แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตั้งอกตั้งใจทำบุญปีใหม่ตั้งแต่รับศีลไปทีเดียว ขอให้ตั้งอกตั้งใจว่าเราทำพิเศษวันนี้ ไม่ใช่เหมือนทุกปี เอ้อ, ไม่ใช่เหมือนทุกวัน คือเนื่องในวันปีใหม่ ขอให้อะไรมันใหม่ขึ้นบ้าง ให้สมกับปีใหม่โดย เฉพาะการรับศีลและมีศีล ได้รับประโยชน์จากศีล ขอให้มันใหม่ขึ้นบ้าง อย่าให้มันเท่าเก่าอยู่เรื่อยไป ตั้งใจรับศีลให้ดีที่สุดแล้วจะได้ถือศีลให้ดีที่สุด
ขนบธรรมเนียมมันช่วยให้ง่ายขึ้น ถ้าเราไม่มีขนบธรรมเนียมประเพณีแล้วมันไม่รู้จะทำกันอย่างไร พอมันมีขนบธรรมเนียมประเพณีก็ถูกต้องตายตัวแล้วมันก็ง่ายขึ้น มันทำให้ปฏิบัติได้ง่ายขึ้นรวดเร็วพร้อมเพรียงกันมากขึ้น เพราะฉะนั้นขอให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีอยู่ดีแล้ว ให้มันถูกต้องเรียบ ร้อยให้เคร่งครัด มันจะได้อยู่นาน นานตลอดกาล ผู้ใหญ่ช่วยทำให้ดี ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกเด็กๆ เล็กๆ ที่มันกำลังจะโตขึ้นมา กำลังจะไม่มีประเพณี กำลังจะไม่มีศีลธรรม เรารักษาประเพณีให้ยังคงอยู่แล้วศีลธรรมมันจะยังอยู่ เพราะว่าการทำบุญทุกครั้งทุกคราวนี่แหละ ทำให้คนมีจิตใจที่อ่อนโยนลงมา ให้หยุดกิเลสไว้ชั่วคราว ให้มีจิตใจที่เกลี้ยงเกลา รู้จักความเกลี้ยงเกลาของจิตใจ แล้วมันก็สบายมีความสุข มันมีศีลธรรมง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกตัวนะ รวมความว่าขนบธรรมเนียมประเพณีนี้มันจะทำให้มีศีลธรรม ให้รักษาให้ศีลธรรมยังคงมีอยู่โดยไม่รู้สึกตัว ไม่ต้องพูดไม่ต้องขอร้องกันมากมายนัก และขอให้ปฏิบัติเถอะแล้วมันจะมีจิตใจที่จะมีศีลธรรมได้โดยง่ายแหละ มีอยู่โดยไม่รู้สึกตัว ฉะนั้นขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาในการกระทำทั้งหลาย ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ได้ หาโอกาสอธิบายให้ลูกเด็กๆ เล็กๆ มันรู้ว่ามันมากันทำไม ทำกันทำไม กระทั่งว่าปีใหม่นี้ควรจะดีขึ้นกว่าปีเก่า ก็ควรจะบอกจะกล่าวกันเรื่อยๆ ไป
นี่ปีใหม่สมมติเวลาว่าเป็นปีใหม่ก็เพื่อจะให้มันเขยิบได้เป็นจังหวะๆ ถ้าไม่สมมติว่ามีปีใหม่เสียบ้างมันก็จะปล่อยอืดไปตามเดิม เมื่อสมมติว่าเป็นปีใหม่ โดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก มันก็จริงนั่นแหละมันรอบปีหนึ่ง รอบปีหนึ่ง ฝนตกคราวหนึ่ง ฝนตกคราวหนึ่ง เขาเรียกว่าปีหนึ่ง ปีหนึ่ง นี่ก็ขึ้นปีใหม่ฝนแล้ง ขึ้นปีใหม่เป็นจังหวะที่ต้องปรับปรุงทุกอย่างแหละ ทำมาหากินก็ควรจะดีขึ้น ทางธรรมทางศาสนาก็ควรจะดีขึ้น อย่าให้มันเลวลง ถ้าเลวลงมันๆๆ ไม่ควรจะเรียกว่าปีใหม่ ทีนี้เขาไม่ค่อยระมัดระวังกัน มันเลวลง เลวลงจนไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีศีลธรรม ลำบากมาก ปัญหาทุกปัญหาเกิดมาจากการไม่มีศีลธรรมทั้งนั้นแหละ ช่วยคิดเสียใหม่อย่าเพิ่งอวดดีว่ารู้แล้วหรือเข้าใจแล้ว ไปคิดเสียใหม่ ปัญหาทุกปัญหามันมีมาจากไม่มีศีลธรรม ศีลธรรมคือสิ่งที่จะทำความปกติไม่ๆ วุ่นวาย ไม่ระส่ำระส่าย ไม่ยุ่งยาก ศีลธรรมแปลว่าปกติ ทำความปกติ ศีละแปลว่าปกติ คนที่มีศีลแล้วก็ปกติล่ะ คนที่ไม่มีศีลแล้วก็ไม่ปกติ ถ้าคนไม่ปกติให้ถือว่าคนนั้นมันไม่มีศีล ถึงมันจะรับศีลวันหนึ่งตั้งละสิบครั้งร้อยครั้งก็ไม่มีศีล ให้มันรับไปจนตายมันก็ไม่มีศีล ถ้ามันไม่มีความปกติ ให้มันมีความปกติที่กาย ที่วาจา ที่ใจ มันก็มีศีลนะ ถึงไม่ได้มารับศีลที่วัดมันก็มีศีล เพราะว่าศีลนั้นแปลว่าปกติ คนมันต้องมีความปกติมันจึงจะมีศีล ทีนี้วันนี้มารับศีลเหมือนมาซ้อมมาย้ำมาทำให้มันแน่นอนขึ้นไปอีก แต่ว่าอย่าทำแต่ปาก อย่ารับแต่ปาก ขอให้มันมีศีลจริง คือปกติยิ่งขึ้นไปทุกๆ ปี
เวลานี้มานั่งกลางดินระหว่างต้นไม้ตามธรรมชาตินี่มันแสดงปกติได้ง่าย มันมีความปกติที่เห็นได้ง่าย ถ้าไปรับศีลกันกลางสี่แยกที่คนวุ่นวาย รถ คน อะไรนี้ มันจะใจคอมันก็ปกติยาก อุตส่าห์มารับศีลถึงในป่า จะได้เห็นตัวอย่างความปกติตามธรรมชาติ เราก็ทำให้เกิดความปกติในความหมายเดียวกันนี้แหละ ฉะนั้นทำใจคอให้ปกติให้รับศีล ให้มันมีความปกติยิ่งๆ ขึ้นไป รับศีลวันนี้อุทิศให้ปีใหม่นะ หมายความว่าให้มันดีกว่าปีเก่า ให้ปีใหม่ให้มันดีกว่าปีเก่าโดยสมมติเป็นปีๆ ให้ปีใหม่มันดีกว่าปีเก่า รับศีลนี้อุทิศปีใหม่ ไอ้ที่แล้วให้มันแล้วไป ไม่ต้องเอามาโศกเศร้าเสียใจ แต่ว่าเอาไว้เป็นครูอย่าทำผิดอีก ให้มันทำถูกต่อไปข้างหน้า คนโบราณเขาพูดไว้ดีว่าผิดก็เป็นครู ไอ้ถูกนั่นก็เป็นครู เรื่องความผิดก็ทำสำหรับเป็นครูอย่าทำผิดอีก ความถูกก็ทำให้เป็นครูเพื่อให้มันมีความถูกยิ่งๆ ขึ้นไป ทีนี้ปีใหม่ก็แล้วไปแล้วในส่วนที่ว่าถ้ามันมีผิด ก็ให้มันเป็นครูมีถูกก็ให้เป็นครู อย่าเอามาเสียใจหรืออย่าเอามาฟุ้งซ่าน ตั้งต้นปีใหม่นี้ให้เยือกเย็นให้มันปกติ เอาละทีนี้ก็จะรับศีล ตามขนบธรรมเนียมประเพณีแหละ แต่ว่าขอพิเศษสักที ทดสอบดู ขอให้ว่าเอง เอาทุกคนว่านะโมพร้อมกัน 3 รอบ
เดี๋ยวๆ ว่าแต่นะโม ๓ จบพร้อมกันทั่วๆ แล้ว ขอให้เข้าใจว่าเป็นธรรมเนียมของพุทธบริษัท จะทำอะไรสักนิดหนึ่งก็ต้องระลึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน ช่วยจำไว้ด้วยว่าจะทำอะไรสักนิดหนึ่งให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน คล้ายๆ กับไปถามพระพุทธเจ้าก่อนล่ะจึงตัดสินว่าจะทำอะไร เพราะฉะนั้นเขาจึงว่าทำอะไรตั้งนะโม ทำอะไรตั้งนะโม อย่าไปดูถูก มันจำเป็นจะต้องตั้งนะโม เพื่อจะเป็นโอกาสว่าจะทำอะไรแล้วขอให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน จะโกรธใครจะด่าใครก็ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน จะได้เงินได้ทองได้ลาภได้สักการะอะไร ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ เพื่อจิตใจมันจะไม่ได้ฟุ้งซ่านในทางที่เหลิงระเริงก็ได้ และก็ไม่โศกเศร้าก็เสีย จิตใจมันปกติ จำไว้อย่าง ทำอะไรให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน โดยเฉพาะเป็นเรื่องสำคัญล่ะให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน จะหย่าผัวหย่าเมียหย่าอะไร ก็เรื่องสูงสุดแบบนี้ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนว่าควรทำหรือไม่ควรทำ เอ้า, ทีนี้จะนึกถึงพระรัตนตรัย ว่าสรณคมณ์พร้อมๆกันอีก ว่าเองนะ
นี่ก็เหมือนกัน ทำอะไรทำให้ครบเต็มที่ ที่จะทำได้ คือให้ทำ ๓ รอบ ๓ ครั้ง เป็นธรรมเนียมมาหลายพันปีแล้ว ในพุทธศาสนาก็รับเอาธรรมเนียมนี้มา เพราะบางทีในครั้งแรก จิตใจมันยังไม่สงบพอ เอ้า,ทำซ้ำอีกรอบเป็นรอบที่ ๒ ทุติยัมปิ บางทียังไม่ดีที่สุดว่าอีกรอบนึง เป็นตติยัมปิให้มันดีที่สุด ฉะนั้นอย่าใจลอย ครั้งที่ ๑ ว่าไปแล้ว ครั้งที่ 2 ต้องดีกว่า ครั้งที่ ๓ ต้องดีกว่า เพื่อให้มันแน่นแฟ้น ให้มันแน่นอน อย่าประมาทว่าครั้งเดียวจะสำเร็จและแน่นอน นึกถึงพระพุทธ นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระสงฆ์ นี่ก็สำคัญ จะได้เป็นคนที่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในความรู้สึกตลอดเวลา พระพุทธเจ้ามีรายละเอียดอย่าง ไรไปศึกษาเอาเอง แต่ให้สำคัญที่สุด สรุปว่าเป็นผู้ที่ค้นคว้าจนพบความพ้นทุกข์ดับทุกข์ของพระองค์ได้แล้ว สอนให้ผู้อื่นดับได้ด้วยนั่นแหละ พระคุณของพระพุทธเจ้าเป็นแสงสว่างในเรื่องนี้ เมื่อพูดชื่อว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ต้องนึกถึงข้อนี้ พระธรรมคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ เป็นของจริงของธรรมชาติอยู่ตลอดนิรันดร พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จึงทำพระองค์ให้เป็นพระพุทธเจ้า และเอามาสอนคนด้วย พระพุทธเจ้าจึงเคารพพระธรรม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน อะไรก็เคารพพระธรรม ทีนี้พระ สงฆ์คือผู้ที่รับพระธรรม เอามาสืบไว้สำหรับสั่งสอนกันต่อไปอย่าให้ขาดตอนได้ เขาเรียกว่าผู้สืบอายุของพระธรรม หรือของพระศาสนาแก่ประชาชน เราจึงถือว่ามีบุญคุณเนื่องกันเป็นสามองค์ ถ้าทำพิธีที่สำคัญแล้วต้องนึกถึงไตรสรณคมณ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีคุณอย่างไร ๓ ครั้ง นี้เรียกว่าถึงสรณคมณ์ ด้วยวาจา ด้วยใจ และด้วยกาย กายคือประพฤติให้ตรงอยู่เรื่อยไป วาจาก็เปล่งออกมาแล้วเหมือนเมื่อตะกี้ ไอ้ใจก็รู้สึกอยู่ด้วยไม่ใช่ว่าแต่ปาก เอ้า, ทีนี้ก็ว่าตัวสิกขาบท เอาว่า ปาณา พร้อมๆ กัน เฉพาะปาณา
นี่หมายความว่าอย่าประทุษร้ายร่างกายชีวิตของใครด้วยทุกวิถีทาง ทำให้ตายก็ไม่ได้ ทำให้เกือบตายก็ไม่ได้ ทำให้บาดเจ็บก็ไม่ได้ เพราะว่ามันมีความประทุษร้าย ให้เว้นทำสิ่งที่มีชีวิตให้ตายหรือให้เกือบตาย ว่า อทินนา ข้อที่สอง
ข้อนี้ว่าอย่าประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น คือหมายถึงเอามาเป็นของตัวโดยวิธีใดก็ตาม ทุกวิธีที่มีในโลก การจะเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตัวโดยเจ้าของไม่ยินยอมให้ เขาเรียกประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ขอให้ตั้งใจแน่วแน่มั่นคงว่าจะไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น โดยวิธีใดก็ตามในหลายๆ ร้อย หลายๆ พันวิธีที่มีอยู่ในโลกอย่างแน่นอน โดยตรงบ้าง โดยอ้อมบ้าง โดยทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี จะไม่ทำเป็นอันขาด เอาคราวนี้ผู้ที่จะสมาทานศีลห้านะ ว่ากาเมข้อเดียว ว่ากาเมผู้ถือศีลห้าว่ากาเมว่าไป
ข้อนี้ก็ว่าอย่าประทุษร้ายของรักของผู้อื่น กาเมสุแปลว่าของรักของใคร่ทั้งหลาย มิจฉาจารา แปลว่าประพฤติผิดคือประทุษร้าย อย่าประทุษร้ายของรักของผู้อื่น คนทั้งหลายย่อมมีของรักทั้งนั้น เด็กตัวเล็กๆ ก็มันมีของรักของเล่น ตุ๊กตา เครื่องใช้ไม้สอย เสื้อผ้าเป็นของรัก จนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ก็มีเรื่องบุตรภรรยาสามีอะไรเป็นของรัก ของรักทุกชนิดอย่าไปประทุษร้ายเข้า เขาจะเสียใจ จะเกิดเรื่องจะมีเหตุลุกลามใหญ่ โตไป ไปสอนลูกเด็กๆ ให้รู้จักรักษาศีลข้อกาเม คืออย่าไปแตะต้องของรักของผู้อื่น เป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว นี่ก็ยิ่งมีความหมายมากเพราะของรักมันขยายตัวขยายความหมาย อย่าไปประทุษร้ายคืออย่าไปแตะต้องให้เขาช้ำใจ นี่ไม่ใช่อทินนาทาน แต่ว่าไปทำให้เขาช้ำใจ ผู้ที่ถือศีลอุโบสถว่า อพรัหม..
นี่หมายความว่าไม่กระทำสิ่งซึ่งมิใช่พรหมจรรย์ โดยเฉพาะในเรื่องศีลนี้พรหมจรรย์นี้หมายถึง การเว้นจากการกระทำของคนที่อยู่กันเป็นคู่ ในระดับไหนก็ตามใจ จะไม่กระทำกิจกรรมในความหมายของคนที่ว่าอยู่กันเป็นคู่ คือระหว่างหญิงกับชาย จะในระดับไหนก็ตาม ถ้ามีความหมายเป็นเรื่องการกระทำของคนคู่ จะต้องเว้นหมด จึงชื่อว่าประพฤติพรหมจรรย์ โดยเฉพาะในวันนี้ซึ่งฆราวาสจะถือเป็นพิเศษ เรียกว่าจะไม่กระทำสิ่งซึ่งมิใช่พรหมจรรย์ ก็เป็นอันว่านี่เว้นขาดไปเลยเกี่ยวกับเรื่องเพศ เรื่องการกระทำทางเพศ ในทุกๆ ชั้น ทุกๆ ระดับ แม้แต่ดูด้วยตา คิดด้วยจิตก็ยังไม่สมควร เอ้า, ทีนี้ว่าข้อมุสาพร้อมกันทั้งหมด
ข้อนี้อย่าประทุษร้ายประโยชน์ของผู้อื่นโดยใช้วาจาเป็นเครื่องมือ วาจาที่โกหกหลอกลวงอะไรก็ตาม ใช้เป็นเครื่องมือประทุษร้ายประโยชน์ของผู้อื่น ความหมายกว้าง อย่าใช้วาจาที่ไม่เป็นธรรมประทุษ ร้ายประโยชน์ของผู้อื่นเอามาเป็นของตัว เอาว่าข้อสุราพร้อมกัน
ไม่เสพสิ่งซึ่งทำให้เกิดความประมาทเสียสติสัมปัชชัญญะ มีการดื่มน้ำเมาเป็นต้น นี่คือไม่ประทุษ ร้ายตัวเอง ไม่ประทุษร้ายสติสัมปัชชัญญะของตัวเอง ไม่ทำร้ายสมปฤดีของตัวเอง พอกินน้ำเมาเข้าไปแล้วมันประทุษร้ายสมปฤดีของตัวเอง คือสูญเสียสมปฤดี ถือเอาด้วยใจความให้ๆๆๆ ครบถ้วนแล้วก็ว่าอย่าประ ทุษร้ายสมปฤดีของตนเอง ให้เป็นคนมีสติสัมปัชชัญญะสมปฤดีปกติอยู่แบบนี้แหละ ฉะนั้นสิ่งใดเมื่อกินเมื่อเสพ เมื่อลูบเมื่อทา เมื่อสูดเมื่อดมอะไรเข้าไปแล้ว ทำให้สูญเสียสมปฤดีนั้นห้าม ห้ามทุกประการทุกอย่างทุกประการ คนโง่ๆ มันถือแต่ว่ากินเหล้าเท่านั้นแหละ แล้วยังไปทำอย่างอื่นที่แรงกว่าเหล้าเข้าไปอีก ความจริงศีลนี้เขาห้ามไว้ทุกอย่างทุกประการ ที่จะทำให้เกิดความประมาทน่ะ ปะมาทัฏฐานา เป็นที่ตั้งของความประมาท ทุกอย่างถ้าเป็นที่ตั้งของความประมาทต้องเว้นหมด รวมความว่าอย่าประทุษร้ายจิตที่มันปกตินี้ ของอะไรกินเข้าไปแล้วมันสูญเสียปกติจิตนี้ อย่าไปทำเป็นอันขาด ผู้ถือศีลห้า สมาทานศีลห้า ๓ รอบ อิมานิปัญจะสิกขาปทานิ ๓ รอบ
นั่นสามรอบอีกแล้วดูสิ ความสมบูรณ์ของพุทธบริษัทในการกระทำนั้นต้อง ๓ ครั้ง ๓ รอบไม่ทำเล่น ผู้ถือศีลอุโบสถว่าวิกาละโภชนาต่อไป
นี่คือเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล หมายความว่าอาหารซึ่งเป็นส่วนเกินน่ะเว้นถอะ เอาแต่เพียงพอดีพอดี นี่มันเป็นส่วนเกินที่เรียกว่าวิกาลน่ะ นอกเวลาแล้วเป็นส่วนเกิน อาหารที่เป็นส่วนเกินอย่ากินเลย ก็หมายความว่าอย่าเห็นแก่กิน อย่ากินพร่ำเพรื่อ อย่ากินด้วยความตะกละเอร็ดอร่อยจนจะกินพร่ำเพรื่อ จนเกิน เกิน เกิน เกิน ขอให้ทุกคนเว้นอาหารส่วนเกิน เพื่อถือศีลอุโบสถเป็นพิเศษ เอาว่าข้อนัจจะคี
ข้อนี้เว้นการกระทำที่เหลวไหล กระทำไปด้วยความโง่ไม่มีประโยชน์ และทำให้จิตใจเคลิบเคลิ้มไม่อยู่กับร่องกับรอยของธรรมะ นัจจะนะฟ้อนรำ คีตานะขับร้อง วาทิตาประโคม วิสูกาน่ะอีกหลายๆ อย่างที่มันเป็นข้าศึกแก่ความสงบ ทัสสนะดูการเล่น มาลานี่ประดับด้วยระเบียบ วิเลปะนะด้วยของลูบไล้ลูบทา ภูสะนะนี่ก็ประดับประดาด้วยเสื้อผ้าเป็นต้น ซึ่งเกินจำเป็น ทำแล้วก็คือเปลืองเปล่าเสียเวลาเปล่าลุ่มหลงเลื่อนลอยไปในสิ่งที่ยั่วยวน ฉะนั้นผู้ถือศีลอุโบสถเว้นเด็ดขาดเลย เราเว้นสิ่งที่ทำให้จิตใจมันไม่ปกติ มันเคลิบเคลิ้มไปโดยเสียเวลาหมดเปลืองเปล่าๆ ถึงแม้ผู้ที่ไม่ถือศีลอุโบสถ เป็นถือศีลห้าก็ควรทำ เอาข้อสุดท้าย อุจจาสยน
ข้อนี้ว่าให้เว้นเสียจากที่นั่งที่นอน ซึ่งมุ่งหมายเพื่อความสวยงามสะดวกสบายเอร็ดอร่อยหรือสนุก สนาน ให้อาศัยที่นั่งที่นอนพอเป็นไปได้ เช่น สาดเสื่ออาสนะอะไรพอสมควร ไม่ส่งเสริมกิเลส ไม่ทำให้ติดในรสของความสวยงามหรือสนุกสนาน ให้ใช้สอยสิ่งของในบ้านในเรือนในความหมายชนิดนี้ รวมความว่าก็คือไม่ใช้ส่วนเกินนั่นแหละ ในเรื่องนั่งเรื่องนอน เครื่องใช้ไม้สอยอย่าให้มันเกิน ให้มันพอดี ให้มันส่งเสริมการที่มีจิตใจปกติ เอาสมาทานอุโบสถอีก ๓ ครั้ง
เป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้สมาทานศีลห้าและศีลอุโบสถครบถ้วนแล้ว ขออนุโมทนา ขอแสดงความยินดี สีเลนะ สุคะติง ยันติ ขอให้สุคติเพราะศีล สีเลนะ โภคะสัมปะทา สมบูรณ์ด้วยโภคะก็เพราะศีล สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ถึงนิพพานได้ก็เพราะศีล ตัสมา สีลัง วิโสธะเย เพราะฉะนั้นขอให้ท่านทั้ง หลายทุกคนจงชำระศีลของตนให้บริสุทธิเถิด ทีนี้ถวายทาน
ได้ถวายเป็นสังฆทาน ก็ถือโอกาสทำอุปโลกน์ ด้วยการประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ให้ถือตามขนบธรรมเนียมประเพณีว่า ทายกน้อมถวายส่วนใดไปสู่ภิกษุสามเณรใดก็ถือว่าเป็นส่วนของตน การถวายนั้นก็ยังคงเป็นสงฆ์เป็นสังฆทานอยู่นั่นเอง เพียงแต่วิธีแจกทานแจกอาหารน่ะมันเป็นไปในรูปนี้ นี่ก็เป็นการอุปโลกน์ ขอให้เข้าใจไม่มีความสงสัย ต่อจากนี้ก็จะอนุโมทนา อนุโมทนาในการกระทำเป็นหน้าที่ของพระ การอุทิศส่วนกุศลเป็นหน้าที่ของทายกทายิกา เมื่อพระอนุโมทนาจงทำในใจอุทิศส่วนกุศลแก่สัตว์ทั้ง หลาย ให้เข้ากับบทอนุโมทนาว่า ยะถา วาริวหา ปริ ปุรา เป็นต้น คือว่าให้กุศลที่ทำในวันนี้ให้มันเต็มเปี่ยมไปตามลำดับ ถึงแก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว บิดามารดา รวมไปถึงญาติที่ห่างออกไป จนสัตว์ทั้งหลาย ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ เหมือนกับฝนตกลงมาบนที่สูงย่อมไหลไปที่ต่ำตามลำดับ คำอนุโมทนาที่ว่า ยะถา วาริวหา ว่าแบบนั้น ขอให้ทำใจให้เข้ากันด้วย
อุทิศส่วนกุศลให้คนที่ล่วงลับเสร็จไปแล้ว ทีนี้ให้พรคนที่ยังเป็นๆ อยู่นี่