แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ในเรื่องธรรมปาฏิโมกข์ว่าด้วยตัวกูของกูทุกครั้งที่นี่ไม่เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น วันนี้อยากจะพูดถึงเรื่องที่เขาแต่งไว้เป็นอุปมาเป็นชุดปริศนาธรรมของคนโบราณเป็นเรื่องตัวกูของกูอย่างละเอียดอย่างหลากที่สุดที่พูดไว้ในเรื่องนิทานเรื่องอุปมา ดูข้อความหรือคำพูดที่เขาเรียบเรียงไว้นั้นมันเป็นคล้ายภาคใต้หรือภาคอีสานซึ่งมีคำคล้ายกันมาก ถ้าไม่สงสัยว่าไอ้เรื่องนี้จะเกิดที่ภาคใต้หรือมิฉะนั้นก็ภาคอีสานแต่ก็มาเปลี่ยนเป็นคำภาษาภาคใต้หมด เดี๋ยวลองฟังดูให้ดีคนที่มาจากภาคอีสานตรงไหนบ้างเคยได้ยินเรื่องอย่างที่ผมกำลังจะเล่านี้ เรื่องตัวกูของกูมันก็เป็นเรื่องกิเลสเรื่องความทุกข์นี้ไอ้ว่างหรือไม่มีตัวกูของกูนี้เป็นเรื่องดับทุกข์หรือเป็นเครื่องมือที่จะดับทุกข์ ฉะนั้นก็ต้องเป็นเรื่องที่ปราศจากตัวกูของกูเสมอเขาเปรียบความทุกข์หรือสิ่งที่ให้เกิดความทุกข์นี้ด้วยนกอินทรีย์กับพญามารกับมาร นั้นฝ่ายที่เป็นตัวเหตุของทุกข์นี้ต้องมีใครสักคนหนึ่งไปฆ่านกอินทรีย์หรือฆ่ามารนี้ นี้อาวุธที่จะเอาไปฆ่ามันคือศรที่จะเอาไปใช้ยิงนกอินทรีย์หรือยิงไปฆ่ามารนี้ต้องไปหาจากพุทธดาบสธรรมดาบสสังฆดาบส และพระพุทธดาบสก็เป็นผู้ชุบคันศรให้ด้วยเขากระต่ายเอาเขากระต่ายมาพอชุบคันศรให้พระกุมารนั้นแล้วก็ใช้ให้ไปหาพระธรรมดาบสที่จะชุบสายศรให้ด้วยขนเต่าหรือหนวดเต่า นี้ธรรมดาบสชุบสายศรให้แล้วก็เป็นศรที่ยังขาดลูกศรก็ใช้ให้ไปหาพระสังฆดาบสชุบลูกศรให้ด้วยนอกบ นอกบ คือกบมีนอยาวพอทำลูกศร ต้องบอกวิชาความรู้ที่จะยิงศรจนกระทั่งไปยิงนกอินทรีย์หรือฆ่ามารได้ นี้ให้สังเกตดูที่ว่าเขากระต่ายก็ดีหนวดเต่าก็ดีนอกบก็ดี เขาหมายถึงอะไร เขาหมายถึงอนัตตาหรือสุญญตาคือสิ่งที่ตามธรรมดาชาวบ้านจะถือว่าไม่มี สิ่งที่ชาวบ้านจะไม่ยอมรับว่ามีไอ้นั่นล่ะจะต้องเอามาเป็นอาวุธกำจัดกิเลสคือความทุกข์ ฉะนั้นเขาเรียกโดยอุปมาคืออุปมาของอนัตตาสุญญตาว่าไม่มี มิได้มีอยู่จริงแต่ทำไมมันกลับมีค่าหรือมีอำนาจ มีอำนาจที่จะทำอะไรได้ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอยู่จริงสำหรับความหมายอื่นคนอื่นพวกอื่นเขาหาได้เขาหาพบ ที่เขารู้จักรู้จักเขากระต่ายหนวดเต่านอกบนี้เป็นหลักใหญ่ๆเป็นเรื่องใหญ่ๆ นี้ฝอยของมันก็มีอีกแยะฝอยของเรื่องออกไป เช่นว่ากบตัวใหญ่นี้ก็อยู่ในไส้หญ้าปล้องมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไส้หญ้าปล้องมันคืออะไรต้องคิดอีกมาก กบตัวใหญ่อยู่ในไส้หญ้าปล้องได้ยังไง นี้เรื่องที่เกี่ยวกับพระดาบสมันก็มีข้อปลีกย่อยอีกหลายอย่าง พระดาบส พระพุทธดาบสอยู่ในถ้ำแก้วมณี พระธรรมดาบสอยูในถ้ำทอง พระสังฆดาบสอยู่ในถ้ำเงินยวง องค์หนึ่งอยู่ในถ้ำแก้วมณีองค์หนึ่งอยู่ในถ้ำทององค์หนึ่งอยู่ในถ้ำเงินยวงที่ภูเขาแห่งหนึ่ง นี้พระพุทธดาบสนี้มีคนใช้มีลูกศิษย์รับใช้นี้หกคน ตาไม่มีแต่เห็นได้คนหนึ่ง หูไม่มีแต่ได้ยินได้ ลิ้นไม่มีพูดได้ มือไม่มีแต่จับได้ เท้าไม่มีแต่เดินได้ อะไรอีกอันหนึ่งลืมแล้วมันหกอย่างที่เรียกว่าคนธรรมดาต้องมีจึงจะทำหน้าที่นั้นๆได้ นี่ไม่ต้องมีไม่ต้องมีตาแต่เห็นได้ ไม่ต้องมีหูก็ได้ยินได้ ไม่มีลิ้นก็พูดได้ ไม่มีมือจับได้ ไม่มีตีนเดินได้ ไม่มีจมูกรู้กลิ่นได้ทำนองนี้ ลูกศิษย์ของพระดาบสองค์อื่นๆก็เหมือนกันมีอะไรคล้ายๆอย่างนี้ มีลูกศิษย์สี่บ้างสามบ้าง เป็นเพียงแต่ว่าเป็นคนเปลี้ยก็เดินได้ไม่มีตาเห็นได้ไม่มีหูได้ยินได้คอยรับใช้ดาบส นั่นฟังดูให้ดีลูกศิษย์ลูกศิษย์พระพุทธพระดาบสมีหกคนแล้วก็เป็นอย่างนี้ก็เหมือนที่เราเคยพูดกันอยู่เสมอมีตาให้เหมือนตาบอดมีหูให้เหมือนหูหนวกมีจมูกเหมือนกับไม่มีจมูกแต่มันทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอล่ะ แต่เราให้มีค่าเท่ากับไม่มีเช่นมีตานี่ไม่ใช้ในการดูรูปเพื่อปรุงแต่งให้เกิดตัวกูของกู จมูก หูก็เหมือนกันได้ยินไม่มาปรุงแต่งเป็นตัวกูของกู ฉะนั้นพุทธภาษิตที่ว่าเห็นก็สักว่าเห็น ได้ยินก็สักว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักว่าได้กลิ่น นั้นก็มีความหมายเรียกว่ามันหูหนวกตาบอดเป็นใบ้แต่แล้วทำไมมันพูดได้มันพูดแต่ที่เป็นประโยชน์ที่ไม่เป็นที่ไม่เป็นไปในทางที่ให้เกิดทุกข์ เดี๋ยวนี้เราพูดอะไรทำอะไรเห็นอะไรดูอะไรดมอะไรมันไปในทางให้เกิดการปรุงแต่งที่เกิดอุปาทานตัวกูของกูจนเกิดทุกข์ในที่สุด นี่มันไปแต่ทางนั้นทางเดียว มันน้อยนักน้อยหนาที่ว่ามันจะเป็นไปโดยไม่ต้องเกิดทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วไปเกิดสติปัญญา ไอ้ที่อยู่กันทุกวันนี้ก็เห็นได้ยินได้ดมได้อะไรกันอยู่แต่แล้วมันเป็นเรื่องเกิดทุกข์ทั้งนั้น ก็กลายเป็นว่าเป็นตาบอดหูหนวชนิดที่ว่ามันใช้ไม่ได้เลย เป็นตาบอดหูหนวกลิ้นใบ้อย่างเลวที่สุดคือใช้ไม่ได้เลย ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้มีแต่ทำให้เกิดโทษ มีตาคอยดูชนิดที่จะทำให้เกิดเรื่อง มีหูคอยฟังชนิดที่จะทำให้เกิดเรื่อง มีจมูกก็เหมือนกันมีลิ้นก็เหมือนกัน มีลื้นไว้เลือกรสเกิดความยินดียินร้ายเพราะไม่ได้รสอย่างที่ต้องการอย่างนี้ก็มีลิ้นไว้ให้เกิดเรื่องทำให้เป็นทุกข์หรือมีลิ้นไว้พูดชนิดที่มันทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องผิดเรื่องเลว มีตาบอดชนิดที่ใช้อะไรไม่ได้ นี้หูทีหนวกที่ใช้อะไรไม่ได้มีจมูกที่เสียที่ใช้อะไรไม่ได้ ไอ้โน่นเขาพูดว่ามีตาบอดแต่เห็นได้คือมันไม่เห็นเหมือนอย่างเมื่อตะกี๊เห็นไปเห็นธรรมะไปเห็นความจริงที่ลึกซึ้งเห็นธรรมะหรือเห็นว่าอะไรก็ได้แต่มันไม่ทำให้เกิดอุปาทานเป็นตัวกูของกู หูก็เหมือนกันฟังแต่เรื่องที่ควรจะฟังและมีประโยชน์และทำประโยชน์ไม่ทำให้เกิดเรื่องคอยฟังว่าใครนินทาเราใครอะไรเราแล้วเราจะเล่นงานมันไอ้หูชนิดนั้นคือหูหนวกแท้ นี้มันไม่ฟังไอ้เรื่องอย่างนั้นทำหูหนวกเสียแล้วไปฟังไอ้เรื่องธรรมชาติพูดต้นไม้พูดก้อนหินพูดอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างนี้กลับได้ยินสิ่งเหล่านี้แล้วฟังพระธรรมคำสอนที่จะมาจากทางใดก็ได้ที่ผมพูดว่าต้นไม้พูดก้อนหินนี่พูดเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มาจากทางใดก็ได้ ฉะนั้นปู่ย่าตายายเขาฉลาดกว่าลูกหลานสมัยนี้มากที่เขาพูดเป็นอุปมาได้อย่างนี้ ไอ้คนหกคนนี้ลักษณะตรงกันข้ามคนธรรมดาหมดและก็เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธดาบสซึ่งจะต้องหมายถึงพระพุทธเจ้า เขาใช้คำว่าพุทธะอยู่โต้งๆ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ท่านมีตาหูจมูกลิ้นกายใจอย่างนี้ ฟังดูมันเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระบ้าๆบอๆนี่ระวังให้ดีเถอะคือคนโง่มันฟัง ไอ้ลูกหลานสมัยนี้มันเป็นคนโง่แล้วก็ฟังเรื่องอย่างนั้นไม่ออกแล้วก็หาว่าเป็นเรื่องบ้าๆบอๆของคนอะไรก็ไม่รู้แล้วก็ไม่สนใจในที่สุด ฉะนั้นผมพูดอยู่เสมอๆว่าเขาพูดไว้หรือเขาเล่าไว้เขาเขียนไว้เขาแต่งไว้เพื่อให้คนสมัยนี้กลายเป็นคนโง่พวกกรุงเทพฟังแล้วสะดุ้งแกล้งพูดใส่หูคนที่มีปัญญามีปริญญาเป็นบัณฑิตนักปราชญ์อะไรมานี้เราพูดรูปภาพปริศนาธรรมว่านี่ปู่ย่าตายายเขาเขียนไว้หรือพูดไว้สำหรับให้คนสมัยนี้กลายเป็นคนโง่มันก็สะดุ้ง เพราะมันฟังไม่ถูกฟังไม่ออกจริงๆเลยกลายเป็นคนโง่ชัดๆอยู่ที่นี้ ฉะนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันเสียบ้างบางทีมันช่วยให้ความคิดความฉลาดแตกแขนงออกไปกระจายกว้างขวางออกไป แล้วมันก็เป็นสมบัติของบรรพบุรุษที่มอบไว้ให้เป็นมรดกก็น่าจะสนใจ แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรมันเป็นเรื่องตัวกูของกูหรือว่าง ว่างจากตัวกูของกูไม่มีตัวกูของกูอย่างลึกซึ้งที่สุดที่เราเปรียบไม่เป็น เอ้าที่นี้อยากจะพูดถึงเรื่องคำว่าไอ้นิทานนิทานนิทานปริศนาธรรมนิทานยายกะตานิทานอะไรก็ตามทีนิทานธรรมะที่เป็นปริศนานี้มันก็มาเหนือเมฆถ้าคนสมัยนี้ไม่มีปัญญาทำหรอกก็ยอมโง่หรือเป็นคนโง่ไปเพราะว่าสมัยนั้นเขาไม่มีหนังสือไม่มีการเรียนหนังสือไม่มีการใช้หนังสือร้อยคนก็ต้องร้อยคนไม่รู้หนังสือ ชาวบ้านโดยเฉพาะไม่รู้หนังสือ ฉะนั้นจะเขียนไว้ในหนังสือมันก็ไม่มีการเขียนหนังสือถึงเขียนไว้ก็ไม่มีใครอ่าน ถึงจะใช้พูดออกไปตรงๆว่าตาหูจมูกลิ้นกายใจมันก็ลืมหมดเดี๋ยวพอพูดเสร็จมันก็ลืมหมดเพราะมันแสนจะสับสนยุ่งยากนี้เขาฉลาดเขาไม่ยอมแพ้เขาก็ผูกให้มันเป็นนิทาน พอผูกเป็นนิทานมันก็จำทันทีแล้วก็ไม่รู้จักลืม นิทานเรื่องพระพุทธดาบสสังฆดาบส ธรรมดาบสสังฆดาบสเป็นอย่างนั้น เรื่องภูมารเกิดขึ้นมาแล้วก็ได้ไปศึกษาเล่าเรียนได้ลูกศรได้สาตราอาวุธจนไปฆ่ายักษ์ฆ่ามารได้ นี้มันก็ง่ายเหลือง่ายที่จะจำ นี้อุปมาเรื่องว่าคนตาบอดได้ยินคนตาบอดก็เห็นได้หูหนวกก็ได้ยิน ไม่มีมือก็จับได้ ไม่มีตีนก็เดินได้นี้มันก็ยากหน่อยแต่ว่ามันไม่ลืมหรอกเพราะเรื่องที่ยิ่งน่าอัศจรรย์เท่าไหร่มันก็ยิ่งไม่ลืมเท่านั้น เอาไปคิดต่อไปว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นเขารู้ธรรมะทั้งที่ไม่ไม่รู้หนังสือไม่เกี่ยวกับหนังสือ นี้คนอินเดียสมัยพระพุทธเจ้าก็ไม่มีหนังสือไม่ใช้หนังสือแต่รู้ธรรมะและเป็นพระอรหันต์ สมัยนี้เต็มไปแต่หนังสือแล้วมันก็ไม่ ไม่รู้ธรรมะยิ่งไม่รู้ธรรมะเพราะหนังสือนั่นเอง นี่เราก็พูดอย่างนี้ตรงๆต่อหน้าครูบาอาจารย์ที่ไปเมืองนอกเมืองนามากำลังเมามันด้วยหนังสือแล้วก็คิดจะทำเรื่องหนังสือเรื่องการศึกษาเรื่องอะไรกันใหญ่โตกว้างขวางเหลือประมาณ นี่เรามาพูดให้เห็นว่าคนโบราณเขาไม่มีหนังสือแต่เขาก็บรรลุธรรมะเป็นพระอรหันต์ก็ได้ นี่ชักจะขุ่นๆไปเหมือนกันพอเราขัดคอเขา แต่ที่พูดนี้ก็พูดแต่เพียงว่าอย่าบ้าหนังสือกันนัก พระเณรนี่อย่าบ้าหนังสือกันนักมันจะยิ่งปิดบังพระธรรมมันต้องเป็นเรื่องในจิตในใจเข้าใจปรากฏอยู่ในใจเข้าใจเป็นเรื่องในจิตในจิตในใจไม่ใช่เป็นเรื่องตัวหนังสือ ถ้าอยู่ในสมุดมันก็ตายอยู่ในสมุดถ้าอยู่ในจิตในใจมันก็คิดนึกพิจารณาเรื่อย ฉะนั้นอย่าเพียงแต่จดและปิดสมุด มันต้องบันทึกลงไปในจิตใจอีกทีหนึ่งเอาไปคิดนั่งนึกพิจารณาดู แล้วมันก็ไม่ต้องมีเรื่องอื่นมีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเหมือนที่เราพูดกันที่นี่เรื่องนี้เรื่องเดียวทุกวันพระแปดค่ำนี้มันพอมันพอแล้ว ในการที่จะรู้ธรรมะมันเกินกว่าที่จะพอเสียอีกที่เหลือนอกนั้นมันก็เป็นเรื่องเฟื้อ เฟื้อจนเป็นโรคเส้นประสาทเพราะธรรมะนั่นเองและการเรียนธรรมะเพราะอยากรู้ธรรมะหรือเพราะปฏิบัติธรรมะเพราะเคร่งครัดต่อธรรมะนี้ ก็มีคนเป็นโรคประสาทโรคจิตโรคอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับธรรมะนี้หนังสือหรือธรรมะนี้ มันจะเอาให้หมดทุกอย่างไปเลยพัวพันกันไม่มีอะไรเป็นอิสระได้ ความคิดก็เป็นอิสระไม่ได้เพราะว่ามันถูกผูกพันยุ่งเหยิงไปหมดนี่มันก็ตกอยู่ในใยแมงมุมที่ออกไม่ได้แมลงนั้นก็ต้องตาย ที่นี้เรื่องอุปมาที่เป็นฝอยละเอียดออกไปก็ยังมีอีกแยะ นกอินทรีย์เป็นยังไงมันเกิดมายังไงมันอะไรกันยังไง แล้วคนที่จะเกิดไปหลงอยู่ในมือของความทุกข์ของมัจจุราชเป็นยังไงมีแยะเลยอุปมาทั้งนั้น นกอินทรีย์ตัวหนึ่งกินลูกตา นกอินทรีย์ตัวหนึ่งกินหูเจาะหู นกอินทรีย์ตัวหนึ่งก็กินจมูกมีตามตามเรื่องของอายตนะหมายความว่ามันทำให้เกิดความทุกข์ที่นั่นที่นั่น ไอ้นกอินทรีย์ตัวใหญ่ก็คือใจแล้วเค้าก็พูดว่ายิงยิงตัวเดียวตายทั้งหมด เข้าใจหรือไม่เข้าใจยิงตัวเดียวตายทั้งหมดถ้ามันยิงถูกถูกจริงมันมันมาจากใจทั้งนั้นถ้าถูกถูกถึงใจความสำคัญมันล้วนแต่มาจากใจ ไอ้ตัวกูของกูออกมาที่ตาบ้างที่หูบ้างที่จมูกที่ลิ้นที่กายหรือที่ใจเองก็ตาม ฉะนั้นไม่ ไม่ใช่ยิงถูกลูกตาเฉยๆมันยิงถูกตัวกูของกูที่มันเกือบโผล่มาทางรูลูกตานี่น่ะ ถ้าไอ้ตัวนั้นมันตายมันก็ตายหมด หูจมูกลิ้นกายอะไรมันก็พลอยหมดหมดตัวกูของกูไปด้วยไม่ใช่ต้องยิงทั้งห้าหกตัว สมมติจะเรียกว่าอินทรีย์ นกอินทรีย์มีห้าตัวตาหูจมูกลิ้นกายไม่นับใจไอ้ใจนี่มันคือไอ้ตัวกูของกู ไอ้ตัวตัวจริงนี้มันไปโผล่ที่รูทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายอะไรก็ตามพอมันโผล่ออกไปยิงมัน เคยอ่านพบในเรื่อง..... (0:25:15) ของภาคอีสานให้ยิงเวลามันอ้าปากในชุดนี้ยังไม่พบ นี้ผมก็เข้าใจในทันทีว่าไอ้ยิงเวลาอ้าปากนี้ก็คือยิงให้มันถูกเข้าไปในถูกตัวกูของกูที่โผล่มาทางรูตาอย่าไปยิงลูกตาเฉยๆจริงๆมันก็เป็นช่องเท่านั้นเองแต่มันมีอะไรโผล่มาทางช่องคือไอ้ตัวกูของกูเดี๋ยวมันโผล่ทางตาเดี๋ยวมันโผล่ทางหูเดี๋ยวมันโผล่ทางจมูกทางลิ้นทางกายทางอะไรก็ตาม มันโผล่ที่รูไหนก็ยิงมันให้ถูกตัวนั่นแหล่ะถ้าตัวนั้นตายก็หมดกันแหล่ะ ก็ไม่ไปโผล่ทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางอะไรที่ไหนอีกนี่หมายความว่ายิงถูกตัวของมันตัวจริง เดี๋ยวนี้เรามันทำผิดไปควบคุมบังคับจะไปเจาะลูกตาทิ่มตาให้บอดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรมันก็เพียงแต่ไอ้ตาเนื้อมันบอดนะ ตัวกูของกูมันไปออกทางรูอื่นได้ไปออกทางอื่นอีกเลยไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นไอ้การทรมานกายนั้นไม่สำเร็จต้องทำเป็นยาให้ถูกตัวจริงของมันและฆ่ามันให้ตายคือว่าเมื่อมันอ้าปากหมายความว่ามันกว้างพอที่จะยิงให้ถูกตัวข้างในของมันตัวกูของกู ให้ถูกเนื้อหอยข้างในอย่าให้ถูกเปลือกหอย นี่ผมพูดนี้ก็เพื่อต้องการให้คุณทุกองค์นี้คิดดูว่าปู่ย่าตายายของเราไม่ได้เหลวไหลเขายังเก่งกว่าเรา ถ้าเขาไม่คิดไม่นึกเขาจะพูดอย่างนี้ไม่ได้ เขาคิดนึกมากพวกเรามันคิดนึกน้อยเอาไปคิดไปนึกน้อยจะไปจำเสียตะพรึดบอกแล้วว่าเรื่องจำนี้มันช่วยไม่ได้ต้องเอาไปย่อยให้เป็นเรื่องเข้าใจแล้วเป็นเรื่องรู้แจ้งเรื่องเห็นจริงต่อไปมันจึงจะสำเร็จประโยชน์นี้เขาทำให้ต้องคิดบังคับให้ต้องคิดถ้าไม่คิดก็เป็นคนโง่ไม่รู้ว่าอะไรเล่ากันไปอย่างนั้นแหล่ะเล่านิทานนี้ก็เล่ากันไปได้ก็เป็นนโง่อยู่นั่น นี้เขาบังคับให้ต้องคิดต้องถามกันด้วยว่ามันหมายความว่าอย่างไงทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้น เอาล่ะทีนี้เราก็ลองคิดกันดูบ้าง ถามว่าทำไมพระพุทธดาบสเขาให้เขากระต่าย พระธรรมดาบสเขาให้หนวดเต่า พระสังฆดาบสเขาให้นอกบ เคยคิดหรือเปล่าว่าพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นี้มันต่างกันหรือเหมือนกัน เคยสอนแต่ว่าต่างกัน เคยเรียนนักธรรมเรียนนวโกวาทเรียนอะไรก็ตามล้วนแต่ว่ามันต่างกัน พระพุทธเจ้าคือผู้รู้และผู้พูด พระธรรมคือสิ่งที่เอามาพูดมาสอน พระสงฆ์คือผู้ได้ยินแล้วปฏิบัติตามพูดกันอย่างนี้ถ้าอย่างนี้จะความหมายเหมือนกันไม่ได้ เดี๋ยวนี้เขาเหมือนกันเลยพระพุทธก็อนัตตาสุญญตา พระธรรมก็อนัตตาสุญญตา พระสงฆ์ก็อนัตตาสุญญตา เรื่องเขากระต่ายเรื่องหนวดเต่าเรื่องนอกบนี้มันเรื่องสุญญตาเท่ากันเลยน้ำหนักมันเท่ากันเลยจนเป็นอันเดียวกันไปเลย นี่คือถ้าใครรู้จักพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์จริงก็จะรู้เหมือนกันรู้ความที่มันเป็นสิ่งเดียวกันหรือเหมือนกันไม่แยกกัน นี่มันเรื่องสุญญตาเท่ากันเลยน้ำหนักมันเท่ากันเลยจนเป็นอันเดียวกันไปเลย นี่คือถ้าใครรู้จักพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์จริงก็จะรู้เหมือนกันรู้ความที่เป็นสิ่งเดียวกันหรือเหมือนกันไม่แยกกัน เป็นเรื่องไม่มีตัวตนทั้งนั้นพระพุทธก็ไม่มีตัวตนพระธรรมก็ไม่มีตัวตนพระสงฆ์ก็ไม่มีตัวตนเหมือนกันดิบเป็นคำพูดคำเดียวกันหมด ฉะนั้นในอุปมานี้มันจึงว่าเป็นเรื่องของเขากระต่าย ของหนวดเต่า ของนอกบ คือไม่มีตัวตนนี้รู้พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์จริงถึงตัวจริงและเป็นเหมือนกันมีเพียงสิ่งเดียว ถ้าไปดูกันแต่ข้างนอกข้างผิวนอกข้างอาการภายนอกมันก็ต่างกันอยู่สามอย่างเรื่อยไป พระพุทธเจ้าเป็นผู้ปลุก พระสงฆ์เป็นผู้ตื่น พระธรรมคือความตื่น มันต่างกันอยู่เรื่อย นี่เป็นเหตุให้มันไกลออกไปไกลออกไปไกลออกไปจนไม่อาจจะจับได้ว่าทุกเรื่องมันเรื่องของตัวกูของกูเกี่ยวกับตัวกูของกูคือมีหรือไม่มี ฉะนั้นเมื่อเราดูพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์โดยภายนอกโดยอาการต่างๆว่าต่างกันมามากแล้วก็เลยดูให้ลึกเข้าไปลึกเข้าไปลึกเข้าไปผลที่สุดจะเป็นเรื่องไม่มีตัวตนทั้งนั้นในพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่มีตัวตนสอนเรื่องไม่มีตัวตนมีความหมายว่าสอนว่าไม่มีตนตนและสอนเรื่องไม่มีตัวตน ชี้ๆให้เห็นเรื่องความไม่มีตนตน พระธรรมก็เรื่องไม่มีตัวตนเลย สัพเพ ธัมมา นาลัง อถินิเวสายะ พูดทุกวันๆ ธรรมทั้งปวงไม่มีส่วนไหนที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของตนได้ เอาล่ะพระสงฆ์ก็ปฏิบัติๆๆสิถ้าได้ผลมันก็ต้องไม่มีตัวตน ถ้าปฏิบัติไม่ได้ผลก็มีตัวตนอยู่เรื่อยไป ฉะนั้นพระสงฆ์ที่แท้จริงแม้จะยังเป็นปุถุชนก็กำลังปฏิบัติเพื่อไม่มีตัวกูของกู ขอให้สนใจในข้อนี้เพราะว่าเรามันตั้งอยู่ในฐานะพระสงฆ์ รู้ว่ายังมีกิเลสยังไม่หมดกิเลสก็ต้องปฏิบัติเพื่อให้หมดกิเลสคือหมดตัวกูของกู พอไม่มีตัวกูของกูก็เป็นอันเดียวกันหมดทั้งพระธรรมทั้งพระพุทธทั้งพระสงฆ์นี่เป็นอันเดียวกันหมด นี่เรียกว่าเรามันถึงถึงพระพุทธถึงพระธรรมถึงพระสงฆ์โดยจิตใจคือสิ่งเดียวกัน ถึงความไม่มีตัวตนเช่นเดียวกับพระพุทธคือเขากระต่าย พระธรรมคือหนวดเต่า พระสงฆ์คือนอกบ ถ้าความรู้อย่างนี้เกิดขึ้นในใจแล้วมารจะอยู่ที่ไหนล่ะ มารจะอยู่ที่ในถ้ำปราสาทได้ยังไง ฉะนั้นนกอินทรีย์ก็ไม่มีอีกที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจจะไม่มีนกอินทรีย์อีกต่อไปคือไม่มีเรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์ถูกเผาถูกแทงถูกชอกถูกเผาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องความทุกข์ทั้งนั้นเป็นเรื่องอันตรายไปเสียทั้งนั้น นี่ฆ่านกอินทรีย์ให้ตายมันหมายความอย่างนี้ฆ่ามารให้ตายมันว่าอย่างนี้ พอถึงทีพญามารก็พูดอุปมาเป็นว่ามันอยู่ในปราสาทอะไรก็ไม่รู้ซึ่งในนั้นมีสารพัดอย่างล่ะ แล้วก็อุปมาความสามารถของพญามารไว้มากมายอะไรๆมันก็เป็นบริวารของมารไปหมดพระอิศวรพระพรหมพระนารายณ์ก็ตามนี้เป็นลูกสมุนหรือส่วนหนึ่งของของพญามารไปหมด คือว่าชวนกันทำให้หลงเรื่องพรหมโลกเรื่องมหาพรหมนี้มันก็เรื่องหลงในความสุขชนิดนั้นไอ้เรื่องกามโลกเทวโลกก็หลงความสุขชนิดนั้น เรื่องมนุษย์ก็หลงอย่างนั้น ฉะนั้นเขาจึงเขียนเล่าเรื่องเมืองมารน่ะนครของพญามารไว้อย่างน่าสนุกที่สุด ส่งคนออกไปจับคนเอาดื้อๆก็มีเอาเชือกผูกรัดคอมาก็มี ส่งผู้หญิงออกไปเกลี้ยกล่อมว่าไอ้นายของเราเป็นหม้ายมีทรัพย์สมบัติมากถ้าได้คนอย่างคุณไปปกครองแล้วก็จะประเสริฐที่สุด ให้ผู้หญิงนั้นเขาตายใจแล้วก็ล่อเข้าไปในปราสาทนั้นเป็นเหยื่อของมาร แล้วปราสาทนั้นอยู่ที่ไหนมันหมายถึงร่างกายนี้หมายถึงตัวนี้ไอ้ตัวนี้คือปราสาท ปราสาทที่อัศจรรย์ลึกลับที่สุดเลยแล้วมียักษ์เฝ้าประตูอยู่สองตัวไอ้ยักษ์สองตัวที่เก่งที่สุดมันเฝ้าประตูอย่างเก่งที่สุดจนกว่าเมื่อไหร่ยอดๆๆประสาทที่มีดวงแก้วอยู่ดวงหนึ่งถูกยิงดวงแก้วดวงหนึ่งที่ยอดประสาทถูกยิงจนแตกกระจายเมื่อไหร่ยักษ์จะหมดๆหน้าที่หมดกำลังประตูจะเปิดเองเลย เพราะไอ้คนนี้ก็เข้าไอ้พระเอกพระกุมารนี่ก็จะเข้าไปในปราสาทจะทำลายทุกอย่างที่ยักษ์มีไว้จะปล่อยสัตว์ที่ยักษ์ขังกักเอาไว้ จะยกพระศาสนาจะทำอะไรต่อไปอีกก็คือทำให้รู้ทำให้คนรู้ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในร่างกายเรื่องเมืองยักษ์ก็ดี เรื่องพระพุทธดาบสพระธรรมดาบสพระสังฆดาบสก็ดีเรื่องพระกุมารพระตัววีรบุรุษนั้นก็ดีมันรวมอยู่ในร่างกายนี้หมด ฉะนั้นก็เหมือนที่พูดอยู่เสมอที่พระพุทธภาษิตที่ว่าอะไรมันอยู่ในร่างกายที่ยาววาหนึ่งนี้โลกก็ดีเหตุให้เกิดโลกก็ดีความดับสนิทแห่งโลกก็ดีทางให้ถึงความดับสนิทแห่งโลกก็ดี ตถาคตบัญญัติว่ามันอยู่แล้วในร่างกายที่ยาววาหนึ่งนี้ที่ยังมีสัญญาและใจคือเป็นเรื่องเป็นๆคิดนึกได้ ฉะนั้นเรื่องไอ้เมืองยักษ์นครยักษ์นครที่ยักษ์ครอบครองทั้งหมดนับตั้งแต่พรหมโลกลงมาเทวโลกกามโลกอะไรถึงนรกไปเลยอยู่ในอำนาจของยักษ์ และยักษ์มันก็มีปราสาทลึกลับมหัศจรรย์เอาอะไรเข้าไปไว้ในนั้นมากมายนี่ก็ล่อลวงนางกษัตริย์เข้าไปไว้อย่างฮาเล็มโดยใช้ผู้หญิงด้วยกันล่อเข้าไปด้วยทรัพย์สมบัติบ้างด้วยเกียรติชื่อเสียงบ้างด้วยอะไรบ้าง ผู้หญิงชอบอะไรเขาก็ใช้สิ่งนั้นล่อผู้ชายชอบอะไรก็ใช้สิ่งนั้นล่อจนเข้าไปอยู่ในอำนาจของยักษ์อยู่ในปราสาทอันลึกล้ำนั้นให้ยักษ์บริโภคอยู่ตลอดเวลา ปราสาทนั้นก็ไม่มากไปกว่าร่างกายนี้ยาววาหนึ่งนี้ มีอะไรครบอยู่ในนั้น พระกุมารก็เข้าไปครอบครองนครนี้เมื่อฆ่ายักษ์ได้แล้วก็เข้าใจพูดที่ว่าปราสาทลึกลับนี้มีดวงแก้วอยู่ที่ยอดเอาลูกศรนี้ไปยิง ลูกศรที่ทำด้วยนอกบนี้สายศรก็หนวดเต่า คันศรก็เขากระต่ายนี้ ถ้าจะยิงให้ถูกข้างหน้าต้องยิงมาจากทางหลังถ้าจะยิงให้ถูกทางหน้าข้างหน้านี้ต้องยิงมาจากทางหลัง ถ้าจะยิงให้ถูกข้างหลังต้องยิงมาจากข้างหน้า ถ้าจะยิงให้ถูกอดีตและอนาคตต้องยิงที่ปัจจุบัน นี่วิเศษที่สุดเลยอุปมาที่วิเศษที่สุดที่ผมยอมแพ้ยอมแพ้ปู่ย่าตายายหรือบรรพบุรุษถ้าจะยิงให้อดีตอนาคตแตกกระจายต้องยิงที่ปัจจุบันมันจะหมดไปทั้งสาม ยิงข้างหน้าให้ยิงมาจากทางหลัง ยิงข้างหลังให้ยิงมาจากข้างหน้าเป็นต้น เพราะแก้วดวงนั้นมันพิเศษและใครยิงได้ที่ให้ถูกข้างหน้ายิงมาจากข้างหลังเด็กๆคนไหนจะยิงหนังสติ๊กให้เป็นอย่างนี้ได้มั๊ย ต้องนึกถึงไอ้เรื่องสัญญาสัญญาในอดีตอะไรต่างๆที่ได้เคยอธิบายแล้ว ทั้งหมดมันเกิดมาจากสัญญาในอดีตที่สะสมเข้าไว้อยู่ในจิตในใจ คือเรื่องต่างๆที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่คลอดมาจากท้องแม่จนบัดนี้มันเป็นเรื่องเบื้องหลัง ถ้าทำลายสิ่งเหล่านี้เสียมันก็คือทำลายความโง่เรื่องตัวกูของกูแต่หนหลังเสียมันก็ไอ้ข้างหน้ามันก็เกิดไม่ได้ เพราะถ้ารู้จักข้างหน้าที่มันจะเกิดข้างหน้ามันก็รู้จักข้างหลังรู้จักที่มันเป็นมาแล้วแต่หนหลังแล้วมันก็รู้ย้อนหลังว่าเอ้ามันโง่มาแล้วตั้งแต่ทีแรกที่แท้ตัวเรามิได้มีมาตั้งแต่ทีแรกตั้งแต่แรกคลอดตัวเรามิได้มีมาแต่เรามันโง่เข้าใจว่ามีตัวกูของกูเรื่อยมาจนกว่าจะมารู้เดี๋ยวนี้ว่าไม่มี และอย่าเข้าใจว่ามันจะไม่มีแต่ในอนาคตข้างหลังมันก็ไม่มีด้วยที่แล้วมามันก็ไม่ใช่ตัวตนด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นจึงเรียกว่ายิงข้างหน้าถูกข้างหลัง ยิงข้างหลังถูกข้างหน้า ยิงปัจจุบันถูกอดีตอนาคตสูญหายไปหมด อุปมาที่แยบคายที่สุดไอ้ตอนที่ว่ายิงแก้วดวงนี้ด้วยลูกศรชนิดที่ว่าแล้วยังมีวิธียิงฤษีบอกให้ยิงอย่างนั้นๆ ยิงข้างหน้าถูกข้างหลังยิงข้างหลังถูกข้างหน้ายิงที่ปัจจุบันถูกอดีตอนาคต แก้วแตกกระจายมันก็เท่ากับตัวกูของกูมันแตกกระจาย ประตูเปิดเองยักษ์เฝ้าประตูหนีไปหมด พระกุมารก็เข้าไปปลดปล่อยสัตว์ที่ข้องติดอยู่ในวัฏสงสารให้หลุดพ้นออกไปจากวัฏสงสารทั้งเทวดามารพรหมยมยักษ์นาค สุบรรณ คนธรรพ์ ครุฑ อะไรหมดเลยบรรดาที่มีความรู้สึกคิดนึกเกี่ยวกับความทุกข์ความดับทุกข์ถูกปล่อยออกได้หมด เอาล่ะเล่านิทานวันนี้มันจะถือว่าเป็นเรื่องมีสาระก็ได้ไม่มีสาระก็ได้ตามใจคุณ แต่ผมบอกให้รู้ว่านี่มันเรื่องตัวกูของกูที่วิเศษที่ลึกลับที่พูดไว้อย่างลึกลับสมกับเรื่องที่เป็นเรื่องลึกลับและความฉลาดของบรรพบุรุษของเราเอง ฉะนั้นลูกหลานอย่ามามั่วอย่ามาโง่อยู่นักเลยอยู่มามัวโง่อยู่นักเลยละอายกันบ้างลืมหูลืมตากันบ้าง คนเราเวลานี้เรียนมากคนสมัยนี้เรียนมากพูดมากเรียนมากแล้วไปโง่กว่าคนที่ไม่รู้หนังสือแล้วไปโง่กว่าคนที่พูดไม่เป็นหรือไม่พูดก็แย่ ทีนี้ไอ้วิธีปฏิบัติก็ทำอย่างว่าคือพยายามทำให้ปากมันอ้าให้นกอินทรีย์ปากมันอ้าแล้วก็ยิงเข้าไปในปากนั่นไง ทางตาก็ได้ทางหูก็ได้ทางจมูกก็ได้ทางลิ้นก็ได้ สมมุติเอาทางลิ้นฉันอาหารบิณฑบาตรอร่อยหรือไม่อร่อยอยู่วันไหนเลี้ยงดีพิเศษๆอร่อยๆอยู่ลืมตัว มีตัวกูของกูแยะนั่นแหล่ะคือนกอินทรีย์มันอ้าปากทางลิ้น ไอ้รูทางลิ้นมันเปิดไอ้นกอินทรีย์โผล่หัวออกมาให้เห็นเป็นเรื่องอร่อยอยู่ที่ลิ้นแล้วก็ยิงลูกศรพุ๊กเข้าไปให้ถูกตัวที่มันอยู่ในช่องลิ้นโดยลูกศรชนิดนี้ลูกศรที่ไม่ใช่ตัวกูของกู ที่นี้กินอาหารวันน้ันไม่อร่อยกำลังหงุดหงิดๆๆอยู่ทีเดียวบิณฑบาตรก็ไม่ค่อยได้อะไรโรงฉันก็ไม่มีของที่ถูกปากจึดชึดไปหมด นี่ก็่ว่านกอินทรีย์มันก็โผล่หัวออกมาทางลิ้นเหมือนกัน ทางรูลิ้นเปิดนกอินทรีย์กำลังอ้าปากเห็นอะไรอยู่ข้างในให้ยิงพุ๊กเข้าไปในนั้น ดูข้างในถูกตัวกูของกู ถ้าฆ่าตายทางลิ้นทางตาทางหูทางจมูกก็ตายหมดเหมือนกัน ตายเองหมดเพราะไอ้ตัวนกอินทรีย์มันมีตัวเดียว ไปออกทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทั้งห้าก็เลยเรียกว่าห้าตัวเลยเรียกอย่างสมมุติเมื่อไปออกทางรูตาก็เรียกจักขุนทรียัง ออกทางหูเรียกโสตินทรียัง ออกทางลิ้นเรียกว่าชิวหินทรียัง ทางจมูกเรียกคานอินทรียัง ทางกายเรียกกายินทรียัง ทางใจเรียกมนิณทรียัง แต่มันนกตัวเดียวกันฉะนั้นมันออกทางไปไหนโผล่ช่องไหนยิงตายที่นั่นแล้วมันหมดตายหมด ฉะนั้นถ้าใครองค์ไหนพระเณรองค์ไหนมีเรื่องอะไรเป็นเจ้าเรือนก็จ้องยิงที่ตรงนั้นแหล่ะ ถ้ามีเรื่องปากเรื่องท้องเป็นเจ้าเรือนก็ยิงตรงปากตรงท้องเรื่องกินนี่ คอยจ้องยิงที่นี่ไอ้นกตัวนี้ตายแล้วก็ทางตาทางหูทางอะไรก็ตายไปเอง ฉะนั้นดูให้ดีๆว่าเรามีกิเลสชนิดไหนเป็นเจ้าเรือนทางตาหรือว่าทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกาย ที่ว่าทางรูปหรือทางเสียงหรือทางกลินหรือทางรสหรือทางสัมผัสผิวหนัง ถ้ามันไม่อะไรมันนอนฝันมันหลับตาคิดฝันอยู่ก็เรียกว่าทางใจ ใจก็เปิดได้ก็ยิงเข้าไปได้เหมือนกันมันจะใกล้กว่าเสียอีกแต่มันคงจะยากเขาไม่ค่อยสอนไม่ค่อยพูดถึง พูดถึงว่ามันออกมาทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางผิวหนัง เพราะนี่มันร้ายกาจมากชอบสวยๆงามๆชอบไพเราะชอบหอมชอบอร่อยชอบนิ่มนวลชวนสัมผัสนี่มันก็ล้วนเป็นเรื่องรุนแรงทั้งนั้น ที่นี่ก็พูดถึงเรื่องพรหมโลกเทวโลกมารโลกอะไรโลกๆมาอยู่ในอำนาจยักษ์นี้อยู่ในปราสาทของยักษ์ อยู่ในอำนาจยักษ์ก็คือมาอยู่ในปราสาทของยักษ์แล้วมันก็อยู่ในร่างกายนี้หมด เทวโลกพรหมโลกมารโลกไม่ได้อยู่ที่ไหนอยู่ในร่างกายนี้ในจิตใจอย่างที่เคยอุปมาให้ฟังกันเสมอๆใช้กันได้กับเรื่องนี้ มนุษย์ก็คือความเหน็ดเหนื่อยความยากลำบากเหงื่อไหลต่างน้ำนี่เป็นความหมายของมนุษย์ ถ้านรกนรกก็คือร้อนเป็นไฟเผา เดรัจฉานก็คือโง่ เปรตก็คือหิว อสุรกายก็คือกลัว ฉะนั้นไอ้โลกทุกๆโลกมันอยู่ในจิตใจนี้ทั้งอบายทั้งมนุษย์เทวดากามวจรคือความอร่อยทางกามารมณ์ นี้พรมหมโลกก็เอร็ดอร่อยอยู่ด้วยรูปธรรมนามธรรมอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ มันก็อยู่ในจิตใจนี้ก็มีเท่านั้นเองไอ้ภพไอ้ภูมินี้ ภูมิต่ำคืออบายทั้งหมด ภูมิตรงกลางคือมนุษย์ทั้งหมดภูมิข้างบนคือเทวดาอย่างกามและไม่กาม ทั้งหมดนั้นมันก็อยู่ในปราสาทลึกลับนั้นคือร่างกายที่มีจิตใจที่อยู่ในกำมือยักษ์ พอรู้ก็รู้หมดไม่รู้ก็ไม่รู้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่ารู้รู้เทวโลกมารโลกพรหมโลกหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะและพราหมเทวดาและมนุษย์ รู้รู้คราวเดียวหมด ฉะนั้นในจิตดวงเดียวมีครบหมดแล้วแต่มันไปทำหน้าที่เป็นอะไรที่ไหนที่อวัยวะอายตนะอันไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตดวงเดียวเดี๋ยวก็เป็นสังสารวัฏเดี๋ยวก็เป็นนิพพาน ฉะนั้นไม่ต้องมีที่อื่นแล้วพระพุทธดาบสธรรมดาบสสังฆดาบสก็อยู่ในนั้น พระกุมารที่จะฆ่ายักษ์ก็อยู่ในนั้น ยักษ์และเมืองยักษ์ก็อยู่ในนั้นในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งที่มีจิตครอบครองนี้ ถ้าว่าใครเป็นช่างเขียนจะเขียนให้ดีกว่าที่เขียนแล้วในสมุดข่อยอย่างที่ผมพูดนี้ก็จะดีดีมากขึ้นไปอีก ถ้าเขียนให้ดีกว่านี้ไม่ได้ก็เอาตามสมุดข่อยนะ เขียนอย่างแบบโบราณคล้ายๆเรื่องหนังตะลุง จะเขียนอย่างศิลปะสมัยใหม่ Modern Art ก็คงจะไปกันใหญ่ แล้วมันคงจะยากที่จะเขียนเขากระต่ายหนวดเต่านอกบนี้มันก็ตีกันยุ่งเป็นศิลปะที่ตีกันยุ่ง ผลสุดท้ายก็ต้องเขียนอย่างไทยๆตามเดิม เดี๋ยวนี้ความรู้เรื่องอนัตตาของเราไม่มีเพราะเราโง่ นี่ถ้าเป็นพระก็ตามเป็นเณรกตามอุบาสกก็ตามอุบาสิกาก็ตามชาวบ้านก็ตาม ไอ้ใครก็ตามฝรั่งหรือไทยจีนแขกอะไรก็ตามมันไม่มี ไม่มีหนวดเต่าเขากระต่ายนอกบที่จะมาทำลูกศรทำอะไรได้เพราะมันไม่มีความรู้เรื่องอนัตตา พอพูดว่าหนวดเต่าเขากระต่ายนอกบมันก็หัวเราะเสียหรือว่าถ่มน้ำลายรดว่าคนบ้าก็ได้ ฉะนั้นทำยังไงให้ใครมีความรู้เรื่องอนัตตาไม่มีตัวไม่มีตนให้มันเด็ดขาดลงไปนี้ เรียกว่าเขามีหนวดเต่าเขากระต่ายนอกบอะไรอยู่ในมือในกำมือก็ใช้เป็นลูกศรสายศรคันศรอะไรได้ ฉะนั้นเอาไปคิดเอาไปนึกกันบ้างอุตสาห์เอาไปเทศน์บ้าง คุณถวิลเป็นนักเทศน์ขึ้นมาทุกทีๆนี่ขยันเอาเรื่องนี้ไปดัดแปลงเทศน์ๆๆๆให้มันมากขึ้นๆ ตัวเราก็จะเข้าใจก่อนเสมอไป พระพุทธภาษิตในวิมุตตายตนสูตรผู้เทศน์จะเข้าใจก่อนเสมอก่อนผู้งฟังเสมอไปเข้าใจลึกกว่ามากกว่าก่อนกว่าผู้ฟังเสมอไป ฉะนั้นขอให้พยายามเทศน์ก็เก็บเรื่องอย่างนี้ค่อยๆพูดค่อยๆเทศน์ให้คนทั้งโลกเกิดสนใจคำว่าหนวดเต่าเขากระต่ายนอกับกันขึ้นมาหรือว่าคนในประเทศไทยก็ได้เท่านี้ก่อนไอ้เรื่องมันก็จะค่อยกระจ่างออกมา คือเขาสนใจได้ลึกกว่าธรรมดาพอเราเอ่ยขึ้นมาว่าหนวดเต่าเขากระต่ายนอกบโอ๊ยเข้าใจกันหมดทันทีนี่ใช้ได้บ้านนั้นเมืองนันใช้ได้แน่ แต่เดี๋ยวนี้ไปเอ่ยที่กรุงเทพจะถูกจับล่ามโซ่ก็ไม่แน่มันยังมากเกินไป ตามบ้านนอกคอกนานี้พูดๆกันไปก่อน ถ้าความเข้าใจเรื่องมะพร้าวนาฬิเก กลางทะเลขี้ผิ้งมันกลับมามามาอีกกลับมาใหม่อีกแล้วมันก็ใช้ได้เหมือนกัน เรื่องเหล่านี้ก็จะเป็นเรื่องเดียวกันในที่สุดและก็มีประโยชน์ แต่ถ้าพอพูดถึงนี้ง่วงนอนตาปรือเดี๋ยวหลับเลยแล้วมันก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ตามเดิม พูดเรื่องไม่เข้าใจมันก็ง่วงนอนพูดไปเดี๋ยวมันก็หลับเลยคนฟัง เป็นธรรมดาพูดถึงขนาดนิทานอย่างหนังตะลุงนี้มันก็ยังไม่สนุกได้แล้วมันก็หมดปัญญาเรียกหมดปัญญา ให้มีพระเอกนางเอกอะไรอย่างหนังตะลุงมันก็ยังง่วงนอน นี้เราอยากจะมีหนังตะลุงสักโรงหนึ่งเป็นของวัดคือของกิจการนี้แสดงในรูปหนังตะลุงทำตัวทำอะไรให้เหมือนหนังตะลุงทุกอย่าง ก็อุตส่าห์ไปเที่ยวตามเมืองนั้นเมืองนี้ไปขอแสดง เขามีคำพูดไว้ล้อหนังตะลุงชนิดนี้ว่า เอ้าลูกลุงเองหาข้าวกินเองหาที่นอนเองอะไรเองขอให้ได้เล่นก็แล้วกัน เราเป็นเป็นผู้เสียสละหมดหาข้าวกินเองเจ้าภาพไม่ต้องไม่ต้องเลี้ยงปลูกโรงเองเหน็ดเหนื่อยลำบากปลูกโรงเองและแสดงเองเล่นเองอะไรเองเก็บของเองอะไรหมด ให้เขาขอให้เขาดูก็แล้วกันมันต้องถึงขนาดนี้แหล่ะเพราะมันยังไม่เป็นที่ประสงค์ของมหาชนทั่วไป เดี๋ยวนี้คุณก็กำลังเป็นอย่างนี้อยู่ใช่มั้ยไม่ไม่มองดูบ้างไอ้เราเหงื่อไหลไคลย้อยทั้งวันๆเป็นเดือนๆปีๆมาแล้วก่อสร้างบ้างอะไรบ้างนี้ก็คือลักษณะอย่างนี้ปลูกโรงเองหุงข้าวกินเองอะไรขอให้คนดูก็แล้วกันเพื่อเอาบุญเอากุศลเพื่อจะช่วยเหลือเขาในทางวิญญาณนี้ มหรสพทางวิญญาณมันก็คือหนังตะลุงอยู่แล้วถ้าเขาไม่อยากดูเขาไม่ยอมเสียค่าผ่านประตูเราก็ปลูกโรงเองกินข้าวเองอะไรเองแล้วขอให้มาดูก็แลัวกัน นี่ก็ล้างหินกันไปบ้างขุดบ่อกันไปบ้างทำภาพกันไปบ้างก็ทำไป มันเหมือนกับหุงข้าวกินเองปลูกโรงเองอะไรเองขอให้มาดูก็แล้วกันเพื่อว่าเรื่องนี้มันจะได้กลับมาอีก แล้วเราผู้แสดงนี้ผู้เทศน์ผู้แสดงนี้ต้องได้ก่อนเสมอต้องถึงก่อนเสมอต้องเข้าใจธรรมะนั้นก่อนเสมอ อุตส่าห์ทำไปในลักษณะที่พูดให้ผู้อื่นฟังแสดงธรรมแล้วก็จะมีความอะไรเกิดขึ้นก่อนแล้วก็บรรลุธรรมะก่อน หนังสือเรื่องนี้ก็แจกไปแล้ววิมุตตายาตนสูตร ทางรอดห้าประการคือวิมุตตายตนสูตรใครยังไม่มียังมีเหลืออยู่สองสามเล่ม เอาละรวบรัดสรุปใจความเสียทีว่าทุกเรื่องมันรวมอยู่เรื่องตัวกูของกูเอาไปพูดอย่างอุปมาขนาดลึกซึ้งปู่ย่าตายายก็เคยพยายามแล้วจึงเป็นภาพปริศนาธรรมชุดนี้เขาเคยทำกันสุดฝีไม้ลายมือของปู่ย่าตายายแล้ว ฉะนั้นลูกหลานก็ไม่ควรจะเฉยเมยก็พยายามทำให้มนุษย์เข้าใจเรื่องนี้ให้รู้จักหนวดเต่าเขากระต่ายนอกบให้รู้จักประสาทที่ยักษ์จับไปขังอยู่อย่างลึกลับ เราก็ยังอยู่ในปราสาทนั้นอยู่ด้วยเหมือนกันยังหลงนั่นหลงนี่ไปตามเรื่องของนกอินทรีย์ ยังมีตาหูจมูกลิ้นกายที่โง่เขลายังเป็นนกอินทรีย์อยู่เรื่อย ฉะนั้นทำไปพลางแสดงให้ผู้อื่นเห็นไปพลางว่าตัวเองก็ปฏิบัติแล้วก็สอนผู้อื่นด้วยชักชวนผู้อื่นด้วยเกลี้ยกล่อมผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วยเพื่อกำจัดตัวกูของกูในรูปที่น่าสนุกเหมือนกับหนังตะลุงเหมือนกับมหรสพ ซึ่งอาจจะใช้แสดงได้แม้แก่เด็กๆ แม้แก่เด็กๆและอย่าพูดว่าไม่มีอะไรสอนเด็กในเมื่อคนผู้ใหญ่มันยังโง่มันก็ไม่มีอะไรสอนเด็กเมื่อผู้ใหญ่มันฉลาดแล้วก็ไอ้หนังตะลุงเรื่องนี้มันใช้ได้ เอาละพอกันทีรู้สึกเหนื่อยวันนี้ไม่ค่อยมีแรง นั่งเขียนไอ้ข้อความถอดตัวอักษรมาเป็นตัวไทยตลอดวัน