แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
นักเรียนทั้งหลาย ฉันขอแสดงความยินดี ในการมาของเธอทั้งหลายในวันนี้ ถึงสถานที่นี้ แล้วก็ได้มานั่งกันอยู่ในลักษณะอย่างนี้ โดยเฉพาะตอนเช้านี้ เราจัดไว้สำหรับพูดจาปราศรัยกัน กับนักเรียนรุ่นเล็ก นักเรียนรุ่นใหญ่หรือครูบาอาจารย์นั้น กำหนดไว้ตอนบ่าย วันนี้ก็ ตอนนี้ก็จะพูดกันเฉพาะนักเรียนรุ่นเล็กเท่านั้น ขอให้พวกเธอทุกคนทำจิตใจให้ถูกต้อง ตามความหมายของคำว่าปีใหม่และวันเด็ก ระยะนี้ยังอยู่ในเขตของปีใหม่เพราะเพิ่งล่วงไปหยก ๆ และโดยเฉพาะวันนี้ก็เป็นวันที่กำหนดไว้ว่าเป็นวันเด็ก เด็ก ๆ ทุกคนควรจะถือว่า เป็นเกียรติยศ เป็นความดี เป็นมงคล หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก แต่ว่าเรียกว่าดีก็แล้วกัน ที่เขากำหนดให้พวกเด็ก ๆ มีความสำคัญ จนถึงกับจัดให้มีวัน ๆ หนึ่ง สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดูจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างนี้กันทั้งโลก
ทั้งโลกเขามีวันเด็ก ที่จัดไว้เป็นที่ระลึก วันใดวันหนึ่ง ดังนั้นเราก็ต้องรู้สึกว่า ความสำคัญเป็นเกียรติยศก็ได้ เป็นสวัสดีมงคลก็ได้ แล้วแต่เราจะมองกันในแง่ไหน แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือเราต้องประพฤติตน ให้ถูกให้ตรงกับความมุ่งหมายของการที่เขาจัดให้มีวันเด็กขึ้นมา เดี๋ยวนี้มันคาบเนื่องกันอยู่กับวันปีใหม่ ความหมายมันก็คล้ายกัน เพราะเด็ก ๆ ก็คือผู้ที่กำลังเจริญงอกงามขึ้นมาใหม่ ๆ เรื่อยไป วันปีใหม่ก็มีความหมายว่าจะต้องมีอะไรใหม่ นี่เราก็จะต้องทำตัวให้ใหม่ปีละครั้ง นี่มันก็เป็นธรรมเนียม ที่จริงควรจะทำตัวให้ใหม่ขึ้นไปทุกเดือน ถ้าเก่งกว่านั้น ก็ทำตัวให้ใหม่ ยิ่งขึ้นไปทุกวัน ๆ ถ้าเก่งที่สุด ก็คงจะทำตัวให้ใหม่ ขึ้นไปได้ทุก ๆ ชั่วโมง ชั่วโมงนี้ดีกว่าชั่วโมงที่แล้วมา ชั่วโมงหน้าก็ต้องดีกว่าชั่วโมงนี้ ถ้าอย่างนี้ก็เก่งมากเลย เดี๋ยวนี้เขาให้เวลาตั้งปีหนึ่ง ให้เราเตรียมตัวสำหรับจะดี เป็นระยะเป็นระยะ เหมือนกับว่าปีหนึ่ง เราสอบไล่ครั้งหนึ่ง เราปิดภาคใหญ่ภาคเรียนครั้งหนึ่ง นี่เขากำหนดกันเป็นปี ๆ อย่างนี้ เดี๋ยวก็จะต้องจัดให้มันมี ความก้าวหน้า สมตามความมุ่งหมายนั้นทุกปี
เด็ก ๆ คงจะเคยสังเกตเห็นหัวเผือก หัวมัน หัวกลอย หรือว่าอะไรต่าง ๆ ที่มันมีหัวอยู่ใต้ดิน บางคนก็เคยปลูก เช่น ปลูกมัน ครบปี หัวใต้ดินมันใหญ่ ทุกปี ใหญ่ขึ้น ปลายปีรวบรวมกำลังสำหรับจะงอกใหม่ให้ดีในปีใหม่ เราก็เหมือนกัน เราจะต้องรวบรวมวิชาความรู้ที่เราได้เรียนมาอย่างไร ผิดถูกอย่างไร ในตอนปลายปี เอามาคิดดูให้ดี ที่ทำผิด ก็เอามาคิดสำหรับทำใหม่ อย่าให้ผิดมีแต่ถูก ที่ทำถูกอยู่แล้วก็เอามาคิด สำหรับจะให้ถูกยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ระยะปีใหม่นี้ทุกคนควรจะนึกคิดอย่างนี้ อะไรที่ทำผิดมาแล้ว ปีกลายนี้ จะไม่ผิดอีกเป็นอันขาด อะไรที่ถูกมาแล้ว ก็จะให้ถูกยิ่งๆขึ้นไป คือให้ถูกมากกว่าปีเก่า สิ่งที่เราจะต้องละ ก็จะต้องละให้มากกว่าปีเก่า คือสิ่งที่ไม่ควรจะเอาไว้ เขาเรียกว่าไม่ดี และที่ดีควรจะเอาไว้ ควรจะมีไว้ ก็ต้องให้มีเพิ่มขึ้นไปอีก นี่เราก็จะเป็นเด็กที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นทุก ๆ ปี ให้สมตามที่ธรรมชาติได้กำหนดไว้ว่า เด็ก ๆ นี้จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนกว่าจะถึงที่สุด อะไรที่เราจะคิดสำหรับจะได้ทำให้ดียิ่งขึ้นไป เรานึกถึงอะไร แล้วความคิดมันก็อยากจะทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เราก็นึกถึงความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ของเรา นึกถึงบิดามารดาของเรา บิดามารดาของบิดามารดา ของบิดามารดา ที่เรียกว่าปู่ ตา ย่า ยาย ตาทวดอะไร สูงขึ้นไปตามลำดับ ๆ แล้วก็อย่าให้เสียที ที่เรามีบิดามารดา มีปู่ ย่า ตา ยาย มีบรรพบุรุษ ที่เขาเคยได้ทำอะไรไว้ เป็นอย่างดี เขาได้สร้างบ้านสร้างเมืองไว้ให้เรา เกิดขึ้นมาก็ได้อยู่ได้อาศัย เขาสร้างอะไรไว้ เราเกิดมาก็ได้ใช้สอย นั่นแหละ เราจะนึก...(นั่งข้างหลัง ๆ). เราจะต้องนึกกันในข้อนี้ก่อน แล้วก็จะนึกตอบแทนความดีของบรรพบุรุษ ที่เขาได้สร้างไว้ให้เรา เราเป็นคนรับมรดก มีอะไร ๆ ที่คนแต่ก่อนเขาได้สร้างไว้ให้เรา ให้เราได้รับเป็นมรดก
คิดดูให้ดี มรดกที่สำคัญที่สุดก็คือ ชีวิต คงไม่มีเด็กคนไหนเกิดมาจากโพรงไม้ เด็กคนไหนเกิดมาจากโพรงไม้ คงหาไม่ได้ ล้วนแต่เกิดมาจากบิดามารดา เรียกว่าเราได้รับมรดกชีวิต สืบทอดมาจากบิดามารดา ร่างกายของเราก็แบ่งมาจากบิดามารดา ชีวิตของเราก็แบ่งมาจากบิดามารดา ข้อที่ว่าแบ่งร่างกายมาจากบิดามารดานั้น บางคนก็ทราบแล้ว เห็นน้องเล็ก ๆ เขาเกิดมาจากท้องแม่ เขาก็แบ่งเลือดแบ่งเนื้อมาจากท้องแม่ มาจากแม่ เกิดมาแล้วเขาก็ยังกินนม นมนี้ก็คือโลหิตของบิดามารดา ของมารดาโดยเฉพาะที่มันปรุงขึ้นเป็นน้ำนม แล้วลูกเล็ก ๆ ก็ได้กินนม ซึ่งปรุงขึ้นมาจากโลหิตของมารดา นับว่ามีบุญคุณอย่างใหญ่หลวง ถ้าใครไม่รู้บุญคุณของมารดา เขาก็เรียกว่าคนอะไร หยาบคายมาก อย่าต้องไปเรียกเลย เขาเรียกว่าสัตว์เนรคุณ หรืออะไรทำนองนี้ มันหยาบคายมาก ไม่รู้ว่าเราเอาชีวิตมาจากบิดามารดา ถ้าบิดามารดา ไม่ได้ให้ชีวิตมา เราก็ไม่ได้เกิดมาเป็นคุณ เป็นบุคคลมานั่งอยู่ที่นี่ ที่เป็นบุคคลนั่งอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะว่าได้รับชีวิตมาจากบิดามารดา ตั้งต้นชีวิตขึ้นมาในท้องของมารดา แล้วก็เติบโตขึ้นมาจนคลอดออกมา จนใหญ่โต
ขณะนี้ได้มานั่งอยู่ที่นี่ นี่คือตัวเรา คือชีวิตของเรา ซึ่งมันงอกงามขึ้นมา คือใหญ่โตขึ้นทุกวัน ๆ ๆ กว่าจะถึงที่สุด สิ่งที่มีชีวิต มันเติบโตทั้งนั้นแหละ ต้นไม้มันก็เติบโตขึ้นมา สัตว์เดรัจฉานมันก็เติบโตขึ้นมา คนเราก็เติบโตขึ้นมา การที่เติบโตขึ้นมานี้ มีความมุ่งหมายว่าจะไปสู่ความดีที่สูงสุด ไม่ใช่ไปสู่ความชั่วที่สูงสุด รู้กันไว้เสียว่า เกิดมามีชีวิตนี้เพื่อไปสู่ความดีที่สูงสุด ที่น่าดู ที่มีประโยชน์ที่สุด ร่างกายมันก็โตขึ้นมา จิตใจมันก็เติบโตขึ้นมา วิชาความรู้ สติปัญญา มันก็เติบโตขึ้นมา และต้องทุก ๆ ปีด้วย ดังนั้นเตรียมกันไว้ให้ดี เพื่อให้ปีนี้ มันมีสติปัญญามากกว่าปีที่แล้วมา เหมือนกับที่ร่างกายมันก็โตขึ้น ปีหนึ่ง ๆ มันก็โตขึ้นหลาย ๆ หลาย ๆ เซนติเมตร สูงขึ้นมา ดังนั้นสติปัญญาก็ต้องสูงขึ้นมา ฉะนั้นขอให้เรารับรู้และรับผิดชอบในข้อนี้ ถ้าว่าทำตรงกันข้าม มันก็เรียกว่าเลวลงไป ตรงกันข้าม ดีขึ้นมานี่ มาในทางสูง เลวลงไป มันก็ลงไปในทางต่ำ คนที่รู้จักคิด รู้จักนึก เขาละอาย ถ้ามันลงไปในทางต่ำ เขาละอาย ถ้ามันขึ้นมาในทางสูง เขาก็พอใจ นี่เรามาทำความรู้สึกกันวันนี้ ซึ่งเป็นวันปีใหม่ เพราะว่าบางทีเราอาจจะลืมไป ไม่ได้คิดนึกอย่างนี้ ดังนั้นเราจึงมาพูดกันที่นี่ มาเตือนกันที่นี่ในวันนี้ ในลักษณะอย่างนี้ อย่าให้ลืมไป บางคนไม่รู้ อย่างนี้ก็ต้องพูดกันใหม่ ตั้งต้นพูดกันใหม่ให้รู้ นี้คนที่มันรู้ เคยรู้ แล้วมันก็ลืมไป ก็ต้องมาเตือนกันใหม่ อย่าให้ลืมได้ ได้รับรู้ในการที่เราเป็นมนุษย์เกิดมาสำหรับจะเป็นมนุษย์ คือสัตว์ที่มีจิตใจสูงสุดกว่าสัตว์ทั้งหลาย คนมันโง่อยู่มาก ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ นี่คือผู้สร้างโลก
เราอยากจะพูดว่าเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนมากก็อาจจะโง่อยู่ก็ได้ ยังโง่อยู่ก็ได้ ไม่รู้ในข้อที่ว่าเด็ก ๆ นี่คือผู้สร้างโลก โลกจะเป็นอย่างไร มันแล้วแต่พวกเธอ คิดดูให้ดี ทั้งโลกเลย มันจะเป็นอย่างไร มันก็แล้วแต่เด็ก ๆ ที่กำลังมีอยู่ในเวลานี้ ถ้าเด็ก ๆ มันดี โลกนี้มันก็เป็นโลกที่ดี ถ้าเด็ก ๆ มันไม่ดี โลกนี้มันก็เป็นโลกที่ไม่ดี ทั้งโลกเลยมันขึ้นอยู่กับเด็ก ๆ เห็นอยู่ชัด ๆ นี่เราจึงว่า เด็กคือผู้สร้างโลก ถ้าใครอยากจะให้เราให้คำขวัญแก่เด็ก ๆ เราก็จะให้คำขวัญว่า เด็ก ๆ คือผู้สร้างโลกทั้งโลกเลย เพราะมันขึ้นอยู่กับพวกเธอ ถ้าเธอดี โลกก็ดี ถ้าเธอไม่ดี โลกก็ดี เอ้อ,โลกก็ไม่ดี เธอจะให้โลกเป็นอย่างไรก็ได้ ตามความที่เธอ เป็นกันอยู่อย่างไร ดังนั้นเขาจึงให้การศึกษาที่ดี ให้เราเป็นเด็กดี แล้วเราก็จะช่วยกันสร้างโลกนี้ให้ดี ดังนั้นเธอจะต้องมองดูให้เห็นความจริงข้อนี้ แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นเกียรติยศอันสูงสุด เราเป็นเหมือนกับพระเจ้าสร้างโลก เด็ก ๆ นี่เหมือนกับพระเจ้าสร้างโลก ซึ่งใคร ๆ คัดค้านไม่ได้ ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ ใคร ๆ ก็ต้องยอมรับว่าโลกนี้มันจะเป็นอย่างไร มันก็แล้วแต่คนที่มีอยู่ในโลก คนที่มีอยู่ในโลกนี่ เขาสร้างกันเมื่อไร เขามีวิธีการดำเนินการอย่างไร ก็คือให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง รู้หนังสือ แล้วก็รู้วิชาชีพ ทำมาหากิน แล้วก็รู้สิ่งที่ประเสริฐสูงสุด เป็นข้อสุดท้าย ก็คือว่ารู้จักเป็นมนุษย์ให้ถูกต้อง เรียนแต่หนังสือ อย่าเพิ่งอวดดีว่ามันจะรู้จักความเป็นมนุษย์ได้ถูกต้อง เรียนหนังสือมาก ๆ ไปทำเลวไปอยู่ในคุกในตารางก็มี เพราะมันเรียนแต่หนังสือ ที่นี้มันก็เรียนอาชีพ รู้จักทำมาหากินด้วยวิธีต่าง ๆ กัน ซึ่งมีอยู่มากมาย มันก็มีกินแค่นั้นแหละ บางทีมันก็ยังทำผิดทำชั่ว ดังนั้นต้องเรียนอีกเรื่อง เรื่องที่สาม คือเรียนให้รู้ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไร เป็นมนุษย์ให้ดีที่สุดนั้นเป็นอย่างไร เด็ก ๆ ช่วยจำกันไว้ ว่าเราจะต้องเป็นมนุษย์ให้ดีที่สุด นับตั้งแต่ว่าเราจะเป็นบุตรที่ดีของบิดาร มารดา
เด็กทุกคนตั้งใจจำไว้ให้ดีว่า หนึ่ง เราจะเป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา สอง เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ข้อที่สาม เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนของเรา ข้อที่สี่ เราจะเป็นพลเมืองที่ดีของบ้านเมือง ของประเทศชาติ แล้วก็ห้า เราจะเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า นี่เป็นคนดีห้าประการนี้ บางคนได้ยิน ได้เคย เคยได้ฟัง เคยได้ยินมาแล้ว เพราะว่าเราก็พูดกันอยู่บ่อย ๆ ในการที่จะเป็นคนดีให้ครบห้าประการนี้ แต่บางคนก็ยังไม่เคยได้ยิน คงจะมี บางคนยังไม่เคยได้ยินว่าเราจะต้องดีให้ครบห้าประการนี้ เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี นึกดูสิ ใครเคยได้ยินแล้ว ได้ยินกี่ครั้งแล้ว ใครไม่เคยได้ยิน เพิ่งได้ยินคราวนี้ ก็ตั้งใจจำไว้ให้ดี เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา สรุปความว่า เกิดมาสำหรับ ทำให้พ่อแม่เป็นสุข สบายใจ เราเกิดมาเพื่อทำให้ พ่อแม่สบายใจเสียแล้วกัน ตลอดไป บุตร ลูก คือผู้ที่เกิดมา สำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ ถ้าใครทำให้พ่อแม่ร้อนใจ คนนั้นเสียทีที่เกิดมา จึงหวังว่าทุกคนจะไประมัดระวังให้ดี อย่าให้พ่อแม่ต้องร้อนใจเพราะเรา ความเหลวไหลของเราทำให้พ่อแม่เดือดร้อน ร้อนใจ เราไม่ทำตามหน้าที่ของบุตรที่ดี พ่อแม่ก็ร้อนใจ ไอ้ลูกมันก็ได้บาป มันเป็นลูกบาปเว้ย นี่เด็ก ๆ ฟังไว้ให้ดี มันเป็นลูกบาป ถ้ามันทำให้พ่อแม่ร้อนใจ ถ้ามันทำให้พ่อแม่สบายใจ มันก็เป็นลูกบุญ ลูกที่ดี ลูกบุญ ลูกที่ชั่วมันลูกบาป เราเป็นลูกบาป ทำให้พ่อแม่ร้อนใจ เราเป็นลูกบุญ ทำให้พ่อแม่สบายใจ นี่เอาไประมัดระวัง อย่าให้เป็นลูกบาป ลูกของบาป เกิดมาทำให้พ่อแม่ร้อนใจ ไม่มีใครปรารถนา เกิดมาต้องเป็นลูกบุญ ลูกของบุญ ลูกของความดี ทำให้พ่อแม่ยินดีปรีดาว่าได้ลูกมา สำหรับเป็นสุขใจ เมื่อพ่อแม่ยังไม่มีลูก ก็อยากจะมีลูก โดยหวังว่าลูกจะเป็นเครื่องทำให้สบายใจนั่นเลย นั่นต้องทำให้สมความปรารถนานั้น คือบุตรที่ดีของบิดามารดา เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ วันนี้ปีใหม่แล้วก็วันเด็กด้วย ก็ต้องคิดถึงข้อนี้
ทีนี้ข้อที่สอง เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์มีหน้าที่ทำให้เด็ก ๆ เลื่อนสูงขึ้นไป ในทางวิชาความรู้ ในทางจิตใจ เป็นหน้าที่ของบุคคลประเภทที่เรียกว่าครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ที่แท้ต้องมีวิชาความรู้ มีความรัก มีความเมตตาปรานี สำหรับจะทำให้เด็ก ๆ ดี ฉะนั้นเราต้องรู้ข้อนี้ แล้วก็ร่วมมือกับครูบาอาจารย์เพื่อเราจะได้เป็นเด็กดี โดยมีบิดา มีครูบาอาจารย์เป็นผู้ช่วยให้เลื่อนชั้นขึ้นมา ถ้าเราไม่รับ ถ้าเราไม่ร่วมมือ ครูบาอาจารย์คนไหนก็ทำไม่ได้หรอก ที่จะทำให้เด็กมันดีขึ้น ขอให้เด็ก ๆ รู้ความข้อนี้ แล้วร่วมมือกับครูบาอาจารย์ เพื่อจะได้เลื่อนชั้นของตัวเอง ทีนี้ก็เพื่อน เราจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เพราะว่าเราอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ หรือแม้แต่ต้นไม้ มันก็ไม่อาจจะอยู่คนเดียวได้ ตัวเดียวได้ ต้นเดียวได้ นี่มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ดังนั้นเราจึงต้องมีเพื่อน เพื่อจะอยู่กันเป็นผาสุก ไม่ใช่จะอยู่กันอย่างที่เกิดเรื่อง ทะเลาะวิวาทกัน แล้วก็เป็นทุกข์ เด็ก ๆ ทุกคนจะต้องตนให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน การทะเลาะวิวาทกันนั้นมันเป็นการทำลายกันเอง มันก็จะต้องวินาศไปด้วยกัน ดังนั้นเธอจงดูในข้อนี้ เราช่วยกันสร้างโลกดีกว่า อย่าเป็นคนเลว แม้แต่คนเดียว เป็นคนเลวมันไม่สร้างโลก เป็นคนดีมันสร้างโลก ฉะนั้นเรามาช่วยกันเป็นคนดีทุกคน แล้วไปช่วยกันสร้างโลกนี้ให้มันดี เราเป็นเพื่อนกันเพื่อจะสร้างโลกให้ดี แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันเพื่อจะอยู่ในโลกที่มันดี แล้วเราก็จะเป็นเพื่อนที่มีความสุข อยู่ด้วยกันในโลก ทีนี้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็เรียกว่าเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ การที่อยู่กันมาก ๆ นั้นไม่อาจจะอยู่ลำพังคนเดียวได้ ต้องรวมกันเป็นประเทศชาติจึงจะสร้างความเจริญได้ง่าย ถ้าเราอยู่กันอย่างคนเดียว ๆ มันไม่อาจจะสร้างความเจริญได้ ไม่ว่าชาติไหน ประเทศไหน ก็ต้องอยู่กันอย่างมีระเบียบ เป็นหมู่ เป็นคณะ รวมกันเป็นประเทศชาติ แล้วมันง่ายที่จะอยู่ และที่จะสร้างความเจริญ ฉะนั้นเรารวมกันให้เป็นประเทศชาติ ที่ดี ที่มีอะไรที่ดี ความเจริญมันก็มีได้โดยง่าย เราเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ไม่ใช่ว่าอยู่กันอย่างมีเรามีเขา เดี๋ยวนี้พลเมือง บางทีมันก็ไม่รู้ คิดว่ารัฐบาลเป็นคนอื่น อีกฝ่ายหนึ่ง เราเป็นเราอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วเราก็ต่อต้านรัฐบาล อย่างนี้ก็มี ทีนี้ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลนั้นคือใคร รัฐบาลคือผู้จัดการของเรา ที่จะทำให้ประเทศชาตินี้มันดี มันเจริญได้โดยสะดวก ไม่ใช่ของใครอื่น มันคือของพวกเรา ที่จัดขึ้นให้คนที่ฉลาด คนที่สามารถ เขาจัดบ้านเมืองให้มันดีนี่เรียกว่ารัฐบาล ไม่ใช่คนอื่นมันคือผู้ทำงานให้เรา ดังนั้นเราก็ต้องเป็นหน่วยของพลเมือง ที่จะร่วมมือกันทำให้ประเทศชาติมันดี
ทีนี้ข้อสุดท้าย ที่เราเป็นสาวกที่ดี ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือบุคคลผู้รู้สิ่งสูงสุดว่ามนุษย์จะมีความสุขได้อย่างไร ในบรรดาวิชาความรู้ในโลกนี้ไม่มีความรู้อะไรจะสูงสุดไปกว่าความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่รู้ว่าเราจะต้องทำอย่างไร ทางกายจะต้องทำอย่างไร ทางวาจาจะต้องทำอย่างไร ทางจิตจะต้องทำอย่างไร เราจึงจะอยู่กันเป็นสุข วิชาอย่างอื่นนั้นมันไม่สูงถึงเท่านี้ มีเงิน มีของ มีบ้าน มีเรือน มีอะไร ก็ยังไม่สูง เท่ากับว่าทำอย่างไรจิตใจของเราจึงจะเป็นสุข ดังนั้นเราจึงต้องรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็เป็นมนุษย์ที่มีความสุขถึงที่สุด ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้น เอ้า,ขอให้เด็กทุกคนรู้จักพระพุทธเจ้าว่าเป็นบุคคลสูงสุด ในวิชาความรู้ แล้วเมตตาปรานีแก่สัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวงถึงที่สุด คือสอนให้ แล้วเราก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด ถึงที่สุด ของการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ นี่เรียกว่าเราเป็นสาวกที่ดี ของพระพุทธเจ้า ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกันในข้อนี้ แล้วก็เราแสดงตัวออกมา ว่าจะเป็นผู้รับปฏิบัติตามนี้ เอ้า,ขอให้เด็กทุกคนปฏิญาณตน ปฏิญาณตน ว่ากันดัง ๆ พร้อม ๆ กัน โดยที่เราจะนำ เด็กทุกคนเตรียมตัวที่จะปฏิญาณออกมาดัง ๆ ตามที่เราจะเป็นผู้นำ ให้เธอว่าตาม ข้าพเจ้า ยังไม่ดัง ว่าดังกว่านี้ ข้าพเจ้า เป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ที่ดี ของครูบาอาจารย์ ข้าพเจ้า เป็นเพื่อน ที่ดีของเพื่อน ข้าพเจ้า เป็นพลเมือง ที่ดีของประเทศชาติ ข้าพเจ้าเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ช่วยจำกันไว้ทุกคัน ช่วยจำกันไว้ทุกคน
เดี๋ยวนี้เรานั่งอยู่กลางดิน โคนต้นไม้ เหมือนกับพระพุทธเจ้า ประสูติกลางดิน โคนต้นไม้ พระพุทธเจ้าตรัสรู้กลางดินโคนต้นไม้ พระพุทธเจ้าอยู่โดยมากกลางดินโคนต้นไม้ สอนกลางดินโคนต้นไม้ ในที่สุด พระพุทธเจ้านิพพานกลางดินโคนต้นไม้นะ ถ้ายังไม่รู้ รู้เสียนะ ว่าต้นไม้กับกลางดิน กลางดินโคนต้นไม้ มันมีความสำคัญแก่พระพุทธเจ้าอย่างไร ถ้ามีความสำคัญแก่พระพุทธเจ้าอย่างไร ก็มีความสำคัญแก่เราอย่างนั้นเหมือนกัน พระพุทธเจ้าพระสูติ กลางดินที่โคนต้นไม้ ต้นไม้ต้นนั้นเขาเรียกว่าต้นสาละ มีปลูกไว้หน้าตึกนั่น ต้นสาละ ไปดูให้รู้จักเสีย ต้นสาละ ที่โคนต้นสาละ ที่กลางดิน พระพุทธเจ้าได้ประสูติจากครรภ์มารดา และต่อมาท่านได้ตรัสรู้ นั่งกลางดิน โคนต้นโพธิ์ ทุกวัด เกือบจะทุกวัดมีต้นโพธิ์ ต้นไม้นั้นเป็นที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อนั่งอยู่กลางดินโคนต้นโพธิ์ ในที่สุดพระพุทธเจ้า นิพพานโคนต้นสาละอีกครั้งหนึ่ง ต้นสาละนี่ มีถึงสองคราว แล้วก็นิพพาน นี่มานั่งกลางดินอย่างนี้ ใต้โคนต้นไม้อย่างนี้ เป็นเครื่องระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า กันลืมพระพุทธเจ้า แล้วก็เอาอย่างพระพุทธเจ้า ในความหมายที่ว่า เราจะไม่ต้องใช้จ่ายอะไรให้มันมากมาย เมื่ออยู่กลางดินแท้ ๆ ก็ตรัสรู้ก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ ฉะนั้นเราจะไม่ไปบ้าไปหลง เรื่องสวยเรื่องงาม เรื่องสนุกสนาน เรื่องเอร็ดอร่อย อะไรที่มันทำให้หมดเปลือง ทำให้จิตใจมีกิเลส ในที่สุดก็ไปทำความชั่ว ไปทำไอ้สิ่งที่มันเปลือง มันต้องใช้เงิน ไอ้ความดีนี่ ไม่ต้องใช้เงินมากมายอะไรนัก ก็นั่งกลางดิน ก็ยังเป็นพระพุทธเจ้าได้ นี่จำไว้ว่า นั่งกลางดิน ก็ยังเป็นพระพุทธเจ้าได้ ไม่ต้องใช้เงินมากเหมือนกับคนสมัยนี้ ถึงใช้เงินมากบางทีต้องไปเรียนเมืองนอก ซึ่งใช้เงินมาก กลับมาก็ไม่เห็นทำอะไรได้ บางทีก็โกงเก่งก็มี คนไปเรียนเมืองนอก ใช้เงินมากแต่กลับมาโกงเก่งก็มี มันยังรับประกันไม่ได้ ดังนั้นนั่งกลางดินแบบพระพุทธเจ้า ประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน นิพพานกลางดิน ไม่มีอะไรที่ว่าด่างพร้อยเลย ดังนั้นขอให้เราเมื่อนั่งอยู่ตรงนี้ อย่างนี้ นึกถึงพระพุทธเจ้าให้มาก ๆ แล้วให้เราได้เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า คือประพฤติตามคำสั่งสอนของท่าน ที่ว่าได้สั่งสอนไว้อย่างไร
ถ้าจะพูดก็เหมือนกับที่เราได้พูดไปแล้วว่า ให้เป็นบุตร ที่ดีของบิดามารดา ให้เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ให้เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า เธอจะต้องฉลาด สมกับที่ว่าเรา เป็นผู้สร้างโลก เด็กทุกคนเป็นผู้สร้างโลก เพราะว่าโลกนี้มันจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ เด็กที่อยู่ในโลกมันจะโตขึ้นมาอย่างไร มีครูบาอาจารย์โง่ ๆ พาเด็กมาแล้ว ก็ยังไม่มานั่งฟังให้ดี ๆ ไม่รู้ว่าเด็กเป็นผู้สร้างโลก ครูบาอาจารย์โง่ ๆ ดึงเด็กไปเดินเป็นแถว ไม่รู้ไปทำอะไร มันมาทำไมให้เสียเงิน มาที่วัดนี้ทำไมให้เสียค่ารถ ไม่คุ้มค่ากัน นี่ครูมันโง่ เมื่อครูมันโง่ แล้วเด็กมันจะฉลาดได้อย่างไร ขอให้คิดดูเถิด มันไม่รู้หน้าที่ว่าวันนี้จะต้องทำอะไร นี่ครูกินเหล้าทั้งนั้นแหละ ถึงได้โง่ขนาดนี้ จึงไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องช่วยให้เด็กทำอะไร จะช่วยให้เด็กเป็นอะไร จะช่วยเด็กสร้างโลกได้อย่างไร นี่ขอพูดตรง ๆ อย่างนี้ ไม่เกรงใจใคร ใครอยากโกรธก็โกรธ โกรธแล้วก็ไม่ต้องมาอีกต่อไป อย่ามาวัดนี้อีกต่อไป ถ้ามันโกรธ เมื่อเราพูดจริง ๆ นี่ขอประกาศอย่างนี้ ว่าถ้าโกรธแล้ว ก็ไม่ต้องมาอีกต่อไป เพราะเดี๋ยวนี้ เราจะมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ของเราสามารถ เป็นผู้สร้างโลกในอนาคต ถ้าเด็กมองไม่เห็นข้อที่ว่าเด็กเป็นผู้สร้างโลก ก็พอจะให้อภัยเพราะมันยังเล็กอยู่ แต่ถ้าครูเองยังมองไม่เห็น ก็ไม่ต้องให้อภัย ปล่อยให้เป็นครูโง่ดักดานตลอดไป ที่มองไม่เห็นว่าเด็กนี้มันเป็นผู้สร้างโลก
ถ้าว่าจะมองกันแคบ ๆ เด็กนี้มันก็สร้างบ้านนี้ เด็กเมืองปากด่านนี่ มันก็จะสร้างเมืองปากด่าน เด็กเมืองไชยา มันก็จะสร้างเมืองไชยา เด็กเมืองสุราษฎร์ มันก็จะสร้างเมืองสุราษฎร์ เด็กไทยก็สร้างประเทศไทย เด็กทั้งโลกมันก็สร้างโลก ฉะนั้นการที่พามา ก็ต้องหมายความว่ามาทำความเข้าใจกันในเรื่องของเด็ก ในวันเด็กให้สำเร็จประโยชน์ ถ้าไม่อย่างนั้น มันไม่คุ้มค่ารถ ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย ที่พามา ผู้นำ นำในลักษณะอย่างนี้ ยมบาลจะเขกกบาลเรื่อยไป น่าจะเป็นครู เป็นผู้นำ พาเด็กมา ไม่คุ้มค่าเงิน ค่าใช้จ่าย ให้ยมบาล มันเขกกบาล ที่มันไม่ใช้เงินให้เป็นประโยชน์ คุ้มค่า มันไม่ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ให้คุ้มค่า ดังนั้นขอบอกกับครูบาอาจารย์ทั้งหลายว่า คุณจะต้องรับผิดชอบ ในการที่เด็กมันเสียเวลาไป ในการที่เด็กมันเสียสตางค์ค่ารถ ค่าพาหนะไป คุณต้องจัดให้มันได้รับผลคุ้มค่า มิฉะนั้นก็เตรียมตัว สำหรับให้ยมบาลเขกกบาลตลอดไป หมายความอย่างไร หมายความว่า ไม่ทันตาย ไม่ทันตายเข้าโลงหรอก คุณจะต้องเดือดร้อน จะต้องรับผิดชอบ จะต้องร้อนอกร้อนใจ เป็นห่วงวิตกกังวลในการที่เด็ก ๆ ที่เป็นลูกศิษย์นั้น มันไม่ได้รับประโยชน์ อะไรคุ้มค่ากัน ถ้าครูรับผิดชอบ ครูนั้นแหละจะร้อนใจในข้อที่ทำให้เด็ก ๆ เขาดีขึ้นมาไม่ได้ ทรมานใจของตัวเอง
อย่างนี้ถ้าพูดเป็นอุปมาอุปไมยหน่อย ก็ว่ายมบาลก็เขกกบาลอยู่ทั้งเช้าทั้งเย็น แก่บุคคลที่ทำอะไรไม่คุ้มค่าของเวลา ไม่คุ้มค่าของความเป็นมนุษย์ ช่วยจำกันไว้เป็นหลักทั่วไปว่า เมื่อทำอะไรไม่ถูกต้อง มันก็ทรมานจิตใจ ของบุคคลนั้นอยู่ตลอดเวลา และบางทีก็ลงโทษให้เสียหายร้ายกาจด้วย ช่วงเวลาที่ว่าเรารู้สึกกระวนกระวายใจ ไม่พอใจใน การกระทำของตัวเอง รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไร ให้มันได้ผลตามที่ควรจะกระทำ ที่กระทำ แล้วมันก็ต้องรำคาญใจอยู่ตลอดเวลา รำคาญใจอยู่ตลอดเวลานี่ อาตมาพูดอย่างอุปมาว่า ยมบาลเขาเขกกบาลอยู่ตลอดเวลา เป็นคนตรวจสอบการกระทำของมนุษย์ ทำดีทำชั่ว ทำมากทำน้อย ทำผิดอย่างไร ถ้าที่นี่ มันก็ถูกยมบาลเขกกบาลอยู่ตลอดเวลาแล้ว ตายไปไม่ต้องสงสัยหรอก ตายไปไม่ต้องสงสัย มันไปพบกันข้างหน้า ไปพบกันในเมืองนรก แล้วมันก็จะต้องถูกยมบาลเขาเล่นงานอยู่อีกเหมือนกัน นี่อาตมาไม่ได้พูดเข้าข้างตัว ไม่ว่าพระ เณร ก็เหมือนกัน ถ้าทำอะไรไม่คุ้มค่าเวลา ไม่คุ้มค่าลงทุนของทายก ทายิกา นั่นยมบาลเขาก็จะเล่นงาน หรือเขกกบาลก็แล้วแต่จะเรียก ตลอดเวลาเหมือนกัน ไม่เฉพาะฆราวาส ต่อให้เป็นพระเป็นเณร ถ้าทำอะไรไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มค่าเงิน ไม่คุ้มค่าเวลา ก็ต้องเรียกว่า จะถูกลงโทษอย่างเดียวกัน ฉะนั้นขอให้ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้นำทางวิญญาณ ของลูกเด็กเหล่านี้ ช่วยเหลือให้ลูกเด็กเหล่านี้ เขาได้เดินถูกทาง ไม่ต้องมีอาการที่เรียกว่า ยมบาลเขกกบาล คือลงโทษอยู่ตลอดเวลา ครูทั้งหลายก็จะเป็นผู้บำเพ็ญบุญ บำเพ็ญกุศลสูงสุดในฐานะเป็นปูชนียบุคคลของโลก ดังนั้นการที่เด็ก ๆ เขาจะสร้างโลกได้นี่ มันก็ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์เหมือนกัน เพราะว่าครูบาอาจารย์มันเป็นผู้สร้างเด็ก ๆ อีกทีหนึ่ง จึงพูดได้เต็มปากว่า ครูบาอาจารย์ก็เป็นผู้สร้างโลกโดยผ่านทางเด็ก ๆ เด็ก ๆ เป็นตัวการตัวงานกระทำ แต่ว่าวิชาความรู้มันได้ไปจากครูบาอาจารย์ ฉะนั้นครูบาอาจารย์คือผู้สร้างโลก โดยผ่านทางเด็ก ๆ เด็ก ๆ ของเรา ลูกศิษย์ของเรา ที่มันโตขึ้นมาในโลกอย่างไร มันก็จะสร้างโลกกันอย่างนั้น แล้วมันจะเอาสติปัญญาไหน มันก็เอาไปจากเรา ดังนั้นขอให้เรานึกถึงข้อนี้ และก็รับผิดชอบในข้อนี้ ถ้ามีเวลาก็จะพูดกันใหม่ เฉพาะกับครูบาอาจารย์ เดี๋ยวนี้กำลังพูดกับลูกเด็ก ๆ มันไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องหน้าที่ครูบาอาจารย์ มันจึงพูดได้เฉพาะที่มันเกี่ยวข้องกัน คือให้ลูกเด็ก ๆ เหล่านี้ทุกคน ให้ลูกเด็ก ๆ เหล่านี้ทุกคนเชื่อฟังครูบาอาจารย์ เป็นการร่วมมือกัน กับครูบาอาจารย์ในการที่จะสร้างโลกของมนุษย์นี้ให้เป็นโลกของมนุษย์ที่แท้จริง คือมีความสุข มีความสงบ สมกับที่ว่าเป็นโลกของมนุษย์ แล้วก็จะไม่เสียที ที่เรามาประกอบพิธีในวันเด็ก หรือวันปีใหม่ คือไม่หลับตาทำไปอย่างงมงาย ไม่รู้ว่าทำทำไม ต้องลืมตากระทำ รู้ว่ากระทำทำไม ทำอย่างไร ทำเท่าไร ทำเมื่อไร ให้มันถูกต้อง ให้มันดีที่สุดนั่นเอง
อาตมาก็รับผิดชอบ ในหน้าที่ของตน เท่าที่จะทำได้ เท่าที่จะทำได้ ก็ทำหมด ทำไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย คือทำหมด ทำหมดกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา โดยเฉพาะวันนี้ ก็คือทำให้ลูกเด็ก เขาลืมหูลืมตาว่าเราเป็นเด็กกันทำไม เป็นอะไรกันอย่างไร นี่ขอให้ลูกเด็ก ๆ ทั้งหลาย ทุกคนนะฟังให้ดี ว่าฉันพูดกับเธอในวันนี้ ไม่ใช่พูดเล่น ไม่ใช่พูดเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ให้เสียเวลา แต่พูดเพื่อว่าเธอจะได้โตขึ้นเป็นเด็กที่ดี เป็นคนที่ดี เป็นมนุษย์ที่ดี เธอทุกคนจงฟังเดี๋ยวนี้ว่าเรามาพูดกัน ไม่ใช่เรื่องอะไรอื่น นอกจากเรื่องว่า ให้เธอโตขึ้น เป็นเด็กที่ดี จะมีผลดี ถ้าเปรียบกับการค้าขาย ก็จะได้มีกำไรมาก คือชีวิตของคนแต่ละคนมันก็เหมือน ๆ กันแหละ เกิดมามันก็เหมือนกันแหละ แต่บางคนมันทำได้ดี มีค่า มีประโยชน์มาก แต่บางคนมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น บางคนมันทำไม่ดี มันต้องถูกนำไปเก็บไว้ ในกลาง ในคุกในเรือนจำ ถูกนำไปเก็บไว้ที่นั่น มันก็ยิ่งน่าเสียใจ แต่หวังว่าถึงอย่างไร เขาก็คงจะมีความรู้เพิ่มขึ้น เมื่อเขาไปอยู่ในนรกปัจจุบัน คือเรือนจำเป็นต้น พอสมควรแล้ว เขาคงจะนึกได้ และต่อไปเขาคงจะไม่ทำอีก แต่พวกเธอที่ยังไม่ได้เข้าไป ยังไม่เคยเข้าไป จงรู้จักระวังรักษาตัว อย่าให้ต้องเข้าไป อย่าให้ต้องตกนรกในปัจจุบัน เราก็มาดู ว่ามันยิ่งน่าละอาย แล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เราอย่าต้องเข้าไป เราอย่าต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ นี่ลูกเด็ก ๆ ทุกคนจำไว้ในใจว่าเราอย่าต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ว่าเราอย่าต้องให้ ตำรวจเขาเก็บ เขาคงจะฟังครู ว่าหลาย ๆ คน หรือเพื่อนของเราด้วยซ้ำไป บางทีถูกตำรวจเขาเก็บเอาไป เราอย่าต้องเป็นอย่างนั้นเลย แล้วเราอย่าต้องเข้าไปอยู่ในคุกในเรือนจำด้วย มันไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรดี
มาทำตนให้อยู่ในความดี ความดีห้าอย่าง ที่ว่าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า แล้วก็เป็นอันรับประกัน รับประกันแน่นอนว่า เราจะไม่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ หรือว่าจะถูกเจ้าหน้าที่เขามาเก็บเอาตัวไป แต่ว่าเพียงเท่านั้นมันยังไม่พอหรอก เราจะต้องทำอะไรดีกว่านั้นอีกมาก จะต้องเป็นคนมีประโยชน์ เป็นมนุษย์ที่ว่าเกิดมาครั้งหนึ่งแล้วก็ได้ทำประโยชน์ไว้ในโลกนี้ ให้โลกนี้ มันเป็นโลกที่มีประโยชน์ งดงามและน่าอยู่ ฉะนั้นเธอทุกคนนะ ลูกเด็ก ๆ ทุกคนนี่ฟังอีกทีว่าเธอจงเตรียมตัวสำหรับจะสร้างโลกให้ดี โลกที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา เราเกิดเมืองไหน เราก็ต้องทำเมืองนั้นให้ดี เราเกิดในประเทศไหน ก็ทำประเทศนั้นให้ดี เกิดในตำบลไหน หมู่บ้านไหน ก็ทำหมู่บ้านนั้นให้ดี ให้อวดหมู่บ้านอื่นได้ นี่อย่างนี้ เตรียมตัวไว้เถิดว่า เราจะต้องทำหมู่บ้านที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเราให้ดี ฉะนั้นเราจะต้องรู้หน้าที่ที่เราจะต้องกระทำ เราทำหน้าที่ เราทำหน้าที่ นั่นคือการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เด็กตัวเล็ก ๆ นี่ เล็ก ๆ มากนี่ จำไว้ด้วยว่าทำหน้าที่ โตขึ้นทำหน้าที่ โตขึ้นแล้วจะทำหน้าที่ การทำหน้าที่คือการปฏิบัติธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ของมนุษย์ เราจะปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์ คือการปฏิบัติธรรมะ ทำนาก็ได้ ทำสวนก็ได้ ทำไร่ก็ได้ ค้าขายก็ได้ อะไรก็ได้ ที่เป็นหน้าที่ที่มนุษย์จะต้องกระทำ แล้วก็ทำเถิด นั่นมันเป็นธรรมะ มันมีความสุขเมื่อได้ทำหน้าที่อย่างมีความสุข เมื่อทำอบายมุข กินเหล้าเมายา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบเพื่อนชั่ว นั้นอย่าต้องทำ อย่าต้องหาความสุขด้วยเหตุนั้น มันไม่ใช่ความสุข ทำหน้าที่ของตนให้เจริญให้มีความสุขใจ มีความสุขอยู่ในการกระทำหน้าที่ แล้วเธอก็สร้างโลกสำเร็จเป็นแน่นอน เราเกิดที่หมู่บ้านไหน หมู่บ้านนั้นจะต้องเจริญ เพระว่าเราทุกคนทำหน้าที่ของมนุษย์ อย่างถูกต้อง เดี๋ยวนี้ยังเล็กอยู่ ยังทำไม่ได้ ก็ทำตามที่ทำได้ ที่เด็ก ๆ จะทำได้ คือเรียนหนังสือ ให้ฉลาด อย่าให้หมู่บ้านที่เราเกิดนั้นเต็มไปด้วยคนโง่
แล้วเด็ก ๆ ทำอะไรได้บ้างก็ทำเถิด แต่ก่อนเขาก็มีให้เด็ก ๆ ทำบุญทำกุศล มาวัด แม้แต่ขนทรายเข้าวัด ช่วยทำวัดให้สะอาดอย่างนี้ เขาก็สอนให้เด็ก ๆ ทำจะได้เป็นนิสัย เป็นนิสัยคือความที่จะทำอะไรได้ดีได้โดยง่าย เธอ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เธออย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งง่วงนอน อย่าเพิ่งง่วงนอน เดี๋ยวฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง เมื่อฉันเป็นเด็ก ๆ เหมือนเธออย่างนี้ฉันทำอะไรบ้าง ฉันก็อยู่วัด เด็กวัดทุกคนจะต้องถากหญ้า มีไม้ง่าม มีเหล็กขวางอยู่ตรงปลาย แล้วก็ดุน ๆ ไป หญ้าก็ขาดไป เด็กจะต้องดุนหญ้า ทำหญ้าทุกวัน เด็กที่นั่งอยู่ที่นี่เคยทำไหม เอาล่ะ ไม่เคยอยู่วัด แต่ช่วยทำให้แม่ให้พ่อไหม เคยช่วยถากหญ้าให้พ่อให้แม่ที่บ้านที่ไร่ไหม เราเป็นเด็ก ๆ เหมือนเธอทำทุกวัน เราอยู่วัดต้องทำทุกวัน เด็ก ๆ ที่ดุนหญ้านี่ จะต้องทุกวันเลยให้เป็นนิสัย นิสัยดุนหญ้า นิสัยรักความสะอาด นิสัยไม่ดูดาย มันก็เกิดขึ้น แล้วเด็ก ๆ ยังจะต้องทำงาน ตักน้ำ ตักน้ำจากบ่อขึ้นไปไว้บนกุฏิ ที่นอกชาน เขามีโอ่งว่างไว้เป็นแถว เด็กต้องช่วยตักใส่ให้เต็ม นี่เด็กจะต้องตักน้ำผลัดเวร เปลี่ยนกัน น้ำมันขาดไม่ได้ แล้วเด็กยังจะต้องทำสวนครัวที่ริมสระ เด็กแต่ละคนมีเขตของตนทำสวนครัว ปลูกอะไรได้ เป็นพริก เป็นมะเขือ เป็นอะไรก็เอาไปถวายพระ เด็กทุกคนมีการทำสวนครัว แบ่งกันเป็นเขต ๆ แล้วก็ทำสำเร็จกันทุกคน เด็กยังจะต้องไปยกปิ่นโต ต้องทำงาน ไม่ใช่เรื่องสนุก ต้องไปยกปิ่นโตมาจากหมู่บ้าน เอาถวายพระ และจะต้องจัดที่พระฉัน เด็กจะต้องเก็บ ต้องขัด ต้องล้าง และที่ทำบุญทำกุศลก็มี เด็ก ๆ พอตอนเย็นต้องไปเก็บดอกไม้ มาเสียบไม้ แล้วก็เอาไปถวายพระ พระก็เอาดอกไม้นี้ ที่เสียบไปเสียบ ๆ นี่ไปบูชาพระ ทำวัตรสวดมนต์ ตอนเช้าตอนกลางคืน ให้เด็กเขาหาให้ เด็กก็มีนิสัยได้บุญ มีนิสัยทำบุญ มีนิสัยที่จะทำดี มีนิสัยที่จะทำบุญ ก็ต้องหาดอกไม้มาเสียบก้านมะพร้าวถวายพระทุกวันเลย บางวันทำมากด้วยถ้าเป็นวันพิเศษ เด็กทำงาน ไม่น้อยกว่าสิบอย่าง เด็กวัดนะ
เดี๋ยวนี้เด็กบ้านไม่เคยอยู่วัดก็ไม่มีนิสัยอย่างนี้ มันคงจะผิดกันกระมัง คนที่เคยทำงานมาก กับคนที่ไม่เคยทำงานอะไร อบรมมาต่างกันมาก มันก็ต้องผิดกัน ฉะนั้นเธอเอาอย่างฉันบ้างก็ได้ อย่างที่เล่าให้ฟังแล้ว เมื่อเด็ก ๆ นี่ก็ช่วยถากหญ้า ให้แม่ให้พ่อ ที่บ้านที่สวนที่ไร่ ที่ไหนก็ตาม แล้วเธอก็ตักน้ำให้พ่อแม่ อย่าให้พ่อแม่ต้องตัก แล้วเธอก็ช่วยพ่อแม่ทำสวนครัว หรือทำของตัวเอง เอามากินมานั่นกันในบ้านในเรือน ทุกอย่างที่เด็กทำได้ก็ทำ ตัวเล็ก ๆ นี่ก็ทำได้ นี่เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ทำได้ เด็กที่ดีที่แท้ ไม่ ไม่ ไม่ทำได้แต่เล่นทรายหรอก เพราะเด็กเล่นฝุ่นเล่นทราย ที่จริงไปทำอย่างอื่นก็ได้ ไม่ต้องเล่นฝุ่นเล่นทราย แล้วเด็ก ๆ ต้องภาวนาไว้ว่า ต้องทำให้พ่อแม่สบายใจเสมอ พ่อแม่ใช้ให้ทำอะไรนี่ก็ทำอย่างเร็วที่สุด ใช้ไปเอาอะไรที่ไหนนะ ไปเอามาเร็วที่สุดจน แม่ นี่ ๆ แกเหาะไปเหรอ จนแม่หรือพ่อถามว่า นี่มึงเหาะไปเหรอ คือใช้ไปเอาของ ไปยืมของ ไปขอของ ไปบ้านไหนก็ตามเหอะ เอามาให้เร็วมาก จนแม่ถามเขาว่า นี่มึงเหาะไปเหรอ นี่เรากลัวว่า ไอ้เด็ก ๆ เหล่านี้มันจะไม่ทำอย่างนั้น มันจะไม่ไปด้วยซ้ำไป ใช้ไปเอาของ ใช้ไปยืมของ ใช้ไปธุระอะไรมันจะไม่ไป มันจะหนี ไม่ทำเพราะมัน ถ้าทำมันก็ทำช้ามาก เด็กคนไหนบ้าง เคยทำเร็วอย่างนี้จน แม่ถามว่า นี่มึงเหาะไปเหรอ เด็กคนไหนเคยทำอย่างนี้บ้าง ยกมือสิ เด็กคนไหนเคยทำอย่างนี้บ้าง เคยรับใช้พ่อแม่เร็วมาก เอามาให้เร็วมาก จนแม่ถามว่า นี่มึงเหาะไปเหรอ เด็กคนไหนเคยทำอย่างนี้ ยกมือสิ เอ้อ, เห็นไหม ไม่มี
นี่เป็นพยานกันไว้สิว่าไม่มี มันไม่มี แต่ฉันยืนยันได้ ไม่โกหกเธอ มี ๆ มากครั้งด้วยที่พ่อแม่เขาใช้ไปขอของ ไปยืมของที่บ้าน เช่นว่าจะไปขอผักมาจิ้มน้ำพริก นี่มันทันแก่เวลา ที่เขายังนั่งกินข้าว ยังไม่ลุก เพราะมันวิ่งไป เพราะมันดีใจว่า เมื่อได้ทำให้พ่อแม่สบายใจ แล้วมันมีความดีใจและมีความสุข นี่ตอบแทนคุณพ่อแม่ ถ้าทำอะไรให้ได้ก็เหยียบ เมื่อนวดไม่เป็น มือเล็ก มันนวดไม่เป็นก็เหยียบ เอาส้นเหยียบ ให้แม่เขาสบาย และก็มักจะได้ประโยชน์ คือว่าเขาเล่านิทานให้ฟัง ฉันได้ฟังนิทานเป็นสิบ ๆ เรื่องทีเดียว ที่พ่อแม่เขาเล่าให้ฟังโดยเฉพาะเมื่อเราเหยียบ เหยียบให้เขาสบาย ใครเคยทำบ้าง ยกมือสิ ใครเคยทำบ้าง เอ้อ,ค่อยดีหน่อย อันนี้มีหลายคนหน่อย เคยทำ ดีมาก ขอให้พร เธอได้ทำดี ขออนุโมทนา ที่เธอได้ทำดี เหยียบให้พ่อแม่หายเมื่อย แล้วพร้อมกันนั้น แม่เขาก็เล่านิทานให้ฟัง นิทานก็มี ไม่ใช่นิทานก็มี แต่เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ดังนั้นใครไม่เคยทำไปทำเสีย เด็กคนไหนไม่เคยทำ ไปทำเสีย ทดแทนพระคุณพ่อแม่ ได้บุญ พ่อแม่เขาเรียกว่าพระอรหันต์ในบ้านเรือน พระอรหันต์ประจำบ้านเรือนคือ พ่อแม่ ฉะนั้นเราต้องสนองคุณพ่อแม่ สนองคุณพระอรหันต์ในบ้านเรือนทุกอย่าง แล้วก็ระวังอย่า ทำให้พระอรหันต์โกรธนะ อย่าให้พระอรหันต์ผิดใจนะ อย่าให้พ่อแม่ผิดใจนะ บาปนะ ถ้าทำให้พ่อแม่ขัดใจต้องขอโทษนะ แม่ก็เหมือนกัน พ่อแม่ที่ดี จะต้องช่วยหน่อยในข้อนี้ ถ้าเห็นเขาทำไม่ดีก็จะต้องพูดให้เขารู้ว่าทำไม่ดี และให้เขาขอโทษ เช่นเดินสะดุดพ่อแม่ อย่างนี้ก็ทำไม่ดีแล้ว จะต้องขอโทษ หรือเผลอพูดคำหยาบไป ก็ต้องขอโทษ ดื้อ ใช้อะไรไม่ทำ ก็ต้องขอโทษ พอค่ำลง พอค่ำลง พอค่ำลง ก่อนที่จะนอน ก็นึกว่าวันนี้ เราไปทำอะไรผิด ต่อพ่อต่อแม่จะต้องขอโทษ ก็จัดให้ขอโทษ พอขอโทษพ่อแม่ เขาต้องขอโทษต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นะ เพราะเด็กทำผิดต่อพ่อแม่ คือทำผิดต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เด็กที่พอจะเข้าใจได้ ช่วยฟังหน่อยว่า ที่เราทำผิดต่อพ่อแม่นั้น เราทำผิดต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ เพราะว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต้องการไม่ให้เราทำอย่างนั้น แล้วเราไปทำอย่างนั้น เราก็ดูถูก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่าไปทำผิดต่อพ่อแม่ ดังนั้นพ่อแม่เขาก็จะจัดให้รับการขอโทษ ให้อภัยโทษ กราบ เราทำผิดล่วงเกินพ่อแม่เรา เราก็กราบ ๆ ๆ ขอโทษ ๆ ใครเคยทำบ้าง ยกมือสิ ใครเคยทำผิดแล้วกราบขอโทษพ่อแม่บ้าง ยกมือสิ ไม่มี เห็นไหม เพราะว่าเธอไม่ได้รับการแนะนำสั่งสอนเดียวแบบที่เราเคยได้รับ และเขาเคยทำกันมาแต่ก่อน ดังนั้นต่อไปนี้ ไม่ต้องอายแล้ว ถ้าทำอะไรผิด ไม่น่าดูต่อพ่อแม่ แล้วพอถึงเวลาค่ำลงก็ไปขอโทษ กราบขอโทษ แล้วแม่เขาก็ยกโทษ แล้วเราก็เป็นคนดี ไม่มีโทษ ไม่มีบาปติดอยู่ ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น ไอ้โทษไม่ดีมันติดอยู่ แล้วมันจะมากขึ้น ๆ เหมือนกับดินพอกหางหมู แต่โบราณเขาพูดอย่างนั้น ดินเหนียว ดินโคลนนี่มันไปพอกหางหมู จนโตเท่าลูกมะพร้าว จนหมูตัวนั้นเดินไม่ค่อยไหว ดินพอกหางหมู อย่าดูถูกว่ามันนิดเดียว เล็กน้อย เรื่องนี้เล็กน้อย ไม่ต้อง ไม่อะไร ไม่ ไม่เป็นอะไร อย่าดูถูกอย่างนั้น ถ้าขึ้นชื่อว่าไม่ดีแล้วก็ ไม่เล็กล่ะ ถ้าเป็นความไม่ดี เป็นความชั่วแล้วไม่ใช่ของเล็ก อุจจาระหรือเรียกว่าขี้ อุจจาระหรือขี้ นิดเดียวก็เหม็น นิดเดียวก็เหม็นใช่ไหม บางทีนิดจนมองไม่เห็นว่าอยู่ที่ไหนก็เหม็น ทำเล่นกับความชั่ว ไม่ใช่ของเล็ก ถ้าเราไปทำกันแล้ว ก็ต้องรีบล้าง ต้องรีบเปลี่ยน ต้องรีบแก้ไข พูดหยาบกับพ่อ กับแม่ กับพี่กับน้อง กับใครก็ตาม ต้องขอโทษ หรือว่าทำหยาบ กิริยาหยาบ ต้องขอโทษ นี่เราก็จะเป็นเด็กที่ดี ของบิดามารดา ของครูบาอาจารย์ ของเพื่อน ของประเทศชาติ ของพระพุทธเจ้า เอ้า,เดี๋ยวกลัวเธอจะลืม ว่ากันอีกที เตรียมตัว ว่ากันอีกที กลัวพวกเธอ จะลืม ข้าพเจ้า เป็นบุตรที่ดี ของบิดามารดา ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ ที่ดีของครูบาอาจารย์ ข้าพเจ้า เป็นเพื่อน ที่ดีของเพื่อน ข้าพเจ้าเป็นพลเมือง ที่ดีของประเทศชาติ ข้าพเจ้าเป็นสาวก ที่ดีของพระพุทธเจ้า
เอ้า,ไม่ลืมแน่นะ นี่ถ้าเกิดทำผิด ทำอะไรขึ้นมาแล้วต้องขอโทษ ต้องล้างบาป ทำบาปแล้ว นึกได้แล้วต้องล้างบาป อย่าเก็บไว้ มันจะกลายเป็นคนบาป ทีละน้อย ๆ มันก็มากได้ เราจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ต่อแต่นี้ไปอย่าให้บิดามารดาต้องร้อนใจ ต้องโกรธ ขัดใจเกี่ยวกับเรา ต่อแต่นี้ไป เราอย่าให้คุณครูของเราต้องลำบากยากใจเกี่ยวกับเรา ต่อแต่นี้ไป เราคงจะไม่ด่าเพื่อน ไม่ชกเพื่อน เพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ฉะนั้นเราจะไม่ด่าใคร จะไม่ตีใคร เราจะไม่ทำอันตรายใคร โตขึ้นเราจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ตลอดเวลานี้ เราก็จะเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพุทธมามกะ พุทธมามกะ แปลว่าผู้ที่ กล้าพูดยืนยัน ว่าพระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า มามกะ แปลว่าของข้าพเจ้า พุทธมามักกะ แปลว่า ผู้ที่ยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นของข้าพเจ้า เอาล่ะ เป็นอันว่าเราได้พูดกันหนึ่งชั่วโมงเต็ม พวกเธอที่เป็นยุวชน เป็นผู้จะสร้างโลกในอนาคต เธออย่าลืมนะ ฉันบอกวาเธอ เด็ก ๆ ทั้งหลายเป็นผู้สร้างโลก ถ้าเขาว่าไม่จริงก็บอกให้เขามาพูดกับฉันนะ ถ้าคนไหนเขาไม่เห็นด้วยว่าเด็ก ๆ เป็นผู้สร้างโลก เขาเถียง บอกมาพูดกับฉัน เธอบอกให้เขามาพูดกับฉัน ว่าฉันว่า เด็กเป็นผู้สร้างโลก ครูก็เป็นผู้สร้างโลกโดยผ่านทางเด็ก ๆ ขอให้เด็กทุกคนสามารถทำหน้าที่ของตน เป็นผู้สร้างโลกให้ได้ ให้เธอมีความรู้ มีการประพฤติปฏิบัติ มีจิตใจที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ทุก ๆ ปี ทุก ๆ ปี พอถึงวันเด็กทีหนึ่ง เราก็มาคิดบัญชี โอ้,มันดีกว่าปีกลายมาก เอ้า,ขอให้พร ทุกคนจงเตรียมฟังว่าฉันจะให้พร คือให้เธอเป็นผู้บังคับตัวได้ อย่าพ่ายแพ้แก่ ความคิดที่ไม่ดี ให้เธอมีความกล้าหาญ มีความเชื่อแน่วแน่ บังคับตัวให้ได้ ให้อยู่แต่ในการประพฤติดี ให้กล้าหาญในการประพฤติดี ให้เกลียดบาป ให้กล้าบุญ ให้เกลียดบาปและให้กล้าบุญ ให้เกลียดบาป กลัวบาป ให้กล้าบุญ ให้กล้าทำบุญ แล้วให้เธอมีความเจริญในชีวิตของเธอ โดยทางวัตถุก็ดีก็มีความเจริญ โดยร่างกายก็ดีก็มีความเจริญ โดยจิตใจก็ดีก็มีความเจริญ โดยสติปัญญาก็ดีก็มีความเจริญ มีแต่ความเจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วก็มีความสุขอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
เอ้า,ทีนี้ก็ไปดูทั่ว ๆ วัด ดูสิ่งที่ควรจะดู ที่มันมีประโยชน์ ไปดูได้ ไม่ต้อง อะไร คือไม่ต้องเกรงใจ ไปดูได้ ให้ฉลาดกว่าเมื่อมานะ กลับไปนี่ให้ฉลาดกว่าเมื่อมานะ