แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โฆษก : ผมขอประทานอนุญาต คณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมพิมพ์หนังสือที่ระลึก เพื่อแจกเป็นธรรมทานในวันล้ออายุท่านอาจารย์ ได้อนุญาตให้มาแจกเดี๋ยวนี้ เพื่อความพร้อมหน้า อาจารย์เห็นว่าได้อยู่กันพร้อมช่วยกันมาแจกครับ ขอประทานอนุญาตอีกครับเพื่อประกาศว่าพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ ได้โปรดให้เสรีภาพในการขุดหาเพชรอันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตของพวกเราที่เป็นศิษยานุศิษย์ของท่านอาจารย์โดยเฉพาะนี่นะครับ กระผมได้สังเกตดู ในฐานะที่ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้ประกาศในสิ่งที่ควรประกาศ ก็ใคร่ขอประกาศว่าบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ของท่านอาจารย์ มีผู้พร้อมที่จะเป็นผู้รับเพชรกันมากวันนี้ แต่มีผู้ที่ยังอยู่ในลักษณะ ประทานโทษลักษณะไก่ก็มากเหมือนกัน คือแทนที่จะตั้งใจฟังคุยกันก็มี ต้องขอย้ำเตือนอีกครับ สำหรับรายการที่เราจะร่วมกันประคับประคองเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสมบูรณ์แก่ท่านที่มาร่วมกันในวันนี้ พระคุณเจ้าพระอาจารย์โพ ก็ได้ปรารภกระทำอะไรๆ พิเศษขึ้นไปกว่าที่เคยกระทำไปปีก่อนอย่างเช่น กำหนดให้มีการถวายสักการะท่านอาจารย์ซึ่งเราได้กระทำไปแล้ว กระผมก็รำลึกได้ถึงเรื่องหนึ่งว่าควรจะทำก็คือว่า น่าจะได้รู้กันว่าท่านผู้ใดใครบ้างที่ได้มาร่วมงานล้ออายุถวาย สักการะในการล้ออายุของท่านในวันนี้เราจะรู้กันได้อย่างไร ถ้ารู้ได้จะเป็นประโยชน์มากในการที่จะประสานงานติดต่อในโอกาสต่อๆ ไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นอนุสรณ์ ว่าในงานล้ออายุของท่านอาจารย์ปีนี้มีผู้ใดใครบ้าง ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์มาร่วมกัน
ดังนั้นกระผมจึงได้จัดสมุดขึ้น ๑ โหลครับเพื่อแจกจายกันให้ทั่วถึงครับ ช่วยกันเซ็นต์ชื่อไว้ เขียนชื่อ เขียนที่อยู่โดยละเอียดเพียงพอแก่การที่จะติดต่อได้ เล่มหนึ่งเขียนชื่อได้หลายคน และเพื่อความรวดเร็วก็เอามากันหลายๆ เล่ม ท่านที่เป็นหัวหน้าคณะมา กรุณาไปรับสมุดจากคุณ เฉลิมพล เสมาชัย ที่สวนพุทธทาสนิรันดร์ นะครับ ไปเอาสมุดนั้นแล้วมาเซ็นต์ เสร็จแล้วกรุณามอบคืน ทุกท่านคิดว่าคงพร้อมใจที่จะให้โอกาสแก่ศิษย์ผู้ใกล้ชิดจะได้ประสานงานติดต่อกันในโอกาสข้างหน้าด้วยการลงชื่อไว้ในสมุดนี้นะครับ และอีกประการหนึ่งที่จะขอกราบเรียนประกาศนั้นก็เพราะว่าได้ฟังคำของคุณหมอผู้พิทักษ์รักษาท่านอาจารย์ อยู่อย่างใกล้ชิดแล้วก็เป็นห่วงว่าท่านอาจารย์คงจะไม่ได้โอกาสที่จะมาให้อะไรๆ แก่พวกเราเหมือนอย่างที่เคยให้มาในปีก่อนๆ ดังนั้นจึงได้กำหนดพิธีการอย่างหนึ่งขึ้น เพื่อเสริมให้ท่านทั้งหลายได้รับความรู้หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์สมบูรณ์ ดังนั้นในช่วงบ่ายได้กำหนดไว้แล้วแต่ว่าถ้าท่านอาจารย์มา เราก็ไม่ไปทำหน้าที่ของเราตามที่กำหนดไว้เราจะมาประชุมกันที่นี้ เวลาเท่าไรนั้นก็คอยดู คอยฟังการประกาศก็แล้วกัน ว่าเวลาไหนท่านอาจารย์พร้อมที่มาที่นี้ เราก็มาพร้อมกันโดยรวดเร็ว
หลวงพ่อ : อ้าวคุณศิทาวัฒน์ (นาทีที่ 5.05)ดำเนินการให้พูดทยอยกันไปเรื่องสิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับอาจารย์ จนกว่าจะหมดคนพูด
โฆษก : ขอกราบพระเดชพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ นับเป็นการประทานอนุญาตสิ่งที่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้เตรียมการกันไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อพระเดชพระคุณประทานอนุญาตในช่วงนี้ก็จะดำเนินการเสียเลย
หลวงพ่อ : หมดยัง
โฆษก : ยังไม่หมดครับ เรื่องที่ได้รับอนุญาตมาจากท่านอาจารย์ที่จะให้พวกได้ช่วยกันแสดงออกนั้น คือ การแสดงทัศนะจากจิตใจของตน ของตนนะครับให้เป็นที่ปรากฏแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายในหัวเรื่องว่า เรื่องที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์ เรื่องที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์ ซึ่งได้ดำเนินการมา ๒ คืนที่ผ่านมา ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าได้ทักษะ ได้ประโยชน์คุ้มค่าพอสมควรดังนั้น ในช่วงต่อไปนี้พระคุณเจ้าซึ่งจะเป็นประธานในการดำเนินการนี้ คือพระอาจารย์ วรศักดิ์ วรธัมโม ก็พร้อมอยู่แล้ว กระผมขออนุญาตประกาศเรียนเชิญผู้ที่กำหนดกันไว้แล้วประกาศแล้วแต่เมื่อคืน แต่ไม่มีเวลาพอนั้น ได้มาพูดในช่วงต่อไปนี้ ในเรื่องหรือในสิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์ โดยท่านประธานจะสรุปให้ลงในมโนปณิธาน ๒ ประการที่ยังไม่จบ ข้อหนึ่งจบไปในคืนแรก ข้อสองไม่จบในคืนที่สองครับ มโนปณิธานนั่นคืออะไรบ้างเห็นจะไม่ต้องประกาศย้ำให้เป็นการเสียเวลา กระผมของกราบอาราธนาพระคุณเจ้าก่อน พระครูบรรหาร ธัมมภีราช(นาทีที่ 7.20) วัดพะหงุ้น อำเภอสวี จังหวัดชุมพร แต่ท่านเพิ่งมาถึงเมื่อเช้าอาจจะยังไม่ทราบกติกา เรามีกติกาว่าให้ท่านมาแสดงทัศนะในเรื่อง สิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์จากจิตใจของท่าน ไม่เกินสิบนาทีครับ ท่านต้องคิดพูดรวบรัดตัดใจความให้สั้นที่สุดภายในเวลาสิบนาที คฤหัสถ์ทั้งหลายทุกท่านก็เตรียมตัวเตรียมใจนะครับที่จะขึ้นมาพูด พูดไม่ได้สิบนาทีไม่ว่าแต่อย่าให้เกิน เพราะเวลามีค่าสำหรับผู้อื่นที่มาประชุมกันมากมายในสังคมวันนี้ พระคุณเจ้าพระครูบรรหาร ธัมมภีราช นับว่าเป็นผู้ประกาศธรรม ในสายงานของท่านอาจารย์พุทธทาส อันมีเกียรติคุณปรากฏจนได้รับยกย่องทั้งโดยราชทินนาม และทั้งโดยสังคมต่างๆ อย่างเช่นสภาสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น แล้วก็ท่านเป็นเลขานุการ พระธรรมทายาทรุ่นที่ ๑ ครับเป็นผู้ที่มีสำนักอยู่ในดินแดนภาคใต้จังหวัดแรกที่จะลงสู่ภาคใต้คือจังหวัดชุมพร ขออาราธนาที่ไมค์ หินนั่งนะครับ สมุดที่คุณเฉลิมพล ขอเชิญหัวหน้าไม่ว่าพระหรือคฤหัสถ์กรุณา ช่วยกันเอาสมุดมาเขียนชื่อนะครับ สำหรับท่านที่นั่งอยู่ที่นี้เดี๋ยวจะมาแจกให้ส่งต่อๆกันไป จะเป็นประโยชน์ในการประสานงานของท่านอาจารย์ในกาลภายภาคหน้า ช่วงนี้ฟังไปพลางรับแจ้งหนังสือไปพลางก็ย่อมได้
พระครูบรรหาร ธัมมภีราช : ขอประทานโอกาส พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพและประทานโอกาสบรรดาพระมหาเถระ เพื่อนสหธรรมิก ขอเจริญพรบรรดาญาติโยมผู้มีจิตใจศรัทธาในผลงานของหลวงพ่อได้มาร่วมกันในวันล้ออายุในปี พ.ศ.๒๕๒๘ นี้ อาตมาภาพก็ต้องขออนุโมทนาที่เราท่านทั้งหลายได้ร่วมจิตร่วมใจในการที่จะได้สนองงานเพื่อจะให้งานของหลวงพ่อมั่นคงและก็แพร่ขยายต่อไปไม่หยุดยั้ง ซึ่งความจริงนั้นการจัดกิจกรรมเช่นนี้มีมาทุกปีติดต่อสืบเนื่องตามลำดับ เพื่อนสหธรรมิกไม่ว่าเป็น บรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ต่างก็มีสัญญาใจกันโดยไม่ต้องนัดหมายวันที่ ๒๗ พฤษภา เราก็มุ่งหน้ามากันเอง ท่านที่มีเวลาก็อาจจะมาล่วงหน้าสองวันสามวัน หรืออาจจะอยู่ต่อไปอีกสองวันสามวันก็ได้ แต่ว่าความหวังตั้งใจนั้นก็เพื่อต้องการร่วมระดมใจให้เป็นผู้มีคุณธรรมเพื่อที่จะได้นำธรรมะอันนี้ไปแพร่ใปขยายให้กระจายออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราก็ทราบกันแล้วว่าหลวงพ่อท่านได้ทำงานพระศาสนามาจนระยะเวลาที่ผ่านไปนั้น ท่านก็ปรารภให้พวกเราได้ฟังอยู่ทุกขณะๆ เวลาที่เรามาพบกับท่าน ท่านปรารภให้ฟัง เราผู้ฟังส่วนใหญ่ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มั่นในการศึกษา แต่นั่นแหละอาตมาภาพใคร่จะเจริญพรญาติโยมว่า เราอย่าศึกษาเพียงแต่รู้ เราต้องมีความสำนึกเพื่อการปฏิบัติหมายความว่า ผู้ที่เจริญรอยไปตามนั้น ก็คือผู้ปฏิบัติตาม ใคร่อยากจะเน้นให้เห็นสักอย่างหนึ่งที่เราพูดกันอยู่เสมอในฐานะของชาวพุทธว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท คำว่าได้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทนั้นส่วนใหญ่ เราไปมุ่งหวังเพียงแต่ว่ารอยพระบาทที่เรากราบไหว้บูชา ที่จริงแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ประดิษฐานบทบาทที่ให้สาวกได้ประพฤติตาม ปฏิบัติตามหรือเจริญรอยตาม พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เหมือนกันท่านได้ทำงานพระศาสนามา แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นรอยบาทที่ท่านประดิษฐานอันเป็นรูปธรรม แต่รอยที่เป็นนามธรรมนั้นก็จารึกอยู่ รอยที่เป็นนามธรรมนั้นก็จารึกอยู่
ฉะนั้นพวกเราในฐานะที่มาเจริญรอยตามท่านประพฤติปฏิบัติตามท่าน แม้ที่สุดอย่างเช่นวันที่ ๒๗ พฤษภาคม วันบำเพ็ญบุญล้ออายุ พวกเราท่านทั้งหลายก็ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อถือว่าวันเกิดของท่าน ท่านไม่ได้ทานอะไร เรามาบำเพ็ญบุญล้ออายุ ก็ด้วยวิธีที่ไม่ต้องทานอะไรเป็นการทดสอบทดลองความรู้สึก ทดสอบจิตใจ ที่นี้ส่วนเรื่องของการปฏิบัตินั้น การเจริญรอยตามอย่างที่สาวกเราเข้าใจรอยพระพุทธบาท และเจริญรอยตามพระพุทธบาทหรือยุคลบาทฉันใด หลวงพ่อท่านได้ประกาศธรรมได้แสดงธรรมได้เชิญชวนเราประพฤติธรรมปฏิบัติธรรม พวกเราก็ควรเจริญรอยตามด้วยการปฏิบัติตาม ฉะนั้นในการต่อไปที่เกล้ากระผมขอประทานอภัยหลวงพ่อที่จะพูดว่าเช่นเดียวกันนั่นแหละ คำว่าพุทธทาสก็ไม่ตาย ก็เป็นอมตะก็ยังปรากฏอยู่ส่วนที่เป็นนามธรรม ไม่ตายยังปรากฏอยู่ที่นี้พวกเราที่ประกาศตนเป็นลูกศิษย์ทั้งหลายแหล่ก็ได้ชื่อว่าเรามาประพฤติตาม มาปฏิบัติตาม แต่ใคร่จะเน้นอีกสักอย่างหนึ่งว่า พวกเราเป็นจำนวนมากใครเล่าที่จะประกาศออกมาว่า เราจะประพฤติตามปฏิบัติตามด้วยความจริงใจและถ่องแท้ ไม่ใช่เพียงแต่ว่าเสียงเขาว่าเสียงเขากล่าวเล่าอ้าง เสียงเขาเล่าลืออย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูดให้ฟังไปแล้วในกาลามสูตร ไม่แค่เพียงแต่เขาว่าเสียงข่าวเสียงเล่าอ้างเสียงเล่าลือแต่ว่าขณะนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องประพฤติปฏิบัติ กระทำกันอย่างจริงจัง ทำการด้วยความเสียสละ แล้วที่ อาตมาภาพ บอกกับญาติโยมว่า ไม่ใช่แต่หลวงพ่อที่เป็นทาสของพระพุทธเจ้า ทุกคนได้ชื่อว่าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า เมื่อทุกคนเป็นทาสของพระพุทธเจ้าเราก็ยินดีที่จะรับใช้พระพุทธเจ้าตามพุทธประสงค์ อันนี้เราที่ได้ศึกษาเล่าเรียนประพฤติปฏิบัติมาก็ย่อมจะรู้ว่า พุทธประสงค์ของพุทธศาสนาคืออะไร ถ้าเราจะศึกษาพุทธประสงค์ให้เข้าใจแล้วประพฤติตามปฏิบัติตามก็รู้ทันทีว่า ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากเราจะกระทำ เพื่อให้ไปสู่ถึงที่ดับทุกข์ ถ้าหากว่าเราทุกคนมุ่งหวังมุ่งเป้าหมายไว้อย่างนี้ประพฤติตามปฏิบัติตามเพื่อไปสู่ที่ทุกคนมุ่งหวังคือดับทุกข์ ก็แสดงว่าทุกคนเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านประกาศธรรม ท่านสอนธรรม แสดงธรรมต้องการให้เวไนยสัตว์ดับทุกข์ ที่นี้การที่จะดับทุกข์ การที่เราจะดับทุกข์นั้นก็มันเป็นกลวิธีของแต่ละบุคคล อุปนิสัยใจคอของแต่ละบุคคลแต่ว่าอย่างไรเสียในฐานะที่เรามาประกาศตัวเป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเจริญรอยตามที่หลวงพ่อได้ประกาศธรรมได้แสดงธรรมมา เราก็ปฏิบัติตามในรูปแบบอย่างนี้ แต่ว่าในวันนี้จะเห็นได้ว่าท่าน ได้กล่าวเน้นเตือนให้พวกเราได้เข้าใจในเรื่องกาลามสูตรอันนี้ก็เป็นการกล่าวซ้ำย้ำอีกเรื่องหนึ่งก็เพื่อต้องการให้เราท่านทั้งหลาย ได้พิจารณาตนเอง ได้พยายามปรับปรุงตนเอง ได้พยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง ว่าเราจะเดินทางไปสู่ความดับทุกข์ได้นั้น โดยวิธีการอย่างไร เพชรในทางพุทธศาสนา อุปกรณ์เครื่องมือการขุดเพชรในทางพุทธศาสนา ซึ่งเรารู้เราเห็นเรามีอยู่พร้อม แต่ข้อสำคัญว่าเรามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน มีความหวังตั้งใจมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้ว่าที่สวนโมกขพลารามนี้ ได้ประกาศธรรมมาจนแพร่ขยายออกไปกล่าวได้ว่าเป็นการปฏิวัติ พัฒนาแบบจิตใจของชาวพุทธ ให้ตื่นตัวให้ตื่นตนให้ตื่นตาม แต่อาตมาไม่ได้หมายว่าอย่างบ้างแห่งตื่นตูมกันไปมากๆนั้น เพียงแต่ให้ตื่นตนให้ตื่นตามและตั้งใจประพฤติตนและตั้งใจปฏิบัติตามเราก็จะได้เป็นทาสของพระพุทธเจ้าได้ด้วยกันทุกคน ฉะนั้นจึงขอเน้นว่าใครก็ตามที่จะร่วมกันสร้างอุดมการณ์อันนี้ให้สำเร็จขึ้นมาได้ คือเราประกาศตนว่าเป็นทาสของพุทธเจ้าเช่น อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อประกาศออกมาแล้วว่าท่านเป็นทาสของพระพุทธ เป็นทาสของธรรม เป็นทาสของพระสงฆ์ ฉันใด เมื่อเราประกาศตนเป็นทาสของพระพุทธ ประกาศตนเป็นทาสของพระธรรม ประกาศตนเป็นทาสของพระสงฆ์ นั่นก็แสดงว่าเราดำเนินตามรอยที่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพุทธทาสท่านได้เดินไป เมื่อเราประกาศตนเช่นนี้ ดำเนินตนไปตามเช่นนี้อาตมาภาพหวังตั้งใจว่า งานของหลวงพ่อก็ยังปรากฏอยู่ยังฝั่งอยู่ อุปมาว่าเหมือนรอยพระพุทธบาทที่ไม่เลือนหายไปฉันใด ร่องรอยแห่งยุคลบาทของพระพุทธเจ้ายังปรากฏอยู่ ร่องรอยแห่งหลวงพ่อที่ได้ทำงานพระศาสนา ก็ย่อมปรากฏอยู่และฝังอยู่ที่จิตใจของพวกเรา ขอให้พวกเราตั้งใจประพฤติธรรม ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อดับทุกข์ อันเป็นพุทธประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วเมื่อกี้คุณ ศิทาวัฒน์ ได้ประกาศว่าให้เวลาไม่เกินสิบนาที อาตมาภาพก็ใช้เวลาตามที่มีจำกัดนี้ แสดงความรู้สึกทางจิตใจ ก็ชื่มชมยินดีกับพวกเราทั้งหลายที่ได้มาร่วมกันในวันนี้ และหวังตั้งใจว่าเราจะได้ดำเนินตามร่องรอยบทบาทที่หลวงพ่อได้ดำเนินเป็นสื่อนำร่องนำทางให้เราท่านทั้งหลายได้ประพฤติตามปฏิบัติตามไปแล้ว ขอขอบคุณแล้วก็ขออนุโมทนา แก่บรรดาญาติโยมทั้งหลายไว้ ณ โอกาสนี้เพียงแค่นี้ ขอขอบคุณ
โฆษก : ระฆังยังไม่ท่านดัง ท่านพระครูจบลงด้วยนาฬิกาของท่านซึ่งไม่ตรงกับของเจ้าหน้าที่จับเวลาก็เป็นได้ครับ สำหรับท่านต่อไปก็เป็นฝ่ายคฤหัสถ์ สลับกันเมือคืนนี้ไปประกาศชื่อไว้หลายท่าน แต่หมดเวลาที่จะขึ้นมาพูดในเรื่องที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์ ลำดับต่อไปก็ขอเชิญอาจารย์ วรรณี วัชรากรณ์(นาทีที่ 20.04) จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ท่านผู้นี้เป็นครูบาอาจารย์ที่ได้รับการยกย่อง ว่าเป็นครูดีเด่นเพราะปฏิบัติธรรมะ ประยุกต์ธรรมในการสอนในการอบรมเยาวชนตามแนวทางที่ได้รับไปจากท่านอาจารย์ ขอเรียนเชิญอาจารย์วรรณี ครับ
อาจารย์ วรรณี วัชรากรณ์ : นมัสการพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างยิ่ง นมัสการท่านพระเถระและพระอาจารย์ทุกๆ รูปคะ และขอคารวะท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลายนะคะ ในความรู้สึกของดิฉันต่อพระเดชพระคุณท่านอาจารย์คงจะไม่สามารถสรรหาภาษาใดๆ ในโลกนี้ มาใช้แทนความรู้สึกได้นะคะ ดิฉันมีความรู้สึกว่าพระเดชพระคุณของท่านอาจารย์ เปรียบเสมือนแสงจันทร์วันพ็ญ ที่ส่องลงมาท่ามกลางความมืดแล้วก็ขจัดความมืดไล่ความมืดนั้นให้หมดสิ้นไป ยังความสว่าง สงบ แล้วก็เย็นเกิดขึ้นแทนที่ ขออนุญาตพูดถึงว่าส่วนตัวเองเพื่อได้เป็นสิ่งที่จะกล่าวต่อไปสักเล็กน้อยนะคะว่า ดิฉันได้สอนศีลธรรมในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งนะคะ คือโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยคะ อำเภอหาดใหญ่ ที่จังหวัดสงขลา หน้าที่ที่ได้รับมาในการสอนวิชาศีลธรรมแก่นักเรียนมัธยมนั้น ในความรู้สึกส่วนตัวเป็นภาระที่หนักมาก เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะหาวิธีการที่ให้เยาวชนของชาติ สนใจศึกษาและประพฤติปฏิบัติในเรื่องศีลธรรม ให้บรรลุเป้าหมายที่เราต้องการให้เยาวชนเป็นคนดี เป็นคนที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมนะคะ เนื้อหาหลักสูตรส่วนใหญ่แล้ว ขออนุญาตใช้คำว่า ห่อหุ้มด้วยเปลือกด้วยกระดาษทั้งสิ้น และครูผู้สอนก็ไม่สามารถที่จะเจาะกระดาษให้เข้าไปเจอเพชรนะคะ ดิฉันรับภาระอันนี้มาด้วยความหนักใจมาตลอดเวลา จนกระทั่งได้มาอ่านพบหนังสือพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ หนังสือเล่มแรกที่ได้อ่านก็คือ พุทธประวัติฉบับสำหรับเยาวชน เมื่ออ่านแล้วก็ได้พบว่า สิ่งที่ควรจะนำไปสอนนักเรียนควรจะเป็นแนวทางอย่างไร ดิฉันจึงขออนุญาตกล่าวว่าเมื่อดิฉันได้พบพระเดชพระคุณท่านอาจารย์แล้ว ท่านได้เป็นผู้ที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักพระพุทธเจ้าองค์จริง จากการที่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้ ให้กับเยาวชนของชาติได้ ก็ทำให้เกิดความรู้แล้วก็สามารถที่จะนำเอาความรู้นั้นๆ ไปสู่เยาวชนได้ทีละเล็กละน้อย และเมื่อจากความรู้ที่ได้รับมานั้น เริ่มจากหนังสือเล่มเล็กๆ ต่อมาเมื่อเราสามารถเข้าใจได้เป็นจุดเริ่มต้นแล้ว เราจะเกิดความรู้สึกขึ้นมาเองคะ ที่จะขวนขวายศึกษาต่อไปถึงหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เป็นเล่มใหญ่ขึ้นนะคะ อันนี้โดยส่วนตัวที่ได้พบด้วยตัวเองมา หลังจากที่ได้รับรางวัลจากคุรุสภาในการเป็นครูสอนศีลธรรมของประเทศแล้ว ก็มีเพื่อนครูบาอาจารย์มากมายมาถามว่า ดิฉันสอนศีลธรรมเด็กโดยวิธีการอย่างไร คำตอบข้อหนึ่งที่ดิฉันมอบกับเพื่อนครูบาอาจารย์ไปนั้นก็คือ ได้บอกว่าวิธีการสอนศีลธรรมนั้นอยู่ในตำรับตำราของท่านอาจารย์ที่ท่านได้กรุณาเขียนขึ้นมาให้พวกเราได้ศึกษากันแล้ว ถ้าเผื่อว่าพวกเราได้ช่วยกันเปิดขึ้นมาแล้วก็อ่านจะพบวิธีการสอนอยู่ในนั้น ท่านเป็นผู้ที่แยกแยะวิธีการสอนเอาไว้ครบหมดแล้ว ยังเหลือแต่ว่าเราเองเท่านั้นแหละ ไม่ยอมเปิดขึ้นถ้าเราเปิดหนังสือต่างๆ ที่ท่านเขียนเอาไว้มากมาย เราจะพบวิธีการสอนอยู่ในนั้นแล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาคิดค้นขึ้นมาเองนะคะ ดิฉันได้ใช้วิธีการที่อยู่หนังสือที่ท่านเขียนเอาไว้มากมายนั่นแหละคะ เมื่ออ่านไปๆ จะเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาเองนะคะ ความรู้สึกที่มีจึงมีความรู้สึกว่า พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ ท่านเป็นครูของพระอาจารย์อีกทีหนึ่ง ซึ่งดิฉันเองไม่สามารถที่จะอาจเอื้อม ว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านนะคะ เพราะท่านสูงเกินกว่านั้นท่านเป็นผู้มีพระเดชพระคุณเกินกว่านั้น และความรู้ทั้งหลายแหล่ที่สามารถที่จะ ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์และนำมาประพฤติปฏิบัติให้ส่วนตัวเองพบความสงบบ้าง เมื่อมีปัญหาชีวิต ปัญหาในการทำงาน ปัญหาส่วนตัวต่างๆ ได้มาจากพระเดชพระคุณท่านอาจารย์นะคะ ส่วนปณิธานที่ท่านกำหนดเอาไว้ ๓ ประการ ในเรื่องเกี่ยวกับประการที่ ๒ ที่ว่าเรื่องเกี่ยวกับว่าจะทำอย่างไร เราจะช่วยกันดึงผู้ที่ยังลุ่มหลงอยู่ในวัตถุให้กลับคืนมาบ้าง จุดนี้ดิฉันเห็นว่าเป็นจุดที่สำคัญยิ่ง ครั้งแรกที่เข้ามาสู่สวนโมกข์ ดิฉันประทับใจมากว่าที่นี้ไม่ได้ติดอยู่ในวัตถุ โบสถ์วิหารของท่านก็เป็นธรรมชาติ เกิดความบันดาลใจว่า อ้อ วิธีการที่จะถ่ายทอดศีลธรรมให้กับเยาวชนนั้น ควรจะมีอะไรบ้างที่เป็นอุปกรณ์เกื้อกูล ได้แรงบันดาลใจไปจากสวนโมกข์ ว่าความสงบ ความร่มเย็น ควรจะเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะสร้างเร้าความสนใจเริ่มต้น ดิฉันก็เลยได้คิดว่า ห้องเรียนศีลธรรมนั้นควรจะมีแบบฉบับบ้าง ในโรงเรียนเราสั่งสอน ถ่ายทอดวิชาการที่เป็นวัตถุมากมาย ให้ความสำคัญทางชีวิตฝ่ายร่างกาย ฝ่ายวัตถุสูง สูงลิ่ว เมื่อเราต้องการที่จะให้ความสำคัญทางด้านจิตใจบ้าง เช่นว่าให้มีห้องสำหรับฝึกทางด้านจิตใจบ้าง เราต้องต่อสู้กันมากนะคะ ห้องศีลธรรมได้เกิดขึ้นก็เพราะแรงบันดาลใจไปจากที่นี้ และสถานที่ที่จะสั่งสอนอบรมให้ใจจิตสงบเย็นควรจะมีบรรยากาศที่สงบบ้าง เย็นบ้าง เพื่อที่จะให้เกิดความรู้สึกที่จะสอดคล้องไปตามคำสั่งสอนหรือเนื้อหาธรรมะนะคะ ส่วนภายในห้องเรียนก็ได้พยายามที่จะ จัดออกมาให้คล้ายกับว่าให้มีภาพปริศนาธรรมตามแนวที่อยู่โรงมหรสพทางวิญาณของที่นี้ คือจะมีเด็กที่มีฝีมือก็ช่วยกันวาดภาพขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ สำหรับสิ่งเหล่านี้ก็ได้เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะเรื่องธรรมะเป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเรื่องของจิตใจ อุปกรณ์หรือวัตถุที่เป็นวัตถุนั้น เป็นแต่เพียงอุบายวิธีส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เราจะใช้ให้เป็นเครื่องมือรับใช้เรา ให้ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทาง คือเรื่องให้เยาวชนของชาติมีจิตใจอันสงบเย็น ก็ขอยุติลงด้วยเวลาอันจำกันนะคะ สรุปได้ว่าทั้งหมดที่ดิฉันสามารถที่จะทำงานได้ แล้วก็สั่งสอนอบรมเยาวชน ตลอดจนกระทั่งมีชีวิตส่วนตัว สงบสุขพอสมควรนี้ ก็ด้วยพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ เป็นจุดแสงสว่างให้ค่ะ ขอนมัสการ
โฆษก : ท่านต่อไปขอกราบอาราธนา พระคุณเจ้าพระมหาสมดี สุวรรณโณ เลขาธิการคณะ ขจก ภาคอีสาน ครับ ในช่วงที่เรามาพูดถึงเรื่องที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์นี้ ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติธรรมะประการใดก็ทำกันไปตามหน้าที่ เลี้ยงน้ำปานะ แจกหนังสือบ้าง หรือเซ็นต์ชื่อในหนังสือในสมุดเพื่อจะได้รู้กันว่าใครเป็นใคร ก็ย่อมทำได้นะครับ หรือแม้ว่ามีอะไรเป็นเรื่องประทับจากแต่ละท่านที่ขึ้นมาบรรยายนี้ ก็พูดซุบซิบกันได้ ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อพูดที่ตั้งใจฟังอื่นๆ กรุณาเขียนชื่อเรียงเสียงนามให้ชัดด้วยนะครับ พระคุณเจ้าพระมหาสมดี คงยัง ประธานคณะ ขจก ภาคอีสานครับ ได้กราบเรียนไว้ อาจจะยังอยู่ห่างอยู่ไกลอย่างไร ก็เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็รอท่านไว้ในลำดับต่อไป ขออาราธนาพระคุณเจ้าพระอาจารย์สุชา สัจจญาโณ(นาทีที่ 30.46) ครับ จากจังหวัดขอนแก่น ภาคอีสานเช่นกัน สำหรับฆราวาสท่านต่อไปก็โปรดรู้ตัวกันไว้ ผมกราบเรียนเชิญคุณ วิโรจน์ สิริอัฐ(นาทีที่ 31.04) ครับ
พระคุณเจ้าพระอาจารย์สุชา ปัจจญาโณ: ขอน้อมนมัสการท่านอาจารย์ที่เคารพและพระเถระทุกท่าน ขอเจริญพรแก่ญาติโยมผู้สนใจในธรรม ที่กระผมได้เข้ามาศึกษาธรรมะที่สวนโมกข์ครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ก่อนหน้านั้นได้บวชมา ๑๑ พรรษาแล้ว แต่ว่าก็ยังติดตำราเก่าๆ หรือว่าคำสอนที่ส่วนมากที่สอนกันอยู่ คือเชื่อในหลัก สัสสตทิฏฐิ ที่ว่าวิญญาณเที่ยงหลังจากตายแล้วมีวิญญาณไปเกิดอีก กระผมหรืออาตมานี้จำนนต่อหลักฐานแล้วคือว่า ในชาตินี้ไม่มีหวังที่จะได้มรรคผลนิพพานเพราะเข้าใจว่า มรรคผลนิพพานนั้นเป็นเรื่องของชาติหน้า หรือว่าคนที่เบื่อจากโลกอย่างสิ้นเชิงเพราะว่าตามหลัก สัสสตทิฏฐินั้นมีอยู่ว่าหลังจากเราตายไปแล้วคือร่างกายมันตายไปแล้วมีวิญญาณไปเกิดจึงจะไปรับผลบุญผลกรรมที่เราทำมาชาติหน้าภพหน้าอย่างนี้เป็นต้น ก็จำนนว่าในชาตินี้เราไม่มีหวังอีกแล้วที่จะได้มรรคผลนิพพานจึงขอทำบุญไปก่อนไปรับเอาชาติหน้า ต่อมาบวชมาในปี ๒๕๑๘ ก็เกิดมีความทุกข์ขึ้นชนิดหนึ่งเป็นความทุกข์ที่นอนไม่ค่อยหลับ ๒ วัน ๓ วัน ๒ คืน ๓ คืน คือความทุกข์ชนิดนี้มันเป็นความทุกข์ที่มีความขัดแย้งระหว่าง อาตมากับญาติโยมนั้นก็คือ สร้างโบสถ์เสร็จแล้วฝังลูกนิมิต ก็เรื่องผลประโยชน์นั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้อาตมามาที่กรุงเทพฯ แล้วก็ไปหาซื้อหนังสือ ที่จริงก็จะไปซื้อหนังสือเรื่องวิญญาณของ ท.เลียงพิบูลย์ หรือว่าหนังสือเกี่ยวกับวิญญาณ ไปที่วัดมหาธาตุ ก็มีท่านอาจารย์องค์หนึ่งบอกว่าให้ซื้อหนังสือของท่านอาจารย์พุทธทาสไปอ่าน เป็นหนังสือที่ชนะการประกวด เลยซื้อหนังสือเล่มแรกคือแก่นพุทธศาสตร์ ไปอ่านก็เลยเข้าใจธรรมะในเล่มแรกคือแก่นพุทธศาสตร์ ต่อมาก็ได้อ่าน ปรมัตถสภาวะธรรมะ จึงเข้าใจว่าที่จริงแล้วเรื่องอนัตตาใครๆ ก็อ่านแล้วก็รู้ก็ว่าตาม สัพเพ ธัมมา อนัตตา สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ก็ว่ากันอยู่อย่างนั้นแต่ว่า ว่าแต่ปากโดยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จึงมาอ่านปรมัตถสภาวะธรรมะ จึงเข้าใจว่าคนมีระบบธาตุมารวมกันแล้วก็สมมุติว่าเป็นคน จึงมีอุปาทานเข้าไปยึดว่าเป็น แล้วก็เกิดมีความทุกข์เมื่อมันผิดหวัง ดังที่อาตมาหรือกระผมเคยเป็นอยู่ ดังนั้นปี ๒๕๑๘ ก็ออกมาพบกับคุณวิโรจน์ สิริอัฐ แล้วก็พวกอาจารย์ถวิล หลายๆ องค์ ก็เริ่มเข้าใจธรรมะมาตั้งแต่ปีนั้น จนมาเข้าใจจริงๆ ในธรรมะว่า สภาวะจิตมันรู้สภาวะจิตเองนั้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ที่ไปบำเพ็ญทำกรรมฐานที่บนหลังเขาแห่งหนึ่งที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็ได้มาสวนโมกข์แล้วได้นำ อานาปานสติสูตรหรือว่ามหาสติปัฏฐาน อานาปานสติของท่านอาจารย์ไปเป็นเทปม้วนหนึ่ง แต่ไม่เข้าใจเรื่องว่ากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม จนไปทำเกิดสติสัมปชัญญะ รู้สภาวะจิตของตนเองเมื่อมันคิดขึ้น จึงเกิดมีสติกำจัดทุกข์ได้เอง เมื่อเราคิดผิดขึ้นมาเป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วก็จากนั้นมาก็เกิดสัจธรรมขึ้นมาเป็นอย่างๆ เช่นเรื่องพระแต่ก่อนเข้าใจว่าเรื่องพระพุทธรูป หรือว่าเครื่องรางของขลังเป็นพระ ต่อมาก็เลยเข้าใจว่า คำว่าพระในที่นี้ก็หมายถึง สภาวะของจิตที่มันเป็นสัมมาทิฏฐิ คือเห็นถูก อันนี้แหละที่ท่านอาจารย์หรือว่าสวนโมกข์ได้ให้แสงสว่าง คือเปลี่ยนจากมิจฉาทิฏฐิที่หลงผิดว่าเรามีตัวตนหรือว่ามีวิญญาณหลังตายไปเกิดอีกกลับมาเป็นวิทยาศาสตร์ เรื่อง อิทัปปัจยตา มีเหตุมีปัจจัยเพราะหลักพุทธศาสนานั้นไม่ได้ปฏิเสธว่าตายแล้วไม่เกิดอีก หรือตายแล้วสูญ หลักพุทธศาสนาจะสอนหรือการเกิดกิเลส หรือเวียนว่ายตายเกิดของเจตสิกหรือกิเลส คือ สัสสตทิฏฐิ นี้สอนว่าบุญกรรมที่เราสร้างไว้แต่ชาติก่อนได้มาเกิดในชาตินี้ก็มีกิเลสติดมา กิเลสก็อยู่ในตัวเราต้องทำอย่างรุนแรงหรืออะไรจนกว่ากิเลสจะหมดไปอันนี้คือความหลงผิด พอมาศึกษาแล้วกิเลสไม่ได้อยู่ในตัวเราเพราะกิเลสนั้นเป็น เจตสิกหรือว่าเป็นสีผสมจิตของเราต่างหากเพราะเราหลงผิดเพราะขาดสติ ขาดปัญญา พอผัสสะทางตาหู จมูก ลิ้น กาย และใจของเรา เราขาดสติ กิเลสจึงจะเกิด พอมาเข้าใจอย่างนี้จึงมากำจัดทุกข์นี้ได้ด้วยตนเอง เมื่อกำจัดทุกข์ได้เป็นส่วนๆ ก็เรียกว่ามรรคผลนิพานจึงมาเข้าใจ อันนี้ก็เกี่ยวกับ พุทธศาสนาที่เข้าใจ ๘ – ๙ ปีมาข้างหลังนี้ก็ได้พูดให้ฟัง เวลาก็จำกัดขอจบแต่เพียงเท่านี้
โฆษก : ระฆังแรกแสดงว่ายังอีก ๒ นาทีครับ พระคุณเจ้าสรุปได้ยังอีกเวลาตั้ง ๑ นาที ท่านที่ต่อไปซึ่งเรียนไว้คุณวิโรจน์ ศิริอัฐ ครับแก่นพุทธศาสน์ เป็นหนังสือที่หันเหชีวิตของพระคุณเจ้า ในพระไตรปิฏกเล่มเก่ามาสู่พระไตรปิฏกใหม่ ที่ท่านอาจารย์พุทธทาสให้ฉีกเสียบ้างในบ้างเรื่องนะครับ เพราะงั้นหนังสือของอาจารย์แต่ละเล่ม ก็ได้โปรดสนใจกัน คุณวิโรจน์ ศิริอัฐ กรรมการมูลนิธิเผยแพร่ชีวิตประเสริฐมาแล้วครับ
คุณวิโรจน์ ศิริอัฐ : ขอกราบนมัสการท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูงสุด แล้วก็กราบท่านพระคุณเจ้าทุกๆ รูป แล้วก็ขอคารวะท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ กระผมก็คงจะรู้จักตัวกระผมแล้วเป็นส่วนใหญ่นะครับ ว่ากระผมนี้คือนาย วิโรจน์ ศิริอัฐ เป็นรองประธานกรรมการเผยแพร่ชีวิตประเสริฐ งานส่วนใหญ่ที่ทำอยู่ขณะนี้คือ งานเผยแพร่ธรรมะในแนวของท่านอาจารย์ที่นี่ สิ่งบันดาลใจที่ทำให้กระผมทำงานทางด้านนี้ และกระผมเองรู้สึกอยู่ตลอดมาว่าการที่จะทำให้ท่านอาจารย์มีชีวิตยืนยาวและอยู่กับเราตลอดไปนั้น ไม่มีอะไรที่จะวิเศษหรือดีไปกว่าว่า ช่วยกันเผยแพร่ธรรมะของให้แผ่กระจายออกไป ให้กว้างขวางออกไปมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่า กระผมเองถึงแม้ว่าจะมีบรรพบุรุษนับถือพุทธศาสนามา ก็เคยไปวัดใส่บาตร ไปทำบุญขนทรายเข้าวัดอะไรเหล่านี้เรื่อยมานะครับ แต่ว่ามองไม่เห็นคุณค่าของพุทธศาสนาเลย จนกระทั่งมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ว่าเอ้ ศาสนาไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเราเรื่องอะไรจะต้องไปเกี่ยวข้อง ถ้าไปเกี่ยวข้องกับศาสนานี้ขาดทุน เพราะเหตุกว่าจะต้องเอาข้าวเอาปลา เอาเงินเอาทอง เอาหยูกเอายาไปถวายพระ เรื่องอะไร เรากินเราใช้ซื้อเองไม่ดีกว่าเหรอ นี่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นในตัวผมอยู่ระยะหนึ่ง และผมก็ไม่เกี่ยวข้องกับพระกับเจ้ากับวัดกับวา ผมไม่เกี่ยวข้องอยู่ระยะหนึ่ง เสร็จแล้วมันก็มาคิดถึงตัวเองครับ นี่เป็นเหตุการณ์เมื่อปี ๒๕๐๑ มาคิดถึงตัวเองว่าเอ๋ ไอ้เรานี้มันเกิดมาทำไม มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่ วันหนึ่งวันหนึ่งไม่เห็นชีวิตมีสาระตรงไหนเลย มีแต่เล่นกินๆ นอนๆ เที่ยวๆ หมดไปวันๆ เท่านั้นเอง เอ้เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร คิดไม่ออกหรอกครับ ถามเพื่อฝูงบางคนก็บอกว่า ก็เกิดมาแล้วก็อยู่ไปซิ ก็เราอยากจะรู้ว่าเราอยู่ไปทำไม จนกระทั่งผมเป็นโรคประสาทอย่างแรง ในระยะนั้นคิดว่าคงจะเอาชีวิตไม่รอด แรงมากครับแรงขนาดต้องเอาศีรษะโขกกับเสา ไปรักษากับหมอแผนปัจจุบันก็ทุเลาลงบ้างครับ ต่อมาก็มีเพื่อนคนหนึ่งครับชื่อ พันตำรวจเอก สมิต จรุมิลินท์(นาทีที่ 43.40) ผมยังจำได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เอง เขาแนะนำบอกว่า ลองไปหาคุณวิจิตร โตกตระการ(นาทีที่ 43.50) ท่านเปิดสถานฝึกสมาธิอยู่ที่ผ่านฟ้า ลองไปรักษากับท่านดูบางทีอาจจะหาย ไอ้ผมก็ไม่รู้สมาธิ คืออะไรก็ไม่รู้ เราอยากจะหายโรคก็ไปหาท่าน ท่านก็จับผมฝึกสมาธิ ด้วยเครื่องให้จังหวะลมหายใจ เข้า ออก เข้าออกนี่ พอดีๆ มีเครื่องให้จังหวะ มีภาพหมุนที่ฝาผนังในห้องมืดให้เพ่ง ไปทำอยู่อย่างนี้ประมาณเดือนเดียว โรคประสาทนี้หายปลิดทิ้งเลยครับ ถึงขนาดนี้แล้วผมก็ยังไม่สนใจพุทธศาสนา ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเรา หนักๆเข้าโรคชักจะกำเริบเข้ามาอีก ผมก็โชคดีอีกครับ โรคชักจะกำเริบ เพื่อนเขารู้เข้า เขาก็เลยเอารถมารับผมชื่อเดียวกับผมนี้ ชื่อวิโรจน์เหมือนกัน ก็นั่งรถไปกับเขาเขาก็บอกเอ้อวันนี้ไปเที่ยวปากช่องกัน ไปชักลิ้นชักรถเขาเข้าเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่าคู่มือมนุษย์ครับ หนังสือเล่มนี้หล่ะครับที่ชุบชีวิตผมทั้งชีวิตให้รอดตัวมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๑เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แล้วก็นี้ละครับมันก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ผมว่าจะต้องพยายามเผยแพร่งานของพระอาจารย์ให้กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำอยู่ก็คือทางด้านหนังสือ แล้วก็เราได้มีคณะหรือทีมงานออกมาออกไปทำงานทางด้านการอบรมครูบาอาจารย์ เราก็ทำเรื่อยมาทางด้านการอบรมครู บาอาจารย์นี่เราก็ทำมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ เรื่อยมาจนกระทั้งทุกวันนี้ เราก็ไปได้ประมาณถึง ๓,๐๐๐ แห่ง แต่ถึงกระนั้นเองผลที่ออกมามันก็ได้ประโยชน์บ้างละครับ ครูบาอาจารย์ก็หลายคนก็ตื่นตัวออกมาบางพอสมควร แต่ว่าก็ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนัก ซึ่งเราก็ต้องหาวิธีการหรือดำเนินการกันต่อไปซึ่งในเรื่องนี้ ก็มีผู้ทักท้วงบอกว่า ไม้แก่ดัดยากไม้อ่อนดัดง่ายนะ เพราะฉะนั้นก็ควรจะเข้าหานักเรียนด้วย ซึ่งเวลานี้เราก็ดำเนินการอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็หลายโรงเรียนเราก็ได้ทำงานกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นไอ้สิ่งที่เราจะต้องดำเนินการกันต่อไปเราจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำว่าทำอย่างไรหนอ ที่จะให้ธรรมะนี้ได้แผ่ขยายออกไปสู่มหาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมอยากจะเรียนถึงพระองค์หนึ่งซึ่งเคยจำพรรษาอยู่ที่นี้หลายพรรษา คือพระอาจารย์ถวิล สุนริยะพาส(นาทีที่ 47.09) เมื่อวันที่ ๒๐ ที่ผ่านมานี้เองครับ ท่านมาหาผมตั้งแต่เช้ามืด ท่านมาบอกกับผมว่า นี่ต่อไปนี้คุณวิโรจน์ อย่ามานิมนต์อาตมาไปอบรมครู เพราะอาตมาเห็นว่าการอบรมครูนี้ได้ประโยชน์น้อย อาตมาเห็นว่าการพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองได้ประโยชน์มากกว่า ท่านว่าอย่างนั้น ผมก็ถามท่านบอกว่าไอ้ที่ไปอำเภอศรีสงครามมานี้ ได้ประโยชน์อะไรบ้าง ท่านก็บอกว่าจากการอบรมของทีมงานคณะครูอาจารย์จากวิทยาลัยครูอุบลราชธานี ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมเลิกอบายมุขได้ถึง ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ นี่ท่านพออกพอใจมากเพราะฉะนั้น ท่านก็มุ่งเข้าสู่หมู่บ้าน เพราะเหตุว่าการเข้าสู่หมู่บ้านนี่ถ้าพัฒนาเป็นหมู่บ้าน การประเมินผลหรือการวัดผลมันจะง่ายขึ้น มันจะเห็นง่ายขึ้น เมื่อกี้นี้ผมก็ได้ทราบจากหมอวาณีว่าที่นี้ก็ได้ดำเนินการไปแล้วจะทำให้เป็นหมู่บ้านปลอดอบายมุข จนกระทั่งทางอำเภอ พออกพอใจไปถ่ายทีวีออกอากาศต่อไป นี้ก็นับว่าเป็นทางหนึ่งครับหรือว่าเป็นลู่ทางอันหนึ่งที่จะทำให้ท่านอาจารย์มีชีวิตยืนยาวตลอดไปที่จะอยู่กับพวกเราตลอดไป เอาหล่ะครับเวลาหมดแล้วก็ขอขอบคุณแต่เพียงเท่านี้ครับ
โฆษก : จากการกล้าหาญมายืนยันว่าได้สำเร็จการศึกษาไปถึงขั้นปริญญานะครับ ของท่านผู้ที่พูดไปนั้นทำให้เรารู้ว่าไม่ได้ทำให้เลื่อมใสพระพุทธศาสนาเลย ทั้งๆ ที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่มารู้จักพระพุทธศาสนาและชีวิตที่แท้จริง ก็เมื่อได้อ่านหนังสือคู่มือมนุษย์ของท่านอาจารย์พุทธทาส ครับ ขณะนี้ยังอีกประมาณ ๕ นาที ก็จะถึงเวลา ๑๑ นาฬิกา ๕ โมงเช้า เราได้รับเกียรติจากผู้ร่วมอภิปรายฝ่ายบรรพชิต ๒ ท่าน ฝ่ายคฤหัสถ์ ๒ ท่าน กระผมหันไปเห็นท่านที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ครับบันทึกอะไรเขียนออกไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ท่านอาจารย์ให้เครื่องมือขุดหาเพชร จบแล้วก็ขอมาดูว่าอะไรก็ปรากฏว่าเป็นการย่อคำบรรยายของท่านอาจารย์เรื่องเครื่องมือขุดหาเพชร แล้วก็ย่อมาอย่างสวยงามด้วย กระผมจะขอเรียนเชิญผู้ที่ย่อถ้อยคำนี้นะครับ ขึ้นมาประกาศในทำนองเป็นเพลงด้วยเพราะว่าสามารถที่จะร้องเป็นเพลงได้ คืออาจารย์สมทรง บุญญฤทธิ์ครับ ขออนุญาตครับเป็นการขัดตาทัพ ให้ร้องเพลงเลยครับ เพลงเครื่องมือขุดหาเพชร เพราะใครๆก็ชื่นชมเหลือเกินครับว่าอาจารย์ร้องเพลงประทับใจมาก ๒ คืนผ่านมา
อาจารย์สมทรง บุญฤทธิ์ : เอ่อ สำหรับเพลง กาลามสูตรนี้นะคะ มันมีตั้ง ๑๐ ข้อเพื่อให้จำง่ายๆ เท่านั้นเอง ก็ต้องเอาใส่เป็นเพลง เพราะอาศัยความคิดนึกเหมือนตอนเป็นเด็ก อะไรมันยากๆ จำไม่ไหวก็ใส่เป็นเพลงแล้วก็เลยจำแม่น เพราะฉะนั้นพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ท่านให้เพชรสำหรับเราวันนี้ ว่าคือ สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งปวงอันใครไม่ควรยึดมันถือมั่น นั่นเป็นตัวเพชร ทีนี้เพชรนั้นละก็ไม่ใช่จะเข้าถึงกันได้ง่ายๆ เราจะต้องมีเครื่องมือเจาะถึงจะพบนะคะ เพราะฉะนั้นเครื่องมือในการขุดหาเพชรนั้น ในพระพุทธศาสนาของเราได้ให้ไว้แล้วคือ กาลามสูตร สำหรับเพลงนี้นั้นกำลังคิดอยู่ว่าก่อนพวกเราจะกลับทำอย่างไง เราถึงจะได้ติดตัวไปทุกคน เดียวเราจะลองคิดกันดู สำหรับตอนนี้จะสรุป คำกล่าวของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ ออกเป็นเพลงกาลามสูตร
อย่าเชื่อถ้อยคำที่เขาว่า อีกทั้งอย่าทำตามตามกันไป อย่าเชื่อข่าวลือนั้นไซร้ หรืออ้างในคัมภีร์ตำรา อย่าเชื่อเพราะนึกเดาเอา คาดคะเนหรือเฝ้าคิดเอาเองตามประสา ว่าตรงกับทิฎฐิของเรานี่หนา ทั้งผู้พูดจาน่าเชื่อเหลือล้น อย่าเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นครู จงพินิจคิดดูให้รอบคอบแยบยล จนแจ่มแจ้งเห็นชัดด้วยตน ทั้งเหตุและผลแล้วจึงปลงใจตาม นี่คือกาลามสูตร พุทธองค์ทรงพูดโปรดชาวกาลาม ที่เกสะบุตติยะนิคมคาม แม้ใครทำตามเป็นปราชญ์แน่เอย
กราบนมัสการ
โฆษก : ท่านที่เคารพคิดว่าเพลงนี้น่าจะพิมพ์แจกกัน เพื่อความจำง่ายในการที่จะ ในการที่เราได้มารับเครื่องมือขุดค้นหาเพชรไหมครับ ถ้าคิดว่าน่าจะได้แจกกันกรุณาฟังเสียงครับ หรือท่านไม่สน ถ้าท่านต้องการกรุณาปรบมือครับ ครับถ้าเป็นเช่นนั้นเห็นจะต้องพยายามลอกกันนะครับ จะโดยวิธีใดถ้าไม่มีเครื่องมือที่จะพิมพ์แจกกันทันก็มาบอกแต่ละบทช่วงใดช่วงหนึ่งให้ท่านจดไป ขอบคุณครับที่ขานรับเครื่องมือขุดหาเพชร ย่นย่อที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาประทาน ให้เป็นของขวัญในวันล้ออายุวันนี้ ครับอยู่กันตามสบายในช่วงตรงนี้นั่งอย่างไร หรือปฏิบัติธรรมอย่างไร ทำอย่างไรตามหน้าที่แต่ขอให้มีการสัญญากันไว้ในใจว่า ตราบใดที่ท่านอาจารย์ยังนั่งอยู่ตรงนี้ เราจะพยายามอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่หลบไปไหนนั่งให้สบายๆ แล้วก็มีพระคุณเจ้าและศิษย์ คฤหัสถ์นี่ครับจะได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมากล่าวสิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์เรื่อยๆ ไป ซึ่งกระผมขอขอบพระคุณบรรดาท่านที่กรุณาช่วย เลือกหานะครับผู้ที่ควรจะพูดมา ส่งให้ผมเรื่อยๆ ทั้งฝ่ายพระและฝ่ายคฤหัสถ์