาวขึ้นไปถึงคัมภีร์เก่า เรื่องพระเจ้า ก็สอนอย่างเดียวกัน ถ้าท่านเป็นยิว มีศาสนายิว ก็ตรงอยู่แล้วที่ว่าจะมีคัมภีร์นั้น เป็นเจ้าของเดิม ฉะนั้นจะเป็นอิสลามก็ดี เป็นคริสเตียนก็ดี เป็นยิวก็ดี ก็สามารถที่จะไปถึงต้นตอเดิมคือ พระเจ้า พูดสั่งลงมาประโยคเดียวว่า อย่าตกอยู่ใต้อำนาจของกู๊ดแอนด์อีเวิล ไม่ขัดข้องนะ ที่จะถือศาสนาเหล่านี้อยู่ แล้วมาปฏิบัติธรรมะ ที่กำลังจะปฏิบัตินี้ เพื่อจะถอนตัวออกมาจากอิทธิพลของ กู๊ดแอนด์อีเวิล
แม้เราจะหยิบศาสนาเหลาจื้อ หรือ Taoism ขึ้นมาพิจารณา ก็พบอย่างเดียวกันแหละ Taoism ก็สอนให้อยู่เหนือบวก เหนือลบ เหนือหยินเหนือหยาง เหนือบวกเหนือลบ ใจความมุ่งหมายว่าจะเป็นอิสระ จากบวก จากลบ แม้ว่าฮินดูที่แท้จริง ที่ไปถึงอุปสรรคที่แท้จริง ใจความที่แท้จริงก็สอนให้อยู่เหนือดีเหนือชั่ว มุ่งหมายอย่างนั้นเหมือนกัน จึงจะหลุดรอดไปสู่ปรมาตมัน ให้มองเห็นว่าทุกศาสนา มันมุ่งที่ จะรอด ๆ ไปจากอิทธิพลที่เลวร้าย คือ กู๊ดแอนด์อีวิล เอาละ, เราจะยุติในข้อนี้ แล้วเราก็ทำความเข้าใจในตัวศาสนาต่อไป
ทีนี้ก็มาดูว่า ทำไมทุกศาสนาจึงมุ่งหมายที่จะ อยู่เหนืออยู่อิทธิพลของบวกและลบ เพราะว่า ความรู้สึกเป็นบวก เป็นลบนี่ มันสร้างให้เกิดความเห็นแก่ตัว selfishness มาก selfishness นี่คือปัญหาทั้งหมด เป็นซาตาน เป็นมาร เป็นอะไรแล้วแต่จะเรียกในศาสนาไหน คือเป็นฝ่ายเลวร้าย เป็นฝ่ายอุปสรรค เราต้องกำจัดสิ่งเลวร้ายนี่ คือความเห็นแก่ตัว ออกไป ๆ มนุษย์จึงจะรักกัน โลกจึงจะมีสันติภาพ จุดมุ่งหมายทุกศาสนารวมกันคือมุ่งจะทำลายความเห็นแก่ตัว ขอให้เข้าใจ นี่เป็นหลักพื้นฐาน การกำจัดความเห็นแก่ตัวออกไปเสียอย่างเดียวเท่านั้นแหละ โลกนี้จะมีสันติภาพ ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม ส่วนสังคมทั้งหมด ยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่อย่างไร ไม่มีทางที่จะมีสันติภาพ แม้ว่าเราจะมีการพัฒนาทางการเมือง การเศรษฐกิจ การทหาร การอะไรก็ตาม พัฒนาให้สูงสุดอย่างไร ถ้าเรายังมีแต่ความเห็นแก่ตัวยังเหลืออยู่ แล้วก็ไม่มีสันติภาพ มีแต่ปัญหามาขึ้นกัน
สมมุติว่าเราจะพัฒนาถูกต้อง ทางเศรษฐกิจ หรือว่าด้วยเหตุใดก็ตาม อิทธิปาฎิหารย์อะไรก็ตาม ที่เราจะทำให้ฝนตกลงมา เป็นทองคำได้ทั้งโลก ๆ ก็ไม่มีสันติภาพ เพราะความเห็นแก่ตัวยังเหลืออยู่ ก็ไม่มีทางที่จะมีสันติภาพ แม้ว่าฝนจะตกลงมาเป็นทองคำ มันก็ฆ่ากันตาย เพราะแย่งกันเก็บ แย่งชิงกันเก็บ ใครเก็บไว้มากก็จะถูกฆ่า ถูกปล้น ถูกจี้ ใครมีไว้มากก็จะนอนไม่หลับเอง สันติภาพมีไม่ได้แม้ว่าฝนจะตกลงมาเป็นทองคำ ถ้ามันยังมีความเห็นแก่ตัว
แม้ว่าเราจะจัดการเมืองให้ไม่มีปัญหาทาง (นาทีที่ 59.26 เสียงหาย) ใด ๆ ไม่มี แต่ถ้าประชาชนของเรายังเห็นแก่ตัว สันติภาพจะมีไม่ได้ ก็ยังมีการทะเลาะกันระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลตลอดไป ไม่มีสันติภาพ แม้พัฒนาการเมืองได้อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะมีการทหารดีที่สุดจน เราครองได้ทั้งโลก ๆ แต่ถ้าพลเมืองของเรายังเป็น เซลฟ์ฟิช ไม่มีความสงบสุขแม้ว่าเราจะเป็นผู้ครองทั้งโลก
เอ้า, ทีนี้เราเหลียวมาดูในทางศาสนาบ้าง ศาสนาซึ่งเป็นพีธีรีตองอย่างที่เราถือกันอยู่นี่แม้ว่าเราจะมีพระพุทธรูป หรือกางเขนก็ดี กางเขนก็ได้ ไป วางเต็มทั้งโลก ๆ มันก็ไม่ถอน selfishness ของชาวประชาชนได้ โลกนี้ก็ยังไม่มีสันติภาพอยู่นั่นแหละ แม้ว่าเราจะวางพระพุทธรูป หรือวางกางเขนให้เต็มไปทั้งโลก เราจะพิมพ์คัมภีร์ไบเบิ้ล พิมพ์คัมภีร์พระไตรปิฎก วางเต็มไปทั้งโลก มันก็ไม่ละความเห็นแก่ตัวของคนในโลก โลกก็ยังไม่มีสันติภาพ จนกว่าเมื่อไรมันจะปฏิบัติเพื่อหมดความเห็นแก่ตัว แล้วสันติภาพก็จะมีเต็มที่
ทีนี้ ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว ไม่เซลฟ์ฟิช จะมีสันติภาพ โดยที่ไม่ต้องมีสิ่งเหล่านั้น ไม่ต้องมีพระพุทธรูป ไม่ต้องมีกางเขน ไม่ต้องมีไบเบิ้ล ไม่ต้องมีอะไรก็ได้ เราจะมีสันติภาพ ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว ดังนั้น ถ้าเราปฏิบัติทำลายความเห็นแก่ตัวได้ นั่นแหละเราคือปฏิบัติถูก ตามหัวใจ ตาม spirit ของทุก ๆ ศาสนา ทุกศาสนา แล้วโลกก็จะมีสันติภาพ ท่านมาที่นี่ จะปฏิบัติธรรมะ จะศึกษาธรรมะ ก็ขอให้รู้ไว้เถิดว่า ท่านมาปฏิบัติศึกษา เพื่อทำลายความเห็นแก่ตัว
ระบบปฏิบัติที่เรียกว่า อานาปานสติภาวนานี้ เป็นระบบที่ สมบูรณ์ที่สุด ๆ ปฏิบัติสำเร็จ ศึกษาสำเร็จ เราจะรู้จักความเห็นแก่ตัวโดยชัดเจน เราจะรู้จักเหตุที่ทำให้เห็นแก่ตัว แล้วเราก็มีเครื่องมือที่จะกำจัดมันเสีย แล้วเราจะมีความหลุดจากอิทธิพลของกู๊ดแอนด์อีเวิล ทั้งหมดนี้มีอยู่ในระบบอานาปานสติ ขอยืนยันอย่างนี้ ขอให้ท่านสนใจ
ระบบอานาปานสติ ที่เราปฏิบัติถึงที่สุดแล้ว จะช่วยให้เราอยู่เหนืออิทธิพลของความเป็นบวกและความเป็นลบ หรือดีหรือชั่ว โดยประการทั้งปวง หมด มันจะให้หมดปัญหาทุกปัญหา เมื่ออยู่เหนืออิทธิพลของบวกและลบแล้ว ท่านได้ชีวิตมาทำไม? ธรรมชาติหรือพระเจ้าก็ตามให้ท่านมีชีวิตมาทำไม ควรจะถือว่า ให้ชีวิตมาเพื่อให้เราได้พบกับความเป็นสุขแท้จริง หมดปัญหาแท้จริง และเป็นความสุขที่ไม่กัดเจ้าของ อย่างที่กล่าวมาแล้ว
ชีวิตเดี๋ยวนี้ของท่าน ชีวิตที่ท่านกำลังมีอยู่นี่ มันตกอยู่ใต้อิทธิพลของบวกและลบ มันจึงเต็มไปด้วยปัญหา เต็มไปด้วยความหนัก ของหนัก เต็มไปด้วยความทุกข์ ชีวิตปัจจุบันของท่านกำลังเป็น อย่างนี้ ใช่หรือไม่ ขอให้ท่านมองให้เห็นจริง ๆ แล้วระบบธรรมะนี่จะช่วย sublimate มันให้กลายเป็นอย่างอื่น จะเรียกว่าชีวิตใหม่ก็ได้ ซึ่งมันจะอยู่เหนือปัญหาของบวกและลบ แล้วก็จะไม่มีปํญหา ไม่ความทุกข์ นี่เรียกว่าได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ นี่ความมุ่งหมายของธรรมะ เป็นอย่างนี้
ที่จริง มันไม่มีชีวิตเก่า หรือชีวิตใหม่หรอก มันสมมุติเกินไป ที่จริงมันมีชีวิตที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ท่านเคยชินแต่กับชีวิตที่ไม่ถูกต้อง จนเคยชิน ก็เห็นว่าเป็นของธรรมดา เป็นของเก่า พบของที่แปลกออกไป เห็นเป็นของใหม่ ที่จริงมันก็ไม่ได้ใหม่ มันเป็นของที่ถูกต้อง มันจะใหม่สำหรับเราที่ไม่เคยถูกต้อง เรามีแต่ผิด ๆ เดี๋ยวนี้มันถูกต้อง ดูเป็นของใหม่ เราจะได้มีชีวิต ชนิดที่มัน ถูกต้อง ๆ แล้วมันสามารถจะ develop ไปถึงจุดสูงสุด อยู่เหนือปัญหา ในภาษาธรรม เรียกว่า อยู่เหนือโลก เหนือปัญหาใด ๆ ในโลก นี่ชีวิตที่จะพึงได้ ในฐานะที่จะเป็นชีวิตที่ถูกต้อง หรือ ชีวิตใหม่สำหรับท่านทั้งหลาย
วิธีที่ดีที่สุด หรือถูกต้องที่สุด เราก็จะมองเห็นว่า ชีวิต ๆ นี้ มันเป็นทุน ทุนหรือ เดิมพัน ในภาษาไทย เรียก เดิมพัน ทุน เป็นแคปปิตอล ทุนที่ธรรมชาติให้มา ให้มาเพื่อจะทำการค้า หรือจะว่า พระเจ้าให้มาก็ได้ ถ้าเชื่อพระเจ้า พระเจ้าให้มา ชีวิตนี้ให้มาเป็นทุน สำหรับเป็นทุน แล้วก็ทำการค้า ให้เกิดผลกำไร ให้มากที่สุด ตามที่มันจะมีได้ ถ้าเราทำได้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด เราก็จะได้ถึงระดับนั้น คือดีที่สุดของชีวิต ชีวิตที่อยู่เหนือปัญหา เหนือความทุกข์ทั้งปวง เดี๋ยวนี้เรามาทำขาดทุนหมด ไม่มีกำไรเลย ยังไม่มีกำไรเลย และยังขาดทุน หรือขาดทุนด้วยซ้ำไป ขอให้ถือว่า ชีวิตนี้เป็นทุน ต้นทุน ที่ธรรมชาติ หรือพระเจ้าให้มา ที่เราจะต้องทำการค้า ให้ดีที่สุด ให้ได้รับประโยชน์ให้ถึงที่สุดให้จงได้ วิธีอานาปานสติภาวนาจะช่วยได้
ชีวิตที่ได้รับผลดีที่สุด ถึงที่สุด มันก็คือ ชีวิตที่อยู่เหนืออิทธิพลของบวกและลบ อย่างเดียวกับที่พระเจ้าสร้างไว้ในคัมภีร์ Old testament นั่นแหละ อย่างเดียวกัน ชีวิตที่อยู่เหนือกู๊ดแอนด์อีเวิล ขอให้เรามุ่งไปให้ถึงที่นั่น เหนือบวกเหนือลบ ๆ ให้คิดดูเถิด ดีใจ มันก็ไม่ใช่ความสงบเสียใจก็ไม่ใช่ความสงบ ดีใจก็นอนหลับยาก เสียใจก็นอนหลับยาก ต่อเมื่อไม่ดีใจไม่เสียใจ จึงจะเรียกว่าอยู่เหนือบวกและลบ นี้เป็นตัวอย่าง ของชีวิตที่อยู่เหนือบวกเหนือลบ ขอให้มุ่งหมาย จุดหมายปลายทางชีวิตที่อยู่เหนือบวกเหนือลบ เป็นกำไรสุดยอด ที่จะได้จากการค้าขายด้วยชีวิต
Gladness ก็ไม่ใช่ Peace Sadness ก็ไม่ใช่ Peace ขอให้เข้าใจ หัวเราะก็ไม่พีส ร้องไห้ก็ไม่พีส ถ้าเขาจะให้คุณนั่งหัวเราะ คุณก็บ้าตายเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไร มันไม่ใช่ peacefulness มันเป็นบวกหรือมันเป็นลบอยู่เพียงใดแล้วมันไม่มี peacefulness เราจะต้องอยู่เหนือบวกเหนือลบ ไม่มีความหมายที่ว่าดีใจ เสียใจ หัวเราะ ร้องไห้ เป็นสุข เป็นทุกข์ บางทีก็จะพูดว่า ไม่นรก ไม่สวรรค์ สวรรค์เป็นบวก นรกเป็นลบ ก็ไม่ใช่พีสฟูลเนส ขอให้มันถึงสิ่งที่มันไม่ บีบคั้น มันไม่ทำให้เกิดปัญหา จึงจะทำให้เกิดพีสฟูลเนส
ขอให้ดูว่าในการทำสงคราม ชนะก็ไม่มีพีสฟูลเนส แพ้ ก็ไม่มีพีสฟูลเนส ต้องเหนือแพ้เหนือชนะ เรียกว่าเหนือ เหนือได้ เหนือเสีย เหนือกำไร เหนือขาดทุน เหนือมั่งมี เหนือยากจน ไม่ใช่มั่งมี ไม่ใช่ยากจน คุณอาจจะชอบความมั่งมี มันวุ่นจะตายไป ฆ่าตัวตายเพราะความมั่งมีก็เยอะ ความมั่งมีไม่ใช่พีสฟูลเนส ความยากจนก็ยิ่งไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีทุก ๆ คู่ ทุก ๆ คู่เหล่านี้ ซึ่งเป็นบวกและลบทั้งนั้นเลย ความรักก็มิใช่ความสงบ ความเกลียด ความโกรธก็มิใช่ความสงบ แต่เราก็ชอบความรักกันเหลือประมาณ แล้วก็บูชาความรักด้วย นี่เราก็บูชาบวก เราก็ไม่เคยพบกันกับความสงบ เราจะต้องรู้จัก สิ่งที่มันเหนือบวก เหนือลบ มันไม่มีการกระตุ้น มันไม่มีการปรุงแต่ง มันไม่มีการผลักไสอะไร มันเป็นความสงบ นี่จึงจะเรียกว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้
ที่นี้ก็มาถึง ปัญหาเกี่ยวกับคำพูด ที่จะเป็นปัญหาสุดท้ายก็ได้ เกี่ยวกับคำพูดที่เราใช้พูดกันอยู่ในโลก ในโลกนี้เราก็สอนกันอยู่แต่ ทำให้ดี ๆ ทำที่ถูก ที่ดี แต่เราก็มีหลักว่า อยู่เหนือชั่วเหนือดี นี่ก็ต้องปรับความหมายนี้ให้ได้ ที่ดี ๆ อย่างที่คู่กับชั่วนั้น ยังไม่ดีจริง ดีที่เป็นคู่กับชั่ว กู๊ดที่เป็นคู่กับอีเวิล นั้นยังไม่ใช่ดีจริง ต้องดีจริง ทีนี้เราก็ให้คำจำกัดความว่า ถ้าดีจริง ไม่กัดเจ้าของ ถ้าดีไม่จริง มันจะกัดเจ้าของ ถ้าเราจะสอนกันในโลกให้ดี ๆๆ ต้องดีชนิดที่ดีจริง คือ ดีชนิดที่อยู่เหนือชั่วเหนือดีนั่นแหละ เรียกว่าดีจริง ไม่กัดเจ้าของ ถ้าดีที่เป็นคู่กับชั่วนี้ ยังกัดเจ้าของ meritorious ทำอย่างดี ถ้าไปแอทแทชมันเข้า มันก็กัดเจ้าของเหมือนกัน มันต้องเป็น ดี ๆ ๆ ที่ไม่กัดเจ้าของ แล้วก็จะเป็นที่ดีจริง นี่เราต้องการ เหนือดีเหนือชั่ว ก็คือ ดีที่ไม่กัดเจ้าของ
พุทธศาสนานี้ก็สอนให้ละชั่ว และก็ให้ทำดีเหมือนกัน แต่ว่าทำดีสำหรับจะอยู่เหนือดี มีดีสำหรับจะอยู่เหนือดี มันต้องมีคำว่า ดีซึ่งอยู่เหนือดี นั่นแหละ ดีนั้นคือ บียอนด์กู๊ดแอนด์แบด มันก็เลยเหนือขึ้นไป เหนืออิทธิพลของบวกและลบ จงรู้จัก ดีที่ไม่คู่กับชั่ว ดีที่อยู่เหนือดี นี่คือดี ที่เป็นที่มุ่งหมาย อันนี้เป็นคำสำหรับพูด พูดกันในโลกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะฟังกันไม่เข้าใจ แต่ถ้าพูดอย่างธรรมะเด็ดขาดแล้วต้อง เหนือชั่วเหนือดี ไม่เกี่ยวกับดีคือว่าง ว่างจากชั่วและว่างจากดี นี่คือชีวิตที่อิสระที่สุด สุดยอดที่สุด supreme life ไปเลย จะเป็นของใหม่ของท่าน แต่ว่าเป็นของธรรมดาของอย่างนี้เอง เป็นของธรรมชาติ อย่างนี้เอง ขอให้รู้จักดีที่อยู่เหนือดี ไม่คู่กับชั่ว แล้วเราก็จะได้ชีวิตที่สุดท้ายที่มีค่า มีกำไรสูงสุด สุดท้ายไม่เสียทีที่เกิดมา
เดี๋ยวนี้ ชีวิตของเรายังเด็กนัก เด็กทารก เด็กที่เกิดใหม่ ยังเป็นเด็กทารก ยังถูกครอบงำ ด้วยอวิชชา ๆ แล้วมันก็มีกิเลส ถูกครอบงำด้วยกิเลส เราก็ไม่รู้จักความจริงของบวกและลบ ของกู๊ดแอนด์อีวิล เราจึงแอทแทชแต่บวก เพราะมันอร่อยดี ๆ ทุกคนในโลกแอทแทชบวก นั่นแหละเรียก ชีวิตนี้ยังเด็กนัก เราจะต้องทำให้มันเติบโต ๆ ให้รู้ ๆ ๆ จนเราจะต้องว่า ไม่เอาแล้ว บวกหรือลบ ไม่เอาแล้ว จะอยู่เหนือบวกเหนือลบ มันจึงเป็นชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ และก็มีความรู้ แล้วก็รอดออกไปได้ในที่สุด ขอให้เป็นอย่างนี้
ขอให้ท่านทั้งหลายประสบความสำเร็จ ในการมาที่นี่ ศึกษาและปฏิบัติ เพื่อให้พบชีวิตที่อยู่เหนือบวกเหนือลบ ตามความประสงค์ ยุติการบรรยายในวันนี้ และขอขอบใจท่านทุกคนที่เป็นผู้ฟังที่ดี ขอปิดประชุม