แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
(นาทีที่ 00:14 – 01:22 เสียงร้องเพลง สวัสดีปีใหม่ใจผ่องแผ้ว จงคลาดแคล้วจากกิเลสจิตเศร้าหมอง คิดสิ่งใดให้สมอารมณ์ปอง ตามทำนองครองธรรมประจำใจ ขอให้ใจสะอาด สว่าง สงบ ประสบสุขในชีวิตจิตแจ่มใส ขอให้ชีวิตโชติช่วงดุจดวงไฟ ส่องทางไปให้ถึงซึ่งนิพพาน กลางดงและพงป่า พนาแสนสุขใจ มีธารน้ำไหลดอกไม้งามตา หมู่มวลภูมริน บินมาปักษาเริงร้อง ฟังเสียงมันร้องกึกก้องพนา โอ้ป่าเขาลำเนาไพรสุขใจเมื่อมีนิพพานอยู่คู่กับฉัน)
(นาทีที่ 01:23 เริ่มถอดเสียง) แล้วเดินไปทางโน้น เดินออกไปทางโน้น (เลี้ยวมา มารับรางวัลก่อน) ไปทางโน้น ไปทางโน้นเดินออกไปทางโน้น อ้อมไปทางโน้น ลงลาดเดินไปทางโน้น ออกไปทางโน้น (พิธีกรเรียนเชิญประธานจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา) เอ้า, พอดี พอดี ปีใหม่ ปีใหม่ ให้กราบอย่างใหม่เสียที เอ้า, คุกเข่า ใครคุกเข่าก็คุกเข่า ใครนั่งพับขาก็นั่งพับขา ขอให้กราบได้ก็แล้วกัน พอบอกว่าอัญชลี ก็พนมมือไว้ที่หน้าอก อัญชลีพนมมือไว้ที่หน้าอก พอวันทนา เดี๋ยวนะ เชิญนั่งก่อน เชิญนั่งก่อน เดี๋ยว เชิญนั่งก่อน พอวันทนาแล้วก็ยกขึ้น วันทนา พอว่าอภิวาท ก็กราบลงไป อัญชลีแบบนี้ วันทนาแบบนี้ อภิวาทแบบนี้ ปีใหม่กราบอย่างใหม่เสียที หัด หัดเป็นแถวเลย หัดเป็นแถวเลย อัญชลีไว้ที่หน้าอก วันทนายกไว้หน้าผาก อภิวาทกราบลงไปกลางดิน อัญชลี วันทนา อภิวาท อัญชลี วันทนา อภิวาท เอ้าซ้อมนะ อัญชลี ไม่ต้องพูดตาม มือไว้ที่หน้าอกอัญชลีมือไว้ที่หน้าอก วันทนาเหนือหน้าผาก อภิวาทกราบ อัญชลี อัญชลี วันทนา อภิวาท กราบ อัญชลี วันทนา อภิวาท กราบ เอ้า,ทีนี้จุดเทียน จุดเทียน (นาทีที่ 3:15 - 7:50 เสียงสวดมนต์)
(นาทีที่ 7:51 เริ่มถอดเสียงต่อ) ขอโอกาสกล่าวคำปราศรัยปีใหม่ตามเคย ตามเคย ตามที่เคยทำ ขอให้สนใจฟังให้สำเร็จประโยชน์ ให้ความเป็นปีใหม่มันก็จะเป็นปีใหม่ ขึ้นมาได้จริง มิฉะนั้นมันจะไม่มีอะไรใหม่ คำว่าใหม่นั้นเป็นคำสมมุติ ความจริงมันก็ไม่มีอะไรใหม่ อนาคตก็คอยจะกลับเป็นอดีตเรื่อยไป เราหวังว่าอนาคตจะเป็นของใหม่ แต่ไม่เท่าไรมันก็กลายเป็นอดีต อนาคตกลายเป็นอดีตอยู่เรื่อย นั่นแหละคือปัจจุบันนั้นนะ ข้อนี้ช่วยจำไว้ด้วยแล้วจะได้ไม่หลงเรื่องอดีต อนาคต ปัจจุบัน อนาคตมันจะอวดดีไปได้เท่าไรเดี๋ยวมันก็กลับเป็นอดีตแหละ มันเป็นอดีตมาแล้วไม่รู้เท่าไรแล้วเล่า ทุกเรื่องทุกเหตุการณ์นะที่เคยเป็นอนาคตในความหวัง นี่มันก็กลายเป็นอดีตทั้งนั้นเลย ไม่ยกเว้นอนาคตข้อไหน อีกสักกี่ร้อยปีพันปีหมื่นปีแสนปี ไม่เท่าไรมันก็กลายเป็นอดีต นี่แหละอดีต อนาคตกลายเป็นอดีต อนาคตกลายเป็นอดีต อนาคตกลายเป็นอดีตอยู่เรื่อยไป นี่แหละคือปัจจุบัน นี่แหละคือปัจจุบัน ขอให้มองเห็นข้อนี้แล้วอย่าได้ประหลาดใจตื่นเต้นเรื่องใหม่เรื่องเก่าเรื่องอะไร มันเช่นนั้นเอง มันเช่นนั้นเอง ถ้าไปยึดมั่นถือมั่นเรื่องใหม่เรื่องเก่าแล้วมันก็จะโง่นะ มันจะลำบากนะ พุทธศาสนา เป็นศาสนาอยู่ตรงกลางสอนเรื่องตรงกลาง มัชฌิมาปฎิปทา ข้อปฏิบัติเป็นสายกลางนั่นแหละคือตัวพุทธศาสนา คราวนี้ถ้าว่าอยู่ตรงกลางก็มันไม่เก่าไม่ใหม่แหละ มันอยู่ตรงกลางนี่ มันไม่ยอมเก่าและมันไม่ยอมใหม่ มันอยู่ตรงกลางนี่ นั่นแหละปัจจุบันนะ ให้ถูกต้อง แล้วก็จะไม่มีความทุกข์ เรา ปีใหม่ก็ใหม่กันแต่สมมุติ ใหม่กันแต่สมมุติ มันเป็นเรื่องสมมุติ ก็ขอให้เป็นเรื่องสมมุติ ก็จะทำอะไรให้มันมากขึ้น เพราะฉะนั้น คำว่าใหม่ก็หมายความว่า มันมากมันมากกว่าเดิม รวมทั้งแปลกไปกว่าเดิม แต่ความจริงมันก็ไม่แปลกใช่ไหม เพราะมันไม่มีอะไรเป็นของแปลก ในสากลจักรวาลนี้ไม่มีอะไรเป็นของแปลก มันเช่นนั้นเอง มันเช่นนั้นเอง มันเช่นนั้นเอง แต่ในความรู้สึกของเรานะถ้าอะไรเราไม่เคยพบไม่เคยเห็นเราก็รู้สึกว่ามันแปลก หรือมันใหม่เราก็เลยโง่หลงไปพักหนึ่ง หลงของใหม่ จนกว่ามันจะ ไม่มีอะไรใหม่ เหมือนไปโลกพระจันทร์อย่างนี้ ว่าใหม่ตื่นเต้นกันเป็นการใหญ่ ไม่เท่าไรก็เป็นเรื่องเด็กเล่น หลายๆปีเข้าก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละมันไม่มีอะไรใหม่ไปได้ เพราะมันเป็น อิทัปปัจจยตา เช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง ตามเหตุตามปัจจัย เช่นนั้นเอง พอเราไม่ไปหลงในของใหม่ของเก่าเราก็เป็นอิสระ เป็นเสรี จิตใจเป็นเสรีก็ไม่มีความทุกข์ ขอให้มันใหม่ในข้อนี้เถอะ ให้มันใหม่ในข้อที่ ความทุกข์มันลดลง ความทุกข์มันลดลง ให้ชีวิตนี้มันถูกต้อง มันถูกต้อง คำว่าถูกต้องนั้นไม่มีใหม่ไม่มีเก่า เป็นพุทธบริษัททั้งทีมีความเข้าใจ เสียให้ถูกต้องว่า ไอ้ที่ว่าถูกต้อง ถูกต้องนั้น มันไม่มีใหม่มันไม่มีเก่า ไอ้ถูกต้องมันดับทุกข์ได้ ปฎิบัติเช่นนี้แล้วมันดับทุกข์ได้ มันไม่ใช่ของใหม่ไม่ใช่ของเก่า แต่มันมีตลอดกาล มีตลอดกาล ปัจจุบันแต่กลับมีตลอดกาล ไม่กลายเป็นอดีตไม่กลายเป็นอนาคตอะไร นี่แหละขอให้มีความถูกต้อง ให้มีความถูกต้องเพิ่มขึ้นกว่าที่แล้วมา มีความถูกต้องเพิ่มขั้นกว่าที่แล้วมานั่นแหละ สมมุติได้แล้วว่าปีใหม่ของใหม่สำเร็จประโยชน์ ขอให้เรามีความถูกต้องยิ่งกว่าที่แล้วมา จึงจะสมมุติเรียกว่าปีใหม่ได้อย่างสมเหตุสมผล ขอให้มีความทุกข์ลดลงไป ให้มีความสุขเพิ่มขึ้น แล้วก็มีจิตใจอยู่ตรงกลางไม่หลงใหลในความสุข ไม่เกลียดกลัวในความทุกข์ ให้เสียเวลา เพราะถ้าว่าไม่มีที่หลงรัก ไม่มีที่หลงเกลียด หลงโกรธ อยู่ตรงกลางแบบนี้มันดี นี่ปีใหม่นะ ขอให้มันมีความถูกต้องนี้เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกๆปีแหละ จนกว่ามันจะถึงที่สุดคือไม่มีความทุกข์เลย แล้วมันก็ไม่มีใหม่ไม่มีเก่านี่แหละ อยากจะพูดว่าปีใหม่นี้ ขอให้มีธรรมะเพิ่มขึ้น มีธรรมะเพิ่มขึ้นแล้วมันใหม่แหละ ไม่ต้องส่งบัตร ส.ค.ส. ก็มันใหม่ ส่งบัตร ส.ค.ส. กันมากี่ กี่ปี กี่บัตร บัตร ส.ค.ส.นั้นคง เป็นตันๆ ร้อยตันพันตัน ทั่วโลกที่ส่งกันมา ไอ้โลกมันก็ยังไม่ดีขึ้นนี่ เพราะมันส่งกันแต่ปากมันส่งกันแต่ หลับตา นี่มันหลับตา นี่มันไม่รู้อะไรใหม่อะไรเก่าอะไร แบบไหน ถ้าจะให้มันเป็นเรื่องปีใหม่แล้วก็คือว่า ให้มันมีความทุกข์ลดลง ให้มันมีความสงบสุขเพิ่มขึ้น ข้อนี้สำเร็จได้โดยแค่ว่า อย่าไปหวังจะเอาอะไรกับชีวิตจิตใจให้มันมากเกิน เกินจำเป็น มันจะบ้านะ ถ้าไปหวังจะเอาอะไรมากเกินกว่าจำเป็นแล้วมันจะบ้านะ ระวังให้ดี เอาเท่าที่พอสมควร พอเหมาะสมคือว่า อย่ามีความทุกข์ แล้วก็มีแต่การทำประโยชน์ ทุกฝ่าย มีสองข้อเท่านั้นแหละ อย่ามีความทุกข์ไม่มีความทุกข์มีแต่ชีวิตที่เยือกเย็น แล้วก็พร้อมกันนั้นก็ ทำประโยชน์แก่ทุกฝ่าย หวังกันเพียงเท่านี้เถอะ นี่มันหวังมากเกินไปนี่ มันจะหวังไปนอนในสวรรค์บ้าง มันหวังจะ รวยจะสวยจะอะไรมันมาก มันยุ่งจนไม่รู้ว่าจะได้อะไร อย่าเรียกร้องต้องการอะไร ให้มันมากนัก ต้องการแต่เพียงว่าไม่มีความทุกข์ ชีวิตนี้เย็นเป็นความสุข แล้วก็ตลอดเวลา ทำสิ่งที่มันเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและทุกคน ไอ้แค่ไม่มีความทุกข์ นี่ก็คือมัน ไม่ไปหลงในอะไร ความทุกข์มันเกิดมาจากความหลงในอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งแหละ จนเกิดความรักบ้าง ความโกรธบ้าง ความเกลียดบ้าง ความกลัวบ้าง ความวิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ ความอิจฉาริษยา ความหึง ความหวงอะไรเหล่านี้แหละมันทำให้เกิดความทุกข์ เพราะมันไปหลงในอะไรเข้า ฉะนั้นหยุดหลง เห็นตามเป็นจริงว่าไม่มีอะไรที่น่าหลง ไม่ควรจะหลง ไม่ว่าใหม่ไม่ว่าเก่าไม่ควรจะหลง ให้มันอยู่ตรงกลางแล้วมันก็ไม่หลง ถ้า ถ้าแบบนี้มันคือได้หมดนะ ได้หมดทุกอย่างที่เรียกมรรคผลนิพพานมันได้รวมอยู่ในความสุขนี่แหละ และก็ เราก็ บำเพ็ญประโยชน์ให้ทั้งเราและทั้งผู้อื่นนั้นนะ มีความสุขชนิดนี้แหละ ที่ว่าทำประโยชน์ บำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นนะมันไม่มีเรื่องอะไรหรอก นอกจากทำให้เขามีความสงบสุขเหมือนกับเราซึ่งทำได้แล้ว เราต้องทำได้ก่อน มีความสงบสุข แล้วก็ทำให้ผู้อื่นมีความสงบสุขเหมือนเรา นั่นแหละคือประโยชน์ผู้อื่นมันมีเท่านี้ อย่าไปแตะโลกให้มันมาก ต้องการนั้นต้องการนี้ทำบุญอธิษฐานตั้งพักนึงนู้น ไม่รู้จะ ในที่สุดไม่รู้จะไปไหน แต่โดยมากไปใน ไปในเรื่องที่ เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เรื่องสนุกสนานเรื่องเอร็ดอร่อย ที่อยากไปสวรรค์เพราะได้ข่าวเล่าลือว่ามันสนุกสนาน เอร็ดอร่อย จึงได้หวังที่จะไปสวรรค์ เลยไม่ได้ทำประโยชน์ที่เป็นความสงบสุข ที่นี้และเดี๋ยวนี้ซึ่งป็นสวรรค์จริงๆ สวรรค์จริงๆ สวรรค์จริงๆ ไม่หลอกนั้นคือว่าเมื่อเราได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วพอใจ แล้วพอใจ ถูกต้องพอใจในตัวเองที่กระทำให้ยกมือไหว้ตัวเอง นั่นแหละคือสวรรค์ เดี๋ยวนี้ ที่นี้ มีสวรรค์ได้ ทำสิ่งที่ถูกต้อง ถูกต้องที่สุด ได้ความถูกต้อง ดับทุกข์ได้แล้วก็พอใจ พอใจตัวเองแล้วก็ยกมือไหว้ตัวเอง ไม่ต้องตาย ไม่ต้องตายเสียก่อนจึงจะไปสวรรค์ จะมีสวรรค์ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เมื่อทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วพอใจว่าเต็มไปด้วยความถูกต้องแล้วยกมือไหว้ตัวเอง การทำแบบนี้เรียกว่า ธรรมชีวี ธรรมชีวี นี่ปีใหม่นี้ ก็ขอบอกกล่าวกันสักเรื่อง เรื่องธรรมชีวี ให้มีชีวิตเป็นธรรมะ มีธรรมะเป็นชีวิต ให้อยู่ด้วยธรรมะ ให้ธรรมะเป็นเครื่องอยู่ นี้แหละเป็นธรรมชีวี ช่วยจำคำสั้นๆนี้ไปทีว่า เป็นธรรมชีวี อยู่ด้วยความถูกต้องทุกๆอิริยาบถ ตามธรรมดาแล้วมันไม่เคยคำนึงถึงความถูกต้อง แต่ที่จริงมันก็เป็นความถูกต้องที่ลอยๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้สนใจว่ามีความถูกต้อง แต่มันก็มีความถูกต้องอยู่ ตามธรรมชาติอยู่มากเหมือนกัน แต่บัดนี้เราจะมาคำนึง รู้สึกว่ามันเป็นความถูกต้อง ขอให้มีความถูกต้องในการกระทำในการเคลื่อนไหวทั้งหมด จะตื่นนอน ไปมา แล้วไปล้างหน้า แล้วไปอาบน้ำ แล้วไปห้องน้ำห้องส้วม แล้วไปกินอาหาร แล้วไปทำงาน ทำงานแล้วกลับบ้าน ทำการทำงานแล้วก็ถึงเวลาแล้วก็นอน มันจะมีกี่ระยะ กี่สิบระยะก็ตามใจ ขอให้มองเห็นได้ว่าเป็นความถูกต้อง นี่ก็จะเป็นเรียกว่ามี ธรรมะเป็นอนุสติ มีธรรมะเป็นอนุสติ มีความถูกต้องเป็นอนุสติ เลยกลายเป็นว่าทำกรรมฐานนะ ทุกอิริยาบถเลย ดีไม่ดี คนที่โง่ สามารถจะทำกรรมฐานได้ทุกอิริยาบถก็ไม่สนใจจะทำ เพราะมันโง่ เวลานี้มันไม่โง่ มันเลิกโง่กันที เพราะว่าทำกรรมฐานได้ทุกอิริยาบถ จะทำอะไร จะเคลื่อนไหวจะกระดิกนิ้ว เคลื่อนไหวซักนิดนึงก็ออกมาถูกต้องให้มันมีสติรู้ อ้อ,มันถูกต้องมันไม่เป็นโทษมันถูกต้อง แล้วก็ นั่นแหละเป็นกรรมฐาน จะช่วยล้างจานอยู่ก็ว่ามันถูกต้องมันถูกต้อง กำหนดแต่ว่าเป็นการล้างจาน เป็นการกระทำที่ถูกต้อง อย่ามีตัวกูอย่ามีของกูอะไรให้มันวุ่นวายขึ้นมา จะอาบน้ำก็ถูร่างกายให้สะอาด ให้มันรู้สึกว่าถูกต้องกำหนดในความถูกต้อง กำหนดในความสะอาดนี่คือกรรมฐาน กรรมฐานอาบน้ำ เมื่อถ่ายอุจจาระก็ถูกต้อง ต้องถูกต้อง คนโดยมากเวลาไปถ่ายอุจจาระ นั่งถ่ายอุจาระไม่ได้คำนึงถึงอะไร บางทีคิดฟุ้งซ่านอย่างอื่น ควรจะคิดถึงว่าเป็นความถูกต้อง ตามธรรมชาติ ถูกต้องในทางบริหารร่างกายถูกต้องในการเห็นความจริงว่ามันเช่นนี้เอง กินแล้วมันต้องถ่าย ถ่ายแล้วมันเป็นอย่างไร นี่แหละมีความถูกต้อง ทำให้ถูกต้อง ถ่ายอุจาระถูกต้อง ถ่ายปัสสาวะถูกต้อง อาบน้ำถูกต้อง กินข้าวถูกต้อง ไปทำงานก็ถูกต้อง กลับมาพักผ่อนก็ถูกต้อง ถ้าบางครั้งเจ็บจะไข้ขึ้นมาก็เอามันถูกต้องมันตามธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง อย่าไปโกรธอย่าไปทุกข์ ให้มันมีความทุกข์เปล่าๆ ถ้าเรื่องร้าย โชคร้าย เคราะห์ร้ายอะไรมาถึงเข้าก็มันเช่นนั้นเอง มันเช่นนั้นเอง อย่าเป็นทุกข์ อย่าเป็นทุกข์ แก้ไขไปตามที่ควรจะแก้ไข ด้วยกฏเพราะมันเช่นนั้นเองมาอย่างไรจะแก้ไขด้วยข้อไหน คือมันเป็นเรื่องเช่นนั้นเองเหมือนกัน จะเจ็บไข้มันก็เช่นนั้นเอง ไม่หาย ตายก็เช่นนั้นเอง หายขึ้นมามันก็เช่นนั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงอยู่ตรงกลาง ไม่ดีใจไม่เสียใจ ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องวุ่นวายใจ มีเพียงแต่ว่า โอ้, มันถูกต้องแล้ว มันถูกต้องแล้ว ถ้ามันจะตายเดี๋ยวนี้ ก็มันถูกต้องแล้ว มันถูกต้องแล้ว ไม่ต้องเป็นทุกข์เลย ไม่ต้อง ให้โกลาหลวุ่นวายกันไปหมด ข้อนี้ให้ทำงานเหมือนพระพุทธเจ้าทำงานจนตาย ไม่มีความทุกข์ พระพุทธเจ้านั้นทำงานจนตายนะ พูด พูดแบบนี้มันหยาบคายไปสักหน่อยแต่ว่ามัน จำเป็นที่ต้องพูดเป็นธรรมดาบอกให้รู้เสียทุกคนว่า พระพุทธเจ้าของเรานะ ทำงานจนตาย วันนี้จะนิพพานอยู่แล้วนี่ กลางวันยังเที่ยวเดินเป็นโยชน์ๆนู่น คืนนี้จะนิพพานนะวันนี้ยังเที่ยวเดินเป็นโยชน์ๆ เที่ยวโปรดที่นั่น ที่นี่ หรือว่าฉันอาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุณแล้ว ก็ไปเพื่อนิพพานนะ ยังเดิน มีโลหิตลง มาก ก็ไม่มีความหมาย ก็ยังเดิน ไปจนถึงที่ที่จะนิพพาน ก็ยัง เปิดโอกาสให้คนมาเฝ้ามาถามปัญหา บรรลุพระอรหันต์เป็นคนสุดท้ายคือปริพาชกคนสุดท้ายนะ พวกเราสมัยนี้ปวดหัวนิดก็ไปโรงพยาบาล อะไรนิดก็ไปโรงพยาบาล พระพุทธเจ้าเดินเลือดไหลอยู่นี่ยังไม่ไปโรงพยาบาล แล้วกลับมาถึงที่ที่จะนิพพาน ก็ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เรียกหาหมอ ไม่ต้องการหมอ เพราะมันมีความแน่ว่าจะปรินิพพาน แล้วจะนิพพานอยู่หยกๆแล้วนี่ มีคนมาขอ ขอเฝ้า ขอถามปัญหา พระอานนท์และพระสงฆ์ทั้งหลายห้าม อย่ามา อย่ามากวน อย่ามากวน พระพุทธเจ้าได้ยินก็ เอ้า,อย่าห้าม อย่าห้าม บอกให้เข้ามา บอกให้เข้ามา แล้วก็เทศน์โปรดจนเป็นพระอรหันต์ แล้วไม่กี่นาทีก็นิพพานนะ นิพพานนะ พระพุทธเจ้าทำงานจนตายแบบนี้ ช่วยจำกันไว้เป็นอุทาหรณ์บ้าง ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความทุกข์ มีโลหิตไหลด้วย อาพาธหนักเพราะฉันสูกรมัททวะ ไม่มีความทุกข์ แล้ววันนั้นยังเดินเป็นโยชน์ๆ แล้ววันนั้นก็นิพพาน ในตอนหัวค่ำนะ พระพุทธเจ้านะเป็นแบบนี้ เราก็พยายามที่จะเดินตามกันบ้างเถอะ มันมีความถูกต้องไปหมดทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นนอน ตลอดวัน จนค่ำลงมาจะนอนอีกครั้ง มีแต่ความถูกต้อง มีแต่ความถูกต้อง ก่อนนอนนะ สำรวจความถูกต้องแล้วพอใจ โอ้, ถูกต้องแล้วพอใจยกมือไหว้ตัวเองเสียสักทีหนึ่งแล้วจึงค่อยนอนดีกว่า นั่นแหละคือสวรรค์ที่แท้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอเมื่อตายแล้ว สวรรค์โฆษณาชวนเชื่อนะ มันต้องรอตอนตายแล้วไม่ใช่เหรอ ทีนี้คนที่มันเขียนเรื่องสวรรค์นั้นมันรู้นี่ว่าคนชอบอะไรคนชอบแบบไหน มันก็เขียนแต่เรื่องที่คนชอบ เขียนเรื่องสวรรค์ แล้วคนก็หลงสวรรค์กันตายโหงเลยนะ เพราะคนเขียนมันเขียนรู้จักจิตใจว่าคนต้องการอะไรชอบอะไรมันเขียนเรื่องสวรรค์แบบนั้น แล้วก็หลอกทั้งนั้น เป็นเรื่องยุ่งมากขึ้น ถ้าเป็นเรื่องกามารมณ์ก็ยิ่งยุ่งมากขึ้น ถ้าในสวรรค์เต็มไปด้วยกามารณ์เป็นเรื่องยุ่งที่สุดนะ เป็นเรื่องบ้าที่สุดแหละพูดแบบนั้นดีกว่า ทำแต่ความถูกต้อง ต่อไปนี้ขอให้มีแต่ความถูกต้องทุกๆอิริยาบถ ทุกๆลมหายใจเข้าออกนะ ทุกครั้งที่หายใจเข้าออกมีแต่ความถูกต้อง แล้วจะเป็นอย่างไร ไม่มีความผิด ไม่มีความชั่ว ไม่มีความทุกข์ ไม่มีโทษ เป็นอยู่ด้วยความถูกต้องตลอดเวลานี่แหละเรียกว่า ธรรมชีวี ธรรมชีวี ธรรมะแปลว่าความถูกต้อง ชีวีแปลว่าความมีชีวิต มีชีวิตอยู่อย่างถูกต้อง ก็บอกตัวเองได้ว่าถูกต้องถูกต้อง เช่นเดินมานี่ก็ถูกต้องมาในใจตลอดเวลาเป็นกรรมฐานทุกก้าวย่างมาเลย มานั่งลงก็ถูกต้องมา ควรจะทำ นี้แหละก็ทำ ก็ถูกต้อง ทำเสร็จก็ถูกต้อง แล้วกลับบ้านก็ถูกต้อง กำหนดความถูกต้องอยู่ตลอดเวลา เป็นความถูกต้องตามกฏ อิทัปปัจจยตาของธรรมชาติ ไม่ใช่ตัวกู ไม่ใช่ของกู นี่ยอดสุดของกรรมฐานเลย ใครปฎิบัติได้ก็เป็นพระอรหันต์เลย ไม่มีอะไรที่เป็นตัวกู เป็นของกู ไม่ใช่ว่ากูทำ กูกินนะ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าถูกต้องก็ไม่เกิดความทุกข์ ถ้าไม่ถูกต้องก็ย่อมเกิดความทุกข์ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ให้มันเป็นเรื่อง สักว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ ตามกฏของธรรมชาติ ที่เขาว่า เดินหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ นั่นก็หมายความว่า มันเป็นแต่อิริยาบถ ชนิดนั้น เท่านั้น ไม่มีตัวกู ที่เดิน ที่ย่าง ที่เหยียบ สักแต่ว่าอาการ อิริยาบถ เช่นนั้น เท่านั้นหนอ ถ้าทำอยู่ได้แบบนี้เป็นธรรมชีวีสูงสุด เป็นธรรมชีวีที่มีธรรมะสูงสุดอยู่ในจิตใจ ฟังดูคล้ายๆกับว่าจะทำไม่ได้ หรือบางคนถ้ามันทำด้วยความยึดถือมันก็อาจจะหนักหัว งุ่มง่าม เป็นเรื่องปัญหาอย่างอื่นเกิดขึ้นมา ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องอะไรหมด เพียงแต่กำหนดว่ามันถูกต้องแล้ว ของธรรมชาติ ตามกฏของธรรมชาติไม่ต้องมีตัวกูเพื่อเป็นผู้ทำ ไม่ต้องมีตัวกูเพื่อจะเสวยผลของการกระทำ นี่แหละธรรมชีวี โดยเค้าใหญ่ๆ เป็นแบบนี้ กำหนดไว้ให้ดีๆ แล้วพยายามให้มันเป็นแบบนี้ และเป็นมากขึ้นทุกๆปี นี่แหละความสุขปีใหม่ที่แท้จริงที่ไม่หลอก ให้มีความสุขแท้จริงไม่มีความทุกข์ คือความทุกข์ลดลง ลดลง ลดลง ความไม่มีความทุกข์ เพิ่มขึ้นเป็นชีวิตที่เย็น เอาเท่านี้ก็พอแหละ อย่าไปพูด อย่าไปหวัง อย่าไปจนว่าจะเป็นพระอรหันต์ จะเป็นโสดา จะเป็นนั่นเป็นนี่ป่วยการ มันมารวมอยู่ในคำนี้หมด มารวมอยู่ในคำว่าถูกต้อง ถูกต้องนี้หมด ขอให้ทำแต่ความถูกต้องเท่านั้นแหละ ทุกอย่างที่ควรจะทำมันจะมารวมอยู่ในนี้หมด ทีนี่ขอให้สนใจในเรื่องความถูกต้อง ถูกต้องทุกอิริยาบถทุกลมหายใจเข้าออก นี่แหละคือของใหม่ ของที่ควรจะสมมุติว่าใหม่เพราะแปลกเพราะยังไม่เคยมี ยังไม่เคยมี น่าอัศจรรย์ที่สุด เพราะว่าเป็นของที่ดับทุกข์ได้ ถ้าจะว่าแปลกนี่แหละแปลกที่สุดเพราะมันดับทุกข์ได้ ไอ้แปลกอื่นๆ แปลกอย่างไร ที่ว่าแปลกๆ นั่นมันไม่ดับทุกข์นี่ ที่ไปดูกายกรรมก็ว่าประหลาดที่สุด อัศจรรย์ที่สุด จับใจที่สุด มันก็ไม่ดับทุกข์ได้ มัน มันไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่ของแปลก ไม่ใช่ของที่ควรจะสนใจ จะมีเรื่องอะไรแปลกใหม่เกิดขึ้นในโลกก็ไม่ใช่ของแปลก มันเป็นเช่นนั้นเอง ไอ้ดับทุกข์ได้นี่แหละ ดับทุกข์ได้นี่แหละเป็นของใหม่เป็นของแปลก ขอให้มุ่งหมายที่จะดับทุกข์ให้ได้ มากขึ้นกว่าที่แล้วมา ทุกๆปี จะเพิ่ม ความสุข สมมุติเรียกนะว่าเรียกว่าความสุข แล้วก็ลดความทุกข์ก็สมมุติเรียกว่าความทุกข์ ให้อยู่เป็นกลาง ให้อยู่เป็นกลาง อยู่ตรงกลางเป็นมัชฌิมาปฎิปทามีจิตใจอยู่ตรงกลาง ให้จิตใจเป็นกลางนี้ให้มากขึ้นๆทุกปี ก็จะไม่เสียทีเกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนา โดยการกระทำอย่างนี้แหละเป็นธรรมชีวี ธรรมชีวีประจำ เราเป็นสมาชิกธรรมชีวีกันให้มากคนขึ้น มากคนขึ้น จะได้พูดจากันได้ ปฎิบัติกันได้ยิ่งๆ ขึ้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคน ตั้งใจจะเป็นธรรมชีวีโดยการประพฤติปฎิบัติ ความถูกต้องให้ยิ่งๆขึ้นไป ไม่ต้องจดทะเบียน ไม่ต้องเอาหน้าเอาตา ไม่ต้องยกป้าย สมาคมนี้ไม่ต้องยกป้ายเป็นอยู่ในใจทุกคนทุกคน มีแต่ความถูกต้อง กำหนดความถูกต้อง ขอร้องว่าให้ยึดเป็น เป็นหลัก ให้คำว่าธรรมชีวี ธรรมชีวี มีชีวิตเป็นธรรม มีธรรมเป็นชีวิต มีชีวิตเป็นธรรม มีธรรมเป็นชีวิต ให้มีแต่สักว่าธรรม ไม่ต้องมีตัวตนแล้วก็จิตมันก็ไม่เป็นทุกข์แหละ มันสำคัญอยู่ที่จิตนั่นแหละ ไอ้ตัวตนนั้นเรื่องลมๆแล้งๆ ไอ้เรื่องที่จริงนั้นคือจิต จิตเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น จิตคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น จิตโง่ก็เป็นอย่างโง่ จิตฉลาดก็เป็น เป็นอย่างฉลาด เพราะฉะนั้นจิตมันไม่ ไม่โง่ จิตมันฉลาด มันไม่ยึดถือตัวตนนั้นนี่ได้เสีย ทุกข์สุข แพ้ชนะ ขาดทุนกำไร ไม่เอาทั้งนั้น เอาแค่ว่าอยู่ตรงกลาง แค่ว่าง นี่แหละเป็นธรรมชีวี เป็นธรรมชีวี หัวใจของพุทธศาสนาอยู่ตรงนี้ แต่ไม่ค่อยมีใครเอามาพูดกัน พูดแต่เรื่องจะ ให้สนุกให้สวย ให้สนุกสนานเอร็ดอร่อยจนในวัดในวาก็เต็มไปด้วยเรื่องอบายมุข เพราะมันไปหลงในเรื่องแบบนั้นแหละ เอาแหละมันพอสมควรกันทีแหละว่า เราจะ ทำบุญปีใหม่ ไม่ใช่ทำเพียงเพื่อรักษาประเพณี เพราะมันเป็นประเพณีที่ควรรักษาก็รักษา และมีประโยชน์แก่ศาสนา แล้วก็ถามว่าเอาศาสนาไว้ทำอะไร เอาศาสนาไว้ทำอะไร มันก็ต้องเอาไว้เป็นหลักปฎิบัติเพื่อดับทุกข์ ทีนี้เราปฎิบัติเพื่อดับทุกข์เสียเลยนะ นั่นแหละการทำบุญปีใหม่ก็มีความหมาย มีความหมายยิ่งๆ ขึ้นทุกปี ระลึกนึกถึงอย่างแรง อย่างสุดชีวิตจิตใจเสียปีละครั้ง ปีละครั้ง ว่าปีใหม่ต้องมีอะไรเป็นความสุขมากกว่าปีเก่า ในที่นี้ในคราวนี้ขอร้องให้เป็นธรรมชีวีให้มากขึ้นกว่าปีเก่า ที่จริงมันก็เป็นมาแล้วแต่มันไม่สนใจ มันเป็นมาแล้ว มันไม่จริง มันเล็กๆน้อยๆ หรือมันลบๆเลือนๆ ทีนี้ไม่ ไม่ แต่จะให้มันชัดจนพูดได้ว่า ทำกรรมฐานอยู่ทุกอิริยาบถ ทำกรรมฐานอยู่ทุกอิริยาบถ มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ เป็นผู้ตื่น ไม่หลับ ไม่หลับ ไม่โง่ ไม่โง่ด้วยความหลับ ไม่หลับด้วยความโง่ แต่เป็นผู้ตื่นด้วยสติปัญญาอยู่ทุกๆอิริยาบถ นั่นแหละคือธรรมชีวี หรือว่าเป็นธรรมานุสติ ธรรมานุสติ หรืออุปสมานุสติ คือนิพพานเป็นอารมณ์ อยู่ทุกเวลา มุ่งหวังชีวิตที่เยือกเย็นที่ไม่มีความทุกข์ ที่ไม่มีความทุกข์อยู่ตลอดเวลา เท่านี้เอง เอาแหละการพูดนี้มันก็สมควรแก่เวลาแล้วก็ให้รับศีล รับให้มันใหม่นะ ปีใหม่นี้รับให้มันใหม่นะ ให้มันรู้ความหมายดี ให้ปฎิบัติได้ ดี ยิ่งขึ้นไป เอ้า,ให้ศีล (นาทีที่ 32:07 - 37.57 เสียงสวดมนต์)
(นาทีที่ 37.58 เริ่มถอดเสียงต่อ) เอ้า, ทีนี้ก็ถวายทาน ถวายทานก็ให้ใหม่นะ ถวายทานก็ลดตัวกูของกู อัญชลี วันทนา อภิวาท อัญชลี วันทนา อภิวาท อัญชลี วันทนา อภิวาท (นาทีที่ 38.26 - 46.27 เสียงสวดมนต์)
(นาทีที่ 46.28 เริ่มถอดเสียงต่อ) ทีนี้พูดเป็นเรื่องสุดท้าย คือเรื่องที่จะเข้ามาตักบาตร เข้ามาตักบาตรนะ ขอให้เป็นปีใหม่ด้วย คืออย่าได้ชิงกันแน่นอัดเหมือนกับปีก่อนเลย ขอให้เรียบร้อยที่สุด มีวิธีที่จะทำได้นะคือเข้าใจเสียให้ถูกต้องว่าทานนี้ถวายเป็นสงฆ์ ถวายเป็นสงฆ์นะ แล้วเราถวายแล้วนะ เสร็จแล้วถวายแล้วนะ ที่ตั้งไว้นะที่โน้นนะมันคือถวายแล้ว มันถวายเป็นสงฆ์แล้ว มันไม่มีทางที่จะทำให้เป็นของคนนั้นคนนี้เป็นเฉพาะคนไปแล้ว ทีนี้สงฆ์นี้คือทั้งหมดนี้แหละมันไม่แยกแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ตรงเข้ามาอยู่ตรงไหน ตรงเข้าไปตรงนั้นอยู่ตรงไหนตรงเข้าไปตรงนั้นไม่ต้องมาอัดที่ตรงกลางนะ ไม่ต้องมามุ่ง อยู่ตักที่ตรงกลางนั้นมันเป็นตัวกู มันเป็นตัวกู ของกูนะ มันไม่เป็นสงฆ์นะ มันจะไม่เป็นสงฆ์นะ มันจะเป็นตัวกูของกูนะ อย่าพุ่งเข้ามาแต่ตรงกลางนะ อยู่ตรงตรงไหนก็ตรงนั้นแหละสะดวกแล้วก็เวียนไป ตามลำดับแหละ คือเวียนไปทางขวาแหละ เวียนไปทาง ถ้าเขาเรียกเขาเรียกเวียนทางขวาคือขวามืออยู่ฝ่ายเดียวกับพระสงฆ์ แล้วก็เดิน เรื่อยไปตามลำดับ แล้วค่อยกลับ ถ้าว่าอยากจะกลับตลอดแถวค่อยกลับมาหาตรงท้ายแถวสุดนู่น แล้วจะไม่เบียดเสียดไม่ยัดเยียดกันเหมือนกันตรงเข้ามาพร้อมกันหมด ไม่ต้องมาที่ตรงกลาง มาอัดกันอยู่ตรงกลาง ถ้าว่าอัดอยู่ตรงกลางแล้วมันเป็นเรื่องไม่ใหม่แหละ เป็นเรื่องเก่าแหละเป็นเรื่องที่ทำผิดๆมาแต่กาลก่อนนั่นแหละ นี่ขอให้ใหม่ ให้เป็นสงฆ์ แล้วก็ไม่มีตัวกูของกู องค์ไหนองค์ใด นั้นแหละภิกษุสงฆ์ ถวายเป็นสงฆ์แล้วนะ ยังเหลือแต่จะใส่ให้ใน ยื่นให้เท่านั่น ขอให้ตักกันอย่างเรียบร้อยที่สุดแหละ เอาแหละนี่ครั้งสุดท้าย ขอให้ตักด้วยอากัปกิริยาที่เรียกได้ว่าใหม่นะ ใหม่นะไม่ซ้ำเก่าแหละ เอาได้เตรียมเดินตรงเข้ามานั่งกันตรงไหนเดินตรงเข้ามา