แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้คิดว่าจะพูดเรื่องวิธีการต่อไปตามเดิม วิธีการเกี่ยวกับกำลังหรือทุนไม่ว่าการกระทำใดๆมันต้องมีทุนหรือมีกำลังการเผยแผ่ธรรมะเป็นกิจจะลักษณะจนกว่าจะเป็นสถาบันขึ้นมาได้นั้น มันก็ต้องมีทุนมีกำลังที่พอเพียงแต่พอพูดถึงคำว่าทุน คนโดยมากก็นึกถึงแต่เรื่องเงินที่จะลงทุนความจริงความหมายของคำว่าทุนนี่ไม่ได้หมายแต่เงินที่จะลงทุน ก็หมายถึงวัตถุอุปกรณ์ทั้งหลายที่มันทำให้ดำเนินงานไปได้ แล้วก็มีทั้งฝ่ายรูปธรรมและนามธรรม ทั้งฝ่ายรูปธรรมแล้วฝ่ายนามธรรม ดังนั้นก็อยากจะพูดเสียคราวเดียวกัน ที่เป็นรูปธรรมก็เช่นว่าเงินเครื่องใช้ไม้สอยอุปกรณ์ แล้วก็คนที่จะช่วยมันกำลังเงินกำลังวัตถุอุปกรณ์แล้วก็กำลังคน แล้วก็กำลังธรรมกำลังธรรมะกำลังธรรมกำลังเงิน
ข้อแรกกำลังเงินกำลังวัตถุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเผยแผ่ธรรมะนั้น มันก็มีความจำเป็นเหมือนกันแหละ แต่ก็ไม่เท่ากับกำลังธรรม เดี๋ยวนี้เขามักปรารภกันว่าไม่มีเงิน ที่จะซื้อเครื่องฉายสไลด์ ไอ้เครื่องฉายสไลด์เครื่องฉายหนังเครื่องบ้าอะไรนั้นแหละ ไม่มีเงินที่จะซื้อของอย่างนี้ เราไม่เคยตั้งต้นมาด้วยเรื่องอย่างนี้ ตั้งต้นด้วยเรื่องที่ด้วยของที่มันจำเป็นกว่านั้น และควรจะดูเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเอง พระพุทธเจ้าท่านตั้งต้นการเผยแผ่ด้วยการลงทุนอะไรบ้าง มันก็ยังไม่มีเรื่องวัตถุอุปกรณ์ เรื่องต้องใช้เงินท่านทำอย่างธรรมชาติธรรมชาติธรรมดาที่สุด คือพูดกันเลย เดี๋ยวนี้เราจะต้องหาเครื่องฉายสไลด์มาล่อคนให้มาฟัง นี่ดูมันแปลกอยู่
สมัยที่ผมแรกมีสวนโมกข์ไอ้การเผยแผ่ไม่มีอย่างนี้ มันบ้ากันทีหลัง เป็นเรื่องบ้ากันที่หลัง การเผยแผ่นั้นมันตั้งต้นด้วยการพิมพ์โฆษณา การพิมพ์โฆษณาซึ่งมันก็ต้องใช้เงินมันก็ต้องจ้างโรงพิมพ์หรือหาโรงพิมพ์มาพิมพ์เองเท่าที่มันจะทำได้ ก็หามาด้วยความยากลำบากกว่าจะได้มันการลงทุน เรียกว่าต้องมีทุนหรือลงทุนด้วยนี่ แต่ไม่ใช่เรื่องยั่วเรื่องชักชวนไอ้เรื่องอย่างนี้ การพิมพ์โฆษณาตอนแรกๆของสวนโมกข์ สมัยนั้นของยังถูกมาก จนสามารถขายหนังสือได้เล่มละ ๑ สตางค์ราว ๒๐ หน้า แบบหน้ายกธรรมดา กระดาษปลู๊ฟราว ๑ สตางค์เล่มละ ๑ สตางค์แล้วก็ไม่ได้มีการลงทุนเงินมหาศาล คุณอย่าไปคิดว่าต้องมีเงินหมื่นเงินแสนจึงจะดำเนินงานได้ มันมีอะไรพอที่จะดำเนินงานไปได้ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชนแล้วเงินมันมาเองเงินมันมาเองจนเราจะทำไม่ไหว เดี๋ยวนี้มันพอลงมือแล้วก็จะต้องให้เขาช่วย ทั้งที่เขายังไม่เชื่อเครดิตยังไม่ไว้วางใจก็คิดก็ทำไม่ได้ก็เลิกก็เลิกทำ นี่เราอยากจะพูดว่าไอ้ทุนเป็นเงินเป็นของมีนิดหน่อยเท่าที่จะก่อตั้งกิจการขึ้นมาได้ คล้ายๆกับว่าหิ่งห้อย หิ่งห้อยตัวเดียวน้อยๆอย่างนั้นนะ ค่อยๆขยายตัวเป็นดวงจันทร์ดวงอาทิตย์อะไรได้ ไม้ขีดก้านเดียวอย่างนั้นนะก็กลายเป็นไฟลุกทั้งบ้านทั้งเมืองได้ ผมจึงเตือนคนบางคนหรือหลายๆคน ว่าอย่าไปบุกเรื่องลงทุนเรื่องใช้เงินมันเคยวินาศมามากแล้ว ความสามารถความรู้มีไม่พอที่จะทำทุนเราเท่านั้น มันก็ลงทุนไปเสียเปล่าสูญเปล่า แล้วก็ยังจะล้มละลายด้วย ทำงานน้อยๆดีที่สุดน้อยๆดีที่สุด ทำแบบขอทานอย่างนั้นทำแบบคนขอทาน เหมือนพระพุทธเจ้าท่านก็ทำแบบคนขอทาน คือมือเปล่าหาโอกาสพูดให้เขาฟังให้เขาได้รับประโยชน์แล้วเขาก็ไว้ใจแล้วคอยช่วยเหลือ เรื่องเงินที่จะพิมพ์หนังสือเราไม่มี แต่แล้วมันก็มาเอง ยกตัวอย่างไอ้หนังสือธรรมโฆษณ์ หนังสือธรรมโฆษณ์ ถ้าเดี๋ยวนี่มันก็เป็นราคาที่ลงทุนเป็นล้านเป็นล้านๆหนังสือทุกเล่ม แต่มันก็ไม่มีเงินสักบาทหนึ่งที่ลงทุนในตอนต้นมันลงทุนด้วยปากด้วยลมด้วยแรงสร้างความพอใจเชื่อถือให้แก่ประชาชน แล้วเขาก็ให้เอง หนังสือธรรมโฆษณ์นี่ตั้งต้นขึ้นด้วยเงินที่พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ให้ด้วยความให้ด้วยความอะไรที่ไม่ได้ชักชวน เขาจะตายเขียนพินัยกรรมไว้สั่งให้ให้เงินสองแสนบาท เพื่อการพิมพ์หนังสือของคณะธรรมทานนี่นั้นแหละเป็นเงินจำนวนแรกที่ทำหนังสือหนังสือธรรมโฆษณ์เล่มแรก นี่พอคนเขาเห็นมันออกมา ก็ชิงช่วยกันเลยคนนั้นก็มาออกคนนี้ก็มาออกคนละเล่มสองเล่มสามเล่ม จนกระทั่งบัดนี้มันก็มีมีเงินพิมพ์โดยเงินของที่เขาให้มาเราไม่มีแม้แต่สักบาทเดียว จนจะทำไม่ไหวทำต้นฉบับไม่ไหวนั้นแหละ นั้นอย่าไปคิดผิดๆเรื่องว่าไม่มีทุน ถ้าคนมันดีจริงมันฉลาดจริงมันก็มันก็มีทุน มันก็มี ทุนมันก็มี ลงทุนด้วยเรี่ยวด้วยแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อย พิสูจน์ความมีประโยชน์ของกิจกรรมที่เรากระทำ นี่เราพิสูจน์ได้ว่ามันมีประโยชน์ คนเขาทนไม่ได้หรอกเรื่องนี้ ถ้ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แล้วก็มีคนเป็นอันมากที่จะทนไม่ได้ในการที่จะไม่ช่วย มันก็ช่วย แล้วมันก็มีมีทุนการที่หวังจะไปได้ทุนจำนวนมากมามันเป็นความฝันลมๆแล้งๆ แล้วมันเป็นการแสดงความไม่สามารถความไม่สามารถของคนนั้นเองแหละ ที่มันหวังว่าจะต้องเอาเงินมาลงทุน หรือจะได้เงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้มาลงทุนก่อนต้องมีเงินมาลงทุนก่อน นี่มันแสดงความไม่สามารถ ถ้ามันมีความสามารถคุณทำไปเถอะไม่กี่ปีหรอกไอ้ความร่วมมือความช่วยเหลือมันก็มาจากทุกทิศทุกทางเอง จนเงินเหลืองานจนเงินเหลืองาน ถ้าเราจะทำงานให้ดีมีค่ามันก็ต้องไม่มากมายเกินไปพอดีๆ
ผมนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์เสมอว่าท่านไม่ได้ลงทุนเป็นเงินเป็นทองอะไรแม้แต่บาทเดียว ธรรมะของท่านก็อยู่มาเป็นพันๆปีพันๆปีสองพันกว่าปี มันมาได้อย่างไรนั้นแหละศึกษากันบ้างสิศึกษาซะบ้าง การจะใช้เงินมากตั้งแต่เบื้องต้นนี้เรียกว่าไม่ใช่ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า พูดกันอย่างนั้นดีกว่า ไม่ใช่ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า การจะใช้เครื่องมือทันสมัยแพงบ้างอะไรบ้างไม่ใช่ไม่ใช่เหตุผล แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามันจะไม่มีประโยชน์ มันก็มีประโยชน์แต่มันไม่ควรจะไปหลงกันถึงขนาดที่เกินความเป็นจริง สมัยหนึ่งผมเคยคิดว่าเราจะมีสถานีวิทยุกระจายเสียงของเราเอง ต่อมา อ้าว,บ้าชัดๆเลย บ้าเกินบ้า ก็เลยความคิดมันก็หยุด หยุด ที่เราไม่มีสถานีวิทยุกระจายเสียงเอง เราก็ยังทำไม่ไหวอยู่แล้ว เรายังทำไม่ไหวอยู่แล้ว จะทำเรื่องป้อนการโฆษณาไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าว่าสมมุติว่ามีเครื่องมีสถานีวิทยุกระจายเสียงเองมันก็ยิ่งเหลวยิ่งเลวยิ่งเหลวยิ่งเสื่อมคุณภาพ เพราะว่ามันต้องทำหวัด ทำให้ทันแก่เวลามันก็ต้องหวัดๆๆๆแล้วๆไปที มันก็เลยเลวลงเลวที่สุด อะไรๆที่ทำกันขึ้นบ้างนี้มันก็เป็นเรื่องไม่ใช่จำเป็นอย่าใช้คำว่าจำเป็น ถ้าอย่างนี้จำเป็นไอ้เราก็หมดคุณภาพทันที ไอ้ตัวเราก็หมดคุณภาพไอ้ความสามารถของเรานั้นละจำเป็นอุปกรณ์เหล่านี้มันมีนิดเดียวน้อยนิด ถ้าเราแสดงคุณภาพโดยทางธรรมะให้ปรากฏไอ้สิ่งเหล่านี้ก็มาเองจนกลายเป็นของเกินผมว่าพูดตรงๆ ว่าเรากันเองผมพูดว่าอย่างที่คุณวิโรจน์ทำนะมันบ้านะนั้นนะมันจะทำไอ้หนังบ้างทำไอ้วีดีโอบ้างอะไรบ้างนั้นมันเกินไป มันเป็นเรื่องบ้ามันจะไม่ได้ผลคุ้มค่า แล้วมันจะไปยุ่งกันแต่ไอ้เรื่องนั้นนะเสียมาก แล้วไอ้เเรื่องนั้นนะมันจะบังจะปิดบังไอ้สิ่งที่เป็นของมีประโยชน์ที่อันแท้จริง มันไปมัวยุ่งกันแต่เรื่องเปลือกไอ้เรื่องเนื้อมันก็ไม่ได้รับความเอาใจใส่เพียงพอ ระวังกันไว้กันให้ดีๆอย่าไปหลงเรื่องเปลือก ถ้ามันยังไม่มีเครื่องมือเครื่องใช้เหล่านี้ก็อย่าเพิ่งน้อยใจอย่าเพิ่งท้อถอย มันไม่สำเร็จประโยชน์เพราะไอ้เครื่องมือชนิดนี้ เราต้องทำให้ประจักษ์มีผลดีขึ้นมาก่อน แล้วคนเขาให้เองแหละ คนเขาให้เองแหละ คนเขาขวนขวายเอง เหมือนกับหลักที่ว่าถ้าเราเป็นภิกษุที่ถูกต้อง มันก็มีคนมาสร้างกุฏิให้เอง มันก็ไม่ต้องขวนขวายด้วยตนเองนี่พระพุทธเจ้าอยู่กุฏิดินกว้าง ๗ ฟุตยาว ๑๒ ฟุต กุฏิในวินัยนั้นน่ะในวินัยเรื่องสังฆาภิเษก ทำกุฏิอยู่เอง คนอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นตึกเป็นไอ้อย่างที่เขาชอบสร้างกันหรือที่พระเองก็ชอบสร้างกัน ที่จริงกุฏินั้นหมายถึงดินทั้งนั้นนะ ดินปั้นขึ้นมาเป็นลักษณะ ๔ เหลี่ยมแบบที่ทำกันอยู่เดี๋ยวนี้ในอินเดีย ดินปั้นหนาประมาณ ๑ ศอกเป็นกำแพงขึ้นมารอบด้าน เว้นช่องประตูหน้าต่าง หน้าต่างไม่ค่อยมี รูกลมๆเล็กๆก็พอ ประตูมีที่ข้างบนก็ดาดฟ้าเป็นดาดฟ้า มันเอาไม้ดุ้นวางแล้วก็เอาไม้ฟากวางบนนั้น แล้วก็เอาฟางวางบนนั้น แล้วเอาดินเกลี่ยบนนั้น แล้วก็ขัดด้วยของที่มันทนฝนได้ ขี้เถ้าผสมขี้วัวผสมทรายผสมอะไรก็ตามส่วน เขาพอขัดเกลี้ยงแล้วมันทนฝนได้หลังคาแบนโค้งนิดหน่อยคือกุฏิที่ให้สร้างได้แค่ ๗ คืบ ๑๒ คืบ คือกุฏิดินใช้กับลูกรัง เพราะว่าแม้แต่ดินพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ต้องการให้ไปขอเขามากไปรบกวนเขามากไปรบกวนเขามาขุดดินให้ หรือจะขุนดินเองมันก็ไม่สมควรอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ไปรบกวนแรงงานผู้ที่จะมาช่วยขุดดินทำให้มันเล็กกุฏิเล็กนิดเดียวพอจะทำกันง่ายตามลำพัง
เราจับเจตนารมย์ของพระพุทธเจ้าหรือของพระศาสนาหรือของพระธรรมให้ได้ว่าเขาไม่ต้องการให้ลงทุน ชนิดเงินทองมหาศาล ถึงแม้ว่าจะมีผู้อื่นมาช่วยทำให้ก็ไม่ต้องการให้มันเกินจำเป็น ยิ่งทำเองไม่มีใครมาเป็นเจ้ามือก็ยิ่งทำเล็กทำน้อยเท่าที่จะน้อยได้ แล้วก็ทำงานได้ มีชีวิตอยู่ได้ทำงานได้เผยแผ่ธรรมะได้ โดยการลงทุนด้วยปากด้วยแรง แล้วต่อมามันจะเป็นตัวมันเอง เป็นการตั้งสถาบันขึ้นมาในตัวเอง มีคนช่วย ถ้าต้องการเงินมันก็มีเงินและบางทีก็ไม่ต้องขอไม่ต้องขอ มันก็มีคนให้ เพราะฉะนั้นขอให้จำไว้เด็ดขาดเลยว่า ถ้าขอแล้วไม่เก่งถ้ายังมีการขอละก็ไม่เก่ง พระองค์นั้นยังไม่เก่งถ้าต้องมีการขอให้เขาช่วย ถ้ามันเก่งไม่ต้องมีการขอให้เขาช่วย เขาช่วยเองจนห้ามไม่ไหว นี่ผมพูดถึงคำว่าทุนที่เป็นเงิน ซึ่งหมายไปถึงที่เป็นของ เพราะเงินมันก็คือของ ของมันก็คือเงินแทนกันได้ เราอย่าไปหลงว่าต้องมีเท่านั้นต้องมีเท่านี้ถึงจะดำเนินงานได้ มันต้องเหมือนกับจีนที่มาจากเมืองจีนมือเปล่า แล้วก็มาเป็นเจ้าสัวในเมืองไทยเยอะแยะไปหมดเลย เขาทำอย่างไร เขามามือเปล่าจากเมืองจีน มาเป็นเจ้าสัวมาวางตนบางทีก็เป็นคนที่เขาซื้อมาถูกๆจ้างมาถูกๆเป็นคนประจำเรืออะไรทำนองนี้ แล้วต่อมามันก็ขึ้นบก มันก็เป็นอิสระตั้งตัวได้ด้วยไม้คาน มันก็เป็นเจ้าสัวได้ ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวที่ติดมาจากเมืองจีนนี่คงจะไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้มันเป็นผู้ที่มีความดีจนไอ้คนที่เกี่ยวข้องด้วยรักใคร่เอ็นดูเมตตากรุณาสงสาร อยู่ในเรือแล้วก็นายเรือรัก พอขึ้นบกก็เจ้าของบ้านรัก มันช่วยกันไปตามเรื่อง มันก็หมายถึงความไว้ใจหมายถึงความรักนั้นแหละมันก็ช่วย มันก็ลงทุนค้าขาย ขายเป็ดขายไก่ขายขวดอะไรไปก่อน จนกระทั่งมันเป็นเจ้าสัว เพราะมันจริงไอ้ที่ไม่จริงก็มีบ้างเหมือนกันแหละ แต่ส่วนมากมันจริงเพราะเป็นคนจีน บางคนอาจจะไม่เคยฟังแต่หลายคนเคยฟัง เพราะผมเล่าหลายหน เรื่องเจ๊กคนหนึ่งที่ชุมพร เขามาไม่มีอะไรมือเปล่า ตั้งตัวด้วยการไปเที่ยวซื้อเป็ดซื้อไก่กลางคืนมาขายได้กำไรกลางวัน จนกระทั่งเขาตั้งร้านขัดแตะมีร้านขัดแตะ ตลอดเวลาเหล่านี้กินข้าวกับใบมะขามต้มกับปลานิดหน่อย ไม่ยอมกินหมูไม่ยอมกินไก่ ขนาดไม่ยอมกินหมูไม่ยอมกินไก่นี่ก็เขาว่าเหลือเกินแหละถ้าเป็นจีน เขาบอกประชาชนที่นั่นว่ามันเป็นแสลงโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นอยู่ นี่แสดงว่ามันพูดดีมาก ไม่เหมือนกับไอ้คนเลวๆสมัยนี้ว่าทำไม่ไม่ทิ้งบุหรี่ เพราะว่าสังคมเขาไม่ยอม เพราะสังคมเขายังสูบบุหรี่อยู่ ทำไมไม่ทิ้งเหล้าเพราะสังคมหรือเจ้านายเขายังกินเหล้าอยู่ แล้วทำไมไม่บอกเราเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งกินเหล้าไมได้หรือสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างนี้ มันก็ไม่เอามันก็ไม่เอามันก็ตั้งตัวไม่รอดจนกระทั่งทุกวันนี้ เจ๊กคนนี้มันลงทุนคุณคิดดูสิ กินข้าวกับใบมะขามต้มเกลือใส่ปลานิดหน่อย เงินมันก็เหลือเรื่อยๆๆ จนมันเป็นร้าน มีของขายในร้านไม่ต้องไปเที่ยวหาบไก่ค่ำๆมืดๆ แล้วร้านมันก็ใหญ่ขึ้นๆเกินกว่าที่จะเป็นร้านขัดแตะไม้ไผ่ มันก็กลายเป็นร้านธรรมดาๆ มันจึงค่อยกินเนื้อหมูกินไก่กินหมูกินไก่ ตอนมันมีร้านมั่นคงแล้ว ไอ้คนที่เคยเห็นมันบอกคราวก่อนมันก็ถาม อ้าว,เดี๋ยวนี้ทำไมกินอะก็มันหายแล้วนี่ มันหายโรคเช่นนั้นแล้วมันก็คือโรคจนนั้นเองแหละ มันเป็นโรคจนเดี๋ยวนี้มันหายโรคจนแล้วมันก็กินได้ แล้วไม่เท่าไรมันก็ได้เมีย มันก็ได้เมียเป็นคนชาวบ้านที่ไว้ใจเรื่องใช้มีครอบครัวเป็นหลักฐาน มีเมียเป็นคนไทยมีลูกมีหลานมันก็จบเรื่องลำบากยากเข็น แต่ว่าบางคนไปถึงกับขนาดเป็นเจ้าสัวนู้น มีเงินหมื่นมีเงินแสนมีบริษัท ดูสิ่งนี้เป็นอุทาหรณ์ เป็นเครื่องเปรียบเทียบให้เราลงทุนด้วยมือเปล่าๆ แล้วมันจะงอกออกมาอย่างน่าภาคภูมิใจ เพราะมีความสามารถนี่พูดในข้อที่ว่าไอ้ทุนที่เป็นเงินเป็นของ ไม่ค่อยมีความสำคัญอะไรหรอก แล้วถ้าทำผิดล่ะก็ชิบหายตั้งแต่ทีแรกเลย ถ้ามาหลังแต่เรื่องอย่างนี้ทีแรกจะล้มละลายกันทีแรกมันใช้เป็นทางผิด
ทีนี้ก็พูดถึงเรื่องที่ ๒ คือเรื่องคนเรื่องเพื่อน เรื่องผู้อุปถัมภ์ผู้อุปถัมภ์ มันก็ดีมันอยู่ที่เราทำตัวให้น่าผู้อุปถัมภ์ นี่เราจะเล็งไปถึงว่ามีคนใช้มีคนรับใช้มีคนใช้เหมือนกันแหละ ทว่ามันไม่สามารถแล้วมันก็ทำไม่ได้หรอกจะมีคนใช้อย่างไรมันก็ทำไม่ได้ เพราะมันไม่รู้จะทำอย่างไรนี่มันคนโง่ ทีนี้คนจะมาอุปัฏฐากอุปถัมภ์ด้วยทุนด้วยรอนอะไรมากๆนั้นก็มันมาทีหลัง เมื่อเราพิสูจน์ไอ้ความมีประโยชน์ความสามารถของเรา แล้วมันก็มาทีหลัง ตามลำพังของการผู้อุปถัมภ์นั้นมันไปไม่รอด ถ้าไอ้คนนั้นมันไม่ดีจริง มันไม่เก่งจริงมันไม่ไปรอด อุปถัมภ์อย่างไรมันก็เอามาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกันหมด มันเป็นไปไม่ได้นั้นเราไม่ให้ความสำคัญแก่เงินหรือวัตถุสิ่งของหรือคนอะไรนัก เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นมากกว่า
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่ ๓ คือธรรมะ ทุนที่ ๓ คือธรรม คือคุณธรรม เรื่องเงินเรื่องคนทุนคือเงินทุนคือเงินทุนคือธรรมอันนี้เป็นสิ่งสูงสุดของความสำเร็จ ถ้ามีคุณธรรมถ้ามีธรรม เหมือนเราพูดกันวันแรกว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ การเผยแผ่ธรรมะนี้มีเจตนาบริสุทธิ์ไม่ใช่เพื่อความดีเด่นของกูของตัวกูของกู เจตนาบริสุทธิ์เพื่อจะช่วยเพื่อนมนุษย์กันจริงๆ ถ้าเรามีแผนงานใหญ่ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ ก็เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ไม่ใช่เพื่อความดีความเด่นของท่าน หรือคนที่เขาทำสำเร็จในยุคปัจจุบันนี้ เขาก็ด้วยใจบริสุทธิ์เพราะว่าเขามีชื่อเสียงมากกว่านั้นแล้ว เขามีเงินมากกว่านั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้ต้องการเงินไม่ได้ต้องการชื่อเสียง เพราะเขามีมาก เขาก็เหลือแต่ว่าจะช่วยเพื่อนมนุษย์หรือว่าเอาบุญก็ได้ ถ้าเจตนาเอาบุญก็ยังดีๆ ยังดีอยู่ เจตนาช่วยเพื่อนมนุษย์ก็ยังดียิ่งขึ้นไปอีก นั้นไอ้ทุนข้อแรกของธรรมะก็คือไอ้ความบริสุทธิ์ หรือความจริงมันก็มันวกไปหาไอ้เรื่องเมื่อวานที่ว่าฆราวาสธรรมนั้นแหละ เอามาเถอะเอามาใช้ในการเป็นผู้เผยแผ่สัจจะธรรมะขันตีจาคะในนั้นละเรื่องสัจจะมาก่อนนำหน้านั้นสำคัญมาก ต้องจริงต้องบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ก็คือจริง จริงก็คือบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ต่อการงาน ต่ออุดมคติของงานที่ทำ มันต้องจริงเราเป็นคนบริสุทธิ์เราไม่ได้ทำเพื่อคดโกงใคร แล้วเราก็ทำจริง จริงจนกระทั่งว่าเป็นความจริง หรือว่าเป็นความจริงหรือเป็นธรรมเป็นธรรมะ เป็นตัวกูไม่มี ตัวกูไม่รู้อยู่ที่ไหน ที่เหลืออยู่ที่นี่ ก็คือธรรมะกับการกระทำการกระทำ มีชีวิตจิตใจกระทำ ส่วนธรรมเป็นตัวธรรม เป็นตัวการงานที่จะทำ ตัวตนไม่มีตัวตนของตนแบบตัวกูของกูไม่มี จะมีธรรมะจึงจะเรียกว่ามันจริง มันมีสัจจะจริง กว่าคนเรานะจะกระโดดทีเดียวมาถึงนี่คงจะหายาก ขอแต่ค่อยๆเป็นมา ทีแรกมันไม่ได้จริงเหมือนคราวนี้ แต่มันจริงมากขึ้นจริงมากขึ้น จนมันจริงถึงคราวนี้แล้วมันไปรอด ถ้ามันไม่จริงมันก็ทำเพื่อตัวกู เดี๋ยวมันก็เฉ เฉออกนอกทางบ้างอะไรบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ดีแรกๆมันก็ต้องบูชาความจริงไว้ก่อน อุทิศกับสิ่งที่ตัวจะต้องทำ อุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับสิ่งที่ตัวจะต้องทำ ถ้าเราอยู่ในฐานะเป็นผู้น้อยเป็นผู้ร่วมมือก็เหมือนกันแหละต้องอุทิศชีวิตร่วมกับไอ้ตัวธรรมะของหมู่ของคณะกับผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้เท่าที่เคยเห็นรู้สึกว่าพวกโรมันคาทอลิกทำได้ดีมาก เขาจริงจริงกันอย่างร้อยเปอร์เซนต์ ที่เราล้อ ล้อเขาว่าทำเพื่อพระเจ้า ถือพระเจ้าอย่างงมงาย ไม่ถูกหรอก เพราะพระเจ้าที่เขายึดถือน่ะมันเป็นเหตุให้เขาทำจริง จริงเกินชีวิตอีก เราเคยล้อเขาว่าทำเพื่อพระเจ้า ผมรู้สึกว่าไม่ถูกที่ไปล้อเขาเรื่องพระเจ้าเรื่องต่างๆ เพราะความยึดในพระเจ้านี่แหละเป็นเหตุให้เขาทำจริง บาทหลวงพระชั้นหัวหน้าก็ทำจริง บาทหลวงชั้นผู้น้อยผู้รับใช้มันก็ทำจริง เพราะว่าเขาได้อบรมให้จริงมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที ที่ว่าเขาให้บวชเป็นสามเณรอยู่กี่ปีแล้วเป็นพระสงฆ์ฝึกหัดกี่ปี แล้วให้มาเป็นพระสงฆ์จริงตลอดกี่ปีกี่ปีก็อบรมแต่เรื่องนี้ ให้ยกเลิกตัวของตัวเสีย สมัครเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย เขาเรียกว่าเป็นผู้ไม่มีทรัพย์สมบัติข้อที่ ๑ เป็นคนไม่มีทรัพย์สมบัติ ถ้าจิตใจมันทำได้จริงก็เหลือเกินแล้ว เราไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่เสื้อผ้าที่เรานุ่งห่มอยู่มันต้องทำใจถึงขนาดนั้น เรียกว่าไม่มีทรัพย์สมบัติข้อที่ ๒ ก็เรียกว่าโสด คือไม่มีเรื่องกามอารมณ์ ไม่มีเรื่องกามคุณ มีจิตใจเป็นคนโสดไม่มีเรื่องกามารมณ์ ข้อที่ ๓ เขาให้เชื่อฟังเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เหมือนกับเชื่อฟังพระเจ้าเองเลย ไอ้คุณธรรมเหล่านี้กระมังที่ทำให้พวกคริสตังเขาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ของเขาได้ ทั้งที่ว่ามันไม่ควรจะได้ มันแสนเข็นเหมือนจะกลิ้งครกขึ้นภูเขา เอาศาสนามายัดเยียดให้คนที่เขาไม่ต้องการเขาก็ทำไปได้ เพราะเขาอบรมกันถึงขนาดนี้ ซึ่งจะเรียกว่าจริงๆ ไอ้บาทหลวงคดโกงเกเรอันธพาลนั้นมันก็มีเหมือนกันแหละ ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่มันหายากมาก เพราะเขาอบรมมาดีตั้งแต่เป็นเณร เราก็น่าจะคิดนึกหรือเอามาเป็นตัวอย่างในข้อที่ว่ามันจะต้องจริง ทีแรกเราอาจจะไม่จริงก็ไม่เป็นไร แต่เราจะต้องจริงๆๆๆยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นจนสมบรูณ์จนมาสมัครงานนี้ ทีแรกก็ไม่ได้จริงใจอะไร ทีหลังก็นึกอย่างจะจริงขึ้นมา ก็ให้มันจริงขึ้นไปๆ เมื่อก่อนมันจริงไม่ถูกจริงไม่ค่อยจะถูก ไม่รู้จะจริงเข้าไปที่ตรงไหน ต่อเมื่อได้ทำมันนานพอสมควรมันเห็นลู่เห็นทางเห็นอะไรหมด มันจึงจริงเป็นจริงถูกต้อง จริงเข้าไปที่ตรงไหนนะมันก็จริงได้ มันจึงค่อยจริง นั้นหวังว่าพวกคุณคงมีจริงที่เพิ่มขึ้นๆ จนกว่ามันจะสมบูรณ์ ขอให้มุ่งหมายไว้อย่างนี้ด้วย เอาคำโบราณปรัมปราดีอยู่ที่ละ พระอยู่ที่จริงไว้ได้ พระมันอยู่ที่จริง ดีอยู่ที่ละพระอยู่ที่จริง งามอยู่ที่ซากผี ดีอยู่ที่ละ พระอยู่ที่จริง เพียงแต่จริงเท่านั้น เขาก็นับถือกันทั้งบ้านทั้งเมือง แม้จะโง่ก็ยังได้รับความนับถือที่ดีกว่าคนที่มันไม่จริง มันมีอะไรไม่หน้าไว้ใจ นั้นจะเห็นพระเถระที่ไม่มีการศึกษาอะไร ไม่เคยรู้อะไรแต่คนนับถือยิ่งกว่าพระเถระที่มีเกียรติมีอะไร เพราะว่าท่านเหล่านั้นมีความจริง เป็นพระเถื่อนอยู่บ้านนอกคอกนาอยู่ป่าอยู่เขาอยู่ซอมซ่อ แต่คนเขาก็นับถือเพราะว่าท่านมีความจริง นี่มันตั้งต้นที่จุดนี้ การกระทำที่พิสูจน์ผลขึ้นนมาแล้ว ไม่ยากที่จะทำให้เขาไว้ใจหรือนับถือ ถ้ามันมีอะไรที่ไม่จริงมาก่อนหรือติดอยู่รีบละไปเสียๆ เช่นทำอะไรทำแต่ข้างหน้าข้างหลังไม่ทำหรือทำเพียงเหตุว่าให้เขายังคงนับถือ ไม่ได้ทำด้วยความจริงอย่างนี้ ก็มีอยู่มากต้องรีบละ มันสิ้นฤทธิ์เร็วเดี๋ยวมันหมดฤทธิ์เร็ว ไอ้ธรรมที่ไม่จริงมันหมดฤทธิ์เร็ว เดี๋ยวมันก็หมดแรง สัจจะธรรมะขันตีจาคะของฆราวาสนั้นน่ะไปนิพพานก็ได้เดี๋ยวนี้เราเพียงเพื่อการเผยแผ่มันก็เกินกว่าที่เราจะได้ซะอีก ไอ้ธรรมะนี่มันมันต้องบังคับ ที่จริงมันก็พ่วงกันอยู่สัจจะถ้ามันจริงมันก็มีการบังคับให้มันไปในแนวของความจริง แต่ต้องพูดให้ชัดอีกทีหนึ่ง ต้องมีการบังคับตนอยู่จึงจะรักษาความจริงนั้นไว้ได้ นี่เป็นเหตุที่เราจะต้องบังคับให้มันทำตามหลักเกณฑ์ที่จริงที่ได้วางไว้แล้ว เพื่อให้ทำตามที่กำหนดไว้แล้ว การจะคิดว่าทำปีเดียวมีชื่อเสียง มันเป็นเรื่องลมๆแล้งๆ ถ้าทำปีเดียวได้ชื่อเสียงก็ชื่อเสียงหลอกๆ ชื่อเสียงฟลุ๊คไม่เท่าไรมันก็ตายหมด มันต้องทำจริงไม่มีกำหนดเวลากันแหละบังคับตนให้ทำได้จริง ไม่มีกำหนดเวลาไม่สิ้นสุดแห่งการทำจริงอย่าลืมอุดมคติที่ตั้งไว้แล้วว่า จะทำอะไรจะทำอะไรอย่าลืม เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนๆๆ มันก็เป็นคนเปลี่ยนงานอยู่เรื่อยเปลี่ยนบทบาทอยู่เรื่อยเปลี่ยนสถานที่อยู่เรื่อย เปลี่ยนกระทั่งการแสดงตน การโชว์ฟอร์มก็เปลี่ยนไปด้วย เดี๋ยวแต่งตัวยอย่างนั้นเดี๋ยวแต่งตัวอย่างนี้
ถ้าว่าไม่ชอบบังคับตนมีหวังล้มเหลว ผู้ที่จิตใจเบาหวิว คาถาหลิทฺทราคํ กปิจิตฺตํ คาถานี้ผมเคยจำแม่นยำเดี๋ยวนี้ชักจะลืมแล้ว กปิจิตฺตํคือจิตเบาหวิวเหมือนกับลิง จิตเหมือนลิง กปิน่ะลิง จิตฺตํคือจิต กปิจิตฺตํมีจิตเบาหวิวเหมือนกับลิง หลิทฺทราคํมีจิตเหมือนย้อมด้วยขมิ้น มันหมายถึงกิเลสชักนำไป เป็นตัวอย่างเป็นองค์ประกอบของบุคคลที่ล้มละลาย มันรวมทั้งอะไรนิดก็ไม่ได้อะไรหน่อยก็ไม่ได้ มันโกรธมันน้อยใจมันขัดใจแล้วมันก็ประชดตัวเอง ถ้ามันประชดใครไม่ได้มันก็ประชดตัวเอง เดี๋ยวมันก็ล้มละลายนี่จิตชนิดนั้น ไม่มีธรรมะการบังคับตัวเอง ธรรมะนี่แปลว่าฝึกก็ได้แปลว่าบังคับก็ได้ แปลว่าข่มขี่ก็ได้ ไอ้เราทำงานอย่างนี้ มันก็เรียกว่าบังคับน่ะแหละบังคับตัวเอง ทว่าข่มขี่ก็เรียกว่าอยู่ในการฝึกธรรมะจะเป็นนักเรียนเป็นผู้สั่งสอนเขาทั้งที มันก็ต้องมีการบังคับตัวเองให้รักษาอุดมคติให้มั่นคงให้ยืดยาว คือมีคนหลายคนที่ผมเห็นกับตา แต่ไม่ออกชื่อ มันใจน้อยพอมันมีอะไรสะดุดนิดหน่อย มันก็เลิกทิ้งเรียกว่าคว่ำกระดานเลย ภาษาหมากรุกเรียกว่าคว่ำกระดานเลย พอมีอะไรมากระทบนิดหน่อยอะไรมาขัดขวางนิดหน่อยมันจะต้องพอและอย่างไรๆก็ต้องไปข้างหน้า ยอมเสียสละบางทีก็ต้องเสียสละเกียรติยศชื่อเสียง เพื่อจะรักษาอุดมคติเดิมๆไว้ให้ได้ ถ้าคนเขาไม่เห็นด้วยหรือว่ามัน เหตุการณ์มันปลี่ยนแปลง ใครจะว่าโง่ว่าบ้าก็ตามใจเราเอาเรื่องเราทำ ต้องรู้เรื่องจิตใจพอสมควรจึงจะบังคับมันได้ จึงต้องฝึกสมาธิบังคับจิตอยู่ด้วยพร้อมๆกันไป บางเวลาร่างกายมันจะบิดพลิ้วมันเหนื่อยอ่อนเพลีย หรือมันไปถูกอะไรมาก็จะต้องปรับปรุงซะให้มันไม่เหลวไหล ให้มันใช้ได้ นั้นการที่ฝึกฝนอยู่นี่ถูกแล้ว ตื่นแต่ตี ๓ ตี ๔ มาทำอะไรให้ได้ ไม่เห็นแก่นอน ทำอะไรให้ตรงเวลาเป๊ะ มันเป็นบทเรียนที่ดีของการฝึก ให้มันเกิดความสม่ำเสมอเป็นนิสัย ตอนแรกๆมันคงจะลำบากมาก การจะฝึกตัวให้เปลี่ยนเป็นรูปใหม่มันลำบาก แต่มันทำได้ใช้คำว่าเกิดใหม่ก็ได้ ฝึกฝนจนมีชีวิตใหม่หรือการเกิดใหม่ เป็นอีกคนหนึ่งเลยเป็นคนละคน เดี๋ยวนี้มันเข้มแข็งเหลือประมาณมันเอาจริงเหลือประมาณ ชนิดที่ ๓ ก็คือขันตีไงสัจจะจาคะ ขันตีนี้ในโรงเรียนนักธรรมมันสอนกันแต่ ๒-๓ อย่าง มันขาดอย่างสุดท้ายที่สำคัญอดทนต่อหนาวร้อนอดทนต่อโรคภัยไข้เจ็บ แล้วก็อดทนต่อคำด่าในโรงเรียนมักสอนกันเพียงเท่านี้ ผมเติมเข้าไปอีกคำว่าการบีบคั้นของกิเลส อดทนต่อการบีบคั้นของกิเลสนี่เป็นหัวข้อรวม มันจะกินความไปได้ทุกข้อ อดทนต่อความเจ็บไข้ ที่ไม่อดทนก็เพราะกิเลสชนิดนี้แหละ อดทนต่อธรรมชาติหนาวร้อน เมื่อทำการงาน คงเป็นกิเลสที่ทำให้อดทน อดทนต่อคำด่าสบประมาทนั้นนะยิ่งกิเลสน่ะ ยิ่งไม่อดทนก็ยิ่งกิเลส เราใช้คำให้มันกว้างไปซะทีเดียว อดทนต่อความบีบคั้นของกิเลสให้รู้สึกอย่างนั้นๆ เราอดทนได้ มันอดทนต่อการที่กิเลสจะบีบบังคับให้ไปทำชั่ว นั้นมันมากกว่าที่จะมีเพียงแค่ ๓ อย่าง นี่ปัญหามันจะเกิดขึ้น เมื่อทำไปแล้วมันลำบากมากเข้าเหน็ดเหนื่อยมากเข้ายุ่งยากมากเข้า กระทั่งว่าเหมือนกับทนทรมานมากเข้า ล้วนแต่ต้องอดทนเท่านั้นแหละ กิเลสมันจะชักใยให้เขวออกนอกทาง หรือจะเลิกทำอื่นดีกว่าไปทำอื่นดีกว่าแล้วจะเปลี่ยนกันอยู่เรื่อย เพราะไม่อดทน มันก็ซวนเซแล้วก็ล้มละลายมันต้องทำได้ถึงขนาดที่ว่าทำงานสิ่งเดียวนั้นน่ะอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลาสิบๆปี อย่าใช้คำว่าปีๆปีๆน่ะมันน้อยนัก จะฝึกฝนอะไรทำงานอะไรช่วงแค่ปีๆนี่ยังๆ ยังไม่พอเหมือนกับว่าเราจะหัดเทศน์ ก็ต้องหัดเทศน์กันเป็นสิบๆปี หรือจะเป็นครูสอนผู้อื่น นิกายเซนเขาก็ต้องให้เป็นผู้ปฏิบัติมาถึง ๒๐ ปี จึงจะให้สอนผู้อื่นได้ ถ้ามันไม่มีความอดทนเป็นสิบๆปีก็ทำไม่ได้ ทำงานอย่างเดียวกันซ้ำๆซากๆเป็นสิบๆปีคิดดูเถอะ มันไม่ใช่เล่นข้อนี้มันเกี่ยวกับสติปัญญาอยู่มาก มันมีสติปัญญาทำให้อดทนได้ ทำให้อดทนได้ปรับปรุงกันไปตามเรื่องชนิดที่ว่าทำให้มันอดทนได้ นั้นการทำงานให้สนุกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ทำงานให้สนุก มันจะไม่ต้องทนมากเกินไป มันจะทนได้ ผมเคยคิดว่าจะเขียนบันทึกเรื่องส่วนตัวประจำวันน่ะ พอค่ำลงเขียนๆ แล้วจะเขียนให้ตลอดชีวิตเลยน่ะ คิดว่าอย่างนั้น แล้วมันก็ไม่ได้ ความอดทนไม่พอ เขียนอยู่มีกี่ปีมันก็เลิกนึกสนุกขึ้นมาอีก เขียนมาไม่กี่ปีก็เลิก ความอดทนมันไม่พอ เพราะงานนั้นมันซ้ำซากเกินไป แต่ว่าส่วนที่ทำได้มันก็ไม่น้อยเหมือนกัน นั้นมันจึงอยู่ได้ มันจึงไม่ล้มละลาย เขามีบทฝึกหัดสอนเด็กสอนคนชาวบ้านเขาทำอะไรเป็นประจำ ทุกวันจนตลอดชีวิต แม้จะ..น้ำล้างหน้าอะไรก็สุดแท้เถอะ (นาทีที่59.55) ขอให้มันทำได้ทุกวันจริงๆตลอดชีวิต มันก็เป็นการฝึกที่ดี ฝึกนิสัยให้อดทนสม่ำเสมอตลอดชีวิต เราอย่าไปดูถูกเขา แล้วเราอย่าไปมองเขาว่าเป็นไสยศาสตร์ บางทีเราก็ไม่รู้ ไอ้ไสยศาสตร์บางเรื่องเราก็ไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้มองเห็นข้อเท็จจริงลึกกว่าเราว่าต้องหลอกกันอย่างนั้นสิ คนมันจึงปฏิบัติตามจริงทุกวันตลอดชีวิตนี่แหละ สิ่งที่เรียกว่าไสยศาสตร์บางทีมันมีไว้ให้เราโง่ก็มีเราก็อย่าให้ออกสิว่ามันเป็นการฝึกอะไรกันบ้าง โดยการทำอย่างนั้นพูดไว้ให้น่ากลัวพูดไว้ให้น่าสนใจ มันก็ทำให้คนกลัวสนใจปฏิบัติได้ตลอดชีวิต ถ้าฝึกกันมาได้ตั้งแต่เด็กมันก็ดีเด็กๆเล็กๆนี่จะได้รับการฝึกฝนอบรมให้สม่ำเสมอโดยไม่ต้องใช้ ไม่ต้องเตือนมันก็ดี ขันตีอดทนต่อการบีบคั้นของธรรมชาติใฝ่ต่ำ หรือกิเลสหรือความชั่ว แล้วก็ทนรอได้คอยได้เท่าไรก็ได้ จนกว่าจะมีผลเกิดขึ้นรอได้คอยได้
มีนิทาน ใครเล่าก็ไม่รู้ เด็กหรือลิงก็ไม่รู้ปลูกต้นไม้เล็กๆลงไปแล้วมันก็มาถอนดูทุกวันๆว่ารากงอกหรือยัง มันถอนดูทุกวันๆว่ามันงอกหรือยัง เรียบร้อยถูกต้องหรือยัง คือมันทนไม่ได้ คำพูดนั้นไม่ใช่คำพูดเล็กน้อยที่ว่าขันตีเป็นกำลังของผู้บำเพ็ญพรต ขันตี พลัง วะยะ ตีนัง เป็นกำลังของผู้บำเพ็ญพรต แม้ชั้นพระพุทธเจ้าก็ต้องอาศัยขันตี พระลูกเด็กๆก็ต้องอาศัยขันตี ไม่อย่างนั้นมันก็ล้มละลายที่เราทนบวชอยู่ได้นี่ต้องทนความบีบคั้นของกิเลสมาก ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสึกแล้ว งานเผยแผ่นี้มันจะต้องอดทนมากไปกว่านั้นอีก เพราะมันจะต้องประสบอุปสรรคมากกว่าที่จะเป็นคนธรรมดา ซึ่งไม่มีการเผยแผ่มันต้องประสบความยากลำบากในตัวการงานนั้นบ้าง เพราะประสบไอ้ผู้แข่งขันขัดขวางบ้างมันก็ต้องอาศัยความอดทน ถ้าดีกว่านั้นมันจะต้องอาศัยสติปัญญา เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเองก็เลยไม่รู้สึกหนักอกหนักใจอะไร ก็ไม่ต้องอดทนมันเช่นนั้นเอง เมื่อประสบการต่อต้านอิจฉาริษยาขัดแย้งอะไรต่างๆ มันก็เช่นนั้นเอง เรื่องจะถูกต่อต้านหรือจะถูกอิจฉาริษยานี่เป็นธรรมดาที่สุด ธรรมดาที่สุด เหมือนกับสิ่งธรรมดาทั้งหลาย อย่าๆเห็นเป็นของแปลก เมื่อเราถูกต่อต้านถูกขัดขวางคิดว่าเป็นของแปลก บางคนมันโง่มันถึงกับว่าเป็นกรรมของเราเป็นโชคร้ายของเรา เป็นกรรมของเรา ที่แท้มันคือธรรมดาๆ ซึ่งจะต้องมีอย่างนั้นในโลกนี้ เขากลัวว่าเราจะดีกว่าเขากระมังเขากลัวว่าเขาจะเสียประโยชน์มากยิ่งขึ้นไป เราลองไปสอนความจริงกับพวกที่ได้รับประโยชน์อยู่ด้วยความเท็จ เขาจะโกรธเขาจะเกลียดจะฆ่าเราซะได้ก็ยิ่งดี เขาได้รับประโยชน์ด้วยความเท็จ เพราะเราไปเปิดเผยความจริง ผมเข้าใจว่าที่มีคนเขียนต่อต้านผมก็มีความจริงอย่างนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะมันไปกระทบกระทั่งประโยชน์ของเขา ทำให้เขาเสียประโยชน์ มันมีตั้งแต่ประโยชน์เล็กๆนิดๆของคนโง่ๆธรรมดาๆ จนกระทั่งของคนมีประโยชน์ชั้นสูง คนมีแผนการลึกจะหลอกคนทั้งเมือง มันก็มีมันช่วยไม่ได้ที่จะให้ใครต่อต้านขัดขวางอิจฉาริษยา นี่มันไม่มีถ้าว่าไม่ยอม ไม่ยอมคิดอย่างนั้นไปคิดซะว่าต้องไม่มี เลิกเสียดีกว่าเลิกการงานที่จะเผยแผ่เสียดีกว่า อย่าไปทำมันป่วยการมันต้องมีแน่มันก็ต้องมีขนาดที่เรียกว่าเต็มทน ต้องอดทน ๒ - ๓ เท่าของภิกษุธรรมดา ภิกษุที่ทำการเผยแผ่นี่ต้องมีความอดทน ๒ - ๓ เท่าของภิกษุธรรมดาๆที่ไม่ได้ทำการเผยแผ่ ถ้าไม่ยอมรับสภาพอันนี้ก็ทำไม่ได้เลิกเสียดีกว่า
ทีนี้ข้อสุดท้ายก็คือจาคะ จาคะสละสิ่งที่ไม่ควรจะมีเสียให้หมด มันก็คืออุปสรรคไม่ใช่ให้ทานนะจาคะในธรรมอย่างนี้ไม่ใช่การให้ทาน ถ้าจะมีบ้างก็นิดหน่อยมีความหมายนิดหน่อยจาคะ ในที่นี้สละไปจากกิเลสพ้นจากสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในใจผมชอบแปลอย่างนี้ จาคะสำหรับฆราวาสธรรม ๔ นี่ สละสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในจิตใจออกไปเสียเรื่อยๆ จะพูดให้ชัดอีกก็คือว่าสละสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการงาน สละไปเรื่อยๆคือทำลายเรื่อยๆอย่าให้มีอยู่ในตัว ไอ้มีอยู่ข้างนอกน่ะห้ามไม่ได้หรอก แต่ที่มันเข้ามามีอยู่ในตัวเรานั้นน่ะมันเป็นสิ่งที่ห้ามได้ควบคุมได้ ต้องทำอยู่เสมอ หยิบขึ้นมาตรวจสอบอยู่เสมอว่ามันเป็นข้าศึกแก่การงานของเรา ที่ท่านเรียกกันมาแต่เดิมนู้นว่าอันตรายิกธรรม ซึ่งมาใช้ในเรื่องของผู้บวชใหม่อันตรายิกธรรมก็ผู้บวชใหม่ มันใช้ในความหมายแคบเฉพาะผู้บวชใหม่ แต่ที่จริงคำนี้มันหมายหมดกว้างหมด สิ่งที่เป็นอันตรายต่อการงานนั้นก็เรียกว่าอันตรายิกธรรมหมด จะต้องสามารถเว้น ไอ้การเว้นนี่การป้องกันการเว้นนี้ เขาให้ทำตั้งแต่ ตั้งแต่เริ่มการงาน ผมสังเกตเห็นว่าพระอาจารย์ผู้ที่จะแต่งหนังสือแต่งคัมภีร์สำคัญๆ คัมภีร์ยืดยาว เช่นคัมภีร์วิสุทธิมรรค คัมภีร์มิลินทปัญหา แม้ที่สุดจน คัมภีร์อรรถกถา เขาจะต้องมีคำอธิษฐานจิตไม่ให้เกิดมีอันตรายิกธรรม ต่อสิ่งที่ข้าพเจ้าจะทำ หมายความว่าให้แต่งคัมภีร์นี้สำเร็จ นี่แสดงว่าเขารู้จักกันมานานแล้ว แล้วเขากลัวกัน เช่นงานนี้ต้องทำ ๑๐ ปี อันตรายิกธรรมของมันก็คือ มันมีอะไรมายั่วมาดึงให้หันเหไปเสียกลางคันทำไม่ทันเสร็จ นี่อันตรายิกธรรมที่ใหญ่หลวง เขาถึงอ้อนวอนพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คุ้มครองอย่าให้ .......... (นาทีที่ 71.20 ) อันตรายแก่การงานแก่พรหมจรรย์แก่อะไรอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ถ้อยคำนี้มีมากในคำประณามเขาเรียกประณามคาถา ต้นคัมภีร์ของคัมภีร์ต่างๆ ตั้งใจว่าจะแต่งคัมภีร์นี้ใช้เวลา ๑๐ ปีเก็บตัวอยู่บนปราสาทโลหะปราสาทในลังกาเขาชอบพูดอย่างนี้ หลบหลีกสิ่งแวดล้อมเลวร้ายไปอยู่บนปราสาท ทำอยู่ทุกวันทุกวันบางทียังมีอันตรายตามขึ้นไปได้รบกวนจิตใจเช่นกิเลสเป็นต้น เขากลัวเขาจึงตั้งจิตอธิษฐานกันเต็มที่เลยว่า อย่าให้มีอันตรายิกธรรมใดๆเกิดขึ้น แก่ข้าพเจ้าจนทำงานนี้สำเร็จ เรื่องนี้ผมรู้ดีเพราะว่าผมเคยเหลวไหลเคยทำไม่สำเร็จ เพราะอันตรายิกธรรมผลัดวันประกันพรุ่งบ้าง มันเบื่อบ้าง แล้วมันเหลวไหลเฉโก จนบางเรื่องต้องเลิกไป เช่นหนังสือเรื่องตามรอยพระอรหันต์ แต่งไม่จบก็เพราะอันตรายิกธรรมที่ว่านี่ เดี๋ยวนี้ก็รู้สึกรำคาญหรือเกลียดชังตัวเองอยู่ คือทำหนังสือเรื่อง ๕๐ ปีของสวนโมกข์ฉบับสวยงามนั้นไม่ได้ ยังทำไม่ได้ ยังทำบ้างไม่ทำบ้างอยู่ ก็เพราะความเหลวไหลบางที่มันก็ไม่อยากทำมัน มันอยากพักผ่อนไอ้ความอยากจะพักผ่อนอยากจะอยู่โดยไม่ต้องทำงานให้มันมากขึ้น แต่ก็ดูว่าไม่ใช่ความเหลวไหลไปเสียทั้งหมด มันเป็นความทรุดโทรมของร่างกาย ของมันสมองของระบบประสาท ที่มันผิดจังหวะแต่มันก็ยังเรียกว่าอันตรายิกธรรมอยู่นั้นแหละ นี่ถ้าความเจ็บไข้มาแทรกแซงมันก็อันตรายิกธรรม ความเหลวไหลโลเลของเราเองก็อันตรายิกธรรม นี้ระวังให้ดีมันเป็นสิ่งที่ต้องสลัดออกไปจากจิตใจ สลัดออกไปจากวิถีทางจากการงาน คุณยังหนุ่มๆกันอยู่ทั้งนั้น มันไม่ควรจะมีความทรุดโทรมของร่างกาย ซึ่งเป็นเหตุให้ทำไม่ได้ ถ้ามีก็ความเหลวไหลความทรุดโทรมของจิต จึงจะเรียกว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าคนแก่แล้ว มันก็ควรจะยกเว้นให้ได้บ้าง มันเป็นความทรุดโทรมของฝ่ายร่างกาย ฝ่ายจิตใจมันดิ้นไปไม่ไหว ผมจึงบอกว่าผมรู้จักดีผมรู้จักมันดีเลยอันตรายิกธรรมของการงานน่ะผมรู้จักดี เพราะมันทำมามากแล้วคุณดูสิมันมากเท่าไร โดยเฉพราะเรื่องหนังสือ ผมรู้จักดี แต่ว่ามันก็ฝ่ามาได้ ฝ่ามาได้ มากจนกระทั่งมาถึงยุคสมัยที่มันจะฝืนกันไม่ไหว มันเตรียมหยุด หยุดการกระทำงานชึ้นใหญ่ งานแรมปีมันต้องหยุดในที่สุด เพราะว่ามันสู้อันตรายิกธรรมไม่ไหว มันไม่กล้ารับทำให้ใคร เดี๋ยวนี้ใครจะขอร้องให้ทำงานชิ้นใหญ่นี่ไม่กล้ารับ เพราะว่าร่างกายสังขารมันเกิดเป็นอุปสรรคขึ้นมาเสียเอง ผู้ที่จะประพฤติพรหมจรรย์ในศาสนาก็ต้องระวังข้อนี้ อุปสรรคอันตรายของพรหมจรรย์ ถ้าผู้ที่ทำงานมากกว่านั้นไกลกว่านั้น มันก็มีอีกอันตรายของงานชนิดนั้นส่วนใหญ่อยู่ที่เรื่องจิตทั้งนั้น จิตมันเปลี่ยนจิตมันเปลี่ยนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเปลี่ยนงานมันเอง มันเปลี่ยนงาน เดือนนี้อยากแต่งหนังสือเรื่องนี้ เดือนหน้าอยากแต่งหนังสือเรื่องอื่น มันเหลวหมดเลย หรือว่าเดือนนี้อยากอยู่อยู่สวนโมกข์ เดือนนู้นอยากอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันเปลี่ยนมันเอง เปลี่ยนเรื่อย มันอยู่ในชุดที่เรียกว่าอันตรายิกธรรมเป็นข้าศึกของความสำเร็จสรุปว่าสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการงาน หรืออุดมคตินั้น หรือสละสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในจิตใจ เพราะว่ามันเป็นข้าศึก เพราะว่ามันเป็นอุปสรรค ระบายออกเสียได้ด้วยวิธีใดบ้างก็ทำทุกอย่างทุกวิถีทาง อย่าดูถูกกิจวัตรเล็กๆน้อยๆ อุตส่าห์ทำไปเถอะ มันเป็นเครื่องช่วยให้ระบายออกเรื่อยๆๆๆไม่หยุดในสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในใจนั้น อย่าเห็นว่าวินัยนี้เล็กน้อย หรือเรื่องนี้เล็กน้อยทำวัตรสวดมนต์เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่าๆ ทำไปก่อนดีกว่า
อ้าว,ครบ ๔ ข้อแล้ว สัจจะ ธรรมะ ขันตี จาคะ ซึ่งผมจะเรียกว่าธรรมะสารพัดนึก ธรรมะสารพัดนึกแต่ในนวโกวาท เขาเรียกว่าฆราวาสธรรมธรรมะสำหรับฆราวาส ดังนั้นจะต้องเติมคำอธิบายขึ้นใหม่ว่าธรรมะสำหรับฆราวาสใช้เพื่อยกตนให้พ้นจากความเป็นฆราวาสอย่างนี้ใช้ได้ฆราวาสธรรม ๔ ข้อนี้เป็นธรรมะสำหรับฆราวาส ที่จะทำเพื่อยกตนเสียให้พ้นจากความเป็นฆราวาสอย่างนี้ใช้ได้แล้ว ถ้าเพียงแต่เป็นฆราวาสที่ดีนี้ไม่ถูกไม่ถูกตามคุณค่าที่แท้จริงของธรรมะ ๔ ประการนี้ ซึ่งมันเป็นธรรมะสารพัดนึก ใช้อย่างไรก็ได้ ใช้ไปในทางผิดก็ได้ สัจจะให้มันผิดอะไรให้มันผิดๆๆ มันก็ไปบรรลุธรรมะ มรรค ผล นิพพาน ก็ได้ด้วยหลัก ๔ ประการนี้ หรือธรรมที่จะเป็นกำลัง กำลังเงินกำลังคนกำลังธรรม ๓ อย่างครบแล้วนี่ กำลังเงินก็ว่ามาแล้ว กำลังคนก็อย่างที่ว่ามาแล้ว กำลังธรรมะก็คือนี่ที่ว่าไปครบ ๔ อย่างนี้ ใน ๓ อย่างนั้นนะกำลังของธรรมะสำคัญกว่าไอ้ ๒ อันข้างต้นหลายเท่าตัวนะ หลายเท่าตัวไม่ใช่เท่าเดียวสองเท่า เพราะว่าเรามีกำลังธรรมะนี้อย่างเดียวนะ แล้วไอ้กำลังอื่นๆจะมีมากเองจะมีมาเอง ถ้าไม่มีกำลังธรรมะนี้แล้วล้มละลาย ล้มละลายในเวลาอันไม่นาน ที่มันทำไปไม่ได้ ก็เพราะมันขาดกำลังธรรมะ มีเงินเท่าไรก็ทำไม่ได้ มีพวกพ้องมากมายเท่าไรก็ทำไม่ได้ ก็ผมกล้าท้าเลย ถ้ามันไม่มีกำลังธรรมะที่ถูกต้องอย่างที่ว่า คุณจะมีพรรคพวกเท่าไรคุณก็ทำไม่ได้ เพราะมันไม่มีหลัก แกน แก่นคือแกนที่มันสำคัญ การที่เราทำอะไรกันไม่ค่อยสำเร็จ เพราะมันขาดกำลังธรรมะที่ ๓ นี่ไอ้เงินหรือคนมันดิ้นรนก็หาได้ ชวนกันได้หากันได้ แต่ถ้าขาดกำลังธรรมะของธรรมะละก็ มันจะทำกันไม่ได้ มันจะทำกันไม่ถูกด้วยแล้วก็ไม่สำเร็จด้วย ถ้าจะให้มันยืนยาวไปจนถึงให้มันสำเร็จละก็ ใช้กำลังนี้ให้มากกำลังธรรมะนี้ให้มาก ซึ่งผมก็ใช้อยู่ตลอดเวลาที่ดำเนินกิจการของสวนโมกข์ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ จนวันนี้ มันอยู่ได้ด้วยกำลังของธรรมะ ไม่ใช่กำลังเงินหรือกำลังคนอย่างเดียว กำลังเงินกำลังคนมันมาโดยอำนาจกำลังธรรมะ กำลังธรรมะมันประสานยึดไว้อย่างแน่นแฟ้นให้มันอยู่ด้วยกันได้ จงสนใจธรรมะสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ นั้นแหละสิ่งสูงสุดสุดยอดเหมือนกับพระเป็นเจ้าสูงสุดพระพุทธเจ้าทุกองค์เคารพธรรมะ อดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี ทุกองค์เคารพธรรมะเป็นหลักสำหรับยึดถือ มันก็เข้ารูปถ้าเราต้องการจะมีธรรมะเพื่อเผยแผ่ธรรมะ มันก็ต้องทำไปโดยหลักการของธรรมะ วิธีการของธรรมะ นี่วันนี้ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับทุนหรือกำลัง (นาทีที่ 84.03 ท่านพุทธทาสสอบถาม) เมื่อวานพูดเรื่องอะไร เมื่อวานผมพูดเรื่องอะไร คุณน่ะแหละ หา คุณดูสิ ถ้ามันอย่างนี้แล้วก็ลำบากล่ะ
สรุปความว่าเราอย่าหลงไปว่าไม่มีทุนไม่มีเพื่อนเราทำไม่ได้ ตั้งแต่ถ้าเรามีกำลังแห่งธรรมะแล้วทุนก็จะมาเอง เพื่อนก็จะมาเอง ความสำเร็จมันก็จะมาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ละเอียดประณีตหรือมีค่าที่สุด คือการเผยแผ่ธรรมะประกาศพรหมจรรย์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็คงจะได้พูดกันในวันต่อไป ทำงานนี้ให้ประณีตที่สุด ที่พระพุทธเจ้าท่านได้กำชับไว้นักหนาว่าประกาศพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงให้มีความงดงาม.............(นาทีที่85.50) นั้นน่ะคือความประณีตละเอียด ประณีตละเอียดในการที่จะทำงาน โดยเฉพาะงานเผยแผ่ธรรมะตามพระพุทธดำรัส และวันนี้ขอยุติไว้เพียงเท่านี้