แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
การพิจารณากันถึงเรื่องทิศหกของเราในวันนี้ก็มาถึงคู่สุดท้าย คือทิศ เอ่อ, เบื้องบน กับทิศเบื้องต่ำ ซึ่งได้ อ่า, ซึ่งเบื้องบนได้แก่สมณพราหมณ์ เบื้องล่างได้แก่บ่าวไพร่ ทิศบน ทิศล่างนี่มันเป็นภาษา อ่า, ทางศาสนา หรือวัฒนธรรมที่มันเนื่องมาจากทางศาสนา ชาวบ้านเขาไม่เรียกว่าทิศที่เราเห็นกันอยู่แล้ว นี้แสดงว่าทางศาสนามองสิ่งที่เรียกว่าทิศนี่กว้างขวางกว่า หรือว่าละเอียดลออกว่า แล้วยังจะเป็นทิศที่สำคัญกว่าเสียด้วย เราอย่าพิจารณากันดูถึงไอ้คำพูดคู่นี้ก่อน บางทีก็พูดว่าบนหรือล่าง บางทีก็พูดว่าสูงหรือต่ำ ก็มีความหมายต่างกันบ้างนิดๆ หน่อยๆ มันก็ลง มันก็เล็งถึงไอ้สิ่งเดียวกัน ถ้าเป็นภาษาทางวัตถุไปอย่าง ภาษาทาง เอ่อ, ธรรม ทางวิญญาณนี้ก็ไปอีกอย่าง หรือพูดง่ายๆ ว่าภาษาสมมติก็ไปอย่าง ภาษาจริง หรือความจริงไปอีกอย่างหนึ่ง นี้ขยายไปถึงเป็นความดี ความชั่ว ทิศเบื้องบน เบื้องสูงก็เป็นสมมติให้เป็นความดี ทิศเบื้องต่ำเบื้องล่างสมมติเป็นความชั่วไป เลยไปอย่างนี้ก็มี แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ อื่อ, ไม่ได้มีหลักอย่างนั้น หรือถ้าจะดูว่า โดยความจริงแล้วไอ้คำว่า บนหรือล่างนี่ก็เป็นคำ อ่า, สมมติบัญญัติตามความรู้สึก ซึ่งค่อนจะ เอ่อ, ซึ่งค่อนข้างจะไม่ฉลาดอยู่ ควรจะดูถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เอ่อ, ไอ้ที่เรารู้สึกว่าข้าง ข้างบนหรือเบื้องสูงนั้น มันก็อยู่ทางปลายของกระแสดึงดูดของโลก ไอ้เบื้องต่ำนั้นมันก็อยู่ทางไอ้เบื้องต้นหรือจุดตั้งต้นของกระแสดึงดูดของโลก นั้นจึงมีได้รอบตัว ทั่วโลกกลมมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ เอ่อ, ศูนย์กลางแล้วก็ดึงดูดเข้ามารอบตัว เอ่อ, เรื่องบน เรื่องล่าง อ่า, สำหรับความดึงดูดของโลกนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะมันดึงเข้ามารอบตัว
นี้เราก็ เอ่อ, ไอ้เรามันไม่รู้ข้อนี้ เราเอาแต่ตามความรู้สึกของเรา เราก็รู้สึกว่าไอ้ทางต่ำนี่ คือทางที่มันจะตกลงไปเรื่อย พอตกลงไปเรื่อยมันก็ไม่ถูก เพราะว่าถ้าดูตามกระแสดึงดูดแล้วมันก็มีตกขึ้น หรือตกข้าง หรือว่าตกมาในรอบตัว ฉะนั้นมันเป็นวิทยาศาสตร์หรือเป็นอะไร เป็นความจริงไอ้ที่มันมากเกินไป ที่มนุษย์ไม่ ไม่ต้องเกี่ยวข้อง ไม่ต้องรู้ก็ยังได้ เว้นไว้แต่เรื่องเฉพาะพิเศษที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ส่วนคนทั่วไปเขาไม่ต้องรู้เรื่องนี้ เขาก็อยู่ในโลกนี้ได้ เกิดความรู้สึกเป็นสูงเป็นต่ำขึ้นมา เราต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง กับคนที่เขาไม่รู้เรื่องนี้เราไปบอกเขาว่า ไอ้, ทุกคนหรือทุกสิ่งมันจะตกไปทางจุดศูนย์กลางของโลก ว่าโลกนี้กลม เขาก็ไม่เชื่อ ว่าถ้าอย่างนั้นคนเราก็ห้อยหัวอยู่ พวกหนึ่งด้านหนึ่ง แล้วก็ชี้ดิ่งไปทางข้างอยู่ เอ่อ, พวกหนึ่ง นี้ก็เถียงกันเปล่าๆ ทะเลาะกันเปล่าๆ ฉะนั้นให้ตัดออกไปเสีย ปัญหาอย่างนี้ไม่ต้องทะเลาะกัน เอาความหมายสูงต่ำไปในทาง อื่อ, ความรู้สึก ตามๆ ความรู้สึกของเรา เช่นว่าสวรรค์อยู่เบื้องบน นรกอยู่เบื้องล่าง หรือตามทางวิทยาศาสตร์มันไม่มีเบื้องบน เบื้องล่าง หรือเบื้องล่างถ้าจะมีก็ต้องมีเข้าไปในใต้ของโลก จุดศูนย์กลางที่เป็นใต้ของโลก สวรรค์ก็ห่างจากโลกออกไป ออกไป ออกไป หรือจะเอาทั้งสากลจักรวาลเป็นหลัก มันก็ยิ่งไม่มีไอ้อย่างนั้นใหญ่ เพราะมันเคว้งคว้างอยู่ด้วย ไม่มีบน ล่าง เหนือ ใต้ ตก ออกอะไร ไอ้บน ล่าง เหนือ ใต้ ตก ออก นี่มันก็อยู่ อยู่ในแค่โลก หน่วยหนึ่ง หน่วยหนึ่ง หน่วยหนึ่ง ซึ่งมีไอ้จุดดึงดูดอยู่ที่ตรงกลางนี่ อาศัยไอ้หน่วยอื่นเป็นหลักสังเกต แล้วจึงเกิดหน้าหลัง ไอ้, เหนือใต้ขึ้นมา เอ่อ, ตก ออกขึ้นมา ฉะนั้นตามทางวัตถุ ตามความจริงทางวัตถุไปอย่างหนึ่ง ตามทางธรรม ทาง ไอ้,ศาสนานี่เขาไม่ อ่า, เขาเล็งไปอีกอย่างหนึ่ง อย่าไปมัวทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้
นี้มาถึงทิศ ทิศนี้ เอ่อ, ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำนี่ กลายเป็นถูกหรือเป็นดีทั้งสองอย่างที่จะต้องปฏิบัติ เบื้องบนคือสมณพราหมณ์ เบื้องล่างคือ เอ่อ, คนที่ต่ำกว่าเรา บ่าวไพร่ กลายเป็นทิศที่ต้องปฏิบัติให้ถูกให้ดี ต้องไหว้เหมือนกัน เหมือนกันเลย ต้องไหว้ทิศเบื้องต่ำคือบ่าวไพร่ นี้ก็พูดเลยขอบเขตออกไปจนถึง เอ่อ, เรื่องที่เราจะไม่ต้องทำความเข้าใจในทางที่จะทะเลาะวิวาทกันเกี่ยวกับคำพูด ให้ถือเสียว่าทางศาสนาก็มีคำบัญญัติเฉพาะ ความหมายเฉพาะกันไปตามเรื่อง ไปตามศาสนา นี้ทาง ไอ้, นักวิทยาศาตร์ที่รู้แต่เรื่องโลก เรื่องวัตถุ เรื่องสสาร ไอ้, กำลังงานอะไรทำนองนี้มันก็ไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีทางที่จะต้องไปทะเลาะวิวาทกันในเมื่อรู้ความจริงว่า เรามุ่งหมายถึงอะไรกัน อย่างไรกัน นี้เป็นอันว่าไอ้เรื่องทิศทั้งหกนี่เป็นทิศที่ต้องไหว้เสมอกัน แล้วสมมติบัญญัติไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ทีนี้เราก็พูดกันเรื่องทิศเบื้องบน สมพราหมณ์ นี่เล็งถึงตัวบุคคล อ่า, ซึ่งมีคุณธรรมสูงกว่าในทางจิตในทางวิญญาณ ไม่ได้เล็งถึงทางวัตถุ ทางร่างกาย ทางทรัพย์สมบัติ หรือทางชาติกำเนิด ไม่ ไม่ ไม่ต้องเอามาพูดถึง เอาคุณธรรมทางวิญญาณเป็นหลัก ให้เกิดสมณพราหมณ์ขึ้นมา สมณะ แปลว่าสงบ คือผู้สงบ มันมีความหมายสูงตรงที่ว่าตามธรรมดาคนมันไม่สงบ คนทั่วไปมิได้สงบ เร่าร้อนทางวิญญาณ กระสับกระส่ายทางวิญญาณ ยุ่งยากในทางวิญญาณ คนธรรมดาเป็นอย่างนี้ ก็ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร ส่วนสมณะก็คือผู้ที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงที่สุดคือตามสมควร ที่จะทำให้ อ่า, เกิดความสงบขึ้นมาในใจ และร่างกายก็สงบ อะไรก็สงบไปหมด ไอ้, สมณะมันเกิดขึ้นมาในโลกได้ก็เพราะไอ้ความไม่สงบในโลกนี่มันทำให้เป็นปัญหาขึ้นมา เขาก็ค้นคว้าจนพบไอ้ความสงบ ก็เกิดเป็นบุคคลหรือพวกหนึ่งในโลกนี้ มันก็เริ่ม เริ่มมีขึ้น มีขึ้น จนกระทั่งสูงสุดได้ในที่สุด คือมันคนมีปัญญารู้จักสังเกต หรือเป็นช่างสังเกต ว่าไอ้ที่เป็นอยู่อย่างนี้มันก็ยังเป็นการทนทรมาน อย่างนี้ อย่างนั้น แล้วก็ยังเป็นการทนทรมาน ก็เลยไต่ออก ไต่ออกไป จนไปพบไอ้ที่มันไม่ ไม่ทนทรมาน
ถ้ามนุษย์สมัยแรกคนป่ายังเป็นคนป่าก็ เอ่อ, ต้องการแต่หากิน ต้องการจะสืบพันธุ์ อะไรทำนองนี้ เขาก็มีความสงบอยู่พอใช้เหมือนกัน เพราะจิตใจไม่ทะเยอทะยาน แต่มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ มันก็คล้ายกับโง่ แต่มันโง่ชนิดที่ไม่เป็นทุกข์ นี้มนุษย์มันเจริญด้วยสติปัญญามากขึ้นๆ รู้จักทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองหลงรัก หลง เอ่อ, เกลียดอันนี้ มากขึ้นๆ แล้วก็เลยเป็นมนุษย์ที่ไม่สงบมากขึ้น นี้คนมีปัญญาบางคนมันมองเห็น มันก็หลีกออกไปจากความวุ่นวาย ไปหาความสงบอยู่ในที่สงบ เป็นอยู่อย่างสงบก็เรียกว่าสมณะขึ้นมา
ทีนี้ เอ่อ, พราหมณ์นั้นมันตามตัวหนังสือก็ต้องว่ามาจากพรหม หรือเนื่องด้วยพรหม เกี่ยวกับพรหม อะไร คำว่าพรหมก็แปลว่าประเสริฐ เลิศกว่าสิ่งใดหมด นี้พวกพราหมณ์มัน อ้า, เป็นคนที่ว่าเอง เขาว่าของเขาเอง เขามาจากพรหม ก็ตามใจเขา แต่เราก็ได้ความว่า เป็นคนที่ดีกว่าคนธรรมดา มีความรู้ความฉลาดในด้านจิตด้านวิญญาณดีกว่าคนธรรมดา แต่ไม่ได้เล็งถึงความสงบ คือมันไม่ไปถึงขนาดสมณะ มันอยู่ที่บ้านที่เรือน ช่วยแนะนำอะไรต่างๆ ทางจิต ทางวิญญาณ อ่ะ, พร้อมกันไปก็มีบุตรภรรยา จะมองเข้าไปในอีกแง่หนึ่งก็ยัง เอ่อ, ใช้ไม่ได้ หรือว่ายัง ยัง ยังด้อยกว่าสมณะมาก แต่เขามันมาเหนือเมฆ เพราะมาจากพรหม มาจากอะไรต่างๆ แล้วอีกทีหนึ่งเราจะมองในแง่กลับ และถ้าเขาสามารถทำความสงบได้ทั้งครอบครัว อื่อ, มันก็ต้องเก่งกว่าสมณะที่เอาตัวรอดได้เพียงคนเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงมันก็พิสูจน์แล้วว่า อ่า, พราหมณ์นี่มันก็สงบอย่างสมณะไม่ได้ แต่เขาก็มีหน้าที่ที่จะ เอ่อ, ทำความสงบเท่าที่จะทำได้ในทางครอบครัวหรือทางสังคม เพราะสมณะก็หลีกออกไปจากสังคม พราหมณ์ยังอยู่ในสังคม มันก็มีค่าในทางนี้มากกว่า ได้ยินว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนี่ก็มีภรร เอ่อ, มี มี มีพระที่มีภรรยา ก็ เอ่อ, เขาต้องการจะรับหน้าที่ทางสังคมทำนองเดียวกับพราหมณ์ ส่วนพระที่ไม่ เอ้อ, เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับสังคม ไม่เกี่ยวกับครอบครัวก็เป็นพระอีกพวกหนึ่ง เป็นสมณะไป มันก็เลยมีทั้งสองพวก อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
แล้วครั้งแรกที่สุด เราสันนิษฐานได้ว่ามันตั้งต้นไปจากพระในครอบครัวก่อน อ่า, แล้วจึงค่อยที่อยู่สูงไปจนเป็นพระที่กระเด็นออกไปจากครอบครัว คือเป็นสมณะ นี้ถ้าเกี่ยวกับครอบครัว มันก็เกี่ยวกับสังคมกว้างออกไป กว้างออกไป เป็น ไอ้, เจ้าหน้าที่ทางวิญญาณ ทางฝ่ายสังคม ทำพิธีรีตองนี่ ไม่ใช่ เอ่อ, ไม่ใช่เรื่องสงบเพื่อจะไปนิพพาน คือกลายเป็นเจ้าหน้าที่ทาง เอ่อ,
ทำพิธีเสียมากกว่า คำว่า priest เอ่อ, ในภาษาคริสเตียนที่แปลว่าพระนั้น ก็หมายถึงพระทำหน้าที่ทางพิธีรีตอง อย่างกับพราหมณ์อย่างนั้น priest นี่มันอย่างเดียวกับพราหมณ์ ฉะนั้นพระที่ตรงกับสมณะนี่มันก็มีอย่างอื่น พวก เฮอจิน (?) เขา (นาทีที่16:55) ก็มี hermit มีอะไรทำนองนี้ คือว่าไม่ยุ่งกับเรื่องอย่างนี้
นี่เรารู้จักความแตกต่างระหว่างสมณะกับพราหมณ์กันอย่างนี้ ก็มีอยู่เป็นสองฝ่าย แต่ถูกจัดไว้ในฐานะเป็นทิศเบื้องบนด้วยกัน คือมันดีกว่าในทางวิญญาณ นี่จะถือว่าไอ้พระทำพิธีรีตองจะโง่งมงายไปเสียหมด มันก็ไม่ได้ เพราะเหตุที่ว่ามนุษย์น่ะมันโง่เอง (?) (นาทีที่ 17:31) ส่วนใหญ่ของมนุษย์นี่มันโง่ เพราะมาด้วยความไม่รู้ ฉะนั้นแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังไม่รู้ ก็ต้องมีเรื่องพิธีรีตอง เพื่อให้คนไม่รู้เหล่านี้ยึดถือไว้ก่อน ก็จำเป็นเหมือนกัน ไม่ต้องตัดออก อย่างน้อยพิธีรีตองนั้นมันมีประโยชน์ คำว่ามีประโยชน์ก็คือว่าให้มันเกิดความสงบสุขขึ้นมาในสังคม ฉะนั้นเมื่อเขาเชื่อศาสนากันมากๆ ทำตามพิธีทางศาสนาอยู่ มันก็ไปเบียดเบียนใครไม่ได้เหมือนกัน พราหมณ์ก็มีประโยชน์ในส่วนนี้ แต่คนที่มันเตลิดเปิดเปิงออกไปไกลลิบนั่น มันเป็นแขนง บางแขนง บางสาขา แล้วก็บูชายัญ เอาคนมาฆ่าบูชายัญ นี้มันก็รับไม่ได้ มันกลายเป็นป่าเถื่อนไปเสียอีก แต่ความมุ่งหมายของพราหมณ์ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่เพื่อจะเอาคนมาฆ่า ประจบพระเจ้า มีความหมายว่าเป็นพระที่อยู่ใกล้ชิดสังคมเพราะฉะนั้นต้องมีบุตรภรรยาไปตามเรื่อง นี้พระที่กระเด็นมาจากสังคม ก็เป็นสมณะเดี่ยว เดี่ยวโดด แม้จะมาเกี่ยวข้องสั่งสอนสังคม เขาก็ไม่กลับเรียกว่าพราหมณ์ มันเป็นพวกสมณะอยู่นั้น อยู่นั่นเอง
พวกพราหมณ์นี่มันมาเป็นคฤหัสถ์เสียมากกว่า คือพระในเพศคฤหัสถ์ แต่ถึงอย่างไรก็ดียังมีจิตใจสูง ยังมีความรู้สูง รักษาไว้ซึ่งคัมภีร์ ซึ่งอะไร ในตั้ง มาตั้งแต่สมัยที่ไม่มีการเขียนหนังสือหรือพิมพ์หนังสือ ถ้าไม่ได้พวกพราหมณ์ คัมภีร์ต่างๆ ก็มิได้เกิดขึ้นหรือมิได้มีอยู่ เขาเป็นคนอธิบายคำสอนของสมณะอีกทีหนึ่ง คำสอนของสมณะมันลึกเกินไป พวกพราหมณ์ก็ช่วยอธิบาย เรียกว่าคัมภีร์ พราหมณะ นี่ล้วนเป็นคำอธิบายเรื่องที่ลึกให้เหมาะสมกับชาวบ้าน ให้ชาวบ้านเข้าใจได้ในลักษณะที่มันเหมาะสมกับชาวบ้าน นี่ก็พูดมากไปทางตัวหนังสือ แต่ก็มีประโยชน์แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มัน เมื่อมองเห็นประโยชน์และความสำคัญของคนทั้งสองพวกนี้แล้ว มันก็เกิดหน้าที่ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ ฉะนั้นจึงเกิดเป็นสิ่งที่ต้องแลดูหรือเหลียวดู คือเป็นทิศขึ้นมาอีกทิศหนึ่ง แต่ว่าเป็นทิศเบื้องบน ทิศเบื้องบนก็ต้องแหงนบ้างเป็นธรรมดา เมื่อเรามันมีรูปร่างอย่างนี้ ถ้าจะมองเบื้องบนมันก็ต้องแหงน โดยมีความรู้สึกว่าอยู่สูง ทางร่างกาย ทางวัตถุก็ต้องแหงน ทางจิต ทางวิญญาณก็ไม่ต้องแหงน มันคิดนึกได้รอบด้านจิต
เราได้พูดกันแล้วว่า อื่อ, สมณพราหมณ์นี้เป็นที่พึ่งทางวิญญาณ แล้วก็เป็นที่พึ่งสูงสุดทางวิญญาณที่สมณะ ฉะนั้นผู้ใดต้องการประโยชน์อย่างยิ่งในทางวิญญาณถึงระดับสูงสุด ก็ต้องสนใจกับสมณะ ฉะนั้นจึงมีคำกล่าวมาแต่โบราณกาล แม้น แม้น แม้นในพระพุทธศาสนานี้ก็ยอมรับว่า การได้เห็นสมณะเป็นการดี เป็นความประเสริฐ ก็ถือว่าเพียงแต่ได้เห็นนะ ก็เป็นการประเสริฐ ได้เห็นด้วยตา ที่ได้เห็นด้วยใจ เห็นด้วยสติปัญญาก็ยิ่งประเสริฐถึงที่สุด อย่างเราเห็นพระพุทธเจ้าด้วยร่างกายนี่ เอ่, ทางร่างกายนี้ก็ประเสริฐ เราเห็นคนที่มีอินทรีย์สงบระงับนี่ ก็เกิดความคิดนึกรู้สึกอันใหม่ขึ้นมาว่า เออนี่มันอะไรกัน ทำไมมันจึงน่าดูน่ารักอย่างนี้ อื่อ, ก็ประเสริฐแล้ว มีประโยชน์ที่จะเป็นจุดตั้งต้น นี่ไปรู้จิตใจของท่านว่าเป็นอย่างไรเข้าอีก คือเห็นท่านในทางวิญญาณอีกทีหนึ่งแล้ว ก็ยิ่งประเสริฐ คือจิตใจมันวิ่งตามไป แล้วก็ได้รับประโยชน์สูงสุดนั้น นี้การมีสมณะในโลก มันจึงเป็นโชคดีที่สุดของโลก เพราะเพียงแต่ได้เห็นก็ยังดี แรกเห็นด้วยความรู้สึกเป็นคนประหลาด ทำไมมันจึงมีความสงบระงับ อ่า, น่าสนใจ น่าเอาใจใส่ ก็เลยเอาใจใส่ มันเป็นเครื่องจูงใจ มีอิทธิพลจูงใจโดย โดยไม่รู้สึกด้วย และก็โดยต้านทานไม่ไหวด้วย ถูกจูงไปได้
เดี๋ยวนี้เรามาเตือนให้ปฏิบัติให้เต็มที่ (?) (นาทีที่ 23:18) ซึ่งหัดให้ อ่า, ให้เตือนกันและกันให้ปฏิบัติให้เต็มที่เรื่องเกี่ยวกับสมณะ หรือพราหมณ์ก็ตาม คือว่า คือเคารพดูแล อะไรทุกอย่างที่เราจะได้รับประโยชน์จากสมณพราหมณ์ นี่คือการไหว้ทิศเบื้องบนอย่างนี้ รายละเอียดไปดูในนวโกวาท ถ้ารวมความแล้วก็เพื่อให้เรา เอ่อ, ทำ เราทำทุกอย่างเพื่อให้ราได้รับประโยชน์จากสมณะและพราหมณ์ที่มีอยู่ในโลก พวกหนึ่งอยู่ใกล้ชิดไปอยู่กันตามบ้านตามเมืองด้วยกัน คือพราหมณ์พวกหนึ่งอยู่ไกลออกไป เอ่อ, สำหรับ มันสูงขึ้นไป
ทีนี้สำหรับคำว่าพราหมณ์อีกคำหนึ่ง มันมีความหมายพิเศษ ก็ยืมมาจาก เอ่, พวกพราหมณ์ หรือศาสนาพราหมณ์ เพราะเขาว่าเขามาจากพรหม เพราะพวกเขาเป็นผู้หมดบาปแล้วโดยประการทั้งปวง แม้แต่การอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์เขาเป็นผู้หมดบาปแล้วโดยประการทั้งปวง เอ่อ, ที่นี่เราไม่เอาตรงที่ว่าอาบน้ำ เราเอาความหมายว่าหมดบาปทั้งปวงมาพิจารณาดู แล้วก็มาทำให้ ให้มันหมดบาปทั้งปวงจริงๆ ขึ้นมา ก็เลยเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของสมณะในลำ ในระดับที่เป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์นี่จึงถูกเรียกว่าพราหมณ์ คำว่าพราหมณ์ถ้าเอามาใช้ในพุทธศาสนากลายเป็นพระอรหันต์ไป พระอรหันต์เท่านั้นเป็นผู้ประเสริฐสุด พระอรหันต์เท่านั้นเป็นผู้หมดบาปแล้ว ลอยบาปแล้ว ฉะนั้นในคัมภีร์มากมายเช่นคัมภีร์ธรรมบท คำว่าพราหมณ์ในพราหมณวรรคที่เป็นคำสอนอยู่ในคัมภีร์ธรรมบทนั่น หมายถึงพระอรหันต์ทั้งนั้น ผู้ที่เป็นพราหมณ์คือผู้ที่หมดกิเลสแล้ว หมดบาปหมดอะไรแล้ว ประเสริฐที่สุด
นี่เราจะถือแต่อย่างนั้นก็ไม่ได้ เราเป็นฆราวาส คฤหัสถ์อยู่ในโลกปัจจุบันนี่ จะถือแต่อย่างนั้นก็ไม่ได้ เราค่อยถือ เอ้, กว้างลงมาถึง ไอ้, แม้ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์นี่ และก็อยู่ในบ้านในเรือน อยู่ในระดับครองเรือนด้วยกันนี่ เขาก็มีสติปัญญามากกว่าเราในด้านวิญญาณ ในด้านศาสนา ก็นับถือเขา เอาแต่ประโยชน์ เอาแต่ประโยชน์ที่แท้จริง ที่ควรจะได้รอบด้าน ผู้นำ อ่า, ในทางวิญญาณ ในทางสังคม นี่มันจะ เกือบจะรวบเอาครูบาอาจารย์เข้าไปด้วย แต่มันก็มีความหมายต่างกัน ฉะนั้นผู้ อู่, ผู้ ผู้นำหรือหัวหน้าในทางทำพิธี ทางศาสนา คือคำว่าพราหมณ์ในที่นี้ อื่อ, หัวหน้าอุบาสก ผู้นำทำพิธีทางศาสนา มีลักษณะคล้ายๆ กับว่าพราหมณ์ในความหมายเดิม ทิศเบื้องบนคือบุคคลประเภทนี้ มีความสำคัญเต็มที่ เหนือบุคคลที่เป็นทิศอื่นๆ เพราะว่าทิศนี้มันจะรวมเอาคำว่าศาสนา หรือว่าพระรัตนตรัย หรืออะไรเข้าไว้ด้วยโดยปริยาย แล้วใคร อะ, ไอ้, ตรงจุดความหมายของคำว่าสมณะนี่มันสงบ มันหมดกิเลส มันก็ดึงเอาพระรัตนตรัย ดึงเอาศาสนา ดึงอะไรเข้าไปไว้ในทิศนี้ด้วยโดยปริยาย ฉะนั้นเราจึงมีศาสนา แม้กระทั่งวัฒนธรรมในอันดับสูงรวมอยู่ในทิศๆ นี้ที่เราจะต้องสนใจ แยกบุคคลออกจาก ไอ่, ศาสนานี่มันก็ยาก เพราะว่าตัวศาสนามันปรากฏทางบุคคล ก็เลยติดเนื่องอยู่ด้วยกันเป็นทิศเบื้องบน เพราะว่าที่เคารพนับถือ หรือว่าสิ่งเคารพ อ่า, คนเคารพนับถือ หรือบุคคลควรเคารพนับถือในทางฝ่ายจิต ฝ่ายวิญญาณก็อยู่เป็นทิศนี้หมด แล้วไม่ได้ชี้ขึ้นไปบนหัวเหมือนความรู้สึก เอ้อ, ไม่ได้ชี้ขึ้นไปเบื้องบน บนฟ้า เพราะว่าวิญญาณมันอยู่รอบ อ่อ, รอบด้าน เป็นของไม่มีบนล่างเหนือใต้ทั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณเป็นธาตุชนิดหนึ่งอยู่ในที่ทั่วไป อื่อ, ต้องดูความสูงอย่างนั้น ฉะนั้นทิศ ทิศทางแห่งความสูงมันก็อยู่ทั่วไป แต่เอามาเปรียบเหมือนว่าอยู่เบื้องบน บนหัวบนศีรษะ แหงนหน้าขึ้นไปดู
ทีนี้ทิศอีกทิศหนึ่งคือทิศเบื้องต่ำ คือบ่าวไพร่ ใช้ ใช้คำแปลว่าบ่าวไพร่นี้ถึงจะถูก สำหรับสมัยที่มีบ่าวไพร่ แล้วถ้าคำว่าบ่าวไพร่มันขยายออกไปได้ เอ่อ, จนกระทั่ง ไอ้, สถานการณ์เดี๋ยวนี้มันก็มีคำว่าบ่าวไพร่ได้เหมือนกัน เราไม่มีทาส เราก็มีคนอยู่ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเขามีหน้าที่ที่จะต้องทำตามคำสั่งเรา ปัญหามันจะเกิดขึ้นในเมื่อไม่ดูกันให้ดี บ่าวไพร่ก็ไม่แหงนขึ้นดูนายให้ดี ไอ้นายก็ไม่ก้มลงดูบ่าวไพร่ให้ดี เกิดปัญหาขึ้นมา พระพุทธเจ้าเลยบัญญัติว่าเป็นทิศสำคัญทิศหนึ่งเข้ากันกับทิศอื่นๆ เพราะถ้าว่าคนใช้หรือคนอยู่ใต้บังคับบัญชาไม่จงรักภักดีแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น ลองคิดดู อันนี้เราทำการป้องกันในทิศนี้เป็นเครื่องรางป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นมาจากทิศๆ นี้ คือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพราะถ้าว่า เพราะว่าถ้าเขาเกิด เอ่อ, ไม่ซื่อสัตย์ขึ้นมา ไม่จงรักภักดีขึ้นมาอันตรายอย่างยิ่ง
ภาษิตจีน ซึ่งเขาพูดกันว่าเป็น เอ่อ, คำสอนของขงจื๊อว่า ถ้าไม่ไว้ใจเขา แล้วก็อย่าใช้เขา คืออย่าเอาเขาไว้นะ ถ้าไม่ไว้ใจเขาแล้ว อย่าเอาเขาไว้ ถ้าเอาเขาไว้ ต้องไว้ใจเขา มี มีเต็มบริบูรณ์อย่างนี้ ถ้าเอาเขาไว้ ต้องไว้ใจเขา จะไปทำหลุบๆ ล่อๆ ให้เกิดความระแวงกันขึ้นมา แล้วมันก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มันแสดงความไว้ใจ เอ่อ, ไม่ ไม่ ไว้ใจเขา ให้มันเกิดความระแวงขึ้นมา ฉะนั้นผู้ที่อยู่เหนือนี่ ผู้บังคับบัญชาที่จะต้องดูให้ดี อย่าให้เก็บไว้ในใจ ต้องแสดงออกว่าเราไว้ใจเขาอยู่เสมอ พอถึงจุดที่ไม่ เอ่อ, ที่ว่าเพียงพอที่จะไม่ไว้ใจเขา แต่แล้วเราก็ต้อง เอ่อ, ตัดออกไปทันที คือไม่ใช้เขา ไม่ยุ่งกับเขา เลิก เอ่อ, เลิกจ้างในทันที ถ้ายังมีอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องไว้ใจเขา ฉะนั้นลูกจ้างในร้าน เขาถือหลักกันอย่างนั้นในพวกจีน คือ เชื่อคำของขงจื๊อ นี้มันก็เป็นสิ่งที่ต้องเอามาพิจารณาดูอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน เพราะบ่าวไพร่มันก็มีความหมายอย่างนี้ แต่ตามหลักของทางศาสนานั้นเขาสอนให้เอาความรัก ความเอ็นดูไปผูกพันไว้ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ มันจึงรักใคร่ฝากเนื้อฝากตัวไว้ในบุคคลประเภทที่เขาเรียกกันมาแต่ก่อนว่าทาสี ทาสา มันจึงไม่ค่อยปรากฏไอ้เรื่องราวอันแสนจะมากมายละว่า พวกทาสทาสีทาสานี่เกิดเป็นกบฏ หรือหักหลังขึ้นมา
ส่วนสมัยนี้กลับไม่ได้ กลับเป็นอย่างนั้นไม่ได้ คือลูกจ้างหรือผู้ใต้ อยู่ใต้บังคับบัญชานี่เกิดกบฏ เกิดหักหลังกันอย่างไม่มีความหมาย อย่างมากมายไปเรื่อยทีเดียว มากมายที่สุด มีโอกาสแล้วก็เกิดคดโกง หักหลังนายจ้าง หรือผู้บังคับบัญชา ผู้มีพระเดชพระคุณ แม้ในวงราชการนี่ คนที่ทำราชการก็รู้ดี ทำเอาหัวหน้าหน่วยเดือดร้อน เอ่ย, แสนสาหัสอยู่บ่อยๆ เพราะลูกน้องใต้บังคับบัญชาคดโกง หักหลัง ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ อื่อ, ที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ นี้ก็เป็นเหตุผลพอที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสให้ว่า มันเป็นทิศสำคัญจะต้องป้องกัน จะต้องทำการป้องกันในทิศนี้ ให้เรียกอ่า, ว่าไหว้ ไหว้ในที่นี้ก็กลายเป็นเรื่อง เอ่อ, ให้ความสำคัญที่สุด แล้วก็เอาใจใส่ที่สุด นั่นแหละคือความเคารพล่ะ พอเกิดความเคารพ ก็เกิดความรัก เกิดความอะไรตามมานี่ ก็เลยกลายเป็นของที่แน่นอนไป ผูกพันไว้ด้วยความจงรักภักดีอย่างยิ่ง บางทีไม่กล้าโกง ตัวเองอยากโกงแต่ไม่กล้าโกง เพราะเห็นแก่ผู้บังคับบัญชาที่แสนจะดี นี่ก็ ก็มีได้ เป็นสิ่งที่มีได้ ฉะนั้นการที่สอนให้ไหว้ทิศๆ นี้ก็ไม่เสียหลาย มีประโยชน์ที่สุด มีความจำเป็นที่สุด
นี้เราก็พูดกันแล้วว่าผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเรานั่น มันก็คือที่พึ่งแก่ของเราในด้านแรงงาน สมมติว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นนายก อ่า, เป็นพระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อน หรือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานาธิบดีสมัยนี้ ถ้าไม่ได้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้กระทำแล้ว จะทำอะไรได้ มันเป็นไม่ได้ ก็ทำไม่ได้ มีความสำคัญมากเหมือนกัน คนที่มีปัญญา มีหัวสมอง มีอะไร ก็ต้องได้แรงงานจากภายใต้ จากเบื้องล่างมา แล้วมาปฏิบัติ เอ่อ, ตาม ไอ้, ความคิดหรือสติปัญญานั้นๆ มันจึงเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ ฉะนั้นด้วยแรงงานจากเบื้องต่ำนี้ก็สำคัญ อย่างยิ่งด้วย ต้องมีพอ แล้วก็มีดี มีถูกต้อง รายละเอียดอย่างอื่นก็พอจะมองเห็นกันอยู่แล้ว นี้เราพูดแต่ว่าความสำคัญมีอยู่อย่างไร แล้วความสำคัญเป็นที่เข้าใจแล้ว มันก็เอาใจใส่เอง แล้วปฏิบัติไปด้วยดี
ทีนี้ ไอ้, ความหมายของคำๆ หนึ่ง เอ่อ, เราควรมองให้ดี มันแผ่กว้างออกไปไกลได้ ถ้าในความหมายมันอย่างเดียวกันแล้วก็ แม้จะรูปร่างต่างกันก็ถูกรวบเข้าไว้ในนี้ นี้พระพุทธเจ้าก็ไม่เป็น ไม่เป็นผู้บกพร่องในการกล่าว เพราะท่านกล่าวไว้ทิศเบื้องบน เบื้องต่ำอย่างนี้มันก็กินความหมายมาก เช่นทิศเบื้องต่ำนี่มันอาจจะกินความหมายลงไปถึงวัว ถึงควาย ถึงสุนัข และแมว แล้วก็ตามที่มันจะอยู่ อ่า, เบื้องต่ำ ภายใต้ความช่วยเหลือคุ้มครองของเรา เราก็จะรู้สึกว่าวัวควายนี้ก็เป็นคนใช้ อ่า, เป็นบ่าว เป็นไพร่ ก็ต้องเอา เอาใจใส่ให้ถูกตามเรื่องราว แล้วบางคนจะคิดไกลไปกว่านั้นว่าวัว ควายเป็นเพื่อน แล้วก็ต้องสงเคราะห์วัว ควายอย่างเพื่อนก็ได้
ในอินเดียบูชาวัวอย่างพระเจ้าไปเสียเลยก็มี เป็นสมณะ เป็นพราหมณ์ไปเสียเลยก็มี ความหมายของคำนี่ขยายออกไปได้ ตาม ตามลำดับ ตามลำดับ แล้วความหมายนี่เป็นหลัก ไอ้รูปร่างเนื้อตัวนี่มันก็ไม่เป็นหลักอะไรได้ เดี๋ยวนี้คนที่ไม่เอาใจใส่วัวควายอย่างนี้ ก็เป็นคนปฏิบัติผิด เป็นฆราวาสที่ปฏิบัติผิดในหลักเรื่องทิศทั้งหกนี้ ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้รับความเจริญ เพราะว่าปฏิบัติต่อวัว ควายไม่ดี นี้มันก็ยังมี เอ่อ, ความหมายอันอื่นอีกที่จะกินไปถึงไอ้คนที่อยู่ระดับต่ำกว่าเราทุกชนิดเลย เราจะต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดี เพราะว่าถ้าคนยากจน เข็ญใจ คนขอทาน เอ่อ, ทั้งหลายรุมกันแช่งด่าเรานี่ ก็หมด หมดดีเหมือนกัน อย่าไปดูหมิ่นดูถูกเขา ถ้าคนจนหรือคนขอทานทั้งหมดรุมด่าแช่งใครสักคนหนึ่งนะ คนนั้นอยู่ไม่ได้ มีแต่จะเสื่อม มีแต่จะโชคร้ายอันตรายขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะว่าคนน่ะมัน อื่อ, ดูอะไรหรือคิดอะไรตามๆ กันไป ถ้าส่วนใหญ่เขาว่าไอ้นี่เลว แล้วมันก็จะพลอยเลวกันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมืองเหมือนกัน ฉะนั้นระวัง แม้แต่คนขอทานก็อย่าให้มันด่าเรา ฉะนั้นการที่ว่าเรามีสตางค์สักสตางค์หนึ่งให้คนขอทานเรี่ยราดไป นี้ก็ยังเป็นการดี คนขอทานก็ควรจะให้พร นั่นก็ไม่สำคัญเท่าที่ว่าเรามีน้ำใจเผื่อแผ่คนที่ต่ำกว่า ฉะนั้นผมว่าไอ้การที่ไปรังเกียจคนขอทานตามข้างถนน หรือว่าตามที่ต่างๆ ที่มันเต็มไปด้วยคนขอทานแล้วไม่ช่วยเหลือ ถ่มน้ำลายรดน่ะ คนนั้นมันบ้า ไม่รู้จักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ส่วนคนที่อุตส่าห์แลกสตางค์ปลีก เป็นสตางค์แดงไปแจกมันทุกคนนั้นแหละ อย่าไปว่าเขาโง่นะ หรือว่า เอ้อ, น่า เอ่อ, ติเตียนอะไร มันก็เป็นการฝึกใจของเขาให้เป็นคนที่มีเมตตากรุณา มองดูเบื้องต่ำ มองดูทิศเบื้องต่ำอยู่เสมอ แต่ถ้าเขาให้คนขอทานมากไป จนทำให้คนขอทานขี้เกียจนี้มันก็เป็นเรื่องผิดทางอื่น แต่ว่าคนที่ช่วยกันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านให้ทำอะไร อ่า, คนโง่ลงไปนี้ยัง ยังบาปมากไปกว่านั้น การช่วยที่ทำให้คนอื่นโง่ มันก็ไม่มีผล ไม่มีผลคุ้มค่า แต่ว่าทำด้วยความเมตตาปรานี พอเหมาะพอดี เพราะมองดูทิศเบื้องต่ำจริงๆ นี่ ถูกต้องตามหลักของพระพุทธเจ้า นี่เอาเงินไปช่วยคนอื่นตั้งหมื่นตั้งแสน อ่า, แล้วกลับถูกคนนั้นโกง นี่ก็คือคนโง่ ไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามทิศๆ นี้ ตามหลักเรื่องนี้
ส่วนการช่วยให้คนประเทศด้อยพัฒนาอะไรนั้น มันเป็นเรื่องการเมือง ผมไม่พูด ในนี้เราพูดกันถึงเรื่องบุคคลที่จะมองดูทิศเบื้องต่ำให้ดี อย่าให้มีภัยอันตรายเกิดขึ้นมาจากทิศนั้น แต่ให้ความเจริญ ความสุข ความสวัสดี ความปลอดภัยเกิดขึ้นมาจากทิศๆ นั้น แขกยามเฝ้าประตูบ้านเกิดเป็นกบฏขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องพินาศฉิบหายได้ หรือถ้าป้องกันทิศๆ นี้ไว้ให้ดี ก็อยู่สบายไปเรื่อย ฉะนั้นอย่าประมาท ต้องเคารพ ที่เรียกว่าไหว้ ไหว้ทิศทั้งหก ล้วนแต่ไม่ประมาท ล้วนแต่ให้เคารพนั่นแหละ แต่มันไม่เคารพ ไม่ ไม่ ไม่ต้องเหมือนกัน เคารพบิดามารดาก็อย่าง เคารพบุตร ภรรยาก็อย่าง เคารพครูบาอาจารย์อย่าง ญาติมิตรอย่าง สมณพราหมณ์อย่าง บ่าวไพร ก็ห้าอย่าง ก็เลยเป็นการสร้างความปลอดภัยรอบด้าน เป็นเครื่องรางคุ้มครองป้องกันรอบด้าน เป็นทางมาแห่งความสุขสวัสดีรอบด้าน ฉะนั้นอย่าทำเล่นๆ กับเรื่องทิศหก ฉะนั้นเป็นเรื่องพูดกันถึงเรื่องบุคคลจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร ถ้าพูดอย่างสมัยใหม่เพราะๆ ที่ ไอ้, นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเขาเห่อกันนั้น ก็ต้องพูดว่า นี้คือเรื่องที่พูดให้รู้ว่าคนเราจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขได้อย่างไร นี่ก็พูดเรื่องคนโบราณคร่ำครึ ก็พูดว่าเราจะไหว้ทิศทั้งหลายได้ อ่า, อย่างไร จะไหว้ทิศทั้งหกอย่างไร ที่จริงมันเรื่องเดียวกัน ฉะนั้นอย่าดูถูกคำสั่งสอน ขนบธรรมเนียมประเพณีทางวัฒนธรรม ทางศาสนา
ไอ้ที่มันจะเกิดขึ้นมาในโลกเป็นเรื่องไหว้ทิศเหนือ ทิศใต้ อ่า, ไหว้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ไหว้อะไรขึ้นมา มันก็เป็นจุดตั้งต้นที่ดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ คือเริ่มให้ความสนใจในสิ่งที่มันมีอำนาจ มีอำนาจเหนือเรา หรือมีอำนาจทั่วไปนี่ นั้นมันก็เริ่มไหว้ขึ้นมาก่อน จากที่มันจะมองเห็นทีแรก เราตั้งไหว้ภูตผีปีศาจ ไหว้ศาลพระภูมิ ไหว้ไอ้นี้มันก็เป็นเรื่องที่เขากลัว เขาหาทางออก ทีนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ ก็ค่อยเปลี่ยนมาให้ถูกต้อง ฉะนั้นในทิศทั้งหกนี่มันไม่มีเรื่องไหว้ภูตผีปีศาจ ไหว้ผีสางนางไม้ ไหว้อะไรทำนองนี้ มันไม่อยู่ในทิศที่เราจะต้องไหว้ ทั้งที่มันมีอยู่รอบตัวเรานี่
นี้ที่สุดก็มาถึงพระรัตนตรัย อ่า, ซึ่งเป็นเรื่อง เบื้อง เอ่อ, เรื่องสูงสุด เรื่องศาสนาเป็นเรื่องสูงสุด รวมอยู่ในทิศเบื้องบน เบื้องบน สูงสุด ก็เลยครบหมด นี้ถ้าเกิดถามกันขึ้นว่า นี่ ทำไมไม่ให้ความสนใจแก่ประเทศชาติ ไม่มีทิศไหนที่พูดถึงประเทศชาติ อ่า, (?) (นาทีที่ 45:00) ให้รู้เถิดว่านี่มันเป็นคำพูดทีเดียวหมด เมื่อทำการไหว้ทิศถูกต้องแล้ว เราก็เป็นคนดี ทำความถูกต้องแก่ประเทศชาติ เราเป็นพลเมืองคนหนึ่งทำความถูกต้องในทิศทั้งหก ทั้งหมดนั้นแหละคือทำความถูกต้องแก่ประเทศชาติ จะพูดกันอย่างเดี๋ยวนี้เขาเอาชาติเป็นใหญ่ เอาชาติเป็นปัญหาสำคัญ ในเรื่องทางธรรมในสมัยพุทธกาลน่ะ เรื่องศาสนาเขาไม่ได้เอ่ยถึงชาติ จัดให้มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แขนงน้อยๆ ฝากอยู่ใน อื่อ, ความหมายใดความหมายหนึ่ง หรือว่ารวมกันทุกความหมายก็ได้ รวมความแล้วก็ว่าเราประพฤติในทิศทั้งหกให้ดีนี่ เราจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของ เอ่อ, ครูบาอาจารย์ เราจะเป็น อ่า, บุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นอะไรที่ดี ที่ดีของทั้งหมด เราจะต้องเป็นให้ถูกต้อง ให้ดีด้วยการปฏิบัติลักษณะไหว้ทิศ
ฉะนั้นเกิดมาทีหนึ่งก็ให้ได้อย่างนี้ทุกองค์ เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา นี้ถ้ามันครองเรือนก็ให้มันเป็นอะไร เป็นคนที่ดี เป็นภรรยาที่ดี สามีที่ดี อะไรที่ดี ของ เอ่อ, คู่ มันก็เลยหมดปัญหา ประเทศชาติก็รวมอยู่ในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะว่าประเทศชาติมันคือสิ่งที่ประกอบขึ้นจากสิ่งทุกสิ่ง ก็เป็นอันว่าเราก็มองดูหรือ เอ่อ, ไหว้ เอ่อ, ทิศที่เรียกว่าประเทศชาติอยู่ในทิศทั้งหลาย นี่คำสอนสำหรับผู้ที่จะครองเรือน เป็นคฤหัสถ์ เพื่อให้ปฏิบัติถูกต้องและไปเร็ว เพื่อไปนิพพานในที่สุด มิฉะนั้นจะเป็นเต่าคลาน ยั้วเยี้ยต้วมเตี้ยมอยู่ที่นี่ วนไปวนมาอยู่ที่นี่ ในโลกนี้ นี่ก็สอนให้มันมีปัญญา มีฉลาด อ่า, ในเรื่องเหล่านี้แล้ว มันก็จะเป็นสัตว์ที่ไปได้เร็ว แม้จะเป็นเต่าก็เป็นเต่าที่เดินได้เร็ว เดินตรงไปยังจุดได้ ไม่มัววนเวียนต้วมเตี้ยมอยู่ที่นี่
ถ้าเป็นคนฉลาดมันก็เป็นพระ อ่า, อริยเจ้าได้ในบ้านเรือน มันกลายเป็นนกที่บินไปได้ เป็นฆราวาสอยู่ในนาทีนี้ ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าสี่ห้านาทีกลายเป็นพระอรหันต์อย่างนี้ มันก็เป็นผลของการที่จาก อ่า, ผลจากการที่เป็นฆราวาสมาอย่างถูกต้องนี่ มันปฏิบัติได้สูงสุดในเรื่องของความเป็นฆราวาส จนเอือมระอา จนเหนื่อย เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดขึ้นมาได้ในนาทีนั้น ก็เป็นพระอรหันต์ทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบฆราวาส มันก็ต้องออกใหม่เหมือนกับบรรพชิตนี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะตายเสียในวันรุ่งขึ้นหรือในเจ็ดวัน เพื่อกันลืมก็นึกถึง หรือว่าหลับตาเห็น ไอ้, ภาพเขียนนี่ บนฝาผนังด้านทิศเหนือเรื่องเป่าปี่ขี่วัว เมื่อเป่าปี่ขี่วัวหนักเข้า หนักเข้าดูสิมันเป็นอย่างไรบ้าง มันเอือมทั้งวัว เอือมทั้งปี่ มันก็เลยแหงนขึ้นเบื้องบน ตัวเองก็พลอยว่างไปตามไอ้ความว่าง ตัวเองหมด หมดตัวเอง และกลายเป็นฆราวาสที่จะแจกของส่องตะเกียงอยู่ด้วย นี่ มันเดินมาถูกทิศทาง เป็นอย่างนี้
ขอให้จำไว้ว่ามันไม่มีอะไรที่จะทำซ้ำซากอยู่ได้ มันต้องเปลี่ยน นี้ถ้าเราจัดทิศทางไว้ดี มันก็เปลี่ยนไปในทางสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้นอย่างเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และในความเปลี่ยนนี่มีประโยชน์มาก ถ้ามันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ มันก็ตายเลย ติดตังอยู่ที่นั่น ฉะนั้นความเปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก แล้วก็ต่อเมื่อเรารู้จักเปลี่ยน คือเลื่อนให้มันสูงขึ้นไป ในการไหว้ทิศมันก็เลยเปลี่ยนมาตามลำดับ จนเป็นการถูกต้องหรือสูงสุด นี้ชีวิตนี่ก็เหมือนกัน เมื่อมันถึงจุดอิ่มตัวของเรื่องเนื้อหนัง แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเรื่องทางวิญญาณ เป็นผลการที่ไหว้ทิศทางเนื้อหนังมาอย่างถูกต้อง ทางร่างกาย ทางสังคม ทางวัตถุนี่มาอย่างถูกต้อง แล้วมันก็เปลี่ยนไปเรื่องทางวิญญาณอย่างถูกต้อง ความเป็นมนุษย์นั้นก็เป็นความเป็นมนุษย์ที่ได้สิ่งที่ดีสุดที่มนุษย์ควรจะได้ นี่ก็คือความถูกต้องในการปฏิบัติต่อทิศทั้งหลายรอบตัวเอง
ผมสังเกตดูแล้ว บวชมา สอบไล่นักธรรมตรีได้ เพียงเพื่อตอบปัญหาได้ ไม่ทันสึกก็ลืมเรื่องทิศทั้งหก ท่องทั้งหกก็ไม่ถูก พอสอบไล่ได้มันก็ลืมได้ ปล่อยให้ลืมได้ ถ้าจะออกชื่อทิศทั้งหกก็ออกไม่ถูกแล้ว ยังไม่ทันสึกสักที พอสึกไปมันก็เหมือนเดิม ฉะนั้นมันไม่สำเร็จเพียงแค่สอบนักธรรมตรีได้ มันต้องเอาไอ้นี่ไป ติดตัวไป ถ้าไป ถ้าจะสึกนะ มันก็ไปปฏิบัติ ถ้าไม่สึกก็ไว้สอนคนอื่น อื่อ, ก็สอนชาวบ้านชาวเมืองเรื่องทิศทั้งหก ถ้าสึก อ่า, ก็เอาไปปฏิบัติเองให้ดี แล้วทีหลังก็สอนคนอื่นได้ ได้ดี
ทีนี้ไอ้ชิ้นสุดท้ายที่จะพูด ก็คือว่า ให้ดูนะว่า ไอ้ทิศทั้งหกนี่มันเป็นหน้าที่ ที่หนักสักเท่าไหร่ สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่แล้วมันก็ต้องหนัก อย่างเข้าใจ ไม่มีหน้าที่ไหนเบา เบา ขึ้นชื่อว่าหน้าที่ก็ต้องหนัก ไอ้ภาระ ไอ้หน้าที่ ไอ้กิจ ไอ้อะไรก็ตาม รวมความแล้วเป็นของหนัก ถ้าจะออกไปเป็นฆราวาสก็อย่ากลัวหนักนะ ถ้ากลัวหนักออกไปเป็นฆราวาสก็คือคนบ้า ถ้ากลัวหนักก็อยู่เป็นพระ ก็ไปนิพพานเหมือนกัน ฆราวาสก็ไปนิพพานเหมือนกัน แต่ไปอย่างหนัก เพราะมัน มันมีเรื่องมาก พหุกิจจา พหุกะระณียา คือพูดกันอยู่เสมอ ฆราวาสมีกิจมาก มีเรื่องที่ต้องทำมาก แล้วยังหนัก หนักไปในทิศทั้งหกนี่ มันต้องทำ อื่อ, มากกว่าที่อยู่เป็นบรรพชิต มันเกิดภาระหน้าที่ในทิศทั้งหกนี้มากกว่า ถ้าเป็นบรรพชิต บางอย่างตัดออกไปเลย หรือถ้าจะมีอยู่ก็มีอยู่ในความหมายที่เบากว่า สบายกว่า ปฏิบัติได้ง่ายกว่า แล้วมันจะค่อยๆ หมดไป เหมือนกับไม่มี แต่ถ้าเป็นฆราวาสมันผูกมัดอยู่ นี่จะทำอย่างไรได้ อยู่ในสังคม มันมีบ้าน มีเรือน มีบุตรภรรยา สามี มี ไอ้, ผู้บังคับบัญชา มีคนใช้ มีหน้าที่การงานผูกพันไปหมด นั่นก็เรียกว่าของหนัก ฆราวาส สัมภาโท (นาทีที่ 54:18) มันจึงคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลีนี่ พระพุทธภาษิตนี่มี นี้ไอ้คนที่มองเห็นมันก็รู้สึกอย่างพระพุทธเจ้าตรัส ฉะนั้นเขาจึงพูดกับพระพุทธเจ้าว่า ฆราวาสเป็นที่คับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี เอ่อ, ความเป็นบรรพชิตเบาสบาน อ้า, เป็นที่โล่ง เป็นที่โล่ง เป็นความโล่ง ความว่าง ความโล่ง เบาสบาย เหมือนนกมีเพียงแต่ปีก อะ เป็นของหนัก มีแต่ปีกเป็นภาระสำหรับจะบินไป ของหนักของนกคือปีก แล้วก็ปีกนี่พาให้นกบินไป ฉะนั้นขอบวชเลย พระพุทธเจ้าเองเมื่อจะออกบวชก็รู้สึกอย่างนี้ คือไอ้, ประโยคคำพูดรูปนี้ จึงออกบวช ไปอ่านดูในพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ดูสิ
ฝรั่งที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ไอ้, ศีลลาจาระ ศีลาจาระ (Silacara) เป็นชาวอังกฤษ เขาก็เขียนบอกว่า A den อ้า, ลืมไปแล้ว A den ถ้ำอ่ะ A den of strife is household life. ชีวิตฆราวาสมันก็ den of strife and filled with toil and need มันเต็มไปด้วย toil และ need อันนี้ เอ่อ, ไอ้, free and high as the open sky; Is the life the homeless lead. ชีวิตพรานมัน มัน open sky ทั้ง free ทั้ง high แกแปลไปจาก อ่า, คำบาลีคำนี้ ไปขยายความออกไปอย่างนี้ มันก็รู้ความหมายของความเป็นฆราวาสดี จึงจัดมันว่าเป็น den of strife ต้องเป็นนักต่อสู้ นี้ก็เครื่องมือต่อสู้ก็คือความรู้เรื่องนี้ คือออกไปสู่ที่โล่งที่แจ้ง อ่า, เหมือนกับอากาศ ก็มีผลเหมือนกับ Free is now. “พ้นแล้วโว้ย” ในภาพเขียนที่ฝาผนัง ลอยกันไปเหนือเมฆ เหนือ เหนือความยุ่งเหยิง หรือ den of strife นี่ มันลอยขึ้นไปเหนือนั้น
นี้เราก็รู้ทิศทางอยู่ที่นี้ ว่าฆราวาสอยู่ที่จุดไหน แล้วจะเดินไปอย่างไร เขาจะไปจบที่ไหน เมื่อจะตายอย่าให้ อย่าให้ต้องใครเป่าหูว่า “อะระหัง อย่าลืมโว้ย อะระหัง อย่าลืมโว้ย” นั้นก็เป็นวิธีที่มีความหมายดี คนจะตายก็บอกทาง บอกหนทาง บอกทิศทางว่าไปทางนั้น ไปไหว้พระจุฬามณี เอ่อ, ที่ชั้นดาวดึงส์อะไร ก็มี ก็ยังใช้กันอยู่ พอคนจะตายนี่ คนข้างๆ บอกว่าอย่าลืมนะ คนนี้เอาดอกไม้ธูปเทียนใส่มือให้ ให้เอาไปไหว้พระจุฬามณีที่ดาวดึงส์ คุณคิดดูซิมันจะ บนสวรรค์นั้น เขาให้ตายไปสวรรค์ แล้วค่อยเอาดอกไม้นี้ไปไหว้พระจุฬามณีอยู่ที่นั่น คือผม เอ่อ, ขมวดผมของพระพุทธเจ้าที่ตัด ทรงตัดในวันบรรพชา เหมือนภาพสลักอยู่ตรงนั้น เทวดาพาขึ้นไปบนสวรรค์ เอาไปไว้ประดิษฐ์ฐานอยู่ที่นั่น ทิศทางที่ต้องให้อยู่ที่นั้น
ดีกว่านั้นก็บอกพระอรหันต์อย่าลืม พระอรหันต์อย่าลืม คนบอกเองก็ไม่รู้หรอกพระอรหันต์คืออะไร แต่บอกทิศทางให้คนอื่นได้ คนตายมันก็หลับตา ซึมกระทือไป อย่างนี้มันน่าหัวเราะ เพราะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ที่นี่ นั่งอยู่ตรงนี้คุณต้องรู้ทิศ รู้ทางที่จะไป คุณไปจากทิศทางอย่างนี้ ทิศทางที่ถูกต้อง จากทิศทางต่ำๆ อย่างโลกๆ นี้ ก็ไปในทิศทางที่มันเป็นจุดหมายปลายทาง หรือนิพพาน ผมพูดให้คนเขาคัดค้านหรือให้คนเขาหัวเราะ ให้คนเขาด่าว่าทุกคนต้องไปนิพพาน คู่ผัวเมียต้องจูงมือกันไปนิพพาน ลูกหลานจะรับมรดกการเดินไปนิพพานให้ถึงแทนพ่อแม่ให้จนได้ ที่เป็นเพื่อนกันก็เป็นเพื่อนเพื่อไปนิพพาน เป็นบ่าวเป็นนายกันก็เพื่อจะช่วยกันไปนิพพาน คำว่าทิศทางมันมีอยู่อย่างนี้ตามความเห็นของผม เวลาของเราก็หมด