แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอให้ตั้งใจฟังสักนิด วันนี้อยากจะพูดอะไรเล็กน้อย มานั่งกันใกล้ๆ ต้องเงียบไม่มีขยายเสียง เด็กๆ ช่วยกันเงียบฟังที เพื่อจะได้สำเร็จประโยชน์มากขึ้น ถ้าเราไม่เข้าใจในเรื่องที่เราทำมันก็ได้ประโยชน์น้อย วันนี้ปีใหม่ก็รู้กันอยู่แล้ว แต่ว่าจะทำบุญวันปีใหม่ให้ได้อย่างไร และให้ได้มากขึ้นอย่างไรนี่ก็ยังมีปัญหา สังเกตเห็นทำพอเป็นพิธีแล้วๆ ไป แม้แต่ทางวิทยุ ทางอะไรดูแล้วก็รู้สึกว่าทำพอเป็นพิธีไม่ได้ตั้งอกตั้งใจกันให้จริง ให้พรให้อะไรกันบ้างพอเป็นพิธีแล้วก็เลิกกัน ตีกลองกันบ้าง ยิงปืนกันบ้าง พอเป็นพิธีแล้วก็เลิกกัน ถ้าทำเท่านั้นมันก็ไม่มีความหมายอะไรนัก ถึงที่นี่เรามาประชุมกันนี่เพื่อจะให้มันได้มากเท่าที่จะได้ ฉะนั้นขอให้ตั้งใจฟัง คือว่าประโยชน์หรือบุญหรือความสุขนี้ มันไม่ได้เพียงว่าทำพิธี การที่ได้ทำพิธีอะไรแล้วจะได้ประโยชน์ได้บุญได้ความสุขนี้มันยังไม่พอมันต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย ที่จะปฏิบัตินี่มันต้องเข้าใจ ไม่อย่างนั้นมันปฏิบัติไม่ได้ ต้องเข้าใจ มันจึงต้องพูด ว่าทำพอเป็นพิธี พอเป็นพิธี มันคล้ายกับละเมอ บางทีทำเป็นพิธีรีตองเปลืองเปล่าๆ เสียเวลาเปล่าๆ ก็มี มันละเมอๆ เพราะฉะนั้นจึงขอร้องว่า ให้คุณพยายามทำให้มันสมกับว่าปีใหม่มันได้อะไรใหม่เพิ่มขึ้น ถ้าว่าเป็นเรื่องบุญก็ต้องมีบุญเพิ่มมากกว่าปีเก่า ถ้าเรื่องความสุขก็ต้องมีความสุขเพิ่มมากกว่าปีเก่า ถ้าเป็นความเจริญของบ้านเมือง ก็ขอให้มันเจริญยิ่งกว่าปีเก่า นี่แหละจึงต้องพูด ข้อแรกนี้จะพูดเรื่องความเจริญ เราต้องการความเจริญให้มากกว่าปีเก่า ที่นี้เราก็ต้องทำสิ แค่เพียงแต่ว่าปีใหม่ตักบาตรแล้วๆ ไป ทำพิธีแล้วๆ ไป มันก็ไม่พอ มันต้องทำความเจริญให้มากกว่าปีเก่ามันจึงจะมีความเจริญมากกว่าปีเก่า เรื่องนี้อยากจะพูดเป็นใจความสั้นๆ ขอให้ช่วยกันจำไว้ทุกๆ คนว่า ความเจริญมันเกิดขึ้นมาจากการเสียสละของผู้ที่ต้องการความเจริญ พูดซ้ำอีกที่ว่า ความเจริญเกิดขึ้นมาได้เพราะการเสียสละของผู้ต้องการความเจริญ นี่คุณต้องช่วยจำข้อนี้ไว้ว่าความเจริญจะเกิดขึ้นมาก็เพราะการเสียสละของผู้ที่ต้องการความเจริญ ถึงเวลานี้เราเห็นอยู่แล้วว่าความเจริญนั้นมันเกิดจากการเสียสละ เฉพาะของผู้ต้องการความเจริญ หรือว่าให้แคบเข้ามาอีก ความเจริญเกิดมาจากการเสียสละ ใครว่าความเจริญเกิดมาเอง คนนั้นโง่ที่สุด บรมโง่เลย ที่จะคิดว่าความเจริญมันจะเกิดมาเอง แล้วมันนอนเสีย มันไม่ช่วยกันเสียสละไม่ช่วยกันทำ แม้แต่ถนนที่จะเดินไปไหนมาไหนนี่ ที่จะสร้างให้มีขึ้นมันต้องเกิดมาจากการเสียสละของผู้ต้องการถนน คราวนี้บางคนมันคิดว่ากูไม่ทำ คนอื่นเดิน คนอื่นทำ แต่กูก็ ก็เดินกับเขาเหมือนกัน นี่คนเอาเปรียบ คนขโมย คนโกหก ความเจริญต้องเกิดมาจากการเสียสละของผู้ต้องการความเจริญ คราวนี้มันไม่ต้องการความเจริญ มันไม่เสียสละ มันนอนให้ความเจริญเกิดเพราะคนอื่นทำแล้วมันก็พลอยใช้ความเจริญ คนชนิดนี้เขาไม่เรียกว่าผู้ต้องการความเจริญ ไม่ต้องการความเจริญ และไม่เสียสละ ฉะนั้นช่วยจำกันไปทุกคนไปบอกลูกบอกหลาน บอกทุกๆ คนว่าความเจริญมันเกิดมาจากการเสียสละ ไม่เสียสละมันไม่เจริญนะ คราวนี้ความสละ เสียสละนี่มันมากจากผู้ที่ต้องการความเจริญ คนที่ไม่ต้องการความเจริญ มันก็ไม่เสียสละ ขอให้ช่วยจำไว้ให้แม่นๆ ไว้ว่าต้องมีผู้ที่ต้องการความเจริญ แล้วคนเหล่านั้นเสียสละ ช่วยกันขุดดิน ช่วยกันทำถนน ช่วยกันรักษาถนน ความเจริญมันก็มีอยู่ได้ เพราะความเสียสละของผู้ที่ต้องการความเจริญ คราวนี้เราอยู่กันเมืองบาดาล ก็ต้องช่วยกันทำให้มันเจริญในส่วนของเราอย่าให้มันบกพร่อง เมืองอื่นเขาก็ทำ ที่อื่นเขาก็ทำ ต่างคนต่างช่วยกันทำ ความเจริญเกิดเพราะการเสียสละของผู้ต้องการความเจริญ นอกนั้นเป็นผู้ไม่ต้องการความเจริญ เป็นคนเอาเปรียบเป็นคนอะไรสารพัด ไม่ต้องพูดถึง ที่นี้เราเกิดมาถ้าไม่ต้องการความเจริญ แล้วมันก็หาใช้ได้ไม่ ไม่ใช่คนไม่ นี่เรื่องหนึ่ง คราวนี้ใครจะเจริญหรือว่าเสียสละไปตามลำพังตนมันก็ไม่ได้ มันไม่สำเร็จ มันต้องสามัคคี ต่างคนต่างสละจริง แต่ไม่ร่วมมือกันไม่สามัคคีกันมันทำไม่ได้ ที่จะทำถนนสักสาย ต่างคนต่างเสียสละอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ไม่มาร่วมสามัคคีกันมันทำไม่ได้ มันต้องมีอีกอย่างหนึ่งคือความสามัคคี ยกตัวอย่างวัดนี้เพิ่งมีไม่กี่ปีจนท่านเห็น คน คน เวลานี้ท่านทันตา เห็นทั้งนั้นว่าวัดนี้เพิ่งมีไม่กี่ปี แต่มันมีขึ้นมาได้เพราะความสามัคคี เจริญอยู่ได้ตั้งอยู่ได้เพราะความสามัคคี นับตั้งแต่ความสามัคคีของพระสงฆ์ในวัดเป็นต้นไป มันหวังความเจริญและมันเสียสละเพื่อความเจริญ แล้วสามัคคีกันทำ องค์หนึ่งทำหน้าที่อย่างหนึ่งๆ หลายๆ อย่างมันครบบริบูรณ์วัดมันจึงเจริญ มันมีหลายเรื่อง เรื่องทำบุญทำทาน เรื่องน้ำเรื่องไฟ เรื่องก่อสร้าง เรื่องเจ็บไข้ เรื่องอาหารการกิน อะไรมันช่วยกันคนละอย่าง คนละอย่าง แม้แต่แค่อยู่กันตั้งห้าหกสิบคนนี้ไม่มีใครว่าง มีพระห้าสี่ห้าสิบองค์ ชาวบ้านอุบาสก อุบาสิกาด้วย หกเจ็ดสิบคนนี่ไม่มีใครอยู่ว่างพร้อมเพรียงกันทำวัดมันจึงเจริญ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความเสียสละนั้นต้องสามัคคีด้วย คราวนี้ใครจะทำที่อื่นแค่มาวัดมาวาไปตามการตามงานต่างๆ ก็ต้องสามัคคีเหมือนกันแหละ จะทำถนนก็ดี จะทำขุดคูน้ำก็ดี ทำเหมืองก็ดี ทุกอย่างทุกประการที่เป็นความเจริญมันต้องการความสามัคคี เพราะฉะนั้นเราจะต้องเสียสละและพร้อมกันพร้อมใจกันให้ ให้ ให้สามัคคี ให้การเสียสละนั้นมันสามัคคี ให้ทุกคนถือว่าเป็นโชคดีที่ได้เสียสละ คนโง่มันก็ขี้เหนียวมันไม่เสียสละ คนบรมโง่มันยิ่งขี้เหนียวยิ่งไม่เสียสละ มันถือว่าเกิดมานี่กูจะเอาท่าเดียว แต่ฉันจะพูดว่าพุทธบริษัททั้งหลายทั้งปวง อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุสามเณรนี่เรียกว่าพุทธบริษัทนี้ต้องถือว่ามีโชคดีที่ได้เสียสละ ต่อเมื่อได้เสียสละออกไปถึงจะเป็นโชคดี อย่าคิดว่า เอาเขามา เอาเขามา เอามาเป็นของกูเรื่อยๆ ไม่เสียสละจะเป็นโชคดี นั่นมันโชคดีของคนโง่ ฟังให้ดีโชคดีของคนโง่ คือได้ ได้ ได้ ได้ ได้ แต่โชคดีของคนฉลาด คนมีปัญญา หรือของพระพุทธเจ้า ต้อง เสียสละ เสียสละ เสียสละ พระพุทธเจ้าสอนให้เสียสละ ฉะนั้นเราถือว่าโชคดีที่ได้เกิดมาแล้วได้เสียสละเหงื่อไคล เรี่ยวแรง เงินทอง ข้าวของ เวลา ช่วยกันสร้างความเจริญให้ถือว่าการได้เสียสละนั่นแหละคือโชคดี เราได้มีโอกาสสร้างในสิ่งที่ไม่มีขึ้นมา เช่นวัดมันไม่มี เราได้โอกาสสร้างขึ้นมา เราจึงต้องเสียสละและสร้างขึ้นมาเราได้มีโอกาสได้มีโชคดีที่ได้สร้างสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้นมา และคราวนี้ที่ละเอียดยิ่งไปกว่านั้นก็คือต่างคนต่างได้แสดงความสามารถแสดงฝีมือของตน คนที่ถางป่าเป็นมันได้โอกาสถางป่า คนที่สร้างกุฏิสร้างอะไรเป็นมันได้โอกาสสร้างกุฏิ โดยรายละเอียดปลีกย่อยเหมือนกับในวัดนี้ องค์ไหนมีฝีมือในการปั้นภาพ ก็มีโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือในการปั้นภาพ คราวนี้องค์ไหนที่จะก่อสร้าง เรี่ยวแรง ก่อสร้างองค์ไหนที่จะเขียนภาพ องค์ไหนที่จะทำไฟฟ้า องค์ไหนที่จะทำน้ำกินน้ำใช้ มันก็ได้โอกาสแสดงฝีไม้ลายมือทั้งนั้นมันไม่เป็นหมัน ถ้าไม่มีโอกาสให้แสดงมันเป็นหมันมันไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งมีโอกาสให้เหนื่อยมากให้เสียสละมากมันก็ยิ่งเป็นการได้เสียสละมาก ยิ่งเสียสละมากมันก็ยิ่งหมดตัวกูของกู มันยิ่งเป็นธรรมะ เป็นวินัย ไอ้เอาเข้ามา เอาเข้ามานั้น มันเป็นกิเลสเป็นความโลภอย่างเดียวแต่ถ้าสละออกไป สละออกไปมันเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นการทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังนั้นเราจึงถือว่ามีโอกาสที่ได้เสียสละ ได้พร้อมเพรียงกันเสียสละนี่แหละเป็นโชคดีไม่เสียทีเกิด ถ้าเกิดมาไม่พบโอกาสที่จะเสียสละมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันก็เท่ากับไม่ได้เกิดหรือมันเสียชาติเกิด นี่ถ้าว่าได้เสียสละ ได้เสียสละ ตัวกูของกู กิเลสมันน้อยลง ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันน้อยลง ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันน้อยลงนั้น แล้วมันดีขึ้นตรงนี้ ดีขึ้นตรงที่ใจมันสะอาด สว่าง สงบขึ้น การเสียสละมันดีแบบนั้น ถ้าคนเรามีธรรมะในจิตในใจอย่างนี้ก็เรียกว่าได้เกิดดี ถ้ามีแต่เงิน มีแต่ทอง มีแต่ข้าวกินนั้น มัน มันสัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็น จะเล่าเรื่องของพระเยซูให้ฟังสักนิดหนึ่ง อยากให้พวกชาวพุทธที่มันเลวกว่าพวกคริสเตียน พระเยซูถูกพญามารถาม คือพระเยซูไปทำความเพียรอยู่ในที่สงัดบนยอดเขาหลายสิบวันเหมือนกัน ไม่ได้กินข้าว หิว คราวนี้พญามารบอก อ้าว, ถ้าลูกพระเจ้าก็เสกก้อนหินนี้ ก้อนหินรอบๆ ตัวนี้ให้มันเป็นข้าวปลาอาหารขึ้นมาสิ พญามารว่าอย่างนี้ ท่านเป็นพระเจ้าเป็นลูกพระเจ้าเป็นผู้วิเศษจริงก็ให้เสกก้อนหินนี้ให้เป็นข้าวปลาอาหารขึ้นมา ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าเสกเป็นขนมปัง ขนมปังก็หมายถึงข้าวปลาอาหารที่กินประจำวัน พระเยซูก็ว่า โอ้, บ้าแล้ว คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่ได้เพราะมีอาหาร ชีวิตไม่ได้มีอยู่ได้เพราะขนมปัง ชีวิตมีอยู่ได้เพราะพระธรรมของพระเจ้า ให้ ให้มีพระธรรมของพระเจ้าชีวิตจึงจะมี ถ้ามีแต่ข้าวปลาอาหารกินชีวิตไม่ได้มี คำว่าชีวิตมันหมายความลึก เกิดมามีข้าวกินอย่างเดียวหมาแมวก็ทำเป็น มันก็มีชีวิตอย่างหมาอย่างแมว พระเยซูจึงว่า ไม่ใช่มีชีวิตเพราะขนมปังหรือข้าวปลาอาหาร มันมีชีวิตอยู่เพราะพระธรรมของพระเจ้า เพราะฉะนั้นจงทำให้พระธรรมของพระเจ้ามีในเราสิ จึงจะชื่อว่าคนมีชีวิต นี่เราก็เหมือนกัน ถึงพุทธบริษัทนี่ก็เหมือนกันจะมีแต่ข้าวปลาอาหารกินไม่พอไม่ ต้องมีพระธรรมอยู่ในเนื้อในตัว จึงจะชื่อว่ามีชีวิต คนสมัยนี้มันโง่มากเข้า โง่มากเข้า มันสอนกันผิดๆ มากเข้า คือสอนแต่เรื่อง ปัจจัย ๔ อาหารบิณฑบาตคือข้าวกิน จีวรคือเครื่องนุ่งเครื่องห่ม เสนาสนะคือบ้านเรือนที่อาศัย เภสัชคือหยูกยาเจ็บไข้ ไปเที่ยวตะโกนกันทั่วประเทศทั่วโลกว่า ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่มห่ม ที่อยู่อาศัย ยาแก้โรค สำคัญที่สุด ให้เร่งขวนขวาย ให้เร่งขวนขวาย ให้สร้างกันให้มากมาย ภูเขาเหล่ากา แข่งขันกันสร้างแต่เรื่องนี้แล้วได้รบได้ราฆ่าฟันกัน เพราะมันสอนผิดๆ พระพุทธเจ้าสอนว่าให้มี อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย หยูกยาแก้ไข้ เท่าที่จำเป็น เท่าที่จำเป็น เรามีอาหารมีหยูกยา มีเครื่องนุ่งห่ม มีที่อยู่ เท่าที่จำเป็น เท่าที่จำเป็น ไม่ใช่เอาให้มากเหมือนคนบ้าสมัยนี้ ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า มันก็ไม่ต้องรบราฆ่าฟันกัน มันไปสอนผิด ถึงพระพุทธเจ้าก็ยอมรับว่าคนเราอยู่ได้เพราะ ปัจจัย ๔ ร่างกายอยู่ได้เพราะ ปัจจัย ๔ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด มีปัจจัย ๔ พอให้ร่างกายอยู่ได้ แล้วให้จิตใจมันมีธรรมะ มีอาหารของจิตใจ มีธรรมะนั่นแหละคนจึงจะมีรอดอยู่ได้ เพราะฉะนั้นปัจจัย ๔ ไม่ใช่เรื่องสำคัญของทั้งหมด สำคัญที่เรื่องร่างกายมีพอประมาณพอเหมาะสมก็แล้วกัน เรื่องธรรมะในจิตใจมีให้มาก มีให้มาก มีให้มาก แล้วโลกนี้จะเป็นสุข โลกนี้จะสงบสุข เวลานี้ในโลกมันแย่ง ปัจจัย ๔ ซึ่งเป็นปัจจัยของกามารมณ์ แล้วมันรบราฆ่าฟันกันไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานนะ ที่มนุษย์มันรบกันสมัยนี้มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน มันก็แย่งก้างคือ ปัจจัย๔ นี่แหละกันทั้งนั้นแหละ นี่มันผิดหลักของพระพุทธเจ้า ที่ว่าชีวิตมันอยู่ได้เพราะธรรมะไม่ใช่อยู่ได้เพราะปัจจัย ๔ อย่างเดียวเหมือนพระเยซูว่าเลย ชีวิตไม่ได้อยู่ได้ด้วยขนมปังแต่อยู่ได้ด้วยพระธรรมของพระเจ้า นี่ชาวพุทธก็เหมือนกันเรามีชีวิตอยู่ได้นี่เพราะพระธรรม เพราะหัวใจมันมีธรรม มันไม่ใช่มีข้าวกินอย่างเดียว คนโบราณเขาจึงว่าไว้ว่า อาหารการกิน การหลับการนอน การเสพเมถุน การขี้ขลาดแล้ววิ่งหนีนี้ สัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็นเหมือนกับมนุษย์ เราจะต้องมีสิ่งที่ดีกว่านั้น คือพระธรรม พระธรรมเท่านั้นแหละทำให้มนุษย์ผิดแปลกไปจากสัตว์เดรัจฉาน เพราะฉะนั้นวันนี้ตักบาตรปีใหม่ ก็ขอให้นึกเสียว่าวันนี้ทำเป็นที่ระลึก ปีใหม่ก็เพื่อให้มีธรรมะมากกว่าปีเก่า ให้มีจิตใจเจริญมากกว่าปีเก่า จิตใจเจริญมากกว่าปีเก่าก็หมายความว่าตัวกูของกูมันน้อยลงกว่าปีเก่า ไอ้ตัวกูของกู ที่จะยกหูชูหางก็ดีให้น้อยลงกว่าปีเก่า ตัวกูที่มันโลภโมโทสันก็ดี ให้มันน้อยลงกว่าปีเก่า ตัวกูที่จะทำให้นอนไม่หลับนั่นแหละให้มันน้อยกว่า ลงกว่าปีเก่า รวมความว่าไอ้ตัวกูของกูมันเป็นกิเลส ทุกๆ ชนิดแหละให้มันน้อยกว่าปีเก่า แบบนี้จึงจะมีธรรมมีธรรมะมีความสุขมากกว่าปีเก่า อย่าไปคิดให้ผิดว่ามันเรื่องอื่นสำคัญ ให้คิดตามพระพุทธเจ้าสอนว่าจิตจะตั้งไว้ถูกหรือตั้งไว้ผิดนี่เป็นเรื่องสำคัญ จิตที่ตั้งไว้ผิดทำให้เป็นนรกขึ้นมาทันที ทันทีเลย จิตที่ตั้งไว้ถูกก็ทำให้เป็นสวรรค์มรรคผลนิพพานขึ้นมาทันทีเลย พอตั้งจิตไว้ผิดมันเป็นนรก ตั้งจิตไว้ถูกมันก็เป็นสุขคติเป็นมรรคผลนิพพานมันอยู่ที่จิต ไม่ใช่อยู่ที่มีเงินมาก มีบ้านมาก มีวัวมีควายมากไร่นามากแล้วก็จะเป็นสุขหรือมีมรรคผลนิพพาน มันยังอยู่ที่ว่าจิตตั้งไว้ผิดหรือถูก คนที่ไม่มีสมบัติอะไรเลยเป็นนักบวชแต่ตั้งจิตไว้ถูกก็มีความสุขเหมือนกัน คนที่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีตั้งจิตไว้ผิดมันก็เป็นสัตว์นรก นอนไม่หลับตลอดชาติแล้วก็มีแต่ความที่กระวนกระวายอย่างนั้นอย่างนี้ในจิตในใจ ทั้งๆ ที่มันเป็นมหาเศรษฐีนะ นี่คือมันจิตไว้ผิด ฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงยืนยันแล้วยืนยันอีก อุตส่าห์พร่ำสอนพวกเรานี่ ว่าให้ตั้งจิตไว้ให้ถูก ให้ดำรงจิตไว้ให้ถูกในความถูกต้อง แล้วก็จะได้ประสบความสุข ชนิดที่ใครคนอื่นทำให้ไม่ได้ พ่อแม่รักที่สุดรักเราที่สุดก็ทำความสุขให้เราไม่ได้ เราจะต้องตั้งจิตของเราไว้ให้ถูก คราวนี้ถ้าเราตั้งจิตไว้ผิดเราจะมีความทุกข์เหมือนตกนรกยิ่งกว่าที่ว่าศัตรูคู่อาฆาตคู่เวรจะทำให้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสเช่นนี้ไม่ใช่ฉันว่า ฉันจำของพระพุทธเจ้ามาว่า ว่าคนเราจะมีความทุกข์มีความร้อนเป็นไฟเผานั้นเพราะว่าเราตั้งจิตไว้ผิด ถ้าตั้งจิตไว้ผิดแล้วมันเดือดร้อนยิ่งกว่าที่ว่าศัตรูคู่เวรมันจะมาทำให้เราได้ ศัตรูคู่เวรไม่มาเผาหัวใจอะไรของเราได้เหมือนกิเลสของเราเผาเราเอง เพราะฉะนั้นขอให้ทุกๆ คนตั้งจิตไว้ให้ถูกยิ่งกว่าปีเก่า และจำเอาไว้ให้ตั้งจิตให้ถูกให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าปีเก่า แล้วความสุขความเย็นมันจะมีมาก นี่มันยังขาดอยู่อย่างเดียวคือข้อนี้แหละ ฉันพูดนี่ฉันพูดกล้ายืนยันว่าทั้งไอ้โลก คนทั้งโลกเวลานี้มันบ้าที่สุดคืออย่างเดียวนี้ คือมันได้อะไรมีอะไรได้อะไรมีอะไรมากหมดแล้ว แต่มันยังขาดอยู่อย่างเดียวคือขาดสิ่งที่จะทำให้มันหายบ้า คือมันมีกินมีใช้มีอะไรสนุกสนานกันจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วนะเวลานี้ มันสนุกสนานเอร็ดอร่อยกันจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว และมันขาดอยู่อย่างเดียวแต่สิ่งที่จะทำให้มันไม่เป็นทุกข์ ให้มันไปโลกพระจันทร์ ไปโลกพระอังคาร ไปโลกไหนได้ก็ตามใจหมดทุกโลกแล้ว มันก็ยังไม่มีการดับทุกข์ เพราะทุกสิ่งทุกสิ่งมันมีแล้ว แต่มันไม่มีสิ่งที่จะดับทุกข์เพราะสิ่งที่ตัวมี มีเงินมีทอง มีเกียรติยศชื่อเสียง มีอะไรทุกอย่าง มีลูกมีผัวมีอะไรมีทุกอย่างแล้ว แต่มันไม่มีสิ่งที่ว่าจะป้องกันจะให้เกิดความทุกข์จากสิ่งที่ตัวมี จากเงินจากทองจากอะไรต่างๆ ความทุกข์มันเกิดขึ้นมาจากสิ่งเหล่านั้น แล้วถ้าในตัวไม่มีสิ่งเหล่านี้ที่จะป้องกันนี่ คนโง่ๆ อย่าพูดซ้อน นิ่งทีก่อน เอ่อ, คนในโลกมันมีทุกอย่างแล้วแต่มันยังขาดสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์จากสิ่งที่มันมี ไอ้คนโง่ๆ เหล่านี้มันมีชีวิตแล้วมันโง่ไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ มันได้สิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือได้ชีวิตมาแล้ว แต่มันยังโง่ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ มันพูดมากเปล่าๆ สิ่งอะไรจะประเสริฐเลิศกว่าชีวิตนั้นไม่มีแล้ว ทีนี้ชีวิตมันก็ได้มาแล้ว แต่มันไม่รู้จักทำให้เป็นประโยชน์นี่ มันโง่นี่ พูดมันก็ไม่ฟังนี่ ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี ว่าชีวิตที่ได้มาแล้วทุกๆ คน ประเสริฐที่สุด เป็นของประเสริฐที่สุด จงได้จงใช้ของที่ประเสริฐที่สุดนี่ให้เป็นประโยชน์ เวลานี้คนทั้งโลกมันมีชีวิตแล้วแต่มันไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ มันคนบรมโง่ คนในโลกโดยเฉพาะพวกฝรั่งไปไกลกว่าเพื่อน ยิ่งโง่ที่สุด ได้ชีวิตมาแล้วไม่รู้จักทำให้เกิดความสงบสุขในโลกนี้ มาทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย เดือดร้อน ระส่ำระสาย มากขึ้นกว่าเดิม ให้ไปโลกพระจันทร์ได้ไปโลกไหนได้ มันก็ยิ่งทำให้ยุ่งยากโกลาหลวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม เพราะมันไม่รู้ข้อนี้ ไม่รู้ธรรมของพระเยซู ไม่รู้ธรรมของพระพุทธเจ้า พวกฝรั่งสมัยนี้มันกำลังโง่ลง โง่ลง มันทิ้งศาสนาคริสต์ ทิ้งศาสนาอะไรหมดแล้ว คือศาสนาสอนว่าชีวิตไม่ได้อยู่ได้ด้วยขนมปัง ชีวิตอยู่ได้ด้วยพระธรรมของพระเจ้า พวกฝรั่งมันไม่สนใจ มันสนใจแต่เรื่องขนมปัง ที่จะไปโลกพระจันทร์ไปไหนก็เพื่อแสวงหาวัตถุ ที่เป็นเรื่องของขนมปัง คือข้าวปลาอาหาร หรือกามารมณ์ นี่พวกฝรั่งสมัยนี้มันเลวลงไปตามก้นมันไม่ได้แล้ว คราวนี้พระเยซูเป็นชาวบ้านเรานะ พระเยซูเกิดฝ่ายตะวันออกไม่ได้เกิดฝ่ายตะวันตก พระเยซูเกิดในดินแดน ปาเลสไตน์ ฝ่ายตะวันออกเป็นชาวตะวันออก พวกฝรั่งเป็นชาวตะวันตก มันเคยนับถือพระเยซูนิดๆ หน่อยๆ สมัยหนึ่ง เดี๋ยวนี้มันทิ้งหมดเลย ทิ้งคำสอนของพระเยซูหมด พระเยซูว่าถ้าเขาตบแก้มซ้าย ให้ ให้เขาตบแก้มขวาด้วย พวกฝรั่งสมัยนี้มันไม่ยอม ให้ตบแก้มซ้ายแล้วมันจะตบหน้า ตบหัว ตบตา ตบไปหมดเลยนี่ พระเยซูสอนว่าให้ ให้อภัยนี่มันไม่ยอม มันคู่แค้นอาฆาต ฟันต่อฟัน ตาต่อตา เรื่อยไปนี่ แต่นี่ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า พระเยซูบอกว่า ชีวิตไม่ได้อยู่ได้ด้วยขนมปังโว้ย ชีวิตอยู่ได้ด้วยธรรมะโว้ย เดี๋ยวคุณจะฟังไม่เข้าใจว่าชีวิตอยู่ได้ด้วยขนมปัง ขนมปังก็หมายถึงข้าวปลาอาหารนะ ชีวิตไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้าวปลาอาหาร แต่อยู่ได้ด้วยธรรมะ พวกฝรั่งสมัยนี้ไม่เชื่อพระเยซู ชาวตะวันตกเหล่านี้ไม่เชื่อพระเยซูซึ่งเป็นชาวตะวันออก คราวนี้ชาวพุทธเราก็เหมือนกัน ให้เข้าใจว่าชีวิตไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้าวปลาอาหาร พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่างนี้ ข้าวปลาอาหาร ปัจจัย ๔ ให้มีแต่พอสมควร พอให้ร่างกายอยู่ได้ แล้วให้จิตใจเจริญด้วยธรรม นั่นแหละชีวิตจะมีอยู่ นี่แหละมันรู้จักแต่หาของมาบำรุงบำเรอ แล้วไม่ เอ่อ, เป็นโรคภัยไข้เจ็บ แล้วมันไม่รู้จักรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มันมีแต่ของแสลง มันไม่มีของที่แก้ ไม่มียาแก้ของแสลง มันกินเงินกินทอง กินลาภกินผล กินเกียรติยศชื่อเสียงเข้าไปนี่มันเป็นของแสลง และมันไม่มีธรรมะมาเป็นยาแก้ของแสลง มันก็เลยเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา ในทางจิตทางวิญญาณนอนไม่หลับ ยิ่งมีความเจริญมาก ก็ยิ่งมีความทุกข์มากนี่ ความเจริญนี้มันผิด ยิ่งมีความหรูหรารุ่งเรืองมาก ยิ่งมีความทุกข์มาก นี่มันผิด เราทำเสียให้ถูก ถ้าปี ปีที่แล้วมีผิด ก็ปีนี้ทำเสียให้ถูก ให้ปีใหม่มีความถูกต้องมากกว่าปีแล้ว ให้ปีใหม่นี้รู้จักใช้ชีวิตที่ประเสริฐที่สุดให้ดียิ่งกว่าปีแล้ว ให้ได้ชีวิตมาแล้วให้รู้จักใช้ให้มันมีประโยชน์ ทั้งพระทั้งเณร ทั้งอุบาสกอุบาสิกา อย่ามัวโง่ใช้เวลาให้เสียไปเปล่าๆ ไม่รู้จักใช้เป็นประโยชน์ ได้นอนแล้วก็ว่าได้เปรียบเพื่อน ได้นอนมากกว่าเพื่อนถือว่าได้เปรียบเพื่อน นอนเที่ยง นอนสายก็มี นั่นมันคนโง่ไม่รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ แล้วโอกาสที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์นี่ขึ้นมามันก็มี มันก็โง่มันมันขี้เกียจมันไม่ทำมันเห็นว่าเหนื่อยเปล่าๆ เสียเปรียบคนอื่น ความจริงนี่มันเป็นโอกาสที่ประเสริฐที่จะได้ใช้ความสามารถใช้ฝีไม้ลายมือ น่ะมัน มัน ฝีไม้ลายมือมันจึงจะมีประโยชน์ ถ้าไม่มีโอกาสใช้มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนถือว่าถ้าได้เสียสละเหงื่อไคล เรี่ยวแรงนั้นแหละคือโชคดี ช่วยกันขุดถนน ช่วยกันรักษาถนน ช่วยกันขุดเหมืองน้ำ ช่วยกันทำศาลาที่พักอาศัย สิ่งสาธารณประโยชน์ เหงื่อออกไปเท่าไหร่ก็ถือว่าเป็นโชคดีเท่านั้นพระพุทธเจ้าสอนแบบนั้น พระเยซูก็สอนแบบนั้น ศาสดาใดๆ ก็สอนแบบนั้นทั้งนั้น นี่แหละมันจึงจะมีความเจริญก้าวหน้า สมกับวันปีใหม่ย่างเข้ามาอีกปีหนึ่ง ช่วยจดจำคาถาหมวดเดียวว่า ความเจริญนี่มันเกิดมาจากการเสียสละของผู้ต้องการความเจริญ ดังนั้นขอให้คุณ ทุกๆ คนเป็นผู้ต้องการความเจริญ เมื่อต้องการความเจริญแล้วต้องเสียสละ เราจะมาเสียสละแล้วให้พร้อมเพรียงกันเสียสละ มันถึงจะทำสิ่งที่เป็นชิ้นเป็นอันได้ สิ่งที่เป็นเป็นชิ้นเป็นอันทำคนเดียวไม่สำเร็จ ต้องรวมกันเป็นฝูง เป็นพวก เป็นหมู่เป็นคณะ พุทธบริษัทก็ต้องสร้างความเจริญไปตามแบบของพุทธบริษัท นี่เรียกว่าปีใหม่คืออะไร ปีใหม่จะต้องทำอย่างไร ฉันเสียเวลาพูดไปมากแล้ว ก็จงอย่าให้มันเสียเปล่า ช่วยเอาไปคิดไปนึก และพยายามทำปีใหม่ให้มันเป็นปีใหม่คือเจริญกว่าปีเก่า ทีนี้ก็จะให้ศีล เอ้า, ท่านจ่างให้ศีล เราเหนื่อยแล้ว