PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)
  • อบรมพระที่หน้าโรงหนัง เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข์ ปี 2513 ครั้งที่18/ควาย 2 ตัวอีกคู่หนึ่ง
อบรมพระที่หน้าโรงหนัง เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข์ ปี 2513 ครั้งที่ ... รูปภาพ 1
  • Title
    อบรมพระที่หน้าโรงหนัง เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข์ ปี 2513 ครั้งที่18/ควาย 2 ตัวอีกคู่หนึ่ง
  • เสียง
  • 2932 อบรมพระที่หน้าโรงหนัง เรื่อง โอวาทปาฏิโมกข์ ปี 2513 ครั้งที่18/ควาย 2 ตัวอีกคู่หนึ่ง /buddhadasa/2513-17-2.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ)
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอาทิตย์, 22 มีนาคม 2563
ชุด
อบรมพระหน้าโรงหนัง ชุดธรรมปาฎิโมกข์
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ธรรมปาฎิโมกข์ของเราวันนี้จะพูดกันด้วยเรื่อง “ควาย ๒ ตัว”  อีกคู่หนึ่ง  ไอ้คราวที่แล้วมาก็ได้พูดเรื่องควาย ๒ ตัว  ซึ่งคุณก็คงจะยังจำได้ว่าตัวหนึ่งดำ - ตัวหนึ่งขาว  ชนขวิดกันอยู่เรื่อยในจิตใจของมนุษย์  จนกว่าจะถึงวันหนึ่งซึ่งมันตกน้ำละลายหายไปในแม่น้ำเพราะว่ามันเป็นควายที่ทำด้วยดิน  ไอ้ควาย ๒ ตัวคู่แรกวันก่อนนั้นพวกเซนเขาเรียก  ผมเอามาเล่าให้ฟัง  เป็นคำเปรียบที่น่าฟังว่าปัญหาที่เป็นความทุกข์ยุ่งยากลำบากใจเกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ก็มันก็เนื่องมาจากควาย ๒ ตัวนั้น  ตัวขาวก็คือเรื่องบุญ, เรื่องดี, เรื่องถูก, เรื่องอะไร  ไอ้ตัวดำก็คือเรื่องผิด, เรื่องชั่ว, เรื่องบาป  เพราะเรามันรู้จักยึดมั่นถือมั่นในบุญในบาปมันจึงเกิดปัญหาชนิดนี้ขึ้นมา  เรื่องดี-เรื่องชั่ว  ถ้ายึดถือแล้วก็มีปัญหามาก  ก็ต้องมีความทุกข์ตลอดไป  จนกว่าจะอยู่เหนือดี-เหนือชั่ว, เหนือผิด-เหนือถูก, เหนือบุญ-เหนือบาป  สำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติธรรมะขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนาจนมีจิตใจอยู่เหนือบุญ-เหนือบาป, เหนือดี-เหนือชั่ว เป็นต้น นี่เรียกว่าควายดินทั้ง ๒ ตัวนั้นขวิดกันไปขวิดกันมาจนตกลงไปในน้ำละลายหายไปหมดเรื่องก็จบกัน  เมื่อหมดควาย ๒ ตัวนั้นแล้ว  คนเราก็อยู่เหนือความทุกข์โดยประการทั้งปวง แล้วก็อยู่เหนือความสุขด้วย  เรียกว่าอยู่เหนือทุกอย่างไอ้ของที่เป็นคู่ ๆๆๆ กันแล้วก็อยู่เหนือหมดทุกอย่าง  จึงเรียกว่าเหนือดี-เหนือชั่ว, เหนือบุญ-เหนือบาป, เหนือสุข-เหนือทุกข์, เหนือได้-เหนือเสีย, เหนือแพ้-เหนือชนะ  เหนือไปหมดเลยไม่ว่าอะไรไม่ว่าคู่ไหน  ฉะนั้นมันสรุปความว่าถ้าร้าง  เลิกร้างไอ้ควาย ๒ ตัวนั้นเสียได้แล้วก็ เราก็หมดปัญหา  หน้าที่มันจึงมีว่าจะต้องกำจัดไอ้ควาย ๒ ตัวนั้นอย่างไรในลักษณะที่เรียกว่าให้มันตกน้ำละลายกลายเป็นละลายไปในน้ำหมด

                ทีนี้วันนี้จะพูดเรื่องควาย ๒ ตัวอีกคู่หนึ่งซึ่งผมนึกขึ้นมาเอง  จะเรียกว่าวัวหรือควายก็ได้มีความหมายเหมือนกันว่าชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ว่าชีวิตของคนเราที่จะเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง ที่ปราศจากความทุกข์และเป็นไปด้วยดีนั้นชีวิตนั้นจะต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ควายตัวแรกก็คือสติปัญญาหรือความสามารถในการบำเพ็ญกิจการงานในหน้าที่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเรื่องอาชีพ เรื่องหาให้ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจวาสนา อะไรต่าง ๆ นี่นี้เป็นตัวหนึ่ง  หรือฝ่ายหนึ่งเรียกว่าควายตัวที่หนึ่งเต็มไปด้วยสติปัญญาและกำลังเพื่อให้ได้มาซึ่งผลเป็นวัตถุ  แล้วควายตัวที่ ๒ นั้นคือสติปัญญาที่ถูกต้องสว่างไสวในเรื่องทางจิตใจ  นี่เป็นควายตัวที่ ๒  เป็นเรื่องธรรมะเป็นเรื่องศาสนา  เรื่องความรู้ในทางธรรม, ในทางศาสนา, ในเรื่องทางจิตใจ อย่าให้จิตใจเกิดความทุกข์  พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ควายตัวที่ ๑ นั้นคือควายที่จะใช้ในการทำมาหากินให้เกิดความสมบูรณ์ร่ำรวยในเรื่องทำมาหากิน  แล้วควายตัวที่ ๒ นั้นสำหรับจะให้จิตใจเดินไปถูกทางเพื่อไม่มีความทุกข์จากทุก ๆ อย่าง  จากการทำมาหากินหรือจากอะไรก็ตาม  ถ้าขาดควายตัวที่ ๒ แล้วก็มีความทุกข์ในทางจิตใจ  มีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งมีความทุกข์มากเท่านั้น  เพราะมันมีแต่ควายตัวเดียวรู้แต่ออกแรงในทางหาแต่ไม่มีปัญญาในทางจะวางจิตใจไว้ให้ถูกต้อง  

                ที่ผมพูดอย่างนี้หมายถึงโลกทั้งโลกด้วยไม่ใช่เฉพาะพวกเราหรือคนใดคนหนึ่ง  หมายความว่าโลกทั้งโลกนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ตัวที่ ๑ ที่เรียกว่าเทคโนโลยี คือสติปัญญา, ความรู้,ความสามารถในการจะปฏิบัติหน้าที่การงานที่ตนต้องประสงค์ให้ลุล่วงไปด้วยดี  เทคโนโลยีนี้มีหลายแขนง หลายสิบแขนงแล้วแต่ความประสงค์ความต้องการ  โลกนี้กำลังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีเป็นบ้าเป็นหลัง  มันมีควายตัวนี้อ้วนพีมาก  ทีนี้ควายตัวที่ ๒ ความสว่างไสวทางวิญญาณ spiritual enlightenment นี่ยังไม่มี  เรียกว่ากำลังหายไป หายไป หายไปมากกว่า  มันเคยมีแล้วมันหายไป  ระบุชัดลงไปว่าพวกฝรั่งในทางตะวันตกนั้นมีแต่ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี  พวกเราฝ่ายตะวันออกนี้ไม่มีไม่ร่ำรวยด้วยเทคโนโลยีแต่ว่าเคยร่ำรวยด้วยความสว่างไสวทางวิญญาณคือพระธรรมหรือธรรมะนี้ spiritual ทางวิญญาณ enlightenment ความสว่างไสว  ความสว่างไสวทางวิญญาณนี้ตะวันออกเคยร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนานี้คือความสว่างไสวทางวิญญาณ  เราเคยมีควายตัวที่ ๒ คือความสว่างไสวทางวิญญาณอย่างดี  เราไม่ค่อยมีควายตัวที่ ๑ นี่มันน่าหัวทีแรกว่า  เดี๋ยวนี้มันเกิดไม่มีกันทั้ง ๒ ตัว คือเกิดสับเปลี่ยนกันเป็นเรื่องที่น่าหัวมาก  คือพวกฝรั่งทางตะวันตกก็มีแต่ควายเทคโนโลยี  ทีนี้พวกเราฝ่ายตะวันออกก็มีแต่ควายคือความสว่างไสวทางวิญญาณนี่แล้วก็เผลอปล่อยให้เลือนไป เลือนไป ไปตามก้นพวกฝรั่ง คือไปเอาควายตัวเทคโนโลยีเหมือนฝรั่ง ตามก้นฝรั่ง จนทิ้งไอ้ควายตัวเดิมของตนคือความสว่างไสวทางวิญญาณ  นี่คือทิ้งธรรมะโดยเฉพาะหลักพระพุทธศาสนานี่  ไปตามก้นฝรั่งเพื่อจะมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ  นี่เราก็เลยสูญควายตัวที่ ๒  แล้วควายตัวที่ ๑ ก็ยังไม่ได้  ยังสู้พวกฝรั่งไม่ได้  นี่คือความโง่ของพวกเรา  เราทำจนสูญหายไอ้ควายตัวที่ ๒ คือ spiritual enlightenment  เดี๋ยวนี้มันจางไปเลือนไปเพราะไปตามก้นฝรั่งไปเอาเรื่องทางวัตถุเป็นประเสริฐ  เป็นของประเสริฐบูชา  เราก็สูญควายตัวที่ ๒ ไปทีละนิด ละนิด  ทีนี้พวกฝรั่งมันเก่งสร้างควายตัวที่ ๑  เรื่องเทคโนโลยีขึ้นมาอ้วนพีล่ำสันไปโลกพระจันทร์ก็ได้แล้วเดี๋ยวนี้มันก็ไปทำเล่น ๆ ทีนี้ไอ้มีควายตัวที่ ๑ มากเข้าอย่างนี้มันก็ยิ่งทำโลกให้บ้ามากขึ้น  ขออภัยใช้คำหยาบ ๆ ว่าไอ้ควายตัวที่ ๑ นี่มันทำให้โลกบ้ามากขึ้น  เพราะว่าไอ้ควายชนิดนี้มันทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้น  เจริญด้วยเทคโนโลยีเท่าไรไม่ประกอบด้วยความสว่างไสวทางวิญญาณ  แล้วมันก็เห็นแก่ตัวมากขึ้น  เห็นแก่ตัวมากขึ้น  มันก็ได้แต่ความระส่ำระสายเบียดเบียนกันโดยส่วนตัว  ด้วยส่วนรวมก็ตามใจนี่  สงครามมันเกิดมาจากความเห็นแก่ตัวอย่างนี้

                ทีนี้พวกฝรั่งบางคนรู้สึกความจริงข้อนี้ก็หันมาทางตะวันออกมาศึกษาพุทธศาสนา  ซึ่งเคยเป็นควายตัวที่ ๒ ของเรานะ  ก็มีเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น แล้วระวังไอ้เจ้าของบ้านนี่มันจะสูญเสียไอ้ควายตัวที่ ๒ แล้วเอาไปขายให้ไอ้ฝรั่งหมด  คือเลี้ยงไม่เป็นตายหมดเพราะไม่สนใจไอ้ควายตัวที่ ๒ ไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ ตามก้นพวกฝรั่ง  ผมจึงว่าไม่เท่าไรไอ้ควายตัวที่ ๒ ของพวกเราก็จะตายหมดนี่แล้วไปตามก้นพวกฝรั่งมันก็เหมือนฝรั่งไป  ไม่ดีกว่าฝรั่งที่ทำโลกให้ยุ่งจนแก้ไม่ตก  ทีนี้จะหันไปทางไหนมันก็เหลวหมดเลยไม่มีทั้ง ๒ ตัว  เราจะกลายเป็นไม่มีควายทั้ง ๒ ตัว  ระวังให้ดี ! ทีนี้พวกฝรั่งเมื่อถึงสูงสุดทางเทคโนโลยีแล้วหันมาหาพระธรรมในทางศาสนามากขึ้น  เขาก็อาจจะมีควายทั้ง ๒ ตัวได้ในอนาคตข้างหน้าสักวันหนึ่ง  แม้ว่ายังมองไม่เห็น เพราะว่าเขายังเมา  มัวเมาในเรื่องทางวัตถุในเรื่องเนื้อหนังมากเหมือนกันยังจะต้องไปอีกนาน  โลกนี้กว่าจะสะอาด สว่าง สงบ ระงับสงคราม วิกฤตการณ์อะไรได้นั้นยังอีกนาน  เพราะว่าไอ้ควายตัวนี้ี่มันกำลังอ้วนพี, กำลังเปลี่ยวจัด, กำลังดึงโลกไปแต่ในทางอย่างนี้  

                ที่จริงถ้าดูกันให้ดีย้อนหลังไปสักหน่อยทางตะวันตกเมื่อเขามีศาสนากันอย่างดีคือศาสนาคริสเตียโดยเฉพาะนี้  หรือศาสนายิวของพวกฮิบรูก็ตาม  มันก็เป็นเรื่องทางวิญญาณ เป็นความสว่างไสวทางวิญญาณเหมือนกัน  คัมภีร์ไบเบิ้ลนั่นละสอนความรู้เรื่องทางวิญญาณนั้นแต่เขาตีความไม่ถูก  เขาเห็นเป็นเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ เข้าใจไม่ได้เพราะไปตีความทางวัตถุ แต่เรื่องเป็นเรื่องทางวิญญาณ  เพราะฉะนั้นฝรั่งจึงละทิ้งคริสต์ศาสนาของตนไปทีละน้อย ละน้อย ละน้อย ไม่เชื่อพระเจ้า  เพราะไม่เข้าใจพระเจ้า  พระเจ้ามีความหมายไปทางวิญญาณ  เขาไปอธิบายเป็นทางธรรม  มันก็รับฟังไม่ไหว  ก็เลยทิ้งพระเจ้า  ทิ้งศาสนาไปทีละน้อย ละน้อย  จนพวกฝรั่งก็ไม่มีศาสนา  ไม่มีแม้แต่คริสต์ศาสนา  ว่าพระเจ้าตายแล้ว  เด็กหนุ่ม ๆ นี่ ฝรั่งหนุ่ม ๆ นี่ถือว่าพระเจ้าตายแล้ว  ทีนี้ปัญหามันก็เกิดขึ้นอย่างสกปรก ยุ่งยาก ปั่นป่วน โกลาหลไปหมด  เพราะไปถือลัทธิว่าพระเจ้าตายแล้วนั่นละ  ที่สกปรกทางศีลธรรมก็สกปรก   ที่โกลาหลวุ่นวายทางสงคราม ทางเบียดเบียน ก็มีมากขึ้น  จนพวกฝรั่งแก่ ๆ นี่ ตั้งปัญหาขึ้นมาว่า “เราจะได้อะไรมาสืบแทนต่อพระเจ้าเพราะพระเจ้าตายเสียแล้ว” แล้วจะมีอะไรมาสืบแทนพระเจ้าสำหรับให้เด็ก ๆ ยึดถือต่อไป  นี่ก็มีปัญหาอย่างนี้มันน่าหัวไหม  มันโง่จนเข้าใจว่าพระเจ้าตายแล้ว  ที่จริงพระเจ้าที่แท้จริงไม่รู้จักตายคือธรรมะที่ไม่รู้จักตาย  แต่เมื่อไม่เข้าใจก็ไปเห็นเป็นคนเป็นอะไรมันก็ตายสิเพราะว่ามันพูดไว้อย่างธรรมะ  เข้าใจไม่ได้  เข้าใจเป็นเรื่องของคน  คนเป็นอย่างนั้นไม่ได้ก็เลยไม่เชื่อ  ไม่มีใครเชื่อ  ไม่มีใครเชื่อพระเจ้า  พระเจ้าก็ตายไปเอง  นี่พระเจ้าตายแล้วสำหรับพวกฝรั่งคือศาสนาไม่มี  ฉะนั้นก็มีเหลือแต่เทคโนโลยี  ไอ้ควายตัวนี้มันก็เลยอ้วนพีจัดมากขึ้นเพราะว่าควายตัวที่ ๒ ไม่มาแย่งอาหาร, ไม่มาแย่งหน้าที่, ไม่มาแย่งความสนใจอะไรของคน  ไอ้ควายตัวที่ ๑ มันก็อ้วนพีมากไปเร็ว ๆ จนไปโลกพระจันทร์ได้  ไปโลกไหนก็ได้ต่อไปนี้นี่เรียกว่าควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี  ความสามารถในควายวัตถุ

                ทีนี้ควายตัวที่ ๒ ความสามารถในทางฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณนั้นกำลังไม่มี  ฝรั่งมันไม่มีเพราะเมาเทคโนโลยี  คนไทยที่เคยมีควายตัวที่ ๒ ก็ไปตามก้นฝรั่ง  ปล่อยให้ควายตัวนี้ตายไป ตายไป ผอมไป ผอมไป  ก็จะพลอยไม่มีทั้ง ๒ ตัว  นี่ปัญหาปัจจุบันเฉพาะหน้าในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยสงคราม, เต็มไปด้วยความเบียดเบียน, เต็มไปด้วยความเสื่อมทางศีลธรรม, เต็มไปด้วยวิกฤตการณ์ต่าง ๆ นี่เพราะว่าชีวิตนี้มันไม่ได้เทียมด้วยควาย ๒ ตัว  มันเทียมด้วยควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี  ส่วนตัวที่ ๒ นั้นไม่มี  ไอ้เราเคยมีก็ปล่อยให้ตายเสียไปหันไปตามก้นเขา  เป็นควายตัวเดียวอย่างเทคโนโลยีอีกเหมือนกัน  โลกนี้เป็นอย่างนี้กำลังเป็นอย่างนี้  คือว่าชีวิตนี้กำลังเทียมด้วยควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี หาเงิน, หาเกียรติ, หาอำนาจวาสนา, หาอะไรมาได้เท่าไรก็มีความทุกข์  ความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น  ถ้าเรามีไอ้ควายตัวที่ ๒ คือความสว่างไสวทางจิตใจทางวิญญาณนั่นละ  มันจะมาช่วยระงับความทุกข์ยากลำบากที่เกี่ยวกับการหาเงิน, หาชื่อเสียง, หาอำนาจวาสนา  ถ้าขาดความสว่างไสวทางวิญญาณแล้วทางกายนี้จะมีความทุกข์เต็มไปหมด  มีเงินมากเท่าไรจะมีทุกข์มากเท่านั้น  มีชื่อเสียงมากเท่าไรจะมีความทุกข์มากเท่านั้น มีอำนาจวาสนามากเท่าไรจะมีความทุกข์มากเท่านั้น  ถ้ามันขาดควายตัวที่ ๒  ต่อเมื่อมันมีควายตัวที่ ๒ มันจะไม่มีความทุกข์เลย  มีเงินมากเท่าไรก็ได้  มีชื่อเสียงมากเท่าไรก็ได้  มีอะไรก้าวหน้าเท่าไรก็ได้  เพราะควายตัวที่ ๒ นี่มันเป็นเหมือนกับเครื่องรางหรือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้นจากสิ่งใด ๆ ในโลก  นี่คืออานิสงส์ของไอ้ควายตัวที่ ๒  คือพระธรรมหรือศาสนา

                เดี๋ยวนี้ต่างคนต่างปล่อยให้ควายตัวที่ ๒ นี่ผอมไป ผอมไป จนตายไปหาทำยายาก  เหลือแต่พิธีรีตองทางศาสนา  ทางธรรมเหลือแต่พิธีรีตอง เรื่องบวช, เรื่องเรียน, เรื่องปฏิบัติกรรมฐาน, วิปัสสนาต่าง ๆ ก็เหลือแต่พิธีรีตองอย่างนี้ไม่ใช่  มันเป็นควายปลอมใช้ไม่ได้  ฉะนั้นขอให้เข้าใจกันให้ชัดลงไปสักหน่อยว่าไอ้ควายตัวที่ ๒ นี่สำคัญที่สุดกว่าควายตัวที่ ๑  ควายตัวที่ ๑ นั้นเป็นเรี่ยวแรง, เป็นกำลัง, เป็นเรี่ยวแรง  ควายตัวที่ ๒ นั้นเป็นแสงสว่าง, เป็นดวงตา, เป็นวิชาความรู้ มันต้องไปด้วยกัน  แต่ว่าความรู้วิชาในที่นี้หมายถึงที่สูงสุดในทางวิญญาณที่สามารถทำให้ควายดินละลายน้ำไปได้ทั้ง ๒ ตัวนั่นมันสูงถึงขนาดนั้น  เดี๋ยวนี้เราไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ เพราะมันเอร็ดอร่อยสนุกสนานตรงกับความต้องการของกิเลส  มีเงิน, มีเกียรติ, มีอำนาจวาสนา, มีอะไรต่างๆ ตรงตามความต้องการของกิเลส  ทีนี้กิเลสก็เลยออกมาแสดงบทบาทเป็นเจ้าของ  ทีนี้ไอ้มนุษย์คนนั้นมันก็แย่คือตกนรกทั้งเป็น  มีชีวิตเต็มไปด้วยความเดือดร้อนคือนรก, เต็มไปด้วยความโง่คือเดรัจฉาน, เต็มไปด้วยความหิวคือเป็นเปรต, เต็มไปด้วยความกลัวคืออสูรกาย  นั่นชีวิตนี้จะเต็มไปด้วยนรก, เดรัจฉาน, เปรต, อสูรกาย นี่เพราะมันมีแต่ควายตัวที่ ๑ ไม่มีควายตัวที่ ๒  ไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยีนี้ยิ่งเจริญเท่าไร  มันยิ่งเพิ่มความเห็นแก่ตัวมากเท่านั้น  นี่มันเกี่ยวกับ ตัวกู-ของกู ที่ตรงนี้เอง  ควายตัวที่ ๑ หรือเทคโนโลยีในทุก ๆ สาขานี่ก้าวหน้าไปเท่าไรเพิ่มความเห็นแก่ตัวมากขึ้นเท่านั้น  ฉะนั้น ตัวกู-ของกู นี่มันเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น  เพราะนั้นมันจึงมีความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น  ทีนี้ไอ้ควายตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณนี่มันกำจัด ตัวกู-ของกู  กำจัดความเห็นแก่ตัว  ขอให้เข้าใจไว้ว่าชีวิตนี้จะต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัวก็เพราะเหตุนี้  ตัว ๑ มันสร้างผลทางวัตถุที่คอยแต่จะเพิ่มความเห็นแก่ตัวเรื่อย  ถ้าเราก้าวหน้าทางวัตถุเท่าไร  ทางวัตถุอย่างเดียวล้วน ๆ เท่าไรมันก็มีความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น  เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งมาช่วยประคับประคองที่จะทำให้แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าทางวัตถุอย่างไรความเห็นแก่ตัวก็ไม่เพิ่มขึ้น  นี่คือธรรมะหรือศาสนา  

                ผมอยากจะพูดไอ้ตัวอย่างขัน ๆ ช่วยความจำไปอย่างหนึ่ง  ว่าไอ้ถั่วลิสงคั่วนั่นถ้ากินทั้งไอ้เปลือกผิวแดง ๆ เข้าไปด้วยนั่นท้องขึ้นน้อย น้อยกว่าที่จะเอาผิวแดง ๆ ออกเสีย  แล้วกินแต่ไอ้สารเนื้อแท้ ๆ ไปลองดูเถอะไอ้ผิวแดง ๆ หุ้มเม็ดคล้าย ๆ กับเป็นยาชนิดหนึ่งช่วยป้องกันไอ้ความท้องขึ้น  นี่เราก็กินแต่ไอ้สารขาว ๆ ผิวแดง ๆ รูดออกหมดมันก็มีท้องขึ้นมาก  ถ้าไปกินไอ้ผิวแดง ๆ นั่นด้วยมันเป็นยาแก้ท้องขึ้นได้ตามสมควรของมัน  นี่, เดี๋ยวนี้เราเจริญแต่ทางวัตถุ, ทางเนื้อทางหนัง  ไม่มีเครื่องป้องกันไอ้โทษที่จะเกิดขึ้นคือความเห็นแก่ตัว  เพราะเราไม่กินทั้ง ๒ อย่างนี้  ชีวิตนี้ไม่ได้เทียมด้วยควาย ๒ ตัวเสียแล้ว  เทียมด้วยควายตัวเนื้อตัวหนัง  ตัวไอ้กำลังทางวัตถุทั้งนั้น  ขาดธรรมะ  ขาดตัวที่ ๒ คือธรรมะหรือความสว่างไสวทางวิญญาณ  ถ้าพูดอย่างแบบเราพูดก็พูดว่า มันมีแต่ควายที่จะเพิ่ม ตัวกู-ของกู  ไม่มีควายอีกตัวหนึ่งที่จะมาลด ตัวกู-ของกู ให้พอดีกัน  ถ้าเรามีแต่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  เราก็เห็นแก่ตัวจัดเพิ่มกิเลสมากขึ้น  ถ้าเรามีตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณมาคอยป้องกันไว้ไม่ให้เพิ่มความเห็นแก่ตัวนี่มันทำให้มี มัชฌิมาปฏิปทา ได้  เพราะควายตัวที่ ๒ สว่างไสวทางวิญญาณ  นี่, ทีนี้ มันก็เข้ารูปกันที่ว่าคน ๆ หนึ่งนั้น  เรามีทั้งทางกายและทางใจ  เรามีทั้งกายและทั้งใจ  เราอย่าสนใจแต่อย่างเดียว คือเรื่องกาย  เรื่องกายอย่างเดียวไม่พอ  ต้องสนใจเรื่องจิตใจด้วย  ควายตัวที่ ๑ สำหรับร่างกาย  ควายตัวที่ ๒ สำหรับจิตใจ  มันต้องถูกต้องทั้ง ๒ ตัวจึงจะลากไปได้ถูกหนทาง

                ทำไมเรียกว่า “ควาย” ความหมายมันอยู่ที่ว่ามันลากไป มันลากไป  ควายนี่คือมันลากเกวียน, ลากรถ, ลากอะไรไป ๒ ตัวช่วยกัน  ในที่นี้หมายถึงลากชีวิตนี้ไปให้เจริญทั้งทางกายและทางใจ  คือว่าให้มีเงิน ทอง อำนาจวาสนา  เกียรติยศ ชื่อเสียง อะไรก็มีอันนี้ก็มีด้วย  แล้วก็ให้มีความสงบเย็น สะอาด สว่าง ทางจิตทางวิญญาณเป็นสุขสบายอย่างยิ่งด้วย  คือมีความสบายทั้งกายและทั้งใจ  มนุษย์นั้นก็เป็นมนุษย์ที่ปรกติ  ไม่เป็นมนุษย์บ้า ๆ บอ ๆ ครึ่งเดียว  ยิ่งมีเงินมากยิ่งทุกข์มาก  ยิ่งมีชื่อเสียงมากยิ่งมีความทุกข์มาก  ยิ่งมีอำนาจวาสนามากยิ่งมีความทุกข์มาก  นั่นมันบ้า ๆ บอ ๆ หรือเต็มไปด้วยความทุกข์  ในที่สุดมันต้องตกนรก  ถ้ามันขืนไปทางเดียวอย่างนั้นนะควายตัวนี้มันลากไปสู่นรกแน่  นี่, ควายอีกตัวมันไม่ให้ไป  มันให้รู้จักระมัดระวัง  ความถูกต้อง-ความพอดี นี่ชีวิตนี้มันก็เลยได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้สมกับคำว่ามนุษย์  มนุษย์ มนุษย์นี่แปลว่ามีใจสูง  มนุษย์นี่คือสัตว์ที่มีใจสูง แล้วก็ได้สิ่งที่สูง  เกิดมาเพื่อได้สิ่งที่สูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้  ถ้ามีควาย ๒ ตัวลากไปมันเป็นอย่างนี้  ถ้ามีแต่ควายตัวเดียวโดยเฉพาะทางเนื้อหนังทางเทคโนโลยีนี่มันก็จะไปลงนรก  เช่นเดียวกับสภาพของโลกในปัจจุบันนี้เต็มไปด้วยสงคราม, เต็มไปด้วยความเสื่อมเสียทางศีลธรรม, เต็มไปด้วยการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องทำการกิน การอยู่ การอะไรที่มันเลยเถิด  ไม่จำเป็นจะต้องถึงนั่นนะ  มันกลับเต็มไปหมดเลย  เรียกว่าเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำหรือต้องมี  เราจึงมีความทุกข์มากขึ้นแล้วก็มีความเสื่อมเสียทางศีลธรรมโดยเฉพาะเรื่องทางเพศทางอะไรเหล่านี้มากขึ้น  ก็มีการเบียดเบียนทางลักทางขโมยทางภายในส่วนบุคคลนี้ก็มากขึ้น  แล้วทางส่วนรวม คือสงครามของโลกนี้ก็มากขึ้น  นี่อานิสงส์ของควายตัวที่ ๑ เป็นอย่างนี้  ถ้าควายตัวที่ ๒ มาช่วยไม่ทัน  โลกนี้ก็จะเป็นนรกไปภายในเวลาอันสั้น  นี้ถ้ามนุษย์ในโลกไม่ได้ควายตัวที่ ๒ มาในเวลาอันสมควรทันแก่เวลาแล้วโลกนี้จะเป็นนรกไปในเวลาอนาคตอันใกล้นี้  คอยดูไปก็แล้วกัน  หมายความว่าถ้าเรื่องความสว่างไสวทางวิญญาณหรือ spiritual enlightenment มาไม่ทันแล้วก็มันจะต้องกลายเป็นนรกไปเลย  แล้วก็ค่อยตั้งต้นกันใหม่ได้ไม่ต้องกลัว  

                ฉะนั้นโลกนี้ก็ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ชีวิต คน ๆ หนึ่งก็ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ทีนี้ไอ้ควายตัวที่ ๑ นี้มันพร้อมที่จะเกิด, จะงอกงาม, จะเจริญยิ่งเสียกว่าอะไร  ส่วนควายตัวที่ ๒ นะหามายาก, เลี้ยงยาก, อะไรยาก มันเลยไม่ค่อยมี  เพราะว่าโลกนี้กำลังขาดธรรมะ  ขาดพระธรรม  ของศาสนาไหนก็ได้  ขอให้เชื่อผมทีเถอะว่า ศาสนาทุกศาสนานั้นสอนให้ทำลายความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น  นี่ผมกำลังอ่านอยู่เลยโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้กำลังอ่านคัมภีร์โกห์รอานที่เขาให้มาใหม่  แปลดี  ก็พบแต่ว่ามันสอนแต่เรื่องความไม่ให้เห็นแก่ตัวทั้งนั้น  ส่วนเรื่องคริสเตียนนั่นก็พูดกันมานานแล้วชี้ในแง่ไม่มีตัว ของตัว ไม่เห็นแก่ตัว ให้ตัวเป็นของพระเจ้าไปเสีย  ตัวของเราไม่มี ส่วนพุทธศาสนานี้, ตัวของเราไม่มี  เป็นตัวของธรรมชาติไปเสีย  ก็ล้วนแต่ไม่มีความเห็นแก่ตัวกัน  ฉะนั้นถ้าทุกคนเกิดเข้าใจศาสนาของตนของตนอย่างถูกต้องแล้วก็จะกำจัดความเห็นแก่ตัวได้  แล้วเมื่อนั้นไอ้ควายตัวที่ ๒ จะกลับมา, จะค่อย ๆ มีมา, จะค่อย ๆ มีมา, แล้วค่อย ๆ อ้วนท้วนแข็งแรงทัดเทียมกับไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยี ซึ่งกำลังครองโลกอยู่ในเวลานี้  เป็นโลกของเทคโนโลยีไปหมดแล้วเห็นไหม  มันก็ได้ผลทางวัตถุ  แล้วก็เพิ่มความเห็นแก่ตัวจนไม่เห็นแก่พระเจ้า ไม่เห็นแก่ความจริง ความถูกต้องความอะไร  เห็นแก่ประโยชน์ของตัวทั้งนั้น  ฉะนั้นเราจึงเดือดร้อนกันไปอย่างยิ่ง  อันธพาลชุกชุม  โจรขโมยชุกชุม  มันก็คือผลของการเห็นแก่ตัวที่เราปล่อยให้มันเจริญงอกงาม  สงครามไปทุกหัวระแหงก็คือความเห็นแก่ตัวนี่เรียกว่าโลกกำลังขาดควายตัวที่ ๒  ทีนี้จะมีโชคดีกันเมื่อไรก็ยังมองยาก  มองไม่ค่อยเห็น  คือว่ามนุษย์ในโลกนี้จะเริ่มมองเมื่อไร ?  จะกลับใจจะเริ่มมองเห็นว่าขืนเจริญก้าวหน้าแต่ทางเทคโนโลยีอย่างนี้ไม่ไหวแล้วจะต้องมีความเจริญก้าวหน้าทางจิตทางวิญญาณด้วย  เมื่อนั้นละโลกจะรอด  เทคโนโลยีทำให้เกิด ตัวกู-ของกู  ตัวกู-ของกู หนาแน่นขึ้น จัดขึ้น จัดขึ้น จัดขึ้น Spiritual Enlightenment ช่วยละลายความเห็นแก่ตัวหรือ ตัวกู-ของกู นี่ให้ละลายไป ละลายไป ละลายไป เหลือแต่ความถูกต้อง สติปัญญา หรือพระธรรม หรือพระเจ้า  นี่ให้พระธรรมหรือพระเจ้ามาครองโลกกันอีกทีหนึ่งโลกนี้ก็จะสงบระงับอีกเหมือนสมัยเมื่อตะวันตกก็เจริญด้วยศาสนาฮิบรู-ไอ้คริสเตียน  ตะวันออกเราก็เจริญด้วยพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ นี่เรียกว่ามีธรรมะมาครองโลก  เดี๋ยวนี้กิเลสกำลังครองโลก  โลกจึงเป็นอย่างนี้  แล้วเมื่อไรธรรมะครองโลก-เมื่อนั้นโลกก็จะน่าดูไปตามเดิมสมกับที่พระเจ้าสร้างโลกมาเพื่อให้น่าดู น่าอยู่ น่าอะไร สบาย

                เดี๋ยวนี้ชาวโลกมันโง่จนเห็นว่าพระเจ้านี่บ้าหรือไม่จริง หรือไม่มีจริง หรือธรรมะนี้ไม่มีประโยชน์แก่เรา  เงินต่างหาก, ชื่อเสียงต่างหาก  มีประโยชน์แก่เรา  มีคนเข้าใจว่าธรรมะไม่จำเป็น-ไม่มีประโยชน์แก่เรา  เงินหรืออำนาจอะไรต่างหากมีประโยชน์แก่เรา  นี่มันเป็นอย่างนี้กันทั้งโลก  แล้วโลกนี้ก็ไม่มีธรรมะมาเป็นที่พึ่ง  ก็มีความเห็นแก่ตัวของแต่ละคนแต่ละคนรวมกันเข้าครองโลก  แล้วคนที่โง่มากไปอีกก็คือโง่ไปในทางที่ว่าธรรมะนี้ขัดขวางกับความเจริญของเรา  ถ้ามีธรรมะแล้วเราจะไม่เจริญในทางโลกนี้เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลก  ไอ้ธรรมะนี้เขามีไว้สำหรับให้คนไม่มีความทุกข์อยู่ในโลก  เธอฟังให้ดี ๆ นะ  ไอ้ธรรมะนี้มันมีสำหรับให้คนไม่มีความทุกข์อยู่ในโลก  คืออยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์  ฉะนั้นจึงจำเป็นสำหรับคนที่จะอยู่ในโลกซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์  เดี๋ยวนี้คนมันโง่ถึงขนาดว่าธรรมะไม่จำเป็นแก่เราที่จะอยู่ในโลก  แล้วบางคนโง่ต่อไปว่าถ้าเราจะเอาธรรมะ-เราต้องทิ้งโลกไป  เราต้องหนีโลก  ต้องทิ้งโลกไปแล้วไปหาธรรมะนี่คือคนบ้าที่สุด  มันจะต้องมีธรรมะ จึงจะอยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์  เพราะฉะนั้นธรรมะมีไว้สำหรับให้อยู่ในโลกโดยไม่ต้องมีความทุกข์  ฉะนั้นสิ่งใด ๆ ที่สิ่งอื่นให้ไม่ได้นั้น  สิ่งนั้นเป็นหน้าที่ที่ธรรมะจะให้  สิ่งใด ๆ ที่มันมีอยู่ในโลกที่มันให้อะไรได้ตามหน้าที่ของมันนั้น  ธรรมะจะให้สิ่งที่สิ่งเหล่าโน้นให้ไม่ได้ 

                ทีนี้ถ้าเรามีแต่สิ่งไอ้ที่ไม่ใช่ธรรมะมันก็ได้แต่ไอ้สิ่งเหล่านั้นทั้งนั้น  เรายังขาดสิ่งที่ธรรมะจะให้  สิ่งที่ธรรมะจะให้คือเครื่องรางสำหรับป้องกันไม่ให้ความทุกข์เกิดขึ้น  เพราะการอยู่ในโลก, การอยู่ในโลกคือการต่อสู้ทุกวิถีทางอยู่ในโลก  ทีนี้มันก็มีความทุกข์ ; หาเงินก็มีความทุกข์,  มีเงินก็มีความทุกข์,  ใช้เงินก็มีความทุกข์,  กินเข้าไปก็มีความทุกข์,  ถ่ายออกมาก็มีความทุกข์  ที่มันไม่ทุกข์อยู่ได้เพราะมันมีธรรมะเข้ามาช่วยโดยไม่รู้สึกตัวบ้างไม่มากก็น้อย  แต่ถ้ามีธรรมะเข้ามาช่วยเต็มที่แล้วจะไม่มีความทุกข์เลย ; หาเงินก็ไม่เป็นทุกข์, มีเงินก็ไม่เป็นทุกข์, ใช้เงินก็ไม่เป็นทุกข์, บริโภคอะไร ๆ ก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะมีธรรมะเข้ามาช่วย  นั่นเขาเรียกว่า Spiritual Enlightenment คือความสว่างไสวทางวิญญาณ  ความรู้แจ้งแทงตลอดในทางวิญญาณ  ปฏิบัติถูกต่อทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรา  เกิดมาชีวิตตามธรรมดานี้ไม่มีอะไรนอกจากหาเลี้ยงชีวิต ; คือการทำงาน คือการหาเงิน แล้วก็มีชื่อเสียง แล้วก็มีอำนาจวาสนาบารมี ก็จบกันแค่นั้น  แต่แล้วเต็มไปด้วยความทุกข์  ยิ่งมีมากยิ่งทุกข์มาก  นอนไม่หลับมากขึ้น  เพราะมันขาดธรรมะ  นี่คนโง่จึงเห็นว่าธรรมะไม่จำเป็นสำหรับเราที่จะอยู่ในโลก  แต่ที่แท้แล้วธรรมะนั้นมีสำหรับจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์  เป็นเพื่อนช่วยมนุษย์ ผู้ช่วยมนุษย์อยู่ในโลกไม่ต้องทิ้งไปจากโลก ไม่ต้องหนีโลก  เพราะฉะนั้นถ้าใครจะอยู่ในโลกต้องมีธรรมะมิฉะนั้นจะตกนรกทั้งเป็น, จะเป็นสัตว์เดรัจฉานทั้งเป็น, จะเป็นเปรตทั้งเป็น, เป็นอสูรกายทั้งเป็น  ที่เรียกว่าอบาย ๔  มันจะมาครบเลย  ถ้าขาดธรรมะนะมันจะมีความโลภ มีความโกรธ มีความหลง  แล้วก็ไปตามอำนาจของความโลภ ความโกรธ ความหลง  ไม่ต้องมีใครมาทำอะไรให้  อยู่คนเดียวมันก็มีแต่ความทุกข์  นอนไม่หลับ วิตกกังวลนานาสารพัดอย่าง  ยิ่งมีเรื่องมากมันก็ยุ่งมากจนคิดอะไรไม่ถูก เข้าใจอะไรไม่ได้ เข้าใจตัวเองก็ไม่ได้  เกิดมาทำไมก็ไม่รู้  ไอ้เงินหามาเยอะแยะนี่หามาทำไมก็ไม่รู้  เพราะว่าไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม  มันโง่ขนาดที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม  เกิดมาหาเงิน  หาเงินหาไปทำไม  มันก็ไม่รู้อีกละ  เขาเรียกว่าขาดความสว่างไสวทางวิญญาณคือขาดควายตัวที่ ๒ มีแต่ควายตัวที่ ๑ อ้วนพีดำทะมึน  เป็นควายเปลี่ยวอาละวาดอยู่เรื่อย  เจ้าของก็แย่  ต้องมีไอ้ความสว่างไสวทางวิญญาณเป็นควายตัวที่ ๒ มาควบคุมควายตัวนี้ให้มันไปกันเรียบร้อย  ควายตัวหนึ่งมันมีกำลังมากแต่มันบ้า, ควายตัวหนึ่งไม่ค่อยมีกำลังแต่มันฉลาดมันรู้  เพราะฉะนั้น ๒ ตัวมารวมกันเข้าแล้วมันก็ไปได้ดี  พูดให้สุภาพหน่อยก็ว่าเหมือนคนหนึ่งมีแต่เรี่ยวแรงแต่ตาบอด (ร่างกายดีตาบอด) คนหนึ่งตาดีแต่ร่างกายพิการ  นี้ถ้า ๒ คนมารวมกันเข้ามันก็ไปด้วยกันได้สบาย  ให้คนตาบอดขี่คอคนตาดีซึ่งแข็งแรงมันก็กลายเป็นคนที่มีตาดีและร่างกายดีไปด้วยกันได้  ทีนี้ชีวิตหรือโลกนี้กำลังเหมือนกับคนตาบอดไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมหรือว่าผลต่าง ๆ ที่จะได้มาจากเทคโนโลยีนั้น ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม  เอาไปเพื่อทำโลกนี้ให้มีสงคราม, ให้เสื่อมศีลธรรม, ให้โกลาหลวุ่นวาย  นั่นน่ะคือเรื่องที่มันโง่ที่สุดของมนุษย์ในยุคนี้  มีอะไรเพื่อให้มันระส่ำระสายเป็นทุกข์ไปหมดเพราะมันขาดไอ้ความรู้อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นควายตัวที่ ๒  พูดอย่างภาษาของเราที่นี่ธรรมปาฏิโมกข์ก็ว่าไอ้ควายตัวที่ ๑ นั่นน่ะมันเป็น ตัวกู-ของกู  มีกำลังมาก  ไอ้ควายตัวที่ ๒ นั้นเป็นเครื่องปราบปรามไอ้ ตัวกู-ของกู ให้อยู่ในระเบียบ, ให้อยู่ในความถูกต้อง, ให้เดินไปตามหนทางที่รู้ว่าเกิดมาทำไม  ฉะนั้นมันขาดไม่ได้  ไอ้ตัว ๑ ไอ้ตัวที่แรกมันเป็นกำลัง  ถ้าขาดกำลังมันก็ไม่มีอะไรจะเป็นเครื่องทำงาน  ไอ้ตัวที่ ๒ มันเป็นความสว่างไสวทางปัญญา  มันก็จะใช้กำลังงานนั้นไปอย่างถูกต้อง

    ฉะนั้นขอสรุปว่าชีวิตคนเราหนึ่งนี้มันเต็มอยู่ด้วยความเป็น ตัวกู-ของกู เพราะความยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้ว  อย่าไปส่งเสริมมันนักเลย  แต่ก็ไปหาไอ้ยาแก้หรือเครื่องรางมาป้องกันอย่าให้มันบ้า, อย่าให้มันอาละวาด  ให้มันเดินไปถูกทาง  นี่ความหมายของคำที่ผมพูดในวันนี้ก็ว่าชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัว  ถ้าเทียมด้วยควายตัวเดียวแล้วมันไปไม่รอด  ถ้าจะเลือกเทียมด้วยควายตัวเดียวแล้วเลือกเอาตัวที่ ๒ เถิด  อย่าเอาตัวที่ ๑ เลย  เอาความสว่างไสวทางวิญญาณเถิดถ้าชอบควายตัวเดียว  อย่าไปหลงไอ้ควายตัวที่ ๑ คือเทคโนโลยีที่จะพาไปสู่ความเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น  เทคโนโลยีนับแต่เรื่องอาหารการกิน เรื่องโภชนาศาสตร์ เคหะศาสตร์ อะไรศาสตร์ ถึงวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อะไรศาสตร์ก็ตามน่ะนำไปสู่ความเห็นแก่ตัวทั้งนั้นนี่เรื่องของเทคโนโลยี  ไอ้เรื่องของความสว่างไสวทางวิญญาณก็ควบคุมมันอย่าให้เห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่ความถูกต้อง ความเป็นจริง ความยุติธรรม ความบริสุทธิ์ นี่คือพระธรรม  ฉะนั้นถ้าเราเลือกเอาตัวเดียวก็จงเลือกเอาพระธรรม  อย่าเลือกเอากิเลสเลย  นี่คือชีวิตนี้ต้องเทียมด้วยควาย ๒ ตัวให้เดินไปถูกทาง  และไอ้ควายอีก ๒ ตัว ดำ-ขาว ที่ขวิดกันอยู่เรื่อยนั้น ก็จะละลายไปเอง  ไอ้ควายของอาจารย์เซนคนนั้นที่พูดนั้นมันจะละลาย  สูญหายตกน้ำไปได้เองด้วยการที่เรามีควาย ๒ ตัวไอ้คู่นี้ที่ใช้งานมันอย่างถูกต้องแล้ว  เอาควาย ๒ ตัวนี้ไปทำลายควาย ๒ ตัวนั้นแล้วปัญหามันก็หมด  หมดถึงขนาดที่ว่าเป็นพระอรหันต์คือไม่มีความทุกข์เลย  เป็นนิพพานเป็นความเย็นอยู่ตลอดเวลา  นี่ขอให้เปรียบเทียบกันดูว่าไอ้คราวก่อนเราพูดถึงควาย ๒ ตัวอีกชนิดหนึ่ง  วันนี้ก็เราพูดถึงควาย ๒ ตัวอีกคู่หนึ่ง  มันต่างกันลิบแล้วเกี่ยวกับโลกหรือเกี่ยวกับเราโดยตรงไม่ใช่เรื่องของคนอื่น  เรื่องของมนุษย์ในปัจจุบันนี้โดยตรง  จึงหวังว่าจะได้เอาไปพินิจพิจารณาศึกษาให้เข้าใจ  ที่พูดอุปมานี้ก็เพื่อมันจำง่าย

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service