แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไม่ต้องก็ได้ ไม่ต้องหรอก คือว่าจะพูดตามสบาย ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในการบำเพ็ญกุศลเนื่องกับการขึ้นปีใหม่ ได้มาประชุมกันที่นี่ในวันนี้ในลักษณะอย่างนี้ ขอให้ทุกคนตั้งใจทำให้สำเร็จประโยชน์อย่างน้อยก็ชั่วเวลาสามสี่ชั่วโมงนี้ จะทำให้ดีเป็นพิเศษให้สำเร็จประโยชน์ในการที่อุตสาห์มาในลักษณะที่ว่าปีหนึ่งก็ครั้งเดียวเกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่ ขอให้นึกด้วยสามัญสำนึกก็ได้ ไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไรนักก็อาจจะมองเห็นว่าจะมีประโยชน์อย่างไร แต่ถ้านึกด้วยสติปัญญาอันลึกซึ้งก็ยิ่งดีเพื่อจะได้เห็นมากไปกว่านั้น คำว่าประโยชน์ในที่นี้มันก็ต้องหมายถึงประโยชน์ที่แท้จริงคือเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเหมาๆเอาว่าเป็นประโยชน์ เหมือนกับที่เหมาๆเอาว่าได้บุญ ถ้าเป็นประโยชน์จริงก็จะต้องมีอะไรดีขึ้นทุกๆปีสมกับที่เรียกว่าปีใหม่ ทีนี้เราฟังดูหรือสังเกตดูรู้สึกว่ามันก็ชอบกลตรงที่ว่ามันทำซ้ำๆซากๆกันอยู่อย่างนี้ พูดก็อย่างนี้ กระทำก็อย่างนี้ ไม่มีอะไรแปลกออกไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะใหม่กันอย่างไร ถ้ายังมองเห็นอย่างนี้คนนั้นก็จะต้องยอมรับอยู่แล้วในตัวว่ามันไม่มีอะไรก้าวหน้าหรือไม่มีอะไรใหม่ วันสิ้นปีก็มาสวนโมกข์เสียที ก็ทำอะไรอย่างเดียวกัน แล้วก็กลับไป ปีใหม่ก็ทำอย่างนี้อีก เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไรขอให้สอดส่องดูในใจด้วยกันทุกคน ถึงอย่างไรคงจะมีไอ้ส่วนที่เป็นความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มองก็ไม่เห็น เอาละเป็นอันว่าเรามาตั้งต้นปีใหม่ในป่าในดง อย่างนี้กันทุกปี พอจะถึงวันสิ้นปีก็วิ่งมาในป่า แล้วก็มาตั้งต้นปีใหม่ แล้วก็กลับออกไปอยู่ที่บ้านที่เมือง พอจะสิ้นปีก็วิ่งมาในป่าอีก มาตั้งต้นปีใหม่กันในป่าแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านที่เมือง มันเป็นการซ้ำซากหรือว่ามันเป็นการก้าวหน้าอย่างไรบ้าง ข้อนี้มันอยู่ที่คนๆนั้นเองเขาจะทำของเขาอย่างไร ถ้าหากว่าสามารถกระทำได้ถึงขนาดที่ว่าเดี๋ยวนี้เรานั่งอยู่ในป่าอย่างนี้ แต่มันมีอะไรแปลกออกไปจากการนั่งในป่าของปีที่แล้วมา มีความรู้สึกอะไรสูงขึ้นไปบ้าง แปลกออกไปบ้างหรือแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นบ้าง ก็ต้องได้นับ ก็ต้องนับได้ว่ามันมีประโยชน์คุ้มกันกับที่อุตสาห์มา ทั้งเหน็ดเหนื่อยทั้งเสียเวลา เสียเงินเสียทอง ถ้ามองเห็นความแปลกออกไปก็เรียกว่าได้รับประโยชน์ที่คุ้มค่า ดังนั้นจึงขอให้สนใจให้มากในส่วนนี้ คือทำอะไรให้มันเป็นพิเศษยิ่งขึ้นไปทุกปี เป็นการเลื่อนชั้นอย่างที่เคยพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องเป็นการเลื่อนชั้น สำหรับคนโง่ไม่อาจจะเลื่อนชั้น และแม้ว่ามันจะเลื่อนชั้นของมันเองในตัว คนโง่นั้นก็ยังมองไม่เห็นว่าเป็นการเลื่อนชั้นอยู่นั่นเอง มันจะทำอย่างไรได้เพราะว่าเขาเป็นคนโง่ ถึงกับว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาก็ไม่มองเห็น นี่เราจะสมัครเป็นคนโง่ถึงขนาดนี้หรืออย่างไร ช่วยระมัดระวังกันให้มาก ถึงอาตมาก็เหมือนกัน เพราะกล่าวถ้อยคำที่ดูจะซ้ำๆซากๆอยู่อย่างนี้ทุกปี แต่ก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะให้มีการแสดงให้เห็น ให้ละเอียด ให้ลึกซึ้งในเรื่องเดียวกันนั้นอย่างยิ่งๆขึ้นทุกปี ถ้าตั้งใจฟังให้ดีๆก็คงจะพอมองเห็นได้ว่ามันมีอยู่จริง
ในวันนี้หรือในเวลานี้ก็อยากจะให้นึกถึงสิ่งที่เรียกว่าประเพณีอีกนั่นแหละ พูดแล้วพูดอีกถึงเรื่องคำว่าประเพณี จะเรียกว่าขนบธรรมเนียมหรือประเพณี พิธีก็ยังได้ แต่ขออย่าให้เลยไปเป็นรีตอง มันจะมากไป เอาที่คำว่าประเพณีซึ่งใช้กันอยู่โดยมาก แล้วเราทำบุญทำกุศลทำพิธีเนื่องด้วยประเพณีวันปีใหม่ ที่จะต้องเตือนกันก็มีอยู่ที่ว่าขอ ขอให้มันเป็นประเพณีที่ ที่แท้จริง แล้วก็สมบูรณ์ แท้จริงยิ่งขึ้นไปทุกปี สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปทุกปี มันก็จะต้องมีประโยชน์เป็นแน่ อย่าเข้าใจว่าทำตามประเพณีแล้วมันก็ทำอย่างละเมอๆ ขอให้มองเห็นชั้นแรกอย่างที่ว่ามันเป็นพื้นฐานเสียก่อนว่าถ้ามันไม่มีประเพณี แล้วนี้ เดี๋ยวนี้มันจะมานั่งกันอยู่ที่นี่ในลักษณะอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะมันมีประเพณี เพราะมันเป็นประเพณี มันจึงบันดาลให้มีการกระทำอย่างนี้ มานั่งกันอยู่ที่นี่ในลักษณะอย่างนี้ ถ้าไม่มีประเพณีทำบุญขึ้นปีใหม่เราก็ไม่ได้มานั่งกันอย่างนี้ แล้วก็ไม่ได้ประกอบการกระทำที่เป็นประเพณี มันก็คือไม่มีประเพณีขึ้นปีใหม่ ไม่ ไม่ได้ทำอะไรๆเนื่องกับปีใหม่ให้ดีที่สุด ก็เป็นอันว่าไม่มี ไม่มีการกระทำ ไม่มีการกระทำก็ไม่ ไม่มีการก้าวหน้า มันก็เลยไม่มีอะไรนอกจากเหลวคว้างไป เดี๋ยวนี้ประเพณีบังคับให้มานั่งกันที่นี่ในลักษณะอย่างนี้ แม้จะเป็นประเพณีเฉพาะที่นี่ก็ตาม มันก็ทำให้มีการกระทำขึ้นมาจนได้ นี้ก็เป็นประโยชน์แล้วคือประโยชน์ของประเพณีที่ทำให้มีการกระทำสิ่งที่ควรกระทำอย่างซ้ำๆซากๆ ประเพณีจึงช่วยให้ง่าย ให้เป็นไปได้โดยง่ายในการทำสิ่งที่จะต้องทำกันโดยแท้จริง ขอให้มองเห็นว่าทำบุญปีใหม่นี้เป็นสิ่งที่จะต้องทำหรือควรกระทำโดยแท้จริง พอมีประเพณีเกิดขึ้นมันก็ทำให้ง่ายในการที่จะได้ทำ เพราะฉะนั้นเราจึงขอบใจไอ้ขนบธรรมเนียมประเพณี แล้วก็ช่วยกันรักษาไว้ ลูกหลานในอนาคตก็จะช่วยกันรักษาไว้ แล้วมัน มันก็จะมีประโยชน์เกิดขึ้น คุ้มครองลูกหลานเหล่านั้นให้เป็นสุขสวัสดีตลอดไปสิ้นกาลนาน ถ้าคนแก่เหล่านี้เห็นแก่ลูกหลานก็ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ มันก็จะมีการกระทำสำหรับลูกหลาน ก็จะยึดหน่วงเอาไว้ในทางที่ถูกที่ควร หรือเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป นี่คือประโยชน์ของประเพณี ซึ่งขอสรุปใจความสั้นๆว่ามันช่วยให้ง่าย มันช่วยให้มีการกระทำ มันช่วยให้มีการกระทำโดยง่ายโดยสะดวกในสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำหรือต้องกระทำ ถ้าพูดอย่างภาษาธรรมะในวัดมันก็ว่าดีแล้ว พอเรามองเห็นอย่างนี้เราก็มีปีติปราโมทย์ มีความพอใจ ก็เรียกว่าเราได้บุญ คือมีความพอใจเพราะได้ทำสิ่งที่ควรจะทำ ถ้าท่านอยากจะเอาบุญอยากจะได้บุญก็ต้องคิดให้เห็นในข้อนี้ แล้วก็จะรู้สึกว่าได้บุญ ได้บุญแก่ตัวเอง ได้บุญแก่อนุชนที่จะเกิดตามมาข้างหน้า นี่คือสิ่งแรกที่สุดที่จะต้องมองให้เห็นว่าสิ่งที่มนุษย์จะต้องทำมีอยู่กี่อย่างๆก็ตาม กี่ร้อยอย่างกี่พันอย่างก็ตามที่มนุษย์จะต้องทำนั่น มันจะเป็นไปได้โดยง่ายและดีที่สุดสมบูรณ์ที่สุดถ้าเราได้ตั้งไว้ให้เป็นประเพณี หรือเป็นขนบธรรมเนียมก็แล้วแต่จะเรียก มันไม่ใช่เรื่องปีใหม่อย่างเดียว มันเรื่องอะไรอีกหลายเรื่องหลายสิบเรื่องหลายร้อยเรื่องที่ว่าจะต้องทำ เมื่อตั้งเป็นประเพณีไว้แล้วมันจะดึงจะบังคับหรือจะบันดาลให้มีการกระทำจนได้ ดังนั้นเราก็ขอบใจประเพณีและช่วยกันรักษาไว้ ก็ได้ผลคุ้มค่าที่ลำบาก ฉะนั้นขอให้ไปคิดเอาเองว่ามันมีอะไรบ้างกี่อย่างที่เราจะต้องทำ ที่ได้จัดขึ้นไว้เป็นประเพณีแล้ว ประเพณีทำบุญตายายก็ดี ทำบุญแม้แต่สงกรานต์ก็ดีอะไรก็ดีที่เขาได้ตั้งไว้แต่กาลก่อนนั่นมันมีเหตุผล มันมีความมุ่งหมายที่ดีด้วยกันทั้งนั้น
เอ้า, ทีนี้เรื่องถัดไปอีกก็จะเป็นเรื่องที่ว่าเมื่อเราทำตามประเพณีอย่างสุดความสามารถอยู่ทุกๆปี แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น อาตมาก็อยากจะบอกว่าการเลื่อนชั้นนั่นเองมันจะเกิดขึ้น การเลื่อนชั้นตัวเองให้มันดีขึ้นไป ให้มันสูงขึ้นไปนั่นแหละมันจะเกิดขึ้น เพราะว่าเราได้ทำอย่างถูกต้องตามที่ควรจะทำซ้ำๆซากๆ อยู่ทุกๆโอกาสที่ควรจะทำ ถ้าวันนี้มาทำพิธีขึ้นปีใหม่ให้ดีให้ถูกให้สมบูรณ์ก็จะเป็นการเลื่อนชั้นสำหรับปีใหม่หรือปีถัดไป ทีนี้การเลื่อนชั้นนี่มันเป็นการเลื่อนชั้นของอะไร พูดเอาเหมาๆกันก็ต้องพูดว่ามันเป็นการเลื่อนชั้นของจิตใจ ถ้าจิตใจมันเลื่อนชั้นได้ ไอ้การกระทำทางกายทางวาจามันก็เลื่อนชั้นได้ เพราะมันเป็นไปตามอำนาจของจิตใจ ถ้าว่าคนๆหนึ่งมันเลื่อนชั้นตัวเองได้ และได้ด้วยกันทุกคนมันก็เป็นการเลื่อนชั้นของไอ้สังคมนั้นๆ ของบ้านของเมืองของประเทศหรือของโลกไปก็ได้ด้วย นี่เราเรียกว่าเลื่อนชั้นคือดีกว่าที่เป็นมาแล้ว แต่ทีนี้อยากจะขอให้ระวังสังวรกันสักอย่างหนึ่งว่าการเลื่อนชั้นของสิ่งที่เรียกว่าชีวิตน่ะ คือชีวิตมันจะเลื่อนชั้นนะมันมีความลึกซึ้ง มีความลึกมีความยากสำหรับผู้ที่รู้จักแต่เรื่องปากเรื่องท้อง คนที่มีความรู้แต่เรื่องปากเรื่องท้องนี่ยากที่จะเลื่อนชั้นของชีวิต มันเป็นเรื่องลึกมันเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็น ยิ่งถ้าไปมองเห็นแต่เรื่องกิน หรือเรื่องปากเรื่องท้อง หรือเรื่องเนื้อเรื่องหนัง เรื่องกามารมณ์ เรื่องยกหูชูหาง ที่เรียกว่าเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรตินี่ไปเสียอย่างมัวเมาแล้วมันจะไม่เลื่อนชั้นแก่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าชีวิต คือชีวิตจริงๆมันจะไม่เลื่อนชั้น มันจะเลื่อนชั้นแต่เนื้อหนังอะไรภายนอกหรือสิ่งที่มีปรากฏการณ์ภายนอก ดูหรูหรา รุ่งเรืองถึงขนาดที่เรียกว่าแวววาวไปทีเดียว แต่จิตใจในส่วนลึกนั่นมันไม่ได้เลื่อนชั้น ขอให้ระวังให้ดีๆในข้อนี้ ผู้ที่รู้แต่เรื่องปากเรื่องท้องก็หมายความว่ามันโง่เพราะมันมองเห็นแต่เรื่องปากเรื่องท้อง จนกับรู้สึก จนถึงกับรู้สึกว่า คนเรานี้มันไม่มีอะไรนอกจากเรื่องมีกินมีใช้ อยู่สบายก็แล้วกัน มันคิดเท่านั้น มันก็มีเท่านั้น เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม ไม่รู้ว่าเกิดมานี้เพื่อจะได้อะไรสักกี่อย่างกี่ระดับ อย่าว่าแต่พวกชาวบ้าน พวกพระพวกเณรก็ยังเหมือนกัน ก็ยังโง่อย่างนี้ ยังเห็นแต่เรื่องปากเรื่องท้องกันอยู่โดยมาก ก็เลยไม่มีความก้าวหน้าในทางธรรม ไม่มีการเลื่อนชั้นของชีวิตที่แท้จริง มันน่าคิดหรือว่าน่าหวาดเสียวน่ากลัวสำหรับคนที่เห็นหรือรู้จักแต่เรื่องปากเรื่องท้องนั้น มันจะไม่ ไม่มองเห็นไอ้เรื่องความสำคัญของการเลื่อนชั้นแห่งชีวิต ดังนั้นปีหนึ่งมันก็ไม่เลื่อน ๒ ปีก็ไม่เลื่อน กี่ปีมันก็ไม่เลื่อนมันก็อยู่อย่างนั้นเองจนกระทั่งตายไป ใช้คำว่าเน่าเข้าโลงไป ไม่มีอะไรเป็นการเลื่อนชั้นนอกจากว่ากินๆนอนๆแล้วก็ตายไป ซึ่งสัตว์เดรัจฉานมันก็ทำได้ ตามคติโบราณที่เขากล่าวไว้ ได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆแล้วว่าการหาอาหารกิน การแสวงความสุขจากการนอน การรู้จักขี้ขลาดวิ่งหนีอันตราย การประกอบกิจระหว่างเพศ ๔ อย่างนี้สัตว์เดรัจฉานก็ทำได้เสมอกันกับคน สิ่งที่จะทำให้แปลกกันก็คือคุณธรรมสำหรับความเป็นมนุษย์ ฉะนั้นเราจะต้องนึกถึงคำว่ามนุษย์ที่มีอะไรสูงไปกว่าคน หรือสูงไปกว่าสัตว์ เป็นคนนี้ไม่สูงกว่าสัตว์กี่มากน้อยหรอกเพราะทำอะไรเหมือนๆกัน จิตใจไม่สูง จิตใจไม่เลื่อนชั้นเป็นคนมันก็เห็นแต่เรื่องปากเรื่องท้องมันก็ไม่เลื่อนชั้นมันก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน ก็เป็นอันว่าเกิดมาไม่ได้เป็นมนุษย์ เป็นได้แต่เพียงคน ไม่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นมนุษย์เลย ทุกคนเกิดมาก็ได้รับการเลี้ยงดูแวดล้อมมาตามธรรมเนียมตามประเพณีอย่างที่เขาเรียกกันว่าเป็นคน ไม่ได้สอนให้จิตใจสูงถึงกับเป็นมนุษย์ มันต้องไปบวชไปเรียนไปศึกษา ไปสังเกตไปค้นคว้าอะไรอีกทีหนึ่งจึงจะรู้เรื่องจิตใจที่สูง มันก็มีอะไรที่มันสูงพอที่จะเรียกว่ามนุษย์ ฉะนั้นใครเป็นมนุษย์หรือยัง ก็ไปดูของตัวเอง ถ้ายังก็รีบเลื่อนชั้น การเลื่อนชั้นนี้มีความสำคัญมาก สำคัญตรงที่ว่าถ้าไม่เลื่อนมันก็ตายเปล่า เกิดมาก็ไม่มี ไม่มีค่าอะไร คล้ายๆคำหยาบคายที่สุดว่ามันเสียชาติเกิด ไอ้คนเสียชาติเกิดนี้ก็คือไม่ได้เลื่อนชั้นให้สูงขึ้นมาถึงกับเป็นมนุษย์ รู้จักแต่เรื่องปากเรื่องท้อง แล้วมันก็งกเงิน มันก็เห็นแก่เงิน เพราะเงินนี้มันอำนวยเรื่องปากเรื่องท้อง แล้วมันก็ลุกลามไปถึงเห็นแก่กิเลส ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลส ทำตามอำนาจของกิเลสแล้วมันก็เบียดเบียนตนเอง แล้วมันก็เบียดเบียนผู้อื่นพร้อมกันไป เราจึงเห็นได้ว่าในโลกนี้มันมีแต่การเบียดเบียน การเบียดเบียนระหว่างกันและกันนั้นแหละก็ยังมีมากมายเต็มไปหมดในโลกนี้ แต่การเบียดเบียนตนเองกลับมากยิ่งไปกว่านั้น ช่วยระวังสังเกตดูให้ดี โง่ลงไปทีหนึ่งจะเบียดเบียนตัวเองทีหนึ่งเสมอแล้วก็นานๆด้วย หลายนาทีหลายชั่วโมงหลายวันก็ได้ โง่หรือเผลอไปทีหนึ่งจะเบียดเบียนตนเองทันทีทีหนึ่ง ชั่วขณะก็ได้ หลายเวลาก็ได้ หลายวันก็ได้ ถ้าไม่ลำบากเป็นหลายๆปีก็ได้ถ้ามันโง่มาก มันต้องเบียดเบียนตัวเองอย่างสมกันเสมอ ดังนั้นเราจึงถือว่าการเลื่อนชั้นตัวเองนั้นมีความ สำคัญ มีค่ามีความหมาย มีความประเสริฐอยู่ในนั้น ขอให้ได้เลื่อนชั้นกันทุกคน อย่างน้อยก็ให้เป็น ให้เลื่อนขึ้นมาเป็นมนุษย์พอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เราไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อเรื่องปากเรื่องท้อง หรือจะพูดให้ชัดลงไปอีกว่าไม่ใช่เพียงเรื่องกิน เรื่องกามและเรื่องเกียรติ ๓ ก. เท่านั้น มันยังมีธรรมะที่สูงกว่านั้นที่เรียกว่า ๓ ส. คือมีภาวะแห่งจิตใจเป็นความสะอาด เป็นความสว่าง เป็นความสงบ อย่าเอาไปปนกัน สมบูรณ์ด้วยเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติ แต่ใจของมันสกปรก ใจของมันมืดมัว ใจของมันเร่าร้อนไม่มีความสงบเลย ต้องนึกถึงเรื่องนี้ก่อน ถ้าจะเป็นมนุษย์ ถ้าต้องการจะเป็นมนุษย์ต้องนึกถึงเรื่องนี้ก่อน คือมีจิตใจสะอาด สว่าง สงบนี้เป็นพื้นฐาน ส่วนเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรตินั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ใช่เรื่องมีค่ามีความหมาย เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ เราต้องไปเกี่ยวข้องเท่าที่ควรจะเกี่ยวข้องหรือที่มีความจำเป็นจะต้องเกี่ยวข้อง อยู่ในระดับต่ำก็ยิ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้มาก พอมันเลื่อนระดับสูงขึ้นมาก็เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้น้อย หรือให้ความหมายแก่เรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรตินี้น้อย น้อยลงๆ ก็อยู่ที่ความสะอาด สว่าง สงบนั้นมากขึ้นๆ นี่เราเรียกว่าเลื่อนชั้น เป็นของยากเป็นของลึกที่จะเข้าใจได้สำหรับคนที่รู้จักแต่เรื่องปากเรื่องท้องอย่างเดียว เมื่อพูดให้มันเกี่ยวกันกับปีใหม่ก็ต้องหมายความว่าเราจะต้องรู้จักเรื่องการเลื่อนชั้นของชีวิตนี้ให้มากขึ้นทุกปี ก็ลดความเห็นแก่เรื่องปากเรื่องท้องนั้นลงทุกปี โดยสัดส่วนที่สมกันมันจึงจะเป็นไปได้ เพราะมันจะเต็มขึ้นมาพร้อมๆกันไม่ได้เพราะมันตรงกันข้าม ไอ้ความเป็นคนกับความเป็นมนุษย์นี่เขาว่ามันคล้ายกัน หรือบางคนก็ว่าเป็นอย่างเดียวกัน อาตมา อาตมามองไปในทางที่ว่ามันตรงกันข้าม เพราะว่าคนมันไปในทางต่ำ มันมีความหมายต่ำ มนุษย์มันเป็นไปในทางสูง มีความหมายสูง ยิ่งล่วงเวลา ล่วงกาลเวลามานานเท่าไรมันจะยิ่งหันหลังให้กัน คนหนึ่งมันจะสมัครเป็นคนตะกละแต่เรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติ ส่วนอีกคนหนึ่งนั่นมันไปตะกละ ซึ่งไม่ควรจะเรียกว่าตะกละ แต่เอาแหละเป็นอันว่าอยากมากเหมือนกับคนตะกละ ไปตะกละเรื่องความสะอาด ความสว่าง ความสงบ คนหนึ่งมันตะกละเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติ คนหนึ่งมันตะกละเรื่องความสะอาด สว่าง สงบ แล้วมันจะไม่หันหลังให้กันอย่างไร มันก็เดินหันหลังให้กันออกไปคนละทิศคนละทาง ฉะนั้นความเป็นคนกับความเป็นมนุษย์นี่ถ้าเราดูให้ดี ให้ดีกว่าปีกลาย ปีนี้ดูให้ดีกว่าปีกลายจะเห็นว่าไอ้ความเป็นคนกับความเป็นมนุษย์นี่มันต่างกันอย่างนี้ ในที่สุดมันจะต่างกันถึงขนาดที่เรียกว่าหันหลังให้กันทีเดียว เมื่อเข้าใจแล้วมันก็คงจะมองเห็นไอ้ความหมายของคำว่าเลื่อนชั้น เห็นความสำคัญของคำว่าเลื่อนชั้น พร้อมกับเห็นว่ามันก็ยากลำบากบ้าง แต่ก็ไม่เกินความสามารถไม่เหลือวิสัย ฉะนั้นเราก็พยายามที่จะเลื่อนชั้นกัน ไม่เห็นแก่ปากแก่ท้องเหมือนกับลูกเด็กๆ ทุกคนเคยเป็นเด็ก ช่วยสำนึกกันสักหน่อยว่าเมื่อเป็นเด็กนะมันเห็นแก่อะไร มันต้องการแต่อะไร ซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไปแล้วว่ามันต้องการแต่จะกินจะเล่นเท่านั้นเอง ถ้าเราจำเรื่องของเราเองไม่ได้ก็ดูไอ้เด็กเล็กๆที่มันกำลังมีให้เห็นอยู่เดี๋ยวนี้ มันรู้แต่เรื่องกินเรื่องเล่น ไอ้เราก็ไม่ดีไปกว่านั้นอย่าอวดดีไปเลย แล้วก็เชื่อได้เลยว่ามันเหมือนๆกันแหละกับเด็กทั่วๆไป ทีนี้พอพ้นจากความเป็นเด็กต่างหากมันจึงจะมานึกถึงเรื่องศึกษาเล่าเรียน เรื่องดีเรื่องเด่น เรื่องร่ำรวยสวยงามอะไรขึ้นมา เป็นคนหนุ่มคนสาว เป็นพ่อบ้านแม่เรือนอะไรขึ้นมา มันจึงเปลี่ยนเป็นพ่อบ้านแม่เรือน สมบูรณ์ไปด้วยเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติแล้วทีนี้จะไปทางไหนต่อไป ตอบอย่างกำปั้นทุบดินมันก็ต้องไปในทางที่มันดีกว่านั้น อะไรที่มันดีกว่านั้นนี่ค้นไปค้นมาก็จะไปพบพระธรรมในพระศาสนาที่จะทำให้คนมีจิตใจสูง มีค่าที่จะทำให้คนมีค่าสูงขึ้นมา จนกระทั่งสูงสุด ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และโดยเฉพาะที่ได้รับพระพุทธศาสนา เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่เรียกกันว่าเป็นพระอรหันต์ ถ้าเป็นได้ตามลำพังตนเองก็เรียกว่าเป็นพระสัมมาพระพุทธเจ้า ทีนี้เราไม่สามารถจะเป็นได้ลำพังตนเอง ต้องเรียนต้องรู้ต้องฟังมาก็เป็นเพียงพระอรหันต์ธรรมดา ก็เรียกว่าสูงสุดที่มนุษย์ควรจะสูงได้ ไม่มีปัญหาที่เป็นเรื่องความทุกข์อะไรอีกต่อไป อยู่เหนือปัญหาเรียกว่าอยู่เหนือโลก เรียกเป็นภาษาบาลีก็ว่าเป็น โลกุตระ เป็นโลกอุดร มันอยู่เหนือโลก เพราะว่าอยู่เหนือปัญหาในโลกโดยประการทั้งปวง คนฟังไม่ถูก อยู่เหนือโลกก็ไม่เดินท่อมๆอยู่ในโลกนี้เล่า นี่เขาพูดกันเรื่องจิตใจว่าจิตใจมันอยู่เหนือโลก เหนือปัญหาในโลก ความทุกข์ยากลำบากที่โลกมันมีให้นั่นเราอยู่เหนือหมด อย่างนี้เรียกว่ามันอยู่เหนือโลก ใครอยู่เหนือโลกได้เท่าไรก็มีความทุกข์น้อยเท่านั้น กระทั่งเหนือโลกถึงที่สุดก็ไม่มีความทุกข์เลย ใครบ้างอยากจะมีความทุกข์ คงไม่มีใครอยากจะมีความทุกข์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะไม่มีความทุกข์ ฉะนั้นเขาก็ต้องมีความทุกข์ เราเรียกคนชนิดนี้ว่ามันจมอยู่ในโลก คืออยู่ภายใต้ปัญหานานาชนิดของโลก จึงต้องมีความทุกข์เพราะปัญหาในโลก ถ้าขึ้นอยู่เหนือปัญหาในโลกนี้ได้มันก็เรียกว่าเหนือโลก เป็นโลกอุดร แม้ว่าร่างกายเขาจะอยู่ในโลกนี้ ยังกินข้าวปลาอาหารเหมือนผู้อื่น แต่ใจของเขาต่างกันลิบ ใจของเขาอยู่เหนือปัญหาเรื่องกินเรื่องอยู่เรื่องอะไรทุกๆอย่างทุกๆประการ สรุปแล้วก็เรียกว่าอยู่เหนืออิทธิพลของกาม ของกินของกามของเกียรติ นี่คือคนที่เลื่อนชั้นเลื่อนจนอยู่เหนือโลก
ทีนี้ก็มาดูเป็นเรื่องที่ ๓ ว่าแม้แต่เรื่องในโลกไอ้เราก็ยังรู้จักน้อยเกินไป ไม่ต้องอะไรหรอก พูดธรรมดาสามัญว่าเรื่องปากเรื่องท้องนั่นแหละเราก็ยังรู้จักมันน้อยเกินไป คนที่อยู่ในโลกนี้หลงอยู่ในเรื่องปากเรื่องท้อง ไม่ชอบเลื่อนชั้นไม่ชอบธรรมะนี่มันก็ยังไม่รู้จักไอ้เรื่องปากเรื่องท้อง รู้จักเรื่องปากเรื่องท้องน้อยเกินไปจนไม่อาจจะแก้ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องได้ นี้ก็ได้แก่คนทั้งหลายที่มันโง่หรือขี้เกียจ หรือประมาทหรืออะไรก็ตาม จนแม้แต่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็ไม่พอ ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เพราะไม่มีอะไรจะกิน ถ้าปัญหาขั้นต่ำที่สุดมันยังแก้ไปไม่ได้ อย่างนี้แล้วมันก็ไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาที่เหนือนั้นขึ้นไปได้ เพราะฉะนั้นขอให้ระวังให้ดีที่สุดว่าเราอย่าเป็นคนที่เอาชนะไม่ได้แม้แต่เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องปากแท้ๆ เรื่องปากเรื่องท้องแท้ๆเราก็ยังไม่รู้ หรือรู้ผิดๆ หรือว่ารู้ผิวเผินเกินไป ถ้าอาตมาจะพูดว่าไอ้ที่นั่งอยู่ที่นี่เกือบทุกคนนี่ยังรู้เรื่องปากเรื่องท้องผิวเผินเกินไป แก้ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องไม่ได้ ท่านจะว่าอย่างไร จะยอมรับว่าจริงหรือไม่ เราอย่าทะเลาะกันให้มาก เอาแต่เพียงว่าถ้ายังมีไอ้เรื่องยุ่งใจ กระทบกระทั่งนั่นนี่ในเรื่องปากเรื่องท้องภายในครอบครัว บ้านเรือน หรือแม้แต่ในวัดในวานี้ก็เรียกว่ายังไม่รู้จักเรื่องปากเรื่องท้องด้วยกันทั้งนั้น จะสู้สุนัขและแมวก็ไม่ได้ ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องเหมือนกับคน พูดกันแล้วมันก็จะไปไกลไปถึงกับว่าไอ้เรานี่มันโง่ สร้างปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ทุกชั่วอายุคนก็แล้วกัน ปัญหาที่ปู่ย่าตายายของเราไม่เคยมี เราก็อุตสาห์ทำให้มันมีขึ้นมาจนได้ ยกตัวอย่างเหมือนกับว่าไอ้น้ำตาลมันจะแพง ต่อไปนี้กิโลหนึ่งจะไม่น้อยกว่า ๖ บาท ๕๐ สตางค์อย่างนี้เป็นต้น มันก็มีปัญหาขึ้นมาเรื่องน้ำตาลมันแพง ไม่ค่อยจะมีสตางค์ซื้อ แล้วก็มีเรื่องขุ่นข้องในใจ และคิดดูเถอะว่าปู่ย่าตายายของเรามันไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้ น้ำตาลแพงก็แพงไปสิ เราไม่กินก็ได้นี่ บางทีก็ว่าหมูแพงจนถึงกับเดือดร้อนจนนอนไม่หลับ จนถึงกับทะเลาะกันในหน้าหนังสือพิมพ์ ระหว่างราษฎรกับรัฐบาลเพราะว่าหมูมันแพง ไอ้คนโง่เหล่านี้มันไม่รู้จักแก้ปัญหาว่าหมูมันแพง มันเอาไปร้อนใจ ถ้าเป็นสมัยปู่ย่าตายายเขาก็ไม่ร้อนใจ ก็ไม่กินมันก็แล้วกัน แล้วทำไมจะต้องไปร้อนใจกับหมูแพงน้ำตาลแพง หรืออะไรแพงก็สุดแท้เถอะ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นปัญหาที่เอามาเดือดร้อน และเอามาทะเลาะกันทุ่มเถียงกันจนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหมูแพง ไม่ได้บริหารการบ้านการเมืองส่วนอื่น มายุ่งอย่างจะตีกันให้ตายเพราะเรื่องหมูมันแพง นี่เรียกว่าความโง่ของคนยุคนี้สมัยนี้ แก้ปัญหาไม่ได้แม้เรื่องปากเรื่องท้อง ยกเอามาเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเรื่องปากเรื่องท้องมันยังแก้ปัญหาไม่ได้ ยังเป็นสิ่งที่รู้จักกันผิวเผินเกินไป รู้น้อยเกินไปหรือรู้ผิดเสียก็มี ไม่รู้เสียเลยก็มี ดังนั้นถ้าใครยังมีปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องแล้วก็รู้เถอะว่ามันยังไม่ได้เป็นมนุษย์ เป็นเพียงคนแล้วก็คนชั้นโง่เขลาด้วยน่าละอาย พูดถึงปีใหม่ ถ้าเลื่อนชั้นได้มันก็ควรจะไม่มีปัญหาเหล่านี้เหลืออยู่ หรือ หรือมันมอด มันหมดไปๆจนจะไม่มีเหลืออยู่ จึงจะเรียกว่าเรามันเลื่อนชั้นปีใหม่กันได้ ทีนี้ก็ให้ดูเป็นเรื่องถัดไปอีกว่าทำไมเรื่องนี้มันลึกลับอย่างไร ทำไมคนเรานี่ที่ว่ามีสติปัญญายังแก้ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องก็ไม่ได้ แล้วจะไปแก้ปัญหาทางจิตทางใจ เรื่องโลกุตระได้อย่างไร นี่คือบาปของคน การได้เกิดมาเป็นคนนี้กลายเป็นบาป เพราะว่ามันก้าวหน้าแต่ในเรื่องปากเรื่องท้องหรือเรื่องเนื้อหนัง ก้าวหน้าแต่ในเรื่องวัตถุ แล้วมันไม่ก้าวหน้าในสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้นมาเพราะเรื่องเนื้อหนัง จะสับสนฟังยากกระมัง พูดใหม่อีกทีก็ได้ว่าเรามันก้าวหน้าแต่เรื่องวัตถุ แล้วเราไม่ก้าวหน้าในวิชาความรู้สำหรับป้องกันอย่าให้ปัญหามันเกิดขึ้นเนื่องมาจากวัตถุ พูดให้ชัดลงไปว่าเรารู้จักทำมาหากิน แต่เราไม่รู้จักป้องกันความทุกข์ที่มันจะเกิดขึ้นมาจากการทำมาหากินนั้น ซึ่งมันจะต้องมีอยู่เป็นธรรมดาในการทำมาหากิน ขยายออกไปเท่าไรมันจะมีปัญหามากขึ้นหรือมีความทุกข์มากขึ้น แต่เราไม่มีปัญญาความรู้ที่จะแก้ไขปัญหา หรือป้องกันปัญหาเหล่านั้น เรารู้แต่เรื่องจะทำมาหากินให้มันมากออกไป นี่มันคือบาปของมนุษย์ที่ยังหลับตาไม่รู้ว่านี่เป็นบาป พูดเรื่องนี้กันให้ชัดหน่อยก็จะต้องพูดว่าการได้เป็นคนนี่มัน มันคือบาป ลองคิดดู ลองคิดดูว่าจริงไหม การที่ได้เกิดมาเป็นคนนี่มันมีบาปและเป็นบาปอยู่ในตัวความเป็นคน บางคนจะไปนึกถึงข้อที่ว่าเขาได้กล่าวกันไว้ว่าการได้เป็นมนุษย์นี้เป็นลาภประเสริฐสุดเป็นบุญอย่างยิ่ง ก็อยากจะพูดว่าถ้าได้เป็นมนุษย์มันก็คงจะจริง ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์คงจะเรียกว่าเป็นบุญเป็นกุศลเป็นลาภอันประเสริฐจริง แต่ถ้าเกิดมาเป็นคนแล้วมันเป็นบาป มันเป็นสัตว์บาป มันยังไม่เป็นมนุษย์ มันรู้แต่เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องกิน เรื่องเนื้อเรื่องหนัง แล้วก็ยิ่งทำให้ก้าวหน้าออกไปในทางที่จะเป็นบาปมากขึ้น รู้จักแต่เรื่องปากเรื่องท้องแล้วก็ขยายเรื่องกินเรื่องกามเรื่องเกียรติให้มันมากออกไปเกินความจำเป็นจนเดือดร้อน จนทนอยู่ไม่ได้ จนต้องทำทุจริต เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ตามที่มันเจริญด้วยความเห็นแก่ปากเห็นแก่ท้อง ยกตัวอย่างเมื่อสักครู่สักๆ อีกสักทีก็ได้ว่าทำไมจะต้องใส่น้ำตาล ก็คนโบราณก็ไม่ต้องใช้น้ำตาลมันก็อยู่ได้แล้วมันก็ไม่ตาย แล้วสบายดีกว่าคนสมัยนี้เสียอีก มีน้ำตาลทำลูกอมให้เด็กๆอมจนเป็นโรคฟันผุตั้งแต่เล็กๆ ลำบากถอนกันไม่หวาดไหว นี่ความโง่ของมนุษย์ที่ทำน้ำตาลขึ้นมา แล้วก็ใช้น้ำตาลอย่างนี้ ดูเถอะเด็กแต่ละคนฟันเสียหมด ซึ่งมันไม่มีสำหรับไอ้สมัยปู่ย่าตายายายหรือสมัยดึกดำบรรพ์ที่มันไม่รู้จักทำน้ำตาลขึ้นมาทำลายฟันของมนุษย์ รวมทั้งอาตมาด้วยก็ฟันเสียแยะเหมือนกัน ก็ไม่มีโทษอื่นนะมันก็โทษของน้ำตาล ถ้ามนุษย์อย่าฉลาดถึงขนาดทำน้ำตาลขึ้นมาปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มี แต่ถ้าฉลาดถึงกับทำน้ำตาลขึ้นมาก็ควรจะมีความรู้ที่จะป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้ด้วย แต่แล้วมันก็ไม่ทันกัน มันจึงเหลืออยู่สำหรับมีปัญหาเกี่ยวกับว่าไอ้น้ำตาลมันให้โทษ ทีนี้มันไม่ใช่เรื่องน้ำตาลอย่างเดียว เรื่องข้าวสุกข้าวสารอะไรมันก็ล้วนแต่เป็นปัญหา ขัดสีเสียจนเป็นข้าวสารที่ไม่ป้องกันโรคเหน็บชาอย่างนี้เป็นต้น เรื่องกับเรื่องแกงนี่เหมือนกับบ้าหลังแหละ ทำให้มันลำบากยุ่งยากเพียงให้มันอร่อย แล้วก็ให้โทษมากขึ้น จะสู้ไอ้คนป่าคนดอยสมัยโน้นเพียงแต่เอาเนื้อมาย่างๆแล้วก็กิน เผาไฟแล้วก็กิน ไม่ต้องมาเสียเครื่องแกงอย่างคนสมัยนี้นี่คิดดูให้ดี ได้เนื้อมามันต้องแกงมัสมั่นอย่างนี้มันบ้าเท่าไร ทำไมมันจึงไม่ปิ้งกี่แล้วมันก็กินเข้าไปโดยที่ไม่ต้องยุ่งยากลำบากไอ้ ไอ้เสียเครื่องแกง เรื่องนุ่งเรื่องห่มก็เหมือนกันแหละทำไมมันจึงไม่ทำเท่าที่มันจำเป็น มันประดิดประดอยจนไม่รู้ว่าจะประดิดประดอยอย่างไร จนเดือดร้อนจนร้องไห้ไม่ได้เสื้อสวยๆ ไม่ได้แต่งตัวสวยๆ มันก็จะเป็นบ้าตาย ก็มาหลงกันอยู่แต่ที่นี่ วนเวียนกันอยู่แต่ที่นี่ นี่เรียกว่าไอ้อวิชชาความไม่รู้ ความโง่ ความหลงเกี่ยวกับเรื่องวัตถุ เรื่องเนื้อหนัง เรื่องปากเรื่องท้อง เป็นชั่วอายุคนมาหลายๆชั่วอายุคนมา จนมาถึงวันนี้ ลองมองดูทีว่ามันเป็นการก้าวหน้าไปหาความดับทุกข์หรือว่ามันถอยหลังไปหาเหวแห่งความทุกข์ คือปัญหายุ่งยากมากขึ้นเรื่องกิน เรื่องอยู่ เรื่องใช้เรื่องสอย เรื่องปัจจัย ๔ นั่นเอง มันก้าวหน้าไปในทางที่จะห่างไกลจากความทุกข์หรือว่ามาสร้างความทุกข์ให้มันมากขึ้น ทำไมไม่สวมเสื้อผ้าธรรมดา ทำไมจะต้องไปทำให้มันมีลวดมีลาย มีดอกมีดวง มีอะไรซึ่งมันก็จะต้องลำบากมากขึ้น จะต้องแพงมากขึ้น แล้วก็ไม่ทนทานด้วย
นี่มนุษย์ก้าวหน้ามาอย่างนี้ แล้วก็ไม่รู้สึกตัวว่านี่ทำให้มันมีปัญหามากขึ้น มันเป็นไปทั้งโลก ทีนี้มันก็โง่กันทั้งโลก มันก็เลยไม่ต้องมีใครว่าใคร ก็สบายไปเลย จะได้โง่กันทั้งโลก ปัญหามันก็เกิดขึ้นทั้งโลก นี่มนุษย์มันก้าวหน้าหรือมนุษย์มันถอยหลัง พูดผิดไปแล้ว จะต้องพูดว่าคนมันก้าวหน้าหรือว่าคนมันถอยหลัง ไอ้คนมัน มันไม่ไปสู่ความเป็นมนุษย์ ไม่สูงทางจิตใจ มันถอยมาทำความยุ่งยากลำบากให้แก่ตัวเองมากขึ้นทุกที จนความเป็นคนนี้มันเต็มไปด้วยปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเนื้อหนังร่างกายทั้งนั้น ก็เรื่องปากเรื่องท้องทั้งนั้น ก็ยิ่งจมลงไปในโลก ไม่มีทางที่จะอยู่เหนือโลกเป็นโลกุตระอะไรได้ เราจะเอากับเขาด้วยหรืออย่างไร เมื่อคนทั้งโลกเขาสมัครกันอย่างนั้น เขาทำกันอย่างนั้นโดยไม่มองดูไอ้เรื่องที่เรากำลังพูดนี้ เราก็จะสมัครกับเขาด้วยก็เอา ก็ไม่ต้องก้าวหน้าในเรื่องที่จะดับทุกข์ ที่จะอยู่เหนือทุกข์ ที่จะอยู่เหนือปัญหาของโลก มันไปเพิ่มปัญหาเสียเรื่อย การเรียนมันก็เรียนมากขึ้น ความเฉลียวฉลาดมันก็มีมากขึ้น แต่มันก็ใช้ไปในทางเพิ่มปัญหาเรื่อยไป มันจะกินอย่างนั้นมันจะกินอย่างนี้ มันจะนุ่งห่มอย่างนั้นมันจะนุ่งห่มอย่างนี้ มันจะอยู่อย่างนั้นมันจะอยู่อย่างนี้มันเหมือนกับว่าจะอยู่วิมานแข่งกับเทวดา ทีนี้เมื่ออยู่ผิดธรรมชาติมากขึ้นโรคภัยไข้เจ็บมันก็มากขึ้น ฉะนั้นความรู้เรื่องหมอ เรื่องวิชาบำบัดโรคนี้ให้มันก้าวหน้าอีกร้อยเท่าพันเท่ามันก็ทำให้โลกนี้ปราศจากโรคไม่ได้ เพราะการเป็นอยู่ของมนุษย์มันเปลี่ยนไปในทางที่จะทำให้โรคมันมาก มากขึ้น แปลกไป ขยายตัวมากขึ้น ความรู้ทางหมอ ทางการบำบัดรักษานี่มันตามหลังเรื่อยไป ตามก้นโรค ไอ้โรคนี่มันไปข้างหน้า เจริญมากจนความรู้ทางหมอนี่ต้องตามก้นเรื่อยไปไม่มีวันที่จะทันกัน นี่เราก็เรียกว่ามนุษย์มันไม่ได้ก้าวหน้า หรือว่าคนมันไม่ได้ก้าวหน้าไปสู่ความเป็นมนุษย์ มันถอยหลังเรื่อยไป สมัยที่ยังเป็นคนป่า คน...... (นาทีที่ 54:14) คนดอยไม่มีปัญหามากนั่นแหละดูจะมีไอ้ความเป็นมนุษย์มากคือไม่มีปัญหา จะยกตัวอย่างว่าสมัยที่ยังไม่รู้จักนุ่งผ้า ยังคล้ายกับสัตว์อยู่นะ ดูทีหนึ่งมันก็เรียกว่ามันไม่มีความเจริญ แต่ดูอีกทีหนึ่งว่ามันไม่มีปัญหามากเหมือนคนเดี๋ยวนี้ เพราะมันไม่นุ่งผ้ามันก็ไม่มีปัญหาเรื่องเครื่องนุ่งห่ม มันกินง่ายๆ กินเผือกกินมันกินอะไรก็ได้มันก็ไม่มีปัญหาเรื่องกินเหมือนกับไอ้คนสมัยนี้ เรื่องที่อยู่อาศัยมันก็ไม่ต้องสร้างตึกสร้างวิมาน มันก็อยู่ได้ในรูในโพรงในถ้ำ ปัญหามันมีน้อย แล้วมนุษย์ก็รักษาไว้ไม่ได้ที่จะให้มีปัญหาน้อย มันก็มาสู่ไอ้ความมีปัญหามาก ปัญหามันมากมันก็มีความทุกข์มาก มันจะตาย ฉะนั้นจึงหาหนทาง วิ วิชาความรู้ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ นี่คือความรู้ทางธรรมะได้เริ่มตั้งต้นขึ้นมาเพื่อจะแก้ปัญหาเหล่านี้ พอมนุษย์มีมันสมองลึกไปไกล ไอ้ปัญหาของมนุษย์ก็ลึกยิ่งลงไปอีก พระพุทธเจ้าจึงต้องเกิดมา เพื่อที่จะรู้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ แล้วก็สอนมนุษย์ให้รู้จักวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ ฉะนั้นเรื่องโลกุตระในพระพุทธศาสนานั้นเป็นความรู้ยอดสุดสำหรับมนุษย์ที่จะแก้ปัญหาอันลึกซึ้งที่สุด ที่มนุษย์มันโง่มันบ้า มันเป็นบ้าเป็นหลังมันสร้างขึ้นมาเอง ถ้าอยู่กันอย่างสมัยโน้นสมัยหินสมัยอะไรก็ตามปัญหามันไม่มีมาก กิเลสตัณหามันก็ไม่มาก มันก็คล้ายๆกับสัตว์อยู่มาก ก็ไม่ต้องมีธรรมะสูงสุดธรรมะโลกุตระ นี่ความเป็นคนนี่มันกระโจนพรวดพราดทิ้งสัตว์เดรัจฉานไกล ไปดูเอาเองก็แล้วกัน เหมือนกับพูดแล้วเดี๋ยวจะว่าพูดหยาบคาย สัตว์เดรัจฉานรู้จักเพียงสืบพันธุ์ ไม่มีเรื่องบ้ากามารมณ์เหมือนมนุษย์ มันคิดไม่เป็น มันสมองมันทำไม่ได้ มันคิดไม่เป็น มันมีสืบพันธุ์ธรรมดาตามฤดูกาลปีหนึ่งไม่กี่วัน มนุษย์นี่บ้ากามารมณ์ได้ทั้งวันทั้งคืน ทั้งเดือนทั้งปีตลอดชาติ ไอ้ความเป็นมนุษย์นี่เรียกว่าอะไรกันแน่ คำสอนทางศาสนาเขาเรียกว่านี่คือความเป็นบาปหรือบาปของการเป็นมนุษย์ แล้วถ้าใช้ให้ถูกก็จะต้องเรียกว่าการเป็นคน บาปของการได้เป็นคนคือรู้จักสร้างปัญหาแม้แต่เรื่องกามารมณ์อย่างเดียว นี่ได้ทั้งวันทั้งคืนทั้งเดือนทั้งปี ถ้าสัตว์เดรัจฉานมันรู้เรื่องนี้มันก็หัวเราะไอ้คนนี่ชนิดนี้ ถ้าคนคิดถึงเรื่องนี้คนเขาคงจะละอาย ฉะนั้นจึงรู้จักก้าวหน้าไปเป็นมนุษย์เสียบ้าง อย่าเป็นไอ้บ่าวเป็นทาสของกามารมณ์เหมือนคนธรรมดาที่ก้าวหน้าแต่ทางจะสร้างปัญหาอย่างเดียว ถ้าเป็นคนยังมีบาป แต่ก้าวหน้าถึงความเป็นมนุษย์บาปนั้นจะค่อยหมดไปๆ จนกว่าจะหมดบาปโดยประการทั้งปวงก็เป็นอริยะมนุษย์ เป็นพระอรหันต์ไปเลย นี้ก็ต้องเอามาพูดกันในวันปีใหม่ว่าทางที่จะต้องเดินต่อไปอีกนั้นมันมีอยู่สักเท่าไร แล้วจะต้องเลื่อนชั้นกันอีกกี่ชั้นมันจะไปถึงระดับนั้น คือออกไปเสียจากบาปของความเป็นคนให้จนได้ อาตมากลัวว่าท่านจะลืม ก็จะย้ำอีกทีหนึ่งว่าการได้มาเป็นคนนั้นคือบาป บาปนั้นอยู่ที่ความเป็นคนนั่นเอง มันทิ้งสัตว์เดรัจฉานมาไกล ไม่มีความ มันมามีความทุกข์อย่างใหม่ๆของคน แล้วจะล้างบาปนี้ได้ก็ต้องอาศัยสติปัญญาของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง เลิกโง่เลิกหลงในเรื่องกามารมณ์ ในเรื่องเฟ้อในเรื่องอะไรที่ไม่จำเป็นทั้งหลายเสีย แล้วมนุษย์ก็จะมีความสะอาด สว่าง สงบ แล้วก็จะประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉานเหลือที่จะเปรียบกันได้ ถ้ามนุษย์ยังเป็นคนอยู่มันก็ไม่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน แล้วบางอย่างจะเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน คือข้อที่มันมีความทุกข์มากกว่าสัตว์เดรัจฉานนั่นเอง แต่ถ้ามันเป็นคนได้ มันรู้เรื่องนี้แล้วไอ้ความทุกข์มันเกิดขึ้นไม่ได้ ก็มีความทุกข์น้อยกว่าสัตว์ สัตว์เดรัจฉานหรือไม่มีความทุกข์เลย เป็นยอดของมนุษย์ไป นี่จุดหมายปลายทางอยู่ที่นี่ เราจะเลื่อนชั้นกันอย่างไรทุกปีๆ แต่ละปี ให้มันถึงจุดนี้เสียให้ได้ก่อนแต่ที่ว่ามันจะเน่าเข้าโลงไป
ทีนี้เรื่องถัดไปอีกที่จะให้ดูก็ดูให้ละเอียดให้ชัดเจนลงไปยังสิ่งที่เรียกว่ากามารมณ์นั่นเอง นักศึกษาค้นคว้าสมัยปัจจุบันนี้ ก็มีอยู่หลายคนเหมือนกันที่พูดตรงกันหมดว่าปัญหาทุกอย่างของมนุษย์ในโลกนี้มีมูลมาจากสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกทางกาม คือความรู้สึกทางเพศที่เรียกกันว่ากาม ถ้าไม่ลุ่มหลงในเรื่องกามมันก็ไม่ต้องการอะไรให้มันดีวิเศษไปกว่าธรรมชาติธรรมดา เดี๋ยวนี้มันต้องการดีกว่าธรรมดา ต้องการกินดีอยู่ดี แต่งเนื้อแต่งตัวดี อะไรดีๆ ดี เพื่อประโยชน์แก่กาม มันก็ได้เกิดการเอาเปรียบกัน แข่งขันแย่งชิงกัน เบียดเบียนกันจนกระทั่งรบราฆ่าฟัน ฟันกันเป็นสงครามในโลก เป็นมหาสงครามในโลก มีมูลมาจาก ความรู้สึกที่เรียกว่ากามอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่เรียกว่ากามนี้ก็เป็นเพียงไอ้ความโง่เขลาไม่ใช่ของจริงอะไร ถูกหลอกโดยธรรมชาติ ธรรมชาติมันหลอกมนุษย์โดยใช้สิ่งที่เรียกว่ากามนี่ให้มนุษย์ทำการสืบพันธุ์ แต่มนุษย์ทำมากไปกว่านั้น ไม่ทำเพียงสืบพันธุ์ มันกลายเป็นเรื่องกามารมณ์สำหรับลุ่มหลง นั่นแหละคือบาปของคน คำว่าคนกับคำว่ามนุษย์นี้ปนกันเสียเรื่อย ปนกันจนยุ่งแล้วฟังดูให้ดีๆ ถ้าโง่ก็เป็นคน ถ้าฉลาดก็เป็นมนุษย์ ไอ้คนมันก็โง่ มันก็เป็นทาสของไอ้กามารมณ์มากขึ้นๆ สิ่งที่เรียกว่ากามนี้จะบังคับให้ทำได้ทุกอย่าง ที่มันทำก่อนอื่นก็คือให้รัก พอรักก็มีปัญหา มีความทุกข์เรื่องรัก แล้วก็มันทำให้โกรธเมื่อไม่ได้กาม ไม่ได้ตามที่ต้องการมันก็โกรธ เมื่อโกรธแล้วมันก็ทำให้เป็นทุกข์ ให้ทำลายตัวเองให้ทำลายผู้อื่น ให้เบียดเบียนผู้อื่น แล้วเมื่อมันปรารถนากามมากเกินไป ไม่มีสติปัญญาที่จะทำให้ได้ตามนั้นมันก็โง่คือมีโมโห มีโมหะมีความโง่มันก็มีความทุกข์ มีความโศก มีความทนทรมานทุกอย่างทุกประการจากสิ่งที่เรียกว่ากาม คือสิ่งที่เป็นที่ตั้งของความรักความใคร่ตามธรรมชาติธรรมดา ที่ธรรมชาติมันมีไว้หลอกคนให้ทำการสืบพันธุ์อย่างที่ว่ามาแล้ว ธรรมชาตินี้คืออะไรนี่ก็เหลือที่จะอธิบาย จะเรียกว่าพระเจ้าก็ได้ มันเหนือคนเสมอ หลอกให้คนสืบพันธุ์อย่าให้สูญพันธุ์ได้ แต่คนมันทำเกินกว่านั้นมันจึงไปเป็นทาสของกาม นี่ถ้าคนรู้เท่าทันเรื่องกามก็ไม่หลงกาม ถ้ารู้เท่าทันมากไปกว่านั้นอีกก็ไม่หลงรับจ้างธรรมชาติเพื่อสืบพันธุ์มันก็ไม่สืบพันธุ์ เพราะฉะนั้นก็เอาชนะธรรมชาติได้ เอาชนะพระเจ้าได้ หัวเราะเยาะตบมือโห่พระเจ้าหนีไปเลย นี่ธรรมชาติที่จะจ้างคนให้สืบพันธุ์ ใช้กามเป็นเครื่องล่อเป็นค่าจ้าง คนก็โง่รับจ้างแล้วก็ทำการสืบพันธุ์ ไม่เพียงแต่สืบพันธุ์กลับลุ่มหลงกามารมณ์หรือค่าจ้าง คอยแต่จะตบตา ไม่ทำงาน คอยแต่เอาค่าจ้างฟรี เหมือนคนสมัยนี้ซึ่งจะเป็นกันทั้งโลก ลุ่มหลงกามารมณ์ แล้วก็ไม่ยอมทำการสืบพันธุ์ นี่เรียกว่าฉลาดแต่ในทางที่จะเป็นทาสของกามารมณ์ นี่เขาเรียกว่าจมโลก จมกามจมโลก ไม่อยู่เหนือโลก ไม่อยู่เหนือปัญหาของโลก เพราะว่ามันเป็นทาสของกามารมณ์ ฉะนั้นจึงรู้จักกามารมณ์ไว้ในฐานะที่ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกชนิด หรือความทุกข์ทุกชนิดอย่างนี้ จะรักก็กามารมณ์ จะโกรธก็กามารมณ์ จะโง่ก็กามารมณ์ จะกลัวก็กามารมณ์ มีมูลมาจากกามารมณ์ทั้งนั้น จะทุกข์โศกเศร้าหมองอย่างไรก็มีมูลมาจากกามารมณ์ทั้งนั้น เขาเรียกว่าจมอยู่ในโลก อยู่ในกองทุกข์ ถ้ารู้เรื่องนี้ออกมาเสียได้ก็เรียกว่าอยู่เหนือโลกเหนือทุกข์ตามลำดับ จึงเรียกว่าเป็นโลก เป็นโลกุตระ ที่เรียกว่าโลกุตระธรรม ๙ อย่าง โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค อรหัตผล นี่ ๘ แล้ว นิพพานอีกหนึ่งรวมเป็น ๙ นี่คือชั้นหรือระดับของการอยู่เหนือโลก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนกว่าจะสมบูรณ์ แบ่งไว้เป็น ๙ ตอนอย่างนี้ นี่คือมาตรฐานหรือมาตรการสำหรับการเลื่อนชั้น มันมีอยู่อย่างนี้ เลื่อนจากคนชั้นเลวที่สุดมาเป็นคนชั้นดี เลื่อนจากคนมาเป็นมนุษย์ธรรมดา เลื่อนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นมนุษย์ที่ดี กระทั่งเป็นอริยะมนุษย์ เรื่องของการเลื่อนชั้นมีอยู่อย่างนี้ ทีนี้เราจะเลื่อนกันหรือไม่เลื่อนก็คิดดู อยากจะจมอยู่ในกองทุกข์ก็ไม่มีใครว่า พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ว่า ทั้งที่ท่านเป็นผู้ชี้ทางของการออกจากทุกข์ ออกจากโลกมาอยู่เหนือโลก ท่านก็เป็นแต่ผู้ชี้ทาง ใครไม่อยากเดินก็ไม่เดิน ใครอยากเดินก็เดิน แต่นี้เรามาพูดกันเรื่องปีใหม่ ถ้าจะใหม่จริงมันก็ควรจะก้าวไปสักสองสามก้าว คือก้าวไปข้างหน้า ออกจากกองทุกข์ไปสู่ความไม่มีทุกข์
เอ้า, ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่จะดูถัดไปจากนี้อีก คือดูว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเราจึงเกิดมาอยู่กันในสภาพอย่างนี้ แล้วย่ำเท้าอยู่ที่นี่ซ้ำๆซากๆ เพราะๆ คำตอบก็ว่าเพราะว่าเราไม่ได้สอนกันให้มันถูกต้องในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องนิดเดียวเพราะว่าเราไม่ได้สั่งสอนอบรมกันให้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องนี้ หรือเรื่องอื่นที่มันเกี่ยวข้องกันอยู่กับเรื่องนี้ เรื่องที่จะดับทุกข์ ที่จะอยู่เหนือทุกข์เหนือโลก ไม่เป็นไอ้ ไม่เป็นทาสของกามารมณ์ ไปทบทวนดูว่ามันถูกแผดเผาทรมานอยู่กี่มากน้อย แล้วทำไมออกมาไม่ได้ แล้วออกมาไม่ได้ แล้วมิหนำมันหนัก มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก ควรตกลึกลงไปอีกตามชั่วอายุคน คนสมัยนี้ลุ่มหลงตกลึกในทางกามารมณ์ยิ่งกว่าสมัยปู่ย่าตายาย สมัยปู่ย่าตายายก็ตกลึกมากกว่าไอ้ปู่ย่าตายายชั้นต้นๆนู้น หมายความว่าเขาไม่เคยตกลึกกันมากถึงขนาดนี้ แล้วก็ตกลึกกันมากมาถึงจนถึงขนาดนี้ เพราะว่าสติปัญญามันเดินผิดทาง มนุษย์มันฉลาดผิดทาง มันสมองของมนุษย์ก้าวหน้าไปผิดทาง ฉลาดผิดทาง ฉลาดมากเก่งมากที่จะไปเป็นบ่าวเป็นทาสของกามารมณ์ จนพระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ จนธรรมะของพระพุทธเจ้าก็จะเป็นหมันอยู่แล้ว เพราะมนุษย์นี่หันหลังให้ เพราะไม่ต้องการไอ้ที่จะออกมาเสียจากอิทธิพลหรืออำนาจของกามารมณ์ สมัครใจที่จะไปเป็นทาสของกามารมณ์ อยากจะเป็นคนไม่มีศีลไม่มีธรรม คนหนุ่มคนสาวสมัยนี้ไม่อยากจะมีศีลไม่อยากจะมีธรรม อยากจะตามใจตัวเองด้วยเรื่องกิเลสตัณหา เพราะว่าไอ้สิ่งที่ยั่วกิเลสตัณหานั่นมันก้าวหน้ามากเกินไป ทั้งโลกนี้ร่วมมือกันทำความก้าวหน้าแก่สิ่งที่จะยั่วกิเลสตัณหา คนสมัยนี้จึงสมัครใจที่จะไม่มีศีลไม่มีธรรมกันแล้ว จะลุ่มหลงในสิ่งที่เป็นเหยื่อของกิเลสตัณหาให้สนุกสนานไปเลย พอพูดถึงธรรมะก็เกลียดไม่อยากฟัง เพราะว่าต้องการอย่างอื่น นี่โดยส่วนใหญ่ก็เพราะว่ามันเกิดความนิยมพร้อมๆกันไปในทางนั้น ทีนี้อีกทางหนึ่งก็คือว่าเราไม่ได้สอนกันให้ถูกต้องให้เข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องนี้ มิหนำซ้ำก็พลอยไปผสมโรงกับเขาด้วย ไอ้เรื่องกามารมณ์มันก็เข้ามาในวัดวาอาราม เจ้าหน้าที่ทางศาสนาก็สอนแต่เรื่องให้ได้กามารมณ์วัตถุอุปกรณ์แก่กามารมณ์ก็เข้ามาแพร่หลายอยู่ในวัดในวา เครื่องประดับประดาสวยงามทั้งหลาย ไพเราะเพลิดเพลินทั้งหลายไม่ได้เข้ามาอยู่เพื่อการศึกษา พระเณรก็มีวิทยุไว้สำหรับฟังเพลง เขากลัวอาตมาได้ยินเขาเปิดเบาๆ ฟังเพลงอยู่ตั้งค่อนคืน นี่มันก็เป็นเรื่องที่เข้ามาทำลายสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะช่วยกันแก้ไขความทุกข์ ก็เอามาเพิ่มให้เกิดเป็นปัจจัยแก่ความทุกข์ ก็จะ จะแก้ปัญหาได้อย่างไร นี่เราไม่ได้สอนกันให้ถูกวิธี หรือให้เพียงพอในเรื่องนี้และในเรื่องอื่นที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในที่สุดก็เป็นอันว่าไม่ต้องโทษใครแล้ว มันโทษความ จะยกให้เป็นความผิดของใครก็ไม่ได้ ต้องเหมาว่าเป็นความผิดของทุกคน ของรวมกันทุกคน เลยกลายเป็นเรื่องของคนทั้งหมด เป็นเรื่องของคนทั้งโลก โลกนี้จะวินาศโลกนี้จะฉิบหายก็เพราะคนทั้งโลกเฮไปในทางนี้ ทีนี้ถ้าว่าเราบางคนเกิดความรู้สึกที่ถูกต้องขึ้นมา มันก็มีปัญหาหนักที่ว่าจะต่อต้านกันอย่างไร นี้จะมีความจริงใจหรือไม่ ที่ว่ามาทำพิธีวันขึ้นปีใหม่กันที่นี่นั้นด้วยความหวังว่าจะต่อต้านไอ้ความเลวร้ายอันนี้ ที่เรามาประชุมกันอย่างนี้ พูดจากันอย่างนี้โดยเฉพาะในวันขึ้นปีใหม่นี้ เพื่อจะศึกษาหารือปรองดอง ทำความเข้าใจกันเสียใหม่ เพื่อจะต่อต้านปัญหาเลวร้ายนี้ เพื่อจะแก้ไขปัญหานี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็วิเศษประเสริฐที่สุดแหละที่ได้เกิดมาเป็นคน แล้วจะได้เป็นมนุษย์ ไม่เสียทีที่พบพระพุทธศาสนา ปีใหม่เป็นเรื่องก้าวหน้า ใครๆ ก็ต้องพูดอย่างนั้น ไม่ว่าใครจะต้องพูดอย่างนี้ทั้งนั้น จะโง่จะฉลาดหรืออย่างไรก็ตามจะพูดอย่างนี้ทั้งนั้นว่าปีใหม่ต้องก้าวหน้า ปีใหม่ต้องก้าวหน้า แต่ระวังให้ดีก้าวหน้าเพื่อจะไปพลัดลงไปในเหว หรือว่าจะก้าวหน้าที่จะถอยห่างมาเสียจากเหว คือความบ้าหลังของมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยอวิชชา ทำปัญหาให้มากขึ้น ทำความทุกข์ให้มากขึ้น ความรู้หรือการศึกษาชนิดที่จะก้าวหน้าลงเหวนั้นมัน มันเจริญเร็ว มันก้าวหน้ามาก ก็มีโอกาสพามนุษย์ไปหาเหวมากกว่าที่จะพาไอ้มนุษย์นี้ถอยหลังมาเสียจากเหว พูดให้ง่ายกว่านี้ก็ว่าไอ้ความรู้ ความเจริญก้าวหน้าค้นคว้าในทางวัตถุไปเป็นทาสของกามารมณ์นั้นมันก้าวหน้ามาก ความรู้ทางศีลธรรมทางศาสนาที่จะดึงคนมาหาความสงบสุขนี้มันไม่ก้าวหน้า มันพ่ายแพ้แก่อิทธิพลไอ้ของไอ้เรื่องกิเลสตัณหาของมนุษย์ในโลกนี้เอง เรียกว่าเราก็พลอยมีปัญหากันขึ้นมาทุกคน จะเข้าข้างไหน จะเข้าข้างกิเลสตัณหาพญามาร หรือจะเข้าข้างพระพุทธเจ้าเข้าข้างพระธรรม วันนี้เป็นวันที่ควรจะตัดสินใจให้ดีกว่าที่แล้วมาอีกสักวันหนึ่ง เพราะเป็นวันจะขึ้นปีใหม่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถือกันว่าขึ้นปีใหม่ตามที่สมมติกัน สมมตินี้มีประโยชน์ต่อเมื่อเรารู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ รู้จักใช้วันขึ้นปีใหม่ให้เป็นประโยชน์ในทางก้าวหน้าเพื่อจะดับความทุกข์ ก็ทำโลกนี้ให้ดีขึ้น จะปล่อยไปตามความก้าวหน้าของมนุษย์ปัจจุบันนี้ก็จะวินาศเร็วขึ้น เพราะสนใจกันแต่เรื่องส่งเสริมกิเลสตัณหา เขาต้องการกันอย่างนั้น และเขาใช้สิ่งนั้นแหละเป็นเครื่องเอาเปรียบคนอื่น คิดดูก็จะเห็นได้ไม่ยากหรอก ที่เราต้องไปซื้อหาสิ่งของสวยงามประดับประดาแพงๆนี้มาก็เพื่อว่ามันตามใจกิเลสตัณหา ไอ้คนพวกหนึ่งเขารู้เรื่องนี้ เขาก็ใช้ไอ้ความโง่ของเรานี้เป็นเหยื่อของเขา เขาก็ผลิตหรือทำหรือประดิษฐ์ไอ้สิ่งที่ส่งเสริมกิเลสตัณหาขายเรา เราก็สมัครซื้อมาส่งเสริมกิเลสตัณหาของเรา ให้เรามันมีความทุกข์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นใครมีอะไรอยู่เป็นทรัพย์สมบัติในลักษณะที่ส่งเสริมกิเลสตัณหาแล้วก็รีบจัดการเสียดีกว่า จัดการให้ออกไปพ้นความเกี่ยวข้อง ถ้ากลัวบาปไปทำให้คนอื่นหลงใหลก็เอาไปเผาไฟเสียยังดีกว่า อย่าไปเสียดายมันเลย จะเอาไปขายเขาก็ไปคง คงไป ไอ้มีคนซื้อไปแล้วไปทำคนนั้นให้ตกนรกมากขึ้น
นี่อาตมาเห็นว่าปีนี้เลื่อนชั้นการพูดจากันขึ้นมานิดหนึ่ง อย่างน้อยก็แปลกกว่าปีกลาย ว่าเราจะทำอะไรจึงจะเป็นการเลื่อนชั้น นี่ก็เป็นการเลื่อนชั้นในการชี้แจงให้เห็นละเอียดออกไปลึกซึ้งออกไปว่ามันกำลังเป็นอย่างไร แล้วก็ชี้แจงว่ามันจะแก้ไขกันอย่างไรมากไปยิ่งกว่าปีกลาย เดี๋ยวนี้โลกก็กำลังเหมือนกับว่าหมุนไปหาไอ้ความวินาศ เราก็จะช่วยกันต้านทาน ความวินาศนี้มันเกิดขึ้นเพราะไม่รู้จักสิ่งซึ่งมันเป็นอันตรายหรือจะทำลาย เราไม่ได้สอนลูกหลานของเราให้รู้จักสิ่งนี้ แล้วลูกหลานของเรานั่นแหละไม่ต้องใครอื่นที่ไหนหรอกมันก็ไปชอบไอ้สิ่งที่จะทำลาย มันก็เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา เพราะมันจะฉิบหายกันทั้ง ทั้งพ่อแม่และลูกหลาน หรือว่าพูดให้มันกว้างออกไปก็ว่าทั้งประเทศนี้ เราเลยทำผิดอย่างหนักคือเราไม่ได้จัดการศึกษาชนิดที่ให้ลูกเด็กๆเขารู้อย่างถูกต้องในเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นเขาก็สมัครรู้ตามที่เขาอยากจะรู้ หรือเขาได้รับไอ้การโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ายอื่น เขาก็ไปเห็นดีเห็นชอบกับฝ่ายอื่น ก็ทำจนเป็นปฏิปักษ์กับไอ้ฝ่ายที่เป็นของเดิมเป็นสมบัติดั้งเดิม ดังนั้นจึงมีคนแตกแยกออกไปเป็นไอ้ลัทธิอื่นเป็นฝ่ายอื่นแหละมากถึงขนาดที่ว่าพร้อมที่จะฆ่าฟันฝ่ายเดิมคือพ่อแม่ของตัว เขาไม่รู้ว่าเรามีความถูกต้องอย่างไรเราจึงรอดมาได้อย่างนี้ มีชีวิตคู่กันมากับพระธรรมกับพระศาสนา รอดตัวมาได้อย่างนี้ หรือมีวิธีการที่ดีอยู่แล้วไม่ต้องไปเป็นทาสเป็นบ่าว เป็นเมืองขึ้นของชนชาติอื่น ที่เหลืออยู่แต่ประเทศไทยไม่ต้องไปเป็นไอ้เมืองขึ้นของประเทศอื่น มันอยู่ได้ด้วยอะไร แล้วเราก็ไม่ได้สอนเรื่องนั้นให้ลูกหลานของเราเข้าใจ ลูกหลานของเราก็มีอิสระที่จะไปศึกษาหรือรับฟังจากฝ่ายอื่น ก็เกิดเป็นไอ้ศัตรูขึ้นมากับฝ่ายที่มีอยู่เดิม ดังนั้นคนไทยจึงได้ฆ่าคนไทย ฆ่าไปฆ่ามาในระหว่างคนไทย คนไทยที่เป็นบรรพบุรุษไม่ได้สอนลูกหลานให้เข้าใจของดีวิเศษที่มีอยู่แล้ว คนไทยชั้นลูกหลานก็ไปแสวงหาไอ้สิ่งที่เขาชอบ หรือว่าตกหลุมพรางของไอ้การโฆษณาอะไรเห็นว่าดีกว่า ก็เอามาสำหรับที่จะล้างผลาญบิดามารดา บ้านเกิดเมืองนอนก็ทำได้ ทีนี้มันอยู่ที่สิ่งๆนี้ ซึ่งจะเรียกว่าใหญ่ที่สุดก็ได้ จะเรียกว่าไม่ ไม่ใหญ่โตอะไรนักก็ได้ คือการไม่ได้สั่งสอนอบรมกันให้มีความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มันเป็นความถูกต้องเหมาะสมสำหรับที่จะอยู่กันอย่างสงบสุขคือความไม่เป็นทาสของกิเลส ไม่ตกเป็นเหยื่อของความโง่เขลา เมื่อเขาตกเป็นเหยื่อของความโง่เขลาแล้วบิดามารดาของเขาเองเขาก็ฆ่าได้ เพราะว่าเขาสมัครเป็นเหยื่อของกิเลสตัณหา ของกามารมณ์เป็นต้น เราเคยอ่านพบในหนังสือพิมพ์เลยเสมอว่าบางคนมันก็ฆ่าบิดามารดาของมันได้ เพราะต้นเหตุนิดเดียวแหละคือความไปหลงใหลในไอ้เหยื่อของกิเลสตัณหา หรือกามารมณ์หรืออะไรบางอย่างเข้าแล้วมันจึงฆ่าบิดามารดาได้ ทีนี้ทำไมจะฆ่าคนอื่นไม่ได้ มันก็ฆ่ากันได้อย่างไม่มีขอบเขต นี่ไอ้การสั่งสอนที่ไม่ถูกต้อง สั่งสอนที่ไม่เพียงพอทำให้ลูกหลานเข้าใจผิดแล้วเกิดเป็นปัญหาขึ้นมาแก่บิดามารดานั่นเอง เรื่องส่วนตัวก็เป็นอย่างนี้ เรื่องในครอบครัวก็เป็นอย่างนี้ เรื่องในประเทศชาติทั้งประเทศก็เป็นอย่างนี้ เรื่องทั้งโลกก็เป็นอย่างนี้ ช่วยเอาไปคิดดูด้วยกันทุกคนว่าเพราะขาดการสั่งสอนชี้แจงแนะนำที่ถูกต้องปัญหาจึงได้เกิดขึ้นในลักษณะอย่างนี้ จึงหวังว่าปีใหม่ควรจะดีกว่าปีที่ล่วงไปเพราะด้วยสิ่งๆนี้ คือมีแสงสว่างมากขึ้น ลืมหูลืมตามากขึ้น มีสัมมาทิฏฐิมากขึ้น พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้อย่างนี้ ว่ามีสัมมาทิฏฐิแล้วมันก็จะก้าวล่วงความทุกข์หรือปัญหาทั้งหลายได้ ดังนั้นขอให้ยึดถือสมาทานสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้อง ความรู้ถูกต้อง ความเข้าใจถูกต้อง ความเชื่อถูกต้อง แสงสว่างที่ถูกต้องนี่เรียกว่าสัมมาทิฎฐิ ขอให้ได้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในทางของสัมมาทิฎฐิยิ่งขึ้นไป ยิ่งขึ้นไปกว่าที่แล้วๆมา ก็จะสมชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทคือบริษัทแห่งพุทธะ พุทธะแปลว่าผู้รู้ผู้ตื่นจากหลับคือกิเลสนั่นเอง ก็คือสัมมาทิฏฐินั่นเอง ความหลับคือกิเลสหรืออวิชชา นี่เราก็ตื่นจากหลับจากกิเลสจากอวิชชาก็เป็นพุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อยู่กันเป็นหมู่ใหญ่ก็เรียกว่าพุทธบริษัท เมื่อท่านทั้งหลายเรียกตัวเองว่าพุทธบริษัทก็ต้องรีบทำความมีสัมมาทิฏฐิให้มากขึ้นๆทุกๆปี นี่คือการพูดจากันในวันนี้อย่างสะดวกสบายคือว่าไม่ต้องมีพิธีรีตอง ทำเพียงเป็นพิธีขนบธรรมเนียมประเพณีว่าพูดกันให้รู้เรื่องเพื่อให้ปีใหม่นี้มันก็ใหม่ขึ้นมาในทาง ในทางบวก เรียกว่าทางบวกก็คือว่าทางเจริญ อย่าให้มันเป็นไปในทางลบคือเสื่อมเสียความทรุดโทรม ขอปีใหม่เป็นไปในทางบวกยิ่งขึ้นกว่าปีเก่า
สรุปความว่าเรื่องแรกนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งหลายเป็นสิ่งจำเป็นจะต้องมี มันทำให้เกิดความง่ายในการที่มนุษย์จะทำสิ่งที่มนุษย์จะต้องทำทุกอย่างทุกประการ ทำได้อย่างนั้นเป็นการเลื่อนชั้นของชีวิต แต่ความเลื่อนชั้นของชีวิตนี้มันลึกมากและเข้าใจยากมาก ยากมากสำหรับคนที่รู้แต่เรื่องปากเรื่องท้อง ฉะนั้นเว้นเรื่องปากเรื่องท้องกันเสียบ้าง เอามาใช้แก่เรื่องชีวิตจิตใจในชั้นลึกที่เรียกว่าทางฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณกันเสียบ้าง ทีนี้มันมาติดขัดอยู่ที่ว่าแม้แต่เรื่องปากเรื่องท้องก็ไม่ค่อยจะรู้กันให้ถูกต้อง รู้น้อยไป แก้ปัญหาเรื่องปากเรื่องท้องไม่ได้ ยังยากจน ยังจมอยู่ในอบายมุข ยังหลงอยู่แต่ในเรื่องที่มันทำลายให้ยาก คือเรื่องที่จะทำให้ยากจนหนักยิ่งขึ้นนั่นแหละกลับไปชอบ นี้เรียกว่าไม่รู้เรื่องปากเรื่องท้องอย่างแท้จริง นี่คือบาปของความเป็นคน มันโง่แต่ในทางที่จะสร้างกิเลส ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลส ต้องแก้ด้วยความเป็นมนุษย์ มีจิตใจสูง รู้จักสิ่งที่ควรจะรู้ รู้ว่าไอ้กามารมณ์เป็นบ่อเกิดของความทุกข์และปัญหาทั้งหลาย อย่าไปลุ่มหลงในรูปแบบของกามารมณ์ รู้จักควบคุมให้แต่ ให้ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรแม้ว่ามันจะเกี่ยวกับกามารมณ์ เป็นธรรมดาที่มนุษย์จะต้องมีการสืบพันธุ์ และมีการสืบพันธุ์ชนิดที่ไม่ต้องเป็นทาสของกามารมณ์ เดี๋ยวนี้เราไม่ได้สอนกันให้ถูกต้องในข้อนี้ ไอ้ลูกหลานก็ไปเป็นทาสของกามารมณ์หมด ต่อไปนี้มันก็มีแต่ปัญหายุ่งยากมากขึ้น เราจะไปโกรธลูกหลานของเราก็ไม่ได้เพราะเราสอนเขาไม่ถูกหรือไม่ได้สอน สอนก็ไม่ถูกหรือถูกก็ไม่พอ ดังนั้นเพื่อเห็นแก่ลูกหลานก็ต้องสอนลูกสอนหลานกันเสียใหม่ให้ถูกให้พอ แล้วเราก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเห็น ให้ก้าวหน้ากันมาใหม่ในทางที่ถูกต้องตามทำนองของพุทธบริษัท ที่จะถือว่าเป็นมนุษย์ที่เกิดมาก้าวหน้าไปสู่จุดสูงสุดของความเป็นมนุษย์ เพราะว่าได้สิ่งที่ดีที่สุดในการเป็นมนุษย์นั่นเอง นี่การพูดจานี้อาตมารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรพูดในโอกาสเช่นนี้คือโอกาสจะละจากปีเก่าไปสู่ปีใหม่ ให้มันมีอะไรใหม่ไปในทางที่น่าจะพอใจ ถ้าท่านทั้งหลายทุกคนมีความรู้ความเข้าใจ ได้รับประโยชน์จากการพูดอย่างนี้ อาตมาก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งในส่วนที่ตัวเองได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ และท่านทั้งหลายก็ไม่เสียเวลามา ไม่เสียเงินเปล่า ไม่เหนื่อยเปล่าที่มาทำพิธีขึ้นปีใหม่กันในสถานที่อย่างนี้ในลักษณะอย่างนี้ หรือการทำความเข้าใจกันอย่างนี้ นี่ขอถือโอกาสอวยพรให้ท่านทั้งหลายทุกคนมีความเจริญงอกงาม ก้าวหน้าตามทางธรรมะของสมเด็จพระบรมศาสดายิ่งขึ้น ไปทุกๆคน ทุกๆท่าน เผื่อว่าพรุ่งนี้จะไม่ ไม่มีโอกาสให้พร ก็เลยถือโอกาสให้พรเดี๋ยวนี้ และเป็นการให้พรตลอดไปอย่างน้อยก็อีกปีหนึ่ง ขอยุติการบรรยายด้วยการสมควรแก่เวลาไว้เพียงเท่านี้ ต่อไปนี้เขากำหนดไว้ว่าจะเป็นการสนทนาธรรม หรือทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระธรรมกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เขาจะขึ้นปีใหม่กัน ราว ๑๑ ครึ่งนะเขาจะทำพิธีขึ้นปีใหม่ สวด พระสวด แล้วก็ขึ้นปีใหม่ เดี๋ยวนี้ก็ ๑๐ นาฬิกา มีเวลาเหลือเกือบ ๒ ชั่วโมงสำหรับจะพูดกัน