แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สำหรับผมคิดว่าจะไม่พูดเรื่องเนื้อหาของธรรมะก็มีอยู่มากมายแล้ว ไปหาอ่านเอาได้จากหนังสือต่างๆเกี่ยวเป็นเนื้อหาของธรรมะนั้นละธรรมะว่าอย่างไร ผมก็จะพูดถึงในส่วนกำลังกำลังใจหรือแรงกระตุ้นเกี่ยวกับการเผยแผ่ธรรมะ ไอ้แรงกระตุ้นเพื่อเผยแผ่ธรรมะนั้น มันมีมากหลายอย่างหลายทิศทางหลายประการ ซึ่งบางอย่างเราไม่สามารถที่จะมีได้ก็มี แต่ว่าหลายอย่างเราอาจจะมีได้ แต่ถ้ามันไม่มีจะเลยแล้วไม่มีทางหรอก ไม่มีทางที่สำเร็จ มันก็ต้องมีมีอำนาจบันดาลใจไม่ก็อำนาจดลใจบัลดาลใจ นี่เราทุกคนนะที่นั่งอยู่ที่นี่ มุ่งหมายจะทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะ นี่มีอะไรเป็นเครื่องแรงบัลดาลใจให้ทำกันจริงๆ เดี๋ยวนี้บางคนแค่ละเมอๆ มาทำอย่างละเมอๆ มาทำตามเพื่อน หรือว่าไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็มาทำงานนี้ ถ้าอย่างนี้มันก็ขาดรากฐาน ก็ขอให้มีรากฐานอย่างน้อยก็ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องที่ตนจะทำแล้วมันก็เกิดพอใจขึ้นมาแล้วไอ้ความเพียรความอะไรมันก็มาเอง เกิดอิทธิบาทแล้วมันก็จะครบเอง ถ้ามันมีความพอใจที่เรียกว่าฉันทะ ไอ้วิริยะ จิตตะ วิมังสา มันก็ตามมาเอง นี่ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจชัดแจ้งในสิ่งที่เราจะทำนี้ คือเผยแผ่ธรรมะนี้มาทำทำไม ถ้าทำเพื่อชื่อเสียงเพื่อลาภผลของตัวเองก็เรียกว่าขบถต่อธรรมะละกัน ถ้าทำเพื่อชื่อเสียงเพื่อประโยชของตนเองนี่ก็ทำอย่างขบถต่อธรรมะ ถ้าเขาทำอย่างสาวกของพระพุทธเจ้า เพื่อทำให้ตรงตามวัตถุประสงค์มันก็ดี มันก็ดีเรียกว่าซื่อตรงต่อหน้าที่มันก็ดี นับว่าดี แต่ถ้ามันดีกว่านั้นหรือดีที่สุดก็เพราะว่าเรามันเป็นมนุษย์รู้จักรับผิดชอบชั่วดีรู้จักทำประโยชน์ผู้อื่น แม้ว่าเราจะไม่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า หรือไม่มีพระพุทธประสงค์คอยกระตุ้นเราก็ทำนั้นแหละเรียกว่ามนุษย์ที่ดี อย่างนี้ดีกว่าดีที่สุด ทำเพื่อประโยชน์ขอตังเองนั้นมันไม่ถูกมันทำได้แต่ไม่ถูก ทำเพื่อพระพุทธเจ้าพระพุทธประสงค์ก็ดี แต่ทำเพื่อหน้าที่ของมนุษย์ที่ถูกต้องนี่ดีกว่า
ที่ว่าจะต้องมองให้เห็นเหตุผลที่ควรกระทำนั้นสำคัญมากต่อโลกนี้ มนุษย์ทั้งโลกนี้มันอยู่ในฐานะที่จะต้องมีธรรมะเพื่อสันติภาพของเขา แล้วเราก็ช่วยเขาให้สำเร็จตามนั้น นั่นน่ะมนุษย์ที่สำนึกในหน้าที่ของมนุษย์เป็นมนุษย์ดีที่สุดหรือสูงสุด เมื่อประโยชน์ของตัวสำเร็จแล้วมันก็ทำเพื่อประโยชน์คนผู้อื่น ซึ่งมันมีค่ามากกว่าเราคนเดียว ถ้าผู้อื่นมันหลายพันล้านคนไอ้เรามันคนเดียว ถ้าทำประโยชน์ผู้อื่นได้มันก็วิเศษมันก็ตั้งสามพันล้านเท่า เอ่อเรื่องนี้อยากจะเล่าเรื่องประกอบเพื่อความเข้าใจ มีมหาเศรษฐีญี่ปุ่นคนหนึ่ง ชื่อมันเป็นญี่ปุ่นมันจำยากจำไม่ได้แล้วก็ไม่ต้องจำไม่ต้องจำก็ได้ไม่ต้องรู้ ก็รู้แค่ว่ามหาเศรษฐีญี่ปุ่นคนหนึ่งรวยมาก เป็นบริษัททำเรื่องชั่งตรวงวัดขาย เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ มันอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เอ่อมันนึกถึงว่าไอ้การงานที่เราทำได้กำไรเยอะแยะนับไม่หวาดไหวนี้ มันควรจะเป็นประโยชน์ออกไปถึงเพื่อนมนุษย์ทั้งโลก นี่เขาคิดถึงทั้งโลก เขาจึงคิดว่านอกจากทำงานของบริษัทให้เกิดกำไรแล้วมันจะต้องทำอะไรอีกสักอย่างหนึ่ง ให้เพื่อนมนุษย์ของเรานี่มีความมีความสุขด้วย นี่เขามีความคิดตามแบบของเขาว่า การจะทำอะไรใหญ่โตมีประโยชน์มากมายอย่างนั้นๆ ต้องได้รับความร่วมมือจากสวรรค์และจากโลกมนุษย์ ต้องได้รับความร่วมมือทั้งจากโลกสวรรค์แล้วโลกมนุษย์ คล้ายๆว่าทั้งเทวดาและมนุษย์ต้องร่วมมืออย่างเราจะมีสันติภาพในโลกมนุษย์ เราต้องได้ความร่วมมือทั้งจากสวรรค์และจากมนุษย์ ตัวมนุษย์นั้นด้วยให้เขามาร่วมมือจากสวรรค์นั้นและเขาเขาเล็งถึงต้องมีธรรมะมาช่วยไม่ใช่พวกเทวดานั้นลงมาช่วย ให้ร่วมมือจากสวรรค์ เมื่อไรธรรมะมาร่วมอยู่ด้วยกับกำลังของมนุษย์ฝีมือของมนุษย์ ล้วนๆนะไม่พอต้องมีอีกเรื่องหนึ่งคือกำลังของสวรรค์ก็คือธรรมะ แต่ก็คิดถึงการเผยแผร่ธรรมะขึ้นมา นี่ก็เลยดำเนินงานเผยแผร่ธรรมะ มีมูลนิธิได้เงินมากเป็นมหาเศรษฐีจะเท่าไรก็ได้ ก็เจียดเงินส่วนตัวมาทำก็ยังเหลือเฟือไม่ต้องใช้เงินเขาส่วนใหญ่ เขาเผยแผร่ให้เกิดความสนใจในธรรมะ มาสร้างดนตรี ดนตรีธรรมะดนตรีทางศาสนาพระพุทธศาสนา สร้างดนตรีธรรมะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียงเป็นอะไรก็ตาม เป็นเล่นเป็นแสดงโดยบุคคลอะไรก็ตาม ให้ดนตรีธรรมะนี่มันแพร่หลายไปทุกหัวระแหง ทุกๆถนนทุกๆตรอกทุกๆซอย แล้วก็เผยแผร่พระพุทธรูป เอ่อพระพุทธรูปกี่ชนิดๆ ยิ่งฝ่ายมหายานแล้วด้วย เขาก็มีพระพุทธรูปหลายสิบแบบ นี่ก็เผยแผ่ด้วยกันแจก ทำให้พระพุทธรูปนี่มันแผร่หลายกระทบสายตาของคนทุกตรอกทุกซอย แล้วก็สอนธรรมะ ตัวธรรมะด้วยคือตัวเทศน์สั่งสอน ก็ธรรมะด้วยใช้ดนตรีด้วยใช้รูปภาพด้วยใช้ตัวธรรมะเองด้วย มูลนิธินี้เขาก็ทำงานกันแบบนี้ ปรากฏว่าได้ผลๆกว่ารายอื่นๆ แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีหนังสือแจก แจกชนิดที่เรียกว่าทั่วโลกเป็นหนังสือพุทธศาสนา จึงจะต้องมีคณะกรรมการใหญ่ที่สามารถที่รอบรู้ดีช่วยกันแต่งขึ้น จัดเป็นหมวดๆๆๆหมวดพุทธประวัติก็มี มีหมวดพระพุทธหมวดพระธรรมหมวดพระสงฆ์ แล้วก็แจกเป็นข้อๆๆข้อไป โดยเฉพาะหมวดพระธรรม เขาก็ต้องเขียนชัดพระธรรมสำหรับพระ สำหรับภิกษุ ภิกษุณี สำหรับอุบาสก สำหรับอุบาสิกา คือเขียนชัดละเอียดหมดนะ ที่เขาจะเอาไปใช้กับฆราวาสทุกชั้นทุกชนิด หนังสือของมูลนิธิที่นี่ เขาจะพิมพ์อย่างน้อย ๒ ภาษา และเขารักชาติอย่างน้อยก็มีภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มีภาษอังกฤษหรือภาษาฝั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี ภาษาสเปน หรือมากที่สุด หรือจะไปแจกที่อเมริกาใต้ที่มีคนมากเหมือนกัน แต่ว่าภาษาอังกฤษคู่ภาษาอังกฤษ ซึ่งคนอ่านได้มากนี่จะพิมพ์มากจำนวนมาก คุณเสน่ห์ วัฒนาธร ที่เป็นรองปลัดกระทรวงไปเที่ยวญี่ปุ่น เขาหามาฝากผมเล่มหนึ่ง เห็นว่าผู้พิมพ์พิมพ์เป็นร้อยๆครั้งมีการแก้ไขสองพันกว่าครั้ง ทำมาประมาณกว่า ๔๐ ปี มานี่ หนังสือเล่นนี้มีการแก้ไขดีขึ้นแก้ไขดีขึ้นสองพันกว่าครั้งนั้นนะดูสิ มันทำจริงเท่าไรหนังสือของเราบางเล่มไม่เคยแก้เลยแล้วผิดๆถูกๆก็มี ลอกเทปผิดพิมพ์ผิดอยู่อย่างนั้นก็มีของเขาหนังสือเล่มเดียวเท่านั้นและแก้ไขตกแต่ง แก้ไขตกแต่ง แก้ไขสองพันกว่าครั้ง ที่พิมพ์ถ้านับครั้งก็พิมพ์เป็นร้อยๆครั้งละ พิมพ์เป็นญี่ปุ่นกับอังกฤษ ญี่ปุ่นกับกระทั้งอิตาเลียน โปรตุเกส สเปน จะพิมพ์มากที่สุด บางทีพิมพ์ ๓ ภาษา ญี่ปุ่น อังกฤษ สเปน ในเล่มเดียวกันนี่พิมพ์ไปวางตามโฮเตล ตามโรงแรม โรงแรมที่มีหน้ามีตามีชื่อมีเสียงเขาขออนุญาตไปวางไว้ทางโรงแรมในห้องรับแขก ที่มันจะผ่านในสายตาคน ไม่ปรากฏว่าขายแต่คงจะมี คงจะมีขาย เมืองไทยเราไปขาย แต่ไม่ใช่เจตนารมณ์ของมูลนิธินะ
นี่เขามองเห็นจุดสำคัญที่ว่าต้องได้รับความร่วมมือจากสวรรค์ด้วย มนุษย์จะทำอะไรไปตามความคิดของมนุษย์อย่างเดียวนั้นนี่ไม่ได้ สวรรค์ในที่นี้ก็คือสติปัญญาของพระพุทธเจ้า เขาจึงแน่ใจว่าต้องมีธรรมะของพระพุทธเจ้ามาอยู่ในมนุษย์ มนุษย์จึงจะร่วมมือกันสร้างสันติภาพของโลกได้ เขาเขียนไว้ในคำนำนั้นว่าไอ้นายคนนี้เศรษฐีคนนี้เขาจะถือหลักว่าต้องมีปัญญา มีกรุณา มีความเพียร ซึ่งถอดมาจากบารมี ๖ ของมหายาน มหายานเขามีบารมี ๖ แต่ ๓ อย่างที่สำคัญที่สุดคือ ปัญญา กรุณา ความเพียร เขาถือเป็นหลักว่ามนุษย์ทุกคนต้องมีปัญญา รู้ไอ้ที่มันต้องรู้นี่อย่างเพียงพอ แล้วต้องมีกรุณา ที่รักผู้อื่นอย่างเพียงพอด้วย แล้วมีความพากเพียรพยายามอย่างเพียงพอด้วย ถ้ามนุษย์เรามีธรรมะ ๓ ข้อนี้สมดุลกันแล้ว เราก็จะสร้างสันติภาพขึ้นมาในโลกได้ ทีนี้ที่จะทำให้มี ปัญญา มีกรุณา มีความเพียรนั้นๆไม่มีทางอื่นนอกจากธรรมะทางศาสนา ดังนั้นเราจะต้องเผยแผ่ศาสนากันให้เพียงพอ เพื่อให้ประชาชนทุกคนนะมีปัญญา มีกรุณา มีความเพียร ปัญญามันก็เป็นคำที่กว้าง หากแก้ปัญหาได้ ทุกอย่างปัญหาส่วนตัวปัญหาทุกอย่าง เพื่อมันจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ คนจะมีปัญญาจึงจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นหน้าที่ของมนุษย์ หน้าที่แรกคือให้ตัวเองมันตั้งตัวอยู่ได้ดำรงชีวิตอยู่ได้ แล้วจึงมีหน้าที่สูงขึ้นไปบรรลุธรรมะสูงๆๆๆถึงสุดยอดของมนุษย์ จึงอาศัยปัญญา ปัญญา ถ้าความรู้เหล่านี้ไม่เพียงพอไอ้มนุษย์คนนั้นมันก็ตั้งตัวเองก็ไม่ได้มัน มันจะจมลงไปด้วยซ้ำ ดั้งนั้นเราต้องสอนให้มีปัญญาพอที่จะดำรงตัวเองอยู่ได้ และสูงขึ้นไป
ทีนี้ก็มาถึงข้อที่ว่า เขาหมดปัญหาของเขาแล้ว เขาก็ต้องมีกรุณา นึกถึงเพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เขาก็ต้องมีความกรุณาที่เขาได้ศึกษาไว้อย่างดี ว่าจะกรุณากันอย่างไรเท่าไรที่ไหนเมื่อไร ให้มันสำเร็จประโยชน์ธรรมะในพระพุทธศาสนามันก็เพียงพอ ไอ้เรื่องเมตตากรุณานี่เราต้องถือว่าเพียงพอ แม้จะใช้สมัยปัจจุบันสมัยปรมานูอวกาศ ก็มี มีหลักธรรมะที่พอใช้ทำให้คนมันมีเมตตากรุณา แต่มันมีปัญหาหนักเพราะว่าเดี๋ยวนี้คนมันเห็นแก่ตัวจัดยิ่งกว่าครั้งพุทธกาล มีเรื่องให้เห็นแก่ตัวจัด ฉะนั้นการจะทำให้มนุษย์มีความเมตตากรุณาซึ่งกันและกันในยุคนี้ยากมากยากมาก แต่นายคนนี้เขาก็ไม่ถือว่าเหลือวิสัย เขาไม่ถือว่าเหลือวิสัย เขาก็พายายามเผยแผ่ธรรมะ มีปัญญา มีกรุณาแล้วถ้าไม่มีความพยายามก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีความเพียรพยายามให้มันเป็นไปได้ นี่เราจึงต้องมีวิริยะความเพียรความพยายาม สัมมาวายาโม คนมีปัญญาไม่มีความเพียรก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมตตากรุณาอยู่เฉยๆก็นอนอยู่เฉยๆไม่ได้ลุกไปช่วยใครที่ไหน มันต้องลุกไปช่วยผู้อื่นด้วยความเพียร คำว่าความเพียรมันองค์ความหมายมันกว้างพอละ มันต้องยอมเหน็ดเหนื่อยอดทนอดกลั้นอะไรด้วย มันจึงมีความเพียรได้ การที่เขาย่อย่นธรรมะหลายๆข้อให้เหลือน้อยข้อ เขาทำได้โดยการสรุปความหมายของบางข้อรวมไปในบางข้อ เพราะฉะนั้นมันจึงลดจำนวนข้อลงได้ เป็นเถรวาทมีบารมี ๑๐ ๑๐ อย่าง เพราะฉะนั้นก็มีบารมี ๖ อย่างก็พอ เพราะมันมีบางข้อที่มันร่วมกับข้ออื่นได้เช่น เช่น สัจจะกับอธิฐานะมันก็รวมกันได้เห็นไหม เขาก็ทำให้ให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ะมันมีความเป็นพุทธมากขึ้น นายคนนี้เขาก็ภูมิใจว่าเขาได้สร้างสรรค์หรือปฏิวัติ ปฏิวัติวัฒนธรรมของญี่ปุ่นให้สูงขึ้นให้ดีขึ้น ก็คือมีธรรมะเข้าไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้น เขาประสบความสำเร็จ มูลนิธินี้ยังอยู่หนังสือนั้นก็ยังแจกอยู่เหมือนกัน แจกทานให้ทานแจกทาน
นี่เรายกตัวอย่างมาให้ฟังว่าการจะเผยแผ่ธรรมะนั้นน่ะมันต้องมีมีอะไรก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร มันต้องมีเหตุผล มีความทนต่อเหตุผล มันมีเหตุที่ความกระทำมันต้องมี คือเขามองเห็นว่าโลกมนุษย์มันไม่มีสันติภาพ เงินของเขาก็เหลือใช้ ถ้าเขาเห็นแก่ตัวเขาก็ไม่ต้องสิ ให้เหนื่อยให้เปลือง ก็เอาเงินเก็บใว้ให้ลูกหลานทำไมจะมาต้องทำเพื่อให้มนุษย์ในโลกนี้มีปัจจัยแห่งสันติภาพมากขึ้น นั้นน่ะคือเป้าหมายคืออุดมคติที่เป็นเป้าหมาย ถ้าไม่มีอุดมคติเป็นเป้าหมายอย่างนี้มันทำไม่ได้หรอก มันทำไม่ได้ คือมันไม่เสียสละ ไม่เสียสละเงิน ไม่เสียสละเวลา ไม่เสียสละเรี่ยวแรง มันเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย นี่ผมก็หมายความว่าการที่พวกคุณจะทำงานเผยแผ่ธรรมทาน มันมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนถูกต้องหรือยัง ถ้ายังมันก็ต้องสร้างมันสิ ให้มันเห็นชัดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์ อย่างเศรษฐีญี่ปุ่นคนนี้เขาก็เห็นเขาก็ให้เงินเยอะแยะนั้นมันก็แค่นั้นแหละ แต่ถ้าเราเอาไปทำให้มันมีประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งโลกแล้วมัน มันต้องเรียกว่าดีกว่า ถ้าพูดอย่างภาษาทั่วไป มันก็ว่ามีกำไรกว่า แต่ถ้าพูดอย่างภาษาไอ้คนปุถุชน มันก็ต้องว่าเก็บไว้ดีกว่าเก็บไว้ใช้ดีกว่ามีกำไรกว่า เงินของเรามันก็มากขึ้นๆ ถ้าเราถลุงพิมพ์หนังสือแจกหรือมีกิจการอะไรเดี๋ยวมันก็ใช้เงินหมดไป เรียกว่าไม่ได้กำไร แต่นายคนนั้นเขาก็มองว่านั่นแหละคือกำไร เพียงแต่มันไม่เป็นตัวเลขไม่เป็นตัวเงินเท่านั้นแหละ แต่มันเป็นกำไรเรียกกำไร เขาจึงทำ เหมือนที่ผมพูดว่าทำงานให้สนุกทำงานให้สนุก ยิ่งทำยิ่งสนุกยิ่งสนุก เขาก็ทำกันอย่างสนุก ขอให้มันเข้ามาสู่จุดนี้แหละจุดที่ว่าทำงานให้สนุก ผมกลัวว่าพวกคุณจะทำงานไม่สนุก เพราะคุณทำด้วยความเห็นแก่ตัว เมื่อมันยังไม่ได้ตามที่ตัวต้องการ มันก็เกิดความรวนเร เกิดความกระหายเกิดความอยากเกิดกิเลสก็ได้ แล้วมันจะสนุกได้อย่างไร มันต้องมีอุดมคติที่เหนือกว่านั้น ถ้ามองเห็นต้องเป็นผลดีเป็นประโยชน์เป็นกำไรเป็นอะไรที่ชีวิตนี้มันจะทำได้ พระนักเทศน์พระธรรมกถึกทั้งหลาย ที่มีมาแล้วน่ะมันเพื่อประโยชน์ของตัวทั้งนั้นแหละ พูดไปมันก็เหมือนกับว่ายกตนข่มท่าน ตัวธรรมกถึกทั้งหลายสมัยผมอยู่กรุงเทพผมเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ธรรมกถึกที่มีชื่อเสียงถูกนิมนต์ไปเทศน์ จนไม่ได้อยู่ติดวัดอย่างเช่น ไปดูก็จริงว่าเขาไปเทศน์กันที่ไหนไปดูก็จริง โอ้,มันไปทำให้คนหัวเราะเท่านั้นแหละไม่มีอะไร เพราะว่าการที่ไปทำให้คนหัวเราะได้ เขาจะนิมนต์อีกเลยนิมนต์อีกจนไม่มีเวลาอยู่วัด แล้วคนที่เขานิมนต์ไปนั้นนะมันไม่ใช่คนธรรมดา มันเป็นคนมั่งมีทังนั้นแหละ มันจึงจะนิมนต์เถระเจ้าคุณหรือนักเทศน์ชนิดนี้ไปเทศน์ มักจะนิยมไปเทศน์สังคายนา แล้วก็ไม่ได้เทศน์เนื้อเรื่องสังคายนาหรอก เขาก็เทศน์ออกมาตามแบบของเขา ไอ้เรื่องอะไรก็ตามยกสูตรยกข้อมาข้อหนึ่ง แล้วก็เทศน์แต่เรื่องนั้นถามตอบกันแต่เรื่องนั้น แล้วก็ไปฮาตลอดเวลา ผมก็เป็นพระ พระเด็กๆ บวช ๒ – ๓ พรรษาก็ได้ติดไปด้วยเหมือนกัน น่ะ ก็นิมนต์ไป เราในคณะนั้นนะ คือไปนั่งอันดับแจงเราทำอะไรไม่เป็นหรอกนอกจากไปนั่งอันดับแจก พระอันดับแจกตั้ง ๒๐ – ๓๐ รูป ได้ไตรแพรทั้งนั้นแหละ ได้ไตรแพรองค์ละหนึ่งแพรอย่างต่ำ ยังได้อะไรอีกดูๆไอ้การเผยแผ่พระธรรมกถึก มีชื่อเสียงเขาทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ที่นั้นที่นี่เกือบจะไม่มีหยุด เดี๋ยวนี้มันจะซาลงหรือยังก็ไม่ทราบ แต่สมัยผมอยู่กรุงเทพมันเป็นอย่างนั้นมันก็จะ ๕๐ ปีแล้ว พระธรรมกถึกกลายเป็นว่ามีหน้าที่ทำคนให้หัวเราะ โดยใช้ธรรมะเป็นเครื่องบังหน้า แล้วคนร่ำรวยที่พร้อมที่จะนิมนต์พระธรรมกถึกเหล่านี้มีอยู่มากมีอยู่ทั่วไปไม่ว่างไม่ว่าง ได้ไปเทศน์ไม่ต้องว่างแล้ว แล้วส่วนมากก็สึก สึกเพราะร่ำรวย สึกเพราะบังคับกิเลสไม่ไหว ไปทำชั่วบ้างลับหลังเขาจับได้ต้องสึกก็มี มันเป็นซะอย่างนี้ ถ้ามันตั้งต้นผิด มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ที่เรามันก็ความหมายเดียวกันนั้นแหละ ธรรมกถึก ผู้กล่าวธรรมผู้เผยเผ่ธรรม มันจะทำด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างนั้นไม่ได้นะ ถ้าทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงทำให้ตัวร่ำรวย ทำแต่ความเห็นแก่ตัวอย่างนี้นะมันขบถไปตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่แรกแล้วเป็นการขบถ มันต้องได้รับผลได้รับโทษของการขบถ มันจะวินาศเอง มันเป็นไปไม่ได้ นั้นเลิกความคิดที่จะทำให้ดีให้มีชื่อเสียงให้ดังให้เด่นตามภาษาเราเป็นคนจนหาทางออกอย่างอื่นไม่ได้ก็มาทำอย่างนี้ อย่างนี้ไม่ถูกหรอกอย่าไปคิดแต่เรื่องอย่างนั้น เราถือว่างานนี้มันป็นงานบริสุทธิ์ของมนุษย์เราก็ทำเสียแล้วกัน จะสนองพระพุทธประสงค์ก็ได้ตามหน้าที่ของมนุษย์ แต่อย่าทำเพื่อตัวกู อย่าทำเพื่อตัวกู
พระหนุ่มๆนี่ผมก็ต้องพูดว่ามันมีความคิดแค่ทำอะไรเพื่อตัวกูเท่านั้น ผมเองก็เคย นี่ผมขอโอกาสพูดแค่ว่าพระหนุ่มๆอย่างนี้ มันมีแค่ทำอะไรเพื่อตัวกู ถ้าใครยังอยู่ในระดับนี้รีบๆเปลี่ยนรีบเลื่อนรีบเปลี่ยนๆ อย่าๆเป็นการทำอะไรเพื่อตัวกู เพื่อพระพุทธเจ้ากันดีกว่า และเพื่อธรรมะเพื่อหน้าที่ของธรรมชาตินั้นก็ยิ่งดีกว่า มนุษย์ที่แท้จริงมันก็ต้องอะไรตามหน้าที่ของมนุษย์ เมื่อประโยชน์ตนจบแล้วมันก็ต้องประโยชน์ผู้อื่นอันไม่รู้จักสิ้นสุดทำไปเถอะ ถ้าจิตใจของคนนั้นมันเปลี่ยนเป็นธรรมะ มีแล้วธรรมะแล้วมันสนุกเองแหละ มันจะรู้สึกสนุกเองแหละสนุกที่สุด จิตใจเป็นธรรมะแล้วก็ทำทุกอย่างเป็นธรรมะ เผยแผ่ธรรมะเพื่อธรรมะมันจะสนุก ผมก็เคยใช้วิธีนี้หรือเคยผ่านมาโดยวิธีนี้ ทีแรกมันก็ทำเพื่อตัวตนทำเพื่อประโยชน์ชื่อเสียงของตนไม่มากก็น้อยแหละ ต่อมาเมื่อมันรู้ว่ามันไม่บริสุทธิมันมันคล้ายกับขบถ ขบถต่อพระพุทธเจ้า ขบถต่อประชาชนขบถต่อความเป็นภิกษุของตัวเองนี่ มันเป็นขบถ ทำอะไรเพื่อตัวกู มันก็ค่อยๆกลัวค่อยๆเกลียดค่อยๆกลัวค่อยๆเกิดมีหิริมีโอตัปปะ ตำนิตัวเองติเตียนตัวเอง เมื่อทำอะไรไปเมื่อเห็นแก่ประโยชน์ของตัวกู ในที่สุดก็เพื่อชื่อเสียงของตัวกู มันก็ผ่านมาได้นะถ้าว่าไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์แก่ตัวกู นั้นตัวอย่างไอ้เศรษฐีญี่ปุ่นคนนี้เมื่อเราศึกษาดูแล้วมันก็เห็นว่าเขาก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวกู เพราะว่าเขามีเงินเขามีชื่อเสียงถึงระดับที่มันจะมีมากกว่านั้นไม่ได้อีกแล้ว ระดับที่มนุษย์จะมีมากกว่านั้นมันดูจะมีไม่ได้แล้ว แม้แต่ประเทศนั้น แต่มองเห็นไกลไปถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย แต่มันยังมีอยู่หรือว่าเราจะอยู่โดยที่เพื่อนมนุษย์มีความทุกข์ มันก็อยู่ไม่ได้หรอกถ้าผู้อื่นมีความทุกข์ เราจะอยู่ให้เป็นสุขนั้นมันไม่ได้ เราก็ทำเพื่อเพื่อนมนุษย์ ถ้าจะทำเพื่อความดีก็ให้ทำดีเพื่อความดี อย่าๆอย่าเพื่อชื่อเสียง ก็ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ทำความดีเพื่อความดีไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียง ไอ้ส่วนชื่อเสียงที่มันมาเอง ตามธรรมชาตินั้นมันบังคับไม่ได้ก็ตามใจมันเถอะ ถ้าใครทำดีมีประโยชน์สำเร็จประโยชน์ ถ้าชื่อเสียงมันเกิดขึ้นเองถึงห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ต้องรับผิดชอบเราไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะว่าเราไม่ได้บ้าดี เรานั้นไม่ได้อยากดี เราไม่ได้ทำเพื่อความดีของเรา มันดีเองมันมีชื่อเสียงเองมันอะไรเองนั้นมันไม่หนัก เป็นความดีชนิดเบา ชนิดที่ไม่ต้องหอบต้องหิ้ว ถ้ามันเป็นความดีชนิดของกู เพื่อตัวกูแล้วมันต้องคอยระวังอยู่เสมอ เพราะมันจะพลาด แล้วมันจะหมดดีลงสักวันหนึ่ง ความดีชนิดนี้หนักมากหนักมากต้องคอยหอบคอยหิ้วคอยประคับประคองให้มันยังคงดีอยู่ จึงเรียกว่าความดีชนิดหนักบางคนก็เรียกว่าเป็นของปลอม ถ้าความดีที่แท้จริงมันจะเบามันจะไม่ต้องคอยระวังรักษาใครจะ เพื่อนๆเยินยอ เราไม่หากินกับทำอะไรเคร่งๆท่าทางเคร่งๆให้เขานับถือ ทำอะไรตามเขานิยมกันว่าเคร่งเขาจะนับถือ ผมไม่คิดหากินกับเรื่องอย่างนี้ ทำตามที่มันถูกตามที่มันควร ตามที่มันมีเหตุผลมันจะได้เป็นไปตามความถูกต้อง เพื่อความถูกต้องทำความดีเพื่อความดี เป็นความดีชนิดเบาไม่ต้องคอยระวังว่ามันจะหมดดี
นี่ฟังเอาเองว่าผมมันพูดอะไรแรงไปหรือเปล่านี่ที่พูดนี่ ไม่ได้พูดถึงเนื้อธรรมะขี้เกียจพูดแล้วพูดอยู่ทุกวันก็ไม่เห็นคุณมาฟัง วันเสาร์พูดธรรมะแท้ๆก็เห็นมาฟังไม่กี่องค์ ขี้เกียจพูด จะพูดถึงไอ้เรื่องวิธีการวิธีดำเนินงานการที่จะทำการเผยแผ่หรือหน้าที่ให้มันลุล่วงไปด้วยดี มันมีลักษณะเป็นวิชา วิชาการเผยแผ่หรือวิชาสืบอายุพระศาสนาก็ยิ่งดี มีลักษณะเป็นวิชาครู และสรุปท้ายว่าถ้าเจตนารมณ์มันไม่ถูกต้องอยู่ ก็ให้รีบเปลี่ยนเสีย เจตนารมณ์ของการที่จะทำต่อไป จะไปเป็นครูสอนอะไรสอนนักธรรม อบรมเณร อบรมชาวบ้าน อบรมประชาชน มันคืองานที่เราต้องทำต่อไป ถ้าเจตนารมณ์ของเราไม่บริสุทธิ์ มีอะไรคดๆงอๆซ่อนอยู่เราก็รีบเปลี่ยนซะเถอะ มันจะเกิดเป็นอุปสรรคขึ้นมาให้ล้มละลาย มันจะไม่สนับสนุนความสำเร็จที่ว่า เขาอุทิศจะมอบกายถวายชีวิตอุทิศพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์แล้วงานสำเร็จนะมันหมายถึงอย่างนี้ ไม่ใช่อ้อนวอนพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ว่าช่วยสำเร็จแต่ปาก เราทำให้เจตนารมณ์ของเราบริสุทธิ์ไม่มีคดโกงแฝงอยู่ในนั้นนะนั้น คืออุทิศพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์งานมันก็ดีก็ง่าย ก็สำเร็จนี่เป็นจุดแรกที่สุดสำหรับการตั้งต้นว่าเจตนารมณ์ต้องบริสุทธิ์นี่ และเป็นจุดตั้งต้นก็ขอให้ไปปรับปรุงจุดตั้งต้นให้มันถูก ถ้ามันยังไม่ถูกนะ ถ้ามันถูกอยู่แล้วก็ขออนุโมทนาด้วย แต่ถ้ามันยังไม่ถูก มันยังเคลิ้มๆละเมอๆตามเพื่อนอยู่หรือว่าต้องการความดีเด่นของตัวกู นี่ก็รีบไปทำไปปรับปรุงเสียให้ถูก มิฉะนั้นมันจะย้อนกลับมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทำอะไรยิ่งผิดหนักขึ้นไปอีก จะทำอะไรเพื่อกับตัวเองหรืออย่างนี้ก็เพื่อประโยชน์ ประโยชน์ทางโลก ซึ่งมันก็ขัดกับทางบริสุทธิ์กับทางธรรมะที่เล่าตัวอย่างนิทานนี้ให้ฟังเรื่องจริงนี่ไม่ใช่นิทาน ก็เพื่อจำให้ได้ว่าไอ้กิจการที่มันบริสุทธิ์ถูกต้องใหญ่โตน่ะมันตั้งต้นบริสุทธิ์ มันมีจุดตั้งต้นที่บริสุทธิ์ ซึ่งนายคนนี้ก็คิดว่าเงินมันเหลือใช้ แล้วก็คิดไปถึงว่าประเทศชาติของเขาประเทศญี่ปุ่นนี่มันจะเจริญรุ่งเรืองไปได้ มันต้องได้รับความร่วมมือทั้งฝ่ายมนุษย์แล้วก็ฝ่ายสวรรค์ คือทั้งฝ่ายเบื้องบนฝ่ายเทวดาสวรรค์ด้วยมนุษย์ด้วย มันก็ต้องทำให้ได้รับ ทีนี้ประชาชนแต่ละคนมันจะพัฒนาประเทศได้มันก็ต้องมีลักษณะอย่างนี้ คือมีความร่วมมือทั้งสวรรค์และฝ่ายแผ่นดินมนุษย์ หรือว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่กำลังให้ผลดีที่สุด แม้ว่าเดี๋ยวนี้มันชักจะรวนเรแล้ว แต่มันก็ต้องอาศัยหลักนี้หลักที่ให้ความร่วมมือมีความถูกต้อง ทั้งจากสวรรค์และจากมนุษย์ แต่วัฒนธรรมญี่ปุ่นยังกระทบกระเทือนน้อยกว่าวัฒนธรรมไทยเรา ซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนจากไอ้เรื่องวัตถุนิยมนี่มีมาก ทีนี้เกือบจะทุกคนมันหลงใหลในเรื่องกามารมณ์โดยเฉพาะ หรืออบายมุขชั้นหยาบ ถ้าชั้นละเอียดก็คือกามารมณ์จนฟังไม่ถูก พูดเรื่องอื่นฟังไม่ถูก ฟังถูกแต่เรื่องกามารมณ์เรื่องอบายมุข เขาบูชาเหล้ายิ่งกว่าพระพุทธเจ้า นี่คนพวกนี้คุณไปสังเกตดู เขาให้ความสำคัญให้ความสนใจแก่การกินเหล้ามากกว่าที่จะมาฟังเทศน์ หรือมาสนใจพระพุทธเจ้าที่เราจะมาพูดให้ฟังอีก เขาจะไม่สนใจ เขาสนใจที่จะกินเหล้าจน ล้มกลิ้งพอสร่างขึ้นมาก็กินอีก ปรากฏว่าบางแห่งถึงกับไล่ให้ขอนิมนต์ให้พระกลับ เทศน์จบกลับไปวัดเขาจะกินเหล้านี่ลองคิดดูเถอะว่าจิตใจมันกระด้างถึงขนาดไหนแล้ว กล้าพูดให้จบเทศน์กลับไปวัด ที่นี่เขากจะกินเหล้ากันบ้างจะเล่นไพ่กันบ้าง เจ้าของบ้านเขายังไม่กล้าว่าเลย นั้นแหละคือความยากลำบากที่มันเพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ความนิยมทางปัจจัยแห่งอบายมุขปัจจัยแห่งความฉิบหายมันมากขึ้นๆ เราจะไปสอนคนพวกนี้มันยากกว่าเดิมหลายเท่า หลายสิบเท่า มันคือมันจะยากกว่าสมัยนู้น ซึ่งคนสมัยไม่บ้ามากถึงขนาดนี้ เดี๋ยวนี้คนมันบ้าถึงขนาดว่าเป็นขนาดนี้ สอนยากที่สุด ถ้าไม่เก่งจริงมันทำกันไม่รู้เรื่อง
ที่เรียกว่าการปฏิวัติทางวัฒนธรรมนี่ เดี๋ยวนี้พูดมากเป็นคำที่ใช้กันทั่วโลก ปฏิวัติทางวัฒนธรรมให้วัฒนธรรมมันถูกต้อง ชาวไทยเราเคยมีวัฒนธรรมดีกลัวบาปบ้าบุญหมั่นทำแต่ความดีเห็นแต่แก่ผู้อื่น สมัยก่อนล่ะมันดีแท้เป็นวัฒนธรรมไทยที่มันดีที่สุดหลายอย่างหลายประการเหนือที่จะกล่าว เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปสู่วัฒนธรรมเลววัฒนธรรมของภูตผีปีศาจอะไรนี่ ถ้ามันไม่มีการปฏิวัติทางวัฒนธรรมให้ถูกต้องเสียใหม่แล้วมันก็ มันก็คือวินาศวินาศนั้นแหละ ที่ฆ่ากันอย่างที่เขาฆ่ากันเดี๋ยวนี้ สมัยก่อนเขาฆ่ากันไม่ลงที่ฆ่ากันง่ายๆเหมือนสมัยนี้ ขโมยหรือปล้นจี้ข่มขืนอะไรก็ตามที่ทำกันอย่างสมัยนี้ สมัยก่อนเมื่อวัฒนธรรมไทยมันยังดีอยู่ทำไม่ลง ไม่มีทำไมลงหญิงสาวเดินไปได้ในป่า คนเดียวได้ หญิงสาวเฝ้ากระท่อมนาอยู่คนเดียวในป่าได้ เฝ้ากระท่อมได้อยู่คนเดียวในป่าได้ วัฒนธรรมมันยังดีอยู่เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่ในเรือนมันยังขึ้นไปฉุดกันเลย ผมเคยไปเที่ยวในป่าทางหลังสวนโมกข์ก็ไปแล้ว ไปพบหญิงสาวมลายูนั่งเฝ้าไร่อยู่คนเดียว เอ๊ะ,ประหลาดใจไอ้นี่มันนั่งเฝ้าไร่อยู่คนเดียว ถามเขาว่ามันทำมานานแล้วปลอดภัย มันยังปลอดภัยต่อมาอีกไม่กี่ปีต่อมา ผมถามดูอีกไม่มีแล้ว ถูกฉุดฆ่าถูกทำอนาจารจนทำอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว ที่นั้นที่นั้นเองที่นั้นเองที่เคยไปเห็นมา นี่วัฒนธรรมมันเปลี่ยน ถ้าเขารักษาวัฒนธรรมหรือเกียรติยศอันนี้ไว้ได้ มันก็สบายบ้านเมืองนั้นมันก็สบาย รัฐบาลมันก็ปกครองง่ายอยู่กันอย่างผาสุก เดี๋ยวนี้วัฒนธรรมมันเปลี่ยนเป็นวัฒนธรรมตัวกู วัฒนธรรมตัวใครตัวมัน ธรรมะไม่รู้ธรรมะไม่รู้ไม่ชี้ธรรมะไม่รู้ไม่ชี้ ให้ตัวกูมันได้สิ่งที่ตัวกูต้องการนั้นแหละ คือสิ่งประเสริฐสูงสุด เมื่อคิดถึงข้อนี้แล้วผมก็อ่อนใจเหมือนกันแหละ แต่ไม่ใช่เอามาพูดเพื่อให้คุณอ่อนใจ แต่มันเป็นสิ่งที่ว่ามันจะเลวร้ายอย่างไรก็ต้องต่อสู้แก้ไขต่อไป เพียงแต่ว่าต้องเก่งกว่าเดิม ต้องฉลาดกว่าเดิมต้องเก่งกว่าเดิมหลายเท่า จึงจะทำงานในยุคนี้ได้ ซึ่งมันยากกว่ายุคก่อนมาก อย่าทำเล่นกับสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรม มันเป็นรากฐานลึกอยู่ภายใต้มนุษย์ ถ้ามันยังดีอยู่มนุษย์มันก็ยังดีอยู่ขนบธรรมเนียมประเพณีมันดีไปหมด ประเทศชาติก็มั่นคง ก็เจริญก็ก้าวหน้าก็สงบสุขเมื่อวัฒนธรรมมันดี แต่ทีนี้วัฒนธรรมมันเลวประเทศชาติมันก็ยุ่งจนเหลือแก้ แล้วก็แก้ไม่ถูกจุดไม่แก้ทางด้านจิตใจกันเลยไปถมแต่ทางด้านวัตถุ บางทีเขาจะให้พระช่วยแก้กระมัง หรือว่าพระจะคิดเสียว่าไอ้ส่วนที่รัฐบาลทำไม่ได้เราจะช่วยทำมันก็ดีเหมือนกัน แต่ต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วก็ต้องฉลาด แล้วก็ต้องจิตมากไปด้วยกรุณา ถ้าความกรุณาไม่พอมันก็ไม่ต้อง ลำบากมันทำไมจะไปกลัวตายซะอีก ไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย มันก็ต้องมีปัญญามีกรุณามีวิริยะพยายาม ถ้าใครมีไม่พอก็รีบๆๆเพิ่มให้มันพอ ปัญญาความรู้ในเรื่องนี้น่ะมันไม่พอ ก็ศึกษาให้มันพอสิ แล้วความเมตตากรุณาต่อคนอื่นไม่พอก็รีบทำให้มันพอ ตั้งเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายอย่างโพธิสัตว์ยอมเสียสละชีวิตก็ได้ ถ้าเป้าหมายอย่างโพธิสัตว์ เสียสละชีวิตก็ได้เพื่อเกิดความรอดของผู้อื่น แล้วก็วิริยะพยายามนี่ทำไม่มีทำไม่มีขีดหยุดคือทำเรื่อยไป นี่เรียกว่าสาวกของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงมันถึงขนาดนี้ เอาแหละไปคิดกันดูว่ามันจะปรับปรุงอย่างไรให้เรามันขึ้นมาอยู่ในรากฐานที่มั่นคงแน่นหนาอย่างนี้ ส่วนไหนที่มันผิดๆไม่ๆไม่ตรงคดๆงอๆอะไรอยู่รีบๆสลัดไปให้หมด แล้วก็ทำให้มันตรงไปยิ่งขึ้นๆมันจะไปรอด มันยังมีส่วนที่ทำได้ หรือแก้ไขได้ไม่ใช่ว่ามันจะตัดหมดทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ มีส่วนที่จะทำดีได้กลับมาดีได้หลายเปอร์เซ็นต์ต์หลายสินเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าคนที่ยังพอจะพูดกันรู้เรื่อง ที่โปรดได้คงมีหลายหลายสิบเปอร์เซ็นต์จะครึ่งต่อครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะคนที่สนใจธรรมะมันก็ยังมีอยู่มาก ดูอย่างคนที่เข้ามาสวนโมกข์สิ คนพวกนี้สนใจธรรมะจึงมาก็มีอยู่หลายคนในประเทศไทยก็หวังอยู่กับพวกนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของใครมันก็ยาก แต่ก็ต้องขอรับแบ่งส่วนความผิดเป็นของฝ่ายศาสนา หรือฝ่ายพระสงฆ์ด้วยแน่นอน ฝ่ายพระสงฆ์นี่บกพร่องในหน้าที่ของตน โดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามต้องรับผิดชอบทั้งนั้น เมื่อมันพลาดไปแล้วก็ต้องรับผืดชอบทั้งนั้นจะโดยโง่หรือโดยไม่รู้มันก็แก้ตัวไม่ได้ ศาสนาจะต้องอยู่เป็นหลัก แล้วก็ไปเป็นรากฐานของวัฒนธรรมเสมอช่วยกันสร้างวัฒนธรรมของประชาชนให้ดีขึ้น แล้วก็ของประเทศชาติให้มันก็ดีขึ้น อย่างเศรษฐีคนนี้ที่อุตส่าห์ก็พิมพ์เป็นภาษาสเปนมากที่สุด เพื่อไปใช้ในอเมริกาซึ่งภาษาสเปนใช้มากกว่าภาษาอังกฤษพวกที่อยู่ทางใต้ชาวอเมริกาใต้ทั้งหมดเขาพูดภาษาสเปนกันทั้งนั้น เขาไม่รู้ภาษาอังกฤษ นี่ก็แสดงว่าแกคิดไกลคิดให้มันทั่วโลกจริงๆ นั้นผมพูดมาพอละพูดมาหนึ่งชั่วโมงละ เอ้อสรุปความว่าซักฟอกกันมาตั้งแต่รากฐานทีเดียว ให้มันเป็นจุดตั้งต้นตัว ก. ปรับปรุงมันขึ้นมาเสียใหม่ให้มันถูกต้อง แล้วมันจะเดินไปตามลำดับไปอย่างถูกต้อง สิ่งที่จะต้องปรับปรุงเสียให้ถูกต้องในการเผยแผ่ธรรมะ คือพระพุทธศาสนา ผมสังเกตเห็นว่าคณะธรรมทูต คณะธรรมทายาท คณะธรรมะอะไรละก็มันมีมีอะไรผิดพลาดในจุดตั้งต้นนี้ ทำเพื่อตัวกูเกือบทั้งนั้นเกือบทังนั้นทำเพื่อตัวกูเกือบทังนั้น ผมก็ขี้เกียจเหมือนกันที่จะพูดกับคนที่ทำเพื่อตัวกู เอาละขอยุติการบรรยายของผมไว้ในข้อความอย่างนี้ แล้วคุณก็เอาไปถกไปวิพากษ์วิจารณ์กันเองคืนนี้คุณเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ไปถกเถียงกันให้ดีให้มันได้รับประโยชน์ ว่ามันจริงหรือไม่ความปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ให้มันเป็นการแก้ไขสำหรับครั้งหน้า ถ้าพูดแล้วเลิกกันผมก็เหนื่อยเปล่า คุณก็เปลืองเปล่าไม่มีใครได้รับประโยชน์อะไรเลย ขอยุติการบรรยายไว้เพียงเท่านี้