แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอถือโอกาสพิเศษวันนี้นะ ไม่ค่อยสบาย ยังไม่ค่อยสบายดี แต่ก็อุตส่าห์มาให้ทันจนได้ เพราะได้สัญญาแล้วว่าจะมาให้ทันปีใหม่ หมอจะให้อยู่อีก ๑ อาทิตย์ บอกไม่ได้ ได้สัญญากับพี่น้องชาวบ้านมาให้ทันปีใหม่ ก็เลยมา หายแต่ยังไม่หายดี จึงต้องมาปฏิบัติตัวต่อไป แขนไม่มีแรงแม้แต่จะถือบาตร ให้ตักบาตรให้เสร็จนี่ ก็เลยวันนี้ก็มาถือบาตรได้แหละ ถ้าใครมีก็ใส่ในบาตรนี้ก็แล้วกันนี่
แต่ว่าอย่าคิดว่าเป็นอะไรมากมาย นั่นมันเป็นแต่โรคอ้วน เขาฉายให้ดูเห็นชัดเหมือนกับจอโทรทัศน์ เห็นกล้ามเนื้อกะบังลมดันหัวใจขึ้นมาสูงกว่าปกติ และขวางอยู่เล็กน้อย อันนั้นเป็นเหตุให้เหนื่อย และไม่มีแรง ความดันสูง เคยตรวจทุกอย่าง ตรวจตั้ง ๒๐ หมอ ๓๐ หมอ จนไม่รู้จะตรวจอะไร ไม่พบ น้ำตาลก็ไม่มีมาก มี ๘๕ ไขมันมันมีเพียง ๑๘๕ คือไม่มีมาก ยังแต่ ยังเหลือแต่ว่าหัวใจ เท่านั้น สูงขึ้นมาเล็กน้อย และตรวจที่คอ ตรวจข้อคอ กระดูกคอนั้นมันผิดปกติไปอยู่ ๓-๔ ข้อ ด้านหลังมันเหมือนกับบวมขึ้นมา ไม่รู้อะไรจะงอกนะ ต้องยืดคอ เขาให้ที่ใส่สำหรับยืดคอ แล้วคงจะหาย และก็จะหายปวดหัวกลางคืน เรื่องเจ็บไข้มีเท่านี้แหละ อย่าไปบอกใครว่าไม่สบายใหญ่โตโลกังให้เขาลำบากยาใจ
ทีนี้ที่เรื่องที่อยากจะพูดเท่าที่จะมีแรงจะพูดแหละ พูดเหมือนทุกปี ขอเตือนสติเรื่องปีใหม่ ให้จัดการกับปีใหม่ให้เรียบร้อยที่สุด หรือว่าดียิ่ง ๆ ขึ้นทุก ๆ ปี คือให้ตัวเรานั้นมันดีหรือใหม่ขึ้น ไอ้ปีไม่ทำให้ใหม่ได้ แต่เรานี่ทำให้ใหม่ขึ้นมาได้ อย่างน้อยให้ต่อสู้กับเหตุการณ์ในโลกที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ แหละได้ ก็พอดีปีนี้เป็นปีที่โลกบ้าที่สุดทั้งโลกเลย ถ้าเปรียบกับที่ผ่านมาแล้วนะ มันมีแต่เดือดร้อน กระวนกระวาย ไม่มีน้ำมันจะใช้ ไอ้เงินมันตกราคา ของมันไม่พอกินพอใช้ มันบ้าประชาธิปไตยกันจนไม่รู้จะไปทิศไหนทางไหน นี่ทั้งโลกมันยุ่ง
ทีนี้เราก็มันก็อยู่ในโลกกับเขาด้วยเหมือนกัน มันก็หลีกไม่พ้น ฉะนั้นจึงขอบอกว่าให้ทุก ๆ คนทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งหญิง ทั้งชาย หรือทั้งพระ ทั้งฆราวาสนี่แหละ ต่อสู้ปีใหม่ ปีนี้แหละให้มันให้ดีเป็นพิเศษ เพราะเหตุการณ์มันใหม่นี่ ไม่เท่าไรจะไม่มีน้ำมันใช้ หรือไม่เท่าไรของจะแพง จะแพงขึ้น มันก็สู้กันแหละ เราก็ขายแพงแหละ ถ้าของที่ตลาดมันแพง ไอ้เราก็ขายแพงแหละ แต่มันคงไม่ ไม่สงบแหละ นี่ก็ต่อสู้ให้ดี
เด็กหนุ่ม ๆ นะอย่าเที่ยวเกเร ปลูกตะไคร้ขายก็พอกิน ก็เมื่อตะไคร้มันก็ยังแพง ส่งไปขายที่บ้านอื่นก็ได้ และคนหนุ่ม ๆ ปลูกตะไคร้ขายก็ยังไม่ต้องไปเที่ยวเกเร หรือว่าเที่ยวลักเที่ยวขโมย นี่ก็อย่าไปทำสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องทำ อย่าไปใช้ อย่าไปกิน อย่าไปเล่นในสิ่งที่มันไม่จำเป็นนะ เดี๋ยวมันก็แก้ปัญหาได้แหละ ปีที่แล้วเรายังฟุ่มเฟือยแหละ หรือว่าทำสิ่งที่ไม่จำเป็นกันมาก แล้วปีนี้ก็อย่าทำ มันจะไม่สู้เหตุการณ์ได้ แล้วมันจะเดือดร้อน แล้วมันก็เดือดร้อนกันไปหมดนะ ไม่ใช่ว่าเราทำผิดติดตะรางคนเดียวแล้วคนอื่นจะไม่เดือดร้อน พ่อแม่ก็พลอยเดือดร้อน เพื่อนบ้านก็พลอยเดือดร้อน ไม่ใช่ว่าติดตะรางคนเดียวเดือดร้อนคนเดียว
นี่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์ของโลกทั่วทั้งโลกที่มันกำลังผันผวนที่สุดในปีนี้ ไม่เท่าไรก็มาถึงบ้านเราแหละ เตรียมตัวไว้ให้ดี ทีนี้ก็ว่าจะต่อสู้กันอย่างไร ต่อสู้กันด้วยอะไร ข้อนี้เคยบอกหลายสิบครั้ง หลายร้อยครั้งแล้ว ลืมกันเสีย ว่าธรรมะอย่างเดียวนั่นแหละแก้ปัญหาได้หมดทุกอย่าง ความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายทั้งปวง เมื่อไร ที่ไหน สุดแท้ ธรรมะอย่างเดียวแก้ปัญหา แก้ความทุกข์ได้หมด ขอให้มีธรรมะอย่างเดียวจะแก้ปัญหาได้หมด ถือศาสนาไหนก็ใช้ธรรมะในศาสนานั้น มันก็แก้ได้หมด
ศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาที่มีธรรมะเพียงพอ ไม่แพ้ศาสนาอื่น เหมือนกันทุก ๆ ศาสนาคือว่าอย่าเห็นแก่ตัว อย่ากอบโกยส่วนเกิน โดยลืมไปว่าเพื่อนทั้งหลายนั้นเป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ถ้าภาวนาอย่างนี้ไว้ในใจแล้วมันก็เอาเปรียบใครไม่ลง มันก็ช่วยกัน เมตตา กรุณา มันสงสาร มันช่วยเหลือ ก็อยู่กันเป็นสุขได้ นี่ธรรมะในศาสนาทุกศาสนาก็สอนให้ว่าคนทุกคนนั้นเหมือนกับคนคนเดียวเพราะว่ามีปัญหา เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ทีนี้เราจะต้องทำต่อไปตามหน้าที่ ที่ว่าเราเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนี่ มันยังมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อกันและกัน ที่เรียกว่าสังคม ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเราแท้ ๆ ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น นี่เรียกว่าปัญหาส่วนตัว แล้วก็ มีหลักที่ว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวเราของเรา ไม่เกิดตัณหาอุปาทาน มันก็ไม่เกิดความทุกข์แน่นอน นี่โดยส่วนตัวเรา มันแก้ได้ง่ายและเพราะมันคนเดียวนี่ แต่ถ้ามันเกี่ยวกับคนอื่นด้วย สังคมกัน มากมายหรือเกือบทั้งโลก นี่มันต้องมีธรรมะที่กว้างออกไป
ทีนี้เวลานี้ ก็พูดแล้วว่ามันกำลังผันผวนโกลาหลที่สุด หลายแง่หลายมุม ทุกแง่ทุกมุม จึงต้องมีธรรมะที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ให้ทันกับเหตุการณ์ของปีนี้ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่าธรรมะนั้นมันไม่มีใหม่มีเก่า มันมีมาก มีให้เลือก ๘๔๐๐๐ ธรรมขันธ์ ก็เวียนหัวตาย ตั้ง ๘๔๐๐๐ ธรรมขันธ์ มันก็ต้องเอามาเฉพาะข้อที่จะใช้ให้ตรงให้ตรงกับเหตุการณ์นะ เมื่อเหตุการณ์ผันผวนใหม่ออกไป ก็ต้องปรับปรุงไอ้หัวข้อธรรมที่ใหม่ ๆ ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสังคม
ธรรมะชื่อเก่า ๆ นั่นแหละ แต่นำมามาปรับปรุงกันในชุดใหม่ มันก็ใหม่ขึ้นแหละ เหมือนกับหมู่บ้านนี้ถ้าปรับปรุงใหม่มันก็ดูใหม่ขึ้นแหละ หรือว่าเพื่อนฝูงหลาย ๆ คนจะคุมเป็นขบวน เป็นอะไรขึ้น เข้าปรับสับเปลี่ยนหน้าที่กันให้ดี ๆ มันก็เป็นขบวนที่ใหม่ขึ้นและสามารถขึ้น นี่ธรรมะที่จะใช้บำบัดเหตุการณ์ผันผวนในปีนี้ เช่นว่าเศรษฐกิจตกต่ำ ของแพง จนเกินร้อยเท่าแล้วบางอย่าง แล้วก็ยังที่มีก็ว่าจะไม่มีอีก แพงแล้วยังไม่มีอีก เช่นว่าไม่มี เหล็กสำหรับก่อสร้าง และไม่มีไอ้น้ำมันสำหรับเดินเครื่องยนต์ หรือแม้แต่จุดไฟ ถ้าไม่มีน้ำมันก๊าด ต้องใช้น้ำมันยาง อะไร มาจุดไต้นะ มันเป็นอย่างนั้น นี่จะต้องต้อนรับ
เท่าที่ใคร่ครวญดูแล้ว มีธรรมะที่ต้องเอามาย้ำแล้วย้ำอีก ย้ำเล่าให้ทุกคนจำไว้ดี ๆ สำหรับเป็นเครื่องป้องกันในเวลานี้ ก็คือธรรมะ ๔ หัวข้อ ตั้งใจฟังให้ดี ๆ คอยฟังให้ดี ๆ สี่คำจำให้ดีเถอะ สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี ควรคงจะจำได้กันแล้วทุกคนว่า สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี ถ้าลืม ไปดูที่เสาที่บ่อที่บ่อเสาโพธิสัตว์ มันเขียนไว้ประจำเลย สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี รอบนั้นน่ะ ถ้าลืม ไปดูตรงนั้น
นี่ สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี ซึ่งผูกพันกันอยู่ด้วยสิ่งที่เรียกว่า สติ เลยกลายเป็น ๕ ขึ้นมา สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี นี่มัน ๔ เท่านั้น และผูกพันกันอยู่ด้วยอำนาจของสติ มีสติอีกคำหนึ่งก็กลายเป็น ๕ ขึ้นมา ถ้าใครมีธรรมะ ๔ อย่างนี้ ผูกพันกันไว้ด้วยสติแล้ว เราก็จะคงจะไม่มีความทุกข์ หรือไม่มีความทุกข์มาก หรือจะแก้ปัญหาทางสังคมได้ ลูกจ้างกับนายจ้างก็ดี หรือว่าลูกกับพ่อแม่ก็ดี ลูกศิษย์กับครูก็ดี แม้ที่สุดแต่ประชาชนกับรัฐบาลก็ดี ถ้าต่างฝ่ายต่างมีธรรมะสี่ข้อนี้แหละปัญหาจะไม่เกิด ปัญหาเกิดเพราะไม่มีธรรมะสี่ข้อนี้
สุทธิ นั้นหมายความว่า ต้องเป็นคนตรง คนจริง คนสะอาด คนไม่ทำความชั่ว ไม่มีความลับ กระทั่งพยายามที่จะสำนึกบาป สำนึกความผิดที่มีมาแล้วและกำลังมีอยู่ สละบาปเสีย ทำคืนเสีย คือแสดงอาบัติเสีย แก้บาปเสีย ทั้งหมดนี้เรียกว่า สุทธิ สุทธิแปลว่าบริสุทธิ์ จงทำตนให้เป็นคนบริสุทธิ์ เผื่อมันจะตายลงทันทีมันจะได้ตายบริสุทธิ์ ฉะนั้นอย่าผัดเพี้ยน อย่าผัดเวลา เดี๋ยวมันจะตายในขณะที่ไม่บริสุทธิ์ แล้วมันจะขาดทุน
เช่นเราก็ทำความบริสุทธิ์ ในเราเราเราเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง เป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์ ไม่ทำบาปไม่ทำชั่ว ไม่โกง ไม่คอรัปชั่น ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ล่วงละเมิดประทุษร้ายร่างกายชีวิตผู้อื่น ไม่ประทุษร้ายทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ไม่ประทุษร้ายของรักของผู้อื่น ไม่ประทุษร้ายความชอบธรรมของผู้อื่นและไม่ประทุษร้ายสติสัมปชัญญะของตัวเอง ที่เรียกว่าศีล ๕ นั่นแหละ
นี่ก็ทำให้บริสุทธิ์ที่กาย ที่วาจา ที่ใจ เป็นคนบริสุทธิ์ หน้าที่การงานบริสุทธิ์ แล้วก็จริง จริงจริงรอบด้านเลย จริงต่อตัวเอง จริงต่อผู้อื่น จริงต่อพระธรรม จริงต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสำนึกความผิดไว้เสมอเพื่อจะได้สลัดออกไป มันก็บริสุทธิ์ ถ้าเรามีความบริสุทธิ์แบบนี้ ถึงแม้จะตายก็ยังเรียกว่าวิเศษ ประเสริฐ เพราะมันบริสุทธิ์สูงสุดนะ แต่มันไม่ต้องตายหรอก ที่ไม่บริสุทธิ์นั่นแหละมันจะตายเร็ว นี่ข้อที่หนึ่ง เรียกว่าสุทธิ จำให้ดี
ข้อที่สองเรียกว่า ปัญญา คือรู้สิ่งที่ควรจะรู้ สิ่งที่ไม่ต้องรู้ก็อย่าไปรู้ให้มากนัก เวลานี้ชอบไปรู้ไปพูดไปในสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องรู้ นี่มันก็มากเกินไปแหละ เถียงกันจนเกิดโมโหหน้าดำหน้าแดงก็เลยไม่บริสุทธิ์เสียอีก ทำลายความบริสุทธิ์เสียอีก มันต้องมีความรู้พอดี ถูกต้อง ถ้าการที่จะเป็นมนุษย์ที่ดีนี่เขาเรียกว่ามีปัญญา แต่ว่าบางทีเขาเรียกว่าสัมมาทิฏฐิก็เรียก เรียกว่าญาณก็เรียก เรียกทัศนะก็เรียก เรียกวิปัสสนาก็เรียก ชื่อมากแหละ อย่าเอาเลย เอาแต่ว่าปัญญาก็แล้วกัน
ให้มีปัญญาให้เพียงพอ รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ เราก็ทำอะไรไม่ผิดในส่วนตัวเรา เราก็มีปัญญาที่จะช่วยผู้อื่น แล้วเราก็จะรู้ว่าเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันทุกคน คนโง่เท่านั้นเห็นแก่ตัว คนโง่มันก็ไม่ช่วยผู้อื่น มันพร้อมที่จะเอาเปรียบผู้อื่น มันพร้อมที่จะกอบโกย คนโง่จะไม่คิดว่าเราเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น หรือมันคิดว่า เอ้อ มันโง่เราจะยิ่งเอาเปรียบมัน คนชนิดนี้จะเอาเปรียบแม้แก่พระเจ้า พระสงฆ์ คนโง่ชนิดนี้จะเอาเปรียบแม้แก่วัดวาอารามและพระศาสนา มันถึงขนาดนั้นนะ ก็มันโง่นี่ ถ้ามันปัญญามันก็รู้ว่าเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น มันก็เบียดเบียนกันไม่ได้ มันเอาเปรียบกันไม่ได้
ปัญญาพื้นฐานที่สุดก็คือว่าเราเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ทีนี้ปัญญาสุดยอดนั้นก็คือปัญญาว่าสิ่งทั้งปวงไม่ควรไปหมายมั่นว่าตัวเราว่าของเรา สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดถือว่าตัวกูของกู มันของธรรมชาติ ของพระเจ้า เหมือนกับของยืมใช้นี่ นี่มันปัญญาสูงสุด ส่วนปัญญานอกนั้นมันอยู่ตรงกลาง มากมายหลายอย่าง ยังมีอีก แต่ถือปัญญาพื้นฐานไว้ให้ได้ก่อนนะว่าเรามันเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แล้วมันทำถูกเองแหละ จะไม่ทำผิดแน่
ทีนี้ว่าสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนั้น มันจะไม่มีความทุกข์เกิดขึ้น เพราะความทุกข์เกิดจากความยึดมั่นถือมั่น ถ้าใครมีแบบนี้แหละก็มีปัญญา คนมีปัญญานี่เขาไม่ทำความทุกข์ให้ใคร และถึงใคร ๆ ก็จะทำความทุกข์ให้คนมีปัญญาไม่ได้ กล้าท้า ให้มันฆ่าให้ตายก็มันทำให้คนนั้นมีความทุกข์ไม่ได้ เพราะมันมีปัญญาที่จะคิด ฉะนั้นเราจึงต้องมีปัญญาให้เพียงพอในโลกที่มีสถานการณ์ที่กำลังลำบากที่สุดนี้ นี่เรียกว่าข้อที่สอง
ข้อที่สาม เมตตา คือความเป็นมิตร ความรักใคร่ นี่มันก็ตั้งรากฐานมาจากปัญญา ที่เห็นว่าเราเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทีนี้เราสงเคราะห์แหละ สงเคราะห์ตามควร สงเคราะห์ในฐานะเป็นมิตร เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายนี่ นี่ก็เมตตา หลาย ๆ ชั้น เมื่อไม่เห็นแก่ตัวแหละ เมตตาแหละ เมื่อเห็นแก่ตัวแล้วมันไม่เมตตา ถ้าปัญญามันต้องให้ไม่เห็นแก่ตัว มันก็เมตตาโดยอัตโนมัติแหละ เวลาไหนเราเบียดเบียนกัน เวลานั้นเราเห็นแก่ตัว ไม่มีเมตตา พอนึกได้ก็เริ่มเมตตา คนสมัยก่อนมีความสุขมากเพราะเมตตามาก คนสมัยนี้มีความสุขน้อยเพราะเห็นแก่ตัวมาก อย่าไปคิดว่าถ้าเราเมตตาเราจะเสียเปรียบ คิดให้ดี ๆ ไอ้เมตตานั่นแหละว่าจะได้เปรียบหรือจะชนะ รวมความว่าเราต้องเผื่อแผ่แหละ ในในในในโลกในสมัยที่โลกกำลังลำบากที่สุดนี้ เราต้องเมตตา กรุณา แผ่เผื่อเจือจานกันแหละ อย่าเห็นแก่ตัว นี่นี่ข้อที่สาม
แล้วข้อที่สี่ ขันตี นี่ต้องอดทน ทนมีสองทน ทนข้างนอก และทนข้างใน ทนข้างนอก หมายความว่าเจ็บไข้ได้ป่วย ร้อน หนาว หรือเพื่อนด่า เพื่อนว่าอะไรนี่ เราก็ทน นี่ทนจากข้างนอก ทีนี้ทนข้างใน คือกิเลสของเราเอง มันบีบบีบคั้นเราเอง กิเลสมันบีบคั้นเราเอง เจ็บปวดนี่เราก็ต้องทน ก็ต้องทนข้างใน อย่าไปยอมแพ้กิเลส ถ้ามันทนได้ทั้งข้างนอกข้างในแล้วมันก็ไม่มีทางที่จะทำผิดได้
ความอดทนนี้เป็นเหตุให้รอได้ คอยได้ จะได้ประสบผลของการงาน เมื่อกี้นั้นบอกแล้วว่าคนหนุ่ม ๆ นะ ปลูกตะไคร้ขายยังดีกว่าไปขโมยไก่ ถ้าไปขโมยไก่คืนนี้ได้เงินวันนี้ แต่ถ้าปลูกตะไคร้ขายต้องรอ ตั้งเดือน สองเดือน สามเดือน มันไม่มีขันตี มันอดทนไม่ได้ มันไปขโมยไก่ดีกว่า นี่ยกตัวอย่างว่าไอ้ขันตีน่ะมันจำเป็น ที่ทำให้เรารอได้ คอยได้ ทนได้ ถ้าว่าเราอดทนได้จากการบีบคั้นของกิเลสแบบนี้ กิเลสบีบคั้นให้ไปดูรำวง ไปดูหนัง ดูละครอะไร ถ้าเราทนได้เราก็ไม่ไปนะ เราก็ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเสียหาย ไม่ต้องเสียสตางค์ ไม่ต้องมีจิตใจที่เลวทรามนะ นี่มันดีแบบนี้แหละ เราทนการบีบคั้นของกิเลสได้
ไอ้ทนภายนอก ทนเจ็บ ทนปวด ทนร้อน ทนหนาว ทนแดด ทนฝน ทนเจ็บ ทนไข้ กระทั่งทนที่เพื่อนว่าเพื่อนด่าได้นี่ก็ไม่มีเรื่องแหละ มันก็สบายดี ถ้าเราไม่ทน เราก็ทะเลาะวิวาทกัน และก็ฉิบหายกันทั้งสองฝ่ายนะ ฉะนั้นคนแก่ ๆ ช่วยกำชับลูกหลานให้ดี ๆ ในข้อนี้นะ เห็นนั่นมันชักจะจะจืดจางลง ในความเข้มแข็งอดทน รักษาความถูกต้องไว้ให้ได้นะมันชักจะจืดจางลง มันไม่อดทน มันรักษาความถูกต้องไว้ไม่ได้ เพราะมันขาดขันตี นี่ข้อที่สี่
สี่คำจำให้ดี คือ สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี แต่ทั้งหมดนี้คุมกันไว้ได้ด้วยสติ สติคือความระลึกทันท่วงที ระลึกด้วยปัญญาว่ามันควรจะทำอย่างไร นั่นแหละเป็นเหตุให้ที่เราจะมีเมตตา หรืออดทนได้ เพราะอำนาจของสติ ถ้าเราไม่มีสติ ไอ้สี่อันนั้นก็ไม่อยู่เหมือนกัน ถ้าเรามีสติไอ้ทั้งสี่สี่อย่างนั้นก็จะอยู่ สุทธิก็จะอยู่ ปัญญาก็จะอยู่ เมตตาก็จะอยู่ ขันตีก็จะอยู่ เพราะอำนาจของสติ ฉะนั้นหัดทำสติให้ดี ๆ อย่าเผอเรอ อย่าผลุนผลัน อย่าประมาท อย่าอวดดี ใช้เวลาสงบนิ่ง สำรวมจิตใจให้มาก ๆ ให้มันนึกได้
เวลานี้มันเป็นคนที่สะเพร่าเสียบ้าง ใจลอยเสียบ้าง อวดดีเสียบ้าง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ในสิ่งที่มันแม้แต่ร้ายแรง มันก็ดูถูกเป็นของเล็กน้อยเสีย ของที่อันตรายมาก มันเห็นเป็นของเล็กน้อยเสีย ของที่เลวมากมันเห็นเป็นเล็กน้อยเสีย แบบนี้มันก็ไม่มีสติ ฉะนั้นช่วยกันพูดถึงสติ ช่วยกันปฏิบัติสติ แล้วไอ้สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี ก็จะอยู่ แล้วเราก็จะคุมพวกกัน ไม่เบียดเบียนกัน ต่อสู้สถานการณ์ของโลกปัจจุบันนี้ได้ ซึ่งปีนี้มันจะต้องแรงแหละ มันจะยุ่งยากลำบากไปหมดแหละ ปีหน้านู้นอาจจะแรงกว่าปีนี้ก็ได้ แต่เอากันแต่เพียงปีนี้ก่อนเถอะ เมื่อเหตุการณ์ใหม่ ๆ ให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เราก็ต้องมีความสามารถใหม่ ๆ ต้อนรับปีนี้ให้ดี ๆ
ฉะนั้นขอให้ทุกคนใช้ธรรมะสี่ประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีไว้สำหรับการสังคม เป็นธรรมะของโพธิสัตว์ที่จะช่วยสังคมให้ดี เรียกว่า สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันตี แต่ต้องอยู่ได้ด้วยสติ และก็จะไม่เป็นไร พระเจ้าคุ้มครอง คือพระธรรมนี้คุ้มครอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่เรามองไม่เห็นตัวก็มี ที่เรามองเห็นตัวก็มี ถึงพระธรรมนี่ก็ยังมีส่วนที่เรามองไม่เห็นตัว แต่ถ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะต้องพึ่งพาอาศัย ทีนี้พระธรรมถ้าเรามองเห็นตัว เราก็ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะต้องพึ่งพาอาศัยนี่ จึงพูดว่าธรรมะอย่างเดียวแก้ปัญหาได้ทุก ๆประการ
ถ้ายังเป็นเด็กอยู่อย่าเพิ่งทำอวดดี ยอมเชื่อคนแก่ก่อนว่าพระธรรม พระเจ้า พระอะไรนี่มีแน่ และศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแน่ ขอให้ตั้งใจตั้งหน้าที่จะพึ่งพึ่งพึ่งอาศัย พระเจ้า พระธรรม หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในสากลจักรวาล นั่นแหละมันมี แต่บางอย่างเหลือวิสัยที่เด็ก ๆ จะรู้จัก เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ อย่าเพิ่งอวดดี ให้หวังไว้ว่าเราจะพึ่งสิ่งเหล่านี้และต่อไปเราจะรู้จักมากขึ้นจนรู้จักสูงสุด จนกว่าเราไม่มีความทุกข์ไม่ต้องพึ่งอะไรสิ่งใดอีกต่อไปนู้น ก็ค่อยอวดดี แต่ก็ไม่มีใครอวดดี นี่ขอให้มีสติ เคารพหนักแน่นในพระพุทธ ในพระธรรม พระสงฆ์
เมื่อวันนี้ตักบาตรปีใหม่ ก็หมายความว่าทำบุญให้ปีเก่าเหมือนทำบุญให้คนตายแบบนั้น ปีเก่ามันตายไปแล้ว วันนี้ทำบุญให้มันทีให้มันไปไปเสียให้พ้นไปที และเราจะต่อสู้ข้างหน้าต่อไปอีก เพื่อจะให้มันดีขึ้น ๆ แต่ว่าทำบุญให้ปีเก่านั้นก็ต้องเอาเรื่องตัวอย่างของปีเก่านั่นแหละมาพิจารณาสำหรับแก้ไขปีใหม่ให้ดี ๆ ฉะนั้นวันนี้ขอให้ทำจิตใจเตรียมพร้อมที่จะก้าวหน้ากันใหม่ ให้ทันกับสถานการณ์ในโลกปีปัจจุบันนี่ มันกำลังยุ่งยากยิ่งขึ้นทุกที จงบูชาพระรัตนตรัยเพื่อจิตใจอันใหม่กว่าเก่า สมาทานศีลให้สูงสุดให้ใหม่กว่าเก่าแล้วตักบาตรให้ทาน และอย่าลืมอย่าลืมกรวดน้ำให้สัตว์ทั้งหลายซึ่งเป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นด้วย
หมดแรงจะพูดแล้ว ต้องไปแล้ว ทีนีก็ดำเนินพิธี ประธานไปจุดเทียน