แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
การบรรยายในวันนี้ เพิ่งคิดกันเมื่อวานว่าจะเป็นการถามและตอบปัญหานั้นขอเปลี่ยนแปลง เพราะได้นัดกันไว้กับบุคคลคณะหนึ่ง ว่าจะมีการบรรยายและเขาก็ได้มา เป็นอันว่าต้องมีการบรรยาย ซึ่งจะบรรยายให้มีประโยชน์ พร้อมกันทั้งสองฝ่าย คณะที่มาตามนัดนั้นเป็นคณะ อาจารย์พยาบาล นี่การพยาบาลในทางการแพทย์ ได้ถือโอกาสพูดเรื่องที่ฟัง ร่วมกันได้เสียเลย และขอให้ตั้งใจฟังให้ดี การบรรยายในวันนี้มีหัวข้อว่า ‘อุดมคติของโพธิสัตว์’ อุดมคติของโพธิสัตว์ ความมุ่งหมายอย่างหนึ่งมันอยู่ที่ว่ามีผู้ขอร้องให้บรรยายเรื่องที่จะทำให้บุคคล ชอบทำการงาน ชอบทำการงาน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นแพทย์เป็นพยาบาลก็มีปัญหา ที่ว่าทำงานไม่สนุก จึงถือโอกาสนี้บรรยายเรื่องที่จะทำงานให้สนุกพร้อมกันไปในตัว โดยหัวข้อว่าอุดมคติของโพธิสัตว์ดังที่กล่าวแล้ว ครั้งแรกจะต้องพูดกันถึง คำว่า พระโพธิสัตว์ หรือ โพธิสัตว์เสียก่อน ถ้าเป็นอย่างเถรวาท โพธิสัตว์ก็คือผู้ที่บำเพ็ญตนเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้า บำเพ็ญบารมีอย่างนั้น อย่างนี้อย่างนู้นให้พอแล้วจะเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นอย่างมหายาน คำว่า พระโพธิสัตว์ก็หมายถึงการอุทิศตนเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่น เพื่อลดความเห็นแก่ตน อุทิศชีวิตเพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นนั้น มันก็ลดความเห็นแก่ตนลดความเห็นแก่ตน จนในที่สุดก็หมดความเห็นแก่ตนเพื่อเป็นพระอรหันต์หรือเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนกันแต่ว่าก็ต้องการเพียงแค่เป็นพระอรหันต์นิพพานก็แล้วกัน มันก็เลยมีคนเหมือนกันแหละจะเป็นอย่างเถรวาทก็ไปลดความเห็นแก่ตัวเพราะว่าบารมีกี่ข้อ ๑๐ ข้อทั้งหมดนั้นก็เป็นการลดความเห็นแก่ตัว ส่วนพระโพธิสัตว์ก็สมาทานศีลเพียงข้อเดียวว่า จะบำเพ็ญตนช่วยผู้อื่น ช่วยผู้อื่นจนคนสุดท้าย นั่นก็เลยเป็นการลดความเห็นแก่ตัวอยู่ในการช่วยผู้อื่น แล้วก็กล่าวได้ว่าการถืออุดมคติของโพธิสัตว์นั้นก็คือการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ผู้อื่น เพื่อลดความเห็นแก่ตัวจนหมดความเห็นแก่ตัวก็เป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเอาถึงความเป็นพระอรหันต์กัน เป็นคนดีในโลก เป็นอารยบุคคลขั้นต้น ๆ ก็ยังได้ ก็ยังดีถมไป ไม่ต้องพูดถึงเป็นพระอรหันต์ ทั้งที่ว่าการลดความเห็นแก่ตัวนั้นมันช่วยบรรลุความเป็นพระอรหันต์ การบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นมันลดความเห็นแก่ตัว แต่การบำเพ็ญประโยชน์ของตัว มันไม่ลดความเห็นแก่ตัว บางทีมันเพิ่ม ๆความเห็นแก่ตัว เราจงนึกถึงข้อนี้ว่าจะอยู่เป็นพระต่อไปก็ดี จะสึกออกไปเป็น ฆารวาทก็ดี จงมีการบำเพ็ญชนิดที่เป็นการทำประโยชน์ผู้อื่นเพื่อลดความเห็นแก่ตัวยังไง ถ้าปล่อยไปตามเรื่องธรรมดาสามัญก็เห็นแก่ตัว ๆ และก็เพิ่ม ๆ แต่ถ้าตั้งใจว่าจะบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่น ไม่บำเพ็ญประโยชน์ตัว มันก็เป็นการลดความเห็นแก่ตัวนั่นมันจึงหมดกิเลส จะเดินไปในทางของพระอรหันต์ การบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นนี่ นึกถึงเรื่องการช่วยผู้อื่น อย่างใดก็ได้และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยเขารอดจากความทุกข์และความตาย ถ้าอย่างนี้มันก็พูดได้เลยว่า ไอ้วิชาการแพทย์ก็เป็นวิชาที่ดีที่สุดเหมาะสมที่สุดในการที่จะช่วยเหลือผู้อื่น พระพุทธเจ้านั้นเป็น สัพพะโลกะติกิจฉะโก เรียกเป็นบาลีว่า สัพพะโลกะติกิจฉะโก เป็นนายแพทย์ผู้เยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง พระเถรีอรหันต์องค์หนึ่งประกาศความข้อนี้ ยืนยันความข้อนี้ในที่สาธารณะชน ข้อนี้มันก็เป็นความจริงอย่างยิ่งถ้าดูให้ดีพระศาสนานั่นแหละ เป็นโรงพยาบาลของโลก พระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นนายแพทย์หรือจอมแพทย์ พระสงฆ์ทั้งหลายก็เป็นแพทย์ลูกน้องเพื่อเยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง ยา หยูกยาก็คือธรรมะ ธรรมะโอสถ ที่จะแก้ไขเยียวยาโรค แล้วก็มีครบ มีโรงพยาบาล มีนายแพทย์ มีหยูกยาและก็มีการกระทำชนิดที่เป็นการเยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง ธรรมะปฏิบัติแล้ว ก็กำจัดความทุกข์ทั้งปวง ความทุกข์ก็เป็นโรคอย่างยิ่ง ถ้าคุณจะเป็นภิกษุต่อไปไม่ได้ลาสิกขาก็ขอให้ ถือว่าเป็นนายแพทย์คนหนึ่งโดยตรงในโรงพยาบาลโลก ถ้าสึกออกไปก็เป็นตามที่จะเป็นได้ จะมากหรือน้อยเท่าที่จะทำได้จะช่วยได้ แล้วก็จะได้ประโยชน์อย่างเดียวกัน ไม่เห็นแก่ตัวแล้วก็อธิฐานจิตต่อไปว่าเราจะทำความพอใจ ชื่นใจให้แก่เพื่อนมนุษย์เสมอไป ไม่เห็นแก่ตัวเฉย ๆ มันก็ยังไม่มีความหมายอะไรนัก แต่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความพอใจชื่นอกชื่นใจสบายเป็นสุขนี่ตลอดไปเลย แม้เป็น ฆราวาท ก็ทำตามที่ฆราวาทจะทำได้ มีคนเจ็บไข้ ก็สามารถพูดจาให้เขาสบายใจทั้งที่เจ็บไข้ ข้อนี้ควรจะเป็นกิจเป็นหน้าที่หรือเป็นหลักสูตรของนายแพทย์ทั่วไปตามโรงพยาบาลทั้งนั้นแพทย์ทุกคนตามโรงพยาบาล นางพยาบาลทุกคนตามโรงพยาบาล ควรจะมีความรู้ธรรมะ สำหรับรักษาเยียวยาโรคทางจิตใจ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขาสบายใจ รู้ธรรมะแล้วมันไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวไข้ เข้มแข็งกล้าหาญร่าเริง เลยไม่มีความทุกข์เพราะความเจ็บไข้ ท่านนายแพทย์ไม่ควรจะรู้แต่เรื่องแพทย์รักษาโรคทางกายอย่างเดียว นายแพทย์นี่ควรจะรู้จักรักษา หรือบรรเทาโรคทางจิตใจ นางพยาบาลก็เช่นเดียวกัน มันก็ช่วยให้คนเจ็บไข้นั้น กล้าหาญร่าเริง ไม่กลัวตายไม่เป็นทุกข์ ถ้าตายก็ตายดี ถ้าหายก็หายเร็ว ขอให้เข้าใจกันอย่างนี้ว่านายแพทย์ก็ดี นางพยาบาลก็ดีที่มีความรู้ในทางธรรมะโดยแท้จริงนั้น จะช่วยพูดจาให้คนเจ็บนั้น ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกข์หัวเราะเยาะความตาย หัวเราะเยาะความเจ็บไข้ ไม่เป็นทุกข์ ถ้าจะหายมันก็หายเร็ว หายเร็วมาก เพราะจิตใจมันดี ถ้าว่าจะตาย มันก็ตายดี ตายดีที่สุด ตายอย่างไม่กลัวตาย ตายอย่างไม่เป็นทุกข์นี่ก็ตายดี หายก็หายเร็วถ้าตายก็ตายดี ตลอดเวลานั้นก็ไม่เป็นทุกข์ นี่มันเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่กว่าการหายทางกาย ทางโรคทางกายเสียอีก ก็การหายโรคทางกายนั้น จิตใจยังเป็นทุกข์อยู่ก็ได้ มันก็ ??? (นาทีที่ 00:11:40) ไม่ค่อยจะน่าชื่นใจอะไร ไม่ตายหายจากโรคทางกายแต่จิตใจยังเป็นทุกข์ มันก็เท่านั้นแหละ ถ้าสามารถทำให้เขามีจิตใจไม่เป็นทุกข์ด้วยนั้นมันจะได้ผลที่สุดเรียกว่าชั้นเลิศ เดี๋ยวนี้ทั่ว ๆ ไปนี่ก็เหมือนกันนะ ถ้ามีชีวิตอยู่ทุกคนมีชีวิตอยู่แต่เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ทรมานมันจะดีอะไร แม้แต่รอดชีวิตอยู่แต่เป็นทุกข์ ทรมานอย่างนี้ มันก็ตายเสียดีกว่า มันก็มีบางคนฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากจะเป็นทุกข์ เพราะความทุกข์มันไม่ไหวมันไม่น่าทน งั้นช่วยให้เขาไม่เป็นทุกข์ หรือหายโรคทางจิตใจ ดี หรือสูงสุดเป็นการช่วยที่สูงสุด จะเล่าให้ฟังเรื่องส่วนตัวซักหน่อย ผมนี่บอกคนทั้งหลายว่าถ้าจะให้ได้กุศล บุญกุศลอันสูงสุด จงช่วยให้เขารู้ธรรมะเถิด สร้างโรงเรียนก็ยังไม่ใช่กุศลสุงสุด สร้างโรงพยาบาลตามธรรมดา ???? (นาทีที่ 00:13:08 – 00:13:09) ก็ยังไม่ใช่กุศลสูงสุด นั่นเพียงแต่ช่วยให้เขารู้หนังสือหรือรอดตาย แต่ยังมีความทุกข์อยู่ ถ้าสร้างโรงพยาบาลแบบของพระพุทธเจ้า คือทำให้เขารู้ธรรมะนี่มันไม่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นกุศลสุงสุด ฟังให้ดีนะผมพูดว่ากุศลสูงสุด แต่มีคนที่เป็นอะไรก็ไม่รู้ มันบิดคำพูดให้เป็นอย่างอื่นไปเสีย
เมื่อผมไปนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ คนที่ไปเยี่ยมหรือไปธุระอะไรก็ไม่รู้ แต่ละคนค่อยพูดค่อยจากัน พูดกันอยู่ข้างนอก ดังลั่นไปหมดว่า ทำไมว่าสร้างโรงพยาบาลไม่ได้บุญ และทำไมมานอนเจ็บอยู่ที่นี่ คุณฟังดู มันบิดพริ้วคำพูด เราว่าไม่ใช่กุศลอันสูงสุด แต่ไม่ได้กล่าวว่าไม่เป็นกุศลหรือบุญเสียเลย แต่ไม่ใช่สูงสุด เขากลับไปหาว่าไม่ได้บุญ ว่าผมว่าไม่ได้บุญ เป็นบาปอย่างนี้ ผมเลยรับเสมอหลายเรื่องราวหลายสิบเรื่องก็ว่าได้ พูดอย่างนี้ก็ไปคิดนิดนึงว่าก็อย่างนู้น ก็ชวนกันด่าก็มี ไม่ใช่กุศลอันสูงสุด ถ้ากุศลอันสูงสุดต้องช่วยเขาพ้นจากทุกข์ในทางจิตใจ โรงเรียนก็ยังช่วยไม่ได้ โรงพยาบาลธรรมดาสามัญก็ยังช่วยไม่ได้ เว้นไว้แต่จะเป็นโรงพยาบาล ของพระพุทธเจ้า รักษาเยียวยาโรคคือ กิเลส ความทุกข์ให้หมดไป นี่ก็จะเรียกว่าเป็นกุศลอันสูงสุด ตั้งจิตอธิฐานว่าเรา แต่ละวันละวัน จะต้องทำอะไรที่ให้ผู้อื่นได้รับความพอใจชื่นอกชื่นใจอย่างยิ่งครั้งหนึ่งเสมอ อย่างน้อยครั้งหนึ่งเสมอ เมื่อมันเป็นเรื่องฝึกหัดนิสัยให้เห็นแก่ผู้อื่น ให้เห็นแก่ผู้อื่นให้ผู้อื่นได้รับความพใจ อย่างผมนี่มีสุนัขมั่ง มีไก่มั่ง มีอะไรมั่งนี่ เพื่อเป็นบทเรียนทำอย่างไรเสีย ก็ช่วยให้มันสบายใจวันละครั้งวันละครั้ง ให้กินบ้างอะไรบ้าง เป็นบทฝึกหัดที่ว่าจะเอาใจใส่ผู้อื่น ให้เกิดโอกาสในการเสียสละความสุขส่วนตัว ที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือแก่สัตว์อื่น นี่เป็นวัฒนธรรมโบราณของชนชาติไทย ครั้งไหนเท่าไหร่ก็ไม่ทราบแต่ที่เคยเห็นก็เป็นของชนชาติไทยมาแต่โบราณ มันจะต้องมีการทำให้ผู้อื่นสบายใจ ให้สัตว์อื่นได้รับประโยชน์และสบายใจ อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในวันหนึ่ง คราวหนึ่งไปที่นครศรีธรรมราช มียายชีคนหนึ่งพักอยู่ในวัดที่ผมไปพัก แกจะฉันข้าวก็เอาข้าวมีเป็นกับอะไรมั่ง ไปวาง ๆ ที่ทางมดเดิน ที่ทางมดมันเดิน เป็นมดแดงให้มันกิน ผมถามว่านั่นทำอะไร คุณทำอะไร ก็ทำอย่างนี้เพื่อให้ทานก่อนการกินเองเสมอ ก่อนการที่จะกินเองนี่ จะต้องมีการให้ทานให้ผู้อื่นสบายใจเสมอ มันเป็นวัฒนธรรมโบราณแต่แกก็ถือมา ปฏิบัติมาโดยไม่ต้องคิดว่ามันเป็นวัฒนธรรมหรือเป็นอะไร แต่เชื่อว่าดี ดีและถูกต้องและพอใจ ก็ทำมาเป็นนิสัยอย่างงั้น การทำให้คนอื่นได้รับความสุขและความพอใจนี่ มันเป็นลักษณะของมหาบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธเจ้า ท่านช่วยโลกให้สัตว์โลกได้รับความสุขได้รับความพอใจ การช่วยผู้อื่นพอใจ เกิดความพอใจนั้น เป็นลักษณะของมหาบุรุษ นี่ผู้ที่เป็นนายแพทย์ก็ดี เป็นนางพยาบาลก็ดี มีโอกาสมากที่สุด จะทำให้ผู้อื่นได้รับความสบายใจ ตามอย่างพระพุทธเจ้า เขาจะแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณะสุขก็ตามใจ แต่ว่าขอให้นึกว่าอีกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือส่วนจิตใจนี่ ก็เป็นนายแพทย์ ลูกน้องเป็นนางพยาบาล ลูกน้องแห่งโรงพยาบาลของพระพุทธจ้า ของพระพุทธเจ้า เรียกว่าโรงพยาบาลโลก พระพุทธเจ้าเป็นนายแพทย์ผู้เยียวยาโรคของสัตว์โลกทั้งปวง โรงพยาบาลของพระพุทธเจ้าจึงเป็นโรงพยาบาลโลก โรงพยาบาลช่วยคนทั้งโลก เพื่อประโยชน์แก่คนทั้งโลก นายแพทย์ทุกคนก็เป็นนายแพทย์ของโลก เพื่อช่วยโลกตามแบบพระพุทธเจ้า ถ้าถืออย่างนี่มันจะได้ประโยชน์ได้คุณค่ามหาศาล เพิ่มจากเงินเดือนที่ได้รับจากรัฐบาลอีกมากมายหลายเท่า ถ้าเงินเดือนเดือนละหมื่นอย่างนี้มันได้หลายหมื่นเลย ในการที่เป็นนายแพทย์โรงพยาบาลโลกอีกส่วนหนึ่งมันก็ควรจะดีใจ ควรจะพอใจ ควรจะมีกำลังใจในการที่จะประพฤติจะกระทำ คือในฐานะ มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากและมีค่าสูงสุดก็คือลดความเห็นแก่ตัวลดความเย่อหยิ่งจองหอง ยกตนไว้สูงกว่าเพื่อนมนุษย์คนอื่น ไม่เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เดี๋ยวนี้ก็มาเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน มาเป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนยากด้วยกันแล้วก็ช่วยเหลือ ให้เขาได้รับความพอใจสบายใจก็ลดความเห็นแก่ตัว อะไร ๆ ที่ยึดถือเป็นตัวหรือเป็นของตัวก็ลด ๆ ๆ นั่นแหละเป็นการเดินทางไปในทางของธรรมะไปสู่ความเป็นพระอรหันต์หรือพระนิพพานโดยไม่รู้สึกตัว มันได้ประโยชน์เท่าไร ขอให้ลองคิดดู เอาละไม่ต้องเป็นแพทย์ เป็นพยาบาล เป็นชาวบ้านธรรมดา เมื่อคุณลาสิกขาออกไปเป็นคนธรรมดาชาวบ้านธรรมดาก็ทำเถิด สิ่งที่มันจะเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้เขาสบายใจ เป็นสุขเย็นอกเย็นใจ ชื่นใจแล้วก็ทำเถิด มันจะเป็นการลดความเห็นแก่ตัว เพื่อจะบรรลุคุณธรรมที่สูงขึ้นไป และมันเป็นการทำประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างยิ่งอย่างสูงสุดสมกับที่ว่าเราเป็นมนุษย์ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน อย่าอวดดีไปเราอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้อย่าอวดดีให้โง่เลย อย่าอวดดีกูอยู่คนเดียวในโลกได้ก็ไม่ต้องสนใจใคร อวดดีอย่างโง่ โง่ยิ่งกว่าโง่ มันอยู่ไม่ได้ คุณไปลองคิดดู เขาจะมอบทั้งหมดทั้งโลกนี่ให้คุณ ทั้งหมดทั้งโลกทั้งอะไรทั้งสิ้นนี่ ให้อยู่คนเดียว จะอยู่ได้หรือไม่ อยู่ได้หรือไม่ลองคิดดู มันก็อยู่ไม่ได้หรืออยู่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันก็เหงาตาย มันก็อยู่ไม่ได้ บ้าตายเราอย่าไปคิดว่าเราจะอยู่คนเดียวในโลกได้ จงอยู่อย่างมีเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายให้มาก แล้วก็ช่วยเหลือ เพื่อนเกิด เพื่อนแก่เพื่อนเจ็บ เพื่อนตาย ไม่ต้องพูดถึงว่ามนุษย์ทุกคนหรอก ให้มันลงไปถึงสัตว์เดรัจฉาน ช้าง ม้า วัว ควาย หมู หมา กา ไก่ อะไรก็ตามที่มันเป็น เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายของเรา ก็ช่วยมัน ช่วยเหลือมัน ส่งเสริมมัน รักษาเยียวยามัน เมื่อมันเจ็บไข้ ยิ่งกว่านั้นก็ขอให้ลงไปถึงสิ่งที่มีชีวิตอันสุดท้าย ต้นไม้ ต้นไร่ พืชพันธุ์ ธัญญาหารทั้งหลาย หรือเป็นพืชพันธุ์ไม้ทั้งหลาย ไม่ว่าต้นไม้ชนิดไหนมันก็มีชีวิตและมันก็ไม่อยากตาย มันต้องการที่จะรอดที่พูดกันอย่างละเอียดแล้วเมื่อคืนก่อน มันมีความประสงค์ที่จะ รอดจากความทุกข์ทั้งนั้นแหละ ให้รอด อยากจะมีความสุข อยากจะรอดจากความทุกข์หรือรอดจากความตาย ดิ้นรนต่อสู้เพื่อไม่ต้องตายทั้งนั้น เหมือนกันปราถนาความสุข มันเป็นสัญชาติญาณ ซึ่งจะต้องมีในสิ่งที่มีชีวิต ฉะนั้นจงตอบสนองเขา ให้ได้รับความสุข ความพอใจ ความชื่นใจเพราะว่าเขาไม่อยากจะตาย เพราะว่าเขาอยากจะมีความสุข ได้สนองน้ำใจของสิ่งที่มีชีวิตอย่างนี้แล้ว ก็เรียกว่า มีจิตใจสูง มีจิตใจในขั้นของมหาบุรุษ ขอให้ทุกคนถือโอกาสช่วย ให้เกิดความสุขความพ้นทุกข์ แก่ เพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสามระดับ ระดับมนุษย์ด้วยกัน ระดับสัตว์เดรัจฉาน ระดับต้นไม้ต้นไร่ ซึ่งมันก็ไม่อยากตาย สำหรับมนุษย์ด้วยกันมันก็มีทางที่จะช่วยได้หลายอย่าง จะช่วยด้วยวัตถุสิ่งของ เงินทองก็เป็นการช่วย ช่วยรักษาห้พ้นจากเจ็บจากไข้ก็เป็นการช่วย แต่แล้วมันยังมีที่ประเสริฐสุดก็คือว่าช่วยให้ไม่เป็นทุกข์ เพียงไม่ตายแต่ยังเป็นทุกข์นี่มันยังไม่หมดปัญหา ช่วยให้หมดปัญหาก็ช่วยอย่าให้เป็นทุกข์ นั้นผู้ที่จะมาเป็นมนุษย์ควรจะศึกษาธรรมะไว้สำหรับดับความทุกข์ทั้งของตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนายแพทย์ เป็นนางพยาบาล ก็ควรศึกษาธรรมะชั้นสูงสุด ชั้นลึกที่สุด ละเอียดที่สุด ให้รอบรู้สามารถในการพูดจาชั้นลึกที่สุด ให้คนเจ็บคนไข้เขาชื่นใจ เขาหายร็ว เขาตายดี อยากจะให้รัฐบาลหรือกระทรวงสาธารณะสุขเขาเพื่มหลักสูตรลงไปในหลักสูตรการแพทย์ หลักสูตรนางพยาบาลก็ตามว่าต้องรู้ธรรมะ ถึงขนาดที่ปลอบใจคนให้พ้นจากความทุกข์ได้ ช่วยชี้แจงให้กล้าหาญร่าเริง ไม่กลัวตาย ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวไข้หัวเราะเยาะความตาย หัวเราะเยาะความเจ็บไข้ ก็จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้อย่างยิ่งทีเดียว แล้วทีนี้ก็จะมาเข้าปัญหาแรกที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์ ในเวลาที่ทำการงาน กับเป็นสุขสนุกพอใจในเวลาที่ทำการงานทั้งที่เหงื่อไหลไคลย้อยอยู่กลางแดด ที่นี้การศึกษาของเราไม่สมบูรณ์ ที่ผมเรียกว่าสุนัขหางด้วน การศึกษาแบบสุนัขหางด้วนไม่สมบูรณ์ เรียนแต่หนังสือ เรียนแต่วิชาชีพหรือเรียนแต่ทำงานให้เป็นเท่านั้นแหละ แต่ไม่ได้สอนกันว่าจะเป็นมนุษย์กันให้ถูกต้องอย่างไร อย่าต้องเป็นทุกข์อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าต้องเป็นทุกข์ในเมื่อประกอบอาชีพนั่นเอง สอนหนังสือมันก็เป็นพื้นฐานให้ฉลาด พอเรียนวิชีพก็รู้จักทำอาชีพ แต่พอไปทำอาชีพเข้ามันเหนื่อยพอมันเหนื่อยแล้วมันก็เปลี่ยนความคิด เฮ้อมาเหนื่อยทำไม ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไปคอรัปชั่นดีกว่า ไปอะไรที่ไม่ต้องเหนื่อยดีกว่า หรือชั้นเลวมันก็ว่า ไปจี้ ไปปล้นดีกว่า ดีกว่ามาไถนาทำนาอยู่อย่างนี้ ก็คือพวกอัธพาลทั้งหลาย อัธพาลทั้งหลายก็ไม่คิดว่าจะมาอาบเหงื่ออยู่ทำไม ไปจี้ไปปล้น สบายกว่า สนุกกว่า รวยเร็วกว่านี่เพราะเหตุว่ามันไม่รู้จักทำการงาน โดยไม่ต้องเป็นทุกข์ ถูกแล้วถ้าว่าทำเพื่อเงินมันก็พอจะไม่เป็นทุกข์ แต่มันก็เป็นความทนทำนะ ทนทำเพื่อรับ ทำเอาเงินเป็นค่าจ้างอะไรก็ตาม มันยังเป็นทุกข์และต้องทนทำต้องฝีนทำมันไม่สนุก ยิ่งทำเพราะถูกบังคับในหน้าที่ บังคับแล้วยิ่ง ไม่เป็นสุขเลย ก็ถ้ามันพอใจว่าเป็นสิ่งประเสริฐในชีวิตของมนุษย์ เป็นการกระทำตามอย่างพระพุทธเจ้า หรือว่าเป็นอุดมคติของโพธิสัตว์ นี่มันพอใจมันอยากทำ มันอยากทำ อยากทำ ทำแล้วพอใจ ไอ้นิสัยอยากทำงานผมเชื่อว่ามันเป็นสัณชาตญาณอันหนึ่งแน่นอน ติดมากับสัณชาตญาณที่ความรู้ที่เกิดได้เองโดยไม่ต้องสั่งสอน เคยเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ มาก ๆ สองขวบ สามขวบ หรือไม่ถึง พอเดินได้ เดินได้เปาะแปะนี่ มันยังมาอยากทำงานมันมาขอทำงานแม่หนูทำเอง แม่หนูทำเองอย่างนี่ มาขอทำงานมาแย่งทำงาน นี่เป็นสันชาตญาณไม่มีใครสอน แต่ว่าสันชาตญาณอันนี้มันเปลี่ยนไปเป็นกิเลสเปลี่ยนไปเป็นความเห็นแก่ตัวเสีย พอโตขึ้นมาไม่อยากทำงาน ไม่มาขอให้หนูทำเอง หนูทำเอง เดี๋ยวหนูไปนอน หนูหนีไปเที่ยวดีกว่า มันไม่ถูกต้อง ควรจะรักษาสันชาตญาณ ในการที่ว่าขอทำงาน ให้ติดเป็นนิสัยไว้เรื่อยไปเรื่อยไปอย่าให้กิเลสเกิดขึ้นครอบงำเป็นความเข้าใจผิด เป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้องว่า ไม่ทำงานเท่าไรยิ่งดี เอาประโยชน์ได้โดยไม่ต้องทำงานเท่าไรก็ยิ่งดี นั่นแหละคือคอรัปชั่น คอรัปชั่นของความยุติธรรมในโลก ต่อความยุติธรรมในโลก ถ้ารู้สึกว่าเราเป็นสิ่งที่มีชีวิตเป็นมนุษย์สิ่งสูงสุดก็คืออะไร ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ของมนุษย์ให้ถูกต้อง และก็รู้ว่าไอ้หน้าที่ของมนุษย์นั้นไม่ใช่เพียงแต่เพื่อตัวเองอย่างเดียว มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยผู้อื่นด้วย ในฐานะที่ว่ามันเป็นเพื่อนร่วมโลกกันก็ได้ ในฐานะเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันก็ได้ คิดให้ลึกลงไปว่าเรามี ความเกิดแก่เจ็บตายร่วมกัน มีความทุกข์อย่างเดียวกัน มีกิเลสอย่างเดียวกัน มีปัญหาอย่างเดียวกัน เขาเรียกว่ามีหัวอกเดียวกัน มีปัญหาที่ทรมานใจอย่างเดียวกัน มีหัวอกอย่างเดียวกัน แล้วทำไมเราจะไม่ช่วยเล่า และเมื่อได้ช่วยกันควรจะพอใจ ควรจะพอใจเมื่อได้ช่วย มีคำกล่าวว่าทนอยู่ไม่ได้เพราะความกรุณา เป็นลักษณะของมหาบุรุษ ทนนิ่งดูดายอยู่ไม่ได้เพราะมีความกรุณาต้องออกไปช่วย ทนไม่ได้เพราะความกรุณาเป็นลักษณะของมหาบุรุษ ไม่ใช่ว่าจะทำเป็น เอาหน้าเอาตาเป็นมหาบุรุษ แต่ว่าทำให้มีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง มีความเป็นมนุษย์ชั้นดีชั้นสูง ที่เขาเรียกกันว่ามหาบุรุษหรืออะไรก็ตามใจ นั่นแหละถ้าว่าใครมี ก็แปลว่าผู้นั้นได้มีสิ่งที่ประเสริฐสุด สำหรับความเป็นมนุษย์ คือเขาจะรักหน้าที่ รักหน้าที่ รักหน้าที่ เลยดูดายไม่ได้เพราะความรักหน้าที่ แล้วก็เลยช่วย ช่วย สุดที่จะช่วยได้เสมอไป มันก็เลยเป็นผลพอใจตัวเองยกมือไหว้ตัวเองได้ สนุกในการงานได้ พอได้ทำสิ่งเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นก็พอใจ ก็พอใจ ชื่นใจในตัวเอง และทำงานสนุก แม้ว่าจะทำไร่ทำนาเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่กลางทุ่งนาก็รู้ว่ามันเป็นหน้าที่ นี่มันถูกต้องแล้วมันมีประโยชน์มันจะช่วยคนทุกคน ให้ได้พลอยได้รับประโยชน์จากการทำนาของเรา หรือให้ไกลไปกว่านั้นลึกไปกว่านั้นเพราะว่าเป็นผู้บูชาหน้าที่ เคารพหน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ ผมขอพูดคำนี้แล้ว ๆ เล่า ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ใครจะรำคาญก็สุดแท้เถิด ก็จะขอพูดอยู่เสมอว่า หน้าที่นั้นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ พระพุทธเจ้าท่านเคารพหน้าที่ ถ้าใช้คำบาลีอินเดียโบราณ ธรรมะ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ คำว่าธรรมะ ธรรมะนี่ เขาพูดกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด พระพุทธเจ้ายังไม่ได้สั่งสอนอะไรสักที ก็มีคำว่าธรรมะ ธรรมะใช้แล้ว คือหน้าที่ หน้าที่ หมายความว่าคนในยุคแรกที่สุดก็ลืมหูลืมตาขึ้นมาจากความเป็นป่าเถื่อนมีสติปัญญาพอสมควรแล้วก็ได้สังเกตเห็นว่าโอ้ว ไอ้สิ่งที่ต้องทำก็คือหน้าที่ ๆ ทำแล้วช่วยให้เรารอดนั่นแหละคือ หน้าที่ แต่ว่าเขาไม่ใช่คนไทยเขาจะใช้คำว่าหน้าที่ได้อย่างไร ก็ต้องใช้คำตามภาษาที่นั่นแหละ อย่างอินเดียโบราณก็ใช้ คำว่า ธรรมะ ธรรมะ แปลว่าหน้าที่ หน้าที่ บอกเพื่อนฝูงทุกคนให้เคารพหน้าที่คือเป็นสิ่งสูงสุดไม่ทำแล้วก็ตายก็ไม่ได้อยู่ ก็จริงของเขาลองคิดดู ไม่ทำหน้าที่ก็คือตาย ทำหน้าที่โดยรอดชีวิตอยู่ เดี๋ยวนี้เราไม่ทำหน้าที่ก็คือตายทั้งนั้น ทั้งคนทั้งสัตว์ทั้งต้นไม้ ทำหน้าที่มันก็คือรอด เพราะฉะนั้นผู้ที่ช่วยให้รอดที่แท้จริงก็คือหน้าที่ หน้าที่นั้นคือพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าที่แท้จริงคือหน้าที่ที่ทำแล้วมันก็ช่วยให้เกิดทางรอด ทางกายก็รอด ทางจิตก็รอด ทางวิญญาณก็รอด รอดไปทุกระดับ ๆ นี่เรียกว่าพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดคือหน้าที่ พอได้ทำหน้าที่แล้วจะคิดยังไง คิดว่าพระเจ้าช่วยเราก็ได้ หรือก็มีความยุติธรรมที่จะพูดว่าเรานี่เป็นพระเจ้าเสียเองทำหน้าที่ที่จะช่วยให้รอด เราก็เป็นพระเจ้าเสียเองช่วยเราก็ได้ ช่วยผู้อื่นก็ได้ ทำหน้าที่เพื่อช่วยให้รอดก็ได้เป็นพระเจ้า อย่างน้อยก็ได้เป็นผู้ที่ปลอดภัย รอดเพราะพระเจ้าช่วย หน้าที่ ๆ เป็นอย่างนี้ เมื่อคน ๆ แรกพูดคำนี้ขึ้นมาก็พูดให้คนอื่นฟัง ก็พูดต่อ ๆ กันไปใช้คำเดียวกันมาว่าธรรมะๆ คือสิ่งที่ต้องทำ ก็รู้มากขึ้นสูงขึ้นว่าสิ่งที่ต้องทำนั้นคืออะไร เพราะฉะนั้นธรรมะมันก็เปลี่ยนๆเปลี่ยนสูง ๆ ขึ้นไป ยังคงเรียกว่าธรรมะ ที่อยู่ในฐานะเป็นคำสั่งสอนคือบอกต่อ ๆ กันไปเขาเรียกว่าธรรมะ ที่ประพฤติปฏิบัติลงไปจริง ๆ ก็เรียกว่าธรรมะ ที่ได้พ้นมาจากหน้าที่เป็นคนเดียวก็เรียกว่าธรรมะ เกี่ยวกับหน้าที่เรียกว่าธรรมะหมด ก็มีครูบาอาจารย์พระศาสดา ฤาษี ชี ไพร มุนี อะไรก็ตามรู้จักหน้าที่สูงขึ้นมา ๆ สูงขึ้นมาทางจิตใจจนกระทั่งเกิดพระพุทธเจ้ารู้จักหน้าที่สูงสุด ทำลายกิเลสหมดจดสิ้นเชิงบรรลุความเป็นพระอรหันต์หรือบรรลุนิพพาน คือหน้าที่สูงสุด หน้าที่สูงสุด การกระทำใดดับทุกข์ได้คือหน้าที่ ยังอ่านพบในบาลีว่าพอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วใหม่ ๆ หยก ๆ เกิดฉงนขึ้นมาในพระทัย เอ๊ะ ต่อไปนี้จะเคารพใคร รู้ธรรมะสูงสุดอย่างนี้แล้ว เคารพธรรมะคือหน้าที่ เคารพธรรมะๆ คือหน้าที่ ประกาศออกมาเป็นประกาศิตเลยว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดีล้วนแต่เคารพธรรมะ เพราะนี่เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย บาลีจำไม่ค่อยได้ เย จะ พุทธา อะตีตา จะเย จะ พุทธา อะนาคะตา, ปัจจุปปันนา จะ เย พุทธา สัพเพ สัจธรรม มาครุโน (วินาทีที่ 00:36:24) พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีต อนาคต ปัจจุบันเคารพธรรมะ เอตพุทธา นะธรรมตา (วินาทีที่ 00:36:36) นั่นเป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่ หน้าที่ คือ สิ่งที่ทำให้พ้นทุกข์ดับทุกข์ เมื่อดับของตัวเองเสร็จแล้วก็ช่วยดับของผู้อื่นก็เป็นหน้าที่เหมือนกัน ก็จึงมีหน้าที่ดับทุกข์ของตัวเองและช่วยผู้อื่นดับทุกข์ของผู้อื่นด้วยเป็นหน้าที่ นี่คือธรรมะ ถ้าได้ทำงานที่มีประโยชน์เป็นการช่วยก็เรียกว่ามีธรรมะ ไถนายังเป็นธรรมะ ทำสวนทำนาก็เป็น ๆ ธรรมะคือทำหน้าที่ ค้าขายก็เป็นหน้าที่ ทำราชการก็เป็นหน้าที่ เป็นกรรมกรก็เป็นหน้าที่ เป็นศิลปินก็เป็นหน้าที่งานประณีต เป็นขอทานก็เป็นหน้าที่ ขอทานให้ถูกต้องขอทานที่ดี มีธรรมะของคนขอทาน มีธรรมะของชาวนา มีธรรมะของชาวสวน มีธรรมะของพ่อค้า มีธรรมะของข้าราชการ มีธรรมะของหมอ ของศิลปิน ของแพทย์อะไรก็ตาม แม้กระทั่งว่า สุดท้ายก็ของคนขอทานธรรมะของคนขอทาน ทำให้ดีที่สุดพอใจที่สุด มันก็ช่วยได้ เป็นขอทานที่ดี ไม่เท่าไหร่ก็ช่วยพ้นจากความเป็นคนขอทาน กลายเป็นคนธรรมดา กลายเป็นคนมีเงินมีทอง เป็นผู้ร่ำรวยไปก็ได้ถ้าทำดีที่สุดทุกหน้าที่ ทุกระดับขั้นตอน คือพ้นมาจากความเป็นคนขอทานแล้ว ก็มาเป็นกรรมกร เป็นลูกจ้าง เป็นคนขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นขายของมากขึ้นเป็นคนรวยได้ เขามีอยู่อย่างนี้ หน้าที่เป็นสิ่งสูงสุด คือช่วยให้รอด ธรรมะก็คือสิ่งสูงสุดที่ช่วยให้รอด เพราะมันเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อเรียกเป็นภาษาไทยเรียกว่าหน้าที่ เมื่อเรียกเป็นภาษาอินเดียโบรมโบราณนู่นก็เรียกธรรมะ ธรรมะ เพราะฉะนั้นการที่ได้ทำหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติธรรมะ ก็พอใจว่าได้ปฏิบัติธรรมะ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ มันจะโง่ไปถึงไหน ไม่มีสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพแล้วยังไม่พอใจ มันจะเป็นคนโง่ไปถึงไหนหละ เมื่อได้ทำหน้าที่ ๆ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพแล้ว มันก็ควรจะพอใจ ๆ พอใจ ทำหน้าที่สนุกสนานเพลิดเพลินไป นี่ก็เรียกว่าถูกต้อง สมบูรณ์ ขอให้เป็นอย่างนี้ ขอให้เราพอใจเมื่อได้ทำหน้าที่ คือมีสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพในเรา คือธรรมะ ถ้ามีการทำหน้าที่แล้วก็มีธรรมะไม่ต้องถาม ที่มันทำอยู่โดยธรรมชาติ ที่เราไม่รู้สึก เช่นว่าในเลือดในเนื้อในหนัง ร่างกายเรามันประกอบไปด้วยเซลล์ตัวเล็ก ๆ ล้วนแต่มีชีวิตไม่รู้กี่ล้าน ๆ ตัว ทุกตัวทำหน้าที่ ไม่ต้องใครใช้มัน ดังนั้นเราจึงรอดชีวิตอยู่ได้เห็นไหมเพราะไอ้,เซลล์ทุกตัว มันทำหน้าที่ เซลล์ส่วนที่มันประกอบเป็นมือ มือก็ทำหน้าที่ตรงมือ และก็ถ้าเป็นเท้าก็ทำหน้าที่ของเท้า ที่ประกอบกันเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ทำหน้าที่ ๆ ทำหน้าที่ เซลล์ทุก ๆ เซลล์ที่มันประกอบกันขึ้นเป็นอวัยวะส่วนนั้น รวมกันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง มันก็ทำหน้าที่ของมนุษย์คนหนึ่งให้เต็ม ให้บริบูรณ์ หน้าที่ก็คือว่าไปถึงที่สุด สูงสุดของความเป็นมนุษย์ ไปเป็นพระอรหันต์ ไปนิพพาน มันหน้าที่ จะชอบหรือไม่ชอบก็ตามใจ แต่ความจริงมันจะมีอยู่อย่างนั้นมันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นขอให้เราทำหน้าที่ให้เดินหน้า เดินไปในหน้าที่ แม้จะแต่งงานสมรสกันก็อย่าเพื่อนอนกันเลย รัชกาลที่ 6 สอนอย่างนี้ เป็นคำพูดที่ค่อนข้างถูกโฉลก ไม่ได้แต่งงานเพื่อนอนกันแต่งงานเพื่อทำหน้าที่ ของมนุษย์ให้มันง่ายขึ้นครึ่งหนึ่ง เมื่อก่อนทำคนเดียวเดี๋ยวนี้มีสองคนมาช่วยกันแบ่งกันทำ มันก็เบากว่าครึ่งหนึ่ง และก็มีเพื่อนทำมันก็สนุกกว่า แม้แต่ว่าการแต่งงานกันนี่สมรสกันนี่ก็เพื่อทำหน้าที่ของมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อกามารมณ์ หลอกลวงอะไรอย่างนั้น ให้มนุษย์มองเห็นว่าเรามีหน้าที่ เรามีหน้าที่ที่จะต้องถึงความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ ความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์นี่มันอยู่ในหลักศีลธรรมสากลที่เขาใช้เป็นหลักสากล มีอยู่ในเรื่องจริยธรรมสากล Morality มีหนังสือเรื่องนี้ไปเปิดดู มันก็มีหลักจริยธรรมสากล ข้อแรกจะมีความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ จริยธรรมสากล ที่จะต้องปฏิบัติอย่างนั้น ๆ มีเหตุผลที่ต้องปฏิบัติอย่างนั้น ๆ เขาเรียกว่า จริยศาสตร์ เรียกว่า Ethics Ethics philosophy ของ morality มันยาวนักก็เรียกว่า Ethics Ethics สั้น ๆ คือ จริยศาสตร์ Morality เป็นจริยธรรม จำกัดความหมายไว้ว่า ให้ถึงจุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์ ดีที่สุดของความเป็นมนุษย์ เรียกเป็นภาษาละติน ใช้รวมกันไม่ต้องใช้เป็นภาษาอื่นว่า สัมมันโบนัม (นาทีที่ 00:42:54) มันเป็นคำแปลภาษาละติน แต่จะไปใช้ในระบบจริยธรรมสากลทุกชาติทุกภาษาไม่ต้องแปลก็ได้ ไม่ต้องแปลเป็นภาษานั้น ๆ ก็ได้ สัมมันโบนัม (วินาทีที่ 00:43:07) ตัวหนังสือคำนี้แปลว่าดีที่สุดของมนุษย์ ทำดีที่สุดของมนุษย์ ข้อหนึ่งก็คือ เต็มแห่งความเป็นมนุษย์ ข้อสอง มีความสุข ข้อสามทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ข้อสี่ มีความรักสากล คือรักทุกชีวิตทั้งหมดทั้งสิ้น นี่เป็นจริยธรรมสากล ก็เข้ากันกับเรื่องที่เรากำลังพูดกัน มีความเต็มแห่งความเป็นมนุษย์ และก็มีความสุขอยู่ตลอดเวลาที่ทำการงานเพราะรู้ว่าได้ทำถูกต้อง มีความสุขที่แท้จริงไม่ใช่หลอกลวงตลอดเวลา ได้ทำหน้าที่อยู่ตลอดเวลา ก็มีความสุขอยู่ตลอดเวลาไอ้,ความเพลิดเพลินที่หลอกลวงสนุกสนานอะไรต่ออะไร ทางกามารมณ์ นั้นไม่ใช่ความสุขในที่นี้ นั่นเป็นวามเพลิดเพลินที่หลอกลวง ถ้าเป็นความสุขที่แท้จริงในที่นี้คือ ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง พอใจตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้เรียกว่าความสุข ยกมือไหว้ตัวเองได้เมื่อไรก็เป็นสวรรค์เมื่อนั้น เกลียดน้ำหน้าตัวเองเมื่อไรก็เป็นนรกเมื่อนั้น ขอให้ทำชนิดที่ว่ายกมือไหว้ตัวเองได้ก็มีความสุข และทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ Duty for Duty ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ คือไม่มีตัวกู ไม่มีตัวกูที่ทำเพื่อตัวกู และทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ก็เป็นหน้าที่บริสุทธิ์ ที่ควรจะนึกถึง ทำหน้าที่เพื่อความบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อเงินเพื่ออะไรทำนองนั้น แต่มันได้มาก็ตามใจมัน ช่างหัวมัน มันจะได้มา แต่ว่าโดยเจตนาที่แท้จริงแล้วทำหน้าที่เพื่อหน้าที่แล้วเคารพหน้าที่ แล้วเคารพสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ มันก็เลยวิเศษ ได้ทำสิ่งที่สูงสุด แล้วมีความสุขมีความพอใจ แล้วก็มามีความรักสากล คือรักทุกชีวิต เหมือนที่พูดว่า รัก เกิด แต่ เจ็บตาย รักชีวิตทุกชนิดทุกชั้น ที่มันอยากจะดับทุกข์ อยากจะมีความสุข รักมันทุกชั้น แม้แต่ จริยธรรมสากล ก็มีหลักตรงกันกับหลักธรรมะอันสูงสุดลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาของเรา ข้อที่หนึ่ง perfectness perfected perfect perfect เป็นมนุษย์ที่เต็ม ข้อที่สองมี happiness คือความสุขที่แท้จริงไม่ใช่ความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ข้อสาม Duty for Duty หน้าที่เพื่อประโยชน์แก่หน้าที่ ข้อที่สาม Universal love ความรักสากลตลอดจักรวาล Universe นี่มันเป็นได้อย่างนี้ ถึงขนาดนี้ ถ้าเคารพหน้าที่ บูชาหน้าที่ แล้วมันเป็นได้อย่างนี้ ถ้าไม่เคารพหน้าที่เพียงอย่างเดียว มันล่มหมด ล้มเหลว ล้มละลาย ล้มเหลว ขอให้เตรียมใจกันไว้ให้ดี ๆ เถิด เมื่อได้ทำหน้าที่ก็ชื่นใจ ทั้งวันทำหน้าที่เพราะมีความสุขตลอดทั้งวันเพราะหน้าที่นั้นทำให้เกิดความสุขพอใจที่ได้ทำหน้าที่ ท่านลองยกมือไหว้ตัวเองได้ ก็เต็มไปด้วยความถูกต้อง ทั้งวัน ๆ ถูกต้อง ๆ พอใจ ถูกต้องพอใจ ก็จบ ทำเป็นมนุษย์ ๆ ที่เต็ม มีความสุขที่แท้จริงและก็ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ก็จะมีความรักที่เป็นสากล ไม่เลือกไม่สังกัด ไม่มีขีดขั้น เมื่อประโยชน์สูงสุดมันเป็นอย่างนี้ อุดมคติของโพธิสัตว์ก็คือ ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และก็ทำเพื่อความรักสากล ได้สละชีวิตของตนเพื่อทางรอดของผู้อื่น ก็มีความสุขในการทำหน้าที่ มีความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์อยู่ในการกระทำหน้าที่ นี่อุดมคติของโพธิสัตว์ เราไม่ได้อวดดีที่จะเห่อเป็นโพธิสัตว์ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่เอามา เป็นแบบอย่างเป็นหลักเกณฑ์ได้ เดินตามรอยพระโพธิสัตว์ก็แล้วกัน ทำ อุทิศชีวิตเพื่อผู้อื่น เพื่อหน้าที่ ถ้าสังเกตมาพบว่าโพธิสัตว์นี่ก็มีอุดมคติ สุทธิปัญญา เมตตาขันตี ไม่ต้องถึงกับสิบ อย่างในคัมภีร์ของเรา มหายานก็มีหกบารมีโพธิสัตว์ แต่บริษัทของผมมีสี่พอ สุทธิปัญญา เมตตาขันตี ช่วยจำไว้ด้วยทุกองค์ สุทธิปัญญา เมตตาขันตี สุทธิปัญญา เมตตาขันตี สุทธิคือซื่อตรง บริสุทธิ์ไม่คดโกง อะไรหมด ซื่อตรงบริสุทธิ์เปิดเผยสุทธิ ปัญญามีปัญญารอบรู้สิ่งที่จะต้องทำ เมตตารักษาคน ขันตีต้องอดทน ถ้าไม่อดทนไม่มีทางจะทำสำเร็จ ความอดทนนี้ต้องมีตลอดเวลา แม้เราจะนั่งตรงนี้ก็ต้องนั่งด้วยความอดทนไม่งั้นมันนั่งอยู่ไม่ได้ ถึงจะนอนก็ต้องนอนอยู่ด้วยความอดทนไม่งั้นมันนอนอยู่ไม่ได้ ความอดทนมันจะแทรกอยู่ในการงานทุกชนิด การงานทุกชนิดมันจึงลุล่วงไปด้วยดี ต้องมีความอดทน ต่อให้มีปัญญาเลิศฟ้า ถ้าไม่มีความอดทนล้มเหลวหมดไม่ว่าจะทำอะไร พอเหนื่อยเข้ามันก็เลิกเสีย มีความอดทนเถอะมันช่วยตัวเองได้ ไอ้ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด มันไม่มีความอดทน ในปัญญามันก็เลยช่วยไม่ได้ ปัญญามีเท่าไหร่ความอดทนต้องมีเท่านั้น อดทนได้รอบด้านอดทนอย่างยิ่ง อดทนกับกิเลสที่มันบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เราอดทนได้อดทนต่อกิเลส นี่เป็นความอดทน ที่เป็นเนื้อเป็นตัวของความสำเร็จ ไม่มีความอดทน แล้วก็จะไม่ทำอะไร ความรู้ก็เป็นหมันเปล่า นี่จงทำให้ทั้งสี่อย่างนี้กลมกลืนกันที่สุด สุทธิ บริสุทธิ์ ปัญญา รู้สิ่งๆที่ควรรู้ เมตตา รักชีวิตทุกชีวิต ขันตี อดกลั้นอดทนในหน้าที่ของตน อดทนต่อการบีบคั้นของกิเลสนั้นเป็นสิ่งที่สูงสุด อดทนในการทำประโยชน์นั่นแหละ เป็นสูงสุด ถ้าไม่อดทนต่อกิเลส กิเลสก็ใช้ไปเที่ยว ไปเล่น ไปหัว อดทนต่อการบีบบังคับของกิเลส กิเลสจะบังคับให้ไปดูหนังดูละครไปเที่ยวเล่นหัวเสีย ให้อดทนต่อการบังคับของกิเลส ทำหน้าที่อยู่ที่นี่ได้ หน้าที่จะสำเร็จได้เพราะความอดทน ขอให้จำว่าอุดมคติของโพธิสัตว์เป็นอย่างนี้ เมื่อได้ทำประโยชน์แก่ผู้อื่นแล้วก็ชื่นใจตัวเอง ชื่นใจตัวเอง ทำประโยชน์แก่ผู้อื่นนั้นประโยชน์มันได้แก่ทุกคนรวมทั้งผู้ทำนั้นด้วย ถ้าได้ลึกซึ้งๆก็จะทำให้จิตใจสูง จิตใจสูง หมดความเห็นแก่ตัว เดินทางไปทางฝ่ายของพระอรหันต์ได้อย่างนั้น แต่คนโง่ก็คิด เอ๊ะ เอาไปให้ผู้อื่น ไปช่วยผู้อื่น เราก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้กินอะไร เราก็ไม่ได้เงิน แต่ที่จริงมันได้มากกว่าอะไร ได้มากกว่าเงิน การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นมันช่วยลดความเห็นแก่ตัว ลดกิเลสของตัว แล้วจะเอาอะไรกันอีกเล่า หน้าที่เพื่อตนก็ทำหน้าที่เพื่อผู้อื่นก็ทำก็แปลว่าทำหน้าที่ทั้งสองหน้าที่ เรามีหน้าที่ทั้งสองหน้าที่ช่วยตนเองและช่วยผู้อื่น ก็เป็นอุดมคติของโพธิสัตว์ ถ้าเห็นแก่ตัวก็มันก็เป็นคนโง่ โดยคิดว่าเราอยู่คนเดียวก็ได้ มันก็เป็นคนโง่ที่สุดในหมู่บ้านนี่เราอยู่คนเดียวก็ได้ งั้นก็ไม่ถูก นึกว่าอยู่ในโลกนี้คนเดียวได้ก็โง่ที่สุดนั่นก็เป็นว่าจะทำประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่น คือประโยชน์ทั้งสองให้บริสุทธิ์ ให้บริบูรณ์โดยการเคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่คือ เคารพสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงเคารพ อย่าให้เป็นว่าเราเคารพพระพุทธเจ้าแต่เราไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ นี่มันเล่นตลกถ้าเคารพพระพุทธเจ้าแล้วก็จะต้องเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพด้วย ดังนั้นพอได้ทำหน้าที่แล้วก็ชื่นใจๆ เป็นสุข สนุกในการทำหน้าที่ มันก็สมบูรณ์ทุกเรื่องสมบูรณ์ นี่ขอให้ใช้กำหนดจดจำให้ดีว่าคำว่าอุดมคติของโพธิสัตว์นั้นควรจะมี ไม่ใช่เห่อจะเป็นโพธิสัตว์ แต่ว่าเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ ถึงจะเป็นพระโพธิสัตว์ก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันก็ยิ่งกว้างขวาง ทำประโยชน์กว้างขวางกว่าที่จะเป็นแต่เราคนเดียว เมื่อทางฝ่ายมหายานชักจะดูหมิ่นพระโพธิสัตว์ของเถรวาทนี้ใจแคบเพื่อตัวคนเดียวแต่โพธิสัตว์ของมหายานนี้กว้าง ๆ เพื่อทุกคน เอาแหละเราไม่มีมหายานไม่มีเถรวาท อะไรที่มันเป็นประโยชน์แก่การดับทุกข์ ทำให้เกิดสันติสุขในสากลโลกนี้แล้วก็เอาอย่างนั้นเถิด เพราะฉะนั้นเราจะเป็นพระก็ดี เป็นฆาราวาทก็ดี มีหน้าที่การงานอย่างไรก็ดีจงให้มีอุดมคติของโพธิสัตว์ เหนือหรือเจืออยู่ด้วยเสมอไป อย่างไม่มีอะไรจะทำก็ทำบทเรียน ฝึกหัดไป การเอาข้าวให้มดกิน เหมือนยายชีคนนั้นก็ได้ดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย ให้มีการฝึกตนเองให้ได้ทำ ให้ผู้อื่นได้รับความสุขความพอใจครั้งหนึ่งเป็นอย่างน้อยเสมอ ก่อนแต่ที่จะกินเอง ก่อนแต่จะที่มีความสุขเอง นี่เป็นอุดมคติของโพธิสัตว์ หวังว่าท่านผู้ฟังทั้งหลายจะได้นำเอาไปคิดพินิจ พิจารณาดู ไม่ต้องเชื่อผม พิจารณาดูว่ามันจะป็นประโยชน์ไหม ช่วยให้เกิดความสันติสุขสันติภาพไหม มันจะลดกิเลสไหม มันจะช่วยจิตใจสูงขึ้นไหมไม่ตองเชื่อผมไปคิดเอาเอง ไปดูเอาเองไปไคร่ควรเอาเอง เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างนั้นได้ก็ทำ ๆ จะเกิดการก้าวหน้าในทางแห่งพระศาสนา ของสมเด็จพระบรมศาสดา เป็นสุขอยู่ทุกทิวาราตรี โดยแน่นอน ขอให้ยุติการบรรยายด้วยความสมควรแก่เวลาลงไว้แต่เพียงเท่านี้