แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านนิสิตพร้อมทั้งท่านผู้นำคณะทั้งหลาย ผมขอพูดกับท่านทั้งหลายในฐานะเป็นเพื่อนสหธรรมมิกกันเอง ข้อแรกก็ขอแสดงความยินดีในการมาที่นี่ในลักษณะอย่างนี้ซึ่งเป็นการมาเพื่อแสวงหาความรู้ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษในการที่ช่วยกันดำรงพระศาสนา ขออนุโมทนาในการทำหน้าที่อย่างทรหดอดทนคือความลำบากดังที่เห็น ๆ กันอยู่ แต่ถ้ามีความทรหดอดทนในความลำบากก็หายไป และรู้สึกชื่นชมยินดีในการที่ได้ทำกิจกรรมทั้งหมด ซึ่งเป็นการเล่าเรียนก็ดีเป็นการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมก็ดี และที่จะทำต่อไปในข้างหน้าก็ดี ทั้งหมดนี้มันเป็นการกระทำที่สนองพระพุทธประสงค์ ดังนั้นก็มีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือในฐานะที่เป็นเพื่อนสหธรรมมิกซึ่งมีความหมายสำคัญว่าเราต้องรับผิดชอบรวมกัน ถือว่าเป็นสหธรรมมิก แม้ที่สุด สามเณร หรือพระบวชใหม่ มีพรรษาอายุมาถึงขนาดนี้แล้ว ประพฤติธรรมะร่วมกันได้ชื่อว่าสหธรรมมิก ใจความสำคัญก็คือมารับผิดชอบร่วมกันในการที่พระพุทธองค์ทรงประสงค์ทรงมุ่งหมายทรงหวัง ทรงเชื่อว่า พวกเราภิกษุจะช่วยกันสืบอายุพระศาสนาดังที่เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า พระศาสานาจะอยู่หรือจะอันตรธานก็เพราะบริษัททั้ง ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในที่นี่เราสนใจกันแต่หน้าที่ของภิกษุ โดยเห็นว่าทุกคน ทุกองค์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนสูงต่ำอย่างใดก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้พระศาสนายังคงมีอยู่สำหรับเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก
มีพระพุทธภาษิตเขาว่า “ตถาคตยังดำรงอยู่ ยังไม่ไปนิพพาน จนกว่าบริษัทเหล่านี้จะมีความรู้ธรรมะ ถึงขนาดที่กล่าวสอนแก่กันและกันได้” ท่านตรัสว่าอย่างนี้ ภิกษุบริษัทโดยเฉพาะมีความรู้ พอที่จะกล่าวสอนซึ่งกันและกันได้สืบต่อ ๆ ไป ไม่มีสิ้นสุด เมื่อเป็นดังนี้ก็ชื่อว่าพระศาสนานั้นยังอยู่ มันต้องมีคนบวช มันต้องมีคนเรียน มันต้องมีคนรู้ และมันต้องมีคนปฎิบัติ มันต้องมีคนได้รับผลของการปฎิบัติ และก็ต้องสอนต่อ ๆ กันไปนั่นแหละ คือการที่พระศาสนายังมีชีวิตอยู่ เรามีหน้าที่โดยตรงที่จะทำให้พระศาสนายังมีชีวิตอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ทายก ทายิกาเขาเป็นผู้ช่วยสนับสนุน เราเป็นผู้ทำหน้าที่โดยตรงเพื่อความมีอยู่แห่งพระศาสนา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีงานมากขึ้นในข้อที่ว่ามันจะต้องเผยแผ่ออกไปให้ทั่วโลกเพื่อรักษาโลกนี้ไว้อย่าให้มันวินาศ
เอาละ, ที่นี่ผมก็จะพูดเรื่องที่อยากจะให้ทราบ มันไม่ใช่เรื่องในหลักสูตรแต่มันเป็นเรื่องนอกหลักสูตร แต่แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ต้องทราบเพราะมันเกี่ยวกับเหตุ กิจกรรมของเรา
เดี๋ยวนี้เราจะมองกันเป็นข้อแรกที่สุดก่อน ว่าการศึกษาที่มีอยู่ในโลกนี้มันไม่ถูกต้อง มันมีระบบที่ไม่ถูกต้อง อีกทางหนึ่งก็เรียกว่าไม่สมบูรณ์ การพูดอย่างนี้บางคนจะคิดว่าไอ้นี่มันโอหัง ดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น ดูถูกคนทั้งโลก เอาละ,ผมก็ยอมให้คนทั้งโลกมันด่า ที่ผมก็จะยืนยันว่าการศึกษาทั้งโลกมันยังไม่ถูกต้องมันมีระบบที่ไม่ถูกต้อง วางระบบไว้ไม่ถูกต้อง มีความมุ่งหมายไม่ถูกต้อง มีการกระทำไม่ถูกต้อง ท่านทั้งหลายลองคิดดูเองก่อนเถอะว่ามันหมายถึงอะไร มันหมายถึงข้อที่ว่า มันมีแต่การศึกษาที่ทำให้ฉลาด แล้วไม่มีการศึกษาที่ควบคุมความฉลาด และคนเหล่านั้นก็มีเสรีภาพในการใช้ความฉลาดของตนเพื่อความเห็นแก่ตัว นี่เขาให้ทำไว้ในใจเถิดว่ามันเป็นปัญหาแก่พวกเรา มันมีแต่การศึกษาที่จะทำให้ฉลาด ฉลาด ฉลาด ไม่มีสักนิดที่จะควบคุมความฉลาด แล้วคนฉลาดเหล่านั้นก็มีเสรีภาพในการจะใช้ความฉลาดเพื่อประโยชน์ของตัว เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ไม่ยากไม่ลึกลับซับซ้อนอะไรก็ดูก็แล้วกัน คนฉลาดมากยิ่งขึ้นทุกที ๆ จนจะว่าไปโลกพระจันทร์นี่เป็นของเด็กเล่นไปแล้ว มันฉลาดอย่างนี้ ความรู้ความสามารถในการประดิษฐ์ ในการกระทำทุกอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องอาชีพ ในเรื่องเศรษฐกิจ ในเรื่องอะไรก็ ล้วนแต่ฉลาด ฉลาด ฉลาด แต่ก็ไม่มีส่วนที่จะควบคุมความฉลาดว่าให้ความฉลาดนั้นมันเดินไปในทางที่ถูกที่ควร เขาก็ใช้ความฉลาดเพื่อประโยชน์ของตัว ที่เรียกว่าความเห็นแก่ตัว มันก็เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหานานาประการ จากคำว่า “เห็นแก่ตัว” โปรดจดจำคำพูดคำนี้ไว้ เป็นคำสำคัญที่สุดเพราะมันเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง ความเห็นแก่ตัว ทำให้คนทั้งโลกไม่มีความผาสุข เห็นแก่ตัวจนลัทธินายทุนเกิดขึ้นมาในโลก ก่อนนี้ไม่เคยมี นายทุนลัทธิเกิดขึ้นมาในโลก ผู้เห็นแก่ตัวเหล่าอื่นก็ต่อต้าน ก็เกิดคอมมิวนิสต์ขึ้นมา ที่เหลืออยู่ที่ไม่เป็นนายทุนหรือไม่เป็นคอมมิวนิสต์มันก็ยังเห็นแก่ตัว เห็นได้ง่าย ๆ ยังเห็นแก่ตัว ทั้งโลกก็มีแต่ผู้เห็นแก่ตัว คิดดูเถิด เห็นแก่ตัว มีโทษร้ายทั้งเรื่องของตัวและเรื่องของสังคม คนเห็นแก่ตัวน่ะ นอนไม่หลับ มันทำอะไรที่มันยุ่งยากมากขึ้นทุกที แล้วมันก็ถึงฆ่าตัวตายได้ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่อะไรก็ได้ นี่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว เกี่ยวกับสังคมมันก็เอาเปรียบ มันทำทุกอย่างที่เดือดร้อนขึ้นมาสังคมแล้วก็ ขยายไปจนถึงว่าจะเอาทั้งหมด จะครองโลกเลย จะครองโลกเลย ความเห็นแก่ตัวมาจากความฉลาดที่ได้รับจากการศึกษาจริงหรือไม่จริงขอให้คิดดู
ความเห็นแก่ตัวแปลก ๆ ใหม่ ๆ ลึกลับซับซ้อนมาจากความฉลาด ฉลาดที่ได้รับมาจากการศึกษา การศึกษาทำให้คนฉลาดอย่างเดียว เมื่อการศึกษามันยังควบคู่กันไปศาสนา มันก็ไม่เป็นมากถึงอย่างนี้ ก็มีศาสนานั่นแหละควบคุมเอาไว้ ให้เห็นแก่ผิดชอบชั่วดี ให้เห็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ เดี๋ยวนี้มนุษย์ที่ฉลาด ที่มาถึงยุคที่ฉลาดในการศึกษาฉลาด มันแยกศาสนาออกไปเสียการศึกษา มันก็ไม่นานหนัก แยกการศึกษาออกจากการศาสนา แยกการศาสนาออกจากการศึกษาก็แล้วแต่จะเรียก Secularizationเขากลับคิดหรือเห็นว่านั่นเป็นวิธีที่ถูกต้องและฉลาดยิ่งขึ้นไปอีก ไอ้การที่จะแยกศาสนาออกไปเสียจากการศึกษานั้นถูกต้องและฉลาดขึ้นไปอีกก็เลยทำขึ้น พวกฝรั่งน่ะพูดกันตรงๆ เขาทำก่อน พวกไทยก็ตามก้น ตัวเล็ก ๆ ก็ตามก้นตัวใหญ่ๆการศึกษากับการศาสนาก็แยกออกจากกัน ก็ไม่มีอะไรที่จะควบคุม ความฉลาดที่ได้รับจากการศึกษามันก็นำไปสู่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ขอให้หลับตาให้ดี ๆ แล้วมองจะเห็น ลืมตาแล้วมองไม่เห็น หลับตาจะมองเห็นว่าความเห็นแก่ตัวนี้กำลังแพร่หลาย ควบคุมโลกเป็นเจ้าโลกทุกหัวระแหง ทุกกระเบียดนิ้วในโลกมันถูกปกคลุมไปด้วยความเห็นแก่ตัว แล้วพวกเราจะไปสมทบกับเขาด้วยหรืออย่างไร เราจะมีการศึกษาที่จะทำให้ฉลาด ๆ แล้วก็กลายเป็นผู้เห็นแก่ตัว รวมกลุ่มกับเขาด้วยหรืออย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ต้องพูดกัน เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา เดี๋ยวนี้ก็เป็นนิยมประชาธิปไตย นิยมเสรีภาพ บ้าคลั่งเสรีภาพ ไม่ต้องดูอะไร ก็ใช้เสรีภาพในการที่จะใช้ความฉลาดเพื่อจะเห็นแก่ตัว ฉันมีเสรีภาพ ฉันจะใช้ความฉลาดของฉัน ก็ใช้ไปตามต้องการ มันก็เป็นไอ้ความเห็นแก่ตัว การศึกษาเลยเป็นมูลเหตุของการเห็นแก่ตัวแบบใหม่ ของใหม่ ยุคใหม่ไปเสีย มันน่าเศร้า น่าสังเวชในการศึกษาชนิดนี้ ซึ่งกำลังมีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้
ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องนี้มันคือเรื่องที่ศาสนาต้องการจะกำจัดออกไป ความเห็นแก่ตัวนั่นแหละมันเป็นเหตุให้เกิดกิเลส โลภะ โทสะ โมหะหรืออะไรก็ตาม พระพุทธศาสนาเรามีเพื่อจะกำจัดสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้เรื่องสิ่งเหล่านี้ ต้องรู้เรื่องสิ่งหล่านี้ เพราะมันกำลังมีขึ้นมาอย่างไร มันกำลังจะงอกงามออกไปอย่างไร
เอ้า, ขอให้เอาหนังสือพิมพ์มากี่ฉบับก็ได้ตามใจ มาดูข่าวทั้งหลายนั้นแหละ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ ไม่มีแต่ มีแต่ข่าวร้าย มีแต่ข่าวเลวทราม ข่าวเสียหาย ความไม่มีศิลธรรม ข่าวดี ๆ ที่จะเอาเป็นตัวอย่างประพฤติตามไม่มี ๆ ทุกข่าวทุกฉบับมันมีมูลมาจากอะไร มันมีมูลมาจากความเห็นแก่ตัว ของผู้เป็นข่าว เป็นผู้ทำให้เกิดข่าว ซึ่งมันเป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง ขอให้สนใจด้วย ไปซื้อมาสัก ๑๐ ฉบับ ไปเปิดดู มันไม่มีข่าวที่น่าชื่นใจ เป็นตัวอย่างดี ๆ แล้วมันก็มีแต่ข่าวที่ร้าย ได้ยินเขาว่ากันว่า หนังสือพิมพ์ขายดีเพราะเหตุนี้ ผู้อ่านต้องการจะเห็นข่าวชนิดนี้ ก็หมายความว่าผู้อ่านทั้งหลายก็มีจิตทรามลงไปมากทีเดียว ต้องการที่จะเห็นข่าวร้าย ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ไปยืนดูก็ได้ ที่ถนนหนทางที่สถานีรถ สถานีเรือ สถานที่อะไรต่างๆ มันก็จะเห็นแต่ว่า การกระทำด้วยความเห็นแก่ตัว ไม่มีระเบียบไม่มีเมตตากรุณาไม่มีความเอื้อเฟื้อทุกหนทุกแห่ง ที่เปิดเผยไม่ใช่ที่ซ่อนเร้น ดู ที่กรุงเทพยิ่งดูง่าย ดูไปตามถนน ปัญหาจะเกิดขึ้นกลางถนน มันเริ่มแต่ความเห็นแก่ตัวเรื่องรถติดเรื่องอะไรก็ตาม นี่ว่าความเห็นแก่ตัวมันกำลังครองโลก ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวนะ สิ่งเหล่านี้เกิดไม่ได้ ผมข้อท้าอย่างนี้ ไปพิสูจน์กันเอาเอง ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัว สิ่งเลวร้ายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ในบ้านเมืองเราก็ดี ทั่ว ๆ ไปทั้งโลกก็ดี คนมันยิ่งฉลาด มันก็ยิ่งเห็นแก่ตัว เพราะมันฉลาด ยิ่งเห็นแก่ตัวได้ลึกลับซับซ้อน มันยิ่งหาโอกาสที่จะเห็นแก่ตัวได้มาก คนฉลาดมันต้องการมากเกินขอบเขตมันก็เป็นเหตุให้ต้องเห็นแก่ตัวมากเกินขอบเขต นี้เป็นตัวปัญหาของมนุษย์แห่งยุคปัจจุบันคือการศึกษาที่มีระบบไม่ถูกต้อง มีแต่ระบบให้ความฉลาด ไม่มีระบบที่จะกำจัดหรือควบคุม ๆ ความฉลาด
พวกเราทั้งหลายก็เป็นนักศึกษา ขอให้ระวังความฉลาด ขอให้มีส่วนที่ควบคุมความฉลาด เราตัวแดง ตัวเหลืองอยู่กับศาสนา ถ้าเราไม่มีระบบควบคุมความฉลาดก็เรียกว่าล้มละลายหมดแหละ ฉะนั้นการปฎิบัติจิตตภาวนา การปฎิบัติจิตตภาวนนั่นแหละจะควบคุมความฉลาดของเราไม่ให้ออกไปสู่ความเห็นแก่ตัว เหมือนชาวโลกทั่วไป เพราะฉะนั้นก็เป็นที่น่ายินดีที่ว่าหลักสูตรของสภาการศึกษาของเรา มหาจุฬา ฯ มีการบำเพ็ญจิตตภาวนารวมอยู่ด้วย ขอภาวนาให้สิ่งนี้มีจริง ทำจริง ถูกต้องจริง อย่าละเมอเพ้อฝัน ให้กลายเป็นเรื่องพิีรีตรองไปเสีย ไอ้เรื่องจิตตภาวนายังเป็นพิธีรีตรองซะมาก เลยไม่รู้ว่าอะไรไม่ได้ผลตามที่ต้องการ บางแห่งบางที่ก็กลายเป็นไสยศาสตร์เตลิดเปิดเปิงไปไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่พุทธศานาเลยก็มี เพราะฉะนั้นต้องระวัง เป็นสิ่งที่ต้องระวัง ถ้ามันเป็นซะอย่างนั้นแล้วมันก็ไม่อาจจะเอามาใช้ตรงความมุ่งหมายที่จะเอามาควบคุมความฉลาดนี้ได้เลย
เราจะตั้งเครื่องวัดผลกันอย่างนี้จะได้ไหม ถ้าว่าการศึกษานี้มันเป็นไปถูกต้อง บ้านเมืองเราหรือโลกเราจะต้องลดเรือนจำ ลดโรงพักตำรวจ ลดศาล ลดโรงพยาบาลประสาท ลดโรงพยาบาลบ้า เอากันเท่านี้ก็พอ เดี๋ยวนี้มันไม่ลดจริง ๆ ตามความจริงที่เขาเสนอออกมา มันเพิ่ม แล้วมันเพิ่มมากเกินส่วนการเพิ่มของพลเมืองและพลโลก พลเมืองเพิ่มก็จริง แต่ถ้าว่ามันมีการศึกษาถูกต้องมันจะลดไอ้สิ่งที่เป็นเรื่องวัด ลดเรือนจำ ลดสถานีตำรวจ ลดศาล ลดโรงพยบาลบ้า ทุกอย่างที่มันเป็นผลของการศึกษาที่ไม่ถูกต้อง พูดง่ายก็ต้องลดอาชญากรรม เดี๋ยวนี้เข้าใจว่าท่านทั้งหลายทุกคนนี้ได้อ่านข่าวได้ยินข่าวรู้ดีเชื่อแน่ได้ว่า อาชญากรรมมันไม่ลด อาชญากรรมมันเพิ่ม ๆ ขึ้นเหลือประมาณ เพิ่มเกินส่วนของพลเมืองที่มันเพิ่ม นี่ผมมีหลักการวัดผลอย่างนี้ ถ้าการศึกษาถูกต้องจริงในโลกนี้สิ่งเหล่านี้ต้องลด ถ้าสิ่งเหล่านี้มันยังเพิ่มๆ เกินส่วนล่ะก็ การศึกษามันไม่ถูกต้อง แล้วมันก็เป็นอย่างว่าแหละมันให้แต่ความฉลาด ไม่ได้ให้สิ่งที่ควบคุมความฉลาด ชั้นอนุบาลก็ดี ชั้นประถมก็ดี ชั้นมัธยมก็ดี ชั้นอุดมก็ดีมันมีแต่ให้ความฉลาด แล้วให้ความฉลาดอย่างยิ่งแล้ว ไม่มีให้การควบคุมความฉลาด แล้วเขาจะเห็นได้ว่าการควบคุมความฉลาดเป็นของโง่เสียอีก ไม่น่าปรารถนาไปเสียอีก มันก็เลยทำกันไม่ได้ เข้าใจกันไม่ได้มันก็เป็นของครึคระไปเสีย นี่ขอให้เราเห็นปัญหาที่มีอยู่ในโลกจริง ๆ อย่างนี้เกิดขึ้น
ผมได้บรรยายทางวิทยุกระจายเสียงในอาทิตย์ที่แล้วมาว่า ความเห็นแก่ตัวน่ากลัวนัก นี่หัวข้อที่พูดที่ว่า ถ้าลูกเห็นแก่ตัว พ่อแม่ก็น้ำตาตก เดี๋ยวนี้มีลูกที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ใจตัว เอาแต่อะไรของตัว พ่อแม่น้ำตาตก โบราณเขามีไว้ว่า ลูกคนใดทำให้พ่อแม่น้ำตาตกลูกคนนั้นจะตกนรกโลกันต์ ชั้นโลกันต์ ชั้นเบื้องต่ำสุด แม่มันยังเอ็นดูลูกไม่กล้าให้น้ำตาตก แม้ลูกมันจะทรมานใจอย่างไรแม่ไม่กล้าน้ำตาตก รักลูกกลัวลูกมันจะตกชั้นโลกันต์อย่างนี้ก็มี แต่ขอให้ดูให้ดีว่าลูกที่มันเห็นแก่ตัว มันจะทำให้พ่อแม่น้ำตาตก โดยเฉพาะวัยรุ่นทั้งหลายในกรุงเทพฯ เป็นฝูง ๆ ล้วนแต่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตกข้างนอกบ้าง ข้างในบ้าง ถ้าพ่อแม่เห็นแก่ตัวเสียเอง ลูกมันก็แย่ไปตามกัน ยิ่งกว่าศัตรูหรือผู้คิดร้ายจะมาทำให้ได้เสียอีก นี้ที่โบราณว่าพ่อแม่เป็นศัตรูเป็นภัยรีเพราะรักษาลูกปกครองลูกไม่ดี ถ้าพ่อแม่เห็นแก่ตัวไม่เอาใจใส่ลูก
เดี๋ยวนี้ก็มีข้อแก้ตัว ว่าพ่อแม่มีงานมากไม่มีโอกาสที่จะดูแลลูก นี่ยิ่งแสดงความโง่เขลาออกมาอย่างยิ่ง เป็นความผิดของการศึกษาอย่างหนึ่ง ที่เขาให้ผู้หญิงกับผู้ชายศึกษาเหมือนกันจนไปเป็นคู่แข่งขันกัน แย่งชิงงานกัน ไอ้งานทั้งหลายที่มีอยู่ก็ต้องเอาสองหารสำหรับผู้ชายผู้หญิงแย่งกัน ถ้าการศึกษามันถูกต้องในโลกนี้ก็ให้ผู้ชายเป็นพ่อบ้านรับภาระหมดทั้งครอบครัว แม่มีหน้าที่จะทำให้ลูกดีให้ลูกเป็นบุตรที่ดี เป็นคนที่ดีในโลก สืบสกุลได้ดีก็ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานแย่งกันกับผู้ชาย นี้ก็เป็นการศึกษาที่มีระบบผิดพลาดซึ่งผมข้อยืนยันให้คนทั้งโลกเขาด่าผมว่าบรมโง่ก็ยอม ถ้าการศึกษาที่ให้เหมือนกันที่ให้ทั้งผู้หญิงผู้ชายสำหรับไปแย่งชิงกันนั้นน่ะมันโง่ มันควรจะผู้ชายเรียนไปสำหรับเป็นพ่อบ้านรับผิดชอบทุกอย่าง ผู้หญิงมีหน้าที่ที่จะทำให้ลูกมันดีๆ ลูกมันก็ไม่มีโอกาสที่จะบ้าบอเลวทรามเหมือนกับที่กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้ ซึ่งพ่อก็ไปทำงานแม่ก็ไปทำงานไม่มีใครดูแลลูก การศึกษามันยังจัดไว้ให้ผู้หญิงเรียนเหมือนกับผู้ชายแล้วไปแย่งงานกันทำ ทำให้งานมันน้อยลงไปอีก ถ้าผู้ชายทำเสียคนเดียวมีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวทั้งครอบครัว ปัญหานี้ก็จะไม่มี นี่สรุปว่าถ้าพ่อแม่มันเห็นแก่ตัวไม่ดูแลลูก ก็วินาศกัน เป็นเยาวชนที่มีความวินาศ ถ้าพี่มันเห็นแก่ตัวมันก็รังแกน้อง ถ้าน้องมันเห็นแก่ตัวมันก็รังแกพี่ บันทึกของไบเบิ้ลของพวกคริสต์ มีมนุษย์ขึ้นมาในโลกเพียงชั่วอายุแรก พ่อมันรักน้องมาก พี่มันหลอกน้องไปฆ่าซะในป่า ด้วยเหตุที่พ่อรักน้องมากนั่นเอง คิดดูความเห็นแก่ตัวเป็นบาปอันแรกที่มนุษย์ได้ทำ พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่ๆ คู่แรก ลูกของผัวเมียคู่แรกก็มีเหตุการณ์อย่างนี้ นั่นแสดงว่าความเห็นแก่ตัวมันเลวร้ายขนาดนี้ เมื่อพี่เห็นแก่ตัวก็ฆ่า น้องเห็นแก่ตัวก็ฆ่าพี่
ถ้าว่าสามีเห็นแก่ตัว ภรรยาก็ตกนรกทั้งเป็นตลอดเวลา ถ้าภรรยาเห็นแก่ตัว สามีก็ต้องเป็นบ้าสักวันหนึ่งจนได้ ภรรยาที่เห็นแก่ตัวไปทำอะไรตามความพอใจของมัน ไม่กี่วันสามีก็ต้องเป็นบ้า ถ้าเพื่อนเห็นแก่ตัว มันก็ลดความเป็นเพื่อน ริดรอนความเป็นเพื่อนหายไป ไม่มีเพื่อน ถ้านักเรียนเห็นแก่ตัว การเล่าเรียนก็วินาศหมด ถ้าครูเห็นแก่ตัว การศึกษาก็เหลวเละเหลวเลอะ ขนาดป.๖ ยังอ่านหนังสือไม่ได้ มันไม่น่าเชื่อแต่เขาว่ามันมีจริง ป.๖ อ่านหนังสือไม่ออก ถ้าสมภารเห็นแก่ตัว วัดก็ชำรุดทรุดโทรมและก็ร้างหมด ถ้าลูกวัดเห็นแก่ตัว สมภารก็บ้า สมภาพทนไม่ได้ต้องเป็นบ้าวันหนึ่ง ถ้าผู้บังคับบัญชาเบื้องบนเห็นแก่ตัวลูกน้องก็ตกนรกทั้งเป็นตลอดเวลา ถ้าลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นแก่ตัวกับเขาบ้าง หัวหน้าก็หกคะเมนไม่ทันรู้ ถ้าพ่อค้าเห็นแก่ตัว การเอาเปรียบด้วยการค้าการขูดรีด ก็เต้นไปทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้าแพทย์ถ้าหมอเห็นแก่ตัว นายแพทย์ก็กลายเป็นพ่อค้าฆ่าคน คนจะต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัวของนายแพทย์ ซึ่งมีวิธีทุกอย่างทุกประการที่จะเอาเปรียบ ผู้ขายอาหารเห็นแก่ตัวคนกินก็กินอันตรายแทนการกินอาหาร ถ้าผู้หญิงไร้ศีลธรรมทั่วไป เห็นแก่ตัว การลามกอนาจารก็เต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าว่าคนเบาปัญญาโง่เขลามันเห็นแก่ตัว มันก็ฆ่าตัวเอง ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าครอบครัวฆ่าอะไรก็ได้ ถ้านักเขียนเป็นคนเห็นแก่ตัว มันก็เขียนเหน็บแนมคนอื่นไม่หยุดไม่หย่อน เหมือนที่กำลังมีทางหน้าหนังสือพิมพ์ ยิ่งเป็นนักเขียนปากตะไกรทิ่มแทงคนอื่นเรื่อยไป จนในที่สุดมันก็มาทิ่มแทงปากคนเขียนซะเองความเห็นแก่ตัว นักข่าวมันเห็นแก่ตัว พวกเราก็ไม่ได้อ่านข่าวที่มีความจริง ผู้ปฎิบัติงานเห็นแก่ตัวมันก็มีแต่งานชุ้ย ๆ หลอกลวงไม่มีระเบียบ ถ้าคนยาม คนเฝ้ายามเห็นแก่ตัวไม่เท่าไรนายจ้างก็ล้มละลาย ตัวเองก็ถูกไล่ ถ้าคนตรวจเวรยามเห็นแก่ตัว งานไม่มีระเบียบไม่มีชิ้นดี ถ้าเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเกิดเห็นแก่ตัวมันก็ฆ่ากันสนุก ถ้าประชาชนเห็นแก่ตัวก็มีแต่ประชาธิปไตยแห่งตัวกู ไม่มีประชาธิปไตยของประชาธิปไตย ประชาชนเห็นแก่ตัวเลือกสภาเลือกผู้แทนมาก็ได้ผู้แทนที่เห็นแก่ตัวมาเป็นสภาแห่งความเป็นแก่ตัว สภาเห็นแก่ตัวจะทำอะไรได้ ที่นี้สภาก็เห็นแก่ตัวก็ควบคุมสภาไปตามอำนาจแห่งประโยชน์ของตัว ถ้าสภาที่เห็นแก่ตัวตั้งรัฐบาลก็ได้รัฐบาลที่เห็นแก่ตัว รัฐบาลเห็นแก่ตัวก็ทำนาบนหลังประชาชน ก็นั่งทำนาบนศีรษะประชาชนโดยแน่นอน พรรคฝ่ายค้านเห็นแก่ตัว คุณดูเอาเองเถอะมันทำอะไรกันพรรคฝ่ายค้านที่เห็นแก่ตัว มันเกินความเป็นจริงยิ่งกว่าเกิน มันหลับหูหลับตาค้านอย่างไม่มีอะไร ค้านเกินความจริง ถ้าฝ่ายค้านเห็นแก่ตัว ถ้าว่านักการเมืองเห็นแก่ตัว มันก็เห็นแก่พรรคของมันยิ่งกว่าเห็นแก่ประเทศชาติ ประเทศชาติก็ล้มจมเพราะนักการเมืองประเภทนี้ แล้วก็นายทุน นายทุนเห็นแก่ตัว มันก็ชนกรรมาชีพก็แย่ แล้วมันยั่วยุชนกรรมาชีพให้ลุกฮือขึ้นเพื่อฆ่านายทุน ถ้าชนกรรมาชีพเห็นแก่ตัวมันก็พูดกับนายทุนไม่รู้เรื่อง ยุติอะไรกันไม่ได้
ถ้าว่าชาติมหาอำนาจเห็นแก่ตัว ประเทศเล็ก ๆ ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ ถ้าว่าที่ประชุมสุดยอดขององค์การโลกมันเห็นแก่ตัว มันก็ตกลงอะไรกันไมได้ ในการที่จะทำใลกมีสันติภาพ เห็นมั้ย ความเห็นแก่ตัว น่ากลัวเท่าไร ผมเห็นว่าความเห็นแก่ตัวนี่น่ากลัวนัก น่ากลัวนัก โดยทั่วไปมันก็ทำให้เกิดกิเลสเผาคนนั้นอยู่คนเดียว แล้วก็ลามออกไปเผาคนอื่น เผาประเทศชาติ เผาโลกไปเลยเพราะความเห็นแก่ตัว
เดี๋ยวนี้การศึกษามันไม่ทำให้ลดการเห็นแก่ตัว กลับส่งเสริมความเห็นแก่ตัวคือทำให้คนฉลาดอย่างเดียวไม่ควบคุมความฉลาด ผู้ฉลาดเหล่านั้นก็ทำหน้าที่เห็นแก่ตัวอย่างเสรี เพราะมีเสรีภาพในการที่จะเห็นแก่ตัว ไหวไหมที่ว่าเราไม่กี่คนนี่ที่จะช่วยกันเผยแผ่ธรรมะเผยแผ่ศาสนาเพื่อจะลดความเห็นแก่ตัวเลวร้าย ความเห็นแก่ตัวคือตัวมารร้าย ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นคู่แข่งกับพระเจ้าเรียกว่า “ซาตาน” มันก็เป็นคู่แข่งกับพระเจ้า ที่แท้คือก็ความเห็นแก่ตัวของคนนั่นเอง พระเจ้าจะโง่หรือฉลาดก็ไม่รู้ที่สร้างคนมาให้เห็นแก่ตัว เราไปต่อว่าพระเจ้าบ้างสิ ว่าทำไมสร้างคนขึ้นมาให้เห็นแก่ตัว แล้วพระเจ้าก็สู้ไม่ไหว ปราบมันไม่ไหว ปราบมารไม่ไหว ปัญหามันมาอย่างนี้ มาอย่างนี้ ไม่รู้จะไปโทษใคร มันก็ต้องช่วยกันคิดดูเสียใหม่ว่าจะกำจัดไอ้สิ่งเลวร้ายนี่ออกไปได้อย่างไร
ถ้าพวกเราทุกคนศึกษาเล่าเรียนด้วยความเห็นแก่ตัว ขออภัยจะพูดว่าพระศาสนาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรสักขี้เล็บ ถ้าพวกเราทุกคนที่เป็นนักศึกษาเห็นแก่ตัว พระศาสนาของพระพุทธองค์จะไม่ได้รับประโยชน์จากพวกเรา แล้วพระพุทธประสงค์ก็จะไม่มีความหมาย ก็จะไม่มีใครสนองพระพุทธประสงค์ ให้ดูความเลวร้ายของความเห็นแก่ตัว ขอให้สนใจในเรื่องนี้ ขอภาวนาให้มีการศึกษาที่สมบูรณ์ คือให้ทำคนให้ฉลาด และให้มีความสามารถในการควบคุมความฉลาดนั่นด้วย มหาจุฬาฯ สอนให้ฉลาดแล้วก็มีจิตตภาวนาเพื่อจะสอนให้รู้จักควบคุมความเห็นแก่ตัว ขอให้สำเร็จในความประสงค์สองประการนี้ ถ้าไม่นั้นอย่างนั้นละก้ออย่าพูดกันดีกว่า มันจะไม่เกิดผลอะไร ขึ้นมาสักขี้เล็บ ขอให้สนใจการบังคับจิต บังคับจิตให้อยู่ในความถูกต้องในอำนาจด้วยสิ่งที่เรียกว่าจิตตภาวนา ขอให้ส่วนที่เรียกว่าจิตตภาวนานี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ แน่นเฟ้น แข็งกล้า เช่นเดียวกับการศึกษาที่ทำให้เราฉลาด เรามีระบบจิตตภาวนาที่จะควบคุมในความฉลาดคือ ควบคุมจิตมันมีปัญหาย้อนหลัง ยิ่งฉลาดมันก็ยิ่งมีข้อแก้ตัว เพราะคนฉลาดมันก็ยิ่งหาข้อแก้ตัวได้ง่าย แล้วในโลกนี้ดูให้ดี สิ่งที่หาง่ายที่สุดให้แก่ทุกคนก็คือข้อแก้ตัว ไม่มีใครจนปัญญาในการที่จะหาข้อแก้ตัว ขอให้มีการศึกษาที่ควบคุมความฉลาดโดยเร็วกระทั่งว่ามันมีขึ้นมาได้ในวัฒนธรรม พื้นฐาน รากฐาน ควบคุมกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้วก็จะดีที่สุดเลย ควบคุมความเห็นแก่ตัว มาแต่รากฐาน เด็กทารกได้รับการสั่งสอนให้ไม่เห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่ผู้อื่น ให้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ เดี๋ยวนี้มันไม่มี เด็กทารกโตขึ้นมาด้วยความเห็นแก่ตัวยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เพราะมันทิ้งวัฒนธรรมเดิม ๆ เห็นเป็นของครึ มีแต่อบรมให้เด็กทารกรักสวยรักงาม รักอร่อย รักสนุกสนาน รักในความทันสมัย อย่างนี้มันไม่มีโอกาสที่จะได้พบกันกับความเห็นแก่ตัว พบกันกับความไม่เห็นแก่ตัว
ผมขอโอกาสเล่าเรื่อง มหาวิทยาลัยแห่งความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งผมได้เข้าเรียนไม่น้อยกว่าสองปี และหวังว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้อาจจะไม่เคยได้เข้าเรียนก็ได้ มหาวิทยาลัยแห่งความไม่เห็นแก่ตัว คือ อะไรลองทายดูสิ มหาวิทยาลัยสองปี คือการเป็นเด็กวัดที่ถูกต้องตามระบบโบราณ ผมนี่ เมื่อเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าโรงเรียนนี่ทันทีไปเป็นเด็กวัดสองปี จำได้ติดใจติดหูติดตา ติดอะไรไปหมด มหาวิทยาลัยแห่งความไม่เห็นแก่ตัว โดยเฉพาะวัดที่ผมอยู่กับอาจารย์ที่ผมอยู่ด้วย วัดใหม่พุมเรียง สืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณไว้ได้ดีที่สุด เด็กวัดจะนอนอยู่จนไก่ลงเล้าแล้วไม่ได้ มีระเบียบไว้ถ้าเด็กคนไหนมันนอนจนไก่ลงจากเล้าแล้วก็ให้เอาน้ำไปเทรดมันเลย ระเบียบอนุญาต อาจารย์อนุญาต เด็กก็ไม่มีทางที่จะนอนจนไก่ลงจากเล้า ไม่ทันสว่างนะไก่ลงจากเล้า แต่ก็มีเด็กอันธพาลนั่นแหละที่อยากจะเอาน้ำรดเพื่อน มันก็ไปจับไก่ไปลงสักตัวสองตัวแล้วมันก็เอาน้ำรดเพื่อนอันนี้มันก็มี แต่ผมไม่เคยทำนะ เพราะผมเป็นนิสิตที่ดี มันก็ไม่มีโอกาสที่จะนอนสายด้วยความเห็นแก่ตัว พอตื่นแล้วเรียบร้อยแล้ว มันก็ต้องปัดกวาด ปัดกวาดกันวุ่นไปหมด ไม้กวาดดังไปข้างนอกชาน ไปทั่ววัด แต่งตัวไปในหมู่บ้านไปเอาปิ่นโตไปเอาหม้อแกง แกงเป็นหม้อ ๆ นี่ ไปกันทุกคน หมดวัดเลย บางทีก็ไปเหนื่อยนะ พอมาถึงก็ต้องจัด จัดให้เป็นที่เป็นทางเป็นสำรับ เป็นอะไร แล้วก็ยังต้องล้างหม้อ ล้างทุกอย่าง ต้องมาตั้งอาสนะ จัดน้ำจัดถ้วยจัดชาม จัดให้พระได้ฉัน และเมื่อพระกำลังฉันก็หนีไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่พร้อมหน้า อาจารย์ของผมกวดขันที่สุดเลย เด็กวัดต้องอยู่พร้อมหน้าเมื่อพระกำลังฉันเพื่อเรียกใช้ได้สะดวก ต้องให้ความสะดวกทุกอย่างจนพระฉันเสร็จ ที่นี่เอาละก็กินกันเอง กินกันเอง กินอย่างมีระเบียบ ต้องรับผิดชอบแมวให้ได้กินด้วย แมวหลายตัว ถาดใบใหญ่ใส่อาหารแมว เด็กต้องรับผิดชอบที่แมวจะต้องได้อย่างเรียบร้อย แล้วก็ต้องล้างถ้วยล้างชามเก็บกวาดกันสักพักหนึ่งแหละกว่าจะเสร็จ
แล้วมันก็เรียนหนังสือแบบโบราณเรียนด้วยไม้กระดาน เขียนด้วยดินสอที่ทำด้วยแท่งหิน หินฉนวน หินภูเขาแถวนี้ ด้วยความอดทนมีถูกตีบ่อยเพราะว่ามันไม่มีอะไรที่จะนั่น นี่ ถ้าว่าไม่ได้ตามที่สั่งไว้ หรือเหลวไหล หรือไม่เรียนมันก็ถูกตี เรียนหนังสือจนกว่าจะเพล พอเพลแล้วก็ทำอย่างเดียวกันอีก ต้องปรนนิบัติเต็มที่อย่างเดียวกันอีก เพลแล้วก็เรียนหนังสืออีก อยู่ในความควบคุม พอบ่ายมากก่อนจะจวนเย็นต้องลงไปกลางดินไปขุดร่อง เป็นร่อง ร่อง ร่อง เพื่อปลูกมัน มันเทศที่กรุงเทพเรียกมันเทศ บ้านนี้เรียกมันล่า มันจะมีหัวอยู่ในดินเถาใบแดง ๆ ไปทำสวนครัวรอบสระ ปลูกพริก ปลูกมะเขือ โหระพา อะไรก็ตาม พระไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องผัก มีถวายพระเสมอ จนกว่าจะค่ำถึงจะอาบน้ำอาบท่า จะเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมเวลาค่ำ ยังจะต้องหาดอกไม้มาเสียบก้านมะพร้าวเป็นก้าน ๆ ถวายพระตรงประตู ให้พระท่านรับเพื่อทำวัตรสวดมนต์ ค่ำลงก็ต้องบีบนวดเหยียบอาจารย์ ได้รับผลตอบแทนคือนิทานที่แปลก ๆ ที่ไม่เคยฟัง จนกว่าจะง่วงนอนจึงจะได้นอน แล้วก็นอนต้องระวังอย่าให้ไก่ลงจากเล้า มันจะเข้าเล้ากันอีก แล้วก็วัดนี้มีระเบียบหลาย ๆ อย่าง จะต้องดูแลทั้งไก่วัด มีหมูตัวใหญ่ หมูจีนแต่โตเท่าหมูฝรั่ง เพราะมันเลี้ยงอย่างพิเศษ เพราะฉะนั้นหมูก็ต้องดูแลให้ปลอดภัยมีอาหารกิน แล้วต้องเก็บผลไม้ เช่นมะขาม เช่นกระท้อนใส่หม้อแกง ให้บ้านให้ชาวบ้านที่เขาได้ส่งแกงกลับทุกวัน และเพิ่มข้ออีกข้อหนึ่งคือต้องไหว้คนแก่ แหม, ข้อนี้ลำบากเพราะว่าทางวัดของเรามีทางเดินผ่านวัดมันมีคนเดินตลอดเวลา คนแก่มาต้องไหว้ ทั้งทีรู้อยู่ว่าคนแก่คนนี้เป็นบ้ามันไม่ใช่คนดีมันก็ต้องไหว้ ถ้าไม่ไหว้ ไม่ไหว้ คนแก่มันก็ถูกลงโทษ ไม่มีข้อยกเว้นว่าเป็นคนบ้า เป็นคนแก่แล้วต้องไหว้ นี่เราได้รับการอบรมที่ทำลายความเห็นแก่ตัวมาอย่างนี้สองปีเต็ม ๆ แล้วจากนั้นแล้วก็ยังไปเข้าโรงเรียน โรงเรียนสมัยก่อนไม่มีภารโรง ผมขยันไปแต่เช้า หลายคนไม่ใช่เฉพาะผม ไปชิงกวาดโรงเรียน กวาดห้องเรียน บางที่ก็ถากหญ้าด้วย มันไม่มีภารโรง ผมยังนึกได้เดี๋ยวนี้ไอ้ระบบที่มีภารโรงมันโง่เขลา มันโง่เขลา มันทำให้เด็กหยิบโหย่ง ไม่เสียสละ เป็นระบบโง่ มีภารโรง อย่างมีดีกว่า แม้ว่าเด็กจะเสียเวลาเรียนไปบ้าง มันก็ได้นิสัยที่ดีคือความไม่เห็นแก่ตัว และความเสียสละ ซึ่งเดี๋ยวนี้มันไม่มีแล้วไอ้อย่างที่ผมเล่าไมมีแล้ว แม้ที่วัดที่ผมอยู่มันก็ไม่มีระบบนี้แล้ว อาจารย์ก็ตายไปแล้ว สมภารก็เปลี่ยนไปมากแล้ว โรงเรียนเขาก็มีภารโรงซะแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะชิงกันไปกวาดขยะ แต่ขอให้นึกว่าระบบอย่างนี้นะมันวิเศษ วิเศษคือหัวใจของมุนษย์ เสียสละอย่างที่ไม่เห็นแก่ตัว
ผมว่าผมได้อิทธิพลของการอบรมอย่างนี้มาไม่น้อย เสียสละ และอดทน นึกถึงผู้อื่น จึงมาเหมาะที่จะรับใช้พระพุทธองค์ ทำหน้าที่ชนิดที่ต้องเสียสละความเห็นแก่ตัว มันจึงทำอะไรได้มาก เขาทำงานกัน ๘ ชั่วโมง เราทำงาน ๑๘ ชั่วโมง เอา เอาซิ, คนอื่นเขาทำงานเท่าที่ความจำเป็นบังคับ เราทำงานตามที่ว่าเหตุผลหรือสติปัญญา หรือว่าความไม่เห็นแก่ตัวมันบังคับหรือมันเชื้อเชิญ จนทำไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวนี้มันทำไม่ไหวแล้วทำงาน ๑๘ ชั่วโมง มันทำมาตั้งแต่แรกเริ่มมีสวนโมกข์ตลอดเวลามา ฉะนั้นผลงานมันจึงมีมากไอ้ตึกหลังนั้น ตึกธรรมโฆษณ์คือผลงาน ๕๐ ปี มีคนมาเห็น โอ้ย, ไม่เชื่อว่าคนเดียวทำ ผมบอกว่ายังน้อยไป ยังน้อยไป ผมควรจะทำได้มากกว่านี้ ถ้ามันทำจริงๆ สม่ำเสมอเต็มที่แล้วมันยังทำได้มากกว่านี้ แต่เท่านี้เขาก็ไม่เชื่อซะแล้วว่าคนเดียวทำ ฝรั่งบางคนมาดูก็สั่นหัวคือไม่เชื่อว่าคนเดียวทำ นี้มันต้องทำด้วยพื้นเพของจิตใจที่มันทุ่มเท่ไปด้วยความไม่เห็นแก่ตัว จึงขอพูดสรุปตรงนี้ว่าจงทำงานด้วยความไม่เห็นแก่ตัว ที่ศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยอยู่ทุกวัน ๆ จงเรียนไปด้วยความไม่เห็นแก่ตัว อย่าเรียนด้วยความเห็นแก่ตัว คำนี้มันตลกมันกำกวมมันตลก ถ้าเราพูดว่าเห็นแก่ตัว แล้วมันต้องมีความหมายไปในทางเลวร้าย เลวร้าย คือกิเลส มันไม่ได้ไปหมายถึงรักตัว สงวนตัว เคารพตัวตามสัญชาตญาณ สัญชาตญาณบริสุทธิ์ มีตัวรักษาตัว พัฒนาตัว นั่นอย่างนั่นไม่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวหรอก มันเป็นการเคารพตัว สงวนตัว รักตัว รู้จักตัวทำให้เป็นความรอดแก่ตัว ไม่เรียกว่าความเห็นแก่ตัว ถ้าความเห็นแก่ตัวมันเพิ่งเกิดที่หลัง สัญชาติญาณเดิมแท้ของเราที่ติดมากับชีวิตนั่นล่ะยังรู้สึกว่ามีตัว ซึ่งจะต้องรักษาไว้ จึงกินอาหาร จึงต่อสู้ จึงลี้ภัย จึงสืบพันธุ์ อะไรก็ตามที่รักษาตัวไว้ อย่างนี้ยังไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวตามสัญชาตญาณ
แล้วต่อมามันได้รับความสุข สนุกสนาน เอร็ดอร่อย เพราะผลงานบางอย่างมันจึงเกิดความเห็นแก่ตัว เด็กทารกได้กินของอร่อยได้เล่นของสวยงาม ได้ถูกอกถูกใจ ตอนนี้มันแยกออกมาเป็นความเห็นแก่ตัว สัญชาตญาณมันแยกเดินไปทางกิเลส มันไม่ได้แยกเดินไปในทางโพธิ คือน้อยมาก สัญชาตญาณระหว่างเด็กๆ มันจะเอียงไปทางกิเลส เห็นแก่ตัว เพราะความสวยงาม เอร็ดอร่อย สนุกสนาน เพลิดเพลิน เกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา ไม่ใช่ความรักตัวสงวนตัว เคารพตัว ตามความรู้สึกที่เป็นกลางหรือถูกต้อง มันเอียงไปทางฝั่งเป็นกิเลส พอได้รับของอร่อยอะไรมากขึ้นก็ยิ่งเห็นแก่ตัวจัดขึ้น พอเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องตอนนี้เห็นแก่ตัวสุดเหวี่ยง ไปหลงเพศ ไปหลงในเรื่องทางเพศก็สุดเหวี่ยง จึงถึงกับว่าฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็ได้เพราะความเห็นแก่ตัว ฆ่าพระอรหันต์ก็ได้เพราะความเห็นแก่ตัว ต่อเมื่อโชคมันดีมันได้รับการอบรมดี สัญชาตญาณมันก็จะเดินไปทางโพธิ ส่วนมากมันเดินไปทางกิเลสเสียก่อนเต็มที่เลย พอมันเดินไปทางความทุกข์เต็มที่ มันฉลาดขึ้นมามันจึงจะค่อยคิดดับทุกข์ นั่นมันจึงค่อยเอียงไปทางโพธิ
ข้อนี้มันไม่รู้จะโทษใครจะโทษบิดามารดาก็ ท่านก็ไม่รู้จริง ๆ เหมือนกัน ท่านทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี ท่านรักลูกเหลือประมาณ ท่านก็สงเสริมทนุถนอม ทนุถนอมกล่อมเกลี้ย ประเล้าประโลมให้ลูกน้อย ๆ มันได้รับความสะดวกสบาย สนุกสนาน เอร็ดอร่อยเท่าไรก็ได้ จนเกินเหตุ เกินพอดีก็ได้ แล้วเด็กมันจะไม่โง่ทนไหวหรือ มันก็เกิดความคิดโง่ ๆ เราต้องได้ พ่อแม่มีหน้าที่หามาให้เราตามที่เราต้องการ แล้วพ่อแม่นั้นแหละเป็นผู้ทำให้เด็กมีความคิดอย่างนั้น ไม่มีพ่อแม่ที่เลี้ยงคนไหนที่จะพาลูกเด็ก ๆ ไปที่ร้านที่กำลังขายตุ๊กตาของเล่นสวยงามแล้วบอกเด็กๆ ว่า ไอ้นี้มันมีไว้สำหรับให้เราโง่นะลูกนะ มีไหม? เคยเห็นไหม? มันมีไว้สำหรับให้เราโง่ โง่อย่างนั้น โง่อย่างนี้ มันไม่มี มันมีแต่มึงจะเอาตัวไหนกูจะซื้อให้ แพงเท่าไรก็ได้ มันมีแต่อย่างนี้ แล้วเด็กมันไม่โง่จะทนไหวหรือ พาไปร้านไอศกรีมหรือของเล่นที่เด็กมันชอบกิน ก็ไม่บอกนี่มันมีไว้ให้เราโง่นะลูกนะ ดูให้ดี อย่างนั้น อย่างนี้ มันก็ไม่เคยมีมันมีแต่จะกินอะไรก็ซื้อให้ แพงเท่าไรก็ไม่ว่า เด็กมันก็มีนิสัยที่ตั้งต้นลงไปว่าต้องได้ อร่อยถูกใจ มากด้วยเร็วทันใจด้วย นี่คือสัญชาตญาณที่มันถูกกระทำให้เสียไป ที่แท้สัญชาตญาณมันไม่เลวมากอย่างนั้น มันต้องการให้รอดโดยถูกต้องโดยตามปกติเอาเกินขนาดเกินประมาณ ถ้าเรามีวัฒนธรรมที่ดีมากอบรมเด็กทารกให้รู้จักเรื่องนี้มาแต่อ้อนแต่ออกแล้วโลกนี้จะวิเศษ จะเป็นโลกของพระพุทธเจ้าไปซะหมด เดี๋ยวนี้มันต้องโง่ โง่ โง่ ไปเป็นทุกข์ ทุกข์ กันมาก ๆ แล้วค่อยไปคิดดับทุกข์กันทีหลัง แล้วมันก็เหลือวิสัย ดับไม่ได้ตายเปล่าไม่เคยรู้จักการดับทุกข์
การศึกษามันไม่พอดีกันหรือมันไม่มีอย่างพอดีกัน คนเราก็ต้องโง่ไปตามที่สิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในโลกในวัฒนธรรมประจำบ้านเรือนั่นแหละ จะทำให้เราโง่ไปพักหนึ่งก่อน มีความทุกข์ มีความอะไรก่อนแล้วจึงจะรู้สึก เอ้า, ว่ามีความทุกข์กลับหลังหรือถอยหลัง เปลี่ยนทิศทางจึงจะมาศึกษาธรรมะ เมื่ออายุมันเข้าไปมากแล้ว แล้วมันก็ผ่านความเจ็บปวดมามากแล้ว นี่มันก็ไม่รู้จะโทษใคร แต่ก็จะมีคนสงสัยว่าจะให้เด็ก ๆ มีความรู้อย่างนี้นะมันจะเป็นไปได้ไหม ถ้ามันมีความรู้อย่างนี่นะมันก็เป็นพระโสดาบันแต่อายุ ๗ ขวบ มันเป็นพระอรหันต์แต่อายุ ๑๕ ปีก็ได้ มันทำไม่ได้หรือมันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ได้รับการศึกษาอบรมแวดล้อม คิดให้เป็นอย่างนั้น พอมาถึงเดี๋ยวนี้ยิ่งไม่มีหวัง เพราะพ่อแม่ต้องการให้ลูกมันดีมันเด่นดัง วิเศษวิโสไปเสียทั้งนั้น พูดแล้วมันก็เป็นการตำหนิพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ต้องการศีลธรรม ไม่ต้องการให้ลูกมีศีลธรรม ต้องการให้ลูกดีเด่นดังไปในทาง การศึกษาเล่าเรียน การก้าวหน้า การมีอำนาจวาสนา บุญบารมี ไม่ใช่ทางนู้นไม่คำนึงถึงความถูกต้อง แล้วการศึกษามันก็ไม่นิยมกันอย่างนี้ ก็เลยไม่รู้จะไปโทษใคร ก็พูดตามที่เขามีให้ไว้สำหรับพูด กรรมของสัตว์ เป็นกรรมของสัตว์ที่มันกำลังอยู่ในสภาพอย่างนี้
ที่นี่ผมจะขอวกมาว่า ถ้าว่าการศึกษาของเราถูกต้องสมบูรณ์ สอนให้ฉลาดจริง แล้วควบคุมความฉลาดได้ ปัญหาเหล่านี้มันจะหมดไป มันจะไม่เกิดสิ่งเลวร้ายในภายหลังถึงขนาดนี้ ให้เด็กได้รับการศึกษาให้ฉลาด ๆ ควบคุมความฉลาดได้ แล้วก็ไม่ทำอะไรชนิดที่กิเลสบังคับให้ทำ
ขอพูดถึงการบังคับจิตต่อไปอีกสักหน่อย คือ สิ่งที่เรียกว่า “จิตตภาวนา” คำนี้วิเศษมาก มันไม่ได้หมายถึงการบังคับ ๆ อย่างเดียว มันหมายถึงการให้ดี ให้เจริญ ให้ก้าวหน้า ให้ขยายออกไปในทางถูกต้อง เรียกว่า จิตตภาวนารวมการบังคับจิตอยู่ด้วย การภาวนาจิต ให้ ภาวนาแปลว่าทำให้เจริญ เป็นความปลอดภัย เจริญที่ปลอดภัย แล้วตรวจดูคำว่าภาวนา มีความเจริญ ภาวิตา ทำให้เจริญ มันมีความหมายที่ไว้ใจได้ คำว่า วัฒน วัฒนะ ที่แปลว่าเจริญเหมือนกัน นั่นไอ้คำนั้นมันมีความหมายที่กำกวม ยืดหยุ่นชอบกล มันมีความหมายแต่เพียงว่า มากขึ้นเท่านั้น ถูกหรือผิดไม่รู้ ถ้ามากขึ้นก็เรียกว่าเจริญ อย่างผมรกขึ้นบนศีรษะก็เรียกว่าผมมันเจริญ วัฒน มันเจริญอย่างคำว่า วัฒน แต่คำว่าเจริญอย่าง ภาวิตะ ไม่เป็นอย่างนั้น มันมุ่งแต่จะถูกต้อง ให้แก้ปัญหาได้ มีคนสอบดูไอ้คำว่า Progress มันเป็นรากศัพท์เดี๋ยวกับคำว่าบ้า Progress ความเจริญ คือบ้า คือมันเกินพอดี มันมากกว่าพอดี แต่เราก็เอามาใช้ในความหมายว่าเจริญ เช่นเดียวกับคำว่า วัฒน วัฒนะ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่างไปหลงความเจริญแบบนั้น ให้หลงความเจริญแบบที่มันปลอดภัยมันอยู่ในขอบเขต ไม่เปิดโอกาสให้กิเลสเข้ามาบังคับบัญชา จิตตภาวนา ทำจิตให้เจริญคำนี้ปลอดภัย ไม่บ้า เพราะถ้าเป็นบ้า มันก็เพราะทำผิดแนวของภาวนา ทำอาณาปา นี่บ้ากันนี่ก็ได้ข่าวอยู่ในยุคหนึ่ง ยุคนี้ไม่ได้ข่าว ยุคพระพุทธเจ้าเจริญอานาปานะสติกันเพื่อแก้บ้า มันจะมาถึงยุคเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไอ้คนอยากเหาะได้ อยากดำดินได้ ล่องหนหายตัวได้ ทำอานาปานั่นมันบ้า บ้าอานาปานี่ก็มีกันมาก ก็มันทุจริตเสียตั้งแต่ก่อนไปทำ มันมีเจตนาทุจริต มันไม่ใช่เพื่อบังคับจิต เพื่อพัฒนาจิต มันเพื่อจะเหาะได้ จะหายตัวได้ จะไปขโมยนี่มันจึงบ้า
จิตตภาวนาไม่ได้เลยไปถึง ทำจิตให้เจริญในการที่จะรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนันตา โดยเฉพาะ ซึ่งวันหลังจะต้องพูดเรื่องนี้กัน อนิจจัง ทุกขัง อนันตา ที่เป็นที่พึ่งได้ เดี๋ยวนี้ขอให้มีความสนใจว่าจิตตภาวนานี่จะมีคู่กันมา กลับมาเข้าคู่กับการศึกษา ควบคุมการศึกษา อย่าให้เกิดเป็นพิษเป็นภัย เป็นโทษเป็นอันตรายขึ้นมา ดังที่กล่าวแล้วว่า การศึกษามีแต่ฉลาดอย่างเดียวและควบคุมไว้ไม่ได้นั้นคืออันตราย หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่าไอ้ความเจริญทางวัตถุ เจริญ ๆ ทางวัตถุ ที่ควบคุมไว้ไม่ได้ นั่นแหละคือความวินาศ ความเจริญนั่นแหละคือความวินาศ ความเจริญทางวัตถุที่ควบคุมไว้ไม่ได้นั่นแหละ คือความวินาศ เดี๋ยวนี้โลกกำลังเป็นอย่างนี้โลกปัจจุบันกำลังเป็นอย่างนี้ เจริญทางวัตถุ เจริญทางวัตถุ แล้วก็เป็นปัญหาเต็มไปหมด โดยการเจริญทางวัตถุแม้จะไม่เบียดเบียนกันโดยตรงมันก็เบียดเบียนกันโดยอ้อม แล้วมันก็ทำให้คนนั้นบ้าดี เมาดี หลงดี บ้าสวย บ้ารวย บ้างาม บ้าอะไรไปคนเดียว จนไม่รู้ว่า มาตรฐานที่เพียงพอนั้นเป็นอย่างไร บ้านหลังเดียวพอไหม? รถยนต์คันเดียวพอไหม? ภรรยาคนเดียวพอไหม? มันก็ไม่รู้ว่าเท่าไรกันเสียแล้ว ความเจริญทางวัตถุที่ควบคุมไว้ไม่ได้นั้นคือความวินาศ ไปดูมีทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วไปทั้งโลก เดี่ยวนี้ระดับการครองชีพมันขึ้นมาถึงระดับเกิน หลงไหลบูชากันมากจนถึงระดับเกิน ทุกคนต้องการระดับนั้น มันก็วุ่นกันทั้งโลกไม่ต้องสงสัย เราอย่าไปตกหลุมอวิชชาอันนี้กันเลย มองดูให้ดีๆ ดูจากความพอดี รู้จักความถูกต้อง รู้จักความงดงามความจริง ที่เป็นธรรมะที่ประกอบไปด้วยธรรมะ ในการศึกษาของเรามีการควบคุมความฉลาดของเรา ถ้าในหลักสูตรเขายังไม่มีให้ เราก็ต้องจัดหาเอาเอง ถ้าเราต้องการความปลอดภัยของเรา ถ้าในหลักสูตรของสถาบันไม่มีเราก็หาเอาเอง แต่เดี๋ยวนี้ก็พอจะเรียกได้ว่ามี มหาจุฬาฯ มีการศึกษาจิตตภาวนาควบคู่กันไปกับการศึกษามันจะพอหรือไม่พอ พอดีหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ก็ยังสงสัยอยู่ ขอให้ช่วยระวังๆ ให้มันมีความถูกต้องพอเหมาะพอดี ที่จะควบคุมความฉลาดที่จะได้รับจากการศึกษาเพิ่มขึ้นมาทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
เมื่อวันนี้หัวข้อแรกที่จะพูดก็คือว่า ให้รู้กันไว้เป็นความจริงทั่ว ๆ ไปว่าทั้งโลกการศึกษาไม่ถูกต้อง มีแต่การให้ความฉลาดและไม่มีการควบคุมความฉลาดนั้นเลย ทุกคนมีเสรีภาพที่จะใช้ความฉลาดเพื่อความเห็นแก่ตัว มีเท่านี้ เราเตรียมตัวสำหรับที่จะเผชิญกับปัญหานี้เป็นชั้นแรก และเตรียมตัวเพื่อจะช่วยกันแก้ปัญหานี้ แก้ปัญหานี้ตามที่เราจะทำได้ จัดให้มันมีศีลธรรมหรืออะไรแล้วแต่เราจะเรียก ที่จะควบคุมความฉลาด เราจะจัดการกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ลูกเล็กเด็กแดงให้มันมีความฉลาดที่อยู่ภายใต้การควบคุมพร้อมสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ มิฉะนั้นก็จะไปลงเหวแห่งความฉลาดกันหมด ความฉลาดเปิดโอกาสแห่งความเห็นแก่ตัว ทีนี้ความเห็นแก่ตัวลึกซึ้งมันมาจากความฉลาด ถ้ามันไม่ฉลาดมากมันก็เห็นแก่ตัวลึกซึ้งไม่ได้ เดี๋ยวนี้มันเห็นแก่ตัวอย่างลึกซึ่งเพราะมีความฉลาด ฉะนั้นขอพูดสักหน่อยว่าอย่าบูชาการศึกษาแบบสากลอย่างเขานักเลย มันมีแต่ความฉลาดที่ไม่ควบคุม ยังมีการศึกษาตามแบบพระพุทธศาสนาเรา ที่มีการควบคุมความฉลาดเพราะมันตั้งตนด้วยการเห็นความจริงของสิ่งเหล่านี้แล้วจึงดำเนินการศึกษา เป็นการศึกษาที่เราเอาตามแบบของเรา ดีกว่าไปตามก้นพวกเหล่านั้น ต้องพใช้คำว่าพวกฝรั่ง แต่ถ้าพูดบ่อย ๆ พวกฝรั่งก็โกรธ แต่เราไม่ดูถูกอะไรเขา ไม่ได้เจตนาอย่างนั้น แต่เราเห็นว่ามันตามไม่ไหวแล้ว เราไปแยกตัวออกมา มีการศึกษาตามแบบของเราแล้ว เราเอาตามความหมาย ของคำว่า “สิกขา” สิกขา นั่นแหละ เป็นหลัก อย่าไปเอาคำว่า Education บ้าๆ บอๆ อะไรมันมีแต่เรียนๆ อย่างไม่ควบคุม
“สิกขา” สิกขาของเราดีที่สุด ผมแยกศัพท์เอาเองว่า สะ อิขะ สะเอง ความหมายแปลว่าเห็น สะอิขะ เป็น “สิกขา” เห็นตัวเองด้วยตนเอง ในตัวเอง ควบคุมตัวเอง บังคับตัวเองนั่นแหละ คือสิกขาตามความหมายของคำ ๆ นี้ ซึ่งในพระพุทธศาสนาเราจัดเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีศีล สมาธิ ปัญญา มันจะมีลักษณะอย่างนี้ คือ ดูเข้าไปในตัวเอง ด้วยตัวเอง โดยตัวเอง เพื่อปัญหาของตัวเอง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ศีล สมาธิ ปัญญาจะช่วยแก้ไขได้ สิกขาอย่างนี้แหละวิเศษสูงสุดตามแบบของชาวพุทธ ไอ้คำว่า Education ถามไปถามมาก็ไม่ได้ความ มันก็มีแต่ทำให้รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ แล้วมันก็รู้อย่างว่า รู้อย่างฉลาด แต่ควบคุมไม่ไหว แล้วต้องขอให้ครบทั้งศีล สมาธิ ปัญญา มีใครก็ไม่ทราบไปจัดอย่างไม่ถูกต้อง ว่าสวนโมกข์เป็นระบบปัญญา ธรรมกายเป็นระบบสมาธิ สันติอโศกระบบศีล ไม่ถูกละ จัดอย่างนั้นมันไม่ถูก เพราะสิ่งทั้งสามนี้มันไม่แยกกันได้ ถ้ามันมีปัญญามันต้องมีศีล มีสมาธิมาแล้วทั้งนั้น ถ้ามีศีลมันต้องขึ้นไปจนถึงปัญญามันจึงจะสำเร็จประโยชน์ มันจะต้องมีโคนต้น มีตรงกลาง แล้วมีปลาย ถ้ามันมีปลายแล้วมันไม่มีโคน มีต้นแล้ว มันจะมีได้หรือ ถ้ามันมีโคนมีตั้งต้น มันก็ต้องมีต้นมีปลาย มิฉะนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ขอให้มีความหมายที่เกี่ยวข้องกันอย่าไปแยกกันเป็นอันขาด ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะถ้าแยกไปซะจากกันแล้วมันจะไม่เป็นสิกขา มันจะไม่เป็นการศึกษา การทำอานาปานสติจะมีครบทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ขอให้ทำให้ถูกต้องเถิด ไม่แยกศีล สมาธิ ปัญญา ออกเป็นส่วน ๆ แล้วไปเลือกมี เลือกอะไรตามชอบใจ อย่าไปเน้นที่ตรงนั้น อย่าไปเน้นที่ตรงนี่ ทั้งสามอย่างต้องผูกพันกัน และก็ใช้ควบคุมความฉลาดของการศึกษาสมัยนี้ได้ นี้ขอให้พวกเรามหาจุฬาฯ นี่สำนึกไว้มากที่สุดให้เต็มที่ว่าเราต้องมีสิ่งที่ควบคุมความฉลาดของเรา การศึกษาของเรานี่มันสมบูรณ์ คือ ทำให้เกิดการรอดได้ มีศีล สมาธิ ปัญญา ครบถ้วน
เอ้า, นี้เป็นหลักทั่วไป เป็นทิวทัศน์ทั่วไปที่จะต้องมอง เพื่อการศึกษาที่จะสำเร็จประโยชน์และไม่ตามก้นเขา ไปลงเหว ด้วยความฉลาดที่ไม่มีการควบคุม ยิ่งฉลาดยิ่งต้องมีการควบคุมมิเช่นนั้นมันจะวอดวายเพราะความฉลาด ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดมันก็อยู่ในข้อนี้ มันรู้ไปหมดทุกอย่าง แต่มันไม่ควบคุมให้ถูกต้องได้มันก็วินาศเหมือนกัน ควบคุมความฉลาดให้ถูกต้อง ให้เป็นไปในทางที่ควรจะเป็น ความฉลาดนั้นก็มีประโยชน์เป็นอันว่าในวันนี้ขอปรารภโดยทั่วๆ ไปวงกว้างครอบจักรวาลอย่างนี้ ขอให้มีการศึกษาที่ให้ความฉลาดและควบคุมความฉลาดอยู่ตลอดเวลา ประสบความสำเร็จในการศึกษาอย่างถูกต้องอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ.