แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผมขอ ๑ นาทีสำหรับตานี้เพื่อเห็นความสำคัญของหนังสือนั่นแหละ พระคุณเจ้านี้อุตส่าห์พบหนังสือของท่านอาจารย์เรื่องตัวกูของกู ก็หลุดพ้นออกจากแวดวงข้างใน ออกมาถึงสวนโมกข์ได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ กระผมอยากจะกล่าวชีวิตของกุลสตรีท่านหนึ่งซึ่งเจริญเติบโตมาอยู่ในวงของคหบดีได้รับการศึกษาเล่าเรียนดีพอสมควร แต่ว่ามารดาของเขาเป็นคาทอลิก เหตุปัจจัยผลักดันให้โน้นไปอยู่กรุงวาติกันนะครับ แต่ว่าไม่ได้ไปอย่างชนิดที่ไปด้วยอารมณ์หรือไปตามเหตุตามปัจจัยอื่นเพียงอย่างเดียว ได้ถือหนังสือของอาจารย์เล่มหนึ่งติดกระเป๋าไปด้วย คือหนังสือพระนิพพาน อยู่ถึง ๑๓ ปี เหตุปัจจัยของหนังสือพระนิพพานผลักดันให้กับมาพบกับผมที่กรุงเทพฯได้ มีอานิสงส์สื่อร่วมกัน ต้องพูดสักหน่อยว่า ผมก็โชคดีคนหนึ่งแหละที่ว่า ได้คนได้เข้าถึงท่านอาจารย์พุทธทาสแล้วเราอยู่ด้วยกันอย่างที่เป็นสหายธรรม มีชีวิตที่นิพพาน แล้วนิพพานคือมีความเย็นในปัจจุบันชาติครับ แล้วก็สามารถที่จะมาสนองงานในปัจจุบันของท่านอาจารย์พุทธทาสที่นี่ได้ทุกครั้งที่มีวันสำคัญเกี่ยวกับพระศาสนาและเกี่ยวกับชีวิตของท่านอาจารย์ ท่านผู้นั้นก็คือภรรยาของผมเองครับ หนังสือนิพพานเล่มเดียวเท่านั้นเห็นความสำคัญไหมครับ หนังสือผลงานของท่านอาจารย์ พระคุณเจ้าที่ขึ้นมาพูดหนังสือตัวของกู เมื่อกี้คุณวิโรจน์ที่ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่าหนังสือเรื่องคู่มือมนุษย์ แล้วก็อาจารย์เจริญก็ได้หนังสือเรื่องอิทัปปัจจยตาครับ มีหนังสือผลงานของหนังสือบางทีเรามาครั้งหนึ่งคราวหนึ่ง เราได้หนังสือกันไปเยอะแยะเพราะทุกคนที่ทำบุญมากน้อยก็ได้รับหนังสือไป บางท่านไปอ่านจบหรือเปล่าไม่รู้
กระผมจะขอยังไม่ถึง ๒ นาทีนะ มีบุคคลที่จะต้องสดุดีท่านหนึ่งที่มากับผมหลายครั้งแล้ว ผมว่าทำไมจึงสนใจสวนโมกข์ อุตส่าห์มาตั้งหลายครั้ง ซึ่งแวดวงสังคมนั้นไม่เคยสนใจสวนโมกข์เลย ไม่เคยเห็นใครมาถึงสวนโมกข์เลยเพราะอยู่ในวงการพ่อค้า คหบดี ชนิดที่อยู่ในท้องที่ท้องสำเพ็งเลยครับ เป็นเถ้าแก่ใหญ่อยู่ในท้องสำเพ็ง อุตส่าห์มานอนหมอนไม้ กินข้าวจานแมวกับผมที่นี่หลายหนแล้ว แล้วมาแต่ละครั้ง ไม่เพียงแต่มาด้วยกายเท่านั้น หอบปัจจัยมาบำรุงสวนโมกข์ ครั้งหนึ่ง ๔ พัน ๕ พันบาททุกครั้งนะ นี่เพราะอะไร เพราะอำนาจของอะไร ผมถามว่าทำไมจึงมา บอก อืม, พระองค์นี้เก่งมาก ผมอ่านหนังสือท่าน อยากจะเห็นหน้า อยากจะมากราบมาไหว้ อิทธิพลทางหนังสือเหมือนกัน ในที่สุดมาพบมาไหว้แล้วไม่เพียงครั้งเดียว ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ แล้วยังพาเพื่อนในแวดวงการค้าของท่านมาร่วมอีก คุณวิวัฒน์ ทรงธรรมกิตติ ครับ และคุณธีรวัฒน์ เพื่อนของเขามาด้วยคราวนี้ ผมต้องขอพูด เพื่อเห็นอานุภาพแห่งงานของท่านอาจารย์ที่ผลิตออกมาเป็นหนังสือนะครับ เพราะฉะนั้นจะขอปลุกเร้าน้ำใจของทุกท่านที่มีโอกาสมาอยู่ในที่นี่ และคงจะได้รับหนังสือด้วยกันทุกคนโดยเฉพาะวันพรุ่งนี้นะครับ ถึงใครจะทำบุญบำรุงสวนโมกข์ไม่สวนโมกข์อย่างไร สนใจไม่ยังไงต้องรับไปคือหนังสือเพราะอายุ กรุณาไปอ่าน ๆ แล้วท่านก็จะได้อะไร ๆ ครับ
ต่อไปนี้ก็จะถึงตาของฝ่ายคฤหัสถ์ ครับรู้สึกว่า เวลามันเรากำหนดกันไว้ว่า ๔ ทุ่มก็จะจบนะครับ เวลานี้ ๔ ทุ่มพอดี ก็จะขอเวลาสำหรับคฤหัสถ์อีกสักท่านหนึ่ง แล้วก็ถึงตาที่จะอาราธนาพระคุณเจ้าพระอาจารย์วรศักดิ์ครับ ท่านบอกว่าไม่รู้จะสรุปอย่างไรเพราะว่าประเด็นที่ตั้งไว้เพื่อให้ลงไปในมโนปณิธาน ๒ ประการของท่านอาจารย์นั้นพูดกันชนิดที่อาจจะสรุปกันไม่ค่อยได้นะครับ แต่ว่าเวลาเรายังมีวันพรุ่งนี้อีกคืนหนึ่งครับ พรุ่งนี้อีกวันหนึ่งภาคบ่าย ถ้าอาจารย์พูดไม่ได้ พวกเราต้องขึ้นมาอภิปรายกันอีก ถ้าอาจารย์พูดได้ เราก็ได้ฟังท่านอาจารย์ แต่ตอนเช้าแน่นอนล่ะก็ต้องได้รับอนุญาตจากนายแพทย์ใกล้ชิดว่าอาจารย์จะขึ้นมาพูดที่นี่ ขึ้นมาพูดที่นี่จนได้สัก ๓๐ นาที ผมทราบมาแล้ว เวลาที่เหลือนั้นเราจะต้องอภิปรายกันเรื่องที่ควรพูดกันเกี่ยวกับท่านอาจารย์ให้มาก ๆ ทุกคนคงจะได้แนวทางแล้วนะครับว่าเราจะพูดอย่างไร พูดได้ทั้งนั้น มีประโยชน์ทั้งนั้นเห็นไหมครับ ควรแก่รับไปประพฤติปฏิบัติได้ทั้งนั้น อย่างน้อยที่สุดพวกเราที่มา ๆ ได้หนังสือไปแล้วต้องสนใจอ่านหนังสือนี่ก็ได้นะ จากคุณค่าประจักษ์พยานหลักฐานที่ท่านขึ้นมาพูดครับ
ต่อไปนี้ขอเชิญอีกสักท่านเดียวนะครับ แล้วก็จะได้มีการสรุป ใครดี ท่านกรรมการมูลนิธิดีกว่าครับ อยู่ใกล้ตรงนี้ คุณนิติ พิภพครับ คือผู้เริ่มก่อการมูลนิธิเผยแพร่ชีวิตประเสริฐ คือต่อผลงานหรือขยายผลงานของท่านอาจารย์ให้ฟุ้งเฟื่องไปทั่วประเทศนะครับ ร่วมกับคุณวิโรจน์ และก็สหายธรรมอีกหลายท่าน ขอเชิญ
กราบนมัสการท่านอาจารย์ที่เคารพและพระคุณเจ้าทุกท่าน และท่านสาธุชนผู้สนใจใฝ่ธรรม เรามาสวนโมกข์เราก็ควรจะได้อะไรใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมคิดว่าเราควรจะได้ เราควรจะถวายพระเดชพระคุณท่านอาจารย์นั้นก็คือธรรมะ หรือเราจะใช้ศัพท์ว่า โมกขะ ก็ได้นะครับ เรามาสวนโมกข์ พระอาจารย์ต้องการให้เราได้สิ่งที่เรียกว่าโมกข์ เวลาท่านกล่าวต้อนรับปฏิสันถาร ท่านก็บอกว่ามาสวนโมกข์ก็ต้องได้ความพ้นหรือโมกข์ เพราะว่าเราอยู่ที่บ้านนั้นบางทีก็รุงรัง รุงรังไปด้วยความแปดเปื้อนทางร่างกาย เนื่องจากการทำงาน เราก็อาบน้ำ แล้วก็โมกข์คือร่างกายเกลี้ยง เสื้อผ้าเราเปื้อนเราก็ซักและเสื้อผ้าก็เกลี้ยง ทีนี้คนเรานั้นไม่ใช่มีแต่เสื้อผ้า ไม่ใช่มีแต่ร่างกาย เรามีจิตใจของเราด้วย จิตใจของเราก็เปื้อนเหมือนกัน ไม่โมกข์ ไม่เกลี้ยง เปื้อนอะไรบ้าง เปื้อนอบายมุข เราก็มีอบายมุขกันบ้าง สิ่งเสพติดกันบ้าง เช่น หมาก พลู บุหรี่ เหล้ายาปลาปิ้งอะไร เป็นเรื่องของทั้งผู้หญิงผู้ชาย ฉะนั้นมาสวนโมกข์เราก็มาทำความเกลี้ยงในเรื่องสิ่งเสพติด ถ้าเราไปโรงปั้น ทางโรงปั้นก็ขอให้เราทิ้งสิ่งเสพติดทั้งหลาย บุหรี่ที่มากันนำมากันบ้างนั้นก็ได้รับการชี้ชวนให้เห็นโทษแล้วก็ทิ้งไป นี่เราก็โมกข์ หรือเกลี้ยงในเรื่องสิ่งเสพติดคือ บุหรี่ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะเอาธรรมะมาทำใจ ทำกาย ทำวาจาของเราให้โมกข์ให้เกลี้ยง แล้วเราก็จะได้บุญได้กุศลที่เราจะถวายท่านอาจารย์ และในวันพรุ่งนี้เราก็เตรียมของขวัญกันแล้วที่จะถวายท่านอาจารย์ นั่นก็คือความเกลี้ยงในเรื่องอาหาร เราจะไม่รับประทานกัน จิตใจของเราก็จะบริสุทธิ์ผ่องใสที่จะไม่กังวลในเรื่องอาหารก็คิดว่าเราก็คงจะได้ถวายกันอย่างพร้อมเพียงเป็นพิเศษในปีนี้
ทีนี้เมื่อเราเห็นผล เห็นประโยชน์ของความเกลี้ยง เราก็คงจะทำใจเราให้เกลี้ยงจากสิ่งที่เรียกว่ากิเลส เมื่อเราสนใจใฝ่ธรรม นำธรรมะของท่านอาจารย์ที่ท่านสอนมาเป็นเวลานานไปประพฤติปฏิบัติเราก็จะมีความเกลี้ยงจากความเห็นว่าเป็นตน แล้วก็จากความเห็นแก่ตน ทำให้เรามีชีวิตที่บริสุทธิ์ดุจเดียวกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์จริงที่พระองค์ยังอยู่ พระองค์ที่เป็นพระรูปธรรมนั้นได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปนาน ๒,๕๒๘ ปี แล้ว แต่พระองค์จริงยังอยู่ พระอาจารย์ของเรา โดยรูปขันธ์รูปกายของท่านก็เป็นไปตามธรรมชาติจะอยู่นานเท่าไหร่นั้นก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ความเป็นพุทธทาสของท่านนั้น ท่านจะคงอยู่นิรันดร์ เพราะว่าผลงานของท่านนั้นมีมหาศาลกว้างไกลไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลงานนี้จะอยู่นานเท่านาน และก็ความเป็นพุทธทาสที่ท่านได้ทำงานให้บรรดาผู้รู้เห็นหรือศิษยานุศิษย์ได้เข้าใจนั้น บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็ได้รับที่จะทำงานในนามของพุทธทาสต่อไป เพราะฉะนั้นพุทธทาสก็จะไม่ตาย อยู่คู่ไปคู่กับศาสนานานเท่านาน พวกเราทั้งหลายก็คงจะได้ธรรมะจากพุทธทาสทั้งจากท่านอาจารย์เองและจากบรรดาศิษย์ที่ทำงานในนามของพุทธทาสก็จะมีจิตใจที่สะอาด ปราศจากกิเลส ปราศจากความเห็นแก่ตน และปราศจากความเห็นว่ามีตน เมื่อไม่มีตนเราก็จะมีชีวิตอย่างบริสุทธิ์ อย่างไม่มีปัญหา
เมื่อคืนนี้ท่านที่มาก็ได้รับฟังเพลงโลกนี้ไม่มีตนหรือโลกนี้ไม่มีฉัน หลายท่านก็บอกว่าอยากฟังอีก เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่มีตน เพื่อความไม่มีฉัน ก็จะขอเสนอเพลงแก้ง่วง เรื่องโลกนี้ไม่มีฉัน ก็คงจะเป็นประโยชน์บ้าง ฟังแล้วขอให้คิดและก็ขอให้นำไปปฏิบัติลึกลงไปถึงใจ แล้วก็อยู่อย่างโลกนี้ไม่มีฉัน ดังนี้ครับ
โลกนี้ไม่มีฉันอยู่หนไหน หาไปไม่เจอ ลองหาซิเออ เผื่อใครพบบ้าง ถ้าฉันนั้นคือกายจิต รวมเป็นชีวิตสรรพางค์ ทั้งใจทั้งร่างก็แปรเปลี่ยนไป บัดนี้ถ้ามีฉันอยู่มองเห็น นี้เป็นแต่เงา ควรหรือถือเอาสิ่งทนมิได้ เป็นฉันให้เสียความสุข มีแต่ความทุกข์ไปทำไม ควรรักษาใจให้ว่างสบาย ทุกคืนวันผันเปลี่ยน เวียนเกิดเวียนดับ หมุนวนกลายกลับ เกิดขึ้นสลาย มีสิ่งปรุงแต่งรวมอยู่มากมาย เดี๋ยวกลับเดี๋ยวกลายเพราะความที่ไร้ตัวตน ชาตินี้อยู่ไปอย่างไม่มีฉันทั่วกันแหละดี ปัญหาไม่มีแก่ใครทุกคน มีฉันนั่นเป็นความทุกข์ กิเลสบุกรุกเผารน หากไร้ตัวตน พ้นแก่เจ็บตาย
ท่านที่เคารพ บัดนี้เวลา ๒๐.๐๐ น.เศษแล้ว จากการที่เราท่านทั้งหลายได้ช่วยกันมาสร้าง ๒๒.๐๐ น.เศษแล้วครับ ขอบคุณ จากการที่เราได้ร่วมกันมาประคับประคองสร้างเวลาให้มีค่าขึ้นด้วยการมาอภิปรายและมาฟังการอภิปรายในสิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับท่านอาจารย์นั้น กระผมคิดว่าคงยังอยู่ในวิสัยที่เราจะได้พูดกันต่อไปอีกในวันพรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ หลายท่านที่ผมประกาศนามไปแล้วแต่ยังไม่ได้เชิญขึ้นมาเพราะเวลาจำกัด ขออภัยที่จะต้องยกยอดไปในวันพรุ่งนี้ และคืนวันพรุ่งนี้ เพราะว่าได้ทราบเมื่อเช้าว่าเมื่อคืนที่เราได้มาดำเนินการอภิปรายกันนั้น พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ก็ฟังอยู่ตลอด ท่านไม่ได้พักผ่อนหลับนอน นี่ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งวันพรุ่งนี้วันสำคัญ เราทุกท่านต่างเตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้ร่วมกันถวายของขวัญด้วยชีวิตและเลือดเนื้อนะครับที่จะเป็นอาจาริยบูชา ก็ไม่ควรที่จะให้เวลาพักผ่อนสำหรับการเตรียมตัวเพื่อวันพรุ่งนี้น้อยไปมาก ดังนั้นก็จะให้จบลงด้วยเวลาอันสมควรนี้ จึงขอกราบอาราธนาพระคุณเจ้าท่านอาจารย์วรศักดิ์ในฐานะองค์ประธานการอภิปรายเรื่องนี้ได้มาโอภาปราศรัยในลักษณะที่ท่านจะสรุปหรืออะไรก็แล้วแต่พระคุณเจ้านะครับตามสมควร จบแล้วเราจะได้ร่วมกันเจริญสมาธิภาวนา ส่งพลังจิตถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่ท่านอาจารย์เป็นวาระสุดท้าย
ที่จริงจากการพูดอภิปรายของท่านทั้งหลายก็ไม่มีอะไรที่จะสรุป เพราะว่าต่างก็แสดงความรู้สึกจึงสรุปไม่ได้ แต่ว่าได้เตรียมอะไรเอาไว้นิดหน่อย ก็คือว่าเตรียมว่าเราจะพูดอภิปรายในหัวข้อว่าจะดึงเพื่อนมนุษย์ออกจากวัตถุนิยมกับการทำความเข้าใจระหว่างศาสนาเป็นบทเพลง ก็จะให้ออกมาร้องตอนจบนี่แหละ อยากจะพูดถึงคำว่าวัตถุนิยมนิดหน่อย ก็วัตถุนิยมนั่นหมายความว่าจิตใจของคนหวั่นไหวไปตามอำนาจวัตถุ คือถ้าได้วัตถุมาก็ดีใจ สูญเสียวัตถุไปก็เสียใจหรือเป็นทุกข์ เรียกว่าจิตมันหวั่นไหวไปตามอำนาจวัตถุ คนประเภทนี้เรียกว่าวัตถุนิยม มีความเข้าใจว่าเราจะดับทุกข์ทางจิตได้ต้องมีวัตถุถึงพร้อมซะก่อน แต่ละคนจึงตกอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า วัตถุนิยม ชาวพุทธจริง ๆ มีจิตใจอยู่เหนือวัตถุหมายความว่า เขาจะมีความสุขทางจิตได้โดยไม่เกี่ยวกับวัตถุ แม้ว่าได้วัตถุมาก็ไม่ลิงโลด สูญเสียวัตถุไปก็ไม่เป็นทุกข์ ไม่เสียใจ
เราจะได้ว่ามีความสุขอยู่ ๒ ชนิด คือ ความสุขสงบเย็นอันเกิดจากเรามีธรรมะ มีสติสัมปชัญญะ มีอะไรมายั่วยุให้ดีใจก็ไม่ดีใจ มายั่วยุให้เสียใจก็ไม่เสียใจ ก็เรียกว่าเป็นความสุขเย็น อันนี้เป็นทางสายกลาง ส่วนความสุขอีกชนิดหนึ่งเป็นความสุขสนุกสนานอันเกิดจากการได้เสพวัตถุ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะทั้งหลาย อันนี้เรียกว่าความสุขของพวกวัตถุนิยม ยังไงก็มาร้องเพลงเรื่องความสุข และก็เพลงเรื่องความอยาก ในเรื่องศาสนา ทำความเข้าในระหว่างศาสนา แล้วก็มีเพลงศาสนาสัมพันธ์ว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น คือ พระเจ้าที่เป็นกฎของธรรมชาติ ที่ว่ากฎอิทัปปัจจยตาก็ได้ แม้จะเรียกชื่อต่าง ๆ กันโดยภาษาต่างกันแต่ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่มีอยู่มีก่อนสิ่งใด สิ่งนั้นก็คือกฎของธรรมชาติ เรียกว่า กฎอิทัปปัจจยตา ซึ่งเราสามารถจะต่อรองในเรื่องของพระเจ้าระหว่างศาสนา ก็คือพระเจ้าเพียงองค์เดียว
อาตมาก็ไม่มีอะไรที่จะสรุป ก็เพียงแต่เสนอว่า ๒ ข้อที่เรายังไม่ได้มาเน้นกันก็เอามากล่าวเสียด้วย แต่ที่ว่าที่ท่านทั้งหลายได้มาแสดงความคิดเห็นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์ทุก ๆ เรื่อง ก็ยังมีโอกาสที่จะได้พูดกันอีกแม้ในหัวข้อที่เหลือ แต่ว่าสำหรับคืนนี้อยากขอออกมากล่าวไว้เพียงเล็กน้อยเท่านี้เอง แล้วจะได้มีบทเพลงที่แสดงถึงเรื่องของวัตถุนิยมและก็เรื่องของศาสนสัมพันธ์ไปตามลำดับ ก็ต้องยุติคำกล่าวสรุปไว้เพียงเท่านี้ บทเพลงที่ท่านอาจารย์วรศักดิ์พูดถึงนั้น ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านได้เรียบรียงไว้เช่นกัน ก็ขอเรียนเชิญอาจารย์สมทรง ปุญญฤทธิ์ ประธานชมรมฟื้นฟูศีลธรรมแห่งประเทศไทย กับคุณสาลี่ และพร้อมกับคณะที่ท่านคิดว่าควรจะเชิญมาร่วมด้วย ขอเรียนเชิญนะครับ แล้วเราก็จะจบกันด้วยการเจริญสมาธิภาวนาดังได้กราบเรียนแล้ว ขอเชิญครับ
สำหรับเพลงความอยากนั้น เนื่องจากเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมีในใจพวกเรา คืออยากให้มันเบาบางลง เพราะฉะนั้นจะให้เสภานอก ไม่เหมือนกับที่กล่าวบูชาท่านอาจารย์นั้นเป็นเสภาใน คือเสภาในวังว่างั้นเถอะ เสภานอกคือเสภาชาวบ้านอย่างพวกเรานี่แหละ ซึ่งเสียงมันจะกระแทกกระทั้นสักหน่อยนะคะ การขึ้นต้นก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเสภาในจะขึ้นไพเราะ เอื้อนยาว แต่ถ้าเสภานอกจะกระทุ้ง ให้สังเกตเอาก็แล้วกันนะ
(ขับเสภา) อันความอยากจะระงับดับลงได้ นั้นมิใช่เพราะเราตามสนอง สิ่งที่อยากให้ทำดั่งมันปอง แต่เพราะต้องฆ่ามันให้บรรลัย ให้ปัญญาบงการแทนร่านอยาก ความร้อนไม่มีมากอย่าสงสัย ทั้งอาจผลิตกิจการงานใด ๆ ให้ล่วงไปด้วยดีมีสุขเย็น
ความเอ๋ยความสุข ใคร ๆ ทุกคนชอบเจ้าเฝ้าวิ่งหา แกก็สุขฉันก็สุขทุกเวลา แต่ดูหน้าตาแห้งยังแคลงใจ ถ้าเราเผาตัวตัณหาก็น่าจะสุข แต่มันเผาเราก็สุกหรือเกรียมได้ เขาว่าสุขสุขเน้ออย่าเห่อไป มันสุขเย็นหรือสุขไหม้ให้แน่เอย
(ขับเสภา) ความเอ๋ยความสุข ใคร ๆ ทุกคนชอบเจ้าเฝ้าวิ่งหา แกก็สุขฉันก็สุขทุกเวลา แต่ดูหน้าตาแห้งยังแคลงใจ ถ้าเราเผาตัวตัณหาก็น่าจะสุข แต่มันเผาเราก็สุกหรือเกรียมได้ เขาว่าสุขสุขเน้ออย่าเห่อไป มันสุขเย็นหรือสุขไหม้ให้แน่เอย
(ขับเสภา) พระศาสนาสัมพันธ์คือบัญชา ที่ชักพานำมนุษย์สู่จุดหมาย เพื่อมนุษย์ได้เป็นสุขทุกข์มิกลาย เราทั้งหลายชวนกันมาปรึกษากัน พระเจ้าแท้มีแต่พระองค์เดียว ทางยังมีแต่ทางเดียวเป็นแม่นมั่น เป็นทางตรงมุ่งไปสู่กายวัน เป็นนิรันดร์ทางสุขแก่ทุกคน ไม่มีข้อขัดแย้งแบ่งพวกพรรค มนุษย์รักร่วมสุขทุกแห่งหน นี่ละหนาพวกเรามารวมกมล แห่งปวงชนเพื่อบูชาพระเจ้าเดียว ครั้นเรียกชื่อตามกันนั่นไม่แปลก แต่เนื้อในไม่อาจแยกเป็นส่วนเสี้ยว คือธรรมธาตุหนึ่งแน่เป็นแท้เชียว ทุกคนเหนี่ยวเป็นที่พึ่งจึงรอดเอย
พระคุณเจ้าที่เคารพทุกรูป เพื่อนสหธรรมมิกทุกคน ช่วงนี้จะเป็นการเจริญสมาธิเพื่อถวายกุศลแด่ท่านอาจารย์ ขอเชิญทุกท่านหันหน้าไปทางกุฏิของท่านอาจารย์นะคะ ท่านจะนั่งแบบขัดสมาธิหรือจะนั่งพับเพียบอะไรก็ได้ ในเรื่องรูปแบบเราจะไม่คำนึงกัน ขอเพียงให้ตั้งหัวใจเอาไว้ให้บริสุทธิ์ สะอาดให้เกลี้ยง จากนั้นทุกท่านเพื่อให้จิตไม่ซัดส่าย หลับตาสักนิดหนึ่ง ขอนัดหมายว่าให้หายใจเข้าออกจนกระทั่งรู้สึกว่าจิตเจริญดีพอเริ่มสงบ ดิฉันจะเป็นคนนำในการเดินกระแสจิตเพื่อถวายแด่พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ ขอเชิญท่านปฏิบัติธรรมด้วยการกำหนดรู้ที่ลมหายใจเข้าออกไปสักระยะหนึ่งก่อนนะคะ เชิญทำได้ค่ะ
เพ่งกระแสจิตไปยังกุฏิท่านอาจารย์ที่อยู่เบื้องหน้า ตั้งสติในจิตพร้อม ๆ กัน นึกตามนะคะ ขออำนาจ บารมีธรรมแห่งการเจริญสมาธิภาวนาของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นพลังให้ท่านอาจารย์ที่พวกเราเคารพบูชาสูงสุด จงพ้นจากโรคาพยาธิทั้งปวง ขอจงดำรงอยู่เป็นแสงสว่างให้แก่พวกเราซึ่งยังด้อยปัญญาทั้งหลายต่อไปชั่วกาลนาน
ออกจากสมาธิค่ะ ด้วยการมีสติอย่างยิ่ง ทุกท่านหันกลับมาสู่ทางด้านเดิมนะคะ เพราะว่าเรามีพระสงฆ์ที่เป็นที่เคารพอันเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยอยู่ข้างหน้าของเราด้วย ทุกท่านเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ ใครจะนั่งก็ได้ ใครจะยืนก็ได้ ถ้าประสงค์จะนั่ง นั่งให้สบาย เตรียมจิตที่จะแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งปวง ท่านอาจารย์วรศักดิ์ให้ไว้แล้วว่า ก่อนจะแผ่เมตตาจะต้องยอมรับรู้และสำนึกในใจเสียก่อนว่าที่นั่งอยู่ข้างหน้าเรานี่ก็ดี ข้าง ๆ ก็ดี ข้างหลังก็ดี ไกลออกไปรอบสุดเขตอันหาประมาณมิได้ก็ดี ล้วนเป็นเพื่อนทุกข์ซึ่งจะต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราให้ความสุขกับเขาไม่ได้ ขอเพียงให้หัวใจของเราขณะนี้มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง สิ่งที่เราทำดี ดีที่นี่และเดี๋ยวนี้ ขอเชิญร่วมใจกันทำ กล่าวคำแผ่เมตตาพร้อม ๆ กัน เชิญบังคับจิตให้สงบเป็นจุดเดียวกันเสียก่อน
สวดบทแผ่เมตตา (นาทีที่ 32:11) สัพเพ สัตตา อเวรา อัพยาปัชฌา อนีฆา สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์ทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ท่านยกมือขึ้นจบกลางหน้าผากครั้งหนึ่งทุกท่านนะคะในสิ่งที่เราได้ทำดีไปแล้ว จากนั้นเตรียมกราบอำลาพระ เบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้งพร้อม ๆ กันนะคะ กราบ
ขออนุญาตอีกสักนาที ๒ นาทีครับเพื่อกราบเรียนว่าเวลาสำหรับที่เราจะมาชุมนุมกัน พรุ่งนี้นะครับต้องขอนัดเวลากันหน่อยว่า เราจะมาพบกันที่นี่อย่าให้เกินเวลา ๘.๓๐ น. เพราะโดยปกติวันล้ออายุท่านอาจารย์เคยมาแสดงธรรมที่นี่ ๙.๐๐ น.ตรง ใครจะมีภารกิจอย่างไรเช่นใดก็รีบทำให้สำเร็จเรียบร้อย ๘.๓๐ น. ขอให้มาประชุมพร้อมกันที่นี่ พระคุณเจ้าท่านเตรียมของเครื่องสักการะของท่านชุดหนึ่งเพื่อถวาย และพวกเราฝ่ายคฤหัสถ์ก็มีเครื่องสักการะชุดหนึ่ง มีผู้แทนเข้าถวายนะครับ เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันกล่าวคำถวายพร้อม ๆ กันแล้วจะได้ฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ในวันพรุ่งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน ขอบพระคุณครับ