แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พิธีกร : ญาติโยมทั้งหลายต่อไปนี้พระอาจารย์พยอมจะมาทำหน้าที่แทนพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ในการอนุโมทนาทานที่ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมจิตร่วมใจมาทอดผ้าป่า ณ โอกาสบัดนี้ขอนิมนต์ท่านอาจารย์พยอมมาอนุโมทนากถาดังต่อไปนี้
เริ่มถอดความ ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่พระคุณเจ้าและท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทุกท่าน ในวันนี้ท่านพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ก็ได้มอบให้อาตมาได้มากล่าวอนุโมทนา โดยเฉพาะท่านก็ตั้งให้หัวข้อมาด้วยว่า “เอาบุญมาให้ เพราะไปทำบุญมา” ให้บรรยายในหัวข้อว่า “เอาบุญมาให้ เพราะไปทำบุญมา” เรื่องนี้เป็นประเพณีของชาวพุทธ สมัยก่อนนี้เห็นกันอยู่มากทีเดียว เช่นคนหนึ่งไปวัด พอกลับมา เห็นใครดายหญ้า ทำไร่ไถนาอยู่ ในที่ทำนา หรือในบ้านก็ตาม มักจะร้องดังๆว่า “เอาบุญมาให้นะ วันนี้ฉันไปทำบุญมา” นี่เป็นประเพณีที่กระทำกันสืบๆมาว่า “ฉันไปทำบุญมา เอาบุญมาให้” แสดงถึงว่าไม่ขี้เหนียว ในการที่จะแบ่งบุญ ทำความดีแล้วก็ไม่เห็นแก่ตัวยังจะแบ่งให้คนอื่นอีก ซึ่งเรื่องนี้เวลานี้กำลังริบหรี่หายไป ซึ่งได้เกิดขึ้นกับอาตมาเองได้เห็นบ่อยจังเลย คือคนขี้เหนียวบุญ ที่วัดนี่มีคนมาจองกฐิน เมื่อปีแรกๆ แกจะจองคนเดียวเลยไม่ให้คนอื่นร่วม แกบอกว่า ถ้าคนอื่นร่วมแล้วเดี๋ยวบุญของฉันจะได้ไม่เต็มที่ ถูกแบ่งไป แล้วก็เคยมีครั้งหนึ่งพระบวชใหม่ ประเพณีของทางภาคกลางหรือที่อื่นๆก็คงจะมี เวลาพอจะสึกนี่ พระที่สึกใหม่ๆ เขาจะมีประเพณีไปไหว้ญาติโยมที่ไปบิณฑบาต ไปไหว้เสร็จแล้ว ก็บอกว่า ขอแบ่งบุญให้นะที่ผมได้เข้าไปบวช ๓ เดือนในพรรษานี้ ได้ทำอะไรดีๆก็ขอมาแบ่งบุญให้ ปรากฏว่า มีพระองค์หนึ่งซึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่นี่ แกก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ พอมาถาม
“เอ, นี่จะไปไหว้เขา ต้องทำยังไงบ้างนี่ “
ก็บอก “ไปแบ่งบุญสิ ที่เราทำอะไรดี แล้วก็ที่เขาทำอะไรดี ช่วยตักบาตรอะไรต่ออะไรในพรรษาเรานี่ ที่ได้อยู่มาตลอดปี”
“ เอ, ถ้าแบ่งไปหมดผมจะได้เต็มที่ยังไง ผมมีเวลาบวชแค่ ๓ เดือน ไปแบ่งให้โยมหมดแล้ว จะเหลือสักเท่าไหร่”
เข้าใจผิด เรื่องบุญนี่ ท่านอุปมาเหมือนเทียน การไปทำบุญแล้วมาต่อ มาแบ่งบุญ มาอนุโมฯให้คนอื่นได้อนุโมทนาด้วยนี่ เขาเรียกเหมือนกับ อุปมาเหมือนกับเทียน คนที่จุดเทียนขึ้นเล่มหนึ่งนะมันสว่างไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าให้คนอื่น ต่อ ๆๆๆๆกัน เทียนหลายแท่ง มันก็จะเป็นพลังแสงที่ยิ่งใหญ่ที่สว่างไสวมากมาย เพราะฉะนั้นการทำบุญแล้วแบ่งให้คนอื่นนี่ มันจะเหมือนการจุดเทียนขึ้นหลายแท่งในหัวใจของเราเองก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอิบ แล้วคนอื่นยังอิ่มเอิบ ปลื้ม ปีติ ปราโมทย์กับเราไปอีก นี่เรียกว่าจุดให้สว่างขึ้นหลายแท่ง ไม่ใช่จะให้เราดีคนเดียว เอาละ, จิตที่คิดจะให้มันจะสบายกว่าจิตที่คิดจะเอา แล้วก็การแบ่งบุญ บางทีเขาก็พูดไว้นะในพระสูตรในระดับหนึ่ง ก็บอกไว้ว่า คนทำบุญแล้วแบ่งบุญให้คนอื่น ชวนคนอื่นทำจะพร้อมด้วยทรัพย์และบริวาร แต่ถ้าใครทำบุญแล้วไม่ค่อยแบ่งให้ใคร ไม่ชวนใครทำ ทำคนเดียวจะมีแต่ทรัพย์แต่ขาดบริวาร คนเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ จะต้องอาศัยมีเพื่อนร่วมงาน อะไรต่ออะไรมากมายละ เพราะฉะนั้นอย่าเป็นคนขี้เหนียวบุญ ทำบุญเสร็จแล้วนี่กลับไปแบ่ง เพราะบุญนี่แบ่งได้ ถ้าไปทำชั่วมา ฉันไปติดคุกมา ติด ๓ ปี แบ่งให้แกเอาไปปีครึ่งนะ อันนี้ไม่มีใครรับนะ แต่ว่าบุญมีคนรับ ไม่ใช่ไปเล่นไพ่มาโดนตำรวจจับ ปรับ ๕๐ บาท ฉันแบ่งให้ครึ่งหนึ่งนะ เอาไป ๒๕ บาท อะไรอย่างนี้ไม่มี ถ้าไปทำบุญนี่แบ่ง แล้วมันก็เกิดอะไรอย่างหนึ่งในใจของเรา กลายเป็นว่าทำบุญแล้วไม่ไปเกาะติดว่าฉันต้องได้คนเดียว ไปนอนวิมานคนเดียว ไปอะไรอะไรแต่เพียงผู้เดียว เสวยสุขแต่เพียงผู้เดียวในการทำบุญของเรา
เอาละ, ทีนี้ในการทำบุญของพุทธบริษัทมีอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะทำอะไร พุทธบริษัทจะมีการกล่าวว่า ขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ ทำบุญอะไรๆก็ขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ ถามโยมว่า “ขอให้ได้อะไร” ก็ว่า “ขอให้ได้นิพพาน” แล้วถ้าถามอีกทีว่า “นิพพานคืออะไร” โยมบางคนบอกว่า “นิพพานก็คือตาย” ส่วนใหญ่ไปตอบอย่างนี้ นิพพานคือตาย ดังนั้น ถ้าคนทำบุญแล้วเราแปลนิพพานว่าตาย คนทำบุญอยากให้ได้นิพพาน ก็คืออยากให้ตายน่ะสิ ทำบุญแล้วขอให้ได้ตายจะมีมนุษย์ที่ไหนเขาทำกัน อันนี้เป็นเรื่องสำคัญพอเอามาพูดเข้าบอกว่า “ดับขันธปรินิพพาน ของพระพุทธเจ้า” กับ “มรรคผลนิพพาน” การกระทำครั้งนี้ขอให้เป็นปัจจัยให้ได้มรรคผลนิพพาน คนคงจะไขว้เขวกันไปคิดว่านิพพานคงจะหมายถึงดับขันธปรินิพพานกระมัง พระพุทธเจ้านิพพาน คือตายกระมัง ก็เลยไปกลัวกันเลย บางคนนี่ ทำบุญเต็มที่เลย ทีไรๆก็ขอให้ได้นิพพาน พอคนมาบอก “เอาละ, ไปไหมวันนี้ จะไปนิพพานละ” “ห่วง ยังจัดการเรื่องลูกเรื่องหลานไม่เสร็จเลย รออีกสักพักหนึ่งก่อน” มีการผลัดว่าจะไปนิพพานอีกพักหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่านิพพานคืออะไร ที่จริงนิพพานนี่อย่าว่าแต่คนต้องการเลย อาตมาจะพูดสักคำบางคนอาจจะรู้สึกว่าต่ำไป แต่ที่นี่คงไม่เป็นไรเพราะท่านอาจารย์พุทธทาสท่านพูดเสมอว่า “นิพพานต้องเป็นที่นี่ เดี๋ยวนี้” เป็นนิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้ได้บ้าง ไม่ใช่เป็นนิพพานข้างหน้าเสียเรื่อยไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้ประโยชน์ในปัจจุบัน ไปทำแล้วก็คล้ายๆฝากธนาคารไว้ก่อนแล้วไปใช้ชาติหน้า นี่ไม่ไหว มันจะต้องเป็นนิพพานที่เป็นสันทิฏฐิโก เห็นกันได้ เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน ที่นี่เดี๋ยวนี้กันบ้าง ทำแล้วก็ต้องรู้สึกว่ามันเหมือนกับได้เย็นอกเย็นใจ เดี๋ยวนี้อะไรๆมันก็ต้องการนิพพาน อย่าว่าแต่คนเลย แมว หมา ปลา ไก่ อะไรก็ต้องการนิพพานทั้งนั้น ปลามันก็ยังพยายามจะว่ายน้ำไปหาน้ำเย็นๆ เพราะเราแปลนิพพานว่าดับเย็น นิพพานแปลว่าปราศจากโรค คนไข้ขึ้นก็ตัวร้อน พอหมอมาฉีดยาหายก็ตัวเย็น ตัวเย็นแล้ว พอตอนแรกตัวร้อนเป็นไข้ เอามือแตะ แหม, ตัวร้อนเหลือเกิน พอหมอมาฉีดยาให้ รักษาให้ ทีนี้มาแตะอีกที อู้ฮู้, เย็น ดังนั้นเขาจึงมีสภาวะนิพพาน นิพพานเหมือนภาวะคนหายไข้ คนเป็นไข้ตัวร้อน พอหายไข้ก็ตัวเย็น โยมโลภมาก โกรธมาก อึดอัดขัดเคืองมาก บางทีโลภมาก เขาบอกตาลุกเป็นไฟเชียวนะ พอเห็นทรัพย์สินของคนอื่นเขาบอกตาลุกเป็นไฟเชียวนะ นี่เรียกว่าไข้ขึ้น ตาลุกเป็นไฟไม่ใช่เล่นนะ มันร้อนผิดธรรมดา นี่อีกอย่างโยม ถ้าพวกโจรพวกขโมยนะมันไม่เหมือนโยมหรอก โยมเห็นถาดสตางค์เต็มนี่ เออ,น่าจะเอาไปใส่เพิ่มอีก แต่ถ้าขโมยมันเห็น นี่ถ้าปราศจากคนพอจะวิ่งฉวยได้ มันก็เอาไปแล้วนี่ ขนาดวันนั้นเขาบวชนาคกัน เอานาคขึ้นคอ นี่นาคเขาเกิดยังไงก็ไม่รู้ ไม่เหมือนที่นี่หรอก ที่สวนโมกข์นี่ เขาบวชไม่เคยเห็นมีใส่สายสร้อย คาดเข็มขัด ใส่นาฬิกา แต่ต่างจังหวัดนี่บางแห่งนาคขึ้นคอ คนขี่ก็เต้นหยองแหยงๆแล้วก็มีสร้อยติดอยู่ที่คอ ๓ เส้น วันนั้น รู้สึกจะเป็นวัดชื่อวัดเลียบ ปรากฏว่าวายร้ายมาจากไหนไม่รู้ มันเป็นโรคตาร้อน โลภมาก ตาพองเลย พอเห็นสร้อย ๓ เส้น มันกระโดดเข้าไปกระชาก นาคหัวคะมำตกลงมาเลย หัวคะมำลงมาเลย กระชากทีเดียว ๓ เส้นแรงๆ คนอย่างนี้มันเป็นไข้เรื่อยเลย มันร้อนที่จะเอา มันเห็นสร้อย เห็นข้าว เห็นของ เห็นเงิน เห็นทองเขา มันตาร้อนตาลุกเป็นโพลงเลย เป็นไฟขึ้นมา มันถึงกับกระโดดเข้าไปขม้ำไปย่ำไปแย่งเอาไปเลย พวกนี้เป็นโรค
ฉะนั้น คนมาทำบุญนี่ เขาจึงขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ ไม่ต้องขอหรอก มันได้เองขณะที่เราทำนี่ จิตที่คิดจะให้มันสบายกว่าจิตที่คิดจะเอา แล้วมันลด มันลดไข้ลงในตัวเลย มันเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดเลยบุญนี่ การทำบุญนี่เป็นวัคซีนที่ดีที่สุด ทานเป็นวัคซีนป้องกันละโมบโลภมาก ศีลป้องกันความโทสะอึดอัดขัดเคือง มันเป็นวัคซีนป้องกันโรคของมันในตัวเลย มาฟังธรรมให้เกิดความรู้ ใคร่ครวญธรรมจนแตกฉาน มันก็เป็นวัคซีนป้องกันโรคโมหะ โรคโง่ โรคเห็นกงจักรเป็นดอกบัว โรคเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนี่เป็นโรคที่ร้ายกาจที่สุด คือเห็นชั่วเป็นดี เช่น เห็นว่าการพนันเป็นเรื่องเล็กน้อย แหม, มันน่าเศร้าใจที่นักการเมืองบางคนพูดว่า การพนันเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาบอกว่ามันไว้พักผ่อนบ้าง ไว้เล่น ไม่เห็นมันมีโทษอะไร คนตัดป่าไม้ทำลายป่าพวกนั้นมันน่าจะจัดการมากกว่าพวกเล่นการพนัน ก็คนที่มันไปตัดป่า ไปโกง ไปอะไร อะไรๆมันก็เอาเงินไปเล่นผลาญการพนันอะไรต่างๆ บรรพบุรุษโบราณของเราบอกว่า โจรปล้นบ้าน ๑๐ ครั้ง ยังไม่เท่ากับไฟไหม้บ้านครั้งเดียว ไฟไหม้บ้าน ๑๐ครั้งยังไม่เท่ากับแพ้การพนัน ไฟไหม้บ้าน ๑๐ ครั้งยังไม่เท่ากับตกเป็นทาสการพนันเป็นผีสิงเลย เขาจับได้ที่บ่อนพัฒนาการจับมา อีก ๒ วันย้ายมาเล่นที่บ่อนฝั่งธน โดนปรับมายังไม่พ้น ๗ วันเลย เข้าไปเล่นอีกแล้ว เมื่อไม่นานเราคงได้ยินข่าวผัวเล่นการพนัน เมียขอร้องให้อยู่บ้าน ให้เลี้ยงลูก ปรากฏว่าไม่เชื่อเมีย เมียก็บอกว่าถ้าไปจะเอาลูกโยนน้ำ ลูกเพิ่ง ๒ เดือนเท่านั้นเอง เมียก็โยนโครมลงไปเลย ลูกตาย ผัวโดดลงไปช่วย แต่ว่าไม่ทัน ลูกตายเสียแล้ว นี่บ้านนั้นต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ ไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุข คือไม่ได้ใกล้นิพพาน ดังนั้นเราทำบุญไม่ต้องขอนิพพานหรอก มันเกิดนิพพานเองเลย คนที่ขณะมาทำบุญวันนี้ดูสิ บรรยากาศเย็นๆ บรรยากาศในสวนโมกข์นี่ก็เย็น ท่านอาจารย์ท่านก็ได้จัดนิพพานไว้ต้อนรับแล้ว ฉะนั้นจึงมีคำว่า ขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ ที่จริงไม่ต้องขอหรอก ได้อยู่ในตัวแล้ว ทีนี้เราก็ไปแบ่งความเย็นให้คนอื่นพอเรากลับไปนี่ จิตใจเราก็เย็นเพราะไปเสียสละมามากแล้ว บางทีกลับไปสตางค์หาย หล่นไปกระเป๋าหนึ่ง บางคนฉลาดเหลือเกิน บางคนนี่ แหม,พอสตางค์หายโวยวายตีอกชกตัว เขกหัว ร่ำไห้ ใจเร่า ใจร้อน แต่คนที่ไปทำบุญมา พูดออกมาได้ เอ้อ, หายไปช่างมันทำบุญมามากกว่านี้ เย็นใจได้ต่อไป ดังนั้นเขาจึงบอกว่าขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ นิพพาน แปลว่า ดับ เย็น สมัยก่อนนี่เขาพูดกันเป็นภาษาชาวบ้าน แม่ผ่าฟืนอยู่ข้างล่าง ลูกสาวหุงข้าวอยู่ข้างบน พอแม่หิวข้าวก็ร้องถาม “ลูกเอ๊ย ข้าวสุกหรือยัง” ลูกสาวบอก “สุกแล้วแม่” แม่หิวข้าวก็ร้องถามว่า “แล้วมันนิพพานพอกินได้หรือยังล่ะลูก” ลูกก็เอามือไปแตะๆหม้อ พอหม้อเย็นก็ร้อง “แม่ ขึ้นมากินข้าวเร็ว ข้าวนิพพานแล้ว” คือข้าวมันเย็นแล้ว เพราะฉะนั้นจึงบอกว่า หมา แมว อะไร มันก็ยังต้องการนิพพาน เดี๋ยวนี้อยากจะมาพูดให้เห็นง่ายๆว่า ปลามันก็ยังพยายามจะว่ายน้ำไปหาน้ำเย็นๆ หมาจะนอนก็ยังอุตส่าห์เลือกนอนที่เย็นๆ ชอบไปนอนใต้แท็งก์น้ำ เดี๋ยวนี้หมาฝรั่งพันธุ์ใหม่ๆมันรู้เหลือเกิน ชอบนอนหน้าพัดลม เป่าขนกระจุยเชียว นอน เย็น บางทีเจ้าของปิดแล้วมันยังหงุดหงิดงุ่นง่าน กดเองเลย หมาบางบ้านกดปุ่มเอง พัดลมพัดแล้วมันก็ไปนอนหน้า ขนกระจุย หมามันก็ยังต้องการนิพพาน แล้วเรา พวกเรามาทำบุญ ถามว่าต้องการอะไร ก็ต้องการนิพพาน จึงมีบรรพบุรุษเรากล่าวว่า ขอให้ได้ นิพพานะ ปัจจโย โหตุ อย่าเอานิพพานไปไว้เป็นเมืองแก้ว อย่าเอาไปไว้หลังจากตายแล้วกันเลย ถ้าไม่มีท่านอาจารย์มาพูดว่าทิฏฐธรรมนิพพาน ที่จริงเขาก็พูดกันแล้วในพระไตรปิฎกก็มี จะเป็น ตทังคนิพพาน วิกขัมภนนิพพาน กดไว้ชั่วคราวขณะหนึ่งก็ยังดี ถึงจะไม่ถึงขั้นสมุจเฉทนิพพาน โดยเด็ดขาด เราก็ยังได้กันชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี เหมือนอย่างโยมกับที่นั่งตรงแดดร้อนได้นิพพานอยู่แวบหนึ่งเมื่อตะกี้นี้ คือแดดมันร่ม ตอนนี้ชักจะร้อน ก็เรียกว่าได้แวบหนึ่งก็ยังดี ยังดีกว่าไม่ได้เสียเลย เห็นไหมมันเย็น แล้วโยมที่นั่งร้อนๆประเดี๋ยวก็คงขยับที่ไปหาที่เย็นๆ เรียกว่าขยับที่ไปหานิพพาน อยู่ที่บ้านมันร้อนก็เลยขยับมาที่สวนโมกข์เพื่อมาหานิพพาน ที่ท่านจัดเป็นธรรมชาติไว้ สวยงาม แล้วก็ร่มเย็น ฉะนั้นสิ่งที่ อย่าไปไว้ไกลกันนักเลยต่อไปนี้ แม้แต่หมายังเลือกนอนที่นิพพาน มันยังต้องการนิพพาน คนปลูกบ้านก็พยายามจะปลูกริมน้ำ ลำคลอง เพราะต้องการบรรยากาศเย็นๆ คนนั่งรถไปมันร้อน เดี๋ยวนี้มันก็ติดแอร์ เพราะต้องการอะไร ต้องการนิพพาน คือต้องการบรรยากาศเย็นๆ
เดี๋ยวนี้บ้านเมืองทางใต้เขาวางแผนอะไรโยม คนที่อยู่ทางใต้ เขาใช้แผนอะไร พลโทหาญ ลีนานนท์ ยังวางแผนอะไร แผนใต้ร่มเย็น เขาเรียกว่าใต้นิพพานนั่นเอง แผนทำให้ใต้นิพพาน คือทำให้ใต้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ นี้สำคัญอยู่ว่าศาสนานี่ก็บอกว่า ทางบ้านเมืองเวลานี้เขาก็เก่ง ทำให้มือที่สามเข้ามอบตัวได้ ด้วยใช้แผนทางการเมืองนำหน้าการทหาร ทำให้มือที่สามที่ชอบยุแหย่ให้บ้านเมืองอยู่ร้อนนอนทุกข์นี่ เข้ามอบตัวจนกระทั่งบ้านเมืองเริ่มจะอยู่เย็นเป็นสุข มีการใช้แผนเรียกว่าแผนใต้ร่มเย็น ที่จริงท่านอาจารย์พุทธทาสก็วางแผนทำให้ใต้ร่มเย็นมาตั้งหลายปี แต่ไม่มีใครฮิต พอพลโทหาญ เอาไปตั้งว่าแผนใต้ร่มเย็น คนฮือฮาใหญ่ ที่จริงท่านอาจารย์พุทธทาสวางแผนใต้ร่มเย็นมาตั้งห้า หกสิบปีแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่อง พอพูดว่านิพพาน เราไปเอานิพพานไว้ที่ไหนไม่รู้ น่าเสียดายท่านตั้งมาไว้ตั้งนานแล้ว ทีนี้อาตมาเอามาใช้ง่ายๆหน่อย ใครอย่าเพิ่งเข้าใจผิดที่ว่าหมาต้องการนิพพาน แมวต้องการนิพพาน ปลาต้องการนิพพาน เดี๋ยวบางคนด่าอีกแล้ว เอาอีกแล้วกดนิพพานมาต่ำอีกแล้ว จนกระทั่งไปเขียนด่าทีแล้วเมื่อไม่นานนี้ หาว่าอาตมาว่าพระภูมิต่ำกว่าหมา ที่จริงเราไม่ได้ว่าอย่างนั้น แต่บอกว่าที่จริงพระภูมิยังเป็นที่พึ่งที่ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม เพราะเราสวดมนต์กันทุกวัน ทุกวัน พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธรรมมัง สรณัง คัจฉามิ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะอันเกษม ภูเขา จอมปลวก เจ้าพ่อ เจ้าแม่ พระภูมิ ทั้งหลาย เป็นที่พึ่งไม่เกษม เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราไปพัฒนาพระภูมิจนเลิศเลอแล้ว เมื่อก่อนหลังละร้อย เดี๋ยวนี้หลังละพัน หลังละหมื่น หลังละแสน เมื่อก่อนนี้อยู่มืดๆได้ เดี๋ยวนี้เริ่มใช้ไฟฟ้า พอสิ้นเดือนใครออกล่ะ ใช้ไฟฟ้าแล้วนะเดี๋ยวนี้พระภูมิ พอสิ้นเดือนก็เจ้าของบ้านออก ฉะนั้นพระภูมิพึ่งเรา หรือเราพึ่งพระภูมิ ลองคิดดูให้ดี แล้วเดี๋ยวนี้ไปใช้เด็กตัวเล็กๆไปปิดไฟ บ้านหนึ่งเกิดเรื่องจนได้ไปปิดไฟที่ศาลพระภูมิ เพราะปิดทุกวันๆ ลูกมันชักรำคาญ บอก
“แม่ พระภูมิบ้านเรานี่ปัญญานิ่มจริงๆ สวิตช์นิดเดียวก็กดไม่ดับ ใช้ให้หนูไปกดทุกวันๆ” แม่ก็ตวาด
“มึงอย่าพูดอย่างนี้นะเดี๋ยวพระภูมิหักคอตาย” ปรากฏว่า ลูกมันก็เถียงว่า
“จะหักไหวเหรอ สวิตช์นิดเดียวยังกดไม่ลง คอหนูแข็งกว่าตั้งเยอะจะกดไหวเหรอ”
อย่างนี้ บางคนจะไปพูดว่า ไม่ใช่เขากดให้ต่ำ เรามีที่พึ่งอันสูงไปกว่านี้เราก็ควรจะหาไปให้ถึงจุดนั้น เรามีนิพพานที่เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน ที่ได้เดี๋ยวนี้ที่นี่ เราก็ควรจะเอาใช้ที่นี่เดี๋ยวนี้กันบ้าง ไม่ใช่มัวทำแล้วเอาไปใช้ข้างหน้า ไปฝากธนาคารไว้ก่อนแล้วไปรอใช้ข้างหน้า ไม่ไหว ให้ไปรษณีย์ไปส่งให้ มันไม่ถูกนะ มันควรจะได้กันที่นี่เดี๋ยวนี้ แล้วก็เห็นจริงๆที่นี่ เป็นสันทิฏฐิโก ไม่ต้องประกอบด้วยกาลกัน ได้กันที่นี่
ทีนี้,ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ บรรดาพุทธบริษัทนี่ ไม่รู้ว่ามือที่สามที่มันก่อกวนให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขไม่ได้นั้นคืออะไร มือที่สามที่สำคัญไม่ใช่คนเข้าป่า มือที่สามที่สำคัญในศาสนาเรียกต่างกัน ศาสนาพุทธ เรียกว่า กิเลสมาร ศาสนาคริสต์ เรียกว่า ซาตาน ศาสนาอิสลาม เรียก ชัยฏอน หรือ นัฟซู ไอ้นี่คือมือที่สามที่ร้ายกาจที่สุด มันชอบมายุยงให้คนต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ เดี๋ยวนี้มันยุเก่งจริงๆ เมื่อไม่นานนี้ตัวราคะมันยุคน เห็นเด็กผู้หญิงอายุ ๓ ขวบ มันยุให้เข้าไปข่มขืนแล้วหักขาด้วย โอ้โฮ, ดูภาพหนังสือพิมพ์แล้วสังเวชใจ พ่ออุ้มลูกที่ถูกมนุษย์ใจสัตว์นะ เข้าไปข่มขืนแล้วหักขาเด็ก ๒ ข้าง หักหมดเลย พ่อต้องอุ้มดู เลี้ยงดูอย่างน่าสงสาร นี่ใครมันยุ ใครมันยุ แล้วคนนี้ที่ไปข่มขืนแล้วเขาก็จับตัวได้ ต้องหาทางวิ่งเต้น หาเงินยัดสามหมื่น ปรากฏว่าฝ่ายพ่อเด็กผู้หญิงก็ไม่ยอมรับเงิน ว่าจะเอาเข้าคุกให้ได้ ในที่สุดคนๆนี้ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุข เราพูดกันอย่างภาษาของเราก็เรียกว่า พลัดพรากจากนิพพาน เป็นผู้พลัดพรากจากนิพพาน เหมือนกับต้องพลัดบ้าน จากบ้านไปเข้าป่า นั่นมือที่สามมันยุในคนเข้าป่า แล้วนี้ที่สำคัญที่สุดเราเป็นชาวพุทธนี่ต้องระวังมือที่สามตัวที่หนึ่งคือ ราคะ ตัวนี้สำคัญ เวลานี้มันยั่วยุพระเจ้า จีวรร้อนรึยังคะ อย่างบางทีพระใหม่นี่มันยุ ยังไม่ทันได้ ๓ เดือนเลยมันยุแล้ว นั่งเปิดปฏิทินดูวันสึก เรียกร้องกฐินมาเร็วๆ โอ้โฮ, มันยุเหลือเกิน เรื่องราคะ เรื่องห่วงแฟน เมื่อปีนี้เองต้นเดือนนี่ มันยุ ราคะมันยุ พระองค์หนึ่งบวชได้เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง ปรากฏว่าคู่หมั้นเขาเกิดไปแต่งงาน จะไปรับหมั้นแต่งงาน เท่านั้นเอง พระวิ่งไปทั้งจีวรเลย ไปต่อว่า “ไหนตกลงกันแล้วไง ทำไมมาหมั้นกันอีกล่ะ” ดูสิ, มันยุพระออกนอกวัด วิ่งจีวรปลิวเลย นี่มือที่สาม แล้วอย่างโยมนุ่ง ขาวๆ เหลืองๆ แดงๆ มันยุง่ายกว่าพระอีก ต้องระวังมือที่สามอันนี้
พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า ให้มองผู้หญิงเหมือนแม่ ให้มองผู้ชายเหมือนพ่อ ผู้หญิงก็ให้มองผู้ชายเหมือนพ่อ ผู้ชายก็ให้มองผู้หญิงเหมือนแม่ หรือให้มองว่ามันเป็นปฏิกูลเต็มไปด้วยสิ่งโสโครก ไม่น่ามอง ไม่น่าหลงใหลลูบไล้อะไรกันนักหนา จิตมันก็จะได้สบาย เมื่อเร็วๆนี้ มันมายุครูอีกคน ครูผู้หญิงแต่งงานได้ ๓ เดือน มันยุให้เล่นชู้ผัวจับได้ถามว่าจะอยู่กับใคร จะอยู่กับชู้หรืออยู่กับผัว แหม, บอกว่าขออยู่กับชู้ ผัวเลยเรียกค่าเสียหายหนึ่งแสน ครูผู้หญิงคนนั้นตกลง แต่ขอผ่อนส่ง ๓ งวด ดูสิ ดูสิมันยุได้สำเร็จจริงๆ เห็นไหมเพราะฉะนั้น ราคะนี่มันยุสำคัญ พระคุณเจ้าทั้งหลายนี่ถ้าไม่แน่จริงๆนะ ถ้าไม่คิดว่าบวชเพื่อแม่ อาตมาบวชมาได้เพราะโยมแม่ ยังไงๆขอให้บวชให้แม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง เออ, เอาแม่มานั่งขวางประตูหัวใจไว้ ปรากฏว่าไอ้มารมันก็ไม่มีโอกาสยุยงเรา แหม,มานึกแล้วมันขลังจริงๆนะ พอนึกถึงผู้หญิงเหมือนแม่ต้องมีประจำเดือน มีระดู มีอะไรยุ่งยากเหมือนแม่นี่ มีพระราชาองค์หนึ่งแกบ้ากาม ผลที่สุด มาเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็แนะไป บอกให้นึกถึงผู้หญิงเหมือนแม่เสียแล้วมันจะบรรเทาเอง มือที่สามคือราคะก็จะไม่ยุยง โยมระวังนะ ขนาดกรุงศรีอยุธยามันยังยุให้แตก ที่กรุงศรีอยุธยาแตกไม่ใช่เพราะว่าเราขาดขุนทัพนายกอง แต่เรามีพระราชาที่ตกเป็นทาสมือที่สามที่มันยุให้มั่วราคะ นางสนมกำนัลลูบไล้กัน เขาจะขอปืนไปยิงสู้ข้าศึกพม่า พระราชาบอกอย่ายิง เดี๋ยวนางสนมจะตกใจ เรามีค่ายเหนียวแน่น เช่น ค่ายบางระจันที่นายจันทร์หนวดเขี้ยว นายทองเหม็น นายอะไรดีๆนี่เก่งๆ ปะทะไปตั้ง ๗ ครั้งยังตีไม่แตก แต่มาขอปืนจากกรุงศรีอยุธยา พระราชาไม่ให้เพราะพระราชาตกเป็นทาสมือที่สามมันยุให้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องนี้ บ้านเมืองพัง เพราะฉะนั้นโยมมาที่วัดกันก็ดี พระคุณเจ้าที่มาทำวัตรหรือมาบวชในพระศาสนานี้ก็มาบวชเพื่อมาหาเทคนิควิธีวางแผนปราบมือที่สาม คนที่ปราบได้สำเร็จเป็นคนแรกในโลก คนนั้นก็คือ ฟ้าชายสิทธัตถะแห่งกบิลพัสดุ์ เป็นคนที่วางแผนปราบได้เรียบร้อย พระองค์อุปมาว่า ให้เหมือนกับเลี้ยงวัวเลี้ยงควายในฤดูสารท ในขณะที่จะปราบนี่ พระองค์ออกบวชใหม่ๆก็คิดถึงพิมพา คิดถึงอะไรต่ออะไรมากมายเหมือนกัน แต่ทำตัวว่าเหมือนกับเป็นคนเลี้ยงควายในฤดูสารท ฤดูนี้เป็นฤดูที่พืชกล้าในนา พืชพันธุ์ธัญญาหารเต็มไปหมด เขาปลูกกล้าทำข้าวทำนากันไว้เรียบร้อยแล้ว คนเลี้ยงควายจะต้องกระตุก คอยกระตุกไว้ พอมันจะไปเล็มข้าวกล้าในนาก็ต้องกระตุกไว้ ฉะนั้นพวกโยมก็เหมือนกันนะ พอจะไปแทะโลมสามีเขา ภรรยาเขา ก็คอยกระตุกไว้ พระก็เหมือนกันเห็นลูกสาวเขาใส่บาตรสวยๆก็คอยกระตุกไว้อย่าให้มันเลยบาตรไป คอยกระตุกกันไว้นะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวควายไปเล็มหญ้าเขาจะถูกปรับไหม แต่ก่อนเขาใช้คำว่า ถ้าปล่อยให้วัวควายไปกินไปเล็มหญ้าเขา ก็จะถูกปรับไหม ถูกปรับไหมก็หมายความว่า ต้องถูกเสียเงินเสียทอง ทีนี้ถ้ามาเป็นฝ่ายภาษาธรรมะจะถูกปรับคือไม่รู้อริยสัจ จะต้องไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นเหตุเกิดทุกข์ ไม่เห็นความดับทุกข์ ไม่เห็นวิธีที่จะถึงความดับทุกข์ต่อไป อันนี้สำคัญ ฟ้าชายสิทธัตถะ แนะไว้ให้นึกถึงพ่อ ให้นึกว่าผู้หญิงเหมือนแม่ช่วยได้มาก
มันมีเรื่องจริงจะขอเล่าที่นี้ ไม่รู้จะหาว่าหยาบโลนหรือเปล่า คงไม่เป็นไรนะ วันนี้ท่านอาจารย์อนุญาตให้พูดแล้ว ก็ขอพูดสักทีเถอะ คือมีนะไอ้ผู้ชายเดี๋ยวนี้มันเป็นโรคกามวิตถาร ชอบโทรศัพท์ไปขอนอนกับผู้หญิง โทรไป วันหนึ่งโทรไปบ้านผู้หญิงคนนั้นแกก็เป็นคนดี พอโทรไปถึงบอก
“ฉันขอนอนด้วยคนนะ คืนนี้มานอนด้วยนะ” ผู้หญิงคนนั้นก็
“ต๊าย, จำเบอร์ผิดกระมัง จำเบอร์ผิดกระมัง หนูไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นนะ จำเบอร์ผิดกระมัง” ไอ้นั่นก็บอก
“ใช่ เสียงอย่างนี้ อยากขอนอนด้วย”
อ้อนวอนใหญ่เลย ยิ่งพูดดีมันก็ยิ่งออด หนักๆเข้า ผลที่สุด ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมา แม่คำเดียวเท่านั้น ไอ้นั่นวางหูแกรกเลย พูดยังไงรู้ไหม พอมันอ้อนวอนหนักๆ
“กูไม่ว่าง มึงนอนกับแม่มึงก่อนสิ” เท่านั้นแหละมันหมดอารมณ์ เสียความรู้สึก วางหูเลยทันที นี่สำคัญ ให้คิดถึงแม่ไว้ นึกถึงเป็นแม่ มันไม่คิดอะไร ผู้หญิงก็เหมือนกันให้มองผู้ชายเหมือนพ่อ อย่าไปมองว่าไอ้คนนี้ร่างกายกำยำดี คงจะดีกว่าผัวเราเยอะ น่าจะลองดูสักคืน อะไรนี่ เดี๋ยวก็เป็นชู้กัน เสียหายหมด เวลานี้เยอะจริงเรื่องชู้สาวนี่ แหม, เหลือเกิน ผัวไปทำงานซาอุ เมียอยู่ทางนี้ก็เล่นชู้ วันหนึ่งไปเจอผู้ชายคนหนึ่งมันเมาเหล้า มันบ่น “เฮ้อ, กรรมของเรา ขาไปก็เสียนา ขามาก็เสียเมีย” มันเดินบ่น “เฮ้อ, กรรม ขาไปก็เสียนา ขามาก็เสียเมีย” ถามมันเรื่องอะไร อ้อ, เวลามันจะไปทำงานซาอุมันต้องขายนา ค่าสมัครไป ๑๐ กว่าไร่ หนอย,กลับมาเมียเล่นชู้ เรียกว่าเสียเมีย ไปเสียนา มาก็เสียเมีย ไอ้นี่สำคัญ เอาละ, โยมมาทำบุญนี่ถ้ามาทำอย่างนี้ มาฟังพระพูดอย่างนี้ เรียกว่าเรามาหาทางสกัดมือที่สามกัน เพราะมือที่สามมันจะยุยงให้คนอยู่ร้อนนอนทุกข์ ไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุข ไฟที่ร้อนที่สุด ก็มีไฟ (ราคะ โทสะ โมหะ นาทีที่ 24:45-24-46)ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ โยมบางคนนี่พระยกมือหาว่าไม่สำรวมหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ที่จริงพระไม่มีเวลาเล่นพละเลย ไม่ให้ยกมือบ้างเดี๋ยวก็เป็นอัมพาตตายกันพอดี ที่จริงพระพุทธเจ้าก็ยกมือ ตอนที่ไปห้ามพระญาติไง พระญาติอย่าทะเลาะกัน ก็มีปางห้ามญาติ พระพุทธเจ้ายังยกมือ บางคนนี่ แหม, บอกว่าไม่ให้พระยกมือ เอ้า, เวลาก็เหลือไม่มาก ทีนี้ตัวที่ ๒ คือ โทสะนี่ มันก็ต้องมาแผ่เมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใส เมตตา ให้อภัย เราอยากอยู่เย็นเป็นสุขก็ต้องอยู่กันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เมตตาให้อภัย ไม่ต้องไปหาพระปางห้ามญาติหรอก เดี๋ยวนี้เที่ยวได้วิ่งหากัน หลวงปู่แหวน หลวงปู่นั่น องค์ละ สอง สามร้อย ต้นทุนองค์ละ ห้าสิบบาท แต่เวลาเอาไปขายญาติโยม โอ้โฮ, องค์ละ สามร้อย แปดร้อย แหม, โยมผู้หญิงบางคนไปถึงที่วัด
“ท่านค่ะ มีพระปางห้ามญาติไหม” ถามว่าเอาไปทำไม
“ที่บ้านญาติมันทะเลาะกันเหลือเกิน อยากได้พระปางห้ามญาติไปยืนห้ามไว้สักองค์”
อย่าว่าแต่ปั้นชนิดยืนมือเดียวเลย ยังห้ามไม่อยู่ ให้ยกสองมือ ยกเท้าอีกข้างก็ยันไม่อยู่ คนมันมีกิเลส มันก็ทะเลาะลอดนิ้วพระหมด พระพุทธเจ้าไปห้ามพระทะเลาะกันในเมืองโกสัมพี ยังห้ามไม่อยู่ คราวนั้นภิกษุทะเลาะกันเรื่องเอาน้ำเข้าส้วม ธรรมธรกับวินัยธร พระพุทธเจ้าไปห้ามด้วยเหตุผลด้วยวาจา บอก ภิกษุเอ๋ย, การทะเลาะกันเหมือนการสาดน้ำเข้าใส่กัน สาดไฟเข้าใส่กัน ไม่มีอะไรดี มีแต่ฉิบหายทั้งคู่ สาดไฟเข้าใส่กันก็ไหม้ทั้งคู่ สาดโคลนเข้าใส่กันก็เปรอะทั้งคู่ สาดน้ำเข้าใส่กันก็เปียกทั้งคู่ สาดหิน สาดกรวดเข้าใส่กันก็บวมโปทั้งคู่ หนอย, แทนที่พระเหล่านั้นจะหยุด กลับไปร้องห้ามพระพุทธเจ้า ขอพระองค์จงอยู่เป็นสุขเป็นสุข ข้าพเจ้าจะทำกันให้เห็นดำเห็นแดงในวันนี้ พระพุทธเจ้ายังห้ามไม่อยู่ แล้วเรื่องอะไรจะมามัวปั้นรูป ปั้นดิน ปั้นวัตถุมงคลกัน เฮ้อ, เดี๋ยวนี้จะทำอะไรอะไรกันก็ต้องใช้วัตถุมงคลเข้าแลกเปลี่ยนกันอยู่เรื่อย บางทีเอาหลวงปู่แหวนมาตั้งไว้ที่บ้าน เมียทะเลาะผัว ผัวทะเลาะเมีย พี่ทะเลาะน้อง ถ้าหลวงปู่พูดได้ “ถ้าฉันกลับวัดได้ จะกลับแล้ว ไม่อยู่ มันทะเลาะกันหนวกหูเหลือเกิน” ต่อไปนี้เราจะต้องเอาธรรมะ เมตตาให้อภัย เราอยากให้กระจกยิ้มให้กับเรา เราก็ต้องยิ้มให้กับกระจกสินะโยม โยม โยม จริงไหม ลองยิ้มสิ บางคน วันนั้นไปที่ศาลาหนึ่งวัดหนึ่ง บอก “โยมที่ไม่ถูกกันมีไหม” เขาบอก “มี” “ เอ้า, ทุกคนลองยิ้มสิ” ทุกคนก็ยิ้ม “แล้วทีนี้ทุกคนลองหันรอบๆสิ” มันก็หัน พอเจอคู่ต่อสู้ค้อนปั๊บ กลับทันที ไอ้อย่างนี้ มันจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ให้ใครมาวางแผนใต้ร่มเย็นอีก ๑๐ นายพล ก็ไม่สำเร็จนะ มันก็ยังฆ่ากันอยู่นั่นแหละ แผนใต้ร่มเย็นนี่ท่านอาจารย์พุทธทาสวางมานานแล้ว แต่ไม่ได้เรียกว่าใต้ร่มเย็นเท่านั้นแหละ ที่จริงวางแผนไว้นานแล้ว ที่บอกว่า “ศีลธรรมไม่มา โลกาวินาศ” ถ้าศีลธรรมกลับมาประเทศชาติก็ร่มเย็น โลกธาตุร่มเย็น ไม่ใช่จะเย็นแค่ในประเทศหรอก ศีลธรรมกลับมาโลกาไม่วินาศ แล้วโลกธาตุนี้จะร่มเย็น เป็นนิพพานกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลย คือมันเย็นอกเย็นใจ ถูกไฟราคะเผาน้อย ถูกมือที่สามยุยงให้โกรธน้อย ให้ราคะกำหนัดน้อยลงไป ลงไป ให้ ไฟหรี่ลงไป ให้มีโมหะน้อยลงไป เดี๋ยวนี้มันหลงอะไรกันแปลกๆ งมงายทำอะไรกันแปลกๆ อย่างน่าเกลียดเหลือเกิน บางทีดูไม่ได้เลย ทางใต้เรา ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนมาตั้งนานว่าอะไรเป็นสิริมงคล ถึงกับให้เด็กร้องเป็นกลอนทีเดียวเลย อะเสวนา จะ พาลานัง การไม่คบคนพาล คบบัณฑิตเป็นมงคล สอนมาตั้งนาน ญาติโยมเดี๋ยวนี้ไม่รู้เอามงคลที่ไหนมาใช้กัน เขาทำพิธีหลอกเราว่าเป็นมงคลก็เชื่อเขา มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งผัวให้สตางค์ไป ห้าสิบบาท ให้ไปซื้อกับข้าว พอไปถึงตลาดเห็นเขาทำพิธีเสริมสิริมงคล อู๊ย,อยากได้มงคล เอาสตางค์ที่ผัวให้ซื้อกับข้าว ซื้อดอกไม้ห้าสิบบาทเกลี้ยงเลย พอกลับมาถึงบ้าน ผัวถามว่า “ไหนกับข้าว” “ไม่มี ซื้อดอกไม้หมดแล้ว” ผัวโมโหหิวตบเปรี้ยงเลย โอ้โฮ, มงคลขึ้นขอบตาเขียวปัดเลยทีนี้ อย่าไปเชื่อง่ายๆ ท่านอาจารย์สอนมานี่ในสุราษฎร์ตั้งนานแล้ว พระองค์นั้นมาทำพิธีเสริมมงคลนิดเดียวเชื่อ อาตมาไปดูมาแล้ว เป็นเพียงวิธี นั่นเป็นอุบายดึงคนเข้ามา โยมบางคนเชื่อเต็มที่เลย ถึงกับขายที่ จนกระทั่งไปทำบุญหมดเกลี้ยง เดี๋ยวนี้ไปอยู่กับน้อง เงินหมดแล้ว มีคนบางคนเชื่อเหลือเกิน อาตมาไปบรรยายด้วยกันบ่อย อาจารย์องค์นั้นสนิทกัน มีวันหนึ่งท่านนิมนต์ไปบรรยายที่วัดท่าน แล้วท่านก็เคยมาเยี่ยมอาตมาที่วัด ไปมองดูแล้วนั่นเป็นอุบาย โยมนี่เชื่อกันเต็มที่เลย เชื่อกันจนกระทั่ง โอ้โฮ, ขายที่ขายทาง ไปทำบุญกันจนสิ้นเนื้อประดาตัว เขาเรียกว่า โมหะ ทำบุญจนเดือดร้อน มันยุ ไอ้ตัวหลงนี่มันยุ ฉะนั้นระวังให้ดี เอ้า, ฉะนั้นก็ขอให้ เวลานี้ก็หมดเวลา เดี๋ยวท่านอาจารย์จะได้มาทำพิธีทำวัตร จึงอยากจะขอสรุปสั้นๆว่า ทำอะไรก็ต้องขอให้มุ่งไปที่นิพพาน นะ แล้วโดยเฉพาะวันนี้ อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวสักนิดหนึ่งเพื่อเป็นการแบ่งบุญกัน ว่าขอให้พระคุณเจ้าทั้งหลายที่ผมไปทำบุญอะไรมาก็ขอแบ่งให้ทุกองค์ๆ ให้ญาติโยมด้วย ในการไปทำอะไรมานี่ก็ต้องมีอุปสรรค มีอะไรต่อสู้กันน่าดู ตลอดทั้งปีมา เดี๋ยวนี้ไปบรรยายกับเด็กวัยรุ่นนี่ถ้าไปบรรยายเทคนิค พาณิชย์นี่ มันเหลือเกิน ถ้าไปบรรยายหงอยๆมันก็ไม่ฟัง วันนั้นไปบรรยายพาณิชยการแห่งหนึ่ง พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ วัยรุ่นมันเอาเลยทีเดียว มันบอกว่า “เฮ้ย,ใครวะ จะมาอบรมคนอย่างกู” มันเอาขนาดนี้ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่จะไปพูดได้ง่ายๆนะ เรียกว่าก็ต้องทนลำบากตรากตรำ ทนคำถากถาง เยาะเย้ย บางทีไปพูดมันแซวพระตลอดเลย อาจารย์ใหญ่ไปถลึงตาต่อหน้ามัน ยังไม่นั่น ให้ถลึงให้ตาหลุดมันก็ยังไม่รู้สึก เวลานี้น่าดูจริง เด็กวัยรุ่นมันนั่งรถสองแถวกินเหล้ากันเสาร์ อาทิตย์ พระนั่งรถตามหลังมัน มันยกแก้วส่ง เอาไหมหลวงพี่ เอาไหมหลวงพี่ เดี๋ยวนี้น่าดู ฉะนั้นใครจะช่วยกันเอาศีลธรรมกลับมา ให้มันเป็นนิพพานกันทั้งบ้านทั้งเมืองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข นี่ก็ช่วยกันนะ
ตอนนี้ก็จะต้องระดมทำกันอย่างจริงๆ ท่านอาจารย์บอกก็ต้องมีผู้กล้าหาญในจริยธรรม ดังนั้นญาติโยมต่อไปนี้ต้องเป็นผู้กล้าหาญในจริยธรรม เราน่าจะรวบรวมกันสร้างอนุสาวรีย์ให้แม่เยื้อนเหลือเกินที่จังหวัดพัทลุง นี่ใครเป็นชาวจังหวัดพัทลุง ช่วยกันที ไปช่วยสร้างอนุสาวรีย์ให้แม่เยื้อน ซึ่งสมัยก่อนนี้พบกับอาตมาครั้งหนึ่งที่นี่ เสียดายแกบวชลูกชายปีนี้ ตั้งใจขอร้องลูกชายว่าอย่าเลี้ยงเหล้านะในวันบวช เพื่อนเลวๆไม่รู้มาจากไหนชวนให้ลูกชายเลี้ยงเหล้า ผลที่สุดนาคโกนหัวแล้วก็เลี้ยงเหล้าเพื่อน แม่เยื้อนน้อยใจ ขึ้นห้อง ปิดประตู กินยาตาย ประท้วงลูกชายว่าฉันจะขอเป็นผู้มีศีลธรรมอย่างเฉียบขาด ถ้าลูกชายบวชครั้งนี้ไม่เชื่อแม่ ไม่ทำการบวชให้มีศีลธรรม ไปเลี้ยงเหล้าเมายา ขอประท้วงเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ฉะนั้นญาติโยมทางใต้ ต่อไปนี้ใครจัดงานอะไรก็ตาม ไอ้ประเภทศพหนึ่งศพ แล้วก็วัวสองศพ หมูสองศพ นี่เลิกกันเสียทีเถอะ แล้วก็ชอบเล่นการพนัน อบายมุข ๖ ข้อนี่อาตมาได้ทำการวิจัยแล้ว ภาคต่างๆมันต่างกัน ภาคอีสาน ดื่มน้ำเมาอันดับ ๑ จังหวัดสุรินทร์นี่ มีคำขวัญว่า คนสุรินทร์ “เกิดมาเป็นคนสุรินทร์ ถ้าไม่กินสุราก็เป็นหมาสุรินทร์” เขาว่าเกิดเป็นคนสุรินทร์ แล้วต้องกินสุรา ถ้าไม่กินสุราก็เป็นหมาสุรินทร์ ดื่มน้ำเมาภาคอีสาน เที่ยวกลางคืนภาคกลาง ดูสิ ขึ้นป้ายใหญ่ๆ เชิญท่านสาธุชนเที่ยวงานคืนนี้เป็นกุศลอย่างยิ่ง วัดเป็นวิกเยอะที่สุดภาคกลาง ส่วนภาคใต้การพนันอันดับ ๑ งานศพมีการเอาศพไว้เล่นการพนัน มีการซื้อศพไว้เก็บค่าต๋ง ดังนั้นพระคุณเจ้าทั้งหลาย ต่อไปนี้พระทางใต้นี่ขอร้องกันที ผมนี่ เดี่ยวนี้ เอาแล้ว ใครมานิมนต์นี่ไม่รับง่ายๆต้องต่อรอง ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เปิดเพลง เอาไม่เอา ไม่เอาอย่าเอา เราไม่ใช่โสเภณีชั้นต่ำที่จะหิ้วไปง่ายๆ ต้องต่อรองกันบ้าง อย่าให้เขาหิ้วไปง่ายๆ ฉะนั้นญาติโยมคนไหนที่จัดงานบุญแล้วมันมีเรื่องเหลวไหล เรื่องอะไรอย่างนี้ พระอย่าไป ให้มันมายิงตายคากุฏิก็ให้มันรู้ไป ช่วยกันที มันจะเป็นบุญอันยิ่งใหญ่แก่บ้านเมืองเรา แล้วเดี๋ยวนี้ที่ร้ายที่สุดก็คือ มันมองเห็นการพนันเป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องประเพณีเล่นการพนันเป็นเพื่อนศพ มนุษย์ที่ไหนเล่นการพนันเป็นเพื่อนศพ นี่โยมอายุมากๆกันแล้วนะ แถวๆหน้านี่ เตรียมกลับไปอัดเทปให้ดี โยมคนนี้ชื่ออะไรที่ประนมมือนี่ เอาละแม่เลื้อน คล้ายๆกับเยื้อนนี่ เอาละ, แม่เลื้อนกลับไปอัดเลย ข้าพเจ้านางเลื้อนบัดนี้ตายแล้ว ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่มางานศพข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตายครั้งนี้ไม่ต้องการให้ใครมาเล่นการพนัน กินเหล้า เมายาในงานศพ ถ้าใครมาเล่นขอให้ฉิบหายวายวอด แช่งไปเลย พอแม่เลื้อนตายแล้วก็เปิดเทปเลย พอคนจะกรูมาเผา บอกยังไม่ต้องเผา ฟังแม่เลื้อนปราศรัยก่อน แถวหน้าอัดได้หลายคนแล้วนะ กลับไปอัด อัดได้แล้ว ช่วยกันต่อต้านทีเถอะเรื่องนี้ อาตมาอัดไว้ ๒ ม้วนแล้ว ม้วนหนึ่งเผื่อโดนยิงตาย ม้วนหนึ่งเผื่อโดนอุบัติเหตุ กะว่าพอตายแล้วไม่ต้องนิมนต์พระอื่นมาเทศน์ให้เสียเศรษฐกิจ เรานักเทศน์อยู่แล้วก็เทศน์ศพของเราเองเลย ไม่มีเทปเหรอ ขอยืมใครก็ได้อัดไว้สักม้วนหนึ่ง เอาเลยโยมแก่ๆได้หลายคนแล้วละ อัดๆกันไว้นะ กลับไปนี่ อัดไว้ อาตมาเที่ยวให้โยมอัดกันไว้หลายคนกะว่าตายแล้วจะไปเปิดเลย คนมันจะฟังดีกว่าไปศพอื่นไหม ไม่เคยเจอเลย นี่คนตายปราศรัยได้ศพนี้ เตรียมอัดไว้ให้ดี เอาละ,แล้วเราจะเป็นการส่งบุญกันยิ่งใหญ่ ต่อไปนี้ขอให้โลกนี้ร่ำรวยอยู่ด้วยบุญ ให้มันร่ำรวยอยู่ด้วยบุญ อย่าไปรวยบาป รวยกรรมกันหนักหนาเลย เวลานี้มันน่าเศร้าใจจริงๆที่คนมันร่ำรวยในทางที่จะไปเล่นการพนันกัน รวยจนกระทั่งปูพรมติดแอร์เล่นการพนัน แล้วก็มี อู้ฮู้, เหลือเกิน เดี๋ยวนี้คนมา อยากให้โยมแบ่งบุญกันมาทำเรื่องดีๆบ้างนะ อาตมาเคยคิดว่า เคยพูดไปออกโทรทัศน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า น่าจะสร้างอนุสาวรีย์ให้พลตำรวจเอกคนนี้บ้าง กล้าจับบ่อนอิทธิพล ต่อไปอาตมากะจะทำบุญสักก้อนหนึ่ง ใครจะร่วมสมทบก็เอา คือว่า เวลาตำรวจกองปราบไปปราบบ่อนการพนันที่ไหนถูกหมากัดก็จะออกค่ารักษาให้ ถ้าถูกเจ้าของบ่อนยิงตายละก็จะเอาเงินก้อนนี้ไปให้เลี้ยงลูกเลี้ยงอะไร ที่ปราบอบายมุข ตำรวจคนไหนตายเพราะปราบอบายมุข เราจะต้องช่วยเหลือครอบครัวเขาเต็มที่ เขาจะเจ็บปวดอะไรมาต้องช่วยเหลือเต็มที่ ต่อไปอบายมุขจะลดลง เดี๋ยวนี้เราไม่รู้จักช่วยกันให้เต็มที่ ไปมัวทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างวิหารกันอย่างเดียวไม่พอแล้ว เวลานี้มันต้องสร้างคนขึ้นมากล้าหาญในจริยธรรม ต่อต้านอบายมุขจนชนิดที่เรียกว่าเหมือนอาฟีโน แกต่อต้านเผด็จการในฟิลิปปินส์ เราจะต้องเป็นอาฟีโนไทยสักคน เพื่อตายเป็นปุ๋ยประชาธิปไตยเราไม่เอาละ ใครที่ว่าตายเพื่อเป็นปุ๋ยประชาธิปไตย เราไม่ห่วงเท่าไหร่ ตายเพื่อเป็นปุ๋ยศีลธรรมกันบ้างดีกว่า มันจะทำให้โลกนี้งอกงามอยู่ด้วยศีลธรรม เมื่อศีลธรรมงอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ ศีลธรรมเป็นต้นไม้ใหญ่ คนที่นั่งใต้ต้นไม้ก็ได้รับความเย็น อยากจะให้ต้นไม้ศีลธรรมใหญ่เท่าๆกับต้นไม้ภายในสวนโมกข์ แล้วคนที่เข้าไปนั่งใต้ต้นไม้ก็พลอยกันร่มเย็น
เอาละ, วันนี้ก็ขอส่งความเย็นไปถึงทุกท่านทั้งหลายที่มาในงานนี้ แล้วก็กลับไปถึงบ้านก็ขอให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกของหลาน อย่าไปเป็นร่มตาล ร่มมะพร้าวหล่นใส่หัวลูกหัวหลานกันนะ คนแก่คนเฒ่านี่ กลับไปก็ขอให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกของหลาน อย่าเป็นร่มตาล ร่มมะพร้าวหล่นใส่หัวลูกหัวหลาน พ่อแม่บางคนนี่พอกลับไป ให้ดีนะ อาตมาเคยเจอคนหนึ่ง แหม, พอลูกมันตวาดแม่หวืด เขาก็หลบ พอตวาดที เขาก็หลบ พออ้อนวอน พูดดีๆ พอลูกหลานตวาด เขาก็หลบ พอนั้นก็ค่อยๆอ้อนวอน จนชนะเลย ฉะนั้นโยมกลับไปถ้าลูกหลานมันตวาดแว้ดมา ก็หลบไว้ก่อน เราก็ค่อยๆพูดปลอบไป ไม่ใช่พอมันแว้ดมา เราก็หวืดเข้าไป ก็กลายเป็นหลานยักษ์ ยายยักษ์ เจอกัน เดี๋ยวรำหมัด รำดาบเข้าไปกระทบก็ยุ่งกันใหญ่ สุดท้ายก็ขออวยพรให้ทุกคนจงใกล้ต่อสิ่งที่เรียกว่านิพพาน คือเย็นอกเย็นใจ ปราศจากมือที่สามเข้ามาก่อกวนให้อยู่ร้อนนอนทุกข์ ให้ทุกคนได้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ