แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านสาธุชนและนักศึกษาผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย อาตมาจะได้บรรยายธรรมะโดยหัวข้อว่า ธรรมะกับปัญหาปากท้อง ตามที่ท่านทั้งหลายกำหนดให้สำหรับการบรรยายในครั้งนี้ อาตมาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะพูดกันโดยหัวข้อนี้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่กำลังมีปัญหาอย่างยิ่งอยู่ในปัจจุบัน คนส่วนมากในปัจจุบันนี้ เขาพูดกันว่า ถ้าปากท้องยังไม่อิ่ม ก็ไปสนใจธรรมะไม่ได้ หรือจะพูดอีกทีหนึ่งก็ว่าค่อยสนใจธรรมะต่อเมื่อปากท้องมันอิ่มแล้ว คำพูดอย่างนี้มีมากที่สุด ที่เป็นความรู้สึกอันจริงใจของเขาหรือว่าเป็นคำแก้ตัว ก็ดูจะได้ทั้งนั้น บางพวกอาจจะเป็นรื่องแก้ตัว บางพวกอาจจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะเหตุฉะนี้แหละคนสมัยนี้จึงไม่ค่อยสนใจธรรมะ ไปสนใจแต่เรื่องปากท้อง เพราะเขาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะนั้นเป็นอย่างไร เมื่อพูดถึงคำว่าปัญหาปากท้องก็ดูจะมีความหมายแคบเกินไปคือเพียงแต่เรื่องทำมาหากิน เกิดเป็นปัญหาไม่พอกินขึ้นมาหรือว่าทำไม่ได้ขึ้นมาก็เรียกว่าปัญหาปากท้อง อย่างนี้รู้สึกกันเป็นส่วนใหญ่ คงไม่ไกลไปถึงกับว่าไอ้ปากท้องนี่ถ้ากินเข้าไปมาก มันก็เป็นปัญหาเหมือนกัน หรือว่าถ้าเห็นแก่ปากท้องมาก มันก็ทำคอรัปชั่นเป็นแน่นอน นี่ก็เรียกว่าปัญหาเกี่ยวกับปากท้อง ดังนั้นขอให้เรามองปัญหาปากท้องนี่โดยนัยยะกว้างๆ คือ ครบทุกแง่ทุกมุม
สำหรับคำว่าธรรมะนั้นเหล่า มันก็มีความหมายกว้างอย่างที่ท่านทั้งหลายไม่เคยทราบมาก่อนก็ได้ คำว่าธรรมะคำนี้จะพูดตามตัวหนังสือหรือทางอักษรศาสตร์มันแปลกอยู่ที่ว่า มันหมายถึงทุกสิ่งโดยไม่ยกเว้นอะไร แต่ถ้าพูดถึงภาษาพูดตามภาษาชาวบ้าน คำว่าธรรมะหมายถึงระเบียบปฏิบัติเพื่อดับทุกข์หรือมีความสุขเท่านั้น มันยกเว้นอะไรอื่นไว้อีกมาก นี่ขอพูดในนัยยะแรกเสียก่อนว่า ธรรมะหมายถึงทุกสิ่งนั้น คืออย่างไร
คำว่าธรรมะในภาษาบาลีนั้น มีความหมายได้อย่างน้อย ๔ ความหมาย ธรรมะคือธรรมชาติทั้งหลายที่มีปรากฏการณ์หรือไม่มีปรากฏการณ์ก็ตาม ที่เรารู้จักหรือไม่รู้จักก็ตามคือ ธรรมชาติ สิ่งที่เป็นอยู่เองตามธรรมชาติ นี่ก็เรียกว่า ธรรม ในภาษาไทย หรือเรียกว่า ธรรมะ ในภาษาบาลี คือมันแปลแต่ว่า สิ่งเท่านั้น สิ่งอะไรก็ได้
ธรรมะในความหมายที่ ๒ ก็คือ กฎของธรรมชาติ คือความจริงอันตายตัวเฉียบขาดของธรรมชาติมีอยู่อย่างไร นี่เรียกว่าเป็นกฎของธรรมชาติ มันมีอำนาจทำให้เกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือควบคุมสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ทั่วๆ ไป เรียกว่า กฎของธรรมชาติ ก็เรียกว่า ธรรมะ โดยภาษาบาลี หรือธรรม โดยภาษาไทย
ทีนี้ความหมายที่ ๓ ก็คือว่า หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติที่สิ่งที่มีชีวตจะต้องประพฤติปฏิบัติให้ถูกตรงตามกฎของธรรมชาติ มิฉะนั้นมันจะมีความทุกข์หรือว่าตาย ธรรมะความหมายที่ ๓ นี่สำคัญมาก ที่เราสนใจกันมาก หน้าที่ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติอันเราจะต้องประพฤติปฏิบัติ
ส่วนความหมายที่ ๔ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาอะไร คือ ผลที่เกิดมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้รับผลเป็นอย่างไร เป็นสุขเป็นทุกข์ หรือว่าดีขึ้นๆ ไปจนบรรลุมรรคผลนิพพาน ทั้งหมดนั้นก็เรียกว่าผลของการปฏิบัติทั้งนั้น เป็นความหมายที่ ๔
ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยจำหลักเกณฑ์อันนี้ไว้ให้ดี จะมีประโยชน์ที่สุดที่จะศึกษาสิ่งที่เรียกว่าธรรมะหรือพระพุทธศาสนาต่อไปข้างหน้า ขอทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่า ธรรมะ มีความหมาย คำนี้มีความหมายอยู่ ๔ ความหมาย คือ หมายถึงธรรมชาติอย่างหนึ่ง หมายถึงกฎของธรรมชาติ หมายถึงหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ และหมายถึงผลที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ นี่คือธรรมะในความหมายทางภาษา โดยเอาภาษาเป็นหลัก
ทีนี้จะพูดถึงธรรมะที่มีบทนิยามจำกัดความตามความรู้สึกของบุคคลที่รู้ธรรมะเป็นอย่างดี เขาก็ได้ให้คำจำกัดความสำหรับคำนี้ไว้ว่า ธรรมะ คือ ระบอบปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา ขอให้ฟังให้ดีอีกทีว่า ธรรมะคือระบอบปฏิบัติ ไม่ใช่คำไม่ใช่ความรู้ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่อะไรอื่นอย่างที่กล่าวมาแล้ว ๔ ความหมาย ระบอบปฏิบัติหมายถึงหน้าที่ ความหมายที่ ๓ หมายถึงหน้าที่ ธรรมะคือระบอบปฏิบัติที่ถูกต้องกับความเป็นมนุษย์ คือ เพื่อเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของเขา ตั้งแต่เกิดจนเน่าเข้าโลงไปแล้ว นี่เรียกว่าทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ มันเป็นความหมายที่กว้าง ท่านทั้งหลายลองทบทวนดูเถอะว่า ความถูกต้องที่เป็นตัวการปฏิบัติตลอดชีวิต เรียกว่าธรรมะในความหมายนี้ ขอให้ทำในใจถึงสิ่งๆนั้นให้แจ่มแจ้งให้ชัดเจนแน่นอนลงไปว่า การประพฤติกระทำที่ถูกต้องแก่ความเป็นของมนุษย์เราทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ คือตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็ถามตัวเองดูทุกคนเถิดว่าเดี๋ยวนี้เราได้มีสิ่งนี้แล้วหรือยัง การประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเราในทุกขั้นตอน เป็นลำดับมา ตั้งแต่เกิดจากท้องแม่จนมานั่งอยู่ที่นี่ ถ้ามันมีการประพฤติปฏิบัติถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของท่านทุกขั้นตอนมาจนถึงวันนี้เดี๋ยวนี้ ก็เรียกได้ว่าท่านมีธรรมะตามความหมายของคำว่า ธรรมะ ที่จำกัดความขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้เป็นหลักปฏิบัติ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ขอให้กำหนดลักษณะของมันไว้ดีๆ แล้วก็น้อมนำไปเทียบคู่กันกับว่าปัญหาปากท้องกับธรรมะนั้นมันมีอยู่อย่างไร อาตมาบอกแล้วว่ามันมีความหมายที่เล็งได้หลายแง่หลายมุม ถ้าถามว่าปัญหาปากท้องคือธรรมะข้อไหน ก็จะตอบได้ว่า มันเป็นธรรมะในความหมายที่ ๓ ที่ว่าการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ ในความหมายที่ ๓ ของธรรมะ ปากท้องมันก็เรื่องกิน กินเพื่อรอดชีวิตอยู่ แต่ว่ารอดชีวิตอยู่แล้วจะทำอะไรนั้น มันอีกปัญหาหนึ่ง หามากินให้รอดชีวิตอยู่นี่ มันก็เป็นหน้าที่แล้ว หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติแล้ว คือ ธรรมชาติมีกฎอันเฉียบขาดบังคับให้สิ่งมีชีวิตต้องกินอาหาร การหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มันก็เป็นการปฏิบัติธรรมะในความหมายหนึ่งอยู่แล้ว มันก็ควรจะทำให้มีความถูกต้องทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของตนๆ นี่ธรรมะกับปัญหาปากท้อง โดยเนื้อแท้โดยพื้นฐานมันมีอยู่อย่างนี้ มันไม่ควรจะมีปัญหาอะไรมากมาย นอกจากว่าเราหาใส่ปากใส่ท้องให้เป็น ให้ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา อย่าให้เกิดความทุกข์ชนิดใดชนิดหนึ่งขึ้นมาก็แล้วกัน ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ อย่าให้มันเกิดปัญหาเป็นความทุกข์ขึ้นมาเพราะเรื่องปากเรื่องท้อง ถ้าใครทำผิดพลาด มีปัญหาเกิดขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องปากเรื่องท้อง มันต้องถือว่าเป็นความไม่รู้ของคนๆ นั้นเอง พูดง่ายๆ ก็ว่ามันเป็นความโง่ของบุคคลนั้นเองที่ไม่รู้จักแก้ปัญหาปากท้อง เมื่อแก้ปัญหาปากท้องได้มันก็คือปฏิบัติธรรมะในความหมายที่ ๓ ว่าหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ
นี่หัวข้อที่ท่านกำหนดให้มาว่า ธรรมะกับปัญหาปากท้อง มันเป็นหัวข้อที่มันลุ่นๆมันไม่ได้ถามชัดลงไปว่าในแง่ไหน เช่นจะถามชัดลงไปว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไรหรือมันมีความลับที่ตรงไหน เดี๋ยวนี้เราก็จะดูว่าธรรมะกับปัญหาปากท้องนี่มันๆๆๆเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร โดยที่แท้แล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าท่านเข้าใจความหมายของคำว่า ธรรม ในความหมายที่ ๓ ว่าหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติที่มนุษย์หรือสัตว์มีชีวิตจะต้องปฏิบัติ มันก็ต้องมีการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อย่าให้เกิดความผิดพลาด เกิดทุกข์ เกิดอะไรขึ้นมาเพราะการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และก็ทำให้การหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนั้นเองเป็นการปฏิบัติธรรมะโดยสมบูรณ์ซะด้วย มันจะได้เป็นธรรมะในความหมายที่ ๓ นี่โดยพื้นฐานมันมีข้อเท็จจริงอยู่อย่างนี้ว่าการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของมนุษย์นั้น ถ้าทำถูกต้องแล้วต้องไม่เป็นปัญหา กลายเป็นการปฏิบัติธรรมะในความหมายที่ ๓ คือ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ
ทีนี้ท่านใช้คำว่า ปัญหาปากท้อง นี่เป็นศัพท์ปัจจุบัน คำปัจจุบันที่ใช้อยู่ ปัญหาปากท้องของบุคคลของประชาชน คล้ายๆ กับท่านก็มีข้อสงสัยเหมือนกับคนส่วนมากสงสัยว่าถ้าจะมัวถือธรรมะอยู่แล้วมันก็แก้ปัญหาปากท้องไม่สำเร็จ นั่นมันเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะว่าถ้ามีธรรมะแล้ว มันจะทำผิดเรื่องปากเรื่องท้องไม่ได้ เรื่องปากเรื่องท้องจะไม่เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา ชี้ให้เห็นได้ชัดๆ ง่ายๆ ก็คือว่า คนบางคนเขาถือว่าถ้าไปมัวไปวัดไปวาไปศึกษาธรรมะ ไปสนใจธรรมะแล้วก็ไม่ก็เสียเวลาที่ทำมาหากิน นั่นฉันยังไม่ต้องการธรรมะ ฉันต้องการทำมาหากิน นี่คือคนที่ไม่รู้ความหมายของคำว่าธรรมะ คือหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ถ้าเขารู้ความหมายอันนี้ เขาก็จะเห็นว่าไม่มีไม่ใช่ปัญหา เราต้องทำมาหากินให้ถูกต้องตามธรรมะ เพราะธรรมะแปลว่าหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ผู้ใดปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามความเป็นมนุษย์ของตนๆ แล้ว ชื่อว่าปฏิบัติธรรมะธทั้งนั้น มนุษย์เป็นมนุษย์เพราะได้ทำหน้าที่ของมนุษย์ ช่วยมองข้อนี้กันก่อน มนุษย์มันเป็นมนุษย์เพราะว่ามันทำหน้าที่ของมนุษย์ และหน้าที่ตามกฎของธรรมชาตินั้นเรียกว่า ธรรมะ ถ้ามนุษย์มันทำหน้าที่ของมนุษย์ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ มันก็ไม่เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา แล้วมันกลายเป็นว่าการทำหน้าที่นั้นเองคือการปฏิบัติธรรมะ ช่วยจำคำๆนี้ ไว้ให้ดีว่า การทำหน้าที่ของตนๆ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมะ ไม่ว่าที่ไหน ที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องมาวัดก็ได้ ขอให้ทำหน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ของตนให้ถูกต้อง ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมะทั้งนั้น
มันมีปัญหาที่จะต้องดูบ้างว่า ที่ต้องดูอยู่บ้างว่า คนเราไม่สามารถเท่ากัน เพราะฉะนั้นการทำงานการทำหน้าที่ก็ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งมันเหมาะสำหรับล้างท่อถนนล้างส้วม ก็ทำไป มันเป็นหน้าที่ที่เหมาะสมแก่ความเป็นมนุษย์ของเขา คนหนึ่งมีหน้าที่กวาดถนนก็กวาดไป คนหนึ่งมีหน้าที่ถีบสามล้อก็ถีบไป คนหนึ่งมีหน้าที่แจวเรือจ้างก็ทำไป ขอให้ทำด้วยจิตใจที่ปกติ แล้วรู้สึกว่าเราได้ทำหน้าที่ของมนุษย์ถูกต้องตามสถานะแห่งความเป็นมนุษย์ของเรา แล้วก็ควรจะพอใจว่าเราได้ปฏิบัติธรรมะ แล้วก็เรามีความเป็นมนุษย์ เพราะเราได้ทำหน้าที่ของมนุษย์ อย่าไปจับชั้นเชิงเกี่ยวกับหน้าที่การงานว่ากวาดถนน ล้างท่อถนน เป็นระดับต่ำระดับเลว แจวเรือจ้างถีบสามล้อเป็นระดับต่ำเป็นระดับเลว เป็นพ่อค้าข้าราชการเป็นคนร่ำรวยนั้นเป็นระดับดี อย่างนี้ไม่ถูก ถ้าเพื่อความเป็นมนุษย์กันแล้ว ระดับไหนก็เหมือนกันหมด เพราะว่าเขาได้ทำหน้าที่ของตนดีที่สุดแล้ว เพราะว่าเราเกิดมาเหมือนกันไม่ได้ เพราะว่าเรามีกรรมที่ได้กระทำไว้เป็นเครื่องจัดเป็นเครื่องแบ่งแยกให้เราเหมือนกันไม่ได้ ให้เราเท่ากันไม่ได้ เราต้องยอมรับสภาพที่กรรมจัดให้เรามาเป็นต่างๆ กัน คนหนึ่งก็เหมาะสำหรับล้างท่อถนน กวาดถนน ถีบสามล้อ แจวเรือจ้าง ก็ทำไปด้วยความยิ้มแย้มพอใจในหน้าที่การงาน อย่าคิดให้มากไปกว่านั้น มันจะเกิดความโง่ขึ้นมา ทำให้เป็นทุกข์เปล่าๆ ไปสร้างปัญหายุ่งยาก ในแง่การเมืองในแง่ชนกรรมาชีพแง่อะไรขึ้นมาอย่างที่กำลังเป็นอยู่ พุทธบริษัทยอมรับกฎของกรรมที่ทำให้เราต้องแตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน เหลื่อมล้ำกว่ากันไปตามกฎของกรรมหรือกฎของธรรมชาติ พวกกคอมมิวนิสต์เขาไม่ยอม เขาจะให้เหมือนกันหมดเท่ากันหมด มันก็เกิดปัญหาตามแบบของคอมมิวนิสต์ขึ้นมา แต่พุทธบริษัทจะไม่เกิดปัญหานี้ เพราะเรายอมรับสภาพแห่งกรรมตามที่ธรรมชาติจัดให้ มันเท่ากันไม่ได้ ขอแต่ว่าให้มันอยู่ด้วยกันได้ก็แล้วกัน
อาตมาเคยเปรียบเทียบว่าต้นไม้ใหญ่โตมันก็อยู่กันได้กับตะไคร่เขียวๆ เล็กๆ แทบจะดูไม่เห็นที่เปลือกที่โคนของมันน่ะ ทำไมมันอยู่กันได้ ต้นไม้ขนาดยักษ์ต้นนี้ แล้วก็มีชีวิตเล็กๆ เป็นตะไคร่เขียวๆ ดูเห็นบ้างไม่เห็นบ้างอยู่ที่เปลือกที่โคนของมัน ทำไมมันอยู่กันได้ แล้วก็เป็นปกติสุข ไม่มีปัญหา เพราะว่ามันยอมรับสภาพแตกต่างๆ กันนั่นเอง ทีนี้คนแตกต่างกันนิดหน่อย แล้วมันก็ยื้อแย่งความเสมอภาค มันเป็นกิเลสของคนต่างหาก แล้วมันไม่ยอมรับสภาพกรรมตกแต่งมาให้ต่างกัน เรายอมรับสภาพที่กรรมตกแต่งมาให้ต่างกัน ถ้าเราอยากทัดเทียมเขา เราก็ขยันในหน้าที่การงานของเรา ก็เป็นการทำกรรมที่ดีที่ถูกสำหรับยกฐานะปูฐานะของเราขึ้นมา แล้วก็ดีขึ้นๆ มีสถานะสูงขึ้นมา มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงน้อยลง นั่นคือการปฏิบัติธรรมะในความหมายหนึ่ง ซึ่งจะแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำต่ำสูงได้ ข้อนี้ต้องการจะพูดให้เห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ของตนเถอะ จะสูงต่ำอย่างไรไม่ต้องนึก มันเป็นหน้าที่เหมือนกันทั้งนั้น หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติทั้งนั้น ใครปฏิบัติหน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ของตนเต็มที่ตามกฎของธรรมชาติแล้วก็เรียกว่าเป็นผู้มีธรรมะ เป็นผู้ปฏิบัติธรรมะ หรือว่าเป็นมนุษย์นั่นเอง มนุษย์คือผู้ทำหน้าที่ของมนุษย์
มนุษย์ต้องทำหน้าที่ต่างกัน เพราะว่าในเนื้อในตัวมีสมรรถนะภาพทางกายทางจิตทางสติปัญญามันไม่เหมือนกัน แต่มาทำสุดความสามารถด้วยกันในการทำหน้าที่ของตัว ฉะนั้นเราควรให้เกียรติแก่มนุษย์ทุกอาชีพ จะล้างท่อถนน แจวเรือจ้าง ถีบสามล้อ เป็นบุรุษไปรษณีย์ เป็นอะไรที่ว่าถือว่าเป็นระดับต่ำ ไม่มีไม่ต้องมีระดับต่ำหรือสูง เขาเป็นเพื่อนมนุษย์ของเรา เขาทำหน้าที่เพื่อความเป็นมนุษย์ของเขาเต็มที่ เท่ากับที่ว่าคนร่ำรวยคนฉลาดคนหนึ่งเขาเป็นนายทุนที่ร่ำรวยเป็นอะไรก็ตาม เขาทำหน้าที่ได้กว้างขวางใหญ่โตลึกซึ้ง แต่ระวังให้ดีนะ ถ้าเขาไม่มีธรรมะแล้วก็จะเลวกว่าคนกวาดถนนที่มีธรรมะก็ได้ เขาไม่ต้องคอรัปชั่นไม่ทำผิดทำชั่วผิดศีลผิดธรรมอะไร เพราะฉะนั้นคนร่ำรวยคนมีอำนาจวาสนาระวังให้ดีเถิด จะสูญเสียความเป็นมนุษย์เพราะไม่มีธรรมะเพราะไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ มีแต่ความคดโกง คอรัปชั่น เอาตรงที่ว่าทุกคนทำหน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ที่เหมาะสมแก่ตนเต็มที่อยู่ตลอดเวลา ถูกต้องอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ นี่คือปฏิบัติธรรมะ และถ้าลองคิดดูทีว่าถ้าคนๆ นั้นหรือคนจำพวกนั้นเขาทำหน้าที่ของตนปฏิบัติอยู่อย่างนี้จะเกิดปัญหาปากท้องได้อย่างไร ในแง่ไหน ที่ไม่มีจะกินนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยทั่วไปมันเกิดขึ้นเพราะไม่ปฏิบัติธรรมะ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ มันก็เกิดความยากจน แล้วมันก็แก้ความยากจนด้วยความไม่มีธรรมะมากขึ้น ไปลักไปขโมยไปอะไรต่อไปอีก มันก็ยิ่งยากจนลงไปอีก ก็เป็นปัญหาปากท้องที่เลวทรามขึ้นมาอีก เพราะมันไม่มีธรรมะ ถ้ามันมีธรรมะแล้ว มันจะเกิดความผิดพลาดที่เป็นเหตุให้ยากจนอย่างนั้นไม่ได้ คนมีธรรมะแล้วจะสนุกเป็นสุขในการทำงาน ช่วยจำไว้คำหนึ่งว่า จงมีความสุขหาความสุขเมื่อทำงาน เมื่อทำงานในหน้าที่ของตน จงทำให้เกิดความพอใจชอบใจจนเป็นสุขในตัวการทำงาน อย่าเขลาไปว่าเลิกงานไปเที่ยวไปเล่นไปกินไปนั่นจึงจะมีความสุข อันนั้นมันเป็นความสุขหลอกลวง มันยึดถือ หลอกลวง แล้วก็มีความสุขหลอกลวง เมื่อทำงานเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่นี่แหละ ขอให้รู้สึกพอใจ เป็นสุข และสนุก มันก็ฝืนความรู้สึกของคนเป็นอันมาก เพราะไม่มีธรรมะ เฉพาะคนที่มีธรรมะเท่านั้นแหละ จะมีความสุขมีความสนุกด้วยเมื่อทำงานเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่กลางแดดกลางอะไรก็ตาม
อาตมายกตัวอย่างชาวนาสมัยโบราณ เขาก็ขุดดินเขาก็ไถนาอยู่กลางแดดกลางลม ยิ้มกริ่มอยู่เสมอ ร้องเพลงเล่นก็ได้ เขามีความสุขทุกนาทีที่เขาทำหน้าที่ของชาวนา ตามความหมายของคำว่าหน้าที่ตามกฎธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อข้าวออกรวงเอาไปขายเป็นเงินเป็นทอง เขาไม่ได้รู้ไม่ได้ชี้ ครอบครัวจะไปทำกันอย่างไร ก็ไม่รู้ ฉันมันมีความสุขเสียแล้วเมื่อได้ไถนาเมื่อได้ขุดนา ฉันไม่เอาเงินนั้นไปกินเหล้าเมายาไปเล่นอบายมุขทั้งหลายอย่างคนเดี๋ยวนี้นิยมกัน ก็คิดดูเอาเองเถิดว่าคนเดี๋ยวนี้พอมีเงินมากแล้วไปที่ไหน ไปสถานเริงรมย์ทั้งนั้น ทั้งหญิงทั้งชายบ้ากันสุดเหวี่ยง คนมีเงินมากเข้า เขาก็คิดว่านั่นเป็นความสุข แล้วมันก็หลอกตัวเองอย่างยิ่ง เพราะมันเข้าใจผิด มันจึงเป็นความสุข ความสุขต้องอยู่ที่เมื่อทำหน้าที่ของมนุษย์ พอใจว่าเราทำได้ แล้วก็เป็นสุข พอใจตัวเอง ไหว้ตัวเองได้ว่ามันบังคับตัวเองให้ทำได้ งานที่เคยเบื่อเคยเกลียด ไปดูซะใหม่ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่เกลียดงาน ไม่เบื่องาน สนุกในการทำงาน ไม่อยากให้ถึงเวลาเย็นที่จะเลิกงาน เพราะยังมีความสุขในการงาน กอบโกยความสุขจากตัวการงาน ไม่ใช่จากผลของการงาน นี่เพราะมีธรรมะอย่างยิ่งมันเป็นอย่างนี้ และจะมีปัญหาปากท้องอย่างไร คนเดี๋ยวนี้มันๆไม่อยากทำงานแล้ว เป็นคนขี้เกียจทำงานทั้งนั้นแหละ เพราะคิดว่าถ้าได้ผลของงานเป็นเงินเป็นทรัพย์แล้วเอาไปซื้อหาความสนุกสนานร่าเริงบันเทิง นี่มันไม่ถูกธรรมะเลย แล้วมันจะหิวเป็นเปรตอยู่ตลอดเวลา มันได้ค่าแรงเงินเดือนมาเท่าไหร่มันก็ไม่พอกับความอยากหรือกิเลสตัณหาของมัน นี่มันยิ่งกว่าปัญหาปากท้องตามธรรมดาเสียอีก มันเป็นหิวทางจิตทางวิญญาณ ฉะนั้นไปคิดกันเสียใหม่พิจารณากันเสียใหม่ ขอให้มีความสุขจากการทำงาน
อาตมาจะพูดว่าทุกคน พวกท่านทั้งหลายทุกคนนี่ขี้เกียจทำงาน เหมือนกับคนทุกคนในประเทศเราหรือในโลกทั้งโลก คนทั้งโลกนี่มันขี้เกียจทำงาน โดยเนื้อแท้แล้วมันทำงานเพราะจำเป็น เพราะความจำเป็นบังคับ ไม่ใช่เนื้อแท้ของจิตใจมันอยากทำงาน มันทำงานเพราะความจำเป็นบังคับ ไม่ทำงานมันไม่มีอะไรจะกิน ไม่มีอะไรจะเล่น ทุกคนจึงฝืน ฝืนใจทำงาน โดยเนื้อแท้ไม่อยากทำงาน โดยเนื้อแท้ขี้เกียจทำงาน แต่ความจำเป็นบังคับ มันก็ต้องทำงาน อย่ามาอ้างว่าขยันทำงานหรือชอบทำงาน นี่มันไม่จริง ไปดูเถิดทุกคนมันไม่อยากทำงาน หรือเมื่อทำงานอยู่ก็อยากให้ถึงห้าโมงสี่โมงเย็น เลิกงานจะได้ไปเที่ยว มันไม่รักงาน ไม่ชื่นใจในการงาน ไม่เป็นสุขในการงาน อย่างนี้ก็ยิ่งกว่าปัญหาปากท้องไปเสียอีก เพราะว่ามันมีความทนทรมานทางจิตทางวิญญาณอยู่ในจิตใจในความเป็นมนุษย์ของตน มันเป็นไฟของกิเลสเผาผลาญจิตใจ มันทนทรมานเหมือนอยู่ในกองทุกข์ คนบางคนจะอดมื้อกินมื้อก็ไม่มีความทุกข์ทางจิตใจชนิดนี้ก็มี สัตว์เดรัจฉานกินบ้างไม่กินบ้างก็ได้ไม่มีความทุกข์ มันจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราไม่เห็นสุนัขหรือแมวตัวไหนเป็นโรคประสาท ในเมื่อพวกเราเกือบทุกคนเป็นโรคประสาท นี่เพราะว่าคนเรานั้นมีความหิวทางวิญญาณ มีความหวังมีวิตกกังวลอยู่ทั้งวันทั้งคืน นอนก็ไม่หลับสนิท เหล่านี้มันผิดธรรมะทั้งนั้น คือไม่มีธรรมะทั้งนั้น ฉะนั้นจึงเป็นโรคประสาท ธรรมะขาดไปเท่าไร โรคประสาทจะเข้ามาแทนที่เท่านั้น เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ด้วยความกระหายวิตกกังวล หวังใจจะขาดในสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ นี่ก็ธรรมะไม่มี ถ้าธรรมะมีมันจะอิ่ม เพราะมันทำหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ พอใจมีความสุข มันอิ่ม มันไม่วิตกกังวล มันนอนหลับสนิท คนชนิดนี้จะไม่เป็นโรคประสาท เช่นเดียวกับสัตว์เดรัจฉาน สุนัขหรือแมว เป็นต้น ขอให้คิดดูว่าสุนัขนี่มันวิตกกังวลได้เมื่อไหร่เล่า ความหมายว่าพรุ่งนี้ไม่มี สุนัขตัวนี้หรือตัวไหนก็ตาม มันไม่มีพรุ่งนี้ คือปัญหาว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร พรุ่งนี้จะมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ มันไม่มี แต่มนุษย์เรามันมี ว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร มะรืนนี้จะกินอะไร อาทิตย์หน้าจะเป็นอย่างไร เดือนหน้าจะเป็นอย่างไร มันมีปัญหาอย่างนี้เผาลนจิตใจอยู่ ก็เลยเป็นโรคประสาท ขาดธรรมะข้อนี้เท่าไร โรคประสาทจะเข้ามาแทนที่เท่านั้น จึงถือธรรมะเถิด อย่าต้องมีวิตกกังวลให้อิ่มอยู่เสมอในความเป็นมนุษย์ของตน คือพอใจในการทำงาน งานหาได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทำทั้งวันทั้งคืนก็ได้จนกว่าจะเหนื่อยแล้วก็นอน อย่ามานอนวิตกกังวล อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยความวิตกกังวลจะเป็นโรคประสาทหรือเป็นโรคจิตหรือตายเลย
สิ่งเลวร้ายอันหนึ่งซึ่งไม่ค่อยจะรู้จักกันนัก ก็คือความหวัง สุนัขนี้ไม่มีความหวัง ไม่ได้หวังจะเป็นอะไร ไม่ได้หวังจะได้อะไร ไม่ได้หวังว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร เดือนหน้าจะกินอะไร เขาไม่มีความหวัง ชีวิตมันจึงปิด เย็นสนิท เลยไม่ต้องเป็นโรคประสาท มนุษย์นี้อยู่ด้วยความหวัง เพราะลูกเด็กๆ มันถูกสอนมาให้โง่ การศึกษาสมัยนี้มันหลงใหลยังไงก็ไม่รู้ สอนให้คนเต็มไปด้วยความหวัง เด็กๆ ก็จะเป็นโรคประสาทได้ตั้งแต่เล็กๆ และมากขึ้น ไปสอนเขาเสียใหม่ อย่าหวัง อย่าอยู่ด้วยความหวัง อยู่ด้วยธรรมะเถิด ไอ้ความหวังนั้นไม่ใช่ธรรมะ อยู่ด้วยธรรมะคือ มีสติปัญญา มีปัญญาคือรู้ว่าเราจะต้องทำอะไร มีสติก็คือควบคุมให้การกระทำนั้นมันเป็นไปอย่างถูกต้อง มีสติปัญญาก็ทำหน้าที่ของตน เขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมะนั่นแหละ โดยไม่ต้องหวัง อย่าไปหวัง อย่าให้คำว่าความหวังมันเข้ามา มันมาทรมานใจ มันเป็นไฟเผาลนจิตใจให้ร้อนด้วยความหวัง ฉะนั้นท่านอย่าชอบความหวังจะทรมานใจ จะเป็นโรคประสาท จะเป็นวัณโรคตาย เพราะทนทรมานทางกายทางจิต เอาสิ่งที่เรียกว่าความหวังไปทิ้งทะเลเสียให้หมด และอยู่ด้วยธรรมะคือมีสติปัญญา รู้แล้วว่าจะต้องทำอะไร หน้าที่ของเราเป็นอย่างไหน ทำให้สนุกไปเลย อย่าให้ความหวังหรือความหิวทางวิญญาณนั้นน่ะเข้ามาแผดเผาจิตใจ จะเปรียบเทียบให้เห็นความต่างข้อนี้ เช่นว่าคนซื้อลอตเตอรี่ คนหนึ่งซื้อแล้วก็หวังที่จะถูก หวังอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน หวังเหมือนกับคนบ้า ส่วนคนหนึ่งไม่หวัง ซื้อแล้วก็แล้วไป ค่อยตรวจสอบเลขเมื่อวันลอตเตอรี่ออกทีเดียวครั้งเดียว นี่สองคนนี้คนไหนถูกทรมานจิตใจมากกว่ากัน คนที่มันหวังจะถูกอยู่เรื่อย ก็คือถูกทรมาน ถูกแผดเผาจิตใจด้วยความหวัง แล้วมันจะสูญเสียระบบปกติในร่างกายในจิตใจ ไม่มีผลอะไร แล้วก็จะเป็นโรคภัยไข้เจ็บทางจิตทางวิญญาณมากขึ้น นี่ถ้าซื้อลอตเตอรี่แล้วก็ไม่ต้องหวังให้มันเผาจิตใจ คอยรอว่าถึงวันออกเมื่อไรก็ไปตรวจตัวเลขเอาก็แล้วกัน อย่างนี้มันเย็นมันสบาย มันเป็นการประพฤติธรรม ถ้าอยู่ด้วยความหวังมันก็ไม่มีการประพฤติธรรม เพราะว่าความหวังมันเป็นกิเลส คือผิดกฎของธรรมชาติที่จะอยู่ด้วยความสงบสุข
อาตมาจึงขอเอามากล่าวเสียด้วยว่าจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังที่แผดเผาจิตใจโดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาวที่หวังนั่นหวังนี่เตลิดเปิดเปิงไปนั่นน่ะ ระวังเถอะมันเผาอยู่ตลอดเวลา อย่าไปหวังอย่าไปสร้างความหวัง เพียงแต่ให้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และก็ทำอย่างนั้นให้สนุกไปดีกว่า อย่าให้หวัง อย่าให้ต้องหวังให้แผดเผาจิตใจ นี่มันประหยัดที่ว่าชีวิตนี้จะไม่ถูกแผดเผา โรคภัยไข้เจ็บจะไม่รบกวน ปัญหาปากท้องจะเกิดขึ้นไม่ได้แก่บุคคลผู้ประพฤติธรรมะอยู่อย่างนี้ มีธรรมะคุ้มครองอยู่อย่างนี้ ไม่มีความหวัง ไม่มีความอยาก ไม่มีความวิตกกังวลมาแผดเผาจิตใจ อยู่ด้วยพระนิพพาน พระนิพพานนั้นแปลว่าเย็นทางจิตทางวิญญาณ เมื่อไรเย็น เมื่อไม่มีไฟเข้ามาสุมเผา ไฟคืออะไร ไฟคือกิเลส ความโง่ ความอยาก ความหวัง ความวิตกกังวล เหล่านี้เป็นไฟกิเลส เผาดวงจิตวิญญาณให้ร้อน เมื่อร้อนก็หมดความเป็นนิพพาน เมื่อไรไม่มี กิเลสหรือไม่มีไฟกิเลสเหล่านี้แผดเผา มันก็เย็น เป็นความเป็นพระนิพพานในความหมายหนึ่ง ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็เป็นนิพพานแท้เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันไม่เด็ดขาด ไม่ถาวร มันเป็นชั่วระยะๆ นั่นคือผลของการประพฤติธรรม มีชีวิตเย็น อยู่ได้ด้วยความหมายของพระนิพพาน และก็ไม่ต้องเป็นโรคประสาท ไม่ต้องเป็นโรคจิต ไม่ต้องเป็นบ้า สนุกอยู่ด้วยการงาน ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องก็ไม่มี จะไม่มีความยากจนมากล้ำกราย บุคคลประเภทนี้มีธรรมะสนุกในการงาน ไอ้ที่มันยากจนอยู่ โดยทั่วๆ ไป มันเป็นคนไม่มีธรรมะ มีแต่ความโง่มีแต่กิเลส เขาไปบูชาความไม่ต้องทำงาน ได้สนุกสนานเอร็ดอร่อยทางเนื้อ ทางหนัง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางผิวหนัง ทางจิตเอง เหมือนที่คนเขาหาเงินมาแล้วก็ใช้บำรุงบำเรอตนทางกามารมณ์หรือทางอื่นๆ ซึ่งเป็นอบายมุขทั้งนั้น ถ้าเคยบวชเคยเรียนแล้วก็รู้ว่าอบายมุขคืออะไร ถ้าไม่เคยบวชเคยเรียนก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังเพราะไม่ค่อยรู้ ขอบอกว่าอบายมุขนั้นปากทางแห่งความฉิบหายแห่งทรัพย์สมบัตินั้น คือดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน
ดื่มน้ำเมาคือว่าของเมาทุกชนิดจะเมาเหล้าเ มาตัณหาเมากิเลส เมาหนัง เมาละคร เมายาเสพติด เมาอะไรก็สุดแท้ เป็นความเมา คือสูญเสียความปกติแห่งจิต เป็นความประมาท เป็นความไม่มีสติสมประดี ไม่ต้องอะไรไปดูหนังบางเรื่อง เป็นความเมา เกิดความประมาท สูญเสียสติสมประดีหมด เราไม่ควบคุมเด็กๆ ลูกของเราให้เว้นจากความเมาชนิดนี้ กลับยุยงส่งเสริม จากจอโทรทัศน์นั่นแหละ ของเมาเข้าสิงหัวลูกเด็กๆ สิงวิญญาณลูกเด็กๆ เป็นคนเมาไปหมด แล้วแก้ไม่หายด้วย นี่ดื่มน้ำเมา แล้วก็มันก็จะต้องสูญเสียความปกติสุขและโภคทรัพย์ เที่ยวกลางคืนก็ไปดูเถอะ เห็นกันอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ มากกว่าที่ไหนหมด มีสิ่งที่ยั่วให้ออกเที่ยวกลางคืนเต็มไปหมด เสื่อมสุขภาพกาย เสื่อมสุขภาพจิต แล้วก็หมดธรรมะ สูญเสียธรรมะ หมดธรรมะ แล้วก็เล่นการพนันทุกชนิดแหละ อย่าต้องจำแนกเลย เป็นการพนันทุกชนิด มันก็ถูกผีสิง ถูกผีการพนันสิง ก็อยู่ได้ด้วยความหวัง อยู่ได้ด้วยความทนทรมาน เกลียดการทำการงาน เพราะมันชอบการพนัน ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เรื่องมโหรสพที่เป็นการส่งเสริมกิเลส ไม่เป็นการศึกษาเสียเลย การเล่นอย่างนี้เต็มไปหมด นี่เรียกว่าการเล่นเป็นข้าศึกแก่กุศล การเล่นที่เป็นการศึกษานั้นไม่ห้าม แต่ว่าการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศลนั้นก็ห้าม เล่นการพนันก็ว่าแล้ว คบคนชั่วเป็นมิตร เขาก็ต้องถูกดึงไปตามแบบของคนชั่ว ยังมีคนพูดอยู่ว่าถ้าเขาไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า เขาไม่มีเพื่อน มันก็เพื่อนชั่วทั้งนั้นแหล่ะ จะไปเอามันทำไม เราไม่สูบบุหรี่ เราไม่กินเหล้า เราก็ไม่มีเพื่อนที่ชั่ว เราก็มีเพื่อนที่ดีก็ได้ จึงขอร้องว่าท่านทั้งหลายอย่าได้อ้างข้อนี้ว่าถ้าไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเพื่อน ถ้าไม่กินเหล้า ไม่มีเพื่อน ถ้าไม่เล่นอบายมุข ไม่มีเพื่อน เลิกอ้างนี้ดีกว่า ถ้าเพื่อนเลวเพื่อนนำลงนรก ไม่ต้องการ เอาเพื่อนที่จะให้ปลอดภัย ให้ไปสู่สวรรค์ดีกว่า และข้อสุดท้ายเกียจคร้านทำการงาน อย่างที่ว่ามาเมื่อตะกี้นี้แล้ว เป็นกิเลสชนิดหนึ่งของคนที่ไม่มีธรรมะ มันจะเกียจคร้านทำการงาน ไปซักฟอกตัวเองดูให้ดี ไปทดสอบตัวเองดูให้ดี เรามีรักที่จะทำงานมั้ย หรือว่าเราจะทำงานต่อเมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น ถ้าทำงานเฉพาะแต่เมื่อความจำเป็นบังคับเท่านั้น เรานั้นแหละคือคนขี้เกียจทำงาน ระดับไหนก็ตามใจ พวกข้าราชการมาสายแล้วกลับก่อนเวลา นี่มันคือขี้เกียจทำงาน มันเอาเปรียบงาน ผิดหลักอบายมุข ผิดหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า
อบายมุข ๖ คือ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านการทำงาน หกอย่างนี้คนจนเขาทำแข่งขันกันกับพวกนายทุน พวกคนร่ำรวยเป็นนายทุน เขาจะมีอบายมุขกันอย่างไร พวกคนยากจนชนกรรมมาชีพมันก็แข่งขันจะทำให้เท่ากันจะทำให้เหมือนกัน มันก็ตกนรกทั้งเป็น มันก็มีปัญหายิ่งกว่าปัญหาปากท้อง จะยากจนขัดสนอะไร เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เพราะมันไม่มีธรรมะ เพราะฉะนั้นอย่างทำอะไรให้ผิด อย่าทำอะไรให้โง่ จนสร้างอบายมุขขึ้นมา คือปากทางแห่งความฉิบหาย เดี๋ยวนี้เรามองเห็นอบายมุขข้อใหม่ๆ ที่จะเอามาเพิ่มเติมให้กับอบายมุข ๖ ของพระพุทธเจ้า คือบวชลูกเอาหน้า อบายมุขใหม่ๆ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ อาตมาเอามาเพิ่มเติมให้พระพุทธเจ้า บวชลูกบวชหลานเอาหน้า บวชลูกคนหนึ่งมันตั้งงบประมาณไว้หมื่นหนึ่ง ค่าดนตรีค่ามโหรสพ ๕,๐๐๐ ค่ากินเหล้าเมายา ๒,๕๐๐ ค่าสุรุ่ยสุหร่ายอย่างอื่นอีกพอดีหมื่นหนึ่ง บวชลูกคนหนึ่งหมื่นหนึ่ง อยู่ไม่ถึง ๗ วันมันสึก อบายมุขโง่ที่เกิดขึ้นมาใหม่ ทีนี้พอลูกคนที่สองจะบวชอีก มันก็หาเงินหมื่นหนึ่งอีก มันก็จำนองที่นาอะไรมาเอาเงินมาหมื่นมาบวชลูกคนที่สองอีก หมื่นหนึ่งอีก พอลูกคนที่สามบวช มันก็ทำอย่างนั้นอีก พอดีฉิบหายหมด เรือกสวนไร่นาเป็นของเจ้าหนี้หมด อบายมุขบวชลูกเอาหน้า ที่ได้เกิดขึ้นในหลายๆ จังหวัด หลายๆ แห่ง และที่บวชลูกนั้นไม่ได้ประโยชน์อะไรสักนิดเดียว ไม่คุ้มค่าผ้าเหลือง มันบวช ๗ วัน ๓ วัน ๑๐ วัน แล้วมันก็สึกไป โดยไม่รู้อะไร แล้วพ่อแม่มันเสียเงินหมื่นหนึ่งทุกๆ ราย มันชอบมโหรสพ จ้างมโหรสพมาในการบวชลูกครึ่งหมื่น และกินอยู่เมายาอะไรกันก็อีก หมดหมื่นหนึ่ง ค่าเครื่องบวชไม่เท่าไหร่ ค่าถวายพระไม่กี่สตางค์ แต่มันก็เสียเงินไปหมื่นหนึ่งเพื่อบวชลูกคนหนึ่ง บวชลูกสามคนก็ฉิบหายหมดเนื้อหมดตัว นี่อบายมุขใหม่ที่เกิดขึ้น แล้วก็ในวงคนที่ไม่มีสติปัญญา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนอย่างนี้
ปัญหาปากท้องมันก็เกิดขึ้น เพราะพ่อแม่มันโง่ มันบวชลูกแบบนั้น ปัญหาปากท้องยิ่งกว่าปัญหาปากท้องมันก็เกิดขึ้น มันไม่มีอะไรจะกิน แล้วมันก็ไม่ได้ผลอะไรทางจิตใจด้วย ถ้าบวชอย่างสมัยพุทธกาลสมัยพระพุทธเจ้า ไม่ต้องเสียสักสตางค์นึง ฟังแล้วไม่น่าเชื่อ คนที่บวชเขาลาพ่อลาแม่ เขาไปอยู่กับพระในวัดที่สำนักของพระเลย ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับพ่อแม่อีกต่อไป วันดีคืนดีพระก็หาจีวรทางนั้นทางนี้ทางโน้นเก่าๆ ก็ได้บวชให้ ไม่มีใครเสียสักสตางค์เดียวนึง และเป็นพระที่จริง สำเร็จพระอรหันต์ก็มี ลองเปรียบเทียบกันดู เดียวนี้บวชลูกคนนึงเสียหมื่นหนึ่ง บวชสามคนฉิบหายหมด นี่ท่านบวชกี่คนๆ ก็ได้ เพราะไม่ได้ต้องเสียสักสตางค์หนึ่ง พิจารณาดูให้ดีว่าทำไปด้วยความโง่นั้นมันเป็นอย่างไร ทำไปด้วยความฉลาดถูกต้องนั้นมันเป็นอย่างไร ถ้าทำไปด้วยความโง่จะผิดธรรมะทั้งนั้น จะผิดหลักธรรมะทั้งนั้น ไม่มีธรรมะเลย ถ้าทำไปด้วยความฉลาดเป็นธรรมะทั้งนั้น จะถูกต้องตามธรรมะ จะมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากการกระทำ
นี่ถ้าถือหลักอย่างนี้ ปัญหาปากท้องก็ไม่มี มีแต่ธรรมะ ทุกอย่างไม่มีปัญหา ที่มันยากจนเพราะมันไม่มีธรรมะ งานก็ขี้เกียจทำแล้วก็ชอบอบายมุข หาไม่ได้ทันแก่กิเลส ก็ไปปล้นไปจี้ไปลักขโมยแล้วแต่เขาจะทำได้ มันก็หมดเลย หมดทั้งทางกายหมดทั้งทางจิต มันยากจนทั้งทางกายทั้งทางทรัพย์สมบัติ ทั้งทางจิตใจทางวิญญาณ มันจนไปหมด ถ้ามันถือธรรมะ มันสนุกในการทำงาน ไม่มีอบายมุขเลย ไม่กี่เดือนไม่กี่ปีมันจะมีเงิน มันจะมีทรัพย์สมบัติ มันจะมีหลักทรัพย์ที่เพียงพอ มีสติปัญญาดำรงชีวิตให้เป็นสุขอยู่ได้ นี่พูดเพื่อให้เห็นว่าถ้ามีธรรมะแล้ว ปัญหาปากท้องจะไม่มี ถ้าไม่มีธรรมะแล้ว แม้แต่ปัญหาปากท้องเล็กๆ น้อยๆ อย่างโง่เขลาที่สุด มันก็มีๆๆๆ แล้วก็มีมากขึ้นจนต้องเป็นคนล้มละลายอย่างที่ว่ามาแล้ว ขอให้รู้เถอะว่าที่ไม่มีจะกิน เพราะไม่มีธรรมะ ขอให้มีธรรมะเถอะจะไม่มีปัญหาเรื่องไม่มีอะไรจะกิน เพราะได้บอกแล้วว่าธรรมะคือการทำหน้าที่ของมนุษย์อย่างเป็นสุขสนุกสนาน มันยิ่งกว่าขยันซะอีก เพราะว่ามันสนุกมันก็ทำเพลินไป ทำหน้าที่ของมนุษย์คือการปฏิบัติธรรมะ แล้วมันไม่มีทางที่จะยากจน เพราะมันสนุกในการทำงาน แล้วมันเว้นอบายมุขเครื่องฉิบหายนั้นหมด ไม่เท่าไหร่มันก็ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ หลายคนก็มีอยู่เป็นตัวอย่าง ที่เขามามือเปล่า เขาตั้งตัวได้ ยังเป็นคนร่ำรวย ยังเป็นคนดีก็มี แต่ที่รวยแล้วไม่มีธรรมะ ไม่ดี สูบเลือดคนอื่นนั้น อย่าเอาเลย มันจะมีผลร้ายที่สุด โดยประการอื่นในทีในคราวอื่น ฉะนั้นเราถือธรรมะแล้วก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนตามที่ตนเป็นมนุษย์อย่างไรและสนุกสนานอย่างยิ่ง ผลมันก็เกิดขึ้น ไม่มีปัญหาเรื่องปากเรื่องท้อง เพราะฉะนั้นไปบอกคนเหล่านั้นเสียทีว่าที่มันไม่มีจะกินนั้นเพราะไม่ปฏิบัติธรรมะ อย่ามายัดเยียดว่าปฏิบัติธรรมะแล้วจะทำให้ยากจน หรือบางคนว่าปากท้องยังไม่อิ่มมาปฏิบัติธรรมะไม่ได้ เขาควรจะเห็นเสียให้ถูกต้องว่าถ้าปฏิบัติธรรมะแล้วปากท้องมันจะเกินกว่าอิ่มไปเสียอีก เพราะมันจะอิ่มไปถึงจิตใจด้วย
เดี๋ยวนี้ทุกแห่งมีคนพูดว่ารอก่อนธรรมะ เรายังไม่มีอะไรจะกิน ให้เรามีอะไรกินเสียก่อน เราจึงจะไปสนใจธรรมะ นั่นคือคนที่ไม่รู้จักว่าธรรมะคืออะไร อาตมาเคยได้ยินคำชนิดนี้มาด้วยหูตนเอง เป็นคนมีการศึกษาไปเล่าเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา แล้วยังมีการพูดว่าอิ่มเสียก่อนเถอะจึงจะสนใจธรรมะ บางคนผลัดให้แก่เสียก่อนเถอะจึงจะสนใจธรรมะ ก็เลยไม่ต้องสนใจธรรมะ มันก็ตายเปล่า ธรรมะมันจะทำให้มีกิน เมื่อทำหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติแล้วต้องมีกิน อย่างพระเยซูสอนไว้ว่านกกระจิบนกกระจอกมันยังไม่อดตาย พระเจ้าเลี้ยงไว้ ขอให้มันทำหน้าที่ของธรรมชาติเถิด นกกระจิบนกกระจอกมันก็หากินได้ ทำหน้าที่ตามธรรมชาติ มันก็ไม่อดตาย เดี๋ยวนี้เป็นคนทั้งที มีอะไรมากมายมีสติปัญญามากกว่านกกระจิบนกกระจอก ทำไมต้องอดตาย เลิกพูดกันเสียทีเถอะว่าธรรมะเป็นเครื่องถ่วงความเจริญความก้าวหน้าความรุ่งเรืองในทางโลก มันไม่เป็นไปได้ ธรรมะมีไว้สำหรับให้โลกนี้หมดปัญหา คุณช่วยจำไปด้วยว่าธรรมะมีไว้ให้คนที่อยู่ในโลกมันหมดปัญหา ไม่ใช่คนในโลกทิ้งโลกไปอยู่ป่าไปศึกษาธรรมะนั้นมันบ้า เขาต้องการให้อยู่ในโลกนี้โดยไม่ต้องมีปัญหา ธรรมะเข้ามา ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนจะหมดไป นี่ธรรมะมุ่งหมายอย่างนี้ ให้อยู่ในโลกนี้โดยชัยชนะ ชนะโลก ปัญหาในโลกไม่ๆแตะต้องเขา ไม่ครอบงำเขา เพราะเขามีจิตใจอยู่เหนือปัญหาเหล่านี้ เพราะฉะนั้นธรรมะจึงยิ่งกว่าการจะแก้ปัญหาปากท้อง มันแก้ทุกปัญหา
ทีนี้ก็มองดูไปถึงคนที่ร่ำรวยไม่อดอยาก แล้วทำไมจะต้องเป็นโรคภัยไข้เจ็บ เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิต เป็นโรคอะไรต่างๆ เพราะจิตมันถูกทรมานโดยไม่มีธรรมะ คนร่ำรวยมีอำนาจวาสนาก็เป็นโรคภัยไข้เจ็บทางจิตทางวิญญาณกัน ไม่มีความสุขก็มีอยู่มาก เพราะขาดธรรมะเหมือนกัน แล้วเราจะเอาเรื่องร่ำรวยหรือยากจนมาเป็นเครื่องวัดนี้ไม่ได้ ต้องเอาว่ามีธรรมะหรือไม่มีธรรมะเป็นเครื่องวัด ถ้ามีธรรมะก็ไม่มีปัญหาในทุกระดับ คนจนก็จะไม่จน คนมั่งมีก็จะไม่ต้องเป็นโรคประสาทแล้วก็ไม่สูบเลือดคนจนเพราะว่าเขามีธรรมะ คนมั่งมีก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นวิตกกังวลจนเป็นโรคประสาทด้วยความมั่งมีของตน ไม่ต้องเป็นโรคจิตด้วยความมั่งมีของตนเพราะว่าเขามีธรรมะ ธรรมะแก้ปัญหาตลอดตั้งแต่พื้นฐานขึ้นไปตามลำดับจนถึงลำดับสูงสุดไม่ว่าจะเป็นคนร่ำรวย เป็นเทวดาในสวรรค์ สุดแท้มันมีธรรมะแก้ปัญหาได้ ขอให้คิดดูว่าเดี๋ยวนี้โลกทั้งโลกนี่มันมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องการเมือง ปัญหาเรื่องการปกครองต่างๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องไม่มีธรรมะ มีมูลมาจากเรื่องปากเรื่องท้อง ไม่มีธรรมะ มีปัญหาเกิดขึ้น เป็นคนยากจน เป็นคนเจ็บป่วย เป็นคนไม่รู้หนังสือ เป็นคนอะไรต่างๆ นานา มีปัญหา เพราะว่ามันไม่มีธรรมะ ถ้ามีธรรมะเหล่านี้แล้ว ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น เรามองดูจะเห็นได้ว่าแม้แต่เรื่องเศรษฐกิจ มันมีมูลมาจากเรื่องปากท้อง ไอ้เรื่องการเมืองที่วุ่นวาย มันก็มีมูลมาจากเรื่องปากท้อง การปกครองไม่สำเร็จ เพราะมันมีมูลเรื่องปากท้องมันไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองหรือการปกครองไม่ได้ถ้าไม่มีธรรมะ มันจะมีปัญหาที่เกิดมาจากปากท้องมากจนแก้ไม่ไหว ขอให้คอยดูเถิด ถ้าไม่เอาธรรมะมาช่วย ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองการปกครองอะไรได้ นี่ปัญหาปากท้องขนาดยักษ์ของประเทศหรือของโลกก็ต้องแก้ได้ด้วยธรรมะ ธรรมะมีมาแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มี อย่าว่าแต่ปัญหาปากท้องของคนแต่ละคน ปัญหาปากท้องของประเทศทั้งประเทศ ของโลกทั้งโลก มันก็แก้ได้ด้วยธรรมะ แต่เดี๋ยวนี้คนในโลกแต่ละประเทศไม่สนใจธรรมะ มันเห็นเรื่องเศรษฐกิจเรื่องการเมืองเป็นต้นเป็นเรื่องสำคัญไปเสีย ไม่มาสนใจกับธรรมะ มันก็แก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ ขอให้คอยดูเถิด ไม่อาจจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองการปกครองได้ ถ้าไม่เอาธรรมะเข้ามา
ทีนี้ขอให้เราทุกคนมองเห็นข้อเท็จจริงอันนี้และช่วยกันเต็มที่ เพื่อให้ธรรมะกลับมา มีการปฏิบัติหน้าที่ของตนถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ คือเป็นมนุษย์ที่ถูกต้องทุกขั้นตอนตั้งแต่เกิดมาจนตาย ให้มีธรรมะอย่างนี้กลับมา แล้วปัญหาเลวร้ายต่างๆ ในสังคมในประเทศหรือว่าในโลกนี้ก็จะหมดไป เดี๋ยวนี้ทั้งโลกเขาไม่มีเรื่องของธรรมะที่มาปรึกษาหารือหรือแก้ไขปัญหาอื่นๆ องค์การสหประชาชาติเป็นที่ทะเลาะวิวาทไม่ใช่เป็นที่ที่มีธรรมะใช้ธรรมะแก้ปัญหาในโลก เขาไม่ได้ใช้ธรรมะกันเลย เขาใช้ฝีปากใช้อำนาจใช้พรรคพวกต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา อย่างนี้มันจะสร้างปัญหาปากท้อง คือความไม่สงบสุขของประชาชนในโลกเพิ่มขึ้น ขอให้มันเปลี่ยนกันเสียที ให้องค์การใหญ่โตของโลกของระหว่างชาติเอาธรรมะขึ้นมาพิจารณา และใช้มันแก้ปัญหาให้หมดไปจากโลก ปัญหาที่คาราคาซังอยู่ในโลกเวลานี้มีอะไรบ้าง ท่านทั้งหลายก็อ่านหนังสือพิมพ์ ก็รู้กันอยู่ทั่วโลกมีปัญหาอะไรบ้าง แล้วไปพิจารณาดูแต่ละรายๆ เถิด มันไม่มีธรรมะ มันแก้ปัญหาไม่ได้ ขออภัยออกชื่อปัญหาอเมริกันกับอิหร่านเวลานี้ ถ้าไม่เอาธรรมะเข้ามาช่วยปรับปรุง มันก็ไม่มีทางที่จะพูดกันรู้เรื่อง มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าศาสนาเข้ามาธรรมะเข้ามา มันจะง่ายนิดเดียว มันจะยุติปัญหานี้ได้ในพริบตาเดียว ธรรมะจำเป็นสำหรับมนุษย์อย่างนี้ จะแก้ปัญหาปากท้องได้ และจะแก้ปัญหาใหญ่หลวงที่มีมูลมาจากปัญหาปากท้องนั้นได้อีกทีหนึ่ง ก็เลยหมดปัญหากัน
อาตมาก็ต้องเรียกท่านทั้งหลายว่าเป็นพุทธบริษัททุกคน ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงได้เรียกว่าพุทธบริษัท แล้วก็รีบทำให้สำเร็จ คือรู้จักธรรมะให้เพียงพอแล้วก็ปฏิบัติธรรมะให้เพียงพอ คือใช้ธรรมะเป็นเครื่องแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ก็จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัท เป็นคนของพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าก็จะคุ้มครองให้มีชีวิตชนิดเย็น ไม่เป็นโรคประสาท ไม่ต้องอายสุนัขที่มันไม่เป็นโรคประสาทอีกต่อไป ถ้าคนเรายังเป็นโรคประสาทอยู่มากมาย ในเมื่อสุนัขสักตัวหนึ่งมันก็ไม่ได้เป็น ควรจะละอายมันบ้าง ที่จะแก้ปัญหานี้ได้ไม่มีอะไร นอกจากธรรมะ จะไม่สร้างปัญหาใดๆ ขึ้นมา มนุษย์ไม่ต้องทนทุกข์ทางกายทางจิตและทางวิญญาณเพราะธรรมะนั้น
ขอจบลงด้วยการย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะคือกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ ธรรมะคือผลที่เกิดมาๆตามการปฏิบัติหน้าที่ตามธรรมชาติ และเราก็มีการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเราทุกขั้นทุกตอนของวิวัฒนาการนับตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่จนกว่าจะเข้าโลง จะมีความถูกต้องตลอดสายนั้น นี่คือมีธรรมะ ปัญหาใดๆ จะหมดสิ้น ไม่เพียงแต่ปัญหาปากท้อง ปัญหาอื่นๆ จะพลอยหมดเกลี้ยงไปหมด ปัญหาปากท้องนั้นไม่ต้องสงสัย จะหมดเกลี้ยงไปหมดเพราะเรามีธรรมะ ประพฤติธรรมะ สนุกอยู่ในการปฏิบัติธรรมะ คือหน้าที่ของมนุษย์ อาตมาขอยุติการบรรยายด้วยความสมควรแก่เวลาในคราวนี้ ขอยุติการบรรยายนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้