แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ธรรมปาฎิโมกข์ของเราวันนี้จะพูดกันด้วยเรื่อง “ควาย ๒ ตัว” อีกคู่หนึ่ง ไอ้คราวที่แล้วมาก็ได้พูดเรื่องควาย ๒ ตัว ซึ่งคุณก็คงจะยังจำได้ว่าตัวหนึ่งดำ - ตัวหนึ่งขาว ชนขวิดกันอยู่เรื่อยในจิตใจของมนุษย์ จนกว่าจะถึงวันหนึ่งซึ่งมันตกน้ำละลายหายไปในแม่น้ำเพราะว่ามันเป็นควายที่ทำด้วยดิน ไอ้ควาย ๒ ตัวคู่แรกวันก่อนนั้นพวกเซนเขาเรียก ผมเอามาเล่าให้ฟัง เป็นคำเปรียบที่น่าฟังว่าปัญหาที่เป็นความทุกข์ยุ่งยากลำบากใจเกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ก็มันก็เนื่องมาจากควาย ๒ ตัวนั้น ตัวขาวก็คือเรื่องบุญ, เรื่องดี, เรื่องถูก, เรื่องอะไร ไอ้ตัวดำก็คือเรื่องผิด, เรื่องชั่ว, เรื่องบาป เพราะเรามันรู้จักยึดมั่นถือมั่นในบุญในบาปมันจึงเกิดปัญหาชนิดนี้ขึ้นมา เรื่องดี-เรื่องชั่ว ถ้ายึดถือแล้วก็มีปัญหามาก ก็ต้องมีความทุกข์ตลอดไป จนกว่าจะอยู่เหนือดี-เหนือชั่ว, เหนือผิด-เหนือถูก, เหนือบุญ-เหนือบาป สำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติธรรมะขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนาจนมีจิตใจอยู่เหนือบุญ-เหนือบาป, เหนือดี-เหนือชั่ว เป็นต้น นี่เรียกว่าควายดินทั้ง ๒ ตัวนั้นขวิดกันไปขวิดกันมาจนตกลงไปในน้ำละลายหายไปหมดเรื่องก็จบกัน เมื่อหมดควาย ๒ ตัวนั้นแล้ว คนเราก็อยู่เหนือความทุกข์โดยประการทั้งปวง แล้วก็อยู่เหนือความสุขด้วย เรียกว่าอยู่เหนือทุกอย่างไอ้ของที่เป็นคู่ ๆๆๆ กันแล้วก็อยู่เหนือหมดทุกอย่าง จึงเรียกว่าเหนือดี-เหนือชั่ว, เหนือบุญ-เหนือบาป, เหนือสุข-เหนือทุกข์, เหนือได้-เหนือเสีย, เหนือแพ้-เหนือชนะ เหนือไปหมดเลยไม่ว่าอะไรไม่ว่าคู่ไหน ฉะนั้นมันสรุปความว่าถ้าร้าง เลิกร้างไอ้ควาย ๒ ตัวนั้นเสียได้แล้วก็ เราก็หมดปัญหา หน้าที่มันจึงมีว่าจะต้องกำจัดไอ้ควาย ๒ ตัวนั้นอย่างไรในลักษณะที่เรียกว่าให้มันตกน้ำละลายกลายเป็นละลายไปในน้ำหมด
ทีนี้วันนี้จะพูดเรื่องควาย ๒ ตัวอีกคู่หนึ่งซึ่งผมนึกขึ้นมาเอง จะเรียกว่าวัวหรือควายก็ได้มีความหมายเหมือนกันว่าชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ว่าชีวิตของคนเราที่จะเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ที่ปราศจากความทุกข์และเป็นไปด้วยดีนั้นชีวิตนั้นจะต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ควายตัวแรกก็คือสติปัญญาหรือความสามารถในการบำเพ็ญกิจการงานในหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเรื่องอาชีพ เรื่องหาให้ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจวาสนา อะไรต่าง ๆ นี่นี้เป็นตัวหนึ่ง หรือฝ่ายหนึ่งเรียกว่าควายตัวที่หนึ่งเต็มไปด้วยสติปัญญาและกำลังเพื่อให้ได้มาซึ่งผลเป็นวัตถุ แล้วควายตัวที่ ๒ นั้นคือสติปัญญาที่ถูกต้องสว่างไสวในเรื่องทางจิตใจ นี่เป็นควายตัวที่ ๒ เป็นเรื่องธรรมะเป็นเรื่องศาสนา เรื่องความรู้ในทางธรรม, ในทางศาสนา, ในเรื่องทางจิตใจ อย่าให้จิตใจเกิดความทุกข์ พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ควายตัวที่ ๑ นั้นคือควายที่จะใช้ในการทำมาหากินให้เกิดความสมบูรณ์ร่ำรวยในเรื่องทำมาหากิน แล้วควายตัวที่ ๒ นั้นสำหรับจะให้จิตใจเดินไปถูกทางเพื่อไม่มีความทุกข์จากทุก ๆ อย่าง จากการทำมาหากินหรือจากอะไรก็ตาม ถ้าขาดควายตัวที่ ๒ แล้วก็มีความทุกข์ในทางจิตใจ มีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งมีความทุกข์มากเท่านั้น เพราะมันมีแต่ควายตัวเดียวรู้แต่ออกแรงในทางหาแต่ไม่มีปัญญาในทางจะวางจิตใจไว้ให้ถูกต้อง
ที่ผมพูดอย่างนี้หมายถึงโลกทั้งโลกด้วยไม่ใช่เฉพาะพวกเราหรือคนใดคนหนึ่ง หมายความว่าโลกทั้งโลกนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ตัวที่ ๑ ที่เรียกว่าเทคโนโลยี คือสติปัญญา, ความรู้,ความสามารถในการจะปฏิบัติหน้าที่การงานที่ตนต้องประสงค์ให้ลุล่วงไปด้วยดี เทคโนโลยีนี้มีหลายแขนง หลายสิบแขนงแล้วแต่ความประสงค์ความต้องการ โลกนี้กำลังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีเป็นบ้าเป็นหลัง มันมีควายตัวนี้อ้วนพีมาก ทีนี้ควายตัวที่ ๒ ความสว่างไสวทางวิญญาณ spiritual enlightenment นี่ยังไม่มี เรียกว่ากำลังหายไป หายไป หายไปมากกว่า มันเคยมีแล้วมันหายไป ระบุชัดลงไปว่าพวกฝรั่งในทางตะวันตกนั้นมีแต่ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี พวกเราฝ่ายตะวันออกนี้ไม่มีไม่ร่ำรวยด้วยเทคโนโลยีแต่ว่าเคยร่ำรวยด้วยความสว่างไสวทางวิญญาณคือพระธรรมหรือธรรมะนี้ spiritual ทางวิญญาณ enlightenment ความสว่างไสว ความสว่างไสวทางวิญญาณนี้ตะวันออกเคยร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนานี้คือความสว่างไสวทางวิญญาณ เราเคยมีควายตัวที่ ๒ คือความสว่างไสวทางวิญญาณอย่างดี เราไม่ค่อยมีควายตัวที่ ๑ นี่มันน่าหัวทีแรกว่า เดี๋ยวนี้มันเกิดไม่มีกันทั้ง ๒ ตัว คือเกิดสับเปลี่ยนกันเป็นเรื่องที่น่าหัวมาก คือพวกฝรั่งทางตะวันตกก็มีแต่ควายเทคโนโลยี ทีนี้พวกเราฝ่ายตะวันออกก็มีแต่ควายคือความสว่างไสวทางวิญญาณนี่แล้วก็เผลอปล่อยให้เลือนไป เลือนไป ไปตามก้นพวกฝรั่ง คือไปเอาควายตัวเทคโนโลยีเหมือนฝรั่ง ตามก้นฝรั่ง จนทิ้งไอ้ควายตัวเดิมของตนคือความสว่างไสวทางวิญญาณ นี่คือทิ้งธรรมะโดยเฉพาะหลักพระพุทธศาสนานี่ ไปตามก้นฝรั่งเพื่อจะมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ นี่เราก็เลยสูญควายตัวที่ ๒ แล้วควายตัวที่ ๑ ก็ยังไม่ได้ ยังสู้พวกฝรั่งไม่ได้ นี่คือความโง่ของพวกเรา เราทำจนสูญหายไอ้ควายตัวที่ ๒ คือ spiritual enlightenment เดี๋ยวนี้มันจางไปเลือนไปเพราะไปตามก้นฝรั่งไปเอาเรื่องทางวัตถุเป็นประเสริฐ เป็นของประเสริฐบูชา เราก็สูญควายตัวที่ ๒ ไปทีละนิด ละนิด ทีนี้พวกฝรั่งมันเก่งสร้างควายตัวที่ ๑ เรื่องเทคโนโลยีขึ้นมาอ้วนพีล่ำสันไปโลกพระจันทร์ก็ได้แล้วเดี๋ยวนี้มันก็ไปทำเล่น ๆ ทีนี้ไอ้มีควายตัวที่ ๑ มากเข้าอย่างนี้มันก็ยิ่งทำโลกให้บ้ามากขึ้น ขออภัยใช้คำหยาบ ๆ ว่าไอ้ควายตัวที่ ๑ นี่มันทำให้โลกบ้ามากขึ้น เพราะว่าไอ้ควายชนิดนี้มันทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้น เจริญด้วยเทคโนโลยีเท่าไรไม่ประกอบด้วยความสว่างไสวทางวิญญาณ แล้วมันก็เห็นแก่ตัวมากขึ้น เห็นแก่ตัวมากขึ้น มันก็ได้แต่ความระส่ำระสายเบียดเบียนกันโดยส่วนตัว ด้วยส่วนรวมก็ตามใจนี่ สงครามมันเกิดมาจากความเห็นแก่ตัวอย่างนี้
ทีนี้พวกฝรั่งบางคนรู้สึกความจริงข้อนี้ก็หันมาทางตะวันออกมาศึกษาพุทธศาสนา ซึ่งเคยเป็นควายตัวที่ ๒ ของเรานะ ก็มีเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น แล้วระวังไอ้เจ้าของบ้านนี่มันจะสูญเสียไอ้ควายตัวที่ ๒ แล้วเอาไปขายให้ไอ้ฝรั่งหมด คือเลี้ยงไม่เป็นตายหมดเพราะไม่สนใจไอ้ควายตัวที่ ๒ ไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ ตามก้นพวกฝรั่ง ผมจึงว่าไม่เท่าไรไอ้ควายตัวที่ ๒ ของพวกเราก็จะตายหมดนี่แล้วไปตามก้นพวกฝรั่งมันก็เหมือนฝรั่งไป ไม่ดีกว่าฝรั่งที่ทำโลกให้ยุ่งจนแก้ไม่ตก ทีนี้จะหันไปทางไหนมันก็เหลวหมดเลยไม่มีทั้ง ๒ ตัว เราจะกลายเป็นไม่มีควายทั้ง ๒ ตัว ระวังให้ดี ! ทีนี้พวกฝรั่งเมื่อถึงสูงสุดทางเทคโนโลยีแล้วหันมาหาพระธรรมในทางศาสนามากขึ้น เขาก็อาจจะมีควายทั้ง ๒ ตัวได้ในอนาคตข้างหน้าสักวันหนึ่ง แม้ว่ายังมองไม่เห็น เพราะว่าเขายังเมา มัวเมาในเรื่องทางวัตถุในเรื่องเนื้อหนังมากเหมือนกันยังจะต้องไปอีกนาน โลกนี้กว่าจะสะอาด สว่าง สงบ ระงับสงคราม วิกฤตการณ์อะไรได้นั้นยังอีกนาน เพราะว่าไอ้ควายตัวนี้ี่มันกำลังอ้วนพี, กำลังเปลี่ยวจัด, กำลังดึงโลกไปแต่ในทางอย่างนี้
ที่จริงถ้าดูกันให้ดีย้อนหลังไปสักหน่อยทางตะวันตกเมื่อเขามีศาสนากันอย่างดีคือศาสนาคริสเตียโดยเฉพาะนี้ หรือศาสนายิวของพวกฮิบรูก็ตาม มันก็เป็นเรื่องทางวิญญาณ เป็นความสว่างไสวทางวิญญาณเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิ้ลนั่นละสอนความรู้เรื่องทางวิญญาณนั้นแต่เขาตีความไม่ถูก เขาเห็นเป็นเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ เข้าใจไม่ได้เพราะไปตีความทางวัตถุ แต่เรื่องเป็นเรื่องทางวิญญาณ เพราะฉะนั้นฝรั่งจึงละทิ้งคริสต์ศาสนาของตนไปทีละน้อย ละน้อย ละน้อย ไม่เชื่อพระเจ้า เพราะไม่เข้าใจพระเจ้า พระเจ้ามีความหมายไปทางวิญญาณ เขาไปอธิบายเป็นทางธรรม มันก็รับฟังไม่ไหว ก็เลยทิ้งพระเจ้า ทิ้งศาสนาไปทีละน้อย ละน้อย จนพวกฝรั่งก็ไม่มีศาสนา ไม่มีแม้แต่คริสต์ศาสนา ว่าพระเจ้าตายแล้ว เด็กหนุ่ม ๆ นี่ ฝรั่งหนุ่ม ๆ นี่ถือว่าพระเจ้าตายแล้ว ทีนี้ปัญหามันก็เกิดขึ้นอย่างสกปรก ยุ่งยาก ปั่นป่วน โกลาหลไปหมด เพราะไปถือลัทธิว่าพระเจ้าตายแล้วนั่นละ ที่สกปรกทางศีลธรรมก็สกปรก ที่โกลาหลวุ่นวายทางสงคราม ทางเบียดเบียน ก็มีมากขึ้น จนพวกฝรั่งแก่ ๆ นี่ ตั้งปัญหาขึ้นมาว่า “เราจะได้อะไรมาสืบแทนต่อพระเจ้าเพราะพระเจ้าตายเสียแล้ว” แล้วจะมีอะไรมาสืบแทนพระเจ้าสำหรับให้เด็ก ๆ ยึดถือต่อไป นี่ก็มีปัญหาอย่างนี้มันน่าหัวไหม มันโง่จนเข้าใจว่าพระเจ้าตายแล้ว ที่จริงพระเจ้าที่แท้จริงไม่รู้จักตายคือธรรมะที่ไม่รู้จักตาย แต่เมื่อไม่เข้าใจก็ไปเห็นเป็นคนเป็นอะไรมันก็ตายสิเพราะว่ามันพูดไว้อย่างธรรมะ เข้าใจไม่ได้ เข้าใจเป็นเรื่องของคน คนเป็นอย่างนั้นไม่ได้ก็เลยไม่เชื่อ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครเชื่อพระเจ้า พระเจ้าก็ตายไปเอง นี่พระเจ้าตายแล้วสำหรับพวกฝรั่งคือศาสนาไม่มี ฉะนั้นก็มีเหลือแต่เทคโนโลยี ไอ้ควายตัวนี้มันก็เลยอ้วนพีจัดมากขึ้นเพราะว่าควายตัวที่ ๒ ไม่มาแย่งอาหาร, ไม่มาแย่งหน้าที่, ไม่มาแย่งความสนใจอะไรของคน ไอ้ควายตัวที่ ๑ มันก็อ้วนพีมากไปเร็ว ๆ จนไปโลกพระจันทร์ได้ ไปโลกไหนก็ได้ต่อไปนี้นี่เรียกว่าควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี ความสามารถในควายวัตถุ
ทีนี้ควายตัวที่ ๒ ความสามารถในทางฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณนั้นกำลังไม่มี ฝรั่งมันไม่มีเพราะเมาเทคโนโลยี คนไทยที่เคยมีควายตัวที่ ๒ ก็ไปตามก้นฝรั่ง ปล่อยให้ควายตัวนี้ตายไป ตายไป ผอมไป ผอมไป ก็จะพลอยไม่มีทั้ง ๒ ตัว นี่ปัญหาปัจจุบันเฉพาะหน้าในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยสงคราม, เต็มไปด้วยความเบียดเบียน, เต็มไปด้วยความเสื่อมทางศีลธรรม, เต็มไปด้วยวิกฤตการณ์ต่าง ๆ นี่เพราะว่าชีวิตนี้มันไม่ได้เทียมด้วยควาย ๒ ตัว มันเทียมด้วยควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี ส่วนตัวที่ ๒ นั้นไม่มี ไอ้เราเคยมีก็ปล่อยให้ตายเสียไปหันไปตามก้นเขา เป็นควายตัวเดียวอย่างเทคโนโลยีอีกเหมือนกัน โลกนี้เป็นอย่างนี้กำลังเป็นอย่างนี้ คือว่าชีวิตนี้กำลังเทียมด้วยควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี หาเงิน, หาเกียรติ, หาอำนาจวาสนา, หาอะไรมาได้เท่าไรก็มีความทุกข์ ความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเรามีไอ้ควายตัวที่ ๒ คือความสว่างไสวทางจิตใจทางวิญญาณนั่นละ มันจะมาช่วยระงับความทุกข์ยากลำบากที่เกี่ยวกับการหาเงิน, หาชื่อเสียง, หาอำนาจวาสนา ถ้าขาดความสว่างไสวทางวิญญาณแล้วทางกายนี้จะมีความทุกข์เต็มไปหมด มีเงินมากเท่าไรจะมีทุกข์มากเท่านั้น มีชื่อเสียงมากเท่าไรจะมีความทุกข์มากเท่านั้น มีอำนาจวาสนามากเท่าไรจะมีความทุกข์มากเท่านั้น ถ้ามันขาดควายตัวที่ ๒ ต่อเมื่อมันมีควายตัวที่ ๒ มันจะไม่มีความทุกข์เลย มีเงินมากเท่าไรก็ได้ มีชื่อเสียงมากเท่าไรก็ได้ มีอะไรก้าวหน้าเท่าไรก็ได้ เพราะควายตัวที่ ๒ นี่มันเป็นเหมือนกับเครื่องรางหรือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้นจากสิ่งใด ๆ ในโลก นี่คืออานิสงส์ของไอ้ควายตัวที่ ๒ คือพระธรรมหรือศาสนา
เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างปล่อยให้ควายตัวที่ ๒ นี่ผอมไป ผอมไป จนตายไปหาทำยายาก เหลือแต่พิธีรีตองทางศาสนา ทางธรรมเหลือแต่พิธีรีตอง เรื่องบวช, เรื่องเรียน, เรื่องปฏิบัติกรรมฐาน, วิปัสสนาต่าง ๆ ก็เหลือแต่พิธีรีตองอย่างนี้ไม่ใช่ มันเป็นควายปลอมใช้ไม่ได้ ฉะนั้นขอให้เข้าใจกันให้ชัดลงไปสักหน่อยว่าไอ้ควายตัวที่ ๒ นี่สำคัญที่สุดกว่าควายตัวที่ ๑ ควายตัวที่ ๑ นั้นเป็นเรี่ยวแรง, เป็นกำลัง, เป็นเรี่ยวแรง ควายตัวที่ ๒ นั้นเป็นแสงสว่าง, เป็นดวงตา, เป็นวิชาความรู้ มันต้องไปด้วยกัน แต่ว่าความรู้วิชาในที่นี้หมายถึงที่สูงสุดในทางวิญญาณที่สามารถทำให้ควายดินละลายน้ำไปได้ทั้ง ๒ ตัวนั่นมันสูงถึงขนาดนั้น เดี๋ยวนี้เราไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ เพราะมันเอร็ดอร่อยสนุกสนานตรงกับความต้องการของกิเลส มีเงิน, มีเกียรติ, มีอำนาจวาสนา, มีอะไรต่างๆ ตรงตามความต้องการของกิเลส ทีนี้กิเลสก็เลยออกมาแสดงบทบาทเป็นเจ้าของ ทีนี้ไอ้มนุษย์คนนั้นมันก็แย่คือตกนรกทั้งเป็น มีชีวิตเต็มไปด้วยความเดือดร้อนคือนรก, เต็มไปด้วยความโง่คือเดรัจฉาน, เต็มไปด้วยความหิวคือเป็นเปรต, เต็มไปด้วยความกลัวคืออสูรกาย นั่นชีวิตนี้จะเต็มไปด้วยนรก, เดรัจฉาน, เปรต, อสูรกาย นี่เพราะมันมีแต่ควายตัวที่ ๑ ไม่มีควายตัวที่ ๒ ไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยีนี้ยิ่งเจริญเท่าไร มันยิ่งเพิ่มความเห็นแก่ตัวมากเท่านั้น นี่มันเกี่ยวกับ ตัวกู-ของกู ที่ตรงนี้เอง ควายตัวที่ ๑ หรือเทคโนโลยีในทุก ๆ สาขานี่ก้าวหน้าไปเท่าไรเพิ่มความเห็นแก่ตัวมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น ตัวกู-ของกู นี่มันเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น เพราะนั้นมันจึงมีความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น ทีนี้ไอ้ควายตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณนี่มันกำจัด ตัวกู-ของกู กำจัดความเห็นแก่ตัว ขอให้เข้าใจไว้ว่าชีวิตนี้จะต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัวก็เพราะเหตุนี้ ตัว ๑ มันสร้างผลทางวัตถุที่คอยแต่จะเพิ่มความเห็นแก่ตัวเรื่อย ถ้าเราก้าวหน้าทางวัตถุเท่าไร ทางวัตถุอย่างเดียวล้วน ๆ เท่าไรมันก็มีความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งมาช่วยประคับประคองที่จะทำให้แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าทางวัตถุอย่างไรความเห็นแก่ตัวก็ไม่เพิ่มขึ้น นี่คือธรรมะหรือศาสนา
ผมอยากจะพูดไอ้ตัวอย่างขัน ๆ ช่วยความจำไปอย่างหนึ่ง ว่าไอ้ถั่วลิสงคั่วนั่นถ้ากินทั้งไอ้เปลือกผิวแดง ๆ เข้าไปด้วยนั่นท้องขึ้นน้อย น้อยกว่าที่จะเอาผิวแดง ๆ ออกเสีย แล้วกินแต่ไอ้สารเนื้อแท้ ๆ ไปลองดูเถอะไอ้ผิวแดง ๆ หุ้มเม็ดคล้าย ๆ กับเป็นยาชนิดหนึ่งช่วยป้องกันไอ้ความท้องขึ้น นี่เราก็กินแต่ไอ้สารขาว ๆ ผิวแดง ๆ รูดออกหมดมันก็มีท้องขึ้นมาก ถ้าไปกินไอ้ผิวแดง ๆ นั่นด้วยมันเป็นยาแก้ท้องขึ้นได้ตามสมควรของมัน นี่, เดี๋ยวนี้เราเจริญแต่ทางวัตถุ, ทางเนื้อทางหนัง ไม่มีเครื่องป้องกันไอ้โทษที่จะเกิดขึ้นคือความเห็นแก่ตัว เพราะเราไม่กินทั้ง ๒ อย่างนี้ ชีวิตนี้ไม่ได้เทียมด้วยควาย ๒ ตัวเสียแล้ว เทียมด้วยควายตัวเนื้อตัวหนัง ตัวไอ้กำลังทางวัตถุทั้งนั้น ขาดธรรมะ ขาดตัวที่ ๒ คือธรรมะหรือความสว่างไสวทางวิญญาณ ถ้าพูดอย่างแบบเราพูดก็พูดว่า มันมีแต่ควายที่จะเพิ่ม ตัวกู-ของกู ไม่มีควายอีกตัวหนึ่งที่จะมาลด ตัวกู-ของกู ให้พอดีกัน ถ้าเรามีแต่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เราก็เห็นแก่ตัวจัดเพิ่มกิเลสมากขึ้น ถ้าเรามีตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณมาคอยป้องกันไว้ไม่ให้เพิ่มความเห็นแก่ตัวนี่มันทำให้มี มัชฌิมาปฏิปทา ได้ เพราะควายตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณ นี่, ทีนี้ มันก็เข้ารูปกันที่ว่าคน ๆ หนึ่งนั้น เรามีทั้งทางกายและทางใจ เรามีทั้งกายและทั้งใจ เราอย่าสนใจแต่อย่างเดียว คือเรื่องกาย เรื่องกายอย่างเดียวไม่พอ ต้องสนใจเรื่องจิตใจด้วย ควายตัวที่ ๑ สำหรับร่างกาย ควายตัวที่ ๒ สำหรับจิตใจ มันต้องถูกต้องทั้ง ๒ ตัวจึงจะลากไปได้ถูกหนทาง
ทำไมเรียกว่า “ควาย” ความหมายมันอยู่ที่ว่ามันลากไป มันลากไป ควายนี่คือมันลากเกวียน, ลากรถ, ลากอะไรไป ๒ ตัวช่วยกัน ในที่นี้หมายถึงลากชีวิตนี้ไปให้เจริญทั้งทางกายและทางใจ คือว่าให้มีเงิน ทอง อำนาจวาสนา เกียรติยศ ชื่อเสียง อะไรก็มีอันนี้ก็มีด้วย แล้วก็ให้มีความสงบเย็น สะอาด สว่าง ทางจิตทางวิญญาณเป็นสุขสบายอย่างยิ่งด้วย คือมีความสบายทั้งกายและทั้งใจ มนุษย์นั้นก็เป็นมนุษย์ที่ปรกติ ไม่เป็นมนุษย์บ้า ๆ บอ ๆ ครึ่งเดียว ยิ่งมีเงินมากยิ่งทุกข์มาก ยิ่งมีชื่อเสียงมากยิ่งมีความทุกข์มาก ยิ่งมีอำนาจวาสนามากยิ่งมีความทุกข์มาก นั่นมันบ้า ๆ บอ ๆ หรือเต็มไปด้วยความทุกข์ ในที่สุดมันต้องตกนรก ถ้ามันขืนไปทางเดียวอย่างนั้นนะควายตัวนี้มันลากไปสู่นรกแน่ นี่, ควายอีกตัวมันไม่ให้ไป มันให้รู้จักระมัดระวัง ความถูกต้อง-ความพอดี นี่ชีวิตนี้มันก็เลยได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้สมกับคำว่ามนุษย์ มนุษย์ มนุษย์นี่แปลว่ามีใจสูง มนุษย์นี่คือสัตว์ที่มีใจสูง แล้วก็ได้สิ่งที่สูง เกิดมาเพื่อได้สิ่งที่สูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้ ถ้ามีควาย ๒ ตัวลากไปมันเป็นอย่างนี้ ถ้ามีแต่ควายตัวเดียวโดยเฉพาะทางเนื้อหนังทางเทคโนโลยีนี่มันก็จะไปลงนรก เช่นเดียวกับสภาพของโลกในปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยสงคราม, เต็มไปด้วยความเสื่อมเสียทางศีลธรรม, เต็มไปด้วยการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องทำการกิน การอยู่ การอะไรที่มันเลยเถิด ไม่จำเป็นจะต้องถึงนั่นนะ มันกลับเต็มไปหมดเลย เรียกว่าเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำหรือต้องมี เราจึงมีความทุกข์มากขึ้นแล้วก็มีความเสื่อมเสียทางศีลธรรมโดยเฉพาะเรื่องทางเพศทางอะไรเหล่านี้มากขึ้น ก็มีการเบียดเบียนทางลักทางขโมยทางภายในส่วนบุคคลนี้ก็มากขึ้น แล้วทางส่วนรวม คือสงครามของโลกนี้ก็มากขึ้น นี่อานิสงส์ของควายตัวที่ ๑ เป็นอย่างนี้ ถ้าควายตัวที่ ๒ มาช่วยไม่ทัน โลกนี้ก็จะเป็นนรกไปภายในเวลาอันสั้น นี้ถ้ามนุษย์ในโลกไม่ได้ควายตัวที่ ๒ มาในเวลาอันสมควรทันแก่เวลาแล้วโลกนี้จะเป็นนรกไปในเวลาอนาคตอันใกล้นี้ คอยดูไปก็แล้วกัน หมายความว่าถ้าเรื่องความสว่างไสวทางวิญญาณหรือ spiritual enlightenment มาไม่ทันแล้วก็มันจะต้องกลายเป็นนรกไปเลย แล้วก็ค่อยตั้งต้นกันใหม่ได้ไม่ต้องกลัว
ฉะนั้นโลกนี้ก็ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ชีวิต คน ๆ หนึ่งก็ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ทีนี้ไอ้ควายตัวที่ ๑ นี้มันพร้อมที่จะเกิด, จะงอกงาม, จะเจริญยิ่งเสียกว่าอะไร ส่วนควายตัวที่ ๒ นะหามายาก, เลี้ยงยาก, อะไรยาก มันเลยไม่ค่อยมี เพราะว่าโลกนี้กำลังขาดธรรมะ ขาดพระธรรม ของศาสนาไหนก็ได้ ขอให้เชื่อผมทีเถอะว่า ศาสนาทุกศาสนานั้นสอนให้ทำลายความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น นี่ผมกำลังอ่านอยู่เลยโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้กำลังอ่านคัมภีร์โกห์รอานที่เขาให้มาใหม่ แปลดี ก็พบแต่ว่ามันสอนแต่เรื่องความไม่ให้เห็นแก่ตัวทั้งนั้น ส่วนเรื่องคริสเตียนนั่นก็พูดกันมานานแล้วชี้ในแง่ไม่มีตัว ของตัว ไม่เห็นแก่ตัว ให้ตัวเป็นของพระเจ้าไปเสีย ตัวของเราไม่มี ส่วนพุทธศาสนานี้, ตัวของเราไม่มี เป็นตัวของธรรมชาติไปเสีย ก็ล้วนแต่ไม่มีความเห็นแก่ตัวกัน ฉะนั้นถ้าทุกคนเกิดเข้าใจศาสนาของตนของตนอย่างถูกต้องแล้วก็จะกำจัดความเห็นแก่ตัวได้ แล้วเมื่อนั้นไอ้ควายตัวที่ ๒ จะกลับมา, จะค่อย ๆ มีมา, จะค่อย ๆ มีมา, แล้วค่อย ๆ อ้วนท้วนแข็งแรงทัดเทียมกับไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี ซึ่งกำลังครองโลกอยู่ในเวลานี้ เป็นโลกของเทคโนโลยีไปหมดแล้วเห็นไหม มันก็ได้ผลทางวัตถุ แล้วก็เพิ่มความเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นแก่พระเจ้า ไม่เห็นแก่ความจริง ความถูกต้องความอะไร เห็นแก่ประโยชน์ของตัวทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงเดือดร้อนกันไปอย่างยิ่ง อันธพาลชุกชุม โจรขโมยชุกชุม มันก็คือผลของการเห็นแก่ตัวที่เราปล่อยให้มันเจริญงอกงาม สงครามไปทุกหัวระแหงก็คือความเห็นแก่ตัวนี่เรียกว่าโลกกำลังขาดควายตัวที่ ๒ ทีนี้จะมีโชคดีกันเมื่อไรก็ยังมองยาก มองไม่ค่อยเห็น คือว่ามนุษย์ในโลกนี้จะเริ่มมองเมื่อไร ? จะกลับใจจะเริ่มมองเห็นว่าขืนเจริญก้าวหน้าแต่ทางเทคโนโลยีอย่างนี้ไม่ไหวแล้วจะต้องมีความเจริญก้าวหน้าทางจิตทางวิญญาณด้วย เมื่อนั้นละโลกจะรอด เทคโนโลยีทำให้เกิด ตัวกู-ของกู ตัวกู-ของกู หนาแน่นขึ้น จัดขึ้น จัดขึ้น จัดขึ้น Spiritual Enlightenment ช่วยละลายความเห็นแก่ตัวหรือ ตัวกู-ของกู นี่ให้ละลายไป ละลายไป ละลายไป เหลือแต่ความถูกต้อง สติปัญญา หรือพระธรรม หรือพระเจ้า นี่ให้พระธรรมหรือพระเจ้ามาครองโลกกันอีกทีหนึ่งโลกนี้ก็จะสงบระงับอีกเหมือนสมัยเมื่อตะวันตกก็เจริญด้วยศาสนาฮิบรู-ไอ้คริสเตียน ตะวันออกเราก็เจริญด้วยพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ นี่เรียกว่ามีธรรมะมาครองโลก เดี๋ยวนี้กิเลสกำลังครองโลก โลกจึงเป็นอย่างนี้ แล้วเมื่อไรธรรมะครองโลก-เมื่อนั้นโลกก็จะน่าดูไปตามเดิมสมกับที่พระเจ้าสร้างโลกมาเพื่อให้น่าดู น่าอยู่ น่าอะไร สบาย
เดี๋ยวนี้ชาวโลกมันโง่จนเห็นว่าพระเจ้านี่บ้าหรือไม่จริง หรือไม่มีจริง หรือธรรมะนี้ไม่มีประโยชน์แก่เรา เงินต่างหาก, ชื่อเสียงต่างหาก มีประโยชน์แก่เรา มีคนเข้าใจว่าธรรมะไม่จำเป็น-ไม่มีประโยชน์แก่เรา เงินหรืออำนาจอะไรต่างหากมีประโยชน์แก่เรา นี่มันเป็นอย่างนี้กันทั้งโลก แล้วโลกนี้ก็ไม่มีธรรมะมาเป็นที่พึ่ง ก็มีความเห็นแก่ตัวของแต่ละคนแต่ละคนรวมกันเข้าครองโลก แล้วคนที่โง่มากไปอีกก็คือโง่ไปในทางที่ว่าธรรมะนี้ขัดขวางกับความเจริญของเรา ถ้ามีธรรมะแล้วเราจะไม่เจริญในทางโลกนี้เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลก ไอ้ธรรมะนี้เขามีไว้สำหรับให้คนไม่มีความทุกข์อยู่ในโลก เธอฟังให้ดี ๆ นะ ไอ้ธรรมะนี้มันมีสำหรับให้คนไม่มีความทุกข์อยู่ในโลก คืออยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์ ฉะนั้นจึงจำเป็นสำหรับคนที่จะอยู่ในโลกซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ เดี๋ยวนี้คนมันโง่ถึงขนาดว่าธรรมะไม่จำเป็นแก่เราที่จะอยู่ในโลก แล้วบางคนโง่ต่อไปว่าถ้าเราจะเอาธรรมะ-เราต้องทิ้งโลกไป เราต้องหนีโลก ต้องทิ้งโลกไปแล้วไปหาธรรมะนี่คือคนบ้าที่สุด มันจะต้องมีธรรมะ จึงจะอยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์ เพราะฉะนั้นธรรมะมีไว้สำหรับให้อยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์ ฉะนั้นสิ่งใด ๆ ที่สิ่งอื่นให้ไม่ได้นั้น สิ่งนั้นเป็นหน้าที่ที่ธรรมะจะให้ สิ่งใด ๆ ที่มันมีอยู่ในโลกที่มันให้อะไรได้ตามหน้าที่ของมันนั้น ธรรมะจะให้สิ่งที่สิ่งเหล่าโน้นให้ไม่ได้
ทีนี้ถ้าเรามีแต่สิ่งไอ้ที่ไม่ใช่ธรรมะมันก็ได้แต่ไอ้สิ่งเหล่านั้นทั้งนั้น เรายังขาดสิ่งที่ธรรมะจะให้ สิ่งที่ธรรมะจะให้คือเครื่องรางสำหรับป้องกันไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้น เพราะการอยู่ในโลก, การอยู่ในโลกคือการต่อสู้ทุกวิถีทางอยู่ในโลก ทีนี้มันก็มีความทุกข์ ; หาเงินก็มีความทุกข์, มีเงินก็มีความทุกข์, ใช้เงินก็มีความทุกข์, กินเข้าไปก็มีความทุกข์, ถ่ายออกมาก็มีความทุกข์ ที่มันไม่ทุกข์อยู่ได้เพราะมันมีธรรมะเข้ามาช่วยโดยไม่รู้สึกตัวบ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้ามีธรรมะเข้ามาช่วยเต็มที่แล้วจะไม่มีความทุกข์เลย ; หาเงินก็ไม่เป็นทุกข์, มีเงินก็ไม่เป็นทุกข์, ใช้เงินก็ไม่เป็นทุกข์, บริโภคอะไร ๆ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะมีธรรมะเข้ามาช่วย นั่นเขาเรียกว่า Spiritual Enlightenment คือความสว่างไสวทางวิญญาณ ความรู้แจ้งแทงตลอดในทางวิญญาณ ปฏิบัติถูกต่อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา เกิดมาชีวิตตามธรรมดานี้ไม่มีอะไรนอกจากหาเลี้ยงชีวิต ; คือการทำงาน คือการหาเงิน แล้วก็มีชื่อเสียง แล้วก็มีอำนาจวาสนาบารมี ก็จบกันแค่นั้น แต่แล้วเต็มไปด้วยความทุกข์ ยิ่งมีมากยิ่งทุกข์มาก นอนไม่หลับมากขึ้น เพราะมันขาดธรรมะ นี่คนโง่จึงเห็นว่าธรรมะไม่จำเป็นสำหรับเราที่จะอยู่ในโลก แต่ที่แท้แล้วธรรมะนั้นมีสำหรับจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์ เป็นเพื่อนช่วยมนุษย์ ผู้ช่วยมนุษย์อยู่ในโลกไม่ต้องทิ้งไปจากโลก ไม่ต้องหนีโลก เพราะฉะนั้นถ้าใครจะอยู่ในโลกต้องมีธรรมะมิฉะนั้นจะตกนรกทั้งเป็น, จะเป็นสัตว์เดรัจฉานทั้งเป็น, จะเป็นเปรตทั้งเป็น, เป็นอสูรกายทั้งเป็น ที่เรียกว่าอบาย ๔ มันจะมาครบเลย ถ้าขาดธรรมะนะมันจะมีความโลภ มีความโกรธ มีความหลง แล้วก็ไปตามอำนาจของความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ต้องมีใครมาทำอะไรให้ อยู่คนเดียวมันก็มีแต่ความทุกข์ นอนไม่หลับ วิตกกังวลนานาสารพัดอย่าง ยิ่งมีเรื่องมากมันก็ยุ่งมากจนคิดอะไรไม่ถูก เข้าใจอะไรไม่ได้ เข้าใจตัวเองก็ไม่ได้ เกิดมาทำไมก็ไม่รู้ ไอ้เงินหามาเยอะแยะนี่หามาทำไมก็ไม่รู้ เพราะว่าไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม มันโง่ขนาดที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เกิดมาหาเงิน หาเงินหาไปทำไม มันก็ไม่รู้อีกละ เขาเรียกว่าขาดความสว่างไสวทางวิญญาณคือขาดควายตัวที่ ๒ มีแต่ควายตัวที่ ๑ อ้วนพีดำทะมึน เป็นควายเปลี่ยวอาละวาดอยู่เรื่อย เจ้าของก็แย่ ต้องมีไอ้ความสว่างไสวทางวิญญาณเป็นควายตัวที่ ๒ มาควบคุมควายตัวนี้ให้มันไปกันเรียบร้อย ควายตัวหนึ่งมันมีกำลังมากแต่มันบ้า, ควายตัวหนึ่งไม่ค่อยมีกำลังแต่มันฉลาดมันรู้ เพราะฉะนั้น ๒ ตัวมารวมกันเข้าแล้วมันก็ไปได้ดี พูดให้สุภาพหน่อยก็ว่าเหมือนคนหนึ่งมีแต่เรี่ยวแรงแต่ตาบอด (ร่างกายดีตาบอด) คนหนึ่งตาดีแต่ร่างกายพิการ นี้ถ้า ๒ คนมารวมกันเข้ามันก็ไปด้วยกันได้สบาย ให้คนตาบอดขี่คอคนตาดีซึ่งแข็งแรงมันก็กลายเป็นคนที่มีตาดีและร่างกายดีไปด้วยกันได้ ทีนี้ชีวิตหรือโลกนี้กำลังเหมือนกับคนตาบอดไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมหรือว่าผลต่าง ๆ ที่จะได้มาจากเทคโนโลยีนั้น ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม เอาไปเพื่อทำโลกนี้ให้มีสงคราม, ให้เสื่อมศีลธรรม, ให้โกลาหลวุ่นวาย นั่นน่ะคือเรื่องที่มันโง่ที่สุดของมนุษย์ในยุคนี้ มีอะไรเพื่อให้มันระส่ำระสายเป็นทุกข์ไปหมดเพราะมันขาดไอ้ความรู้อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นควายตัวที่ ๒ พูดอย่างภาษาของเราที่นี่ธรรมปาฏิโมกข์ก็ว่าไอ้ควายตัวที่ ๑ นั่นน่ะมันเป็น ตัวกู-ของกู มีกำลังมาก ไอ้ควายตัวที่ ๒ นั้นเป็นเครื่องปราบปรามไอ้ ตัวกู-ของกู ให้อยู่ในระเบียบ, ให้อยู่ในความถูกต้อง, ให้เดินไปตามหนทางที่รู้ว่าเกิดมาทำไม ฉะนั้นมันขาดไม่ได้ ไอ้ตัว ๑ ไอ้ตัวที่แรกมันเป็นกำลัง ถ้าขาดกำลังมันก็ไม่มีอะไรจะเป็นเครื่องทำงาน ไอ้ตัวที่ ๒ มันเป็นความสว่างไสวทางปัญญา มันก็จะใช้กำลังงานนั้นไปอย่างถูกต้อง
ฉะนั้นขอสรุปว่าชีวิตคนเราหนึ่งนี้มันเต็มอยู่ด้วยความเป็น ตัวกู-ของกู เพราะความยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้ว อย่าไปส่งเสริมมันนักเลย แต่ก็ไปหาไอ้ยาแก้หรือเครื่องรางมาป้องกันอย่าให้มันบ้า, อย่าให้มันอาละวาด ให้มันเดินไปถูกทาง นี่ความหมายของคำที่ผมพูดในวันนี้ก็ว่าชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว ถ้าเทียมด้วยควายตัวเดียวแล้วมันไปไม่รอด ถ้าจะเลือกเทียมด้วยควายตัวเดียวแล้วเลือกเอาตัวที่ ๒ เถิด อย่าเอาตัวที่ ๑ เลย เอาความสว่างไสวทางวิญญาณเถิดถ้าชอบควายตัวเดียว อย่าไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยีที่จะพาไปสู่ความเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น เทคโนโลยีนับแต่เรื่องอาหารการกิน เรื่องโภชนาศาสตร์ เคหะศาสตร์ อะไรศาสตร์ ถึงวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อะไรศาสตร์ก็ตามน่ะนำไปสู่ความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นนี่เรื่องของเทคโนโลยี ไอ้เรื่องของความสว่างไสวทางวิญญาณก็ควบคุมมันอย่าให้เห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่ความถูกต้อง ความเป็นจริง ความยุติธรรม ความบริสุทธิ์ นี่คือพระธรรม ฉะนั้นถ้าเราเลือกเอาตัวเดียวก็จงเลือกเอาพระธรรม อย่าเลือกเอากิเลสเลย นี่คือชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัวให้เดินไปถูกทาง และไอ้ควายอีก ๒ ตัว ดำ-ขาว ที่ขวิดกันอยู่เรื่อยนั้น ก็จะละลายไปเอง ไอ้ควายของอาจารย์เซนคนนั้นที่พูดนั้นมันจะละลาย สูญหายตกน้ำไปได้เองด้วยการที่เรามีควาย ๒ ตัวไอ้คู่นี้ที่ใช้งานมันอย่างถูกต้องแล้ว เอาควาย ๒ ตัวนี้ไปทำลายควาย ๒ ตัวนั้นแล้วปัญหามันก็หมด หมดถึงขนาดที่ว่าเป็นพระอรหันต์คือไม่มีความทุกข์เลย เป็นนิพพานเป็นความเย็นอยู่ตลอดเวลา นี่ขอให้เปรียบเทียบกันดูว่าไอ้คราวก่อนเราพูดถึงควาย ๒ ตัวอีกชนิดหนึ่ง วันนี้ก็เราพูดถึงควาย ๒ ตัวอีกคู่หนึ่ง มันต่างกันลิบแล้วเกี่ยวกับโลกหรือเกี่ยวกับเราโดยตรงไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เรื่องของมนุษย์ในปัจจุบันนี้โดยตรง จึงหวังว่าจะได้เอาไปพินิจพิจารณาศึกษาให้เข้าใจ ที่พูดอุปมานี้ก็เพื่อมันจำง่าย