แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม,
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ.,
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ,
ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา,
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ,
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
ธัมมัง นะมัสสามิ.
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สังฆัง นะมามิ.
หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง
กะโรมะ เส ฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ,
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ,
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอกราบนมัสการพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะภาคที่ ๑๗ ที่คารวะอย่างสูง กระผมในนามของกองทัพภาคที่ ๔ และกองหนุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติภาค ๔ รู้สึกเป็นพระคุณอย่างสูงที่พระเดชพระคุณท่านได้เมตตาสละเวลามาเป็นประธาน เนื่องในการเปิดการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และพระนักพัฒนาในครั้งนี้ ก่อนอื่นกระผมใคร่ขอกราบนมัสการถึงวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายของการประชุม เพื่อกรุณาทราบถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมโดยสังเขป ดังต่อไปนี้ ตามนโยบายของศูนย์ประสานงานทหารกองหนุนแห่งชาติ ศูนย์ปฏิบัติการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ ๔ และกองหนุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติภาค ๔ จัดการเปิดการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และพระนักพัฒนาขึ้นในเขตของกองทัพภาคที่ ๔ โดยได้อาราธนาพระสังฆาธิการจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง มีจำนวนทั้งสิ้น ๒๓๖ รูป เพื่อที่จะให้การประชุมพระสังฆาธิการ ได้มีบทบาทในการส่งเสริมพระศาสนา อันจะยกระดับพัฒนาจิตใจเหล่าสมาชิกทหารกองหนุน โดยได้ใช้หลักศาสนาเป็นเครื่องกล่อมเกลา เป็นการขยายผลการปฏิบัติต่อจากปี ๒๗ ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการการจัดการประชุมพระสังฆาธิการ ให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน และได้มีโอกาสปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการนำกิจกรรมต่างๆ นำไปปฏิบัติตามความเหมาะสมและขีดความสามารถ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพระสงฆ์กับทางราชการและภาคเอกชน ในการสร้างสรรค์ความเจริญและความมั่นคงให้แก่สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ บัดนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ ใคร่ขออาราธนาพระเดชพระคุณ ได้กรุณาให้โอวาสและเปิดการประชุมเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พระสังฆาธิการที่มาประชุมในครั้งนี้ กราบนมัสการ
ขอกราบถวายความเคารพแด่หลวงพ่อพุทธทาส ท่านอาจารย์รองภาค ๑๗ ท่านเจ้าคณะพระสังฆาธิการ พระสงฆ์เถรานุเถระ และขอเจริญพรท่านรองแม่ทัพภาค ๔ พลตรีฉลาด นิยมไทย และท่านผู้มีเกียรติ ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ทางการทหารโดยแม่ทัพภาค ๔ คือท่านพลโทวันชัย จิตจำนงค์ ได้มาอาราธนาพระสงฆ์ในระดับตำบล เจ้าอาวาส และพระนักพัฒนามาประชุมที่สวนโมกข์นี้ ในวันนี้ บัดนี้ได้ทำพิธีเปิดการประชุม ท่านทั้งหลายที่มาร่วมประชุมในวันนี้นั้น ให้ท่านทั้งหลายรู้และก็ท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า โครงการนี้เป็นโครงการกนช. กนช. คืออะไร ก็ท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพหรือเจ้าหน้าที่ทหารเขาก็คงจะได้ถวายให้ท่านทั้งหลายได้ทราบต่อไป สำหรับผมนั้นก็จะพูดนิดหน่อยว่า กนช. ก็คือกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ อันนี้เป็นโครงการเพื่อให้กองหนุนนั้นแสดงถึงความมั่นคงของชาติของเรา ท่านทั้งหลายซึ่งได้รับอาราธนามาร่วมประชุมในครั้งนี้ ก็พึงรู้จักความหมายเอาไว้ก่อน ว่ากนช. นี้หมายถึงกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ เมื่อรู้จักความหมายแล้ว การประชุมก็จะได้สำเร็จผลสมความมุ่งหมาย ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักความหมาย ประชุมก็บางทีเราก็ไม่รู้ว่าประชุมเรื่องอะไร ให้รู้จักความหมายว่ากนช.หมายถึงกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ ในกนช. นี้ ทางราชการทหารแบ่งออกเป็น ๔ สายด้วยกัน แบ่งเป็น ๔ สาย หนึ่ง การทหาร สอง การเมือง สาม การเศรษฐกิจ สี่ การสังคมจิตวิทยา แบ่งออกเป็น ๔ สาย การทหาร การเมือง การเศรษฐกิจ การสังคมจิตวิทยา แต่ท่านทั้งหลายพึง พึงทราบว่า ที่ทางราชการทหารหรือโดยเฉพาะก็คือท่านแม่ทัพภาคที่ ๔ นี้ ไม่ใช่จะมาเกณฑ์ให้ท่านทั้งหลายมาเป็นทหารกองหนุนนะ อย่าไปเข้าใจอย่างนั้นนะ เดี๋ยวจะว่า จะเอาท่านหลายมาเป็นทหารกองหนุน ไม่ใช่ แล้วก็ไม่ใช่จะเกณฑ์ให้ท่านทั้งหลายมาเล่นการบ้านการเมือง ใน ๔ สายนี้ สายการทหาร การเมือง การเศรษฐกิจ การจิตสังคม สังคมจิตวิทยา ทางราชการทหารต้องการให้พระสงฆ์ช่วยส่งเสริมสนับสนุนและให้เป็นกำลังเฉพาะสายที่ ๔ คำว่าสายที่ ๔ นะครับ สายที่๔ ก็คือสายสังคมจิตวิทยา สายการทหาร การเมือง การเศรษฐกิจ นี่ทหารไม่เกี่ยว ไม่เอามาบอกพระ ไม่มาว่าอะไรกับพระเรา ขอให้พระช่วยในสายที่ ๔ คือสายสังคมจิตวิทยา นี่ และท่านทั้งหลายให้รู้ไว้ในเบื้องต้นนี้ ว่ากนช. มีความหมายอย่างนี้ และก็แบ่งออกเป็นสายๆ อย่างนี้ แล้วก็ให้พระเราช่วยในสายที่ ๔ อย่างนี้ ในสายที่ ๔ นั้น คือสายสังคมจิตวิทยา ทางราชการทหารต้องการให้พระเราทำหน้าที่ของพระ ช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมือง การช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมืองนั้นก็ไม่ใช่ช่วยใครที่ไหนอื่น ก็ช่วยศาสนาของเรานี้เอง เพราะชาติกับศาสนานั้นต้องเดินควบคู่กัน ต้องเดินควบคู่กัน เราจะช่วยเหลือเกื้อกูลหรือว่าจะพัฒนาเพียงศาสนานั้นไม่ได้ เราพัฒนาศาสนา แต่ถ้าหากว่าประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ศาสนาก็อยู่ไม่ได้ ศาสนาก็ถึงกาลอวสาน ฉะนั้นเราจะต้องช่วยทั้งชาติ ทั้งศาสนา ให้พระเราเป็นกำลังส่วนหนึ่ง พระเรามีหน้าที่ หนึ่ง ประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยตัวเอง สอง สั่งสอนผู้อื่นให้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ นี่หน้าที่ของพระเรา พระ เบื้องต้นต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยตัวเองก่อน พระต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยตัวเองก่อน เพราะในความเป็นพระนั้น เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่า พระเราเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาปสาทะของประชาชน พระเราเป็นอยู่ได้ด้วยประชาชน ญาติโยมทะนุถนอมบำรุงเลี้ยงบริจาคถวายทุกสิ่งทุกประการ พระเราจึงต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยตัวของเราเองก่อน และเมื่อประพฤติดีปฏิบัติชอบด้วยตัวของเราแล้ว ก็สอน สอนผู้อื่นให้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ นี่แหละอย่างที่ทางราชการทหารมาให้กนช. กับพระ ก็เพื่อให้พระสอน สอนกลุ่ม กลุ่มทหารกองหนุนหรือว่ากลุ่มญาติโยมประชาชน ให้พระเราได้ช่วย ช่วยจัดช่วยสอน พระ เราจะต้องสอน และวิธีสอนนั้นก็มีหลายๆ อย่างหรือเรียกว่าหลายแบบ สอนทั่วไปก็ได้ สอนเฉพาะกรณีก็ได้ สอนเฉพาะบุคคลก็ได้ วิธีสอน สอนทั่วไปก็หมายความว่า ในส่วนรวมเหมือนอย่างว่าวันพระ ญาติโยมไปวัด ไปทำบุญตักบาตร พระก็ขึ้นเทศน์ ขึ้นเทศน์หรือพูดหรือสอน นี่เรียกว่าทั่วไป ทั่วไป ญาติโยมทั่วๆไป ไปวัดไปฟังเทศน์ฟังธรรม นี่เรียกว่าสอนทั่วไป หรือสอนเฉพาะกรณีก็หมายความว่าเฉพาะเรื่อง มีเรื่องมีราวอะไรเกิดขึ้นในกลุ่มไหน หมู่ไหน บ้านไหน เฉพาะเรื่องนั้นๆ เอ้ หมู่บ้านนี้มันไม่ค่อยมีความสงบสุขเลย หมู่บ้านนี้ทำไมกลายเป็นขโมยขโจรไปเสียแล้ว พระก็ไปช่วยสอนเฉพาะเรื่องนั้นๆ เฉพาะเรื่องนั้นๆ ให้สงบสุข ให้ได้ความเรียบร้อยดีงาม พระก็ช่วย นี่เรียกว่าสอนเฉพาะกรณี หรือว่าสอนเฉพาะบุคคล สอนเฉพาะบุคคลก็ได้ เราเรียกมาเฉพาะคน เรารู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ดี ไม่อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ เด็กคนนี้หัดเป็นคนมือไวใจเร็ว หรือว่าเด็กคนนี้หัดเป็นคนสูบฝิ่นกินกัญชา หัดของเสพติด เรารู้ รู้ก็เรียกมา เรียกมาสอน มาพูด มาคุยเฉพาะ เฉพาะตัว เรียกมาเฉพาะตัว เด็กทั้งหลายเหล่านั้นหรือจะเป็นคนโตก็แล้วแต่นะ เด็กทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อได้รับฟังรับสอนเฉพาะตัวก็ย่อมจะสนใจในการที่จะกระทำ ในการที่จะปฏิบัติ เด็กเหล่านั้น บางทีเราไม่มีโอกาสที่จะได้พูด ได้ว่า ได้สอนกันในที่ทั่วไปหรือว่าเฉพาะกรณี เราไม่มีโอกาสอย่างนั้น หรือมีโอกาสพูด โอกาสสอนแต่ว่ามันเป็นการทั่วไป การทั่วไปก็ความสนใจก็อาจจะน้อยหรืออาจจะไม่มี หรืออาจจะไม่ได้ไปฟัง ถ้าเรารู้ว่าเด็กใดเด็กหนึ่งมีความประพฤติปฏิบัติเป็นไปในทางที่ไม่ดีอย่างนั้นๆ เราก็เรียกมาสอนเฉพาะบุคคล อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับเด็กด้วย นี่ท่านทั้งหลาย การสอนน่ะไม่ใช่ว่ามีเฉพาะอย่างนั้นอย่างนี้ ได้หลายอย่างหลายประการ เราก็สามารถที่จะสอนได้ทำได้ ในความมุ่งหมายของราชการทหาร คือกนช.นี้ ก็มุ่งหมายที่จะให้พระสงฆ์ ตอนนี้ก็ระดับตำบล เจ้าอาวาส และพระนักพัฒนา ให้ได้ช่วยประชาชนในกลุ่มนั้นๆ ในที่นั้นๆ หรือว่าทหารกองหนุนในกลุ่มพัฒนาทั้งหลาย ให้ได้ช่วย ความจริงที่ทางหน่วยราชการทหารตั้งโครงการหรือว่าตั้งศูนย์กนช.นี้ ก็หาจะได้พ้นไปจากการที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติอยู่แล้วไม่ ในโครงการของคณะสงฆ์ที่เราท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ โครงการหน่วยอปต. หรือโครงการยกระดับประชาชน โครงการกุศลสมาทาน นี่แหละครับ ท่านทั้งหลายที่ทำอยู่ในโครงการทั้งหลายเหล่านี้ ก็เสมือนหนึ่งว่าช่วยกนช. ครับ เสมือนหนึ่งว่าช่วยกนช. เพราะไปด้วยกันได้ เป็นการช่วยเหลือประชาชนญาติโยมของเราทั้งหลาย หน่วยอปต. คือหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล มีหัวข้อแห่งการอบรมถึงแปดหัวข้อด้วยกัน ศีลธรรม วัฒนธรรม สุขภาพอนามัย สัมมาชีพสันติสุข ศึกษาสงเคราะห์ สาธารณะสงเคราะห์ สามัคคีธรรม กตัญญูกตเวทิตาธรรม ถึงแปดหัวข้อด้วยกัน นี่ในหน่วยอปต.นะ ในโครงการยกระดับประชาชนก็มีถึงห้าหัวข้อ ห้าหัวข้อด้วยกัน หนึ่ง ยกระดับจิตใจ สอง ยกระดับการทำมาหากิน สาม ยกระดับที่อยู่ที่อาศัย สี่ ยกระดับการกิน ห้า ยกระดับการใช้จ่าย มีถึงห้าหัวข้อในโครงการยกระดับประชาชน แล้วในกุศลสมาทานก็มีอีกเหมือนกัน สมาทานอุโบสถศีล สมาทานเบญจศีลหรือศีลห้า สมาทานเว้นอบายมุขสี่ สมาทานมัชวิรัติ สมาทานจิตภาวนา มีห้าข้ออีกเหมือนกัน นี่ในโครงการของคณะสงฆ์เราที่ท่านทั้งหลายทำอยู่แล้ว ก็ชื่อว่าเป็นการส่งเสริมหรือว่าช่วยเหลือโครงการของกนช. นี้เช่นเดียวกัน ขอแต่ว่าให้ท่านทั้งหลายทำก็แล้วกัน เป็นต้นว่าหน่วยอปต. ผมก็ยังดำริอยู่ว่าจะไปเยี่ยม เยี่ยมหน่วยอปต. ในภาค ๑๗ แต่ว่ายังไม่ได้กำหนดว่าจะไปเมื่อใด แต่ดำริว่าจะไปเยี่ยม ตั้งแต่เปิดหน่วยอปต.มาแล้ว เจริญรุ่งเรืองดีอยู่หรือไม่ หรือว่าเปิดวันนั้นก็ตายวันนั้น ไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย ก็อยากจะไปเยี่ยมดู ทักทายปราศรัยดู ว่าตั้งแต่เปิดมาแล้วน่ะเป็นอย่างไรบ้าง หน่วยอปต. นี่ขอให้ท่านทั้งหลายทำเถอะครับ แล้วการทำหน่วยอปต.นั้น ท่านทั้งหลายไม่ต้องวิตกกังวล ถึงวันพระ ญาติโยมมาวัดก็พูดให้โยมฟัง ในแปดหัวข้อนั้นจะพูดหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งก็ใช้ได้ๆ พูดไว้เถอะครับในแปดหัวข้อนั้น หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งก็พูดให้โยมฟัง ให้โยมให้รู้ให้โยมเข้าใจ หรือถ้าญาติโยมไม่มา เราจะไปบ้านโยมก็ได้ ไปโปรดโยมถึงบ้านเลย แต่ว่าไปบ้านนั้นก็ดูนะ ต้องดูโอกาสดูเวลานะ เวลาไหนเวลาอะไร เวลานี้โยมกำลังทำอะไร ดูเวลาที่โยมว่างจากกิจการงาน ไม่ใช่ว่า เอ้อ เวลานี้โยมกำลังรับประทานอาหารกันพระก็ไปด้วย พระก็เข้าไป โยมก็ เป็นการขัดกับความสุขของโยมในการที่จะรับประทานอาหาร เราก็ต้องดูเหมือนกัน ดูโอกาส ดูเวลาว่าควรไม่ควร ไปบ้านก็ได้ครับ โยมไม่มาเราเดินเข้าหาบ้าน เยี่ยมโยมบ้านนั้นเยี่ยมโยมบ้านนี้ แต่ก็ดูอย่างว่านะ ถ้าหากว่าสังเกตเห็นว่าเราไปประตูหน้าบ้าน โยมเดินเลี่ยงออกหลังบ้านเราก็อย่าเข้าไปนะ เพราะโยมกลัว คงจะกลัว พระใบฎีกามาอีกแล้ว โยมหนีไปหลังบ้านแล้ว ขึ้นชื่อว่าพระใบฎีกาโยมกลัว เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันมากเหลือเกินเรื่องพระใบฎีกานี่ แต่ไม่ใช่ใบฎีกาถานาของท่านทั้งหลายนะ พระใบฎีกาในย่าม ในย่ามของท่านน่ะ เห็นพระมาประตูหน้า โยมออกประตูหลัง ถ้าอย่างนี้ก็ต้องงดๆ ไว้ก่อน นี่แหละครับท่านทั้งหลาย หน่วยอปต.ของเรานี้ก็เป็นประโยชน์กับญาติโยมประชาชน แล้วนอกจากหน่วยอปต. โครงการยกระดับประชาชนห้าหัวข้อดังที่ว่าแล้ว นั่นก็ช่วยเหลือญาติโยมของเราครับ ยกระดับจิตใจ สอนญาติโยมของเราถึงการยกระดับจิตใจ ให้มีจิตใจสูง ให้เว้นจากของเสพติด อย่างเป็นต้นว่า ญาติโยมนี้สูบบุหรี่ เอ้อ มันมีประโยชน์อะไรบ้างสูบบุหรี่ สอนให้ญาติโยมรู้ให้ญาติโยมเข้าใจ มีประโยชน์อะไรบ้าง ยกระดับจิตใจญาติโยมให้ทิ้งเสียจากบุหรี่นั้น พวกบุหรี่นั้น บางคนเขาก็พูด พูดเล่นๆ นะครับ พูดเล่นๆ เขาว่ามีประโยชน์ บางคนนะเขาก็ว่ามีประโยชน์ สูบบุหรี่มีประโยชน์ ผมก็ถามว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง เขาก็บอกว่า หนึ่ง ขโมยไม่เข้าบ้าน สอง หมาไม่กัด สาม ผมไม่หงอก เขาว่าอย่างนั้น บางคนนะครับ เขาว่าสูบบุหรี่มีประโยชน์ ขโมยไม่เข้าบ้าน หมาไม่กัด แล้วก็ผมไม่หงอก องค์ที่ผมไม่หงอกนี่ท่าจะสูบบุหรี่ทุกองค์กระมัง ไม่จริงน่ะ ผม ผมเองก็หงอกเหมือนกันแต่ไม่ได้สูบ ที่เขาว่าขโมยไม่เข้าบ้าน ก็ต้องอย่างนี้นะเป็นอย่างนี้ เขาว่าต้องสูบให้ได้วันละ ๓ ซองๆ วันหนึ่งนี่ต้อง ๓ ซองนะ แล้วก็ต้องสูบให้ได้ ๓ เดือน ให้ได้ ๓ เดือน สูบ ๓ เดือน วันละ ๓ ซอง ให้คิดเถอะคูณไปเท่าไหร่ กี่ซอง วันละ ๓ ซองสูบให้ได้ ๓ เดือน เขาว่าขโมยจะไม่เข้าบ้าน ผมก็สงสัย เอ ทำไม ทำไมมันไม่เข้า เขาบอกว่าพวกที่สูบวันละ ๓ ซอง แล้วก็สูบถึง ๓ เดือนพวกนี้จะนอนไม่หลับ ไอทั้งคืน โรคจับแล้ว ไอแคกๆ ทุกคืน ทั้งคืน เขาบอกว่าทีวีวางไว้ประตูบ้าน ขโมยไม่เข้า นึกว่าเจ้าของไม่หลับ อืม นี่เขาว่าอย่างนั้นนะ แต่แท้ที่จริงก็คือเป็นโทษนั่นเอง เป็นโทษนั่นเอง โรคเริ่มจับแล้ว เริ่มจับกับคนเหล่านี้แล้ว สูบวันละ ๓ ซองให้ได้ ๓ เดือน ขโมยไม่เข้าจริงๆ เพราะนึกว่าเจ้าของไม่หลับ แล้วเขาว่าหมาไม่กัด หมาไม่กัดเขาบอกว่าต้องสูบวันละ ๓ ซองเหมือนกัน สูบให้ได้ 6 เดือน ให้ได้ 6 เดือน แล้วก็วันละ ๓ ซอง อันนี้ไปไหนเดินเองไม่ไหวแล้ว ต้องถือไม้เท้าแล้ว แต่ไม่ใช่ไม้เท้าหลวงพ่อนะ หลวงพ่อไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ใช่ไม้เท้าหลวงพ่อ ถือไม้เท้า หมาเห็นไม้เท้าไม่เข้าใกล้แล้ว เพราะคนที่สูบวันละ ๓ ซอง ๖ เดือนนี่จะล้มไม่ล้มแหล่แล้ว หมาไม่เข้าใกล้ หมาไม่กัดแล้ว นี่ มันก็เป็นโทษนั่นแหละ เขาแสดงถึงโทษไม่ใช่คุณอะไร ไม่ใช่คุณ หมาไม่กัด กลัว เห็นไม้ก็กลัวแล้ว ผมไม่หงอก ที่เขาพูดอีกข้อว่าผมไม่หงอก เขาบอกต้องสูบวันละ ๓ ซองเหมือนกัน ให้ได้ ๙ เดือน ให้ได้ ๙ เดือน ถ้าสูบวันละ ๓ ซองได้ ๙ เดือนผมไม่หงอก ถามว่าทำไมไม่หงอกล่ะ บอกมันไม่หงอกหรอกครับท่าน ตายเสียก่อน บอกตายก่อน ตายก่อน ๙ เดือน ผมไม่หงอกหรอก นี่เป็นโทษทั้งนั้น บุหรี่ไม่ได้เป็นคุณเลย ล้วนแต่เป็นโทษโดยส่วนเดียว ฉะนั้นการยกระดับจิตใจประชาชน เราก็สามารถจะแนะประชาชนญาติโยมของเราให้เห็นโทษของการสูบบุหรี่ แล้วก็ให้เว้น ให้เลิก ให้ละ เมื่อได้ก็เรียกว่ายกระดับประชาชนได้ หรือยกระดับการทำมาหากิน ยกระดับที่อยู่ที่อาศัย ยกระดับการกิน ยกระดับการใช้จ่าย นี่ล้วนแต่เป็นคุณกับญาติโยมประชาชนทั้งนั้น ขอแต่ว่าให้พระเราช่วยแนะนำให้ญาติโยมของเราได้รู้ ได้เห็นถึงคุณ โทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ นี่แหละครับโครงการยกระดับประชาชนของคณะสงฆ์เรา ก็ช่วยเหลือประชาชนทั้งหลาย หรือโครงการกุศลสมาทานนี่ก็ช่วยญาติโยมทั้งหลายเช่นเดียวกันครับ ให้สมาทานอุโบสถศีล สมาทานเบญจศีลหรือศีลห้า สมาทานเว้นอบายมุขสี่ สมาทานมัชวิรัติ สมาทานจิตภาวนา ก็ช่วยเหลือญาติโยมประชาชนทั้งนั้น นี้ท่านทั้งหลายซึ่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าคณะตำบล หรือเจ้าอาวาส หรือพระนักพัฒนา ซึ่งทางการทหารโดยท่านแม่ทัพภาค ๔ ได้อาราธนามาประชุมนี้ ก็ช่วยกัน ช่วยกัน แล้วการช่วยกันนี้ก็เป็นการช่วยประเทศชาติ ศาสนา บ้านเมืองของเรานั่นเอง เรา ทั้งพระสงฆ์ ทั้งญาติโยมประชาชนที่จะอยู่เย็นเป็นสุข ก็ต้องประเทศชาติบ้านเมืองของเราร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีเพศภัยอันใดมาเบียดเบียน แล้วประชากร ประชาชน พลเมืองทั้งหลาย ทั้งพระสงฆ์สามเณรก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ฉะนั้นเราต้องช่วยกันรักษา ช่วยกันรักษาประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ในสมัยนี้เขาพูดกันว่าอนุรักษ์ สมัยนี้เขาพูดกันว่าอนุรักษ์ อนุรักษ์โน่น อนุรักษ์นี่ เราก็อนุรักษ์กับเขาก็ได้ เราก็ช่วยกัน ช่วยกันอนุรักษ์ อนุรักษ์บิดามารดา อนุรักษ์ครูบาอาจารย์ อนุรักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา เราก็ต้องช่วยกันอนุรักษ์ เดี๋ยวนี้เขาพูดกันทั้งนั้นนะ เขาพูดอนุรักษ์กัน ผมก็พูดตามเขา บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณ เราทั้งหลายต้องเคารพ ยกย่อง นับถือบูชา บิดามารดาของเราไว้ ช่วยเหลือเกื้อกูล สอนเถอะครับเด็กเล็กนักเรียน สอนให้รู้จักพระคุณของพ่อแม่ ให้รู้จักพระคุณของพ่อแม่ เพราะเด็กๆนั้น ถ้าหากว่าได้เสวนาคบหาสมาคมกับสิ่งใด ส่วนใด ฝ่ายใด ก็ย่อมจะมีจิตใจโน้มเอียง ยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งนั้น ในการยึดถืออันใดนั้น ถ้าหากว่าเด็กได้เสวนาคบหาสมาคมในส่วนใดๆ ก็จะคล้อยตามไปในส่วนนั้นๆ ฉะนั้นเราก็สอนเด็กให้รู้จักพระคุณของบิดามารดา ให้มีความเคารพ มีความรักในบิดามารดา หรือครูบาอาจารย์อุปชาอาจารย์ ก็ต้องให้รู้ถึงพระคุณของท่านทั้งหลายเหล่านั้น สมัยนี้บางทีเขาก็หาว่าครูบาอาจารย์หรืออุปชาอาจารย์นั้น เป็นแต่เพียงผู้รับจ้างทำหน้าที่รับเงินเดือน บางทีเขาก็ว่ากันอย่างนั้น หรืออุปชาอาจารย์ นี่เอ้อ ฉันก็ถวายต้นเทียนไปแล้ว ให้ต้นเทียนไปแล้ว ไม่มีอะไรกันแล้ว บางทีเขาก็ว่าเสียอย่างนั้น ก็ต้องสอน แนะนำ ให้รู้ให้เข้าใจถึงพระคุณของครูบาอาจารย์หรืออุปชาอาจารย์ ประเทศชาติศาสนาเช่นเดียวกัน ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่เราก็ต้องให้ แนะนำญาติโยมประชาชนให้รู้ ให้เข้าใจถึงความสำคัญของประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันนี้ ทั้งสามนี้จะต้องอยู่ควบคู่กัน เราทั้งหลายจึงจะอยู่มั่นคงเจริญอยู่ได้ ถ้าหากว่าเสียไปเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็อยู่ไม่ได้ ประเทศชาติไม่มีเราจะอยู่ได้อย่างไร หรือไม่มีศาสนาเราจะอยู่ได้อย่างไร หรือไม่มีพระมหากษัตริย์เราจะอยู่ได้อย่างไร นี่เราต้องพร้อม ซึ่งที่เราเปรียบไว้ว่าเหมือนขาหยั่งฆ้องชัย ขาหยั่งฆ้องชัยนั้นมีสามขา มีสามขา ตั้งไม้สามขาขึ้นแล้วก็แขวนฆ้องชัยแล้วก็ตีได้ดังสมความปรารถนา ถ้าหากว่าเราเอาออกสักขาหนึ่งเหลือเพียงสองขาก็ตั้งไม่อยู่แล้ว สองขาก็ตั้งไม่อยู่ ตั้งไม่ได้แล้ว เหลือขาเดียวก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ต้องพร้อมกันทั้งสามขา เมื่อพร้อมกันสามขาแล้วก็ เราก็จึงจะ ฆ้องชัยก็จึงให้สำเร็จประโยชน์ได้ อันนี้ก็เช่นเดียวกัน ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่ต้องอยู่พร้อม ควบคู่พร้อมกันทั้งสามสถาบันนี้ จะขาดเสียสถาบันใดสถาบันหนึ่งไม่ได้ เราก็จำจะต้องช่วยกัน ไม่ใช่ว่า เอ้อ ฉันเป็นพระฉันไม่เกี่ยวเรื่องชาติบ้านเมือง ฉันไม่เกี่ยว ไม่ใช่ ต้องเกี่ยว ต้องเกี่ยวต้องช่วยเพราะอาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าไม่อาศัยซึ่งกันและกันแล้ว เราก็อยู่ไม่ได้ นี่ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ก็ต้องอาศัยกันอย่างนี้ ทุกๆ อย่างนะครับ ทุกอย่าง จนกระทั่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม นี่เราต้องอนุรักษ์ทั้งนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยเรา คนไทยเราแต่โบราณกาลมานั้น มีความเจริญรุ่งเรืองในเรื่องนี้มาก ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งเราจะเห็นได้จากสถานที่ต่างๆ ที่เขาได้สร้างเอาไว้ ได้จรดจารจารึกเอาไว้ ได้สลักเป็นรูปนั้นรูปนี้เอาไว้ เราจะเห็นว่าแสดงถึงระเบียบประเพณี ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของไทยเรา ทุกอย่างนี้เราต้องช่วยกันรักษา ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมของไทยเรา ไทยเป็นคนอ่อนน้อม เรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส สัญลักษณ์ของไทยเรา คนไทยเราชอบยิ้มนะ ชอบยิ้มคนไทยน่ะ ท่านทั้งหลายไปในบางประเทศ หาคน บางทีหาคนยิ้มยาก แต่คนไทยเรายิ้มเรื่อย ยิ้ม แขกใครไปมาถึงบ้านเรา เรายิ้มให้ก่อน นี่แหละครับเป็นวัฒนธรรมของไทยเรา แล้วยิ่งญาติโยมเราในชนบทด้วยแล้ว ใครไปเยี่ยมขึ้นบ้าน หาข้าวหาปลาเลี้ยงเลยทีเดียว บ้านญาติโยมของเราในชนบท หาข้าวหาปลาเลี้ยง เชิญ เชิญเชิญ รับประทานอาหารก่อน หรือบางทีเจ้าของบ้านยังไม่รับประทาน หาเลี้ยงแขกก่อน นี่แหละครับเป็นวัฒนธรรมของคนไทยเรา คนไทยเราก็ช่วยเหลือเกื้อกูล ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาแช่มชื่นเบิกบานในลักษณะวัฒนธรรมของคนไทย ทุกสิ่งทุกอย่างคนไทยเราก็ต้องอนุรักษ์ นี่น่ะท่านทั้งหลายก็โปรดได้ช่วยในโครงการกนช. กองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ และบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ได้มาพร้อมตามอาราธนาของท่านแม่ทัพภาคที่ ๔ ได้มาพร้อมในที่นี้ เพื่อจะได้รับความรู้ ความรู้ที่ทางการทหารจะได้ถวายกับท่านทั้งหลายนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจเถอะครับ ตั้งใจรับ รับความรู้อันนั้นไว้ แล้วเราจะได้นำไปถ่ายทอดกับญาติโยมประชาชนของเรา ท่านทั้งหลายจะได้ไม่เสียทีเปล่า ไม่เสียเวลาเปล่า ไม่เสียการงานเปล่า ที่ได้มาร่วมประชุมกันในครั้งนี้ ประโยชน์โสตถิผลก็จะพึงได้รับเป็นส่วนตัวของท่านทั้งหลายเอง การประชุมนี้ ก็ได้รับความเมตตาปราณีจากหลวงพ่อพุทธทาสให้ใช้สถานที่นี้ แล้วก็ให้ที่พักพาอาศัย ให้ความสุขความสะดวกด้วยประการทั้งปวง ท่านทั้งหลายก็จะต้องขอบคุณหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพุทธทาสไว้ ณ ที่นี้ด้วย และก็ขออนุโมทนากับทางราชการทหาร ซึ่งได้ตั้งจิตตั้งใจให้วิชาความรู้กับพระสังฆาธิการ ซึ่งจะได้นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์กับวงการคณะสงฆ์ด้วย กับราชการทหารด้วยสืบต่อไป บัดนี้ได้เวลาเป็นเวลาอันสมควรแล้วก็จะขอเปิดประชุม การประชุมตามโครงการกนช. สืบต่อไป ในที่สุดนี้กระผมขอตั้งกัลยาณจิต ขออำนวยอวยพร ขอให้ท่านทั้งหลายซึ่งได้มาประชุมกัน ณ ที่นี้ ขอท่านทั้งหลายจงมีสุขภาพพลานามัย ไร้โรคาพาธ ขอให้ท่านทั้งหลายจงอยู่ในการประชุม ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับความสำเร็จผลซึ่งเกิดจากการประชุมนี้ และขออนุโมทนาอำนวยพรกับท่านแม่ทัพ รองท่านแม่ทัพในที่นี้ก็คือท่านพลตรีฉลาด นิยมไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารและญาติโยมประชาชน ซึ่งได้การช่วยเหลือสนับสนุน ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญยิ่งด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ และมีความประสงค์จำนงหมายในสิ่งใดซึ่งเป็นไปในทางที่ชอบ ขอจงสำเร็จสมความประสงค์ในสิ่งนั้น จงทุกประการเทอญ
กราบนมัสการนิมนต์พระคุณท่านพักผ่อนอิริยาบถประมาณสิบนาทีครับ
ลูกศิษย์วัดที่มากับท่านเจ้าคณะภาค ๑๗ ครับอยู่ที่ไหน ขอได้โปรดไปที่รถของท่านเจ้าคณะภาคด้วยครับ ลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนีจากวัดปากน้ำภาษีเจริญอยู่ที่ไหน เมื่อได้ยินเสียงนี้แล้วขอให้ได้ไปหาท่านเจ้าคณะภาคที่รถเดี๋ยวนี้ด้วย พระคุณเจ้าที่คารวะอย่างสูงครับ ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองนาทีก็จะถึงเวลาเก้านาฬิกาสามสิบนาที ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการที่จะเริ่มพิธีการในการประชุมพระสังฆาธิการครั้งนี้ต่อไป ตามหมายกำหนดการต่อไป หลังจากที่ทำพิธีเปิดการประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามหมายกำหนดการเดิม เวลาเก้านาฬิกาถึงสิบเอ็ดนาฬิกา เจ้าหน้าที่จากกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติภาค ๔ จะบรรยายในหัวข้อเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันนะครับ เพราะฉะนั้นเมื่อพระคุณเจ้าพักผ่อนอิริยาบทเรียบร้อยแล้ว ก็ขออาราธนาพระคุณเจ้าได้โปรดเข้านั่งประจำที่ได้แล้วครับ ที่ประชุมสงฆ์ท่านพร้อมแล้ว อันดับต่อนี้ไปกระผมก็จะได้เรียนเชิญพันโทสามารถ สมเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่จากกองทัพภาคที่ ๔ บรรยายเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ท่านผู้นี้ก็เป็นเจ้าหน้าที่มาจัดการประชุมในคราวนี้ เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ ๔ เป็นผู้ที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้เป็นอย่างดี ก็ขอเชิญพันโทสามารถ สมเศรษฐ์ ได้มาถวายความรู้แก่พระคุณเจ้าสืบต่อไป ขอเชิญครับ