แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ยืนแล้วไม่ต้อง ไม่ต้องกราบหรอก ยืนไหว้ก็ได้พอ พอแล้วๆ นั่งตามมีตามได้ เสร็จแล้วก็นั่งตามมีตามได้ บนม้าบนหินบนอะไรนั่งได้ตลอดไป ทางนี้ก็นั่งได้ (คำถาม นาที๐๐.๓๓ ) เอ้า,นิมนต์นั่งๆๆๆ นั่งได้มาถึงนี่ๆ นั่งได้มาถึงนี่เลย ในหนังสือว่าท่านมหาณรงค์ มีก่อนมาที่แล้วหรอ ท่านมหาหรอ (นาที๐๑.๓๓) ผมเดี๋ยวนี้ยิ่งตาฝ้ามาปีกว่าแล้วยิ่งจำอะไร ดูอะไรไม่ถนัด จะจำคนก็ไม่ถนัด ชอบนั่งตรงนั้นก็ได้ นั่งที่ทรายก็ได้ นั่ง แบบธรรมชาติ เสรีภาพตามธรรมชาติ ได้รับหนังสือแล้ว แล้วก็พอใจช่วยเหลือกันไปตามเรื่องเพราะมันเป็นหน้าที่ เป็นหน้าที่ๆ เอ..วันนี้ก็ไปทำความรู้จักกับวัด กับภูมิประเทศ เสียก่อน มันจะได้หมดไอ้ ความรู้สึกที่แปลกถิ่น จะไม่มีความรู้สึกที่แปลกถิ่นเหลืออยู่ ไปทำความรู้จักกับสถานที่ บ่ายสามโมงนั้น เอ้อ, บ่ายโมง ๑๓.๐๐ น. ก็ไป ทำให้เหนื่อยไม่ง่วงหรอก ไปดูไอ้โรงมหรสพทางวิญญาณ ไปศึกษาธรรมะวิธีวิเศษนั่น ให้พระบรรยายให้ฟังแล้วผมก็จะ คิดว่าจะไปช่วยด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องที่อยากจะให้เข้าใจกันไว้ ใช้เป็นเครื่องมือในอนาคตด้วยเหมือนกัน คือการสอนด้วยรูปภาพเป็นวิธีที่ดี ก็เคยใช้กันมาแล้ว เรียกว่าก่อน ก่อนวิธีไหนหมดน่ะ แต่คนไม่ค่อยรู้จัก หรือไม่ ไม่รู้เรื่องของเขา ตั้งแต่สมัยคนป่ามนุษย์ยังเป็นคนป่า มันก็รู้จักขีดเขียนแล้วขีดเขียนที่ผนังถ้ำ ที่คนเดี๋ยวนี้ไปรู้ไปเห็นเข้าแล้วไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าภาพก่อนประวัติศาสตร์ ผมคิดว่านั่นล่ะคือวิธีสอนเด็กๆของคนป่าสมัยนั้น นี่มันก็เรียกว่าเป็นหมื่นปี วิธีนี้ใช้กันมาตั้งหมื่นปี สอนด้วยรูปภาพ สอน เอ่อ,เขียนเป็นรูปวัวก็มี มีจุดหลายๆด้าน มีเส้นโยงหลายๆเส้น คล้ายๆกับมันจะสอนว่าถ้าเข้าไปจับวัวป่านั้นมันจะต้องมีแผนการอย่างนั้นๆๆ เข้าใจว่าอย่างนั้นนะ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีแยะจับปลาวาฬ จับวัวป่า ภาพเขียนผนังถ้ำที่เรียกว่าภาพก่อนประวัติศาสตร์ นั่นน่ะคือกระดานดำของคนป่าสมัยนู้น แล้วก็ใช้กันเรื่อยมาๆจนบัดนี้ๆแล้ว สอนธรรมะโดยรูปภาพ ในสมุดข่อยก็มีมาก ผนังโบสถ์ก็มีมาก แล้วก็เพิ่งเลิกละเสียเมื่อสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ผนังโบสถ์ไม่เขียนภาพธรรมะแล้วไปเขียนภาพชาดก ไปเขียนภาพพุทธประวัติอะไรทำนองนั้นไปไม่ใช่ธรรมะ ก่อนนี้เขียนภาพธรรมะ ต้องตีความแล้วรู้ธรรมะ โดยเฉพาะสมัยกรุงศรีอยุธยา ผนังโบสถ์เขาเขียนภาพปริศนาธรรมะ วัดไหนมันเคยสร้างแล้วเขียนภาพมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วไปดูยังเหลืออยู่ แต่ต่อๆมาเขาก็ลบเลิกเขียน ถ้าเขียนใหม่เขาก็เขียนภาพพุทธประวัติ ภาพชาดก หรือภาพเหตุการณ์อะไรเสียไปหมด ผมเห็นว่ายังดีควรจะใช้กันต่อไป การสอนด้วยรูปภาพแม้เดี๋ยวนี้มันจะเปลี่ยนไปเป็นสไลด์ เป็นภาพยนต์ เป็นอะไรมันก็ยังเป็นการสอนด้วยรูปภาพอยู่ บ่ายโมง ๑๓.๐๐ น. น่ะนิมนต์เข้าไปศึกษาไอ้รูปภาพนี้ จะได้ๆถ่ายทอดปัญญาของบูรพาจารย์ บรรพบุรุษเอามาใช้ (คำถาม นาที๐๖.๓๕ ) มันก็เป็นภาพแล้วแต่ สมัยที่เป็นภาพวิจิตรศิลป์ก็มี แต่มุ่งหมายแสดงความหมายเป็นทางธรรมะ ต่อมาก็เขียนหยาบๆคล้ายการ์ตูน รุ่นหลังก็เขียนคล้ายการ์ตูน หรือว่ายิ่งกว่าการ์ตูนก็มากขึ้น เรารวบรวมมาไว้ในตึกนั้นแทบทุกแบบล่ะ ทุกๆแบบ ที่ควรจะสนใจก็คือว่า ละเอียดลึกซึ้งมากซึ่งเราทำไม่ได้น่ะ ไปศึกษาดูก็แล้วกัน เช่นตีความ ตีความให้มันกลายเป็นรูปภาพ หลักความคิดข้อหนึ่งทำให้มันกลายเป็นรูปภาพขึ้นมา นั่นแหละศิลปะอยู่ที่ตรงนั้น ยากยิ่งอยู่ที่ตรงนั้น แล้วเขาก็ทำสำเร็จประโยชน์ของเขาจริงๆ เช่นหลักธรรมะเรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตาเนี่ย เขาก็ตีความขึ้นมาเป็นรูปภาพเรื่อง หนวดเต่า เขากระต่ายอย่างนั้นเป็นต้น แล้วตีความได้ลึก ฤาษีๆเลี้ยงเต่าที่มีหนวดน่ะ อีกองค์หนึ่งเลี้ยงกระต่ายที่มีเขา อีกองค์หนึ่งเลี้ยงกบที่มีนออย่างนี้เป็นต้น แล้วลูกศิษย์ของฤาษีแต่ละคนก็มีความหมาย คืออายตนะทั้ง ๖ ตาบอดแต่มันก็เห็นได้ หูหนวกยังได้ยินได้ ขาด้วนมันก็เดินได้ มือด้วนมันก็จับได้ เขาตีความลึก ซึ่งเราจะเห็นว่าเป็นเรื่องบ้าๆบอๆไปเสียหมด เหมือนกับว่าตามันบอดแต่มันเห็นได้คือมันไม่ใช้ตาอย่างคนธรรมดาใช้ มันใช้อย่างชนิดที่จะเห็นธรรมะ
ถ้าง่วงนอนก็นิมนต์นอนก่อนก็ได้ เพราะว่าจะพูดหรือจะศึกษาโดยง่วงนอนนั้นมันทำไม่ได้ไม่ได้ผลหรอก นิมนต์พิจารณาดูกันเอง ถ้าง่วงนอนจะพักผ่อนนอนเถอะ เป็นอันว่าเริ่มพูดกันตอน ๑ ทุ่มดีกว่า ที่พูดกันจริงจัง ๑ ทุ่ม (คำถาม นาที ๐๙.๒๓) เอาสิแต่ว่าตอนกลางวันนี่ไม่ได้พูดไปทำความรู้จักกับวัด หรือว่าไปนอนไปจำวัด ตลอดคืนมันไม่ได้นอนนี่ ไปเที่ยวดูให้ทั่ว ไปดูแผนที่ ในตึกแดงนี่ นี่มีแผนที่อยู่ในตู้กระจกเป็นหุ่นน่ะ หุ่นจำลอง ทั้งวัดเลย ไปศึกษาดูให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตรงไหนๆ แล้วในนั้นมันก็มีหนังสือๆ ที่เขียน ที่พิมพ์ขึ้นมาระหว่าง ๔๐ ปีของสวนโมกข์ทุกเล่มมันแสดงอยู่ในตึกนั้นด้วยเหมือนกัน ในตู้กระจกแบนราบนั้นมีหุ่นทั้งวัด แล้วก็เดินไปทั่วขึ้นไปบนภูเขาซึ่งใช้เป็นโบสถ์ๆกลางดินแบบเดียวกับครั้งพุทธกาลน่ะใช้โบสถ์กลางดิน ไม่ต้องมีหลังคาหลังเคออะไร ถ้าฝนมาก็ต้องเลิกอุโบสถเลิกสังฆธรรมเพราะมันไม่มีหลังคาไม่มีฝา เรายังใช้แบบนั้นอยู่ แต่ว่าตรงนั้นเป็นฐานรากของเจดีย์เก่าสมัยศรีวิชัยพันกว่าปีเหลืออยู่ เป็นฐานรากเอามาใช้เป็นพื้นโบสถ์ เอาต้นไม้เป็นฝาโบสถ์ เอาใบไม้เป็นหลังคาโบสถ์ ไปถึงโรงปั้น ไปดูการปั้นไปสนทนากับอาจารย์ผู้ปั้น มีศิลปะในการชักชวนให้คนทิ้งบุหรี่ ทิ้งเหล้า ทิ้งหมาก ทิ้งไอ้ที่มันจะต้องทิ้ง ไปดูของที่เขาทิ้งๆไว้ พอจะเชื่อได้ว่าเขาทิ้งกันราว ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นทิ้งบุหรี่มากมาย ซองบุหรี่เยอะแยะจะทิ้งจริงราว ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ไอ้นอกนั้นมันกลับไปสูบอีก แต่ว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์นี้ก็ถมไปแล้ว ขอให้มันได้ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง ทิ้งหมาก ทิ้งบุหรี่ ทิ้งเหล้า ทิ้งไอ้เครื่องเล่นการพนัน ทิ้งไพ่ ทิ้งโปก็มี แม้แต่โปก็มีทิ้ง ที่เขาทิ้งไว้ บ้องกัญชาก็มี ถ้าจะศึกษาวิธีพูดจูงใจคนละก็ ไปศึกษาสนทนากับอาจารย์ไสว เป็นวิชาแขนงหนึ่งเหมือนกันแหละ มันเป็นจิตวิทยาแขนงหนึ่งที่จะโน้มใจคนให้ยอมทิ้ง มันไม่ใช่มาถึงจะทิ้งน่ะ พูดมาเป็นชั่วโมงมั่งนะ ไม่มีการฝืนหรือว่าขอร้องอะไร มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจโดยแท้จริงแล้วก็ต้องมาทิ้งจริงๆ อันนี้ก็เป็นวิชาที่ยากเหมือนกัน ควรจะศึกษากันไว้สำหรับผู้ที่จะเผยแผ่พุทธศาสนา แม้ฆราวาสธรรมดาก็ควรจะมีวิชา เครื่องจูงใจคนให้เป็นไปตามทางที่ต้องการ มันก็เป็นผลดีเราจะสามัคคีกันได้โดยง่าย ครอบครัวมันสามัคคีกันได้โดยง่ายเพราะมันพูดจาอะไรให้มันถูกเรื่องถูกราว แล้วไปดูขึ้นไปสุดวัดทางนู้น ขอบป่าสงวนต่อเขตของลูกเสือนั่นค่ายลูกเสือ สนามหญ้านั้นใช้รวมกัน พวกฝรั่งเขาไปทำสมาธิกันบ้างก็ใช้ที่นั่น ที่เขตของค่ายลูกเสือ ก่อนนี้มันเป็นที่วัด ผมยกให้ส่วนหนึ่งให้เป็นค่ายลูกเสือแล้วก็ไม่พอ ผมซื้อให้อีกส่วนหนึ่งเป็นค่ายลูกเสือ ก็ยังไม่ค่อยพออยากขยายออกไปอีก เขายืมเงินวัดซื้อแล้วก็ยังไม่เคยใช้ ไม่เคยใช้คืน ค่ายลูกเสือทั้งหมดน่ะเป็นทุนของวัด หมายถึงที่ดินนะไม่ใช่การก่อสร้าง ก็ควรจะไปดู ลูกเสือน่ะมันดีๆมากแต่ทำไม่สำเร็จ ได้ปีสองปีมันก็ร้างเลิกร้างกันไปเอง ถ้าเขาทำได้จริงตามหลักการแล้วมันจะดีมาก เหมือนกับจับเด็กๆมาบวชเณรอบรมให้ดีๆอย่างนั้น การเป็นลูกเสือก็คล้ายๆนั้น ถ้าทำสำเร็จจะดีมาก แต่แล้วปรากฏว่าไม่มีที่ไหนจริงจังค่ายลูกเสือร้างทุกแห่งทุกจังหวัดที่มี ขาดคนจริง (คำถาม นาที ๑๔.๕๐) ก็อย่างที่รู้กันอยู่นั่นแหล่ะ อบรมสามเณรให้มันเป็นสามเณรก็พอแล้ว อบรมสามเณรให้เป็นสามเณรก็พอ สมัครที่จะเป็นสามเณรด้วยจิตใจทั้งหมดทั้งสิ้นมันก็ดี จะอยู่เป็นพระก็ดีจะสึกออกไปก็ดีมันมีประโยชน์ มันทำหน้าที่เพื่อประโยชน์แก่มนุษย์ได้ก็ใช้ได้ พระก็ทำได้ฆราวาสก็ทำได้ แต่ถ้าความรู้ไม่มีมันทำไม่ได้ อุตสาห์แสวงหาความรู้ที่เป็นเครื่องมือ ก็ถือโอกาสฝึกชีวิตแบบนี้กันเสีย ๓ - ๔ วัน กินข้าวจานแมว ฉันในบาตร อาบน้ำในคู ในลำธาร แต่ว่านอนกุฏิเล้าหมูทำไม่ได้เพราะไม่พอ กุฏิของเราเล็กๆเท่าเล้าหมูเท่านั้นน่ะ แล้วก็ฟังยุงร้องเพลง โกรธไม่ได้ ถ้ายุงมาร้องเพลงให้ฟังแล้วก็โกรธไม่ได้ นี่เป็นบทเรียน แม้จะฝึกดูสัก ๓ - ๔ วันก็ยังดี มันเหมือนกับการทดสอบ ให้ช่วยอยู่ให้เหมือนพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดแหละ ระหว่างที่มีการฝึกอย่างนี้แม้ช่วงเวลาอันสั้น พระพุทธเจ้าไม่มีช้อนซ้อมเราก็ฉันด้วยมือซิ พระพุทธเจ้าท่านยังไม่มีช้อนซ้อมเราก็ฉันด้วยมือ พระพุทธเจ้าไม่มีมุ้งเราก็ไม่มีมุ้งเหมือนกัน ท่านไม่มีร่มเราก็ไม่มีร่ม ท่านไม่มีรองเท้าเราก็ไม่มีรองเท้า เป็นอยู่เหมือนกับพระพุทธเจ้าหรือพระครั้งพุทธกาลอยู่กันอย่างไร ตลอดเวลาเหล่านี้ไม่มีการใช้เงิน เพราะว่ามันไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอยู่ได้ หัดอยู่อย่างไม่ต้องใช้เงินดูบ้าง ได้หลายๆวันก็ยิ่งดี พระพุทธเจ้าไม่ได้พบกับรถยนต์ แม้เกวียนท่านก็ไม่นั่ง ถ้าเราสำรวจดูตามบาลีพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ยอมนั่งเกวียน ท่านเดิน รถยนต์ไม่มี ทุกอย่างน่ะที่เรามีท่านไม่มี ท่านตัดเล็บลำบากมากไม่เหมือนพวกเราเดี๋ยวนี้มีคีมตัดเล็บสะดวกสบายง่าย แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่มีเครื่องตัดเล็บอย่างนี้ ทุกอย่างขอให้สังเกตดูเอง ก็ลองเป็นอยู่ดูบ้างว่าอยู่อย่างง่ายที่สุดต่ำที่สุดเป็นอย่างไร นิมนต์เลือกเอาเองอยากจะนอนพักผ่อนหรือจะไปเที่ยว ถ้าไปเที่ยวก็ดูแผนผังวัดข้างล่างให้เข้าใจแล้วก็เดิน มันเป็นภูเขาอยู่ตรงกลางแล้วมันมีรอบเดินได้รอบอย่างนี้เป็นวงลงมา เป็นวงลงมา รอบวงชั้นบน รอบวงชั้นกลาง แล้วนั่นชั้นรอบ นอกสุดรอบสุดมันไกลมาก ชั้นบนสุดรอบวงหนึ่งนั้นเกือบกิโล ราว ๒๐ ๒๐ เส้น ไม่ถึง ๒๕ เส้น พอชั้นล่างนี่กิโลกว่าเกือบ ๒ กิโล พอชั้นนี้หลายกิโลแน่ ถ้าชั้นที่เดินอยู่ ที่ตึกนั่น วกไปได้ เที่ยวเดินๆ สำรวจดู ที่นั่นอุบาสิกาทั้งนั้นด้านนั้น พระอยู่ด้านบนตรงนั้น บนหลังมีพระอยู่ด้านนั้นอุบาสิกา ด้านนี้เป็นที่ติดต่อไม่ได้มีใครอยู่แล้ว ทำความรู้จักกับธรรมชาติ คุ้นเคยกับสถานที่เสียก่อนจะได้หมดห่วงไปเรื่องหนึ่ง เดินขึ้นไปเลยไปดูอะไรอยู่ตรงไหน อะไรอยู่ตรงไหน