แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มกราคม วันที่ ๒ มกราคม อื้อ, ๑๒ เรากำลังพูดถึงที่ อื้อ, โลก ที่กำลังยุ่งยาก ทางวัฒนธรรม เพราะมันไปเอาสิ่งที่ไม่ใช่วัฒนธรรมมาเป็นวัฒนธรรม และอีกอย่างหนึ่งมันก็ ไปเอาไอ้วัฒนธรรมรก รกชัฏนะมาเป็นวัฒนธรรม เออ, ที่ต้องการ วัฒนธรรมที่ทำให้โลกให้รก ไปด้วยความทุกข์อย่างหนึ่ง
มัน มันไม่ควรจะเรียกว่า วัฒนธรรม แต่บาลีเขามีคำคำนี้ใช้ หมายถึง อย่างนี้ได้ด้วย ถึงแม้คำภาษาอังกฤษ ที่มันมีรากศัพท์อย่างอื่นมันก็ใช้รวมกันเหมือนกัน เช่น คำว่า Culture นี้ มันใช้ได้ทั้งทางวัตถุ และทั้งทาง จิตใจ และแม้ทางวิญญาณ
เพราะฉะนั้นเราจะต้อง รู้ไอ้ความแตกต่างของ ๓ อย่างนี้ ซึ่งเราพูด ขึ้นบ่อย ๆ แล้วเขาไม่เคยได้ยิน เออ, คำว่า ทางวิญญาณ เช่น มหรสพทางวิญญาณ แม้แต่ นักปราชญ์เอก เช่น คึกฤทธิ์ ปราโมช นี่ เมื่อเขาได้ยินคำว่า ทางวิญญาณ มหรสพทางวิญญาณนี้ เขาว่าในโรงละครนั้นก็บรรลุธรรมะได้ เขาอาจจะ บรรลุธรรมะได้ในโรงละครที่ตลาดนั่นนะ จะต้องมีโรงละครทางสังขารวิญญาณอะไรกันอีกนี่ นี่แสดงว่า เขาฟังไม่ถูก แล้วก็คำว่า วิญญาณของเรา มีคนถามปัญหา แล้วเขาก็หาแง่ล้อ อ่า, เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ ของเขาบ่อย ๆ แสดงว่าคนขนาดนี้ เออ, ก็ไม่รู้เรื่อง คำว่า ทางวิญญาณ ทั้งที่เคยได้ยินคำนี้มากมาย ในภาษา ฝรั่ง Spiritual Way, Spiritual Life, Spiritual Happiness อะไรนี่มีเยอะแยะไปหมดเลย เขาใช้กันเกร่อหมด Spiritual ทางวิญญาณนี้
ทีนี้ผมก็อยากอยู่มากเหมือนกัน ที่จะให้คุณ ทั้งหลายนี้ ทุกคนทุกองค์นี่ รู้เรื่อง ไอ้คำ ๓ คำนี้ ไว้ให้ดี อย่างที่เคยพูดเรื่องโรคทางกาย โรคทางจิต โรคทางวิญญาณนั้นก็มีพูดมาก ก็ควรจะเข้าใจได้บ้าง นี้เราจะหยิบยกเอาตัวอย่างของปัญหาที่กำลังมีอยู่จริงในโลกเวลานี้ มาเป็นตัวอย่างบ้างก็ได้ เช่น ปัญหา เรื่องคุมกำเนิด ที่กำลังครึกโครมอยู่ในโลกเวลานี้ โป๊ปที่วาติกันถูกด่าอย่างสาดเสียเทเสีย ก็เพราะเรื่องนี้ เรื่องประชุมกันแล้วลงมติว่า ไอ้การควบคุมกำเนิดนี้มัน ไม่ได้ ห้ามเด็ดขาด โดยหลักของคริสเตียน เออ, ของคริสตัง นี้ไอ้โลกมันต้องการจะคุมกำเนิด มันก็เลยช่วยกันด่าโป๊ป โป๊ปก็เลยย้อนออกมาอีกว่า
จะขอประชุมกันใหม่ แล้วบางทีจะประกาศใหม่ หนังสือพิมพ์ไอ้บางกอกโพสต์มันลงอย่างนี้ อื้อ, เล่นเอาโป๊ปรวนไปเลยเห็นไหม ต้องเล่นกับโลกสมัยนี้
นี้ผมก็บ้าไปตามภาษาของผมว่า ไอ้คุมกำเนิดนี้ก็เหมือนกัน มันก็มีทางกาย ทางจิต ทางวิญญาณ ไอ้เรามัน มันคนบ้า คำ ๓ คำนี้ คุมกำเนิดทางกายทาง Physical นี้ เช่น ใช้ยากินเข้าไป ใช้อะไรครอบ สวม ผูกรัด ส่วนของอวัยวะ ไม่ให้มันตั้งครรภ์ได้ นี้ก็เรียกว่า คุมกำเนิดทางกายหรือทางวัตถุ เขาก็รู้จักกันแต่ อย่างนี้ เขาไม่รู้จักอย่างอื่นเลย นั้นเขาจึงไม่พูดว่าคุมกำเนิดทาง ไอ้ Physical หรืออะไร หรือ Mental Spiritual นั้นเขาไม่พูด นี้เรามาพูดว่า คุมกำเนิดทางกาย Physical นี้ก็ได้ แล้วคุมกำเนิดทาง Mental เกี่ยวกับจิตโดยตรงนี้ก็ได้ คุมกำเนิดทาง Spiritual ทางปัญญา ส่วนโลกุตระ นั้นก็ได้
แล้วเราจะ จะพูดว่าคุมกำเนิดทาง Physical นี่ ที่เขากำลังทำกันแพร่หลายกันมาก เวลานี้มาถึง ประเทศไทยแล้ว กินยาบ้าง ผูกมัดบ้าง ครอบบ้างอะไรบ้างนี่ เรียกว่าคุมกำเนิดทาง เออ, ทาง Physics นี้
นี่คือมันจะทำโลกให้ฉิบหาย ไอ้คุมกำเนิดทาง Physics นี่คือสิ่งที่จะทำโลกให้ฉิบหาย เพราะว่าก่อนนี้ มันทำไม่เป็น เดี๋ยวนี้มันทำเป็น แพร่หลายกันมากทุกครัวเรือนอย่างนี้ ผลก็คือไอ้ความเสื่อมเสีย ทางศีลธรรมมันจะเกิดขึ้น อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน กระทั่งว่าพี่กับน้องมันก็นั่นกันได้ เออ, มันจะไปถึง พ่อกับลูกก็จะนั่นกันได้ ด้วยการควบคุม กำเนิดนี้มันแพร่หลายมาถึงชนชั้นที่ไร้การศึกษา ที่ยังต่ำอยู่ ถ้าพวกที่มีการศึกษาดีหรือมีอะไรพิเศษนั้นมันก็คงจะไม่เป็นไรนะ แต่ถ้ามาลงถึง ลงมาถึงชึ้นไอ้คนที่ไร้ การศึกษา ป่าเถื่อนนี่ พอมันรู้จักไอ้วิธีนี้เข้านี่ ความฉิบหายทางศีลธรรมมันก็จะเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นมันจึงเป็น สิ่งที่จะทำโลกให้เลอะเทอะสกปรกและพินาศเร็วเข้า เพราะการคุมกำเนิด กันแบบนี้ โป๊ปเขาจะประชุมกันยังไงว่ายังไงเราไม่รู้เพราะเขาไม่ประกาศไอ้ข้อถกเถียงนี้ แต่ว่าเขาประกาศ ผลมติสุดท้ายว่า ห้ามเด็ดขาด แต่ผมมีความเห็นของผมอย่างนี้ ว่าไอ้คุมกำเนิดทางวัตถุนี่ จะทำลาย ศีลธรรมของมนุษย์หมด และมันก็จะบัญญัติศีลธรรมกันใหม่ ไม่มีศีลข้อกาเม แม้ในระหว่างพ่อกับลูกสาว มันจะไปไกลถึงอย่างนี้ได้ ในหมู่ชนที่ไร้การศึกษา เพราะฉะนั้นไม่เห็นด้วย เหมือนกับพวกคริสตังเขาว่า ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นอย่าไปสอนมันไอ้เรื่องนี้ ให้มันมีอะไรตามแบบเดิมไปยังจะดีกว่า นี่เรียกว่า ไอ้ศีลธรรม มันจะฉิบหายหมด เพราะไอ้มีความรู้เรื่องคุมกำเนิด แบบวัตถุนี่ แบบ Physics นี้
ทีนี้เราก็มองดูต่อไปถึงการคุมกำเนิด ทางจิตหรือ Mental นี่คือความอดกลั้น หรือความบังคับจิต อย่างที่เรามี ๆ กันมาแล้ว เออ, ในเรื่องศีลธรรมแต่โบราณ ต้องสมาทานศีลเคร่งครัด และก็บังคับจิตให้ได้ ไม่ละเมิดศีล ดังนั้นการที่บังคับจิตได้นี้มันเป็นเรื่องทางจิต ไม่เกี่ยวกับวัตถุ มันคุมกำเนิดได้เหมือนกัน ถ้าเราสอนให้เด็ก ๆ รู้จักบังคับจิตเกี่ยวกับไอ้เพศนี้ มันก็คุมกำเนิด ไม่ให้เกิดมากได้เหมือนกัน หรือแม้แต่ ผัวเมียที่ไม่อยากจะมีลูกมาก ก็หัดบังคับจิต อย่าทำอะไรพรวดพราดหรือ เออ, มากมายไปอย่างนี้ มันก็ยัง คุมกำเนิดได้ โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุ แต่ผลมันตรงกันข้าม อ่า, ที่ว่าทำให้คนมันดีขึ้น คนมี Self Control คือ การบังคับตัวเองนี้ดีขึ้น ๆๆ มันเป็นผลดีแก่ศีลธรรม มันส่งเสริมการมีศีลธรรม
เพราะฉะนั้นควรจะ แนะนำชี้แจงกันโดยวิธีที่ฉลาดยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม อือ, ทางศาสนานี้
เดี๋ยวนี้ศาสนาก็มัวแต่นิ่งเสีย ไม่เผยแพร่ไอ้วิธีการทำจิต การฝึกสมาธิบังคับจิตอะไรกันเสียเลย อือ, จนคนเขาไม่รู้จักประโยชน์ เขาก็ไม่สนใจอย่างนี้เป็นต้น นั้นการคุมกำเนิดทางจิต โดยอาศัยอำนาจจิตนี้มัน ยังดีกว่า และควรจะทำให้มีมากขึ้นให้แพร่หลาย ให้เป็นที่รู้จักกันดี เรื่องโบราณ ๆ นั้นน่าสนใจมาก ผมเคยอ่านดูเรื่องโบราณ โบราณเกี่ยวกับเพศนี้ เกี่ยวกับไอ้สมสู่อย่างนี้ อย่างพวกยิว ถ้าถือ ถือศีลหรือว่าถือ ไอ้ ไอ้วัฒนธรรมก็ตามนี่ เคร่ง ปีหนึ่ง เออ, ไอ้ ไอ้ เออ, เดือนหนึ่งจะไป เข้า เข้าไปในห้องของภรรยาได้สัก ๔-๕ วันกระมังท่า มันมีวันห้ามอย่างนั้น ๆๆ มากนัก
อย่าง อย่างไทยเรานี่ วันวันพระก็ไม่ได้ วันเกิดก็ไม่ได้ เออ, วันที่ระลึกของพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่ได้ เออ, ผู้หญิงเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ เหมาะสมอย่างนี้ก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้เยอะแยะนะ วันหนึ่งจะไป เออ, เดือนหนึ่งนะจะเข้าไปในห้องกับภรรยาได้ ๔-๕ วันเท่านั้น แล้วยังมีการควบคุมเรื่องอาหารการกิน การใช้การ อะไรอีก ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่อง เออ, บรรเทากิเลสตัณหา ทั้งนั้นแหละ
นี่เขาก็เลยตัด (นาทีที่ 12:26) เป็นกันมากถึงอย่างนี้ และยิ่งกว่านั้น เขายังมีการผ่าตัดทางวัตถุนี่ ซึ่งคล้ายกับควบคุมกำเนิดเหมือนกัน ไอ้พวก Clitoris พวกไอ้เนื้อ ๒ ข้างเขาตัดออก เมื่อยังเป็นเด็ก ๆ อยู่ เออ, มีหมอมาร้องตะโกนบ้านนี้ใครจะทำไอ้นั่นบ้าง ใช้แต่ไอ้หมอผู้หญิงเท่านั้น เขาก็จะตัดเนื้อส่วนนั้น ออก เพื่อให้เด็กหญิงคนนั้น เออ, มีความมักน้อย ในทางเพศ อย่างนี้เป็นต้น อื้อ, ถูกกระทำตั้งแต่เด็ก ๆ มันคล้ายกับเป็นการไอ้ Circumcise อะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งพวกผู้ชายจะทำ นี่เขาทำแก่ผู้หญิง และมีอะไรอีก เยอะแยะไปหมดเลย ซึ่งล้วนแต่เป็นการไอ้ควบคุมไอ้ความ หลงใหลในทางเพศนะ
นี้มันก็วิเศษ เดี๋ยวนี้ไม่มีใคร ไม่มีใครสนใจและไม่มีใครยอมรับ ไม่มีใครเห็นด้วย เขากลับทำใน ทางตรงกันข้าม เขาจะปลูก จะเพาะ จะส่งเสริม จะเพิ่มเติมอะไรให้มัน เออ, หลายเท่าทวีคูณ เพราะคน โบราณเขารู้โทษของมันแล้วเขาตัดออก ๆๆๆ เรื่องอาหารการกิน เรื่องไอ้เครื่องหอมเครื่องทา เรื่อง แม้กระทั่งตัดเนื้อ อ่า, ๒-๓ ส่วนนั้นออก และยังมีการบังคับทางจิตใจ อ่า, ที่ว่าจะไม่เข้าไป สมสู่เพื่อการ มัวเมาในทางเพศ แล้วยังมีถึงกับว่าอยู่ในห้องภรรยาได้คืนหนึ่งไม่เกิน ๒ ชั่วโมงหรือชั่วโมงหนึ่งอะไร อย่างนี้ จำไม่ค่อยได้แล้ว จะไปนอนค้างที่นั่นไม่ได้ จะไปนอนค้างในห้องภรรยาไม่ได้ นี่ระบอบศีลธรรม ของพวกยิว
แล้วลองดูพวกยิวมันเก่งนะในทางจิตใจ จิตใจเข้มแข็งทรหดอดทน บังคับตัวเองได้ ดูสิมันเก่ง เก่งอย่างทรหด และเก่งทางสติปัญญา มีชื่อเสียงอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้นะ พวกยิว เพราะมันไม่บ้า ไม่บ้ากามอันนี้ แต่รุ่นหลังมันก็คงจะเปลี่ยนไปอีก เป็นธรรมดาของโลก แต่ผมถือว่าเป็นสิ่งที่น่านึก ถ้ามนุษย์จะ จะ จะเดินตามหลักนี้นะ จะทำเหมือนหรือไม่เหมือน เออ, ก็ว่าไม่ได้ แต่ว่าเดินตามหลักนี้ คือ ควบคุมอะไรไว้มาก ๆ อย่างนี้ มนุษย์จะมีศีลธรรมดีขึ้นกว่านี้ กว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งส่งเสริม ๆๆ เดี๋ยวนี้จนไม่มี
อย่างประเทศฝรั่ง เมืองอเมริกันอะไรก็ตาม มันไม่มีไอ้ขอบเขตเรื่องนี้แล้ว
ดังนั้นเรานิยม นับถือ ยกย่องการบังคับจิต ให้อยู่ในระเบียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับทางเพศ บังคับได้นี้ มันก็เป็นการคุมกำเนิด ที่ดี เรียบร้อย เออ, และทำให้ โลกนี้มีศีลธรรมดี นี้ถ้าว่าเป็นเรื่องที่ ๓ ที่สูงขึ้นไปที่เรียกว่าทางวิญญาณ นั้นมันไปไกล เป็นหลักธรรมประเภทโลกุตระ ผู้ที่พยายาม พิจารณาทาง ปัญญา ทางวิปัสสนา หรืออะไร อะไรก็ตาม โดยเห็นว่า มันเป็นเรื่องบ้า เรื่องสกปรก เรื่องน่าเกลียด เรื่องโง่ เรื่องหลง เรื่องเป็นทุกข์อย่างนี้ จิตใจมันสูงอย่างนี้แล้วมันไม่ ไม่ต้องบังคับหรอก เรามีสติปัญญาเพียงพอ มันก็เห็นเป็นเรื่อง เลวทราม สกปรก มีผลชั่วบ้าแวบเดียวเท่านั้น
แล้วเรื่องสกปรก เรื่องยุ่งยากลำบากเหล่านี้ มันมากมายอย่างนี้ มันมองเห็นเป็นอยู่เหนือสิ่งนี้ วิญญาณมันอยู่สูงเหนือสิ่งนี้ มันก็ไม่ทำเอง ไม่ต้องบังคับทางกาย ไม่ต้องบังคับทางจิต มันอาจจะมีมาแต่ กำเนิด ซึ่งเมื่อก่อนนี้เราก็ไม่ค่อยเชื่อ ที่เราอ่านหนังสืออนุพุทธประวัติ เรื่องพระมหากัสสปกับภรรยาแล้ว ถ้าคุณเรียนนักธรรมโทคุณก็เคยอ่านมาแล้ว ผัวเมียคู่นี้ไม่ปรารถนาเรื่องนี้ แต่ถูกแต่งงานกัน เพราะพ่อแม่ ต้องการ แต่งงานกันแล้วก็ไม่เคยทำอะไรกัน จนต่างคนต่างออกไปบวชนี่ เพราะจิตใจมันมีอะไรสูงกว่า ธรรมดา
ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก เป็นเรื่องจริง มันก็ต้องอธิบายอย่างว่านี้ คือคนมันมีจิตใจสูง ทางวิญญาณ มันเกลียดของสกปรกนั่น เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว หรือว่าเราจะพิจารณาในทางวิปัสสนา โดยไม่ต้องมีการบังคับจิต แต่ เออ, มีปัญญาวิปัสสนา พอที่จะเห็นว่า เรื่องนี้มันบ้า มันเลว มันโง่ มันต่ำ มันอะไรก็ตาม และจิตมันระ อ่า, เบื่อหน่ายระอา เกลียด เกลียดไปเสียเองอย่างนี้ ไม่ต้องบังคับมัน นี่เราก็ เรียกว่า ไอ้ทางวิญญาณ Spiritual นี้ เออ, หรือ Way สำหรับ Birth Control คุมกำเนิดโดยทาง เครื่องมือ ทางวิญญาณ น่าหัวไหม
นั่นนะคิดดูให้ดีเถอะว่า อะไร ๆ มันก็พอจะ แบ่งเป็น ๓ ชั้นอยู่อย่างนี้ได้เสมอ ทาง Physical ทาง Mental ทาง Spiritual ซึ่งทั่วโลกก็รู้จักดี ความหมายของคำเหล่านี้ ควบคุมทางกาย ควบคุมทางจิต ควบคุม ทางวิญญาณ ทีนี้เขาไม่ต้องการ อือ, ควบคุม ที่เป็นการควบคุมแท้จริง แต่เขาจะเป็นคนโกหกหลอกลวง หรือเขาจะเอารสอร่อย ของเรื่องระหว่างเพศ และเพียงแต่เขาไม่ต้องการบุตรเท่านั้น เพราะบุตรทำภาระ ยุ่งยากลำบาก ทั้งทางส่วนตัวและทางสังคมอย่างนี้ เออ, มันก็ทำกับมันไป มันเป็นคนตลบตะแลง หลอกลวง อย่าง บางคนนี่นะ บางองค์จะมีไหม เออ, เกลียดตัวกินไข่นี่ เกลียดตัวมันก็จะกินไข่มัน ไม่กินเนื้อกินน้ำแกงมัน อย่างบางคนไม่กินปลาไหล ไม่กินหอยจุ๊บแจง ไม่กินเนื้อนะ แต่กินน้ำแกงมัน มันก็อย่างนี้แหละ ไอ้มนุษย์สมัยที่มัน ต้องการรส กามารมณ์ แต่ไม่ต้องการมีบุตร
ไอ้เรื่องนี้ผมเคยพูด ไว้หลายแห่งแล้ว เออ, ไปหาอ่านดูว่ามันเป็นเรื่อง ของพระเจ้า หรือธรรมชาติ ก็แล้วแต่จะเรียก มันเป็นค่าจ้าง พระเจ้าหรือธรรมชาตินั่นแหละ เขาจ้างคนให้รับจ้าง เลี้ยงบุตร มีบุตร เลี้ยงบุตรนะ เพราะมันทำ มีแต่เรื่องมีบุตร ไอ้คนไม่เอาแน่ เลยเขาต้องให้ค่าจ้าง คือ ความอร่อยในการ สืบพันธุ์ ไอ้คนมันก็รับค่าจ้างหรือว่ากินเหยื่ออะไรก็ตาม มันก็ยอมทำ แล้วมันก็ยอมมีบุตร ทนลำบาก เรื่องมีบุตร
ไอ้เรื่องมีบุตรนี้ทางศาสนา อ่า, หรือว่าแม้แต่ทางศาสนาคริสเตียนก็ถือว่า เป็นรื่องบาป ต่อไปนี้ แกจะต้องลำบากเพราะการมีบุตร รับรู้เรื่องมีบุตรมีอะไรข้ึนมา นี่มนุษย์ไม่ต้องการส่วนมีบุตร แต่ต้องการ ไอ้รสของการสืบพันธุ์ มันเป็นคนโกหก มันก็หาทางออก อย่างเลวทรามของมันนะ คือ การคุมกำเนิดทาง กาย ทางวัตถุ ซึ่งไม่เท่าไหร่ก็จะทำลายศีลธรรมแหลกละเอียดไปหมดในโลกนี้
เพราะฉะนั้นคุณ ควรจะพยายามทำความเข้าใจให้ดี ๆ ว่าไอ้เครื่องมือนี้ มันก็มีทั้งทางกาย ทางจิต ทางวิญญาณ ในเมื่อปัญหาหรือว่าไอ้ความทุกข์มันก็มีทั้งทางกาย ทางจิต ทางวิญญาณ ฉะนั้นเครื่องมือ ที่จะแก้มัน ก็ต้องมีทั้งทางกาย ทางจิต ทางวิญญาณ ฉะนั้นถ้าเราอยากจะไม่เป็นคนโง่ที่มากเกินไปนี่ ก็ควร จะรู้เรื่อง ๓ เรื่องนี้ไว้ ถ้ารู้แต่เรื่องเดียว เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องเนื้อเรื่องหนัง ก็คือ คนโง่ ที่โง่เกินไป ในโลกนี้ ทำโลกนี้ให้ยุ่ง ฉะนั้นคำว่า โรงละครหรือโรงหนังทางวิญญาณอะไรของเรานี่ มันมีความมุ่งหมาย อย่างนี้ แม้ว่ามันยังทำไม่ได้เสร็จตามโครงการ มันก็มีความมุ่งหมายอย่างนี้ ที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ โดย ทางที่สูง โดยการตัดรากตัดต้นตอ ในทางสูง ในทางลึก คือ ทางวิญญาณ แล้วปัญหาทางจิต ทางกาย มันก็หมดไปเอง
นั้นคนชอบเลี้ยงปลา เล่นนกเขา เล่นบอนอะไรจนไม่ค่อยไปยุ่งกับลูกกับเมีย อ่า, ลองคิดดู จนเมีย ไม่ชอบ อ่า, เมียโกรธว่าไปรักของนั้นมากกว่าเมีย ก็ยังมีอยู่ และก็มีอยู่คนหนึ่ง ที่รู้จักกับผมดี เมื่อผมเล็ก ๆ เขาเคยให้ผมเสมอ นกเขาบ้าง ปลากัดบ้าง เขาหลงเรื่องนี้จนไม่มีเมีย จนไม่ต้องมีเมีย แปลกไหม แล้วได้ยิน ว่าเมื่อ เมื่อแก่มาก หรือเมื่อแก่มากอย่างนี้ จน นึกมันไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาพอแล้ว แล้วเขาจะเคยไปทำ อะไรกับ อ่า, ผู้หญิง จนมีลูกลับ ๆ แล้วนะ ทีหนึ่งแล้วเมื่อก่อนนี้ เสร็จแล้วเขาไม่ชอบ เพราะมาหลง เรื่องปลากัด เออ, เรื่อง เรื่องนกเขานะเบอร์หนึ่ง เรื่องปลากัดนะเบอร์สอง เรื่องไก่ เรื่องอะไรบ้าง
แต่คุ้นเคยกับโยม โยมผู้ชายของผมก็ ชอบปลากัดชอบอะไร ก็เลี้ยงดูเลี้ยงเล่น ๆ อย่างนี้ บางทีก็ เลี้ยงนกเขาบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ มันเป็นเรื่อง ระบายไอ้ความ กลัดกลุ้มหรือไอ้ความอะไรที่มัน จะมีจาก ความรู้สึกทางเพศทางอะไรได้มาก ฉะนั้นแล้วเราอย่าไปติเตียนเขา ไอ้เรื่องคนที่เขาหลงไอ้เรื่องอย่างนี้ มันกระเดียดไปในทางจิตทางวิญญาณบ้าง เหมือนกันโดยบรรยาย อย่างที่เคยพูดให้ฟัง เรื่องภูมิทั้ง ๔ กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อะไรเหล่านี้ คนที่มันหลงวัตถุที่ไม่เกี่ยวกับกามมากกว่ากามนี่ ต้อง ต้องถือว่า เขามีจิตใจสูง เขยิบจากไอ้กามาวจรภูมิ มาสู่ไอ้รูปาวจรภูมิ ก็ได้
เพราะฉะนั้นไม่มีทางจะวัดอย่างอื่น หรือว่าถ้าคนบางคนมันหลงวิชาความรู้ เออ, จนลืมลูกลืมเมีย อือ, นักศึกษาค้นคว้าวิทยาศาสตร์ บ้าวิชา จนลืมลูกลืมเมีย มันควรจะจัดเข้าไว้ในพวกรูปาวจรภูมิ ไม่ใช่ กามาวจรภูมิ เหมือนคนทั่วไป ฉะนั้นให้แน่ใจว่าเรื่องทางจิตมันมีอยู่ เรื่องทางวิญญาณมันมีอยู่ ไม่ใช่มีแต่ เรื่องทางกาย เหมือนกับไอ้พวกวัตถุนิยม ล้วน ๆ เท่านั้น มันรู้แต่เรื่องทางวัตถุ ทางเนื้อหนังอย่างเดียว แม้จะมันมีสติปัญญาวิเศษวิโส มันก็รู้แต่เรื่องวัตถุอย่างเดียว มันน่าขันไหม คิดว่ามันเป็นคนฉลาดมาก แต่มันรู้ในทางวัตถุอย่างเดียว เพราะมันเมา มันเมาไม่ ไม่ลืมหูลืมตา มันเมาไม่สร่าง มันไม่ชะเง้อมองไป ทางไหนเสียเลยอย่างนี้ มันจึงไม่รู้เรื่องโรงหนังทางวิญญาณ โรงละครทางวิญญาณ ว่ามีความหมาย ว่าอย่างไร
ทีนี้มันก็มาถึงเรื่องสำคัญ คือเรื่องทางวัตถุนี้ ไอ้กายหรือวัตถุนี้มันเรื่องเดียวกันแหละ นี่คือเรื่อง วินาศของโลก โลกกำลังวินาศลงไปทุกที ๆ เพราะเรื่องทางวัตถุ ยิ่งก้าวหน้าทางวัตถุเท่าไหร่
มันยิ่งเห็นแก่ตัวมากเท่านั้น อ่า, ยิ่งเห็นแก่ตัวมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำผิด ทำเลว ทำชั่ว ส่วนตัวก็มาก แก่ผู้อื่นก็มาก ขึ้นเท่านั้น
ทีนี้ไอ้ ไอ้โลกมันก็ยังมีคำว่า ดี อยู่ เพราะฉะนั้นเขาก็พยายามจะหาความหมายของคำว่า ดี เอามาใส่ให้กับไอ้สิ่งสกปรก ลามกอนาจารเหล่านี้ อ่า, พวกฝรั่งเขาก็มีระเบียบนิยม ความเป็นสุภาพบุรุษ หรือคนดี กันมามาก เวลานี้มันก็เสื่อมสลายไป ๆ จนต้องเปลี่ยนความหมายคำเหล่านั้น อือ, เพียงแต่ว่า อย่าไปเกะกะระรานใครอย่างนี้ มันไม่พอ เพราะว่าถ้าตัวมันไปหลง ทางวัตถุแล้ว มันบังคับตัวไว้ไม่ได้ล่ะ ที่มันจะต้องไปเกะกะระรานผู้อื่น
นั้นเดี๋ยวนี้มันก็หลงวัตถุกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำสิ่งที่ไม่ต้องนี้มากขึ้น ๆ ๆ แล้วสิ่งนั้นไม่ใช่ว่าไม่ อ่า, ไม่ควรจะทำ ทำแล้วเป็นอันตรายด้วย คือ การกินการอยู่ที่เรียกว่า อยู่ดีกินดี ที่เขาขยายออกไปนี่ ไม่ต้องทำ ไม่ควรทำ แล้ว แล้วเป็นอันตรายด้วย คุณอ่านดูไอ้โฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ไอ้เรื่องกิน เรื่องอยู่ เรื่องโรงแรม เรื่องอะไร มันล้วนแต่เรื่องไม่ต้องทำทั้งนั้น นั้นถ้าทำเข้ามันต้องใช้เงินมาก แล้วเงินนี่ เอามาจากไหน มันก็ต้องรีดต้องขูด ต้องดูด ต้องอะไรกันมาจากที่อื่น ซึ่งล้วนแต่เพิ่มความยุ่งยาก ขึ้นในโลกนี้
และไอ้วัตถุนิยมชนิดนี้มันเป็นต้นตอของ เออ, สิ่งที่เรียกว่า นายทุน นายทุนต้องการมีเงินมาก ๆ มันจะมีเพื่อประโยชน์อะไร เพื่อประโยชน์ทางวัตถุ ความสุขทางวัตถุ แก่ตัวแก่ครอบครัว แก่อะไรก็ตาม มีมากเข้าไว้ แล้วใช้อิทธิพลนี้ บังคับผู้อื่นได้ อือ, เพราะไอ้วัตถุนิยมนี้เป็นเหตุให้เกิดนายทุน คนมีปัญญา สามารถมันก็ ชนะ มันก็มีเงินมากมีอะไรมาก ไอ้คนไม่มีสติปัญญาและไม่มีโอกาสมันก็จน มันก็เกิด ไอ้พวกที่เรียกว่า ชนกรรมาชีพขึ้นมา นี่ของนี้เพิ่งเกิด เพิ่งเกิดเมื่อยุคบ้า ๆ ของความเจริญสมัยใหม่นี้ ก่อนนี้ไม่เกิด
ถ้านึกไม่ออก ผมก็จะพูดให้ฟัง ว่าเมื่อโลกยังอยู่ในระดับ ที่ไม่บ้าวัตถุมากอย่างนี้ ยังหนักแน่น ในศาสนานั้นนะ เออ, เขามีระบบ พ่อแม่กับลูกหลาน อ่า, ถ้าใครจน เป็นคนจน ไม่สมประกอบหรือเป็น คนจนไม่มีสมรรถภาพนี่ มันถูกมองในแง่น่าสงสาร น่าสงสารเหมือนลูกเหมือนหลาน ถ้าใครมั่งมีศรีสุข มันถูกมองในแง่ของ พ่อ แม่ เรียกคุณพ่อคุณแม่ทั้งนั้นแหละ ติดมากระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังมี ใครฐานะมั่งมี เขาเรียกแม่พ่อทั้งนั้น และไอ้ธรรมะหรือวัฒนธรรมก็ตามนี่มันทำให้เป็นอย่างนั้น เพราะได้รับคำสั่งสอน มาไม่ให้ ไม่ให้ อ่า, ไม่ให้เอาเปรียบ ไม่ให้ เออ, ขูดรีดในอะไร มันเกิดความสงสารคนจน จุนเจือคนจนเรื่อย จนสมัครมาเป็นทาสนะ
เพราะฉะนั้นทาสชนิดนี้ไม่ต้องเลิกนะ ไอ้ทาสบ้า ๆ บอ ๆ นะต้องเลิก ทาสชนิดนี้ไม่ต้องเลิก เพราะเลิกทาสชนิดนี้ โลกมันจึงเปลี่ยนเป็นไอ้ระบบนายทุน กับชนกรรมาชีพ อ่า, คุณลองไปอ่านเรื่อง อย่างใน อรรถกถาธรรมบท อรรถกถาสุตตันตปิฎกอะไรก็ตาม ที่มันพูดให้เราทราบได้ถึงเรื่องสังคม ในครั้งพุทธกาล เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐีหรือเศรษฐีอะไรก็ตาม มันก็มีคน ที่เลี้ยงไว้เป็นร้อย ๆ เออ, เป็นพัน ๆ อย่างนี้ หรือว่าบ้านหมู่บ้านนี้มันขึ้นแก่คนนี้ มันก็ขึ้น อยู่ในอำนาจอาณัติของคน ๆ นี้หมดเลย แต่มันไม่อยู่กันอย่าง ไอ้ทาสเหมือนที่อเมริกา มันอยู่อย่างพ่อแม่กับลูกหลาน
ดังน้ันมันรัก มันไม่อยากจะจากไป มันเลิกไม่ได้ มันรักนายไม่อยากจะจากไป หรือมันก็มีแหละ ไอ้ที่มันนอกรีตนอกคอก ทั้งฝ่ายทาสก็ดีทั้งฝ่ายเศรษฐีก็ดี มันก็มีนอกรีตนอกรอย มันเป็นส่วนน้อย
ไอ้ลัทธิธรรมเนียมนี้มันยังมีมาเรื่อย ๆ ๆ เรื่อยมา มันเหมาะสมอย่างยิ่งในโลกนี้ ที่ว่าเพราะว่า คนมันเหมือนกันไม่ได้ พวกหนึ่งมันต้องโง่ต้องทุพพลภาพ ส่วนหนึ่งนะ แล้วพวกหนึ่งมันต้องฉลาด ต้องเก่งนี่ นี้ต้องอยู่ร่วม โลกกันจะต้องทำยังไง มันก็ต้องเป็นสหกรณ์กัน มันจึงไม่มีนายทุนและกรรมกร มีแต่พ่อแม่กับลูกหลาน ก็อยู่กันมาเป็นสุข
ทีนี้พอไอ้เรื่องทาง อ่า, ธรรมมันหายไป เรื่องวัตถุนิยมมันขึ้นมาแทน ไอ้คนมีอำนาจมีกำลังมันก็ เกิดเป็นผู้เห็นแก่ตัว มันรวบรัดอะไรเอาไว้ เป็นนายทุนขึ้นมาใหม่ อือ, ที่นี้มันก็เอาเปรียบทาสนั่นเอง เอาเปรียบทาส เอาเปรียบลูกจ้าง เอาเปรียบอะไรต่ออะไร มันก็เกิดชนกรรมาชีพขึ้นมา เป็นข้าศึกแก่กัน อย่าง เออ, ๑๐๐ % เลย ระหว่างนายทุนกับชนกรรมาชีพ เพราะฉะนั้นโลกที่มีแต่บิดามารดากับลูกหลาน มันก็รักเต็ม ๑๐๐ % เลย ไม่มีศัตรูกัน
แต่เดี๋ยว เดี๋ยวนี้คนไอ้พวกชนกรรมาชีพ มันก็จับกลุ่มกันเป็นลัทธิ Communism ขึ้นมานะ ไอ้พวกโน้นมันก็ต่อต้าน ฝ่ายนายทุนมันก็รวมกันต่อต้าน ไม่ให้ลัทธิ Communism แพร่หลาย เพราะมันจะ ทำลายลัทธินายทุนนี่ มันก็เลยรบกันระหว่างลัทธิ คือ ลัทธิ Communism กับลัทธินายทุนของอเมริกัน ก็ต้องรบกันไปเรื่อย อเมริกันจะมีฝ่ายพรรคพวกที่ไหน กี่ประเทศ ก็ล้วนแต่เป็นนายทุนทั้งนั้นแหละ
ไอ้ Communism จะมีกี่ประเทศ มันก็ล้วนแต่มีไอ้มีมูลรากอยู่ที่ชนกรรมาชีพทั้งนั้นแหละ ฉะนั้นโลกที่ เรียกว่า เสนียด จัญไร อุบาทว์ เลวทรามที่สุดเวลานี้ คือ โลกของนายทุนกับชนกรรมาชีพ
ผิดกับโลกที่น่าชื่นใจของสมัยก่อน ซึ่งเป็นโลกของบิดามารดากับบุตร นี่คุณไปดูไอ้ มองดูไอ้ความ เลวทรามของวัตถุนิยม เอาที่มนุษย์ลุ่มหลงมัวเมาในวัตถุนี้ อร่อยเอร็ดอร่อย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางผิวกาย ทางอะไรก็ตาม อร่อยทาง ทางวัตถุนี้ มันสร้างโลกนี้ให้เป็นโลกของนายทุนกับกรรมกร นายทุนก็มัวเมาไอ้เรื่อง เออ, วัตถุ กรรมกรก็ต้องการจะมัวเมาทางวัตถุ ให้มากที่สุดเหมือนกับนายทุน เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยอมคิดว่า เราต้องเป็นฝ่ายลดลงไป เพราะว่ากรรมมันสร้างมาให้มีสภาพ อย่างนี้ มันไม่ยอม จะทำลายนายทุน ให้ประโยชน์ อ่า, ได้เท่า ๆ กัน คือ จะไม่มี เออ, ชนกรรมาชีพ จะมีแต่ นายทุนกันไปทั้งหมดนี่ มันก็ทำไม่ได้ ไอ้นายทุนจะเอาเปรียบกรรมกรอยู่เรื่อยไป มันก็ทำไม่ได้ เพราะโลกนี้ ก็มีแต่เรื่อง รบ กัน อย่าง เปิดเผยบ้าง อย่างไม่เปิดเผย อย่างเร้นลับบ้าง ไม่มีหยุด ในการรบกันระหว่างลัทธิ เป็นโทษของวัตถุนิยม ทำโลกให้เต็มไปด้วยนายทุนกับชนกรรมาชีพ
ถ้าเป็นเรื่องทางธรรมทางศาสนา ไอ้ลัทธิเลว ๆ อย่างนี้ไม่มี โลกนี้มีแต่พ่อแม่กับลูกหลาน อย่างทางเชียงใหม่ยังเหลือซากอยู่ที่เรียกกันว่า พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงอย่างนี้ นั้นดีมาก คนที่มีอันจะกินมีอะไรนะ เขาทำตั้งตัวเป็นพ่อเลี้ยง แต่ไม่ใช่เลี้ยงอย่างนักเลงอันธพาลอย่างนั้น เขาเลี้ยงอย่าง ที่เรียกว่า เมตตากรุณา ช่วยเหลือเหมือนลูกเหมือนหลานอย่างนั้นนะ มันอาจจะนอกรีตนอกคอกไปเลี้ยงอย่างอันธพาล อย่างนักเลงโต คุมพวกฆ่าฟันกัน อย่างนั้นมัน นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของคำว่า พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง แต่มันอาจจะมีขึ้นได้ เพราะว่าไอ้พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงไอ้รุ่นหลังนี้มันก็เป็นทาสของวัตถุนิยมขึ้นมา
ก็กลายเป็นเลี้ยงคนคุมพวก สำหรับ อ่า, ต่อสู้กันไป นั่นไม่ใช่ความหมายของคำว่า พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง
ดังนั้นคำว่า เจ้านาย ก็เหมือนกันนะ ก่อนนี้มันไม่ใช่นาย อย่างที่เรียกว่า นายทุน มันเป็น
สิทธิอันชอบธรรมนี่ เป็น Privilege เขาเรียกว่า เออ, สิทธิอันชอบธรรม ของคนที่เกิดมา มีสติปัญญา มีสมรรถภาพทางกายทางใจในตระกูลสูงที่สืบกันมาดีอย่างนั้น หลายร้อยชั่วคนแล้ว มันก็ต้องยกให้เขาสิ เพราะมันเกิดมาต่างกัน ก็ควรจะเป็นเจ้านาย ทีนี้เจ้านายนั้นมันก็ประกอบไปด้วยธรรม มีธรรม ไม่ใช่เหมือนไอ้ยุคนี้ นั้นไม่มีปัญหาเลย ว่าเจ้านาย เจ้าแผ่นดินอะไร มันมีธรรม ประกอบไปด้วยธรรม ไอ้เรื่องต่าง ๆ มันก็ไม่มีปัญหาเลย นี่เจ้านายก็ดีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงก็ดี มันก็ถ้าอยู่ในธรรมแล้วมันไม่มีปัญหา
ทีนี้มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยน ค่อย ๆ เปลี่ยน เป็นไม่อยู่ในธรรม ลัทธินายทุน ตั้งเชื้อก่อหวอดขึ้นใน จิตใจของเจ้านาย หรือของไอ้พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงก็ตาม ของกุุฎุมพีที่เขาเรียกกัน มันก็เกิดลัทธินายทุนขึ้นมา ด้วยความคิดที่คดโกงที่สุด ที่จะครอบครองคนอื่นหรือครอบงำคนอื่น นี่เป็นความหมายคำว่า นายทุน ผู้หลง หลงใหลในวัตถุ
ทีนี้ไอ้พวกที่เกิดมามีสติปัญญาน้อย มีแต่หยาดเหงื่อแรงงานมันก็ สู้ไม่ได้แน่นอน สู้ไม่ได้ แต่ไอ้มนุษย์หรือแม้แต่สัตว์มันก็ไม่ยอม มันต้องต่อสู้ มันก็ต้องต่อสู้กันเรื่อย ทีนี้ทางสติปัญญา ทางการ ศึกษา มันทันกันหมด แต่ว่าไอ้ทางลัทธิ เป็นอยู่อะไรมันยังไม่ทันกัน มันก็รบกัน แม้แต่พวกเวียดกง มันยังสามารถทำให้อเมริกันเข็ดฟันเห็นไหม นี่กำลังจะกลับบ้านแล้ว โว้ย, พวกเวียดกง เออ, แท้ ๆ มันยังทำให้อเมริกันเข็ดฟันได้ ทำเล่นกับมันสิ ถ้ามัน มีไอ้นิสัยต่อสู้ที่มันเดือดขึ้นมา
เพราะฉะนั้นอย่าไปเบียดเบียนคนอื่นที่ อ่อนแอกว่าน้อยกว่าอะไรกว่า มันไม่ถูก มันไม่ถูกตาม ธรรมชาติ แม้แต่ลูกหมามันก็สู้ อ่า, ลูกหมาที่ที่ยัง ไม่เกินเดือนนี่ เมื่อ ๒-๓ วันนี้ ผมเข้ามองไปมัน มันก็
ฮู่ ๆๆ มันเห่าแล้ว ไม่มีใครสอนนะ ยังแต่ตัวเล็ก ๆ ยังไม่กินข้าว นี่แสดงว่าไอ้ ความต่อสู้นี่มันเป็น สัญชาตญาณ ชนิดที่ถอนไม่ออก ดังนั้นเราไม่ควรจะเบียดเบียน อือ, คนที่อ่อนแอกว่า เพราะว่า Spirit ของการต่อสู้นั้น ต้องมีอยู่ตามเดิม นี่พวกอย่างพวกเวียดกงนี้ มันก็รอดได้ด้วยลัทธิ อันนี้ของธรรมชาติ มันต้องคิดจนได้ มันไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งสิ้นชีวิตไป มันไม่ยอมแพ้ นั้นเรียกว่า อ่า, โลกกำลัง อือ, เป็นกลียุค เป็นโลกร้าย เพราะว่าลุ่มหลงในวัตถุนิยม
เพราะฉะนั้นควรจะมองดูให้ดี ๆ อย่าได้เผลอตัวลุ่มหลงไอ้ สิ่งที่เรียกว่า วัตถุนิยม จะกินจะใช้ จะแต่งตัวจะอะไรก็ตาม อย่าให้มันเลยขอบเขตไปเป็นวัตถุนิยม อย่างนั้นมันเป็นธรรมนิยม อยู่เรื่อย ให้มันประกอบไปด้วยธรรม มีจิตมีวิญญาณเป็นหลักอยู่เรื่อย อย่าเห็นแก่ร่างกายยิ่งกว่าจิตกว่าวิญญาณ เดี๋ยวมันจะทำให้วิญญาณหรือจิตมันตกต่ำ ไปเป็นทาสของร่างกาย แล้วมันก็ไม่สามารถทำหน้าที่ทางจิต ทางวิญญาณได้ เพราะมันไปเป็นทาสของร่างกายเสียแล้ว นั้นจะต้องมีเก้าอี้อย่างนั้น จะต้องมีเตียงนอน อย่างนี้ จะต้องมีรถยนต์อย่างนั้น จะต้องมีอะไรอย่างโน้นนั่นนะ มันเป็นเรื่องของความที่ เออ, กำลัง
หลับหูหลับตา โง่ เพื่อจะไปเป็นทาสของวัตถุ และเป็นต้นตอรกราก ของไอ้ความยุ่งยากลำบากในโลก
ไปดู โฆษณาโรงแรมชั้นหนึ่งนี่ เขาโฆษณาทับถมกันนะ เออ, คือว่าเขาจะโฆษณาของเขาที่มีดีกว่า ที่ล่อลูกค้านั้นนะ เป็นโรงแรมใหม่ที่สุดที่เชียงใหม่นี้ พรมเปอร์เซียสีแดงเต็มห้อง คือ ไม่มีช่องเหลือ อือ, สักนิ้วเดียวนะ แสดงว่าเขาสั่งพรมนั้นมาเป็นพิเศษ ห้องนี้ขนาดเท่าไหร่ เขาบรรจุพรม วัดลงไปแล้ว มันไม่มี เนื้อที่สักครึ่งนิ้ว โดยรอบเหลืออยู่ ทุกด้าน ทีนี้พวกฝรั่งมันก็บ้าแสนบ้านะ พวกฝรั่งนี่มันโง่แสนโง่ บ้าแสนบ้านะ พอมันได้ยินโฆษณาอย่างนี้ มันอยากมาพักโรงแรมนี้เลย เออ, ไอ้โรงแรมที่ปูพรมไม่เต็มห้อง หรือว่าต้องหลายผืนชนกัน หรือจะ มันไม่เอานะ มันมีเงินมาก อือ, แล้วมันทำให้ยุ่งเท่าไหร่ มันทำให้เสีย เวลาเท่าไหร่ เสียเงินเท่าไหร่ ลองคิดดูก็แล้วกัน
ทีนี้มันไม่ใช่แต่เรื่องพรมปูห้อง มันมีเรื่องอื่นอีกตั้งแยะ นั่นนะมันกำลังบ้า ๆ ๆ ๆ กันไปแต่เรื่อง อย่างนี้ นี่ปฏิกิริยาของไอ้ วัตถุนิยมที่มันแสดงออก แต่เขานิยมว่าดี วิเศษ ๆ สูงสุด อ่า, มีเกียรติที่สุด ที่ได้พักโรงแรมอย่างนี้ ไม่รู้สึกว่านี้มันคือความโง่ที่สุด มันมีทุกเรื่องไปหมด ผมนอนได้เป็นปี ๆ ไม่เคยปูเสื่อหรอก ไม่เคยปูเสื่อเลย นอนกระดานจนลื่นเห็นไหม ไม่เห็นเป็นอะไร เจ็บไข้ได้ป่วยหรือมี กรณีพิเศษ จึงจะรองเสื่อ รองอะไรบ้าง ดังนั้นเรา กำลังระมัดระวังตัวหรือว่า นอนหัวเราะวัตถุนิยมอยู่ บ่อย ๆ ไม่ให้เผลอตัว
แต่มันก็มี ดูคุณก็ดูเถอะ มันคืบคลานเข้ามาได้ โดยคนนั้นคนนี้ เอานั่นเอานี่มาให้ อย่างนั้นนะ ไม่จำเป็นหรอก แล้วเขาบอกไว้เสมอว่า ไอ้สิ่งที่กำลังหลงกันอยู่หรือว่าอะไร มันเรื่องบ้านี่ไม่จำเป็น รวมทั้งเรื่องไฟฟ้านี้ด้วย ไม่มีก็ได้ เมื่อผมไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำงานเป็นคุ้งเป็นแคว ที่อ่านกันอยู่เวลานี้นะ พอกลางคืนก็ไม่ทำด้วย บางที ทำแต่กลางวัน หนังสือมากมาย ไอ้หลายที่ยังเขียน เมื่อสมัยที่ยังไม่ได้อยู่
กุฏิที่มีไฟฟ้า มีตะเกียง เออ, หลอด บางทีก็จุด บางทีก็ไม่จุด
แล้วเดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่ได้ มันประดังกันเข้ามา เพราะว่ามันแก่ชราบ้าง มันมีเรื่องมากบ้าง มีแขกมากบ้าง กำลัง ไอ้ มี ไอ้สิ่งรบกวนอย่างอื่นบ้าง จนเขียนไม่ได้จน ทำอะไรไม่ได้ เออ, นอกจากพูด ๆ ไป โดยไม่ต้องลำบาก เพราะเราคิดว่าจะให้สะดวกแก่แขก เอ้า, เรามีไฟฟ้า พวกแม่ครัวลำบากนัก เอ้า, ก็มีไฟฟ้า อะไรก็มันจะต้องเพื่อคนอื่น มันจะต้อง โตต้องเปลี่ยนแปลง ต้อง อะไรก็ต้องใช้กระแสไฟฟ้า นี่มันก็เกิดขึ้นมา เสร็จแล้วดูให้ดี มันก็ยัง ไม่ค่อยคุ้มกัน ฉะนั้นถ้ามันมีไปได้โดยไม่ต้องลำบากนัก ก็ลองมีไปดูก่อน ถ้ามันลำบากนักก็ตัดทิ้งออกไป มันไม่ ไม่ใช่เรื่องวิเศษที่จะต้อง ไปบูชาไปอะไร นี้เรื่องอะไรอื่น ๆ ก็เหมือนกันอีกแหละ
แต่ว่าบางเรื่อง อ่า, บางสิ่ง ของบางสิ่ง มันก็ยังมีประโยชน์ เช่นว่า ปากกาหมึกซึม นี้มันก็ให้ ความสะดวกมาก ในการเขียนหนังสือ ถ้าดินสอต้องเหลาเรื่อย คนที่ชื่อ นายทับ ลำดับวงศ์ (นาทีที่ 47:53) เขาเคยอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ที่สนามจันทร์ เช้าขึ้นเขาต้องเหลาดินสอ ๓ โหล นี่เห็นไหม ดินสอดำนี่ เหลา ๓ โหล ให้แหลมพอดี มัดไว้ ๓ มัด ๓ โหล ใส่ไว้ในที่ใส่ ในหลวงจะเขียนหนังสือ ด้วยดินสอดำ อันนี้ทื่อทิ้ง อันนี้ทื่อทิ้ง อันนี้เขียน ดินสอ ๓ โหล เพื่อเขียนหนังสือวันหน่ึง ไม่ชอบปากกา หมึกซึม ผมก็ว่าเข้าทีอยู่เหมือนกันนะ ในหลวงรัชกาลที่ ๖ เขียนดิน เออ, หนังสือด้วยดินสอดำ แต่ว่าถ้า เรามัน เออ, หรือว่าไอ้ ไอ้ปากกาหมึกซึมที่มันมีน้ำหมึกไหลสม่ำเสมอ นี้มันดีกว่าดินสอดำ เดี๋ยวมันทื่อ เดี๋ยวมัน แหลม ลำบาก
หรือว่าเครื่องพิมพ์ดีด ที่ใช้สะดวก ๆ นี้มันก็ดี อย่างผมเดี๋ยวนี้ยอม ยอมสารภาพว่า ถ้าจะเขียน อะไร หลายบรรทัดหน่อยต้องใช้พิมพ์ดีด เขียนด้วยมือไม่ได้ มือมันสั่น แล้วมือมัน บังคับไม่อยู่ มันเขียนอ่านยาก แล้วข้างต้นอย่างปลายอย่าง ลำบากแก่คนอ่าน มันต้องใช้พิมพ์ดีด แล้วพิมพ์ดีดนี้เร็วกว่า เขียนสำหรับผม ทำได้เร็วกว่าเขียน แล้วทันกับหัวที่มัน เออ, มันแล่นไปเร็ว ถ้ามัวเขียนอยู่มันเขียนไม่ทัน กับหัวมันลืม ชะงักงันได้ ถ้าพิมพ์ดีดมันพอจะทำทันกันได้ กับไอ้ความคิด ที่มันไหล แม้แต่เขียนจดหมาย ก็ต้องทำด้วยพิมพ์ดีด ไม่ใช่ว่าเพราะจะอวดเครื่องพิมพ์ดีด มันทำไม่ได้ ด้วยการเขียน ด้วย ๆๆ มือนั้น
เพราะฉะนั้นการเขียนด้วยดินสอหรือ เออ, ปากกานี้เป็นส่วนน้อย มัน มันโน้ตหัวข้อ อย่างขี้เกียจ ๆ นี้ กลัวกลัวจะลืมเสีย จะเขียนจดหมายเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเขียนเรื่องเขียนราว ต้องใช้ พิมพ์ดีดนี้ แล้วมันยังสะดวกที่ว่า มันได้ ๓ ก๊อบปี้อย่างนี้ ส่งไปอันหนึ่ง เออ, เก็บไว้เป็นหลักฐานอันนี้ อันหนึ่ง แล้วยังไว้สำหรับขูดแก้ แก้ไขเป็นวิชาความรู้อีกอันหนึ่ง มันดีกว่าอย่างนี้ จะเป็นจดหมายก็ตาม อะไรข้อเขียนก็ตาม มันต้องทำ ๓ ก๊อบปี้ ดังนั้นเราก็ยอม ว่าไอ้พิมพ์ดีด หรือผลิตผลของความก้าวหน้า ทางวัตถุนี้ ก็มีประโยชน์
แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ใช้กัน ในลักษณะอย่างนี้ เขาใช้ในทางฟุ่มเฟือย แล้วไปใช้ในเรื่องที่มันที่ไม่มี ประโยชน์แก่ใคร ไปพิมพ์เรื่องชนิดที่ทำลายศีลธรรม หรือแม้ไอ้การเศรษฐกิจ การอะไรก็ตาม เป็นเรื่อง ทางโลกให้ยุ่ง ไม่จำเป็นจะต้องทำ ดังนั้นเราต้องรู้ว่า แค่ไหนพอดี แค่ไหนเกินไป เรื่องของวัตถุ เพราะคนเราก็มีร่างกายและมีจิตใจ นั้นต้องกินข้าว กินปลา กินน้ำอะไร มันเท่าไหนพอดี และอาหารอะไร ที่มันเกินไป หรืออะไรที่มันเกินไปอีก มันก็ไม่ควรจะมี
ทีนี้ยังมีปัญหา เช่น น้ำแข็งอย่างนี้ เออ, คุณดูน้ำแข็งอย่างนี้ ผมก็นึกมาก ไม่ ไม่ใช่ไม่นึก นึกในแง่ ที่ว่ามันไม่จำเป็น อยู่เสมอ เพราะว่าน้ำแข็งส่วนมาก มันถูกใช้ในแง่ เกิน เกินจำเป็น อันที่จำเป็นแท้ ๆ มันใช้ส่วนน้อย น้ำแข็งในโลกเวลานี้ ใช้ที่ส่วนจำเป็น ๑ % เท่านั้น ๙๙ % นั้นไม่จำเป็น ใช้แต่กินให้อร่อย หรือให้อะไรกัน มันทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มันไปทำสำหรับคนที่กินหรูหราฟุ่มเฟือยทั้งนั้น เด็ก ๆ มันกำลังจะ เสียนิสัย เด็กสมัยก่อนมันกินน้ำ หลังจากกินข้าว เด็กสมัยนี้บ้านมีอันจะกินหน่อย เออ, มันก็คว้าไอ้โคล่า จากในตู้เย็นมาดูดกินแทนน้ำ หลังจากกินข้าวแล้ว แล้วมันก็กินนิดหนึ่ง เหลือมากกว่า ๓ ส่วน ๔ มันก็ทิ้งไป อย่างนี้คนโบราณเขาเรียกว่า ไอ้ชาติอุบาทว์เลย ไอ้คนอุบาทว์ไอ้คนเลวทรามเลย ถ้า ๆๆ พ่อแม่ของเราอ่ะ ทำอย่างนี้เขาเรียกว่า ชาติอุบาทว์เลวทราม
เดี๋ยวนี้มันไม่มีใครว่า พ่อแม่กลับจะ รู้สึกภูมิใจเสียอีกบ้านเราฐานะสูง ลูกเราก็ทำอย่างนี้ได้ นี่ไม่อุบาทว์ แล้ว แล้วบ้านเมืองมันจะไปยังไง คิดดู มันต้องใช้เงินเท่าไหร่ มันจะต้องไป ดูดรีด ขูดรีดเอามา เท่าไหร่ แล้วมันไม่ต้องมี ก็ได้ ให้รกรุงรัง ถ้าเรากินเป็นครั้งเป็นคราว ใช้เป็นครั้งเป็นคราว มันก็ดีอยู่
ผมก็เคย ค้านหรือ เออ, ถกกับนายธรรมทาส นายธรรมทาสเขาคน ชนิดที่อาจจะมากเกินไปก็ได้ เขาแอนตี้น้ำแข็ง ว่ามัน อุณหภูมิเท่านั้น อย่างอื่นไม่มีประโชยน์อะไร มันก็จริงของเขา น้ำแข็งมันก็คือ อุณหภูมิที่ต่างกันเท่านั้น กินน้ำไม่ มีอุณหภูมิเท่านั้น มันก็กินได้ แต่ไม่ถูกหรอก อุณหภูมิไม่ใช่มี ความหมายเพียงอุณหภูมิ มีความหมายในทางเพิ่มรสเพิ่มชาติ เพิ่ม ไอ้ความผันผวนเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย เช่น คนเป็นลม เอาน้ำเย็นลูบมันหาย เอาน้ำร้อนลูบตายเลย นี่มันจะถือว่าเพียงอุณหภูมิไม่ได้
ไอ้อุณหภูมิ นี้มันมีผล ทาง Physical มาก ฉะนั้นน้ำแข็งมันก็มีผล ส่วนที่มันมีผล แต่ส่วนที่มันใช้ ไปในทางฟุ้งเฟ้อ มันก็มากเหมือนกัน ตัวเรา เออ, กินน้ำใส่น้ำแข็งนี้ มันก็รู้สึก สบายหรืออร่อยกว่า มันก็จริงอยู่แล้ว แต่ว่าจะทำกันจนเป็นของ อือ, ฟุ่มเฟือยกันนั้น มันก็ไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่เราต้องการจะป้องกัน และต่อต้านยังไม่ค่อยไหวเลย เพราะว่าคนรอบตัวเรามันกิน แล้วมันก็ยัดเยียดให้เรากินอย่างนี้ เวลาผมไป กรุงเทพฯ ผมจะ จะเผชิญไอ้เรื่องอย่างนี้ คือมันมีของรอบด้านประดังมา ยัดเยียดให้กิน เกินความจำเป็น ทุกอย่างทุกประการอย่างนี้ แต่นั่ง นั่งปลงสังเวชดู ไอ้นี่มันจะไปทางไหนกัน ไอ้เราก็ยอมแพ้ อา, มันก็ต้องกินต้องอะไรไปตามสะดวก หนักเข้ามันเสียนิสัยเหมือนกันนะ ไอ้ที่ที่ว่าทำไปเพื่อ ขัดไม่ได้ เสียไม่ได้ นานเข้ามันเสียนิสัย
นี่คือความที่ น่าอันตราย ความที่โลกมันอยู่ใน สถานะที่น่าอันตราย อย่าทำเล่น อย่าประมาท หรืออย่าทำเล่นกับโลกสมัยนี้ พร้อมกับอย่าทำเล่นกับธรรมะ ธรรมะมัน มีอะไรมาก เกินกว่าที่โลกสมัยนี้ จะเข้าใจได้ แล้วโลกสมัยนี้มันก็บ้า จัดจนไอ้เรารู้ไม่ถึง รู้เท่าไม่ถึง ดังนั้นรวมความแล้วไอ้วัตถุนิยม กับคำว่า ไอ้ธรรมนิยม วิญญาณนิยม นี้มันตรงกันข้าม เดินกันคนละทาง วัตถุนิยม จะทำให้โลกเต็มไปด้วยนายทุน กับกรรมกร ธรรมนิยม จะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วย พ่อแม่กับลูกหลาน แล้วคุณเลือกเอาเอง
พวกฝรั่งจะฟังเราพูดถูกหรือไม่ ก็ยังเป็นปัญหา เว้นไว้แต่มันจะ รบราฆ่าฟันกันให้เจียนตาย ให้ เหลือ อดเหลือทน แล้วมันจึงจะฟัง เวลานี้ มันยังพูดกันไม่รู้เรื่อง พวกนายทุนอยากจะสงวนความเป็น นายทุนไว้อย่างไม่ยอมฟังเสียงอะไร พวก Communist ก็ไม่ยอมคิดว่าเรา กรรมเขามาสร้างมาสำหรับ จะเป็นชนกรรมาชีพ ก็ต้องเป็นชนกรรมาชีพที่ดี ทำตนเป็นลูกเป็นหลาน ของคนที่ร่ำรวยกว่า ก็ ก็หมด ปัญหากันแล้ว นี่มันก็ไม่ยอม มันก็ต้องรบราฆ่าฟันกันไปเรื่อย เป็นโลกของการ เออ, ทำลายล้างกัน
ไม่มีที่สิ้นสุด
นี่เรายังมีโชคดีที่มานั่งกันอยู่ได้ที่นี่ ในสถานที่อย่างนี้ ในสภาพเช่นนี้ มันควรจะมองเห็นอะไรบ้าง อย่าไปลุ่มหลง อย่าไปมัวเดินตามก้นฝรั่ง เหมือนสุนัขตัวผู้เดินตามก้น ดมก้นสุนัขตัวเมีย เออ, พูดอย่างนี้ มันลืมยากใช่ไหม ว่าอย่าไปหลงวัตถุนิยม เดินตามก้นฝรั่ง เหมือนสุนัขตัวผู้เดินตามดมก้นตัวเมีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเณร จะทำอย่างนั้นไม่ได้ มันสูญเสียความเป็นพระเป็นเณร ดังนั้นไปดูอะไรมัน เหลือเกิน เหลือความจำเป็น ขว้างทิ้งมันเสีย ให้มันเหลืออยู่เท่าที่มันจำเป็น แก่ส่วนตน เท่าส่วนของ พราหม (นาทีที่ 58:38) ของสงฆ์ ของอย่างอื่น ที่มันมีหน้าที่การงานอย่างอื่นนั้น ก็อย่าเพิ่งไป ยุ่งย่าม เกี่ยวข้อง แตะต้อง มันจะเป็นคนสู่รู้ เป็นคนเสือกกระโหลก (นาที่ที่ 58:50) เป็นอะไรไปเสียอีก
ระวังให้ดีว่าเราไม่ เป็นทาสวัตถุนิยม ไม่บูชาเครื่องมือหรือวิธีการทางวัตถุหรือทางกาย แต่บูชา เออ, เครื่องมือหรือ วิธีการทางจิต ทางวิญญาณ แม้จะมีโรงหนัง ก็เรียกว่าโรงหนังทางวิญญาณ อย่างนี้ เป็นต้น แล้วทำเป็นวิญญาณจริง ๆ อย่าวิญญาณ ตลบแตลง หน้าไหว้หลังหลอก ทำเป็นเรื่องธรรมะแท้ ๆ จริง ๆ ซื่อตรง เฉียบขาด ในความตรงความจริง ในลักษณะที่เขาเรียกว่า ถูกต้องและพอดีนะ
ที่จริงถ้าพูดว่าดีว่าถูกแล้ว มันพอดีเสมอแหละ ที่เรียกว่า ดีเกินไปถูกเกินไปนั้นมันไม่มี แต่ภาษา พูดมันมี คือมันบ้า คนบ้ามันจะดีหรือจะถูกได้อย่างไร ถ้าดีเกินไปถูกเกินไปนั่น มันก็เรื่องบ้าเรื่องผิดทั้งนั้น ถ้าดีถ้าถูก แล้วต้องพอดีเสมอ ไม่อย่างนั้นไม่ดีไม่มีถูก เพราะฉะนั้นพูดแต่ว่า ดี เออ, ดีหรือดีจริง อย่างมาก ก็พอ อริยสัจ ตัวนี้่ล่ะจริง จริง เออ, ที่วิเศษ จริงที่ไม่มีทางที่จะผิดนะ
เพราะฉะนั้นการที่จะยึด เรื่องดีเรื่องจริงนั้นต้องมีสติปัญญา ยึด ไม่อย่างนั้นมันเป็นอะไร ไอ้ที่เกิน ไปนี่ จนตนเองต้องตายในที่สุด ไปยึดจริงยึดดีมากเกินไป จนตนเองต้องตายในที่สุด เขาเรียก เถรตรง ตนเองก็ต้องตายแล้วพาคนอื่นพลอยตายอย่างนี้ เรียกว่า เถรตรง มันยึดมั่นหลับหูหลับตา เรื่องดี เรื่องจริง เรื่องถูก เรื่องวิเศษนะ มันไม่ ไม่มีทางที่จะถูก หรือว่าจริงไปได้ ไอ้มานะทิฐิ เป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่น แล้วมันก็กำลังยกหูชูหางไม่ยอมลด ท้ายที่สุดต้องตายเอง แล้วชวน พาผู้อื่นตายด้วย
แต่ถ้า อ่า, เดินให้ถูกต้อง ไม่ต้องเรียกว่า ยึดมั่นถือมั่นด้วยสติปัญญาอย่างนี้ หรือจะยึดอย่าง แน่นแฟ้นก็ยึดแต่สติปัญญานี้ ไม่ ไม่มีทางจะทำให้ตัวเองตายหรือใครตาย ไม่ต้องยกหูชูหาง พูดอย่างนั้น ก็แล้วกัน ถ้ามันมีเรื่องจริง จริงอย่างเครียด อย่างยกหูชูหาง อย่างอึดอัดไปหมดแล้ว ก็เรียกว่า ตัดทิ้งได้ ตัดทิ้งได้เลย ไม่มีทางจะถูกต้อง เป็นเรื่องมุมานะ ด้วยอำนาจโลภะ โทสะ โมหะ ไอ้อุปาทาน กิเลส ตัณหา พวกนี้ อย่ามี
ไอ้พวกกินเหล้าแก้กลุ้ม พวก อ่า, ทำดีประชด ชั่วแล้วอย่า อย่าต้องมี ก็อย่าไปพูดถึงดีกว่า แม้จะ แต่จะทำดีประชด กิเลส ก็ไม่ ไม่ ไม่ควร ไม่ควรทำ ถ้าทำดีแล้วมันดีก็แล้วกัน อย่าประชดอะไร นี่มานะทิฐิ ยังมีอยู่ ก็ทำดีประชดชั่ว ทำ เออ, ดีประชด กิเลส ผลสุดท้ายมันก็เห็น ๆ กันอยู่ มีความทุกข์ส่วนตัวบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้างอย่างนี้ นี้วิญญาณมันตกต่ำ คือ มันไม่มี ไม่มีความสูงทางวิญญาณเสียเลย ทางจิตก็ไม่มี มีแต่ทางกาย คือ กิเลส ตัณหา นี้ก็ยกเป็นเรื่องทางกาย แม้ว่ากิเลส ถือเป็น เป็น อ่า, เป็นเรื่องจิต เป็นตัวจิตนะ แต่ว่ากิเลส นี้ก็เอาไว้กับวัตถุ ไว้กับกาย
ทีนี้คุณถวิล ชอบคำว่า วัฒนธรรม
ทีนี้วัฒนธรรมมัน จะต้องเป็นไปในทางที่ สูงขึ้นไปตามลำดับ จริง ไม่ใช่รกรุงรังสกปรกแล้วไหล ไปทางต่ำ ฉะนั้นไอ้เรื่องวัฒนธรรมต้องเป็นเรื่องจิต เรื่องวิญญาณหมด เพื่อควบคุมวัตถุ คนเราจะอยู่โดย ปราศจากวัตถุนี้ไม่ได้ แต่พอเราโง่เป็นทาสของวัตถุ วัตถุก็จะกดเราจมลงไปในความทุกข์ ดังนั้นเราต้องมี วัฒ วิด วัฒนธรรม หรือธรรมะทางจิต ทางวิญญาณ เป็นหลัก เพื่อควบคุมวัตถุ แล้วก็อยู่เหนือวัตถุ กินวัตถุ ใช้วัตถุ อะไรวัตถุได้ โดยที่วัตถุไม่กินเรา ไม่ใช้เรา ไม่บังคับเรา นี่คือวิธี หรือว่าหลัก การของพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้า พระองค์สอนแต่เรื่องให้ชนะวัตถุ คือ โลกุตระ ให้ชนะวัตถุ เรื่องวัตถุ เรื่องโลกียะ เขาสอนกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องสอนอีก มีแต่หลงมีแต่มาก มีแต่เกินไป
เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาทุกคำพูด ทุกประโยคทุกข้อ ต้องเป็นไปเพื่อชนะวัตถุหรือชนะโลก ดังนั้นผมจึงยังคงยืนยันว่า พุทธศาสนาต้องสอนเรื่องเหนือโลกเสมอไป จะสอนเรื่องโลกียะ หรือเป็นทาส วัตถุนั้นไม่ได้ ที่จะเอา ที่จะพูดว่าเอาเรื่องมรรค ผล นิพพานไว้เสียก่อน ทำความเจริญทางวัตถุทางโลก นี้คือคำพูดที่ผิด ผิดหลักพุทธศาสนา เป็นคำพูดของคนบ้า พูดอย่างหลับหูหลับตา โดยที่ไม่รู้อะไรจริง
เพราะฉะนั้นเรื่องศีลก็ดี เรื่องทานก็ดี เรื่องอะไรก็ดี เพื่อไว้ให้มีจิตใจ เออ, อยู่เหนือกิเลส ไว้เรื่อย ให้ทานก็เพื่อเหนือกิเลส มีศีลก็เพื่อเหนือกิเลส สมาธิปัญญาก็เพื่อเหนือกิเลศ แล้วควบคุมวัตถุทั้งนั้น อยากมีทานมีศีลเพื่อมีชื่อเสียง เอาชื่อเสียงไปหาวัตถุ แล้วก็ร่ำรวยด้วยวัตถุ เหมือนที่เขาจะสอน ๆ กันอยู่ ด้วยซ้ำไปนี่ ไม่ถูก อย่างนั้นไม่ถูก ไม่ใช่พุทธศาสนา
บางทีพระด้วยซ้ำไป สอนกันว่าให้มีชื่อเสียง ให้ ให้เด่นดีมีชื่อเสียง แล้วลาภสักการะจะมีมาเอง อย่างนี้ นี่เป็นคำสอนที่ผิด พระพุทธเจ้าปฏิเสธเลยว่า พรหมจรรย์นี้มิได้มีลาภสักการะเป็นอานิสงส์ เป็นวัตถุที่มุ่งหมาย แต่พระก็ยังสอนพระให้แสวงหา สักการะ อ่า, ลาภสักการะชื่อเสียง ก็ตามใจเขา เรากำลังมองดูไอ้ความเป็นจริงในโลก ที่กำลังเดือดร้อนเพราะวัตถุนิยม วัตถุนิยมทำให้เกิดกรรม อ่า, นายทุนกรรมกร แล้วก็รบกัน ตามประสาวัตถุนิยม ไม่มีทางแก้ไขได้ จะหยุดเรื่องนี้ได้ ก็ทำโลกให้ อยู่เหนือวัตถุ เป็นโลกของธรรมนิยม มีแต่พ่อแม่กับลูกหลาน อยู่กันเป็นผาสุกในโลกนี้
เดี๋ยวนี้เราถึงเวลาแล้ว ที่จะพูดกันตรง ๆ ไม่เกรงใจใคร ในลักษณะที่เห็นว่ามันมีประโยชน์ แม้เขาจะโกรธ มันก็ยังมีประโยชน์ มันก็ไม่เกินไป แต่ก็ไม่บ้าบิ่นจนทำเรื่องทำราวให้เกิดขึ้น ลำบากเปล่า ๆ มันก็ดู บุคคล ดูเวลา ดูสถานที่ที่จะต้องพูด ให้มันมีผล ก่อนนี้ดูเหมือนจะไม่กล้าพูดกันเสียทีเดียว เพราะเหตุอะไรก็ ก็ไม่ ไม่น่าจะเอามาพูดอีกนะ มันเป็นเรื่องติเตียนกันเอง สาวไส้ให้กากิน ถึงความโง่ ความเลว ความหลง ความไม่เพียงพอ ของ พุทธบริษัทเราอย่างนี้
พูดกันแต่เรื่องที่จะต้องทำข้างหน้า ให้ถูก ให้มีประโยชน์ ถ้าคนอื่นไม่ทำ เราทำ เหลือเป็นคน สุดท้ายเราก็ยังคงทำอยู่นั่น เราทำไปจนตาย ถ้าไม่มีใครทำ เราก็จะทำคนเดียวไปจนตาย ในทางที่ถูกที่ควร เดี๋ยวนี้ไม่มีใคร เขามองกันอย่างนี้ เขามองแต่เรื่องวัตถุ เรื่อง ลาภสักการะ อีกไม่กี่ปีเขาก็หลอกให้ผู้หญิง แก้ผ้าประกวดกันท่ามกลางชุมนุมชน เหมือนเดี๋ยวนี้ได้ เดี๋ยวนี้ยังนุ่งผ้านิดหนึ่ง
ไอ้นั้นมันเป็นเรื่องที่จะต้องไป ๆ ๆ ไปตามประสานะ ทำให้เด็กหญิงโง่ลง ๆ จนถึงขนาดว่า เราไม่มีอะไรจะประกวดกันแล้ว นอกจากไอ้แขนขาที่ อวัยวะอะไรเหล่านี้ ทำให้คนเลว เป็นภูติปิศาจ แต่เขาก็ว่าดี มีประโยชน์อะไรอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็ถูก มันมีประโยชน์ทางวัตถุนิยมนี่ ก้าวหน้ามาก และมีประโยชน์ทางวัตถุนิยม ตามผู้ที่ลุ่มหลงวัตถุนิยม แต่มันผิดสำหรับเพื่อความสงบสุข เพื่อความ บริสุทธิ์สะอาด เพื่อความเป็นอยู่ อย่าง เออ, สงบสุข นี่วัฒนธรรมกำลังไปทางไหน สูญเสียความเป็น วัฒนธรรม อือ, ไปทุกที อ่า, อย่างไร ก็ดูเอาก็แล้วกัน นี่คือ วัฒนธรรมทางโลก เวลานี้
ดังนั้นการที่ไปโลกพระจันทร์ได้ ไปอะไรได้ ไม่ใช่วัฒนธรรม เรื่องบ้าเรื่องหลงที่จะเอาเปรียบผู้อื่น แต่พวกวัตถุนิยมก็จะถือว่า เป็นวัฒนธรรมเป็นอะไร ที่จะก้าวหน้าของมนุษย์ต่อไปอีก ไอ้ ไอ้พวกนักแปล ของเราที่สถานีวิทยุกระจายเสียง มันจะมีความรู้ภาษาอังกฤษดีหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบนะ ไอ้ข่าวนั้นมันถูก แปลออกมาว่า ใช้คำว่า สิ่งสุดวิสัย ว่าท่านประธานาธิบดีจอห์นสัน ได้กล่าวว่า เดี๋ยวนี้เราประสบความ สำเร็จถึงขนาดที่ทำ สิ่งสุดวิสัยได้ คือ การไปรอบ โคจรรอบพระจันทร์นี่ เมื่อก่อนนี้ เออ, ไม่มีใครจะเป็น ทำ จะทำได้ ความสำเร็จใน ในขั้นถึงสุดวิสัยของมนุษย์ หรือนอกวิสัยของมนุษย์
ไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษนั้นนะมันว่าอย่างไร และไอ้ความรู้ของพวก สถานีวิทยุที่แปลคำนี้ เขียนข่าวนี้ มันมีแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าว่า ถือว่าเรื่องนี้สุดวิสัย แล้วผมว่ามันบ้าที่สุดเหมือนกัน ไอ้เรื่องไปโลกพระจันทร์ หรือโลกอะไรได้นี้ ที่แท้มันก็เรื่องธรรมดาสามัญ ไม่ได้สุดวิสัย ใน ในต่อไป ก็เป็นเรื่องของเด็กอมมือ เมื่อบ้ามากเข้ามันก็ทำได้ไม่ว่าอะไร การไปนอกโลกชนิดนี้ ไม่ใช่สุดวิสัย การไปนอกโลก อ่า, อ่า, เหนือโลก ทางจิต ทางวิญญาณ ยังจะเรียกว่า สุดวิสัยกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าสุดวิสัยหรอก อยากรู้ไอ้เรื่องนิพพาน เป็นเรื่อง สุดวิสัย เรื่องบรรลุนิพพาน ก็ไม่ใช่เรื่องสุดวิสัย
ทีนี้ถ้าเอาโลกุตระ มาเปรียบเทียบกับไปโลกพระจันทร์นี้ เรื่องไปโลกพระจันทร์นี้มันก็เป็นเรื่อง เด็กอมมือ ไม่ใช่สุดวิสัย ถ้าประธานาธิบดีจอห์นสัน ใช้คำว่า สุดวิสัยจริง จริงแก่ก็เป็นเด็กอมมือ แต่นี้ยังมี เผื่ออยู่ว่า ไอ้ พวกเจ้าหน้าที่วิทยุกระจายเสียงของเรานี้ ไม่รู้ภาษาอังกฤษพอ ที่จะแปลคำนี้ออกมา แล้วก็ แปลว่า เรื่องสุดวิสัย ของมนุษย์ มันก็เป็นเรื่องฟ้องตัวเอง สุดวิสัยอะไร มันต่อไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ก็ไปเอาเรื่องสุดวิสัยของคนโง่ มาเป็น มาเป็นมาตรฐาน มันก็ใช้ไม่ได้ ถ้ายังลุ่มหลงวัตถุอยู่ ต้องถือเป็น คนโง่แล้วกัน ต้องถือว่ายังเป็นคนโง่อยู่
นี่เรื่องวัฒนธรรม มันไปถึงไหนมันไปอย่างไหน เอาเรื่องนี้เป็นยอดสุด ทางวัฒนธรรม
มันก็แย่ นี่เราพูดกันว่า ธรรมะที่ทำความเจริญ หรือวัฒนธรรมในโลกนี้ กำลังอยู่อย่างน่า น่าวิตก
อย่างน่าหวาดเสียว น่ารังเกียจเกลียดชัง เอาละพอกันที สำหรับเวลาวันนี้ การพูดอย่างกันเองที่นี่ ห้ามไม่ให้เอาไปโฆษณา เพราะมันออกชื่อคน ดังนั้นเทปเหล่านี้สงวน ไม่ให้เอาไปก๊อบปี้