แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
คำปราศรัยก่อนตักบาตรเนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันที่ ๑๒ กรกฏาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๒๗ เวลา ๙ นาฬิกา ที่ลานหินโค้ง สามเณรสุชาติบันทึกเสียง
ไม่ต้องบอกประกาศไม่ต้องเชื้อเชิญมากันเอง วันนี้วันหาบ เขาก็รู้กันได้เองโดยเป็นประเพณี ก็อยากจะพูดเน้นถึงเรื่องประเพณีว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ประเพณีเป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องมีใครชักชวนบังคับ แล้วมีผลทางจิตใจมาก ฝังแน่นอยู่ในจิตใจ เป็นเหตุให้ง่ายในการที่จะมีศีลธรรม เวลานี้ปัญหาทางความไร้ศีลธรรมเต็มไปหมด เต็มไปหมด ไร้ศีลธรรม แต่ให้การศึกษาอบรมอย่างไรมันก็ไม่กลับมา ดูตามหนังสือพิมพ์ มันหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลย หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับนั้นมีข่าวเรื่องไร้ศีลธรรมอย่างเลวที่สุด ๔-๕ เรื่อง ๙ เรื่อง ๑๐ เรื่องเสมอทุกฉบับและทุกวันนั้น แสดงว่าไอ้ความเลวทางศีลธรรมเพราะไม่ศีลธรรม มันมาก มันมากขึ้น ๆ แล้วก็ดึงกันไม่ไหว หลักฐานอันแท้จริงของมันอยู่ที่ว่าเราได้สูญเสียประเพณีที่ดี ที่อบรมเด็กมาตั้งแต่แรกคลอด ตั้งแต่แรกคลอด อบรมเรื่อยมา ๆ โตขึ้นทุกวัน ๆ จนเป็นเด็กได้เข้าเล่าเรียน เป็นหนุ่มเป็นสาวเป็นพ่อบ้านแม่เรือน ประเพณีที่ดี ๆ มันเสียไปเสีย ประเพณีที่ดีนั้นคือ รักบุญแล้วเกลียดบาป ถ้าจิตมันเกลียดบาปแล้วรักบุญแล้ว ไอ้ไอ้นี่จะง่ายที่สุดแหละ ที่จะมีศีลธรรมดี เราได้อบรมเด็ก ๆ ให้เกลียดบาปแล้วรักบุญมาตั้งแต่เกิดโน่น จนเป็นประเพณี จนไม่ต้องพูดกันก็ได้ มันทำตามกันเอง นับตั้งแต่ว่าเด็กตัวเล็ก ๆ นี่ เด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ มันเกิดมา มันไม่รู้ ดีชั่วไม่ต้องพูดถึงหรอก มันไม่รู้เลย แม้แต่ว่าสกปรกหรือไม่สกปรกมันก็ไม่รู้ เด็ก ๆ มันก็ขยำอุจจาระเล่นเองแหละนี่ เพราะมันไม่รู้ มันยังพูดก็ไม่ได้ อะไรก็ยังไม่ได้ เรายังอบรมได้นะคิดดูเถอะ ว่าว่าจิ จิไฮจิไฮจิ สกปรกแล้วทำท่ากลัวให้ดู เด็ก ๆ ก็มัน มันก็เกลียดอุจจาระ ไม่ขยำอุจจาระอีกต่อไป นี่มันคือฝังลงไปในจิตใจว่าเกลียดของสกปรกก่อน คำว่าชั่วนี่เด็กยังฟังไม่ถูก แต่ว่าเกลียดของสกปรก หรือเกลียดของที่น่ากลัว หรือเป็นของที่เป็นอันตรายนี่ เราทำท่ากลัวให้ดู ทำท่าเกลียดให้ดู เด็กก็ไม่ไม่ขยำอุจจาระอีกต่อไป ทารกนั้น นี่มันเป็นจุดตั้งต้นที่ว่าไอ้เด็ก ๆ มันเกลียดของที่น่าเกลียดควรเกลียด แล้วก็อยากจะได้บุญพอบอกว่าดีดีดี เราพอว่าเห็นพระมาแล้วก็ใช้จับมือให้ไหว้ พระเวลามาก็จับมือให้ไหว้ ว่าข้าสาธุ สาธุ คือว่าไหว้พระ คำนี้โบราณมาก โบราณนมนานมาก คือว่าตั้งแต่ชาวอินเดียมาสอนนะ ชาวอินเดียนั้นเขาเรียกพระนี่ว่าสาธุ เรียกนักบวชทั้งหลาย เรียกว่าสาธุ ก็สาธุ สาธุ ก็หมายความว่าสาธุมาคือพระนั้นมา แล้วก็ไหว้ จึงก็เรียกคำว่าสาธุแล้วเด็กไหว้สาธุ เด็กไหว้ ชาวอินเดียมาสอนให้พวกเราแถวนี้สาธุแล้วก็ไหว้ คือพระนั้นน่ะคือสาธุล่ะ ไหว้พระคือสาธุ พระคือสาธุ ไหว้พระคือไหว้สาธุ แล้วเด็กก็มันก็เริ่มหวังที่จะดีแหละ ก็ไหว้พระหรือสาธุนั้นมันมีความหมายว่าจะได้ดีนี่ เด็กก็ชอบดี เด็กก็ชอบไหว้พระ จนกระทั่งว่าเห็นพระมาแล้วก็ไหว้เอง พ่อแม่ไม่ต้องใช้ นี่ประเพณีที่ดีมันตั้งต้นมาอย่างนี้ กลัวว่าเวลานี้จะไม่ จะไม่ค่อยทำกันเสียแล้ว ที่จะอบรมเด็กให้เกลียดของชั่ว ให้หวังของดี มันจะไม่ทำกันเสียแล้ว ประเพณีต่าง ๆ ต่อมา ๆ ที่มันล้วนแต่ให้เด็กนั้นหวังดีอยากดียิ่ง ๆ ขึ้นไปจนกว่ามันจะดีที่สุด เรื่องทำบุญทำทานนี่ก็เหมือนกันแหละ ให้เด็กมันเกิดนิสัย นี่เด็กไม่ค่อยมา ทำบุญตายายเด็กมานั้นดีมาก ทำบุญตายายเด็ก ๆ มามากจะอบรมเด็ก ๆ ให้เกิดนิสัยที่ว่ากตัญญูปู่ย่าตายายแล้วถึงจะมีนิสัยใหม่ฝังลงไปว่า เราจะต้องทำการที่เป็นบุญนั่นแหละ ที่ดี ทำบุญ ทำดี เด็กก็ได้ไปเกิดนิสัยทำดี อยากดี ได้ดี เกลียดบาป กลัวบาป เด็กสมัยก่อนนะกลัวบาป กลัวทั้งทั้งไม่ต้องรู้ว่าอะไร แต่ก็กลัวที่สุด กลัวเพราะว่าอบรมกันมาอบรมกันมาจนเด็กกลัวบาป พอได้ยินคำว่าบาปแล้วมันก็สะดุ้ง เด็กสมัยนี้ได้ยินคำว่าบาปไม่สะดุ้งเพราะว่าประเพณีที่ดีดีมันสูญเสียไป ประเพณีที่ทำให้เด็กกลัวบาปนั้นมันเสียไป
การศึกษาหมาหางด้วนในโรงเรียนนั้นมันก็ไม่ช่วยให้เด็กกลัวบาปได้ เพราะฉะนั้นเด็กมันจึงไม่กลัวบาป คำว่าบาปไม่มีความหมายสำหรับเด็กสมัยนี้ นี่มันมาแต่ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ฝังให้จิตใจมันกลัวบาปนั้นมันเสียไปหมด เด็กสมัยก่อนถึงสมัยฉันนี่ สมัยฉันเมื่อเด็ก ๆ เล็ก ๆ แล้วพอได้ยินได้ยินคำว่าบาปแล้วก็สะดุ้ง พอทำอะไรที่ไม่เข้าท่า ผู้ใหญ่บอกว่าบาป บาป แล้วก็สะดุ้ง หยุด วิ่งทิ้งหนีไปเลย นั่นมันกลัวบาปขนาดนั้น เด็กสมัยนี้ไม่ ถ้าใครทักว่าบาปนั่น มันมักแลบลิ้นหลอกนั่น เราบอกว่าบาปก็มันแลบลิ้นหลอกเอานั่น ไม่หยุด ไม่ชะงัก เด็กสมัยก่อนมันเงื้อก้อนอิฐขึ้นจะขว้างนกอย่างนี้ ได้ยินเสียงทักมาข้างหลังว่าบาปนะ ก้อนอิฐหลุดมือเลย มันร้องไห้ฮือ ๆ มันรู้ความหมายของคำว่าบาป เด็กสมัยนี้มันถือก้อนอิฐจะขว้างนกนี่ คนข้างหลังทักว่าบาป มันหันมาดูแล้วแลบลิ้นหลอก เฮ้ย, ถึงว่าบาปยังขว้างหัวคนว่าเลย พระที่นี่นะโดนเด็กที่มามามาขว้างนกนี่จะขว้างหัว ขืนหลบไม่ทัน บอกว่าบาป คุณสังเกตดูเด็กสมัยนี้กับเด็กสมัยโน้นนั้นเป็นอย่างไร เด็กสมัยโน้นบอกบาป ถึงสะดุ้งหยุดชะงักเปลี่ยนทันที เด็กสมัยนี้ว่าบาปมันหันแล้วแลบลิ้นหลอก ขืนว่าอีกขว้างหัวมันเลย พระองค์องค์หนึ่งมาเล่าให้ฉันฟัง นกมันไปออกไข่ในกุฏิ ข้างบนใต้ใต้หลังคานั่นแหละ แกเลี้ยงมาเรื่อย เลี้ยงมาเรื่อยจนโต จนบินได้นี่ ถึงไอ้เด็กมาจากตลาด สังเกตได้ว่าเด็กมาจากตลาดไม่ใช่เด็กแถวนี้ มันจะขว้างนกตัวนั้นแหละ ถึงแกห้าม ห้ามมันจะขว้างหัวแก นี่นะความเลวของศีลธรรม นี่จิตใจของพื้นฐานของเด็กมันเลวถึงกับขนาดนี้ คราวนี้การศึกษาสมัยนี้มันไม่พอ ให้สิบกระทรวงศึกษาก็คงแก้ไม่ได้ จะพูดอย่างนี้เลย ความเลวของนิสัยของเด็กมันมากทรุดต่ำมากถึงขนาดนี้ สิบกระทรวงศึกษาก็แก้ไม่ได้ถ้าว่าว่ายังยังแก้ทึ่ม ๆ ทื่อ ๆ อยู่อย่างนี้ สิบกระทรวงศึกษาก็แก้ไม่ได้ ก็พื้นฐานของจิตใจมันเลวมาตั้งแต่ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีที่งามมันสูญเสียไป ความที่เด็กเกลียดบาปกลัวบาป ให้แก่เด็กรักบุญ มันอยากจะดีนั้นมันหมดไปหมดไป เพราะฉะนั้นเด็กมันจึงกระด้าง พอถึงที่เรียกว่าทีนเอจนั่นแหละเรียกว่า เลวที่สุด ถ้าเห็นตั้งแต่เล็ก ๆ เด็กทีนเอจยังกับอยู่คนละโลก โลกในโลกที่มีกิเลสตามใจตัวเอง มันพูดกันไม่รู้เรื่องนี่ การศึกษามันไม่ดีเด็กทีนเอจมันจึงเลวในทางศีลธรรม มันยกพวกตีกันนี่คิดดูสมัยก่อนหามีไม่ ในโรงเรียนหามีไม่ นี่มีในวิทยาลัยกระทั่งชั้นในมหาวิทยาลัยโน่นก็ยกพวกตีกัน ขอให้สนใจคำว่าประเพณี ประเพณี ช่วยรักษาประเพณี เด็กเกิดขึ้นมาแป้ ๆ นี่ช่วยอบรมให้ถูกต้องตามประเพณี ให้เกลียดของชั่วของสกปรก แล้วให้ขยะแขยงต่อสิ่งที่ไม่ดี แล้วให้ชอบสิ่งที่ว่าดีดี บอกว่าดีดีแล้ว แล้วดีใจ เต้นแร้งเต้นกาดีใจ ดีใจ อยากจะทำดี อยากจะทำดีให้ถูกใจพ่อแม่ แล้วต่อมาก็อยากจะทำให้ดีๆๆ จนได้ดิบได้ดี
พ่อแม่น่ะสำคัญช่วยรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่จะช่วยให้เด็กรักดี ชอบดี หวังดี กล้าบุญ กลัวบาป แล้วก็กล้าบุญ นี่คำโบราณ คำโบราณ ในหนังสือสวดเก่า ๆ จะมีคำว่ากลัวบาป แล้วก็กล้าบุญ ขอให้ประเพณีนี้กลับมาอาจทำให้เด็ก ๆ กลัวบาปและกล้าบุญ และทุกประเพณีแหละ ประเพณีไหนก็จะทำให้เด็กกลัวบาปและกล้าบุญนั้นก็ทำกันมาเรื่อยแหละ ทุกประเพณีแหละ เพราะทุกประเพณีก็มุ่งหมายอย่างนั้น แต่เรามาดัดแปลงเสียเอง มันเอามาดัดแปลงให้เลวเสียเอง เอ้า, ยกตัวอย่างเช่นว่า ประเพณีชักพระ แห่พระนี่ เขาให้พระไปเที่ยวโปรดทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วคนพอใจ ทีนี้มันไปดัดแปลงเป็นเวลาสำหรับกินเหล้า เวลาสำหรับกินเหล้า แล้วชักพระ แล้วก็กินเหล้า ฆ่ากันโน่น ไม่ว่า ชักพระปากน้ำไชยานี่ ปีหนึ่งต้องมีคนตายคนหนึ่ง ต้องเลิก ไม่ไหวแล้ว มันเลวขนาดนั้นนะ ถึงที่ว่าเวลาพบ พอมีชักพระแล้วเอามวยไปต่อย นั้นมันบ้าที่สุด พระอะไรจะดูมวย แล้วถึงมวยที่ต่อยกันนั้นมันก็มันเป็นเรื่องกิเลสนี่ เรื่องกิเลสนี่ มันนิยมกันไปได้ มันเอาคนคนที่บ้าครึ่งหนึ่งแล้วไปชกกันให้ดู คนดีก็บ้าไปพัก เงิน เพราะบ้านั้นจึงเก็บเงินค่าดูมวยได้ มันเรื่องบ้าทั้งเพ นี่ว่าอะไรก็ตาม เรื่องทอดกฐินก็ตาม ทอดผ้าป่าก็ตาม บวชนาคก็ตาม เขาสำหรับทำให้ดี ให้ถูก ให้สงบนี่ แต่นี่มันเอาเรื่องเหล้า เอาเรื่องของเมา เรื่องสรวลเสเฮฮาไปใส่ จนไม่มีความหมาย พูดไปแล้วมันก็กระทบกระเทือน เช่นว่าเมื่อก่อน ถ้าสมัยพุทธกาลฝังพัทธผูกพัทธสีมาชาวบ้านไม่ต้องมาก็ได้ ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านเลย พระสงฆ์ทำกันเองเลย กำหนด ทำหมายขึ้นมา เพียงบอกเขตว่ารับรองแล้วนะ เวลานี้ธรรมเนียมฝังพัทธมันเปลี่ยนโน่นมหาศาล ทำบุญมหาศาล โง่ขนาดที่ว่า โง่ขนาดที่ว่าปลดตุ้มหู ใส่หลุมพัทธ ถอดเข็มขัดใส่หลุมพัทธ เอาอะไรใส่หลุมพัทธ แล้วตำรวจต้องเฝ้ากัน ผลดีหามีไม่ หามีได้หรือ ครั้งพุทธกาลมันมีไม่ได้ มันโง่ขนาดหนัก เราถึงได้ยินว่า หนังสือพิมพ์ก็ลงเมื่อสองสามวันนี้ว่าตำรวจจับคนที่มาขโมยของในหลุมพัทธและต้องถูกตำรวจจับ นี่มันงอก มันงอก มันงอก ไกลออกไป ธรรมเนียมประเพณีบ้าแล้ว เลยขอบเขตแล้ว มันเลยขอบเขตของประเพณีที่ถูกต้องแล้ว ทุกเรื่องนั่นแหละทอดผ้าป่าตอนนี้มันสำหรับเมากันสำหรับกินเหล้ากัน ทอดกฐินน่ะสำหรับไปกินเหล้าไปเล่นไพ่ไปเต้นรำไปอะไร มันมันเสียหายหมด นี่คำว่าประเพณีที่ดีถูกทำให้ไม่ดี ถูกทำให้เสีย ถูกทำให้กลายเป็นตรงกันข้าม ถ้ายังช่วยรักษาประเพณีกันไว้ได้แหละมันก็จะยังดี ให้เด็กมันเตรียมดีมาตั้งแต่แรกคลอด เมื่อพ่อแม่ตั้งแม่ตั้งครรภ์เข้าแหละ หัดประพฤติประเพณีของคนตั้งครรภ์ให้ดี ๆ มันจะได้เข้าไปถึงลูกในครรภ์ เอ้า, พอลูกในครรภ์เกิดออกมา มันก็จะได้แวดล้อมด้วยประเพณีที่ดีที่ดี เป็นเด็กที่ดี เป็นเด็กหัวใจสะอาดและที่หวังไปแต่ในทางดี สอนง่าย ว่าง่าย จะเรียนหนังสือก็ได้ดี ก็ดีไปเอง ไม่ต้อง ไม่ต้องไปโรงเรียนมันก็ยังดีนะคนสมัยก่อนนะ คุณ ไม่นึกดูบ้างหรือ สมัยก่อนที่มีโรงเรียนนะ ก็ยังมีอยู่เลย ก็มีคนดี เกิดมาอบรมในบ้านในเรือนก็ดี ได้เป็นพ่อแม่ของคุณทุกวันนั่นน่ะ ถ้ามันไม่ดีมันก็ตายหมดแหละ นี่มันดีจนได้เป็นพ่อแม่ของคุณทุกวันนั้นแหละ พ่อแม่ไอ้ปู่ย่าตายายนั้นไม่มีโรงเรียนสมัยนั้นไม่มีโรงเรียนไม่ได้เข้าโรงเรียน นี่มันพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าไอ้การมีโรงเรียนนี่ยังไม่ได้ผลคุ้มค่า ยังเหลวไหลเหมือนกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มันไม่ได้ทำให้มนุษย์ดีขึ้นมาได้ มันอยู่ที่ประเพณีรากฐานมันเปลี่ยน รากฐานมันเปลี่ยน ไอ้คนมันก็เลวลงเลวลงจนไม่อาจจะรับ รองรับไอ้สิ่งที่ดีได้ ฉะนั้นเราช่วยกันรักษาประเพณี
ขอแสดงความยินดีท่านทั้งหลายที่มาวันหาบ ประเพณีวันนี้เรียกว่าวันหาบ วันเลี้ยงพระกันเต็มที่เรียกว่าวันหาบก็ยังรักษาประเพณียังมากันมาก ขอให้พอใจภาคภูมิใจว่าเรารักษาประเพณี ไว้เป็นเครื่องคุ้มครองรักษาบ้านเมืองให้ถูกต้องให้ดี ให้มีบุคคลแต่ละคนนั้นดี ให้มีครอบครัวแต่ละครอบครัวนั้นดี ให้มีหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านนี่ดี ให้มีเมืองทั้งเมืองให้มันดี ให้มีประเทศทั้งประเทศให้มันดี แล้วโลกทั้งโลกมันก็ดี ขอให้ทุกคนตั้งต้นดี จะตั้งต้นดีต้องมีประเพณียึดถือมาแต่เกิด จนโต ๆ ๆ โตแล้วก็ดี ๆ ๆ ๆ ๆ เกลียดบาปเกลียดความชั่วเกลียดความทุกข์ แล้วก็ต้องการจะได้รับความดี บุญกุศลและความสุข ประเพณีมันมีเท่านี้แหละ ถ้าสูงกว่านั้นก็เลยประเพณี จะไปนิพพานนั้นมันเลยประเพณีมันไม่ต้องพูด ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดวันนี้ วันนี้พูดเรื่องประเพณีหาบ โดย โดยทั่วไป โดยทั่วไป ก็ทำให้ทุกคนมีจิตใจเห็นแก่ผู้อื่นเห็นแก่พระศาสนา ทำบุญน่ะ โดยมากมันทำบุญเห็นแก่ตัวแหละ แต่ว่ามันแคบนะทำบุญเห็นแก่ตัวก็ว่ามันแคบ ขยายออกไปให้ทำบุญเห็นแก่ผู้อื่น เรามาทำบุญนี่บำรุงศาสนา ศาสนาอยู่ ทุกคนในโลกได้รับประโยชน์เห็นแก่ผู้อื่น นี่เรียกว่าส่งเสริมศาสนาให้อยู่ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่นทุกคน มันก็เลยได้บุญกว้าง ได้บุญกว้างขวางแหละ ถ้าทำบุญเพื่อตัวเองคนเดียว ไปนอนในวิมานสวรรค์คนเดียวนี่แคบมาก เห็นแก่ตัวมาก เพราะฉะนั้นทำในจิตในใจว่าเราจะบำรุงพระศาสนาไว้ให้อยู่ในโลก เป็นพระศาสนาธรรมะมีอยู่ในโลกมันก็คุ้มครองโลก ไอ้โลกก็มีความสงบสุข ฉะนั้นทำบุญทีไรขอให้นึกถึงข้อนี้ว่าทำบุญนี้เพื่อศาสนามีอยู่ในโลก โลกทั้งโลกได้รับประโยชน์เพราะการที่มีศาสนาอยู่ในโลก ทุกศาสนาแหละช่วยได้เพราะทุกศาสนาสอนให้คนไม่เห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ เลิกเห็นแก่ตัว มันก็อยู่กันอย่างไม่เบียดเบียนเป็นสุข
เอาแหละขออนุโมทนาในญาติโยมทั้งหลายมาในวันหาบ รู้กันเองไม่ต้องเชื้อเชิญ มาอบรมประเพณีที่เห็นแก่ผู้อื่น เสียสละสิ่งที่ควรสละ ความชั่วก็สละ ไอ้สิ่งของสมบัติก็สละได้ เป็นที่ตั้งแห่งความขี้เหนียวก็สละ สละสิ่งเป็นที่ตั้งแห่งความขี้เหนียวแล้วมันก็สละความขี้เหนียว สละความตระหนี่ สละความโลภไปในตัวแหละ ฉะนั้นทำบุญนี่ขอให้มันเป็นการสละความโลภ เมื่อสละความโลภแล้วมันก็สละความโกรธไปในตัวแหละ เพราะว่าความโกรธมันมาจากไม่ได้ตามที่มันโลภ เมื่อมันโลภมันอยากจะได้แล้วมันไม่ได้แล้วมันก็โกรธ ถ้าละความโลภเสียได้มันก็ละความโกรธไปในตัวแหละ ละความโลภความโกรธเสียได้มันก็ละความหลงอยู่ในตัวแหละ ทำบุญทุก ๆ ทีขอให้เป็นการสละสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในตัวออกไปเสีย แล้วก็มีวิธีการสละที่ฉลาดนะ เช่นสละสิ่งของทำบุญทำทานนั้นไม่เอาไปเผาไฟ ไม่เอาไปโยนทะเลเหมือนบางลัทธิ เอามาบำรุงศาสนา พุทธบริษัทเมื่อจะมีการสละเพื่อตายายเพื่อบรรพบุรุษ เพื่อสละอะไรก็ตาม ไอ้สิ่งที่สละนะกลายเป็นมาบำรุงศาสนา แล้วศาสนาก็คุ้มครองโลกกลับมีผลมากมายออกไปกว่าเดิมหลาย ๆ ๆ เท่า เอาแหละช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีทุกอย่างทุกประการไว้ แม้แต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยกันรักษาไว้ เคยทำขนมต้มแกงอย่างไรในเวลาวันพิธี ขอให้ช่วย ๆ ทำ ๆ กันไปเถอะ ให้มันได้อยู่สืบต่อกันไปเป็นประเพณีที่ดี วิธีที่จะรักษาจะบำเพ็ญจะถือศีลจะอะไรต่ออะไรก็รักษาไว้ วันพิเศษเขาเรียกว่าวันเตรียมเข้าพรรษาหรือวันหัวษานี่นะ ทุกคนนะเตรียมพรุ่งนี้จะเข้าพรรษา ๓ เดือนนะ คราวนี้เราจะถือสมาทานอะไรดีสักข้อหนึ่งก็เตรียมไว้ตั้งแต่วันนี้ พอรุ่งเช้าถึง ได้ถือเลยครบ ๓ เดือนเต็ม ๆ ถ้าไปค่อยถือค่อยสมาทานกันตอนค่ำพรุ่งนี้มันจะขาดไปวันหนึ่ง ถ้าตั้งใจจะสมาทานศีลสมาทานอะไรพิเศษให้ดี ว่า ๓ เดือนนี้จะไม่กินเหล้า ๓ เดือนนี้จะไม่โกรธ ๓ เดือนนี้จะทำสมาธิ ทำสมาธิอย่างนี้ ก็ยิ่งดี แต่เตรียมไว้แหละวันนี้ พรุ่งนี้ถึงลงมือเลยก็ครบ ๓ เดือนเต็ม อยากจะขอร้องให้สมาทานธรรมชีวี ธรรมชีวี มีชีวิตเป็นธรรมะคือถูกต้องให้มีความถูกต้องอยู่แก่เนื้อแก่ตัวทุก ๆ อิริยาบถ ทั้งวันทั้งคืนทั้งหลับทั้งตื่นให้มีความถูกต้อง ถูกต้องนี่เรียกว่าธรรมชีวี ธรรมะแปลว่าความถูกต้อง มีความรู้สึกว่าถูกต้อง ๆ ๆ นี่ เดินมานี่ก็รู้สึกว่าถูกต้อง เดินกลับก็รู้สึกว่าถูกต้อง ทำงานอยู่ก็รู้สึกว่าถูกต้อง กินข้าวอาบน้ำอะไรก็รู้สึกว่าถูกต้อง ๆ ให้มันบอกตัวเองได้ว่าถูกต้อง แล้วก็พอใจตัวเองไหว้ตัวเองนับถือตัวเองได้ถูกต้อง ๆ ลองถูกต้อง ๆ ดูสักพรรษานะ วิเศษที่สุดเลยกล้ารับรอง อยู่ในความถูกต้อง ๆ ๆ ตลอดพรรษานี่จะวิเศษที่สุดแหละ ว่าธรรมะทั้งหลายทั้งหมดที่เล่าที่เรียนมามันจะมารวมอยู่ที่นี่แหละ มันรวมอยู่ที่ว่าถูกต้อง ๆ หลายตลอดพรรษา เอาแหละเวลามันก็สมควรแล้วที่จะทำพิธีต่อไป ขอจบคำปราศัย ว่าขอบใจทุกคนที่ได้ช่วยกันรักษาประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษผู้นับถือพุทธศาสนาได้ตั้งไว้อย่างไร เราช่วยกันรักษา เอาแหละขอให้เจริญงอกงามก้าวหน้าในทางแห่งพระศาสนา มีความสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ