แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
คำบรรยายทบทวนธรรมในกาลนี้จะได้กล่าวถึงการให้ทานตัวกูของกูออกไป อย่างไรต่อจากตอนที่แล้วมา ในตอนที่แล้วมาได้พูดถึงอุบายชนิดที่เรียกว่านิคหะ คือ การข่มขี่โดยตรงที่จะทำอย่างที่เรียกว่าฟันต่อฟันตาต่อตาทางภายนอกคือทางร่างกาย ที่นี้เราจะพูดถึงการข่มขี่หรือข่มขู่ทางภายในในทางจิตใจกันบ้างข้อนี้คือการแสดงอบาย หรือนรก หรือวัฏฏสงสารแก่ตัวกูอยู่เสมอๆ คือ เอาความเสื่อมความเสียที่น่าหวาดกลัวมาขู่ตัวกู มีตั้งแต่อย่างต่ำที่สุดขึ้นไปจนถึงสูงสุด ความเสื่อมเสียอย่างต่ำๆ เห็นออกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวกู ในทางตรงกันข้ามคือทางด้านดี นึกถึงความเสื่อมเสียที่จะเกิดขึ้นเพราะการตามใจกิเลส คือตามใจตัวกูนี่ ถ้ามันเสียชื่อเสียงมันติดคุกติดตารางหรืออะไรทำนองนั้น กระทั่งแม้แต่ว่าไม่มีใครนับถือ ไม่มีใครไว้วางใจ เป็นที่รังเกียจของสังคม แม้ในวงคับแคบ แม้ในครอบครัว ก็นึกถึงข้อนี้อยู่ให้ตัวกูมันก็กลัว มันมีความรู้สึกกลัวขึ้นมา ก็เป็นความกลัวอย่างธรรมดา ก็เห็นแก่ตัวก็ยังดีกว่าที่จะไม่กลัว ก็มันอยากให้ตัวมันดีมันก็กลัวความชั่วก็ยังดีกว่าที่จะไม่กลัว แม้กลัวเป็นเรื่องปรารภโลก ปรารภผู้อื่น ถึงกลัวยังดีกว่าที่จะไม่กลัวซะเลย เราก็เอามาขู่ตัวกูอยู่บ่อยๆได้เหมือนกัน ก็เรียกว่าเริ่มแสดงสิ่งที่เรียกว่าอบายหรือนรกแก่ตัวกู เอาเรื่องนี้มานึกบ่อยๆ มาพิจารณาอยู่บ่อยๆคือการทำ การขู่มันด้วยนรกหรือด้วยอบาย สำหรับเรื่องอบายนี้เราก็พูดกันมาหลายครั้งหลายหนแล้วว่า มันมีอย่างบุคคลาธิษฐานเหมือนเขียนตามผนังโบสถ์อย่างหนึ่ง อย่างธรรมาธิษฐาน ที่เกิดอยู่ในใจของเราโดยตรงนั่นก็อีกอย่างหนึ่ง อบายอย่างไหนน่ากลัวกว่า
อบายที่เกิดอยู่ในใจที่นี่แล้วเดี๋ยวนี้มันน่ากลัวกว่า อบายเมื่อตายแล้วซึ่งมันยังอีกนาน ความหมายของคำว่านรก ก็คือร้อนใจ เดรัจฉานคือความโง่ เปรตคือความหิว อสุรกายคือความขลาด ให้เอามาพิจารณาอยู่เสมอๆ ที่จริงมันไม่เท่ากับที่มันเกิดขึ้นจริงอย่างความร้อนใจที่เราเอามาพิจารณานี้มันไม่รู้สึกเท่ากับมันเกิดอยู่จริงๆ เราควรจะถือโอกาสเมื่อมันเกิดอยู่จริงๆ เป็นกาลหรือเป็นเวลาที่เราจะข่มขี่ตัวกู ที่นี้คนมันโง่กันเสียมากเกินไป พอร้อนใจก็เอะอะโวยวายพาลพาโรอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้นยุ่งกันไปหมด นั่นคือคนโง่ ถ้าเกิดร้อนใจขึ้นมา ก็เอาร้อนใจมาเป็นนรกมาข่มขู่ตัวกู มาสอนตัวกู มาให้ตัวกูมันดู ให้พิจารณาดู ไม่ต้องเอะอะโวยวายกับใครที่ไหน ทำอย่างนี้จะเป็นการข่มขี่ตัวกูอย่างดีที่สุด ฉลาดที่สุด ถือโอกาสที่มีความร้อนใจหรือนรกได้เกิดขึ้นแล้วในใจเป็นโอกาสที่จะทรมานตัวกู ฝึกฝนตัวกูเป็นพิเศษ ตามปกติเมื่อมันไม่เกิด ไม่มีอะไรร้อนใจ ก็ไปนึกถึงที่มันเคยร้อนใจแล้ว อย่าเป็นผู้ประมาท อย่าให้มันเกิดความร้อนใจขึ้นมาอีก นี่ก็เป็นที่การข่มขี่ตัวกู หรือขู่ตัวกูได้เหมือนกัน นี่ความเสียหาย เรียกสั้นๆว่าความเสียหายคืออบาย นรกคือความร้อนใจ เดรัจฉานคือความโง่ ความโง่เป็นของน่ากลัวที่สุด แต่คนโง่ไม่เคยกลัว คนฉลาดจะรู้สึกว่าความโง่เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่คนโง่จะไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะมันเลือนหายกันไปในความโง่ ที่นี้คนโง่จะไม่กลัวว่าตนจะโง่หรือจะโง่อีกหรืองอะไรทำนองนั้นเพราะมันโง่เสียจนเต็มที่เสียแล้ว ถ้าอย่างนี้ก็ไม่สามารถจะมาขู่ตัวกูที่ไหนได้เพราะมันโง่เกินไป เมื่อเวลาที่มีสติปัญญาหรือเป็นผู้มีสติปัญญาก็ดูความโง่ในฐานะเป็นของที่น่ากลัว แล้วก็ดูให้รู้ให้ชัดลงไปจริงๆว่า เวลาที่โง่บรมโง่คือเวลาที่ตัวกูมันเกิดขึ้นมายกหัวชูหาง ลองไปคิดดู ว่าเวลาไหนมันโง่มากที่สุด โง่มากเท่ากับเวลาที่ตัวกูมันยกหัวชูหาง ทำไมมันยกหัวชูหางอยู่วันละหลายๆครั้ง ทั้งที่มันเป็นของที่น่ากลัว หรือเรียกว่าเป็นความโง่ที่สุด ที่นี้ถ้าโง่ลงไปทีหนึ่งต้องเอามันเสียใจให้มาก จะได้เกิดความกลัวมาก นึกถึงเป็นหลักตายตัวลงไปเลยว่าความโง่คือความเกิดของตัวกูไม่มีอะไรโง่มากกว่านั้น เพราะเวลานั้นคือสัตว์เดรัจฉาน ในสุนัขหรือวัวหรือควายเวลาที่มันเป็นสัตว์เดรัจฉานมากที่สุดคือเวลาที่มันยกหัวชูหาง จะด้วยความสบายใจหรือด้วยอะไรก็ตามของมันเต็มที่มันจะยกหัวชูหาง เมื่อไหร่คนมีตัวกูของกูขึ้นมาเต้นเร่าๆยกหัวชูหางอยู่ก็เรียกว่าเป็นความโง่ถึงที่สุด เปรียบเทียบโดยเวลาหรือโดยขณะหรือโดยน้ำหนักอะไรก็ตาม นั่นคือความโง่ที่สุด ที่นี้ที่ว่าเปรตคือความหิว เตือนตัวกูไว้บ่อยๆ ว่าหิวเมื่อไหร่เป็นเปรตเมื่อนั้น ไม่ได้หมายถึงหิวข้าว หิวอาหาร แต่หมายถึงหิวเหยื่อเป็นความเอร็ดอร่อย สนุกสนาน มีหน้ามีตา มีเกียรติ ร่ำรวย หรืออะไรก็สุดแท้ซึ่งเป็นเหยื่อที่ตั้งแห่งความหิว ความหิวอย่างนี้มีการเตือนให้ทันควันว่านั่นคือเปรต นั่นคือเป็นเปรต ให้เตือนตัวเองทุกครั้งที่มีความหิว ด้วยทะเยอทยาน ด้วยอุปาทาน ด้วยอวิชชา นั่นคือเปรต นั่นคือเปรตแล้ว อย่าให้เป็นเปรตนานเกินห้านาทีนึกได้ก็หดเข้าไป ที่นี้ตัวกูที่เกี่ยวกับอสุรกายคือความขลาดนั่นคืออีกปัญหาหนึ่ง มันตรงกันข้ามกับความหิว มันกลายเป็นความหดหู่ ความท้อแท้ ความขึ้ขลาดวิ่งหนี ซึ่งเรามักจะมีแม้คนไม่ได้เป็นโรคเส้นประสาทมีกิเลสความขลาด กลัวจะไม่ได้อย่างนั้น กลัวจะไม่ได้อย่างนี้ กลัวไม่ได้ตามที่หวัง บางทีก็กลัวโดยไม่มีเหตุผล อย่างคนกลัวจิ้งจก ตุ๊กแก ไม่มีเหตุผลมากเกินไป เป็นอสุรกายชั้นเลวเกินไป ไม่เอาละที่นี้ ที่นี้ที่กลัวกันอยู่เป็นประจำมันกลัวไปได้เหมือนคนเป็นโรคเส้นประสาทกลัวล่วงหน้า ความหวาดกลัวล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลัวเกี่ยวกับปัญหาในอนาคตจะไม่มีความเจริญตามที่ต้องการ นี้ก็เป็นความกลัวความขลาด มีแต่ความกลัวเฉยๆไม่ได้มีการแก้ไขอะไร กลัวให้มันเป็นทุกข์เล่น เรียกว่าทุกข์อย่างฟรี ทุกข์โดยไม่มีเหตุผลไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเสียใจให้มาก ขู่ตัวกูให้มากเข้าไว้ ว่าเลวกันที เป็นมนุษย์ที่ยังไม่เป็นมนุษย์ ทั้งหมดนี้มันก็เป็นตัวอย่างเรื่องอบายเป็นความเสียหายที่เราเอามาขู่ตัวกูในทางฝ่ายด้านจิตใจ ข่มขูตัวกูฝ่ายจิตใจควบคู่กันไปกับข่มขู่ตัวกูฝ่ายร่างกายฝ่ายภายนอกหรือฝ่ายวัตถุ นี่กลายเป็นอุบายเรียกว่านิคหะอย่างหยาบ
นิคหะนี้พระพุทธเจ้าเรียกว่าอุบายอย่างหยาบหรืออุบายอย่างเลว อุบายอย่างเลวอุบายอย่างหยาบ ต้องใช้อุบายอย่างหยาบหรืออย่างเลวแก่ตัวกูที่หยาบและมันเลว ถึงแม้ว่ามันหยาบมันเลวในบางโอกาสไม่ใช่เสมอไป ก็ต้องใช้อุบายอย่างเลวหรืออย่างหยาบเป็นธรรมดา ที่ไม่น่าชื่นใจ ไม่น่าอะไร เรียกว่าเป็นเรื่องของอุบายประเภทแรกคือนิคหะ ได้เอามาพูดให้ฟังพอเป็นตัวอย่าง แล้วให้เทียบเคียงกันดูให้มันกว้างขวางเอา อุบายที่สอง อุบายที่สองคือสัคคาหะ อุบายที่นิ่มนวลที่ไม่หยาบที่ไม่เลว อุบายที่ดี คำว่าสัคคาหะแปลว่าประคับประครอง ตรงข้ามกับนิคหะที่แปลว่าข่มขี่ ข่มขู่ อุบายที่จะประคับประครองตัวกูมันก็มีความหมายตรงกันข้ามมันต้องระมัดระวัง ความหมายคำว่าประคับประครองไม่ใช่ว่าตามใจ ตามใจกิเลส ตามที่กิเลสมันต้องการ แต่เป็นการชี้ชวนให้เกิดความอยากจะกระทำตามที่ธรรมะต้องการ เห็นว่าครูจะอบรมศิษย์ หรือบิดามารดาจะอบรมบุตรนี้ อุบายนิคหะนั้นเป็นอุบายชั้นเลว ไม่จำเป็นก็ไม่ได้ คล้ายๆอุบายประเภทสัคคาหะ คือการชี้ชวนที่เป็นอุบายชั้นดี คล้ายๆอะไรมาเป็นเครื่องมือชี้ชวนก็สุดแท้ แต่การข่มขู่มีการเจ็บปวด อย่างแรกเอาความน่ากลัวเข้ามาใช้อย่างหลังเอาความน่ารักน่าพอใจเข้ามาใช้ ถึงจะมีศิลปะอะไรชนิดที่มันคิดมาได้ก็ใช้ เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องตัวเองกับตัวเองใช้ศิลปะอะไร อุบายอย่างแรกเป็นเรื่องร้อน เรื่องเจ็บปวด อย่างหลังเป็นเรื่องเย็น เรื่องสบาย เรื่องน่าพอใจ พูดอย่างง่ายก็ว่าเอ้า,มามาดูความเย็นกันทีเร็วดูแต่เรื่องความร้อนกันมากนักแล้ว อย่างแรกใช้อบายหรือสารวัฎมาเป็นเครื่องบีบ อันหลังใช้นิพพานมาเป็นเครื่องล่อ อบายสารวัฎมันร้อนนิพพานมันเย็นมันตรงกันอยู่อย่างนี้ ศิลปะอะไรให้จิตน้อมมาหาความเย็นพอใจความเย็น ก็ใช้สิ่งนั้น ถ้ามีทางที่ทำให้เกิดความเย็นก็ได้บ้างก็หามา มีวิธีการอย่างนั้นอย่างนี้ ฝ่ายภายนอกฝ่ายร่างกายก็มี ฝ่ายภายในฝ่ายจิตใจก็มี ศิลปะที่จะเกิดความสบายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง มันรวมอยู่ในข้อนี้ คือพยายามไปในสถานที่ หรือในบุคคลที่จะทำให้เกิดความสบายใจ สงบใจพอใจในทางธรรมก็เป็นอุบาย ชี้ชวนกันไปไหว้พระสวดมนต์ ชี้ชวนกันไปทำบุญทำทานอย่างนั้นอย่างนี้ นี้เป็นเรื่องภายนอก จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ชื่นใจในทางสูง การกิน การอยู่ การนุ่งการห่ม อะไรต่างต่างนี้ ให้มีศิลปะไปในทางที่ทำให้ฉลาดไม่ใช่ว่าให้มันหลงใหลมากเกินไป ให้มันสมัครทำด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่บังคับ ไม่มีการบังคับ แม้จะมีวัตถุสิ่งของหรือการกระทำ หรือการแสดงแวดล้อมตัวอยู่เสมอ ให้จิตใจมีความกล้าหาญร่าเริงไปในทางที่จะเอาชนะกิเลสที่จะฆ่าตัวกู นี่เป็นเรื่องรอบๆตัวข้างนอกกระทำอยู่ ที่นี้ภายในจิตใจข้างในเอาเรื่องเย็นเข้ามาปลอบโยน มาล่อ เช่นเดียวกับอุบายอย่างแรก เอานรกเข้ามาขู่ นี่เอานิพพานเข้ามาล่อ นึกถึงแต่ความเย็น นิพพานแปลว่าเย็น เย็นชั่วคราวกระทั่งพระนิพพานก็ได้ เลือกเย็นได้ตามต้องการที่เราบังคับจิตบ้างก็ได้ แล้วก็เย็นจริงเย็นนิพพานจริงๆ เย็นตลอดกาลก็ได้ แม้แต่เพียงนึกถึง ถ้ามีการพิจารณาถูกวิธีมันก็ได้ แม้แต่ว่านึกถึง ถ้าเอาเรื่องนรกร้อนมาให้มันรู้สึกมันกลัว ก็มีผลตรงกันข้ามเย็นมันก็กลัวหรือมีความหวังในทางตรงกันข้าม ให้สนใจเรื่องเย็นให้ถูกวิธี ไอ้เย็นแท้ๆมันไม่ใช่ได้ตามกิเลส มันไม่จำเป็นต้องได้ตามตัวกูแล้วมันจะเย็น ตามกิเลสคิดแต่ว่าได้ตามต้องการแล้วมันจะเย็น ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องละเอียดละออมาก ถึงจะชี้แจงให้มันเข้าใจได้ว่าไอ้เย็นไม่ใช่ได้ตามที่ตัวกูต้องการ คำว่าตัวกูมันเป็นความโง่ มันเป็นกิเลส มันต้องการที่ความถูกต้องหรือสติปัญญามันต้องการ มันก็ต้องเอาความถูกต้อง ความจริง ความยุติธรรมมาเป็นหลัก สำหรับที่จะหาความเย็นว่าความเย็นคืออะไร จิตใจก็จะค่อยๆเห็นด้วยว่าไอ้ที่เคยเกี่ยงงอน เคยต้องการ เคยจะเอาตามใจตัวมันไม่ถูกแล้ว มันควรจะยอมตามคำแนะนำของบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ของพระพุทธเจ้า ของศาสนา อะไรทำนองนั้น มันจึงจะตั้งต้นเป็นความเย็นที่ถูกต้องเรื่อยๆขึ้นมา นี่ก็เป็นอุบายที่เหมือนกับว่าล้างตัวกูอยู่เสมอ อุบายอันโน้นใช้เหงื่อล้างตัวกู อุบายอันนี้ใช้น้ำหอมหรือใช้อะไรทำนองนั้นล้างตัวกู ทำอย่างนี้เรื่อยๆไปเป็นการล้างชะล้างทีละเล็กน้อยด้วยการข่มขี่บ้าง ด้วยการปลอบโยนบ้าง จนถึงอันดับที่สามอันดับหนึ่งขณะหนึ่งซึ่งเป็นโอกาสที่จะเหมาะสมที่จะฆ่าตัวกูเสียเลย เมื่อได้ช่องเมื่อได้โอกาส มันจะมีความเหมาะสมขึ้นมาเอง ความรู้สึกที่เป็นตัวกูของกูนี่แหละสลายลงไป ด้วยการกระทำที่มันประจวบเหมาะกับเวลา หรือเหตุแวดล้อม หรือสิ่งต่างๆ ถ้าเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆโอกาสหนึ่งจะมีสำหรับรู้แจ้งเห็นจริงเรื่องไม่มีตัวกู เรื่องอนัตตา อุบายนิคหะคงใช้อยู่ตามโอกาสเมื่อจำเป็น อุบายสัคคาหะก็ใช้มาก ใช้เป็นพื้นฐาน จนถึงโอกาสหนึ่งที่มีสติปัญญาพอที่จะไม่ต้องใช้ขู่หรือใช้ล่ออะไรมันอีกมันที่เป็นโอกาสที่จะทำมันให้ตาย ด้วยอุบายธรรมะคืออนัตตา ยิงให้ตาย เหมือนลูกศรที่ทำด้วย ล้วนแต่เป็นเรื่องเป็นเรื่องอัตตา อุปมาของอาจารย์โบราณเขาฝากไว้อย่างนั้น แล้วก็ยิงยับให้ตาย หมายถึงเรื่องอนัตตา โอกาสหนึ่งความเข้าใจกับตัวเองได้เรื่องอนัตตาไม่มีตัวกู นี่เป็นเรื่องมีรายละเอียดมากที่เราจะต้องพูดกันคราวอื่นๆเรื่องอนัตตาโดยเฉพาะ นี่พูดแต่โดยหัวข้อว่าเราจะล้างตัวกูให้เลิกล้างไปได้อย่างไร การให้ทานตัวกูหมดไปได้อย่างไร ต้องมีโอกาสพิเศษต้องระวังให้ดีระวังให้ดีนาทีทอง อย่างน้อยเวลาดับจิตจะตายลง เป็นโอกาสสุดท้ายดีที่สุดที่จะตะเพิดออกไป พอกันทีเรื่องตัวกู จิตดับไปหมดตัวกู นึกขึ้นมาว่าความตายนี่เมื่อไหร่ก็ได้ ใครคิดว่ายังไม่ตายคนนั้นโง่มาก เพราะมีเรื่องที่จะทำให้ตายได้มากมายเหลือเกิน คนหนุ่มๆก็ตายได้ ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง เดินไปตรงโน้นลูกมะพร้าวหล่นใส่ศรีษะทีเดียวตายได้พอถึงบทที่มันจะเป็น นี่เรียกว่าอุบัติเหตุ อยากจะบอกว่าแม้ในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุนี้ถือโอกาสเลิกเพิกถอนตัวกูให้ได้ มันคงไม่ตายทันทีถึงขนาดที่จะไม่มีความรู้สึกอะไร ไปตั้งแต่นาทีแรกมันคงจะเหลือเวลาให้เหลือเวลาให้หนึ่งวินาทีก่อนที่จะตาย วินาทีไม่ใช่นาที ขอให้สติสัมปชัญญะมันมี ในการที่จะพอกันทีสำหรับตัวกูแล้วก็เงียบไป ข้อนี้มันทำได้ถ้าหากเราทำอยู่เสมอ เวลานี้เราทำอยู่เสมอ อุบายนี้ที่จะเลิกล้างถอนตัวกูทำอยู่เสมอ ความมุ่งหมายตัวกูต้องเอาออกไป จิตสุดท้ายปลายทางคือหมดตัวกู ถ้าเวลาอื่นทำได้เวลาที่จะดับจิตสุดท้ายนี้ต้องทำให้ได้ นึกเพื่อไว้เมื่อมันไม่สามารถจะทำได้ทัน ในเวลาที่มีชีวิตอยู่มีโอกาสที่จะทำ เมื่อจะสิ้นชีวิต เรียกว่า ชีวิตะมนสีสีคือพ้นไปจากโลกนี้ ขณะเดียวกันกับสิ้นแห่งชีวิต เรียกว่าตายดีอยู่ในพวกตายดีไม่ใช่ตายโหง มะพร้าวหล่นใส่ศีรษะ ตายชักตายไปแล้วด้วยความไม่อยากตายดิ้นรนกระวนกระวายเป็นคนตายโหง ตายแบบที่ว่านี้เป็นตายโหงแต่เป็นนิพพานไป ตายไม่ดีได้เป็นที่ผีตายโหง ต้องตายดีๆ ตายแต่เดี๋ยวนี้ คือการหมดแห่งตัวกู อุบายเลิกล้างตัวกูมีอยู่อย่างนี้โดยย่อๆนะ ใช้วิธีข่มขี่มัน ฟันต่อฟันตาต่อตานี้มันใช้ได้กับตัวกูแต่อย่าไปใช้กับผู้อื่น ขอร้องทีว่าอุบายตาต่อตาฟันต่อฟันอย่าไปใช้กับคนอื่นต้องใช้กับตัวเอง อันดับที่สองชี้ชวน เกลี้ยกล่อม ปลุกปลอบไปตามเรื่อง อันดับที่สามมีโอกาสเมื่อไหร่ก็ฆ่ามันให้ตาย วันนี้พอกันทีเวลาหมด