แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ปิดการประชุมในครั้งนี้ หากว่าพระเดชพระคุณมีอะไรที่เป็นข้อเตือนใจเป็นข้อฝากฝังอย่างไร พระภิกษุธรรมทายาททั้งหลายจะรับด้วยเกล้า ว่าจะปฏิบัติตามอย่างเต็มความสามารถ ขอพระโอวาท ณ ลำดับนี้ครับ
(เสียงท่านพุทธทาส) จะให้พูดเรื่องอะไร หือ
(เสียงธรรมทายาท) เสียงเบามาก
(เสียงท่านพุทธทาส) เอาเสียเลย
(เสียงธรรมทายาท) เสียงเบามาก
(เสียงท่านพุทธทาส) ท่านที่ฝึกฝนตนเพื่อเป็นธรรมทายาททั้งหลาย ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นเวลาปิดประชุมหรือปิดการอบรม ผมไม่เข้าใจปิดประชุมอะไร ก็ประชุมทุกวันๆ แล้วปิดการอบรมก็ไม่เข้าใจ เปิดแล้วปิดนี้มันเป็นเรื่องบ้า นี่ต้องพูดตรงๆอย่างนี้ ไม่ปิดนะนี่ไม่ปิดนะ ทำต่อนะเพราะว่าคุณเสร็จการอบรมแล้วปิดไม่ได้นะ ต้องลงสนามเลย ไม่มีปิดไม่มีการปิดล่ะ ถ้าปิดแล้วบ้าชัดๆ ไม่มีปิดต้องทำต่อเรื่อยไปไม่มีปิด เปรียบเหมือนกับว่าเราอบรมไก่ ไก่ชนน่ะ เอามาอบรมจนไก่พร้อมจะชนแล้วเอาไปไหน เอาไปบีบคอให้ตายมันบ้านะ แล้วไปเก็บไว้เฉยๆมันก็บ้า มันต้องส่งลงสนามสิ มันไม่มีปิดสำหรับผมไม่มีปิด ขืนอ้อยสร้อยเปิดปิด เปิดปิด หลุบๆล่อๆ อย่างนี้มัน มันใช้ไม่ได้เราเรียกว่ามันบ้า ต้องอบรมให้เป็นคนเข้มแข็ง เมื่อคืนนั้นน่ะฝึกไว้อาลัยฝึกพูดไว้อาลัยนี้ก็เป็นเรื่องบ้า ธรรมทูต สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่อ่อนแอจนถึงกับต้องไว้อาลัย เลิก ขอให้เลิก เลิก เลิก ไอ้ ไอ้พูดไว้อาลัยชนิดนี้ เลิกเลยไม่มีอีกต่อไป ในหมู่พวกธรรมทูตหรือธรรมทายาทมันเป็นเรื่องบ้า ไม่เหมาะ กับธรรมทูต คุณอย่าหัดพูดเรื่องไว้อาลัย มันเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่น มันเป็นเรื่องของไอ้กามารมณ์ พระพุทธเจ้าท่านไม่ต้องการให้เรามีจิตใจอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ก็ว่าเราอบรมไก่ชนได้ที่แล้วก็ใส่ลงสังเวียน เปิดการต่อสู้ ไม่มีการปิด ไม่มีการเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ดังนั้นผู้ที่จะวางโครงการนั้นน่ะจะต้องทำให้ถูกให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของพระพุทธประสงค์ ของลักษณะ ของสารูป ของสาวกผู้เข้มแข็ง ใจสิงห์น่ะดูจะเป็นใจแมวเสียมากกว่า จะไม่ถึงด้วยซ้ำไป ไอ้ที่แล้วๆมามันเห็นอย่างนั้น นี่เพราะๆๆว่าคุณมัวแต่เปิดปิดๆ กันอยู่นี่ แล้วก็มัวแต่อ้อยสร้อยอาลัยอาวรณ์อะไรกันนัก
ใช้วิธีการแบบฆราวาสทำพิธีพอให้ได้เขียนรายงานอย่างนี้ใช้ไม่ได้หรอกกับสาวกของพระพุทธเจ้า ฉะนั้นช่วยจำไปด้วยทุกองค์แหละ ผมไม่ปิด ไม่ยอมปิด ไม่ยอมปิด พอคุณพร้อมที่ สำหรับการเอาลงหรือลงมือเลยวินาทีนี้เดี๋ยวนี้เปิด เปิดต่อไป คือเปิดสำหรับลงสนาม ลงสังเวียน ดังนั้นเรื่องอะไรที่ได้พูดแล้ว ว่าจะต้องทำกันอย่างไร สามสี่ครั้งนั้น คุณจะต้องทำ ไม่มีปิด แม้แต่ชั่วคราว พออบรมเสร็จแล้วก็ลงสนามเลย เรื่องยังไม่จบขอให้นึกเดี๋ยวนี้ เปิดการลงสนาม ว่าคุณจะต้องทำอย่างไรบ้าง ก็นึกกันแต่เดี๋ยวนี้เลย แล้วก็เดินนึกไปกว่าจะกลับไปถึงวัดแล้วก็ลงมือเลย อย่างนี้มันจึงจะเป็นธรรมทายาทหรือเป็นธรรมทูต หรือว่าเป็นภิกษุใจสิงห์ ผมมองเห็นอย่างนี้แล้วก็พูดตรงๆ ก็ผมบอกแล้วนี่ว่าผมเป่าสังข์ไม่เป็นน่ะได้แต่เป่าอูดเขาควาย ก็เลยพูดอย่างนี้อย่างไรล่ะ แล้วก็อยากจะขอร้องว่าพวกคุณทั้งหมดก็เหมือนกันน่ะ ต้องทำเป็นทั้งเป่าสังข์และเป่าอูดเขาควาย ที่นี่มันก็สอนไอ้เรื่องเป่าอูดเขาควาย มันก็แสบหูมันไม่เหมือนสังข์
ดังนั้นขอให้ใช้วิธีทั้งสองนี้ ตลอดเวลาที่จะไปทำงานเผยแผ่พระศาสนา ในกรณีที่เป่าสังข์ก็เป่าสังข์ ในกรณีที่ต้องเป่าอูดเขาควายใส่หูมัน ก็ต้องเป่าอูดเขาควาย ต้องทำทั้งสองอย่าง ถ้าไปทำกลับกันเสียก็บ้าเหมือนกัน ต้องดูให้ดีว่าอย่างไรควรจะเป่าสังข์ ย้อมใจ จูงใจ ไพเราะ และอย่างไรจะต้องเป่าอูดใส่หูมัน มัน มันจะต้องมีการเคลื่อนไหวแน่ ถ้าทำแล้วไม่มีการเคลื่อนไหว ละก็ไม่ได้ผล ไม่ได้ผล ทำเฉพาะได้เขียนรายงานนี่ไม่ได้ผลต้องรับผิดชอบว่ามันต้องได้ผล ธรรมทายาทต้องสืบทายาทในการปฏิบัติธรรม ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ว่าให้บุคคลนั้นน่ะมันมันบรรลุธรรมอย่างเดียวกับที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุ เรียกว่ามันถึงที่สุดในงานส่วนตัว ทีนี้งานที่จะอบรมสั่งสอนผู้อื่นก็ต้องทำ ที่ทำพร้อมกันไปได้ก็ทำพร้อมกันไป ขอให้นึกถึง พระพุทธประสงค์เมื่อส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ไปด้วยความเสียสละ แสดงธรรมประกาศพรหมจรรย์ให้งดงามเบื้องต้น ให้งดงามท่ามกลาง ให้งดงามในที่สุด ให้เขาได้รับประโยชน์ทั้งเทวดาและมนุษย์ มันเป็นงานที่ใหญ่ที่หนักเราจะต้องแก้ปัญหาให้ได้
ทั้งของคนมั่งมีและคนยากจน เดี๋ยวนี้ในโลกนี้มันมีอยู่สองพวก พวกหนึ่งมันก็มั่งมีเหลือจะมั่งมี ไอ้พวกหนึ่งมันก็จนเหลือที่จะจน นี่เราจะต้องรีบขวนขวายแก้ปัญหาของคนมั่งมีอย่างไร ของคนยากจนอย่างไร มันไม่เหมือนกัน ถ้าไม่อย่างนั้นพระองค์คงไม่ย้ำถึงว่าทั้งเทวดาและมนุษย์ ทั้งเทวดาและมนุษย์ เดี๋ยวๆ ก็ทั้งเทวดาและมนุษย์ ทำไมจะต้องย้ำ พูดว่าสัตว์ทั้งหลายคำเดียวมันก็พอ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ได้เพราะเทวดามีปัญหาอย่างหนึ่ง มนุษย์มันยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง มนุษย์ยังไม่มีอะไรจะกิน ยังอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ ปัญหามันก็มีส่วนนี้ เทวดามันมีกินมีใช้แล้ว ปัญหามันเหลืออยู่แต่เรื่องของกิเลส มันก็เหลือปัญหาอีกอย่างหนึ่ง แต่มนุษย์นี่มีทั้งสองอย่าง ปัญหายากจนก็มี ปัญหากิเลสก็มี ดังนั้นคุณจะต้องไปพยายามแก้ปัญหาของเขาทั้งเทวดาและมนุษย์ ถ้าตัวเองเป็นธรรมทายาทจริง คือใจสิงห์จริง มันก็ไม่เป็นทั้งเทวดา ไม่เป็นทั้งเทว.. ทั้ง มนุษย์
ถ้าเราเป็นธรรมทายาทจริง เราจะสามารถแก้ปัญหาของเทวดาและมนุษย์ เพราะเราอยู่ในระหว่างกลาง ระหว่างเทวดา ระหว่างมนุษย์ เราไม่ยึดมั่นเป็นเทวดา เราไม่ยึดมั่นเป็นมนุษย์ เราเป็นสมณะ แล้วก็สมณะธรรมทายาท สมณะใจสิงห์ นั่นรู้หน้าที่ของตัวให้ดีๆ ทำหน้าที่นี้ให้ได้มันจึงจะคุ้มค่าที่มาอบรม ซึ่งมันมีค่าใช้จ่าย มันมีเรี่ยวแรง เวลา ที่ต้องลงทุน ฉะนั้นคุณเตรียมพร้อม ติดต่อกันไปเลย ไม่มีอะไรปิด มีแต่เปิดๆๆๆๆ ต่อกันไปเป็นลำดับ นี่ไปเปิดงานธรรมทายาทลงสนามเลย งานลงสนาม งานอบรม ในห้องเรียน ก็ควรจะถือว่าพอสมควรนะ แม้จะไม่ถึงที่สุดก็พอสมควร คือพอที่จะลงสนามได้ ดังนั้นเราก็เปิด เริ่ม เปิดการลงสนามโดย ใช้ไอ้ความรู้ที่เราได้รับการอบรมมา โดยหลักวิชา โดยการปฏิบัติยังไม่มี การอบรมโดยการปฏิบัติเรียกว่ายังไม่มี มันมีแต่อบรมกับปาก มันพูดมากเกินไปเสียแล้ว รู้สึกว่าที่พูดนี้ออกจะมากแล้ว จะเฟ้อ คือทำไม่ไหว ก็ ก็คิดดูสิพูดเท่าไรพูดอย่างไรทำไหวไหม มันก็เห็นว่ามากยังไม่ได้ทำเลยควรจะนึกกันถึงข้อนี้
แล้วหยุดพูดมาก หยุดพูดมาก พูดอย่างเมื่อคืนนี่ต้องถือว่าพูดมาก พูดในสิ่งที่ไม่ต้องพูดด้วย แล้วพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็นด้วย แล้วทำให้อ่อนแอด้วย อย่างนั้นเป็นระเบียบของไอ้วัยรุ่น พูดมากอย่างนี้ต้องหยุด นิ่งอย่างพระอริยเจ้า ไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า คือชอบนิ่ง ชอบฟัง นี่เราจะเคารพการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า อริยานัง ตุนยี พาโว ( นาทีที่ 12:15 ) นั้นน่ะจะต้องชอบ มีการตั้งใจฟังอย่างดีที่สุด แล้วก็ไม่อยากพูด อย่าชิงกันพูด นี้ตรงกันข้ามกับระเบียบวินัยของพระอริยสาวก พูดแต่น้อยฟังให้มากแล้วอย่าชอบพูด การพูดนั้นมันเหมือนกันการใช้ การนิ่งเหมือนกับการสะสมกำลัง ไอ้แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่เราใช้กันอยู่ ถ่านไฟฉายก็ดี แบตเตอรี่หม้อน้ำก็ดี ที่เรียกแบตเตอรี่ มันมีการจ่ายและการอัดกำลังเข้าไปและก็มีการจ่ายกำลังนั้น การพูดเหมือนกับการจ่าย การนิ่งเหมือนกับการอัดกำลัง เราอย่าเอาไปจ่ายเสียหมด เรานิ่ง นิ่งคิด นิ่งคิด นิ่งใคร่ครวญ นิ่งฟัง การฟังน่ะมัน มัน รับเข้ามามันเป็นการสะสม การพูดมันเป็นการจ่ายทั้งนั้นแหละ แล้วพอติดนิสัยแล้วก็ เหลว มันจะพูดมากจนใช้อะไรไม่ได้
พระอริยเจ้าท่านสรรเสริญการนิ่ง แม้แต่ว่าเรื่องควรพูดก็ยังดูกาลเทศะอยู่ นี่ต่อไปที่จะไปทำอะไรกับประชาชนจงพูดแต่ที่ควรพูด พูดให้มีหลักฐาน พูดให้มีปาฏิหาริย์ คือสามารถจะเปลี่ยนจิตใจเขาได้ ไม่ใช่พูดพล่าม อย่าใช้สำนวนเพ้อเจ้อ อย่าใช้สำนวนไพเราะเกินขอบเขตของสมณะสารูป อย่าไปเอาคำใหม่ๆของไอ้พวกเด็กวัยรุ่นมาใช้ด้วย เรานิ่งอย่างพระอริยะเจ้า บูชาการนิ่งอย่างพระอริยะเจ้า แล้วกำลังไฟมันจะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น มันเหมือนกับอัด อัด อัดไฟฟ้า เข้าไป อัดไฟฟ้าเข้าไป มันจะมีแรงไฟฟ้าสำหรับใช้มากพอ นี่เราจะต้องเตรียมตัวเราจะเผชิญกับความยากลำบาก ฉะนั้นอย่า หวังว่าจะได้รับความสะดวกสบาย เราเตรียมพร้อมเพื่อจะรับความยากลำบาก จะเผชิญอุปสรรค และอาจจะเลยไปถึงศัตรู ศัตรูนี่ไม่น่าจะมี แต่มันต้องมีแน่ เพราะว่าไอ้ฝ่ายที่เป็นอันธพาลมันก็ต้องถือฝ่ายที่เป็นธรรมะนี้เป็นศัตรูเสมอ ยิ่งไปการมีการแข่งขันกันระหว่างพวกแล้ว มันก็เพาะศัตรูขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ใช้ความอดกลั้นอดทนใช้สติปัญญา อย่าไปรบรากันอย่างเป็นอันธพาล เราจะถือว่าทุกแบบมันถูกต้องด้วยกันทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย อย่าไปว่า อย่าไปว่าใครผิดนะ คุณอย่าไปว่าใครผิด
เรื่องไอ้ปราบความงมงายนั้นน่ะ ก็ต้องดูเหมือนกันว่า บางอย่างมันต้องปล่อยไปก่อนน่ะ มันเรื่องแก้ไขความงมงาย เรื่องไสยศาสตร์นี่มันเกิดก่อนธรรมะที่เป็นศาสนา เขารอดตัวมาด้วยไสยาสตร์ ไอ้คนยังเหมาะกับไสยศาสตร์ก็ปล่อยไปตามสมควร อย่าไปทะเลาะกับเขา เราแก้ไขเขา นั่นเป็นหลักการน่ะ แต่ว่าอย่าไปทะเลาะกับเขา ฉะนั้นอย่าให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นอันขาด ในการปฏิบัติหน้าที่ของธรรมทายาท ถือเสียว่าไม่มีใครผิดใครเลว เขาต้องมีดีหรือมีประโยชน์ตามแบบของเขา แม้สิ่งที่เรียกว่าไสยศาสตร์ มันก็มีดีไปตามแบบไสยศาสตร์ มันเคยช่วยบรรพบุรุษเหล่านั้นมา มันก็มีประโยชน์ตามสมควรคือมันเป็นความรู้เบื้องต้นของมนุษย์ผู้ยังไม่มีสติปัญญา มันก็มาตามความเชื่อ ตามธรรมชาติ มันควรจะได้รับการปรับปรุง เราก็ต้องช่วยปรับปรุง อย่าไปทำตัวเป็นข้าศึก ความถูกต้องนั้นน่ะมันละเอียดอ่อนมาก มันอยู่ระหว่างสุดโต่งเสมอ พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสมัชฌิมาปฏิปทา ไอ้มัชฌิมาปฏิปทานั่นแหละคือการตรัสรู้โดยลำพังพระองค์ ที่ไม่ได้เคยฟังมาแต่ก่อน ขอให้ไปเปิดดู ผมท้าให้ไปเปิดดูธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร ว่าทรงเน้นที่ตรงไหน ที่ว่า ไม่เคยฟังมาแต่ก่อนน่ะ
บุพเพ อนนุสสุตเตสูตร ทรงเน้นตรงไหน ทรงเน้นที่มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ได้เน้นที่อริยสัจ ๔ ไปดูให้ดี ที่ไม่เคยฟังมาแต่ก่อนน่ะ ทรงเน้นที่มัชฌิมาปฏิปทา ระบบกลาง ไม่ ไม่สุดเหวี่ยงฝ่ายไหนนี่ เป็นเรื่องใหม่ที่พระองค์ทรงพบ ไม่เคยฟังมาแต่ก่อน ดังนั้นเราจึงถือว่าเป็นหลักหัวใจของพระพุทธศาสนา อย่าเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา แม้แต่เรื่องดี เรื่องชั่ว เรื่อง เรื่องดีก็วุ่นวายไปตามแบบดี เรืองชั่วก็วุ่นวายไปตามแบบชั่ว อยู่ตรงกลางไม่ดีไม่ชั่ว อยู่ตรงกลางระหว่างดีระหว่างชั่วนั่นน่ะ คือมัชฌิมาปฏิปทา อันนั้นจะช่วยได้ ยึดมั่นดีก็เป็นบ้า ยึดมั่นชั่วมันก็ยิ่งเลวร้าย ไม่ยึดมั่นอะไรอยู่ตรงกลางนี่ เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องกลางไปหมดแหละ ถ้าว่ามันจะใช้ประโยชน์ได้ ไม่เคร่งแล้วก็ไม่หย่อน เคร่งก็บ้า หย่อนมันก็เลว มันอยู่ตรงกลางพอดีระหว่างเคร่งระหว่างหย่อน ช่วยระมัดระวังกันให้มาก ไม่แพ้ ไม่ชนะ อย่าไม่เอาแพ้ ไม่เอาชนะ ชนะก็บ้า ไอ้แพ้ก็บ้า นอนไม่หลับด้วยกันทั้งนั้น อยู่ตรงระหว่างกลางไม่ต้องแพ้ไม่ต้องชนะ บางทีมันต้องไม่สุขไม่ทุกข์ มันจึงจะนอนหลับสนิท สุขมันก็บ้าสุขนอนไม่หลับ เป็นทุกข์มันก็นอนไม่หลับ
ไอ้เรื่องบุญเรื่องบาปก็เหมือนกัน บุญก็รบกวน บาปก็รบกวนเพราะท่านตรัสเป็นอาสวะทั้งนั้นแหละ เรื่องทิฐินี่มีสองชนิด ชนิดหนึ่งเป็นสาสวะ ทิฐิยึดมั่นในทางดี ทิฐิปล่อยหมดเรียกว่าอนาสวะ เมื่อเป็นสาสวะแล้วมันก็เกี่ยวกับดีกับชั่ว กับบุญกับบาปนั่นแหละ คำว่า ปุญญะ ภาคีญา เป็นส่วนแห่งบุญนั่น ตรัสเป็นฝ่ายเลวร้ายนะ ฝ่ายอาสวะนะ เป็นส่วนแห่งบุญ บุญน่ะเป็นอาสวะอย่างยิ่ง เป็น อุปาทิอย่างยิ่ง ฉะนั้นเราไปสอนเขาก็ต้องระมัดระวัง เมื่อเขายังยึดถือเรื่องบุญอยู่ เราก็บอกเรื่องว่ามันหนักนะ ให้มันอยู่ตรงปล่อยวางระหว่างบาประหว่างบุญ แล้วเราก็จะไม่กระทบกระทั่งกับ ใครจะไม่ต้องทะเลาะวิวาทกับใคร นี่เป็นหลักหัวใจของพระพุทธศาสนาคือ มัชฌิมาปฏิปทา ปัญหาเด็กๆก็ว่าไม่กินทั้งผักไม่กินทั้งเนื้อ เราเป็นสาวกที่ถูกต้องมีมัชฌิมาปฏิปทาแล้วไม่กินทั้งผักไม่กินทั้งเนื้อ ไม่กินอะไรเลยสำคัญว่าเนื้อ ไม่กินอะไรเลยสำคัญว่าผัก ดังนั้นสิ่งที่เรากินเข้าไปไม่ใช่ผักไม่ ไม่ใช่เนื้ออย่างนี้คือมัชฌิมาปฏิปทา ฉะนั้นคุณอย่าไปทะเลาะกับพวกกินผักนะ มันผิดนะ แล้วก็ไม่ต้องไปทะเลาะกับพวกกินเนื้อด้วย เพราะว่าเราเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า อยู่ระหว่างกลาง ระหว่างผักระหว่างเนื้อ ไอ้นี้มันเป็นบัญญัติทีหลังโดยความยึดมั่นว่าผักว่าเนื้อ ถ้ามองเห็นว่าเป็นธาตุตามธรรมชาติแล้วไม่มีผัก ไม่มีเนื้อ นี่มัชฌิมาปฏิปทา
นี่ของ ของฝากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะพูด ก็คือเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา รับเอาไปเป็นหลักยึดถือศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติด้วยกันทุกคน ทุกท่าน ทุกรูปน่ะ ว่ามัชฌิมาปฏิปทาเป็นสิ่งถูกต้อง สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา กี่สัมมาก็ตามใจจนกระทั่งสัมมาวิมุตติ นั่นนีะเป็นมัชฌิมาปฏิปทา อย่ายกหูชูหางว่าพระใจสิงห์นะ มันจะคว่ำลงเหวไม่ทันรู้นะ เรียกว่าอย่าไปยึดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราอยู่ตรงกลางไว้เสมอไป อันนั้นเขาเป็นเรื่องสมมุติให้เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่าง ไม่ใช่เรา เป็นมัชฌิมาปฏิปทานั่นแหละดี อยู่ระหว่างใจสิงห์กับใจสุนัขจิ้งจอกบางทีจะดีกว่า ฟังดูมันจะเห่อหรือว่าจะยึดมั่นถือมั่นไปทางใดทางหนึ่งมากไปเสียแล้ว ดังนั้นจำคำว่ามัชฌิมาปฏิปทาไว้ให้ดีๆ ตรงกลาง เดินไปหว่าง ระหว่างกลางแล้วก็ไม่กระทบกระทั่งอะไร ถ้าเอียงซ้ายก็ดี เอียงขวาก็ดี ต้องกระทบกระทั่ง ไอ้สิ่งที่มันอยู่ซ้ายอยู่ขวานั่นแหละ ดังนั้นเรายึดไว้เป็นหลักอยู่ในใจ คล่องแคล่วอยู่ในใจ คล่องแคล่วอยู่ที่ปาก คล่องแคล่วอยู่ที่การกระทำ ให้มันเป็นมัชฌิมาปฏิปทาเสมอ
เดี๋ยวนี้ มันไปหวังลาภสักการะสรรเสริญ นั่นน่ะผิด ผิดใหญ่ เป็น เป็นขบถ ถ้าหวังผลเป็นลาภสักการะสรรเสริญน่ะเป็นขบถต่อพระพุทธเจ้า ต้องหวังผลเป็นไอ้ความหลุดพ้น ดับทุกข์ ทั้งของเราและของผู้อื่น ไอ้ลาภสักการะสรรเสริญน่ะมันเป็นอามิสนะ พูดกับธรรมทายาท ธรรมทายาทแล้วก็ไม่รู้จักอามิส บ้าหรือดี คิดดูเหอะ ถ้าจิตใจมันน้อมไปเพื่อลาภสักการะ สรรเสริญแล้วมันหมดความเป็นธรรมทายาท มันเป็นอามิสทายาทไปหมด พวกเราจะต้องพูดกันเรื่องนี้ นึกถึงเรื่องนี้ สนทนาปรึกษาหารือกันแต่เรื่องนี้ อย่าพูดเรื่องอ้อยสร้อย โยกโย้ รักษากิเลส มันขัดกันโดยสิ้นเชิง เอาละเวลาให้พูดมีเท่านี้นี่ พวกคุณจัดเวลาเท่านี้ผมก็ต้องพูดเท่านี้ เป็นอันว่าขอเตือนเป็นอันสุดท้ายว่าไม่มีปิด มีแต่เปิด ต่อ ต่อ ต่อ ต่อกันไป เดี๋ยวนี้เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เชิญลงสนามทุกรูป ขออาราธนาคุณพระธรรม ซึ่งขยายออกเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จงช่วยดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายมีความกล้าหาญเป็นข้อแรก มีความกล้าหาญเป็นข้อแรก แล้วจึงจะมีความพากเพียร มีอะไรต่างๆ ทีนี้เราขี้ขลาดกลัวกิเลส พ่ายแพ้แก่กิเลส ไม่กล้าหาญไม่มีทางจะสำเร็จ ดังนั้นขอให้ทุกท่านมีความกล้าหาญเผชิญกับการงาน ไม่มีปิด มีแต่เปิดเสมอไป กว่าจะลุถึงประโยชน์ที่เรามุ่งหมายตามพระพุทธประสงค์ ได้รับผลดีทุกๆฝ่ายอยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ ( สาธุ )