แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย อาตมาขอโอกาสแสดงธรรมในลักษณะบรรยายตามธรรมดา ในโอกาสแรกนี้ขอแสดงความรู้สึกอนุโมทนาหรือขอบคุณ แก่ท่านทั้งหลายซึ่งมีจำนวนมากมาจากที่ไกลสุดเหนือสุดใต้ก็มี ด้วยความยากลำบาก มาด้วยความตั้งใจดีอย่างนี้ขออนุโมทนา แล้วก็ยังมีการให้ของขวัญตามแบบของสำนักนี้อีกด้วย ซึ่งมันออกจะพิเศษหรือว่านอกลู่นอกทางตามความรู้สึกของคนทั่วไป คือการงดบริโภคอาหารกันเสียวันหนึ่งคืนหนึ่ง เป็นการให้ของขวัญไม่เหมือนใครไม่มีการเลี้ยงดูให้สมกับที่ว่าเป็นวันเกิดแล้วก็เลี้ยงดูกันเป็นการใหญ่ เรากลับปิดเสียเงียบกริบแล้วก็ให้ของขวัญ นี่ก็เป็นเรื่องที่ขอขอบพระคุณในส่วนตัว แล้วก็ขออนุโมทนาเป็นส่วนธรรมะ ซึ่งจะขอโอกาสพูดกันบ้างเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ การงดอาหารหนึ่งวันนี้มีความหมายทั้งในแง่ของการศึกษาและในแง่ของการปฏิบัติ ในแง่ของการศึกษาก็จะรู้ว่ามันมีความจริงอย่างไร ไอ้คนที่กลัวตายโดยความคิดนึกน่ะความคิดมันปรุงขึ้นมาแล้วก็กลัว ผู้ที่ไม่คิดนึกปรุงแต่งขึ้นมาก็ไม่กลัว และที่ดีไปกว่านั้นอีกก็คือกลับจะอิ่มกว่าวันธรรมดาที่บริโภคอาหาร ข้อนี้ท่านทั้งหลายจะเข้าใจว่าอย่างไรในเมื่ออาตมาบอกว่าวันนี้งดอาหารแต่กลับจะอิ่มยิ่งกว่าวันธรรมดาที่กินอาหาร นี่มันก็อยู่ที่ความเข้าใจในเรื่องที่กระทำนี้หรือหาไม่ ถ้าเข้าใจกระทำให้ถูกต้องทั้งในแง่ของการศึกษาและการปฏิบัติแล้ว ย่อมจะเกิดความพอใจหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความอิ่มใจ ถ้ามันเกิดความพอใจและความอิ่มใจนั่นแหละ มันจะหล่อเลี้ยงจิตใจยิ่งกว่าการที่ได้กินอาหาร ชักชวนเป็นภาษาวัดวาหน่อยก็ว่า วันนี้มาเป็นอาภัสสรพรหมกันสักวันหนึ่งเถิด บางคนจะยังไม่รู้ว่าอาภัสสรพรหมนั้นคืออะไร อาภัสสรพรหมนั้นก็คือพรหมพวกหนึ่ง มีปีติเป็นภักษาไม่ได้กินอาหารอย่างธรรมดาพรหมพวกนี้เรียกว่าอาภัสสรพรหม ในคัมภีร์ก็มีเขียนไว้ว่าก่อนแต่ที่มนุษย์จะเกิดมีเป็นมนุษย์อย่างนี้ขึ้นมาในโลกนั้น ชีวิตเหล่านั้นเป็นอาภัสสรพรหมมาก่อนแล้วทั้งนั้น คืออยู่ด้วยความปีติเป็นภักษา มีรัศมีสร้างออกไปจากตัวแสงสว่างรุ่งเรืองยิ่งนัก นี่พวกอาภัสสรพรหม ต่อมาพวกนี้ได้เกิดกินอาหารที่เป็นวัตถุเรียกกันว่าง้วนดิน(นาทีที่ 5:50)น่ะเป็นอาหารธรรมดานี่ เมื่อเปลี่ยนมาเปลี่ยนอาหารมันก็เปลี่ยนลักษณะแห่งร่างกาย แสงสว่างที่เคยมีรุ่งเรืองรอบตัวก็หายไป แล้วไม่ ไม่มีปีติเป็นภักษาอีกต่อไปมันก็ต้องกลายเป็นคนที่มีเนื้อหนังอย่างธรรมดา เอาล่ะเป็นอันว่ามันมีเรื่องราวที่พอจะอ้างอิงได้ว่ามีคนมีสัตว์จำพวกหนึ่งที่อยู่ได้ด้วยปีติเป็นอาหาร วันนี้เราสมัครเป็นพวกนั้นกันสักวันหนึ่ง เป็นอาภัสสรพรหมกันสักวันหนึ่งมีปีติเป็นอาหาร ถ้าท่านเข้าใจว่าการศึกษาเรื่องการอดอาหารสักวันหนึ่งนี้มันเป็นอย่างไรท่านก็จะปีติปราโมทย์ในความรู้อันนั้น ถ้าปฏิบัติได้ก็สามารถที่จะบังคับจิตใจได้ยิ่งกว่าธรรมดา ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารหรือไม่อาหาร ถ้าเข้าใจในเรื่องนี้ก็จะมีปีติ ปราโมทย์ยิ่งกว่าธรรมดา แม้ที่สุดแต่ว่าได้มาทดลองกันอย่างนี้ก็พอจะมีปีติปราโมทย์บ้างเป็นธรรมดา ถ้ารู้จักธรรมก็จะมองเห็นลึกซึ้ง เมื่อเห็นลึกซึ้งก็มีปีติปราโมทย์พอที่จะเป็นอาหารหล่อเลี้ยงได้วันหนึ่งได้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นจึงชักชวนว่าวันนี้สักวันหนึ่งก็ทำอะไรให้มันแปลกไปกว่าธรรมดา เพื่อผลอันแปลกไปกว่าธรรมดาบ้างไม่ใช่อุตริวิตถารอะไรบ้าๆบอๆ ขอให้ศึกษาว่าความหิวนั้นน่ะเป็นอย่างไร มันเกิดมาจากอะไรมันบังคับได้ด้วยจิตใจชนิดไหน ถ้าใครบังคับไม่ได้เกิดความหิวขึ้นมา ก็ถือโอกาสศึกษา โอ้,ความหิวมันเป็นอย่างนี้เองมันต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะได้มีจิตใจแผ่เผื่อช่วยเหลือคิดจะช่วยเหลือคนหิวซึ่งแทบจะมีอยู่แทบจะทั้งโลกนี่ได้ง่ายขึ้น หรือว่าจะเสียสละเพื่อช่วยคนหิวได้ง่ายขึ้น อีกทางหนึ่งก็รู้ว่ากินอาหารทางจิตใจนี่ก็มีความหมายอีกอย่างหนึ่งควรจะรู้จักไว้ด้วยรู้จักกินอาหารชนิดนี้ด้วย ขอให้ระลึกนึกถึงเรื่องราวที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านอดอาหารหลายวันก็มีหลายสัปดาห์ก็มีสี่สิบเก้าวันก็มี ตรัสรู้แล้วไม่รับประทานไม่ฉันท์อาหารตั้งเจ็ดสัปดาห์นี่ถ้าตัวหนังสือถูกต้องก็เป็นอย่างนี้หรือจะเปลี่ยนเป็นเพียงเจ็ดวันก็ได้ แต่เจ็ดวันมันก็มิใช่น้อย ท่านอยู่ด้วยอะไรนี่ อด งดเสวย งดฉันท์อาหารเจ็ดวันหรือสี่สิบเจ็ด สี่สิบเก้าวันนี่เพราะอะไรอยู่ได้ด้วยเหตุอะไร มันก็อยู่ได้ด้วยปีติปราโมทย์ในการตรัสรู้ของพระองค์นั่นเอง ถ้าอย่างนี้มันยิ่งกว่าพวกอาภัสสรพรหมเสีย เสียก็ได้ คือว่ามีปีติที่เกิดมาจากสิ่งที่มีค่าอันสูงสุดคือการบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ รู้จักดับทุกข์และช่วยผู้อื่นให้ดับทุกข์ได้ด้วยสมตามความปรารถนาที่ตั้งไว้ ถ้าพูดอย่างสำนวนพระบาลีนั้นก็ว่าตั้งสี่อสงไขยแสนกัป พระพุทธเจ้านี่ท่านตั้งพระทัยว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์ให้ได้นี่มาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีจุดตั้งต้นวันแรก ตั้งแต่เป็นโพธิสัตว์ชื่อสุเมธดาบสอะไรนี่ จนกระทั่งสี่อสงไขยแสนกัปจึงได้เป็นพระพุทธเจ้าความหวังความพยายามมันมากถึงขนาดนั้น พอได้เป็นได้สำเร็จขึ้นแล้วมีปีติปราโมทย์ ขนาดจะงดฉันท์อาหารสักสี่สิบเก้าวันนี้มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยไป ขอให้เอาเรื่องอย่างนี้มาทำไว้ในใจบ้างมันก็คงจะช่วยได้มาก มันก็มีปีติพอที่จะระงับความหิวไว้ได้สักวันหนึ่งเป็นแน่นอน นี่ประโยชน์ของของขวัญมันจะช่วยลดความเห็นแก่ตัว เราฝึกหัดลดความเห็นแก่ตัวไม่ตามใจปากไม่ตามใจท้องไม่ตามใจกิเลสไม่ตามใจสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นการฝึกหัดอันสูงสุดอย่างยิ่งกว่าการฝึกใดๆ อาตมาถือเอามาเป็นบทเรียนสำหรับศึกษาและปฏิบัติกันในโอกาสพิเศษเช่นนี้ ปีหนึ่งสักวันสองวันจะเป็นไรไป หวังว่าท่านทั้งหลายก็คงจะเข้าใจแล้วก็พอใจแล้วก็ปีติพอที่จะระงับความหิวได้สักหนึ่งวัน ถ้าระงับไม่ได้ก็ศึกษาความหิวความหิวเป็นอย่างนี้คนที่หิวเป็นอย่างนี้เราจะช่วยปลดเปลื้องความหิวเขาอย่างนี้ เราจะเสียสละได้ง่ายขึ้นในการที่จะช่วยคนที่หิวที่มีอยู่ทั่วโลก นี่เป็นอันว่าให้ของขวัญเป็นเรื่องของการให้ของขวัญ อาตมาก็ได้รับจดหมายเป็นอันมากส่งมาบอกว่าขอถวายของขวัญท่านอาจารย์วันนี้ได้รับจดหมายเยอะแยะหลายจังหวัดทีเดียว แสดงว่ามีผู้เห็นด้วย เอ้า,ทีนี้ก็จะพูดถึงเรื่องทำบุญให้เกี่ยวกับอายุ หรือซึ่งมักจะเรียกกันสั้นๆว่าทำบุญอายุ เขาเรียกกันสั้นๆอย่างนั้นมันกำกวม มันยังไม่รู้ว่าทำอย่างไรทำบุญอายุทำบุญเกี่ยวกับอายุทำอย่างไร ในวันนี้ก็จะทำความเข้าใจกันให้มากไปกว่าธรรมดาทำบุญเกี่ยวกับอายุ อยากจะขอร้องให้จำคำสี่คำว่า หลงอายุ ลวงอายุ ล้ออายุ แล้วก็เลิกอายุ เคยพูดเพียงสองอย่างบ้างสามอย่างบ้าง วันนี้แถมครบให้เป็นสี่อย่างเลย เพราะมันเนื่องด้วยอายุทั้งนั้น แต่ที่เขาไม่ชอบ เขาไม่ค่อยพูดถึงเขาไม่เอามาทำกันมันเลยไม่มี ฉะนั้นเดี๋ยวนี้อยากจะให้มันครบอยากจะให้มันรู้จักไปเสียทุกอย่างว่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับอายุ อายุนี้มันมีอย่างไรบ้าง ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่มาจากที่ไกลถ้าเข้าใจเรื่องนี้ก็จะคุ้มค่ามา เหน็ดเหนื่อยมากลำบากมากหมดเปลืองมากเสียเวลามาก คนเราเกิดมาใหม่ๆก็มีเรื่องหลงอายุเป็นเด็กๆมันหลงอายุ โดยไม่รู้จักอายุไม่รู้จักว่าเกิดมาด้วยซ้ำไปมันก็หลับตาหลงใหลเกี่ยว กับเรื่องอายุนี่ยุคหนึ่ง แล้วต่อมาเป็นวัยรุ่นเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้นมามันก็เล่นตลกกับอายุ มันลวงอายุ มันถึงกับลวงให้คนเข้าใจว่าอายุน้อยกว่าธรรมดา นี่เป็นเรื่องลวงอายุเดี๋ยวจะได้พูดกันว่ามีอย่างไรบ้าง ครั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่มาเป็นพ่อบ้านแม่เรือนล่วงกาลผ่านวัยไปตามสมควรแล้ว โอ้,มาสังเกตุดูเห็นว่าอายุนี่ไม่ไหวอายุนี่ไม่ไหว เป็นเรื่องหลอกลวงเป็นเรื่องยุ่งยากเป็นเรื่องลำบากเอามาล้อเล่นก็เรียกว่าล้ออายุ วาระสุดท้ายเมื่อได้ยินได้ฟังธรรมะของพระอริยเจ้าอันเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเพียงพอ ก็เข้าใจถึงที่สุดจนกล้าทำสิ่งสุดท้ายคือว่าเลิกอายุเลิกอายุ มีความหมายพิเศษมากคำว่าเลิกอายุนี่ เดี๋ยวจะโง่ๆเขลาๆไปว่ากินยาตายก็เลิกอายุทั้งนั้นมันก็ไม่ใช่เลิกอายุ มันทำให้อายุหมดความหมายหมดอำนาจหมดอิทธิพลเหนือจิตใจ นี่อย่างนี้เรียกว่าเลิกอายุเพิกถอนอิทธิพลของอายุ แถมครบให้เป็นสี่ความมาย เพราะว่าไอ้สองอย่างแรกนั้นน่ะมันไม่ค่อยจะเป็นเรื่องทำบุญ เรื่องหลงอายุของเด็กๆ เรื่องลวงอายุของวัยรุ่นและหนุ่มสาวหรือพ่อบ้านแม่เรือนด้วยซ้ำไป แล้วก็ล้ออายุของคนสูงอายุพอสมควรที่รู้จักอายุดีไม่หลงกับมันอีกต่อไปนี่ก็เรียกว่ามันจะล้ออายุล้อเล่น ตอนนี้จะเป็นการทำบุญที่แท้จริง ในที่สุดเลิกสลัดทิ้ง ขว้างทิ้งไปหมด ไม่มีความหมายอะไรที่จะมารบกวนจิตใจอีกต่อไป นี่เรียกว่าเลิกอายุ ใช้ตัวล.ทั้งนั้นมันจะจำง่ายหน่อยว่า หลงอายุ ลวงอายุ ล้ออายุ เลิกอายุ ช่วยจำไปให้ดีๆเอาไปคิดนึกให้มีความเข้าใจ แล้วท่านทั้งหลายก็จะสามารถจัดการเกี่ยวกับอายุ ให้มันถูกต้องครบทั้งสี่ขั้นตอนถ้าเรารู้เรื่องทั้งสี่ขั้นตอนอย่างถูกต้องมันก็จัดการได้ถูกต้องทั้งสี่ขั้นตอนนี่เป็นการขอร้องว่าให้จัดการเกี่ยวกับอายุให้ถูกต้อง ไม่จัดการอะไรเลยมันก็ได้เหมือนกัน สัตว์ สัตว์เดรัจฉานน่ะมันไม่รู้เรื่องอายุมันไม่ได้จัดการอะไรเกี่ยวกับอายุเหมือนที่เราทำกันไม่ได้กลัวไม่ได้ต่ออายุไม่ได้อะไร มันก็รอดชีวิตได้มันก็เติบโตได้มันก็อยู่ได้มันก็เป็นสัตว์ของมันได้ โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องอายุ แต่เดี๋ยวนี้คนเรามีสติปัญญาสูงกว่านั้นมาก จะเรียกว่าธรรมชาติจัดให้ก็ได้ จะเรียกว่าพระเจ้าสร้างให้ก็ได้เหมือนกันให้มีสติปัญญาสูงกว่านั้นมากสำหรับจะใช้ทำอะไรๆให้ดีกว่าให้สูงกว่าสัตว์ คำว่ามนุษย์นี้แปลว่ามีใจสูง สูงได้หลายอย่าง แต่ที่สูงที่ควรจะรู้จักกันไว้ก็คือสูงกว่าสัตว์ ฉะนั้นเราจะต้องจัดการเกี่ยวกับอายุนี้ให้ดีให้ถูกยิ่งกว่าสัตว์ให้สูงกว่าสัตว์ สมกับคนสมกับความเป็นมนุษย์น่ะ แต่แล้วก็อย่าเผลอใช้สติปัญญานั้นทำเลยเถิดเตลิดเปิดเปิงไปจนเป็นเรื่องบ้าเรื่องเมาเรื่องหลงไปเสียอีก เช่นบ้าดีเมาดีหลงดีจมอยู่ในความดีอย่างนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนั้นมันเลยเถิด เอาแต่พอดี พอดี พอดีแล้วก็เปลี่ยนในวาระสุดท้ายเป็นความถูกต้อง ถ้าเป็นความถูกต้องแล้วมันก็ดี คือมันเมาไม่ได้ไอ้ความดีความดีนั้นดูให้ดีเถิดมันบ้าดีเมาดีหลงดีจมดีมันเมาได้ นี่ไม่เอากับมันไอ้ความดีนี่ เอากับความถูกต้องถูกต้องนี่ เมาไม่ได้บ้าไม่ได้หลงไม่ได้เพราะมันถูกต้องมันมีสติปัญญาเพียงพอนี่มันก็มีความถูกต้อง แล้วมันก็อยู่ด้วยความถูกต้องซึ่งไม่ต้องเมาไม่ต้องเมา นี่เราจงใช้สติปัญญาที่ธรรมชาติมอบให้มาสูงยิ่งกว่าสัตว์นี่ให้ถูกต้องให้ถูกต้อง ถ้ายังบ้าดีเมาดีหลงดีอยู่ไม่แพ้สัตว์ ไม่ๆคือว่าสัตว์ก็รู้จักว่าดีเป็นเหมือนกันบ้าดีเมาดีเป็นเหมือนกันสัตว์วิ่งยกหูชูหางเป็นเหมือนกัน มันเพียงแต่บ้าดีเมาดีหลงดีนี่ยังไม่ดีกว่าสัตว์ ต้องไม่มีอะไรผิดพลาดมีแต่ความถูกต้องไม่มีเรื่องบ้าไม่มีเรื่องเมาไม่มีเรื่องหลง ไอ้เรื่องบ้าดีนั่นแหละเป็นโรคประสาทกันเกือบจะทั้งโลก ใครเป็นโรคประสาทน่ะอย่าไปคิดไปนึกเป็นโรคประสาทน่ะมันมีมูลเหตุมาจากบ้าดีเมาดีหลงดีแล้วมันไม่ได้อย่างที่มันต้องการทรมานใจหนักเข้ามันก็เป็นโรคประสาท หรือแม้คนที่มันฆ่าตัวตายน่ะฆ่าตัวตายน่ะ อย่าคิดว่ามันรู้ถูกต้องมันบ้าดีมันบ้าดีมันเมาดีกับความดี มันหลงทางมันจง จึงฆ่าตัวตาย ว่ามันเพื่อความดีเหมือนกันนะ พวกที่ฆ่าตัวตายเปิดเผยอะไรกันให้ว่าเป็นคนดีอันนี้มันก็เรื่องบ้าดี มันไม่ได้อย่างที่มันเรียกว่าดีหรือที่มันต้องการมันก็ฆ่าตัวตาย ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของมันก็ได้ก็มันบ้าดีขึ้นมา มันไม่ใช่ความถูกต้อง ฉะนั้นเราเอาความถูกต้องเป็นหลักเกณฑ์ เราก็จะถูกที่สุดแหละมันจะอยู่เหนือดีเหนือชั่ว เอาความถูกต้องเป็นหลักเถอะมันจะขึ้นไป ขึ้นไป ขึ้นไปจนอยู่เหนือดีเหนือชั่ว ชั่วมันก็มีปัญหาไปตามแบบชั่วไม่สงบ ดีมันก็วุ่นวายไปตามแบบดีมันไม่สงบ มันไม่สงบทั้งชั่วและทั้งดี มีคำพูดที่ใครพูดขึ้นก็ไม่ทราบโบรงโบราณแล้วก็มีอยู่ในหนังสือเก่าๆน่ะว่าทั้งชั่วทั้งดีล้วนแต่อัปรีย์ อาตมาได้ยินเข้าอ่านพบเข้าโอ้,คนนี้มันฉลาดจริงๆด้วยคนที่พูดคำนี้ ทั้งชั่วทั้งดีล้วนแต่อัปรีย์ คำบ้านั้นอัปรีย์ภาษาบาลีแปลว่าไม่น่ารัก ปรีหรือปรียแปลว่าน่ารัก อับแปลว่าไม่ อัปรีย์แปลว่าไม่น่ารัก เอากันเพียงเท่านั้นก็ได้ ทั้งชั่วทั้งดีล้วนแต่อัปรีย์คือไม่น่ารักไปเอาเข้ามันกัดทั้งนั้นแหละ ไปเอากับความชั่วมันก็กัดเอาอย่างชั่วไปเอากับดีมันก็กัดเอาอย่างดี ไม่มีชั่วไม่มีดีนั่นแหละว่างนั่นแหละสบาย นอนหลับสนิท เมื่อเสียใจมากเข้าก็กินข้าวไม่ลงนอนไม่หลับ ถ้าดีใจมากเข้าก็เหมือนกันแหละ ดีใจที่สุดก็กินข้าวไม่ลงนอนไม่หลับเหมือนกัน ไอ้ที่สบายที่สุดนั้นคือไม่เสียใจไม่ดีใจ ขอฝากไว้ให้ทุกคนจำไปสังเกตุว่าเวลาไหนที่เรารู้สึกสบายสบายบอกไม่ถูก แล้วค่อยสังเกตุก็จะพบว่าเวลานั้นไม่มีดีใจไม่มีเสียใจคือไม่มีทั้งสองอย่างนั่นมันมีความสงบ ความสงบนี้เกิดมาจากการกระทำที่ถูกต้องถูกต้อง ในภาษาธรรมะเรียกว่าสัมมา สัมมาแปลว่าถูกต้องที่จริง แต่เรามักจะแปลกันว่าชอบโดยชอบสัมมาทิฏฐิ เห็นชอบสัมมาสังกัปโปดำริชอบ ที่แท้คำนี้แปลว่าถูกต้อง แปลว่าชอบกับถูกต้องนี่มันก็เหมือนกันแหละ ขอให้ระวังสักหน่อยที่ว่ามันไม่ได้หมายว่าดีนะ สัมมาทิฏฐิไม่ใช่ทิฏฐิดีสัมมาสังกัปปะไม่ใช่ความดำริดีเพราะฉะนั้นความดำริชอบคือถูกต้อง ถ้าถูกต้องมันจะขึ้นไปพ้นชั่วพ้นดีไปเป็นนิพพาน จากชั่วถึงดีจากดีถึงว่างคือนิพพาน คือมันเหนือชั่วเหนือดี คำสอนทั้งหมดสูงสุดอยู่ที่เหนือชั่วเหนือดี ในพุทธศาสนาก็มีในศาสนาคริสตังก็มีแต่คนเขาฟังไม่ถูกเขาไม่สนใจ ในพุทธศาสนานี่มีไว้ชัดไม่ยินดีไม่ยินร้ายคือไม่ดีใจไม่เสียใจก็มีความสงบ อายุมันควรจะมีความสงบไม่ใช่แฟบๆฟูๆขึ้นๆลงๆ มันแฟบด้วยความชั่ว ฟูด้วยความดีมัวแฟบๆฟูๆมันก็ไม่ใช่ความสงบ ถ้าต้องการความสงบมันต้องไม่แฟบๆฟูๆไม่ขึ้นไม่ลงไม่ ไม่เป็นคู่ๆอย่างนั้นน่ะ นี่อายุของเรามันควรจะได้ขึ้นมาถึงระดับนี้คือระดับแห่งความสงบ ละจากชั่วขึ้นมาสู่ดี ละจากดีขึ้นมาสู่ความสงบ ถ้าใครยังเข้าใจว่าความดีความดีคือความสงบล่ะก็รู้เสียใหม่เถอะเข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้องเถอะว่าดีดีนั้นไม่ใช่ความสงบมันกระตุ้นจิตใจไม่ให้สงบ ดีดีนี้เป็นสังขารมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งมันไม่ใช่ความสงบเหมือนกับความชั่วเหมือนกัน แต่ว่ามันน่ารักมันยั่วยวนมันมีเสน่ห์คนจึงชอบความดี แต่มันไม่ใช่จุดสุดท้ายของความดับทุกข์มันต้องก้าวขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งเหนืออำนาจเหนืออิทธิพลของความดีจึงจะเป็นความสงบ เป็นจุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์เรียกว่าเป็นพระอรหันต์ ถ้ามนุษย์ไปจนถึงจุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์ก็คือไปถึงความเป็นพระอรหันต์ จากชั่วถึงดีจากดีถึงว่างคือเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริงมันเป็นอย่างนั้นเองไปหลงกับมันไม่ได้ทั้งชั่วทั้งดีทั้งชั่วทั้งดีทั้งบุญทั้งบาปทั้งสุขทั้งทุกข์ ทั้งได้ทั้งเสียทั้งแพ้ทั้งชนะทั้งกำไรทั้งขาดทุนทั้งมีชื่อเสียงทั้งไม่มีชื่อคือทุกๆคู่น่ะ มันอยู่ในโลกนี้มันไม่ใช่ความสงบต้องเหนือนั่นไปทุกคู่ จึงจะเป็นความสงบเป็นจุดสูงสุดที่มนุษย์จะไปถึงได้ ใครถึงได้เรียกว่าเป็นพระอรหันต์เลย อย่าไปท้อใจว่ามันจะเกินไปเราต้องไปทางนั้นทางอื่นไม่มี จากชั่วมาถึงดีจากดีถึงความว่างคือเหนือชั่วเหนือดี ก็ต้องเดินไปด้วยความถูกต้อง คำว่าถูกต้องนี้อย่าไปเถียงกันเลย คือให้มันออกจากทุกข์แล้วมันก็ถูกต้อง ถ้าเถียงกันมันก็เป็นเรื่องบ้าๆบอๆในโลกนี้สมัยนี้วิชา logic บ้างวิชา philosophy บ้างบัญญัติขึ้นว่าดีคืออย่างนั้นไม่ดีคืออย่างนี้เรื่องบ้าทั้งหมดเลย บัญญัติว่าชั่วว่าดีทำแบบนั้นใช้ไม่ได้ ต้องดีตามแบบพุทธศาสนาที่ว่า ที่ว่า ว่าดีหรือชั่วตามหลักพุทธศาสนา แล้วก็เหนือชั่วเหนือดีนั่นแหละคือถูกต้องถูกต้อง ถูกต้องเหนือดีเหนือชั่ว ถ้ายังชั่วยังดีอยู่ยังไม่ใช่ ไม่ใช่ถูกต้อง ถูกต้องต้องอยู่เหนือความทุกข์ทุกอย่างแล้วก็ไม่ทำตัวเองให้เดือดร้อน ไม่ทำใครๆในโลกให้เดือดร้อนก็มีความถูกต้อง คำว่าถูกต้องในพระพุทธศาสนานี้บัญญัติไว้อย่างนี้ ความถูกต้องของการศึกษาสมัยใหม่ก็เป็นศาสตร์เป็นอะไรกันมากมายก็เหมือน ก็มีเหมือนกันแต่เราเอามาใช้ในพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะมันอาศัยเหตุผลตามคำนวณตามคาดคะเนตามเหตุผลไม่เหนือเหตุผลไปได้ ถ้าถูกต้องถูกต้องแล้วมันก็ไม่ต้องเหตุผลมันเหนือเหตุผลใครๆก็รู้ได้เองว่า ไม่เบียดเบียนตนเองไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่เบียดเบียนทั้งหมดนั้นแหละมันถูกต้อง เราจะต้องมาถึงนี่ ชีวิตหรืออายุนี้จะต้องมาถึงนี่ถึงจุดนี้จึงจะเรียกว่าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ จุดหมายปลายทางอยู่ที่นั่น ถ้าไม่รู้จุดหมายปลายทางแล้วมันก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหนหรอก เอามาพูดกันเสียบ้าง หรือไม่บ้างล่ะพูดกันให้เต็มที่ก็ได้ว่ามันจะเดินไปทางไหน นี่เดี๋ยวนี้ก็มาบอกให้ทราบว่ามันหลงอายุนั้นต่ำที่สุดแล้วมันก็ลวงอายุด้วยความฉลาดแกมโกงของมัน สูงขึ้นมาก็ล้ออายุ สูงขึ้นไปถึงที่สุดก็เลิกอายุนั่นแหละความถูกต้องมันถึงที่สุด มันเดินมาตามลำดับอย่างนี้สูงขึ้นไป สูงขึ้นไปจากหลงอายุ มาลวงอายุ ลวงอายุแล้วล้ออายุ ล้ออายุแล้วก็เลิกอายุจำคำว่าเลิกอายุ ไม่ใช่ฆ่าตัวตายแต่ทำให้จิตใจนี้อยู่เหนือปัญหาของอายุ ปัญหาทุกข์ทั้งหลายในอายุจะอยู่เหนือปัญหาเหล่านั้นทั้งหมดอย่างนี้เรียกว่าเลิกอายุ อายุไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป สิ่งที่เรียกว่าอายุอายุนั้นก็คือชีวิตนั่นแหละไม่อยากเรียกว่าอายุก็เรียกว่าชีวิตก็ได้ คำเดียวกันความหมายเดียวกันน่ะคำพูดมันต่างกันคำว่าอายุกับคำว่าชีวิตมีความหมายเหมือนกัน ไม่หลงชีวิตไม่ลวงชีวิตแล้วก็มาล้อชีวิตแล้วก็เลิกชีวิตไม่ได้ฆ่าตัวตาย หมดปัญหาเกี่ยวกับชีวิตไอ้ชีวิตที่ยึดมั่นถือมั่นแล้วเป็นทุกข์ยุ่งยากไปทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างนั่น เลิกอยู่เหนือเสีย เลิกชีวิตก็คืออยู่เหนือดีเหนือชั่วคือเลิกชีวิต ขอให้คิดทบทวนไปๆมาๆอยู่ตรงนี้ให้รู้จักสิ่งที่เรียกว่าอายุหรือสิ่งที่เรียกว่าชีวิตสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์สิ่งที่เรียกว่าสัตว์สิ่งที่เรียกว่าดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ เกิดมาทั้งทีขอให้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับก็ไม่เสียชาติเกิด ถ้าไม่ถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับมันก็เกิดครึ่งเดียวเหมือนสัตว์เดรัจฉานทั่วไปเกิดได้ครึ่งเดียวแล้วมันก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่สัตว์เดรัจฉานจะได้รับด้วยซ้ำไป แล้วเหตุอะไรมันจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับมันก็เป็นไปไม่ได้ ทีนี้เรามารู้เรื่องอายุเรื่องชีวิตกันให้ครบให้ถูกต้องด้วยให้ครบถ้วนให้ถูกต้อง ให้ถูกต้องแล้วก็ต้องให้ครบถ้วน แล้วก็พูดกันมาหลายปีทุกๆปีวันล้ออายุก็พูดเรื่องอายุนี่ แต่ท่านทั้งหลายจะสังเกตุเห็นได้ว่าได้พูดขยายความกว้างออกไปไกลออกไปกว้างออกไปไกลออกไปเพื่อให้รู้รอบคอบรู้หมดจดสิ้นเชิงขอให้สนใจ ปีนี้เพิ่มคำให้อีกคำหนึ่งว่าเป็นหลงอายุ ลวงอายุ ล้ออายุ เลิกอายุ ขอให้สอบไล่ได้ทั้งสี่ขั้นทั้งสี่ชั้นไม่หลงอายุไม่ลวงอายุแล้วก็ล้ออายุได้แล้วก็เลิกอายุได้เรียกว่าสอบไล่ได้ทั้งสี่ชั้นสี่ขั้น ขอพูดไว้กันลืมว่า อย่าให้ละอายแมวถ้าคนยังเป็นทุกข์ยังมีปัญหาเรื่องชีวิต ยังเป็นโรคประสาท ยังเป็นโรคจิต อยู่มันก็น่าละอายแมวแล้ว ไปสังเกตุดูแมวตัวไหนบ้างที่เป็นโรคประสาทจะหาทำยาหยอดตาก็ไม่ได้ (นาทีที่35:24) แมวตัวไหนที่เป็นโรคจิตชนิดที่คนเป็นกัน ไม่ใช่โรคกลัวน้ำนะโรคจิตอย่างที่คนเป็นๆกันน่ะ สุนัขตัวไหนมันก็ไม่เป็น แมวตัวไหนมันก็ไม่เป็น ไก่ตัวไหนมันก็ไม่เป็น เดี๋ยวพูดไปแล้วมันก็จะหยาบคาย นี่เรียกว่าอย่ามีความทุกข์เหลืออยู่ให้ละอายแมว อีกอย่างหนึ่งก็ว่าอย่าให้คนป่า คนป่ายุคดึกดำบรรพ์หัวเราะเยาะได้ ทั้งที่เราเป็นลูกหลานของคนป่าเหล่านั้นอย่าให้คนป่าสมัยโน้นหัวเราะเยาะได้ คนป่าสมัยโน้นเขาไม่นุ่งผ้า เขาก็ยังสบายกว่าคนพวกนี้ที่มันนุ่งผ้ากันจนไม่รู้ว่าจะนุ่งกันอย่างไร มัวแต่ประกวดเครื่องนุ่งห่ม คนป่าสมัยโน้นไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ก็มีจิตใจสว่างไสวรู้จักแก้ปัญหาได้กว่าคนสมัยนี้ที่มีไฟฟ้าใช้แต่จิตใจกลับมืดมนลงไปด้วยกิเลสแล้วใครจะดีกว่ากัน คนป่าสมัยโน้นไม่มีน้ำแข็งกินเพราะมันทำไม่เป็นแต่หัวใจมันก็ยังเย็นกว่าคนสมัยนี้ซึ่งกินน้ำแข็งกันวันละมากๆ ขอให้ดูให้ดีเถอะน้ำแข็งนี่เขาทำเพิ่มขึ้นเรื่อยแหละเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย เรื่อย เรื่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์มีหัวใจเย็นลงไปได้ เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่น มันอยู่ที่ว่ารู้จักทำจิตใจให้ถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง คำว่าถูกต้องเตือนแล้วเตือนอีกขอให้ยึดเป็นหลักเลยว่ามันต้องถูกต้อง มันไม่ดีกว่ามันไม่เลวกว่ามันไม่อะไรขอให้มันถูกต้องก็แล้วกัน จะแก้ปัญหาได้หมด ฉะนั้นเรามารู้จักสิ่งทุกสิ่งให้มันถูกต้อง ให้ทุกสิ่งไม่ทำให้เกิดปัญหาแก่เรา เดี๋ยวนี้โลกกำลังเป็นปัญหามากยิ่งขึ้น ทั้งที่ว่าเจริญ เจริญ เจริญ การศึกษาเจริญเทคโนโลยีเจริญอะไรเจริญๆแต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นสุขมากกว่าคนป่าที่ยังไม่ได้นุ่งผ้า ก็เพราะว่ามันเจริญไปในทางหล่อเลี้ยงกิเลสตัณหา หล่อเลี้ยงความต้องการของความโง่เขลา ถ้ามีความต้องการด้วยความโง่เขลาก็เรียกว่ากิเลสตัณหาถ้าต้องการด้วยสติปัญญาก็เรียกว่าสังกัปปะ สังกัปปา เมื่อพระเขาอนุโมทนาให้พรเวลาเลี้ยงเสร็จอะไรเสร็จนั่น สังกัปปา ปูเรนตุ สังกัปปา สัพเพ สังกัปปา สังกัปปานั้นแหละคือความต้องการด้วยสติปัญญาไม่ใช่ต้องการด้วยกิเลสตัณหา หมายความว่าพระท่านไม่ได้ส่งเสริมให้ความต้องการของกิเลสตัณหาของท่านทั้งหลายสมบูรณ์ แต่ต้องการให้ความต้องการด้วยสติปัญญาที่เรียกว่าสังกัปปา สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา นี่ที่ได้ยินทุกบ่อยๆนั่นแหละสังกัปปานั้นแหละดี คือต้องการด้วยสติปัญญา แต่เดี๋ยวนี้มันไม่มีใครจะต้องการด้วยสติปัญญามันต้องการด้วยกิเลสตัณหาด้วยความคิดนึกชั่วแล่น แล้วมันก็ติดมาแต่แรกเริ่มแล้วคือเรื่องกามารมณ์ทั้งนั้นแหละไอ้ความต้องการเหล่านี้ จนแก่เฒ่าแล้วก็ยังไม่ค่อยจะส่างจะซามันก็ไม่ใช่สังกัปปา มันเป็นตัณหาความต้องการด้วยความไม่รู้ มันตกเป็นทาสของอารมณ์ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะมันเป็นทาสของอายตนะคือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างนี้ไม่มีวันสงบสุข ชีวิตกำลังเป็นอย่างนี้ อายุกำลังเป็นอย่างนี้มาทำความเข้าใจกัน ทีนี้อาตมาจะพูดทีละอย่าง ให้ละเอียดพอเข้าใจได้ ช่วย ช่วย ช่วยฟังช่วยทำความเข้าใจและจำกันไว้ให้ดีๆ เอา เอาอันดับแรกล้ออายุ ล้ออายุ เอ้ย,ไม่ใช่ ไม่ใช่ หลงอายุ หลงอายุ เด็กๆเกิดมาจากท้องมารดาไม่มีความรู้อะไร พอเกิดออกมานี่ก็ไม่รู้จะเกิดมาทำไมจะไปทางไหนจะทำอะไรทำอะไรไม่ถูกนี่ ยังเล็กเกินไปกว่าที่จะรู้จักคำว่าอายุหรือรู้จักคำว่าชีวิต แต่นี่มันไม่รู้ทั้งนั้น แต่มันก็มีชีวิตมีความรู้สึกคิดนึกได้ มันเกิดมามันได้ ไม่มีความรู้อะไรติดมาแต่ในท้อง มันก็มา เรียกว่าตรัสรู้ก็ได้มันก็ตรัสรู้เอาเองตามแบบของทารก ว่าได้กินได้ดื่มอะไรอร่อยก็รู้เรื่องอร่อยไม่อร่อยก็รู้เรื่องไม่อร่อย ถูกใจก็รู้จักยินดีพอใจไม่ถูกใจก็รู้จักโกรธ นี่เรียกว่ามันหันรีหันขวางไปตามแบบของทารก มันไม่รู้เรื่องอายุไม่รู้เรื่องชีวิต มันก็หลง อยู่ในสิ่งที่เรียกว่าอายุทั้งที่ไม่รู้จักมันเหมือนกับหลับตาเดินไปอย่างนั้นแหละสัญชาตญาณมาในชีวิตมีตัวมีตน พอได้มารับสิ่งแวดล้อมเข้า ให้เกิดความรู้สึกยินดีบ้างยินร้ายบ้างสัญชาตญาณเหล่านั้นก็เป็นไปในทางกิเลสไม่เป็นไปในทางโพธิคือไม่เป็นไปในทางฉลาด แต่เป็นไปในทางโง่ อย่างนี้ถูกใจก็ดี ดี ดี กูจะเอากูจะได้กูจะมีกูจะสะสม อย่างนี้ไม่ถูกใจกูไม่เอากูก็จะฆ่ากูก็จะทำลาย นี่เด็กทารกมันก็หลงอยู่ในเรื่องความรู้สึกสองอย่างเรียกว่าถูกใจและไม่ถูกใจ ถูกใจก็ทำให้รักไม่ถูกใจก็ทำให้โกรธแล้วมันก็มากขึ้นๆตามอายุนี่เรียกว่าสัญชาตญาณของเขาเป็นไปตามอำนาจของกิเลส ไม่ได้เป็นไปตามทางของโพธิ โพธิรู้ว่ามันเช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง อย่าไปหลงรักสิ่งที่น่ารักอย่าไปหลงเกลียดสิ่งที่น่าเกลียดอย่าไปหลงกลัวสิ่งที่น่ากลัวมันเช่นนั้นเอง มันเช่นนั้นเอง แต่เด็กๆมันทำไม่ได้ แก่หัวหงอกแล้วมันก็ทำไม่ได้ขออภัยพูดตรงๆหน่อย ที่มันน่ารักก็เช่นนั้นเอง ที่มันน่าเกลียดก็เช่นนั้นเอง อย่าไปรักอย่าไปโกรธอย่าไปเกลียดอย่าไปกลัวอย่าไปตื่นเต้นอะไรกับมัน นั่นแหละเรียกว่ามัน มันเป็นทางโพธิ สัญชาตญาณเดินไปในทางโพธิถึงมันไปในทางกิเลสมันไม่ใช่ทางโพธิมันจะหลงรักที่น่ารักหลงเกลียดที่น่าเกลียดและหลงโกรธที่น่าโกรธ แล้วมันก็ปรารถนาไปตามกิเลสนี่มันยุ่ง เขาเขียนภาพเด็กๆเกิดขึ้นมานี่เหมือนกับเด็กเกิดขึ้นมายกมือยกตีนหันรีหันขวางไม่รู้จะไปทางไหนก็มันไม่รู้นี่ นี่เราก็เป็นอย่างนี้กันมาแล้วทุกคน ก็หลงอยู่ในความไม่รู้ ไม่รู้จะไปทางไหน พร้อมกันนั้นสัญชาตญาณก็เปลี่ยนไปในทางกิเลสมากขึ้นไม่ได้เปลี่ยนไปทางโพธิเลย มัน มันไม่รู้จะโทษใครมันไม่รู้จะโทษใคร ไปโทษบิดามารดาก็ไม่ได้บิดามารดาก็รักก็รัก รัก รัก ก็ส่งเสริม ส่งเสริมตามความรัก ยิ่งเอาสิ่งที่มันพอใจให้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีนิสัยหลงใหลในสิ่งชนิดที่น่าพอใจยิ่งขึ้นไป ไม่มีบิดามารดาคนไหนสอนให้รู้จักว่าไอ้น่ารักก็เช่นนั้นเองไอ้น่าเกลียดก็เช่นนั้นเองอย่าไปรักอย่าไปโกรธไปเกลียด และบิดามารดาก็มักจะส่งเสริมให้ได้ไอ้สิ่งที่มันเกินพอดีที่แพงกว่าจำเป็นที่เกินความจำเป็น เอามาให้กินให้เล่นเอามาทุกอย่างให้มันเกิดกิเลสพวกนั้นมันมากๆขึ้น นี่เท่ากับทำความลำบากให้แก่ลูกเด็กๆให้มันเจริญเติบโตขึ้นมาด้วยกิเลสไม่ได้เติบโตขึ้นมาด้วยโพธิ มันก็น่าสงสารทารกเหล่านี้ ทารกเล็กทารกโตอะไรก็ตามมันก็หลงอยู่ในความมืดนี้ บูชาสูงสุดอยู่ที่เอร็ดอร่อยสนุกสนาน ใครๆก็เห็นลูกเด็กๆทารกนั้นไม่รู้จักดีรู้จักชั่วอะไรมากไปกว่าว่าได้กินได้เล่นได้ถูกใจได้เอร็ดอร่อยโดยเฉพาะอาหาร แล้วก็เล่นแล้วก็กินเรื่องเล่นนั่นแหละเป็นสิ่งสูงสุดเป็นพระเจ้าของลูกเด็กๆขนาดทารก ขนาดทารกบูชาเรื่องกินเรื่องเล่นเขาเรียกว่าหลงชีวิตหลงอายุ แล้วก็รู้สึกว่านั่นน่ะดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ในระดับลูกทารกสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ก็คือได้กินได้เล่นตามที่พอใจ มีประโยคอยู่ประโยคอาตมาอ่านพบในหนังสืออะไรก็ลืมไปแล้วเขาเขียนทำนองนี้ว่าลูกเด็กๆนี่ต้องการแต่ได้กินเนื้อสเต็กเป็นจานๆอิ่มแล้วไปขี่ประตูแกว่งไปแกว่งมาออดแอดๆ ประตูบ้านชนิดที่แกว่งได้น่ะที่เด็กๆขึ้นไปขี่แล้วก็แกว่งได้น่ะต้องการเพียงเท่านี้ ก็หมายความว่าเด็กๆเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่ากินกับเล่น นี่ระวังให้ดีมันยังติดมาจนถึงเป็นคนแก่หัวหงอกแล้วหรือหาไม่ เรื่องกินเรื่องเล่นนี่มันได้ติดมาจนถึงคนหนุ่มคนสาวพ่อบ้านแม่เรือนคนเฒ่าคนแก่หรือหาไม่ ถ้ามันยังติดมานะสมมติว่าถ้ามันยังติดมามันก็ยังเป็นทารกอยู่นั่นเอง หัวหงอกแล้วมันก็ยังเป็นทารกอยู่นั่นเอง มีแต่เรื่องกินเรื่องเล่นเรื่องสนุกก็แปลว่าคนนี้ยังไม่ได้แก่ยังไม่ได้เป็นหนุ่มเป็นสาวยังเป็นทารกอยู่ อยู่ในประเภทที่เรียกว่าหลงอายุหลงอายุ มันมีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือว่าอะไรๆมันก็มีอยู่ครบในตัวเด็กทารก แต่เด็กทารกมันไม่ประสีประสาไม่อาจจะรู้ได้ นี่ช่วยฟังให้ดีว่า ความทุกข์ก็ดีเหตุที่ให้เกิดทุกข์ก็ดีความดับทุกข์ก็ดีทางถึงความดับทุกข์ก็ดีมันก็อยู่ในเนื้อในตัวของเด็กทารกที่ ที่ขนาดรู้ประสีประสาแล้ว อริยสัจ ๔ มันก็มีอยู่ในเด็กทารกขนาดที่รู้ประสีประสาแล้วแต่เด็กมันก็ไม่อาจจะรู้ได้ ไม่อาจจะรู้ได้ เรื่องปฏิจจสมุปบาทอันยืดยาวมันก็มีอยู่ในตัวเด็กทารกที่มันรู้ประสีประสาแล้วนั้นแหละแต่มันไม่อาจจะรู้ได้ นี่ก็ระวังให้ดีมันก็ไม่รู้ๆขึ้นมาจนถึงวัยรุ่นหนุ่มสาวมันก็ไม่รู้ แก่หัวหงอกแล้วมันก็ยังไม่รู้ เรื่องที่เคยมีมาแล้วตั้งแต่ยังเป็นทารก เรื่องอริยสัจ ๔ ก็ดี ปฏิจจสมุปบาทก็ดีเป็นความจริงที่ว่าความทุกข์เกิดขึ้นมาอย่างไรความทุกข์จะดับไปอย่างไรมันมีอยู่ในตัวทารก ทารกมันก็ไม่รู้แล้วมันก็ไม่รู้จนเป็นวัยรุ่นจนเป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคนเฒ่าคนแก่มันก็ยังไม่รู้มันก็ยังไม่รู้ ขอให้มันเลื่อนชั้นกันเสียบ้างเถิดหลงอายุหลงอยู่ในอายุไม่รู้ว่าคืออะไรจะไปทางไหนก็ล้วนแต่ไม่รู้ มันก็หลงอยู่ในอายุ นั่นขั้นหนึ่ง ขั้นหนึ่งนี่เรียกว่าขั้นหลงอายุ เป็นทารกสูงสุดอยู่ที่ได้กินได้เล่น พระนิพพานอยู่ที่ได้กินได้เล่น พระนิพพานของเด็กทารก เอ้า,ทีนี้ก็มาถึงขั้นที่สองลวงอายุ ลวงอายุ วัยรุ่นแล้วทีนี้เป็นวัยรุ่นแล้วเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วตอนนี้ มันเริ่มจะลวงอายุคล้ายๆตบตาคนหรือว่าหลอกลวงที่จะได้กินได้เล่นนั่นแหละมันหลอกลวงมันเริ่มใช้ความหลอกลวงมันรู้เริ่มรู้จักหลอกลวง หลอกลวงแลกเปลี่ยนอะไรก็ตามที่จะได้มากินได้มาเล่นให้ยิ่งๆขึ้นไป เงินไม่พอใช้มันก็ใช้วิธีหลอกลวงโดยตรงหลอกลวงโดยอ้อมมีอุบายมีนโยบายอะไรที่จะได้กินได้เล่น มันก็จะต้องลงทุนด้วยการหลอกลวงอย่างใดอย่างหนึ่ง มันจะต้องรู้จักแต่งตัวให้สวยงามต้องรู้จักพูดจาให้ไพเราะรู้จักเอาอกเอาใจคน รู้จักสร้างกิเลสชนิดที่สามารถใช้ในการหลอกลวง ที่น่าหัวก็คือหลอกลวงตัวเองโดยไม่รู้สึกตัว หลอกลวงตัวเองให้แสวงหาให้หลงใหลให้ทำอะไรอยู่ด้วยความหลอกลวง ได้รับคำแนะนำสั่งสอน เอ้า,เรียนให้มากเรียนให้เก่งจะได้ทำงานดีๆจะได้เป็นใหญ่เป็นโตนี่ มันเป็นเรื่องหลอกลวงของชีวิต มันไม่ได้บอกความจริงกันว่า ดับทุกข์ได้นั้นไม่ใช่สิ่งนี้ ดับทุกข์ได้อยู่ที่มันไม่ยินดียินร้ายที่มันไม่ ไม่ดีไม่ชั่วไม่หลงดีหลงชั่ว แต่ก็ถูกหลอกลวงให้มัวเมาในความดีมากขึ้น แม้จะถูกหลอกลวงให้เกลียดกลัวความชั่วบ้างมันก็เพื่อประโยชน์แก่ความดี มันก็เหนือความดีไปไม่ได้ ฉะนั้นเราจึงมีความคิดที่ติดพันอยู่ในความดี จะแสวงหาวิธีการต่างๆเพื่อจะได้มาซึ่งความดีจะให้มีรูปสวยจะให้รวยทรัพย์จะให้มีอำนาจวาสนาจะให้มีพวกพ้อง นี่เป็นเรื่องที่ว่าเป็นเครื่องมือแสวงหาเครื่องมือที่จะได้สิ่งที่เรียกว่าดีสำหรับตัว ให้ดี ให้ดีได้ดีจนบ้าดีหลงดีเมาดีจมดี แล้วก็ได้เป็นโรคประสาทได้ตายไปเพราะความบ้าดีเมาดีอย่างนี้กำลังเป็นกันทั้งโลก คนทั้งโลกนี่เป็นทาสของความดีบ้าดีเมาดีหลงดีจนไม่มีความสุข นี่เราแก้ปัญหานี้ไม่ได้ทั้งโลกเพราะทุกคนมันบ้าดีเมาดีหลงดี ไม่รู้ว่าไอ้บ้าดีเมาดีหลงดีนั้นเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาเห็นแก่ตัวหรือว่าทำไปตามความบ้าดีเมาดีหลงดี นายทุนก็บ้าดีเมาดีหลงดีคอมมิวนิสต์ก็บ้าดีเมาดีหลงดีคนที่ไม่เป็นนายทุนเป็นคอมมิวนิสต์มันก็บ้าดีเมาดีหลงดีทั้งโลกก็เป็นอย่างนี้ นี่ก็เลยหาอุบาย อุบายที่จะแย่งชิงความดีในตามความรู้สึกของเขา เขาเห็นว่าอะไรเป็นดีเขาก็จะเอาอันนั้นมาให้มาก มันก็มีอุบายที่จะสะสมสิ่งเหล่านั้น การกอบโกยการเอาเปรียบมันก็เกิดขึ้นเมื่อไม่ได้สมใจการเบียดเบียนฆ่าฟันมันก็เกิดขึ้น นี่มีความคิดว่าจะครองโลกเอาเป็นของตัวหมดทั้งโลก นี่ความบ้าดีเมาดีหลงดีอวดดีมันนำไปทางนั้น มีปัญหาเพิ่มขึ้นที่ว่าวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวนี่อวัยวะเพศอวัยวะเพศที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อการสืบพันธุ์นั่นน่ะมันเริ่มทำงานมันเริ่มทำหน้าที่ เมื่ออายุยังไม่ถึงขนาดอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหลายมันยังไม่ ไม่รู้จักหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ พอถึงเขตที่มีอายุมันทำหน้าที่มันก็สร้างความโง่ชนิดใหม่ให้มา จนกลายเป็นบูชาเรื่อง เรื่องความรู้สึกทางเพศ นี่มันต้องโง่ไปสุดเหวี่ยงอย่างนี้กันเสียก่อนนะมันจึงจะเบื่อแล้วไปนิพพาน ในความรู้สึกทางเพศนี่กำลังครอบงำอย่างยิ่งต่อจากความเป็นทารก เคยพูดมามากแล้วว่าธรรมชาติก็ได้ พระเจ้าก็ได้ สร้างอวัยวะเพศนั่นน่ะมาสำหรับเพื่อการสืบพันธุ์ไว้อย่าให้มนุษย์สูญพันธุ์ ไม่ใช่สร้างมาเพื่อให้บ้ากามบ้ากามารมณ์กันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เขาสร้างมาสำหรับอย่าให้มนุษย์สูญพันธุ์เท่านั้นต้องการเท่านั้น แต่มนุษย์ก็เปลี่ยนเอามาเป็นเครื่องมือทางกามารมณ์ทางรู้สึกทางกามารมณ์เสีย เรื่องเพศแทนที่จะเป็นเรื่องเพื่อสืบพันธุ์กลายเป็นเรื่องบ้าทางกามารมณ์ นี่ความมืดมหาศาลใหญ่หลวงได้ครอบงำคนมนุษย์ในยุคนี้ยุควัยรุ่นยุคหนุ่มสาวนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นก็เลยเป็นทาสของกามารมณ์ แล้วยังคดโกงด้วยคือไม่ต้องการจะสืบพันธุ์ ต้องการแต่จะมากมายสนุกสนานทางกามารมณ์ จนเอาไปปนเป็นเรื่องเดียวกันเสีย มนุษย์ที่ฉลาดที่รู้อย่างถูกต้องแท้จริงต้องแยกออกเป็นสองเรื่อง ไอ้ความรู้สึกทางกามารมณ์นั้นน่ะมันเป็นค่าจ้าง ที่ธรรมชาติให้มาหรือพระเจ้าสร้างมาให้มาเป็นค่าจ้าง เพื่อให้มนุษย์ทำการสืบพันธุ์ซึ่งมันไม่น่าจะทำมันยากมันลำบากมันเจ็บมันปวดอะไรต่างๆนี่ แต่ว่าพระเจ้าหรือธรรมชาติมันฉลาดกว่า มันสร้างรสทางกามารมณ์ปะหน้าเข้าไว้เป็นเครื่องจ้างให้คนเหล่านี้รับจ้าง ก็ดูเอาเองก็แล้วกันการแต่งงานการสมรสนั้นมันเพื่ออะไรมันเพื่อกามารมณ์หรือเพื่อการสืบพันธุ์ ดูจะหายากเต็มทีที่ความบริสุทธิ์ใจที่ว่าเพื่อการสืบพันธุ์มันเพื่อกามารมณ์ทั้งนั้น แล้วมันยังต้องการไกลไปกว่านั้นว่าเป็นกามารมณ์อันมีเกียรติ กามารมณ์ที่แพงมาก ทุกอย่างที่เกี่ยวกับกามารมณ์ ในพิธีสมรสอย่างนี้มันก็เพื่อกามารมณ์ แล้วก็แพงมากแล้วก็อะไรๆก็ต้องมาแวดล้อมกันให้มากเพื่อแพงมาก มันสูญเปล่าเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรับผิดชอบไม่มีใครรู้ ก็เพื่อผลเป็นการสืบพันธุ์มันไม่ยุ่งยากลำบากมันไม่แพงมากเหมือนอย่างนั้น นี่เรียกว่ามันถูกลวงโดยธรรมชาติแล้วมันก็ลวงธรรมชาติซ้อนเข้าไป ชีวิตในระดับนี้ขอให้หยุดมองเห็นตามเป็นจริงเถอะว่าสิ่งสูงสุดของชีวิตรุ่นนี้คือกามารมณ์ นิพพานของคนรุ่นนี้รุ่นวัยรุ่นรุ่นหนุ่มสาวนี่นิพพานของคนรุ่นนี้คือกามารมณ์ ไม่ใช่นิพพานอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ นี่มาถึงการถูกลวงมาถึงระบบที่ลวงตัวเองมาถึงระบบที่ลวงผู้อื่น ลวงกันทั้งหมดเลย เพื่อได้ไอ้สิ่งที่ตัวมัวเมาหลงใหล แต่เมื่อทำกันไปจนเป็นประเพณีเป็นอะไรแล้วก็ไม่มีใครติเตียนใครว่าโง่ มันเป็นเหมือนกันทั้งนั้น มันเป็นเหมือนกันทุกๆคน นี่เรียกว่าอายุแห่งความหลอกลวงนั่น มันมีอยู่ยุคหนึ่ง ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งยุคหนึ่งขั้นตอนหนึ่งของชีวิต เราเรียกว่าหลอกลวงหรืออายุลวง อายุที่เป็นความลวงสูงสุด ก็ต้องรู้จักไว้ก็ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ ความเป็นภพ ภพ ความเป็นภพ ภพเป็นภพ คือความเป็นน่ะมันสูงสุด เป็นกามภพขึ้นมาสำหรับคนวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ไม่รู้เรื่องของรูปภพที่ปราศจากกามารมณ์ไม่รู้เรื่องอรูปภพที่ปราศจากรูป มันก็ไม่รู้เรื่องที่เหนือไปกว่านั้นคือนิพพาน แต่ว่ามันเป็นธรรมชาติธรรมดาที่สุดนะคอยฟังให้ดีๆนะว่ามนุษย์จะต้องมีความรู้สึกได้ด้วยตนเอง มีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสิ่งสูงสุดอยู่ในจิตในใจเสมอ แล้วแต่ว่าเขาจะได้มีความรู้เท่าไหร่โตมาโตเติบโตขึ้นมาเท่าไหร่ ทุกคนจะมีสิ่งที่เรียกว่าสูงสุดสำหรับตัวเองเฉพาะตนเฉพาะตนอยู่เสมอ แต่ก็เรียกว่าเป็นสิ่งสูงสุดที่น่ากลัวที่ควรกลัวก็ได้เขาก็มีของเขาเองแหละ จะประเสริฐที่สุดวิเศษที่สุดที่เขาจะต้องการเขาก็มีของเขาเอง ฉะนั้นเด็กทารกก็มีไปอย่างได้กินได้เล่นก็พอแล้วเป็นนิพพานแล้ว พอวัยรุ่นพอหนุ่มสาวมันก็ต้องกามารมณ์สูงสุดจึงจะเป็นนิพพาน ความหลอกลวงมันก็มีมาก นี่นิพพานอยู่ที่กามารมณ์ เป็นกามภพสำหรับคนยุครุ่นนี้ ไม่รู้เรื่องรูปภพคือมีชีวิตอยู่อย่างบริสุทธิ์สะอาดโดยไม่มีกามารมณ์ อาศัยรูปที่บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ นี่ยังไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นละเอียดไปจนถึงเอาไม่มีรูปเป็นอารมณ์ก็ยิ่งไม่รู้จักมันมีทางที่จะเปรียบเทียบพอที่จะเปรียบเทียบได้ พอเข้าใจได้แม้จะไม่ตรงทีเดียวก็เช่นว่าหนุ่มสาวก็มีกามารมณ์ทางเพศ เป็นภพเป็นความเป็น เกิดในภพของกามภพ นี่ถ้าบางคนมันเผอิญบางคนมันไม่ ไม่ ไม่บูชากามารมณ์หรือมันจะเป็นวิปริตทางจิตก็ตามใจมัน มันไปบูชาไอ้ของวัตถุสิ่งของไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ เป็นของเล่นเป็นของสวยงามเป็นต้นไม้เป็นเครื่องลายครามเป็น ของอะไรก็ตามที่มีค่าเพชรพลอยจินดา นิล เพชรนิลจินดาก็ตามมันบูชา สิ่งที่ไม่เนื่องกับกามารมณ์นี้เป็นสรณะก็มี ไอ้พวกนี้เรียกว่าพวกรูปภพก็พอจะเรียกได้ คือสนใจในสิ่งที่เป็นรูปบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ แต่มันน้อยนักน้อยหนาที่คนวัยรุ่นกับหนุ่มสาวจะเป็นได้ อาตมาเคยเห็นคนคนบางคนนะ มันจะเป็นจิตวิปริตหรืออะไรก็ไม่ทราบแต่มันรักนกเขาเล่นนกเขาจนไม่ต้องมีลูกมีเมีย เอากับมันสิไอ้นกเขานี่เป็นสิ่งวิเศษสูงสุดจนไม่ต้องมีลูกมีเมีย บางคนก็รักขวดปลากัดยิ่งกว่าลูกกว่าเมีย เล่นไก่รักไก่ยิ่งกว่าลูกกว่าเมีย ทรัพย์สมบัติอย่างนี้เขาก็มีไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ มันเป็นพวกรูปแต่มันรูปบ้าๆบอๆเพราะฉะนั้นถ้ารูปที่แท้จริงมัน รูปฌาณ รูปสมาธิ ทำสมาธิมีรูปเป็นอารมณ์มีความสุขด้วยสมาธิชนิดนั้น นั่นแหละมันดีมันถูกต้องแต่นี่มันรูปต่ำๆความง่ายของคนในโลกนี่ แต่พอจะสงเคราะห์ได้ว่ามันไม่เกี่ยวกับกามเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าคนเราเลยวัยหนุ่มสาวมาแล้วมาเป็นผู้ใหญ่สูงอายุแล้วไปบ้าไปหลงกับเรื่องของวัตถุล้วนๆที่มีค่ามีอะไรน่ารักน่าดู คนที่เล่นบอนเล่นโกสนบางคนจะเอาใจใส่ในต้นบอนต้นโกสนยิ่งกว่าลูกกว่าเมียก็ได้ นั่นมันจะกระเดียดไปทางนั้น แต่ก็ยากยังยากที่จะมี ทีนี้บางคนไม่เอารูปเป็นอารมณ์ไม่เอาสิ่งที่เอา ที่มีรูปเป็นอารมณ์ไปเอาเกียรติยศชื่อเสียงบุญบารมีอำนาจวาสนามาเป็นอารมณ์สิ่งนี้สูงสุดของกู นิพพานของกูอยู่ที่อำนาจวาสนาบารมีอย่างนี้ก็มี นี่สงเคราะห์ได้ในพวกที่เอาอรูปเป็นสูงสุดเป็นนิพพาน แล้วก็จบแค่นี้ไอ้พวกเหล่านี้มันจบแค่นี้ ถ้าว่าจะพูดกันทางธรรมะพวกที่เอาอรูปสมาธิ อรูปฌาณ ผลของอรูปฌาณเป็นความสุข นี่ก็สูงสุดแหละฝ่ายทางธรรม ต่ำสุดเอากาม สูงขึ้นมาเอารูปสมาธิ สูงขึ้นมาเอาอรูปสมาธิแล้วก็ตายด้านอยู่แค่นั้นจนกว่าพระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้น ท่านจึงมาสอนเรื่องนิพพานสูงสุดเอาความสิ้นกิเลสเป็นนิพพาน ทีนี้ขอให้เรารู้ไว้ว่านิพพาน นิพพาน นิพพานมันเลื่อนชั้นได้ นิพพานของลูกเด็กๆก็กินแล้วก็เล่น นิพพานของวัยรุ่นหนุ่มสาวก็กามารมณ์ นิพพานของสูงอายุพ่อบ้านแม่เรือนก็เงินทองข้าวของกระทั่งอำนาจวาสนายศศักดิ์บริวารเป็นนิพพานอยู่แค่นั้น มันไม่เย็นมันไม่เย็นมันยังร้อน มันต้องมีจิตใจที่อยู่เหนือนั่นที่เรียกว่าเหนือดีเหนือชั่วดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั่นแหละ ดีที่สุดที่มนุษย์ในอินเดียสมัยโน้นเคยรู้จักกันก็เพียงแค่ความสุขที่เกิดมาจากอรูปฌาณชั้นสุดท้าย ที่เรียกว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะน่ะ จะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดมันฟังยากเวียนหัวจะฟังไม่ถูก บอกให้รู้แต่ว่าธรรมะสูงสุดในประเทศอินเดียในยุคพุทธกาลนั้นสูงสุดกันเพียงแค่อรูปฌาณชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ อาจารย์คนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าไปศึกษาด้วยก็สอนได้เพียงเท่านี้ สอนได้เพียงเนวสัญญานาสัญญายตนะแล้วก็บอกว่านี่สูงสุดนี่สูงสุด พระพุทธเจ้าโอ้,ไม่สูงสุดไม่เอา ทิ้งไปเสีย ทิ้งอาจารย์คนสุดท้ายเพราะมันไม่มี นิพพานที่แท้จริงคือไม่อยู่เหนือดีเหนือชั่ว ท่านถึงไปค้นของพระองค์เองจึงพบนิพพานแท้คืออยู่เหนือดีเหนือชั่วเหนือสุขเหนือทุกข์เหนือทุกอย่าง เหนือทุกคู่ที่ทำให้เกิดปัญหา จนต้องเรียกว่าว่าง ว่าง ว่าง ใครหาคู่ให้ความว่างได้หรือใครทำให้ความว่างเป็นคู่ได้มันไม่มี สิ่งที่เรียกว่าความว่างมันไม่แบ่งเป็นคู่ได้ มันไม่เป็นดีเป็นชั่วเป็นบาปเป็นบุญอะไรได้มันว่าง นั่นแหละจุดสุดท้ายคือนิพพาน มันเห็นว่าไอ้กามคุณนี่กามภพนี่ก็ไม่ไหว รูปภพก็ไม่ไหวอรูปภพก็ไม่ไหวกูไม่เอากับมึงแล้ว แล้วก็ขึ้นไปอยู่ทางเหนือโลก นั่นน่ะสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้แต่แล้วใครมันได้กันกี่คน แม้แต่รู้จักก็ไม่รู้จัก แม้แต่จะได้ยินชื่อสักทีก็ลำบาก ดังนั้นจึงเอาคำสูงสุดคำสุดท้ายมาพูดอธิบายกันปีนี้ว่าอตัมมยตา อตัมมยตาแปลว่าไม่อาศัยกับมันอีกต่อไปแล้วไม่อาศัยมันอีกต่อไปแล้วไม่เนื่องกับมันอีกต่อไปแล้ว คือสิ่งที่เป็นคู่คู่ คู่คู่ บวกลบ บวกลบ ก็เลยเป็นนิพพาน ไปสู่ความไม่มีความหมายที่เป็นคู่ๆไม่ดีไม่ชั่วไม่บุญไม่บาปไม่สุขไม่ทุกข์ไม่แพ้ไม่ชนะไม่ได้ไม่เสียไม่ขาดทุนไม่ ไม่ ไม่ ไม่ทุกคู่นั่นแหละจะถึงได้ด้วยความรู้สูงสุดว่าไอ้สิ่งชั้นนี้ไอ้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมันแค่นั้นเองมันเช่นนั้นเองกูไม่เอากับมึงอีกต่อไปแล้ว นี่ใครมาถึงนี่ขั้นนี้ได้ ไปอยู่ในขั้นที่เลิกร้างอายุนั่น เดี๋ยวนี้เอามาพูดให้ฟังก่อนในขั้นที่ลวง หลงอายุ ลวงอายุนี่มันหลับตามิดชิดเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เลิกลวงอายุ เลิกเมาในวัย เลิกเมาในวัยในอายุ ไม่หลงใหลในการต่ออายุ ข้อนี้ถ้าคนมันรู้จักอายุจริงๆแล้วมันไม่อยากต่อหรอก คนโง่เท่านั้นที่มันอยากต่ออายุ เพราะอายุมันเต็มไปด้วยปัญหา มันไม่อยากต่ออายุชนิดนั้นมันอยากจะหมดอายุชนิดนั้นหรืออยู่เหนืออายุชนิดนั้น คนในครั้งพุทธกาลเขาต่ออายุกันด้วยการลงทุนมากมายมหาศาลบูชายัญต่ออายุ พระเจ้าแผ่นดินใช้คำว่าคนหนึ่งยังดีกว่าตนกว่าองค์หนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่งจะต่ออายุต้องฆ่าแพะร้อยฆ่าแกะร้อยฆ่าวัวร้อยฆ่าคนร้อยโน้น ฆ่าคนร้อยคนบูชายัญเพื่อต่ออายุให้กู นี่การต่ออายุมันเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ แล้วมันก็มีก็เคยมีเคยมีมาแล้วหลงอายุเมาอายุ ถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่ถึงขนาดนั้นมันทำไม่ได้เพราะมันผิดกฎหมายหรือไม่ทำก็แล้วแต่มันก็ยังทำคล้ายๆกันอยู่ มันยังหาอะไรมากินเพื่อต่ออายุ วันก่อนดูหนังวิดีโอที่ไต้หวันหรือที่ไหนก็ไม่ทราบเขากินสมองลิง เอาลิงมามัดให้โผล่ตรงที่พื้นนั้นแล้วก็ตัดสมองตัดศีรษะข้างบนออกแล้วก็ตักสมองลิงกินเขาว่ามันจะต่ออายุ นี่มันก็พอๆกับที่ว่าต้องฆ่าคนฆ่าสัตว์ต่ออายุ ระวังอย่าไปต่ออายุกันแบบนี้ กินของที่แพงที่สุดที่จะต่ออายุ มันโง่กี่มากน้อยก็ไปคำนวณดูเอง ถ้ามีความกลัวมากก็ชอบพิธีพิธีต่ออายุไอ้กินของกินวัตถุต่ออายุนั้นก็ไปเรื่องหนึ่งเดี๋ยวนี้พิธีทำพิธี พิธีอย่างนั้นอย่างนี้ได้สวดได้ร้องได้ท่องได้บ่นได้นิมนต์พระสงฆ์ไปทำพิธีต่ออายุ อาตมาเมื่อก่อนนี้ก็เคยรับนิมนต์ไปทำพิธีบังสุกุลเป็นต่ออายุก็เคยเหมือนกันแหละ เราก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเราก็ไปเหมือนกันแหละ แต่เดี๋ยวนี้เรารู้แล้วว่ามันเรื่องบ้าๆบอๆ ถึงใครมานิมนต์ก็ไม่ไปแล้วแหละไปทำพิธีต่ออายุนั้น นี่เรียกว่าลวงอายุนี่พอกันทีควรจะพอกันทีหยุดเล่นตลกกับอายุ มันลวงตนเองมันลวงผู้อื่นมันลวงทั้งหมด มาถึงข้อ ข้อที่สามเรื่องล้ออายุ ล้ออายุ ใครจะล้ออายุกันได้กี่คน ไม่ใช่ดูถูกไม่ใช่พูดจาดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น แต่ก็อยากจะพูดว่าใครมันมีความรู้สึกคิดนึกถึงกับจะล้ออายุกันได้สักกี่คน ใครบ้างเห็นว่าอายุนี้เป็นสิ่งที่น่าล้อนั่นแหละโง่เขลาที่สุด น่าล้อมากกว่าน่าบูชาน่าต่อน่าเพิ่ม ก็ดูที่แล้วมาสิมันเป็นอย่างไรที่แล้วมา ถ้าดูไปได้ถึงยุคทารกที่มันหลงอายุได้ก็ยิ่งดีถึงวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มันลวงอายุได้เหน็ดเหนื่อยเกือบตายมาแล้วนี่ก็ยิ่งดี ฉะนั้นก็จะพอมองเห็นว่าอายุนั้นเป็นสิ่งที่น่าล้อ ต้องได้ยินได้ฟังธรรมะของพระอริยเจ้าบ้างตามสมควรแล้วเท่านั้นแหละถึงจะรู้สึกอย่างนี้ได้ ในพระบาลีมีประโยคนี้หรือวลีอันนี้อยู่ที่ไม่อยู่อย่างสม่ำเสมอได้ยินได้ฟังธรรมะของพระอริยเจ้า ได้นั่งใกล้พระอริยเจ้า ได้ยินได้ฟังธรรมะของสัตบุรุษได้นั่งใกล้สัตบุรุษอันนี้จะมีพูดมากที่สุด การที่ไปนั่งใกล้สัตบุรุษได้ยินได้ฟังได้สนทนากับสัตบุรุษหรือพระอริยเจ้านั้นแหละมันจึงจะได้ความรู้มาบ้างมาเป็นทุนสำหรับล้ออายุ ถ้าไม่อย่างนั้นนมันไม่รู้ว่าอายุเป็นอย่างไรหรือจะล้อกันอย่างไร เรื่องได้ยินได้ฟังคำสั่งสอนของพระอริยเจ้านี้สำคัญมาก แม้พระอริยเจ้าจะได้นิพพานกันไปแล้วล่วงลับกันไปแล้วแต่มันก็ยังมีเหลืออยู่ สอนต่อๆกันมาอย่างน้อยก็ยังมีเรื่องปริยัติพระคัมภีร์อะไรมีอยู่มีคนศึกษาเล่าเรียนมีคนเอามาสอนมาพูด นี้ก็สงเคราะห์ได้เหมือนกันล่ะว่าได้ยินได้ฟังคำสอนของพระอริยเจ้า รู้สึกรู้คิดนึกรู้สึกได้ว่าอายุนี้เป็นอย่างไร เราตกเป็นทาสของกิเลสอย่างไร เราเกิดมาไม่ได้ฉลาดมาแต่ในท้อง คำนี้พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าทารกคลอดออกมาจากท้องมารดา ไม่มีความรู้เรื่องเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติติดมาด้วยเลย เป็นคำพูดที่น่าหัวที่สุดถึงแม้พระพุทธเจ้าจะตรัสแต่มันเป็นความจริงที่จะบอกว่าไอ้ทารกมันอยู่ในท้องมันคลอดมาจากท้องมารดาน่ะมันไม่มีความรู้เรื่องดับทุกข์ติดมาแม้แต่นิดเดียว ไม่มีปัญญาที่ดับทุกข์ติดมาแม้แต่นิดเดียว ใช้คำว่าอย่างนั้น ไม่มีความรู้เรื่องเจโตวิมุติปัญญาวิมุติติดมา เกิดมาอย่างคนตาบอดคนที่ไม่รู้จะไปทิศทางไหน ทีนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีความรู้เรื่องนี้เรื่องเจโตวิมุติปัญญาวิมุตินี่ คือดับทุกข์ด้วยกำลังจิตหรือดับทุกข์ด้วยกำลังปัญญา ดับทุกข์ด้วยกำลังจิตเป็นเบื้องหน้าออกหน้ากว่าปัญญาก็เรียกว่าด้วยเจโตวิมุติ ด้วยปัญญาออกหน้ากำลังจิตไม่ปรากฎก็เรียกว่าปัญญาวิมุติ แต่แล้วมันก็ด้วยปัญญาด้วยกันทั้งนั้นแหละ มันมีจิตด้วยกันทั้งนั้นแหละแล้วแต่ว่าใครมันจะออกหน้า แล้วก็ให้ชื่อต่างๆกัน เป็นเรื่องที่ต้องสนใจว่าความทุกข์เป็นอย่างไรเหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไรความดับทุกข์เป็นอย่างไรทางถึงความดับทุกข์เป็นอย่างไร รู้เรื่องนี้แล้วก็ปฏิบัติเรื่องนี้ความหลุดพ้นมันก็จะเกิดขึ้นเป็นความดับทุกข์ ขอให้นึกย้อนหลังอย่างที่กล่าวมาแล้วว่าเราเป็น เคยเป็นเด็กทารกมาแล้วอย่างไรน่าเวทนาสงสารไหม เราไปเป็นวัยรุ่นขึ้นมาอย่างไรน่าสงสารไหม โง่เท่าไหร่บูชากามารมณ์เป็นนิพพาน พอเป็นหนุ่มเป็นสาวแต่งงานเป็นพ่อบ้านแม่เรือนนี่มันเป็นอย่างไร ไอ้เรื่องมนุษย์วัวมนุษย์สุนัขนี่ควรจะจำไว้เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ใครจะเป็นคนเล่าทีแรกก็ไม่รู้เรื่องมนุษย์ พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา แล้วก็สร้าง สร้างมนุษย์ขึ้นมาก่อน สร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อให้โลกนี้มันงดงามให้มันน่าดูน่าอยู่ให้มันมีค่ามีความหมาย มนุษย์ถามพระเจ้าว่าสร้างขึ้นมาทำไม พระเจ้าบอกว่าแกมีหน้าที่ที่ต้องทำให้โลกนี้มีค่ามีความหมายให้งดงาม มนุษย์ถามว่าจะอยู่นานเท่าไหร่ จะอยู่นานตั้งร้อยปี มนุษย์ก็ไม่อยากจะรับ เดี๋ยวพระเจ้าก็สร้างสัตว์ขึ้นมาคือสร้างวัวขึ้นมาให้รับใช้มนุษย์ วัวถามว่าสร้างมาทำไม พระเจ้าบอกให้รับใช้มนุษย์ทำการงานของมนุษย์ วัวถามว่าอยู่นานเท่าไหร่ ร้อยปี วัวบอกไม่ไหวรับใช้ร้อยปีไม่ไหวขอเอาเพียงสิบปีหรือยี่สิบปีนี้ มนุษย์นี่มันตะกละ พระเจ้าสร้างให้มาร้อยปียังไม่พอมันยังขอขอเพิ่มว่าที่ลดให้วัวเอามาเพิ่มให้คน ที่ให้วัวอยู่ตั้งร้อยปีลดเหลือแปดสิบปีหกสิบปีขอมาเพิ่มให้มนุษย์เอง มนุษย์ตะกละ แล้วพระพุทธเจ้าก็สร้างสุนัขว่าจะเป็นผู้พิทักษ์รักษาทรัพย์สมบัติของมนุษย์ สุนัขถามว่าอยู่เท่าไหร่ ให้ทำหน้าที่อะไร อย่านอน เฝ้าสมบัติของมนุษย์ สุนัขถามว่าอยู่กี่ปี พระเจ้าบอกว่าร้อยปี โอ้ย,ไม่เอาๆร้อยปีอดนอนร้อยปี คืนๆเอาสักสิบปีหรือยี่สิบปี มนุษย์ตะกละก็ไปขออีกที่ลดให้หมาเอามาเพิ่มให้คน ในที่สุดพระเจ้าก็สร้างลิง สร้างทำไม สร้างให้คนได้หัวเราะเป็นความสุข ลิงเท่าไหร่ให้อยู่เท่าไหร่ ร้อยปี ลิงบอกไม่ไหวร้อยปีขอคืน เอาสิบปีพระเจ้าก็ยอม คนตะกละมันก็ขอที่ลดให้ลิงเอามา เอามาให้มนุษย์เถิด พระเจ้าเกลียดน้ำหน้าไอ้คนตะกละก็เลยให้มันหมดที่ลดให้วัวให้สุนัขให้ลิงเอาให้คนหมด คนก็ต้องทำ ทำหน้าที่ตามที่สัญญากันนี่ เป็นมนุษย์ทีแรกยี่สิบปีเรื่องของความเป็นมนุษย์เป็นคนนี่ก็พอดูได้ สี่สิบปีห้าสิบปีมันก็ย่างเข้าเป็นมนุษย์วัว มันทำงานตรากตรำ ตรากตรำทางกายทางจิตทำนาทำสวนดูแลบุตรภรรยาสมบัติข้าวของทุกอย่างสารพัด ทำงานหนัก แล้วต่อมาพอมีมากเข้าๆก็นอนหลับยากเป็นห่วงทรัพย์สมบัติเพราะไปเอาอายุสุนัขมา พอต่อมาแก่เฒ่าชราหูหนวกฟันหัก ก็ออกตลกให้ลูกหลานเขาหัวเราะ นี่เรียกว่าจะเรียกว่าธรรมชาติสร้างหรือพระเจ้าสร้างก็สุดแท้แต่มันก็ได้เป็นจริงอย่างนี้ในหมู่มนุษย์ ฉะนั้นอายุนี่มันถูกผูกพันอย่างนี้ มันน่าล้อหรือว่าน่าบูชา จะเห็นว่ามันเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าล้อกันอย่างนี้แล้วก็ควรจะล้อกันเสียบ้าง เอามาเป็นวัตถุสำหรับการล้อโอ้, ถ้าแค่นี้ถ้าอย่างนี้แล้วไม่เอา นี่ถึงเวลาที่จะต้องล้ออายุว่าช่างโง่เขลาอะไรหลงใหลอะไรเป็นมาถึงขนาดนี้จะปรับปรุงเสียใหม่ให้พ้นจากปัญหานี้ เดี๋ยวนี้มาถึงยุคที่ขั้นที่สี่ที่จะเลิกอายุ ที่จะเลิกอายุ จะเลิกข้อผูกพันเหล่านั้นเสีย ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย อย่าโง่ว่าฆ่าตัวตายแล้วหมดปัญหาหมดความทุกข์ไม่ ไม่ใช่ ฆ่าตัวตายมันเอาความทุกข์ไปด้วยนะ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ต้องตายแต่ว่าดับทุกข์ได้อยู่เหนือปัญหา ความทุกข์ที่เกิดมาตามลำดับอายุตามลำดับอายุนี่สลัดออกไปเสียให้ได้ แล้วก็ไม่ให้เกิดขึ้นมาใหม่ ใจความสำคัญอยู่ที่ว่ามันไม่หลงดีหลงชั่ว ไม่หลงดีไม่หลงชั่วซึ่งเป็นปัญหา ปัญหาใหญ่ มันจะเกินไปหรือไม่อาตมาก็ไม่แน่ใจที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดเพราะจุดสูงสุดของมนุษย์มันต้องอยู่ที่เหนือดีเหนือชั่ว เหนืออิทธิพลเหนืออำนาจของความดีความชั่ว ความดีก็ไม่มาครอบ ความชั่วก่อนความชั่วก็ไม่มาครอบงำจิตใจความดีก็ไม่มาครอบงำจิตใจไม่มีอะไรมาครอบงำจิตใจจิตใจเป็นอิสระ ว่าง สงบแล้วก็เย็นนั่นแหละคือนิพพาน ถ้ายังบูชาชั่วบูชาดีอยู่ไม่มีสงบไม่มีเย็นไม่มีเป็นนิพพาน คล้ายว่าดีก็ฟูไปแบบหนึ่ง ชั่วก็ฟูไปแบบหนึ่งอย่างที่พูดแล้วว่าเสียใจก็กินข้าวไม่ลงดีใจก็กินข้าวไม่ลงสู้เฉยๆไม่ได้ ไอ้เรื่องอยู่เหนือดีเหนือชั่วนี่คงจะรู้จักกันมานานแล้ว คำสั่งสอนในอินเดียทางพุทธศาสนาก็มา มาถึงจุดนี้เหมือนกันนะอยู่เหนือดีเหนือชั่วนี้ คำสอนทางฝ่ายตะวันตกออกไปของพวกยิวก่อนคริสต์ก็มีปรากฎอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลตอนต้นนั้นว่าพระเจ้าต้องการให้อยู่เหนือดีเหนือชั่วเหมือนกัน ห้ามมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นมนุษย์คนแรกแกอย่าไปกินผลไม้ที่ทำให้รู้ดีรู้ชั่วถ้ากินแกจะต้องตาย แต่แล้วมนุษย์ก็ไม่เชื่อมันก็กินกินแล้วมันก็รู้ดีรู้ชั่วแล้วมันก็ตายนี่มันมี นี่มันมีความลึกซึ้งสูงสุดมาแล้วตั้งแต่ศาสนาของพวกยิวซึ่งเขาเรียกว่าแปดพันปีก่อนคริสต์กระมัง แต่คนมันฟังไม่ถูกขอให้เห็นใจเถอะที่พระเจ้าบอกว่าอย่าไปกินผลไม้รู้ดีรู้ชั่วแกจะตาย คนมันฟังไม่ถูก นี่คนมันฟังไม่ถูกนี่ ข้อความนี้เป็นมันหมันไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิล พวกคริสเตียนก็ไม่สนใจ อาตมาเคยคุยเรื่องนี้เขาบอกเขาไม่ได้สนใจข้อความนี้ที่อย่าไปกินผลไม้ที่ทำให้รู้ดีรู้ชั่วก็พอรู้ดีรู้ชั่วมันมีปัญหานี่ พอรู้ดีมันก็มีปัญหาทางที่จะได้จะเอาจะมี พอรู้ชั่วมันก็เดือดร้อนที่จะเกลียดจะกลัวจะเป็นทุกข์แต่ขอบอกนะว่าอย่าไปเอาไอ้นิยายปีๆคร่ำคร่านั่นเป็น เป็นหลักเลย เอากันตรงนี้ที่นี่เดี๋ยวนี้ เมื่อเด็กๆอยู่ในท้องแม่ไม่มีความรู้อะไร เกิดมาหยกๆเป็นทารกไม่มีความรู้อะไรไม่มีความรู้เรื่องดีเรื่องชั่วเด็กทารกดูดนม แต่ต่อมานี่ต่อมาทารกมันเติบโตขึ้นมันมีอวัยวะตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจรับอารมณ์ รู้จักความถูกใจและความไม่ถูกใจ มันก็เกิดแบ่งออกเอง ทารกก็รู้จักคิดนึกแบ่งออกเองนี้ถูกใจนี้ไม่ถูกใจ ก็คือทารกโตจนถึงรู้จักดีรู้จักชั่วปัญหาที่ไม่เคยมีมันก็มี เมื่ออยู่ในท้องไม่มีปัญหาเรื่องดีชั่ว คลอดมาใหม่ๆก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องดีชั่วแต่พอโตจนมีความคิดเรื่องดีเรื่องชั่วมันก็มีปัญหาเล่นงานทารกที่โตพอสมควรนั้น จนไปเป็นวัยรุ่นเป็นหนุ่มเป็นสาวยิ่งเล่นงานใหญ่ดีชั่ว ดีชั่ว ปัญหายุ่งไปหมดเรื่องดีชั่ว ก็ทรมานไปเป็นทุกข์ไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย เลิกดีเลิกชั่ว เลิกดีเลิกชั่ว เป็นว่าโอ้,มันไม่ไหวทั้งสองอย่าง อยากมีจิตใจอยู่เหนือดีเหนือชั่วนั่นแหละจึงจะจบเป็นนิพพาน เราจะไปถึงนั่นกันไหมในช่วงอายุเกิดมานี่คงไม่เกินร้อยปี จะเป็นทารกไม่รู้จักดีไม่รู้จักชั่วกันสักกี่ปี แล้วจะมาเป็นทารกรู้จักแบ่งแยกเป็นดีเป็นชั่วกันสักกี่ปี อีกสักกี่ปีแล้วก็ทนทรมานๆด้วยเรื่องดีเรื่องชั่วกันไปอีกสักกี่สิบปี จนเกิดถึงวาระสุดท้ายกูไม่เอากับมึง นั่นแหละมันถึงจะจบหน้าที่ของมนุษย์ ไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความชั่วหรือความดีอีกต่อไป ขอให้คิดดูใหม่ทบทวนดูใหม่เป็นทารกอยู่ในท้องไม่มีปัญหาไม่มีดีไม่มีชั่วนอนหลับสนิท คลอดออกมาใหม่ๆไม่ทันรู้จักดีรู้จักชั่วไม่มีปัญหา พอต่อมารู้จักอร่อยรู้จักไม่อร่อย รู้จักนิ่มนวลกระด้าง รู้จักหอมรู้จักเหม็นเกิดเป็นดีเป็นชั่วขึ้นมาเอ้า,มีปัญหา พอยึดถือหนักเข้าหนักเข้ายิ่งมีปัญหาหนักขึ้นหนักขึ้น เป็นวัยรุ่นเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็มีปัญหาสูงสุดเรื่องดีเรื่องชั่วเรื่องถูกใจเรื่องไม่ถูกใจเรื่องได้เรื่องเสียเรื่องบวกเรื่องลบ ก็เป็นทาสแสวงหาต่อสู้มาจนกว่าจะรู้ว่าโอ้,ไม่ไหว อย่าไปบูชามันเลยไอ้ดีนี่ไอ้ชั่วก็อย่าไปเกี่ยวข้องกับมันเลยอย่าไปเกี่ยวข้องทั้งชั่วทั้งดีอยู่เหนือชั่วเหนือดีอยู่กันอย่างเป็นนิพพาน มีหวังไหม เดี๋ยวนี้อายุกี่สิบปีแล้วที่เหลืออยู่นี่แหละพอทำทันไหม จัดให้มันอยู่เหนือดีเหนือชั่วนี่จะพอทำทันไหม นั่นน่ะเลิกอายุ เลิกอายุ ดีหรือชั่วนี่มันเนื่องอยู่กับอายุ ไม่มีอายุไม่มียึดมั่นในอายุแล้วมันก็ไม่ดีไม่ชั่วไม่บุญไม่บาปไม่สุขไม่ทุกข์ไม่ได้ไม่เสียไม่แพ้ไม่ชนะไม่เป็นหญิงไม่เป็นชายไม่เป็นอะไรไปหมด นั่นแหละมันหมดปัญหาอยู่เหนือดีเหนือชั่ว นี้เรียกว่าเลิกอายุ ไม่ต้องตาย ตายแล้วไม่มีเรื่องไม่มีปัญหาไม่มีประโยชน์อะไร จะได้ความนิพพานหลุดพ้นต่อตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร จะได้นิพพานต่อตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร เมื่อยังมีความรู้สึกโดยจิตใจอย่างนี้ขอให้ได้รู้จักนิพพาน ภาวะที่เรียกว่าว่างดีกว่า ว่าง ว่างจากดีจากชั่ว ว่างจากบุญจากบาป ว่างจากสุขจากทุกข์ ว่างจากได้จากเสีย ว่างจากกำไรว่างจากขาดทุน ว่างจากแพ้ว่างจากชนะไม่มีรู้กี่สิบคู่ต่อกี่สิบคู่เรื่องบ้าทั้งนั้นเลย ว่างจากของเป็นคู่เหล่านี้ก็หมดปัญหาที่เกี่ยวกับอายุที่เกี่ยวกับชีวิต กลายเป็นชีวิตนิรันดรไปเลย อย่ามาเกี่ยวกับดีชั่วบุญบาปทุกๆคู่เหล่านี้แล้วชีวิตนั้นจะกลายเป็นชีวิตนิรันดร ไม่ถูกกระทบกระแทกด้วยปัจจัยคือดีชั่วบุญบาปสุขทุกข์ เป็นชีวิตนิรันดรเป็นชื่ออุปมาของพระนิพพาน คือนิพพานจริง นิพพานลูกเด็กๆได้กินได้เล่น นิพพานหนุ่มสาวกามารมณ์ นิพพานพ่อบ้านแม่เรือนคือเงินทองอำนาจวาสนาบารมี นิพพานนั้นน่ะมันควรจะมองเห็น และว่าพอกันทีให้มันเป็นไปตามเรื่องของมันเถิด อย่ามารบกวนจิตใจของเราเลย พูดภาษาหยาบคายที่สุดก็ว่าอย่ามาสุมอยู่บนศีรษะของเราเลย ไอ้ความยุ่งยากทั้งหลายนั้นอย่ามาอยู่อย่ามาสุมอยู่บนศีรษะของเราเลยนี่ เรียกว่าเลิกอายุ เลิกหลงอายุ เลิกลวงอายุ รู้จักล้ออายุ รู้จักเลิกอายุ ครบทั้งสี่ความหมายพอแล้ว อาตมาว่าจะไม่เพิ่มอีกแล้วสัญญาว่าจะไม่เพิ่มอีกแล้ว ก่อนนี้เพิ่มไปสองความหมายสามความหมายปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นสี่ความหมายเพื่อให้มันง่ายขึ้น เพื่อให้มันเห็นง่ายขึ้นเกี่ยวกับอายุสี่ความหมาย จงจัดจงทำให้ถูกต้องให้ถูกต้องไม่เป็นพิษเป็นภัยขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ของง่ายพูดนี่มันง่ายแต่ที่จะทำจริงมันก็ยากเพราะว่ามัน มันเหลือเกินน่ะ ทุกคนในโลกน่ะมันบูชาดีบูชาได้ทั้งนั้น ทุกคนในโลกถือศาสนาดีถือศาสนาได้ทั้งนั้น แม้ปากมันจะพูดว่าถือพุทธศาสนาถือคริสต์อิสลามอะไรก็ตามแต่หัวใจมันถือศาสนาดีศาสนาได้ทั้งนั้นแหละ มันจึงพูดกันไม่รู้เรื่องมันจึงฆ่ากันในศาสนาเดียวกันเช่นอิรักกับอิหร่านนี่ฆ่ากันตายเป็นหมื่นๆแล้ว ทั้งที่มันถือศาสนาเดียวกัน ถ้ามันถือศาสนาจริงๆคือศาสนาอิสลามจริงๆมันต้องไม่ฆ่ากันอย่างนั้นน่ะแต่นี่มันถือแต่ปากใจมันถือศาสนาประโยชน์ ศาสนาประโยชน์นี่มีคำสอนว่าได้แล้วก็ดีถ้าได้แล้วก็ดี ระวังพวกเราน่ะอย่าถือพุทธ พุทธชนิดนี้ปากถือพุทธใจถือศาสนาประโยชน์ มีคนบอกว่าวันหนึ่งๆนั้น มีคนไปศาลพระภูมิเอราวัณมากกว่าไปโบสถ์พระแก้ว ข้อนี้จริงหรือไม่จริงไม่รู้ ถ้ามันจริงพวกคุณก็ไปคิดดูเอาเองว่าทำไมไปศาลพระภูมิเอราวัณมากมายมหาศาลยิ่งกว่าไปโบสถ์พระแก้วเพราะมันถือศาสนาประโยชน์ มันถือศาสนาประโยชน์ เพราะฉะนั้นไสยศาสตร์มันปลอบใจคนขลาดให้หายกลัว และให้เชื่อว่าจะได้ประโยชน์คนจึงถือไสยศาสตร์มากกว่าพุทธศาสตร์ ถ้ามัวถือไสยศาสตร์อยู่อย่างนี้แล้วไม่มีวันที่จะชนะอายุที่จะชนะอายุจะล้ออายุจะเลิกอายุทำไม่ได้ มันต้องถือศาสนาพุทธกันจริงๆ ปฏิบัติชอบโดยอริยมรรคมีองค์แปดประการสูงขึ้นไปๆจากชั่วถึงดีจากดีถึงว่างนั่นน่ะจึงจะเลิกอายุได้ นี่จึงขอพูดกันวันนี้อีกว่ามันมีปัญหาอย่างนี้ หลงอายุ ลวงอายุ ล้ออายุ เลิกอายุปฏิบัติให้ถูกต้องให้ครบถ้วน ให้มันขึ้นอยู่เหนือความเป็นอย่างนั้น เหนือดีเหนือชั่วเหนือบุญเหนือบาป ก็คือว่าเหนือบวกเหนือลบ พูดเป็นวิทยาศาสตร์หน่อยว่าอย่าให้ชีวิตนี้เป็นบวกอย่าให้ชีวิตนี้เป็นลบ ให้ชีวิตนี้ว่างหรือกลางเหนือบวกเหนือลบ ทีนี้คนทั้งโลกบูชาบวก โดยเฉพาะพวกฝรั่งนี่เขาบูชา Positive Positivism ความเป็นบวกนี่ บูชาหลับหูหลับตาแล้วเกลียดกลัว Negative Negativism ก็เกลียดกลัวมันก็เลยกลายเป็นมีปัญหาหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น หลงเกลียดมากขึ้นหลงกลัวมากขึ้นเป็นห่วงวิตกกังวลหวาดระแวงมากขึ้น มีเครื่องวัดที่วัดได้ง่ายๆว่าความรักนี่ความโกรธนี่ความเกลียดนี่ความกลัวนี่ความตื่นเต้นความอิจฉาริษยาความวิตกกังวลความอาลัยอาวรณ์ความหลงในของเป็นคู่นี้ อันนี้มันผิดนำมาซึ่งความทุกข์เป็นความทุกข์อยู่ในตัวเองเราละได้กี่มากน้อยนั้นเป็นเครื่องวัด ละได้มากก็เป็นพุทธมาก ละได้น้อยก็เป็นพุทธน้อย ขอให้มีลดลงๆ ความรักลดลงความโกรธลดลงความเกลียดลดลงความกลัวลดลงความตื่นเต้นลดลงความอิจฉาริษยาลดลงความวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์นอนไม่หลับลดลง ความไม่บูชาบวกไม่บูชาลบ ไม่บูชาได้ไม่มีบูชาเสียอยู่เป็นกลางๆนี่มากขึ้นๆ นั่นแหละเป็นพุทธบริษัท มีความหมายว่าเป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน รู้คือรู้สิ่งที่ควรจะรู้ ตื่นคือตื่นนอนจากหลับคือความโง่ แล้วก็มีความเบิกบานคือไม่เป็นทุกข์ สามคำนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพุทธหรือพุทธบริษัทเป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน กำจัดความเข้าใจผิดความหลงความอะไรออกไปเสียก็จะรู้ตามที่เป็นจริงแล้วก็ไม่หลงในอะไร เป็นโพธิรู้จริงยิ่งขึ้นทุกทีในที่สุดก็หมดปัญหา สามารถเลิกร้างปัญหาทั้งหมดทั้งสิ้นได้ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสิ่งใดๆ สามารถใช้สิ่งทั้งหลายให้เป็นประโยชน์ได้โดยไม่ต้องไปยึดมั่นถือมั่นให้มันกัดเอา มันเป็นของธรรมชาติเหมือนของยืมใช้แม้แต่ชีวิตนี้เอง อย่าว่าถึงเงินทองข้าวของหลักๆเหล่านั้นเลยนั่นน่ะเป็นของธรรมชาติยืมใช้แม้แต่ชีวิตนี้ก็เป็นของธรรมชาติยืมใช้ แต่จิตมีความรู้สึกเป็นเจ้าของชีวิตนี้ก็ขอให้กระทำไปในลักษณะที่ว่ายืมใช้มาจากธรรมชาติ เอามาเป็นของกูเอามาเป็นตัวกูเอามาเป็นของกูแล้วมันก็กัดเอา มันก็กัดเอา เดี๋ยวนี้รู้เท่าทันแล้วไม่เอาแล้วคืนให้มัน คืนให้มันไม่ยึดมั่นถือมั่นคืนให้มัน มันเป็นคำสุดท้ายว่าคืนให้มันด้วยอตัมมยตาคืนให้มันเป็นปฏินิสสัคคะ คืนให้เจ้าของเดิมไม่เป็นขโมยปล้นของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว ทีนี้ก็เลิกถอนปัญหาทั้งหลายทั้งปวงได้ เป็นผู้ไม่มีอายุชนิดที่เป็นปัญหาฟังให้ดีๆไม่มีอายุชนิดที่เป็นปัญหา อยู่เหนือปัญหาของอายุโดยประการทั้งปวงเรียกว่าเลิกเพิกถอนอายุได้ทั้งหมดทั้งสิ้น นี่คือจุดสูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้จะถึง ตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา ขอให้พุทธบริษัททุกคนสนใจที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางคือชีวิตที่อยู่เหนือปัญหา ไม่ต้องตายไม่ต้องฆ่าตัวตาย มีจิตชนิดที่ตื่น ตื่นจากหลับสว่างไสวแจ่มแจ้งปฏิบัติถูกต้องไม่รับเอาสิ่งใดเข้ามาให้เป็นตัวกูของกูแล้วมันก็ไม่เกิดปัญหา ไม่มีความทุกข์เลย ตัวเองก็ไม่มีความทุกข์สามารถจะช่วยผู้อื่นให้ดับทุกข์ได้ด้วย นี้เป็นหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ คือธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ ขอให้มีธรรมะคือมีหน้าที่ขอให้มีหน้าที่คือมีธรรมะ อย่าไปเอามาเป็นตัวกูเป็นของกูเป็นของธรรมชาติยืมใช้ จะมีความสุขแท้จริงได้ด้วยกันทั้งนั้นชาวนาก็ทำนาเป็นสุข ชาวสวนก็ทำสวนเป็นสุข พ่อค้าก็ค้าขายเป็นสุข ข้าราชการก็ทำราชการเป็นสุข พวกกรรมกรก็ทำกรรมกรเป็นสุขแม้แต่ขอทานก็นั่งขอทานเป็นสุข เพราะมันไม่หมายมั่นอะไรให้มันมาเป็นตัวกูของกู ปัญหาก็หมด นี้เรื่องสี่ขั้นตอนของสิ่งที่เรียกว่าล้ออายุคือ หลงอายุ ลวงอายุ ล้ออายุ เลิกเพิกถอนอายุ ขอให้เข้าใจยิ่งขึ้นไปกว่าปีที่แล้วๆมา ท่านทั้งหลายที่มาจากที่ไกลสุดเหนือสุดใต้ก็มี ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับประโยชน์คุ้มค่าของการมา ถ้าไม่ได้รับประโยชน์คุ้มค่าของการมายมบาลจะทำร้ายท่าน อย่าเข้าใจผิดอย่างอื่นเลย ยมบาลน่ะคือผู้รักษาความยุติธรรมในโลก ยมบาลเหมือนตำรวจเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความถูกต้องความยุติธรรมในโลก ใครทำไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรมก็จะเล่นงาน ดังนั้นถ้าเราทำถูกต้องยมบาลก็เก้อทำอะไรเราไม่ได้ ฉะนั้นการที่มานี่เสียเงินมากเสียเวลามากเสียเรี่ยวแรงมากขอให้ได้รับประโยชน์คุ้มค่า ยมบาลก็ไม่เล่นงาน อาตมาก็เหมือนกันถ้าทำให้ท่านทั้งหลายเสียประโยชน์เสียเวลาเปล่าๆมาแล้วไม่ได้รับประโยชน์อะไรยมบาลก็เล่นงานอาตมาเหมือนกันแหละ มันต้องระวังกันอย่างเต็มที่ทั้งสองฝ่าย อย่าให้ยมบาลเล่นงานนั่นแหละจำกันง่ายๆเป็นนิยายไปเลย ให้ยมบาลเก้อ เก้อคอยจ้อง เก้อที่จะทำอะไรเราทำไม่ได้ แล้วก็อยู่ที่นี่ก็ชนะ ทำให้ยมบาลเก้อ ทำอะไรถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้องไม่มีปัญหาไม่มีความทุกข์ ความทุกข์ใดๆเกิดขึ้นมาแล้วนั้นน่ะคือว่าของขวัญของยมบาลอย่าไปเอามันเลย อย่ามีความทุกข์ให้ละอายแมวเลยอย่าให้ละอายคนป่าสมัยโน้นเลย สมัยนี้มันเจริญด้วยวัตถุด้วยอะไรเหลือประมาณแล้วแต่ยังมีความทุกข์ ยังเพิ่มคนบ้าเพิ่มโรงพยาบาลบ้าเพิ่มศาลเพิ่มเรือนจำเพิ่มอะไรก็ไม่รู้ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าว่าการศึกษามันถูกต้องปฏิบัติมันถูกต้องแล้วมันจะลด ลด ลด ลดศาลลดเรือนจำลดตำรวจลดคุกตารางลดโรงพยาบาลประสาทลดโรงพยาบาลบ้าลดอันธพาลในท้องถนน นั่นแหละผลที่ต้องการ หวังว่าคงจะได้เอาไปพินิจพิจารณาแล้วปรับปรุง ปรับปรุงจัดแจงตกแต่งปรับปรุงให้ชีวิตนี้มีความถูกต้องมีความถูกต้องทั้งในแง่ล้ออายุและเลิกอายุ ได้รับผลสมตามความปรารถนาของความเป็นพุทธบริษัทแล้ว มีความสุขสวัสดีอยู่ทุกทิวาราตรีกาลเทอญ ขอยุติการบรรยาย