แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผมขอแสดงความยินดี ในการมาของท่านทั้งหลาย โดยเชื่อว่า มา เพื่อแสวงหาหนทางที่จะทำประโยชน์ ให้แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น แก่โลก แก่ศาสนา นี่คือหน้าที่โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ทั้งโลกก็ว่าได้ ทุกคนจะต้องแสวงหาวิธี หนทางที่จะประพฤติปฏิบัติให้เป็นประโยชน์ สุข แก่ตัวเอง แก่ผู้อื่น เพื่อ เพื่ออยู่กันเป็นผาสุก เดี๋ยวนี้พอจะสังเกตเห็นกันแล้วว่า ทั้งโลกนี่มันกำลังวุ่นวาย ไม่มีความสงบสุข ต้นเหตุ ปัญหา นี่มันพัวพันกันยุ่ง แต่ถ้าสรุปความแล้ว มันก็ได้ใจความสั้นๆ ชัดๆ ว่า เพราะมันขาดธรรมะ เพราะมันขาดธรรมะ จะเรียกว่าขาดศีลธรรมโดยเฉพาะก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะพูดให้มันกว้าง ก็ต้องว่ามันขาดธรรมะ และถ้าให้มีธรรมะขึ้นมาได้ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป และก็ว่าธรรมะนั้น ถ้าเราจะจำกัดใจความให้กะทัดรัด ชัดเจน สั้นๆ ที่สุด มันก็จะได้ใจความว่า ธรรมะ คือ การปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับความเป็นมนุษย์ ทุกขั้น ทุกตอนแห่งชีวิต ให้มันมีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง อย่างเป็นมนุษย์ทุกขั้นทุกตอนแห่งชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย การประพฤติกระทำที่ถูกต้องสำหรับมนุษย์ สำหรับความเป็นมนุษย์ ก็คือไม่มีความทุกข์ มนุษย์แปลว่ามีจิตใจสูงเหนือความทุกข์ ถ้าจิตใจยังต่ำอยู่ใต้ความทุกข์ ยังไม่เป็นมนุษย์ ยังเป็นเพียงคน คน มันมีความหมายต่ำมากนะ คนน่ะ มันเป็นเพียงคน เกิดมามันก็เป็นคน ถ้าเป็นมนุษย์ ตัวหนังสือคำนั้นแปลว่า ใจสูง คือสูงเหนือความทุกข์ เหนือปัญหา หรือ เหนือกิเลส จิตใจอยู่ใต้กิเลส กิเลสครอบงำมันก็คือเป็นทุกข์ นี่ยังไม่เรียกว่ามนุษย์ ทุกคนรู้เอาเองเถอะว่า ถ้าว่าจิตใจมันถูกท่วมทับอยู่ในกิเลสนั้นเรายังไม่เป็นมนุษย์ เราอย่าอวดดีอยู่เลย แม้จะเกิดมาเป็นคนอย่างนี้มันก็ยังไม่ใช่มนุษย์ ถ้าว่าจิตใจมันสูง เอาชนะความทุกข์หรือกิเลสได้นั้นละ คือมนุษย์ อย่างนี้ ธรรมะ มันก็กลายเป็นหน้าที่ หน้าที่ ที่จะทำให้เราต้องทำให้เราเป็นมนุษย์ คือให้มีธรรมะนั่นเอง ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติให้เราเป็นมนุษย์ คือรอด รอดจากปัญหา รอดจากความทุกข์
คนเรามันมีปัญหาอยู่ ๒ ตอน ตอนแรก ก็คือเป็นคนก็ยังไม่ได้ ตอนที่ ๒ ก็เป็นมนุษย์ยังไม่ได้ ตอนแรกเป็นคนก็ยังไม่ได้ ก็หมายความว่า มันยังลำบากยุ่งยากเรื่องทำมาหากิน ยังไม่เสร็จธุระในเรื่องทำมาหากิน ยังไม่สบายในเรื่องทำมาหากิน ยังยากจนเกินไป เป็นต้น นี่ยังไม่รอดจากปัญหาของคน ทีนี้บางคนรอดแล้ว มีเงิน มีของ มีทรัพย์สมบัติ มีอำนาจ มีวาสนาแล้ว ก็รอดได้ในปัญหาของคน แต่ไม่รอดในปัญหาของความเป็นมนุษย์ คือจิตใจยังมีกิเลส มีความทุกข์ คนที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐี ธรรมดาๆ นี่ เศรษฐีธรรมดาๆ มันยังมีกิเลสและมันยังมีความทุกข์ คนรวยก็ยังมีความทุกข์ไม่แพ้คนจน ถึงเขารอดตัวไปในชั้นเป็นคน ก็ไปติดปัญหาในชั้นที่เป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นต้องรู้จักทำใจให้เป็นมนุษย์ คือเกลี้ยงเกลาจากข้าศึก กิเลสในภายใน ให้มีจิตใจสะอาด สว่าง สงบโน่น มันจึงจะเป็นมนุษย์ ยอดสุดของมนุษย์ก็เป็นพระอรหันต์ละ พูดได้อย่างนี้เลย เป็นโสดา สกิทาคา อนาคา กระทั่งเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้รอด ชั้น ชั้นที่ ๒ รอดจากกิเลสและความทุกข์ ชั้นที่ ๑ รอดจากความลำบากยากจน ชั้นที่ ๒ รอดจากกิเลสและความทุกข์ คนยากจนมันต้องจัดการเรื่องยากจนก่อน มันไม่ค่อยมีโอกาสมาจัดการกับเรื่องกิเลสอะไรนัก แต่ก็ต้องรู้ไว้ ต้องอย่าให้เป็นทุกข์เกินไป คนยากจนก็มีความทุกข์ คนมั่งมีก็มีความทุกข์ แต่คนยากจนก็มี ๒ เท่า คือ ลำบากยากจนในทางทรัพย์สมบัติ มันก็มีความทุกข์ด้วย คนมั่งมีเขาไม่ลำบากยากจนในทางทรัพย์สมบัติ คงมีแต่ความทุกข์ที่เกี่ยวกับจิตใจ นี่เป็นอันว่าเรื่องความรู้ธรรมะเพื่อดับทุกข์นี่ จำเป็นทั้งแก่คนยากจนและคนมั่งมี พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสว่าธรรมวินัยนี้มีอยู่เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน ทั้งเทวดาแลมนุษย์ ทั้งเทวดาและทั้งมนุษย์ หมายความว่า ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน ต้องการธรรมะสำหรับดับทุกข์ นี่เราพูดกันแต่ที่เห็นๆ ได้ในโลกนี้ เทวดาในโลกนี้ ก็คือคนที่สบายแล้วในเรื่องเกี่ยวกับทางโลก ส่วนมนุษย์นี้ยังลำบาก ยังอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ แต่ทั้งคนมั่งมีและคนยากจนยังมีกิเลส มันยังมีความทุกข์เสมอกันในส่วนนี้ ให้สนใจธรรมะ คนยากจนก็ทำมาหากินไป โดยไม่ต้องเป็นทุกข์ มันทำให้สนุกไปได้ ส่วนคนมั่งมีแล้ว เขาก็ต้องป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้น ทำจิตใจให้เป็นทุกข์ เหมือนกัน ความทุกข์ส่วนทางจิตใจนี้มันเหมือนกัน ทั้งคนมั่งมีและคนยากจน
ทีนี้ ชาวบ้านฆราวาสที่ยากจน ก็ต้องมีธรรมะพอ ที่จะรู้จักป้องกันกิเลสและความทุกข์ ไม่อย่างนั้นจะทนทุกข์ ทนทุกข์ ทีนี้ล่ะ ทนทุกข์เหมือนกับตกนรก แล้วก็ทนทุกข์กันที่นี่ล่ะ ไม่ต้องต่อตายแล้ว อยู่ที่นี่ก็มีความทุกข์เหมือนกับตกนรก มันต้องมีธรรมะมาปฏิบัติ ดำรงจิตไว้ให้ถูกต้องอย่าให้มีความทุกข์ ให้ชีวิตนี้มันเป็นสุข เพราะว่าเราตั้งจิตไว้ถูกต้อง ที่เห็นอยู่ชัดๆ ก็เรื่องทำมาหากิน นั่นแหละ ในหน้าที่การงานหาเลี้ยงชีวิต นั่นแหละ จะต้องทำอย่าให้มันเป็นทุกข์ รู้จักตั้งจิตไว้ให้ถูกต้องและทำให้มันสนุกไปเลย จะทำนาทำสวนหรือทำอาชีพอะไรก็ตามใจ จัดให้มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องและก็พอใจ และก็สนุก เป็นสุข ความสุขต้องเกิดมาจากความพอใจ พอใจเลวก็ถูกเลว พอใจดีก็ถูกดี พอใจโกง ความสุขมันก็คดโกง พอใจสุจริต ความสุขมันก็สุจริต พูดได้ว่าความสุขต้องมาจากความพอใจ
ทีนี้เราทำให้ตัวเราดี มีความสุจริตแล้วก็พอใจ ไอ้ความสุขของเรามันก็สุจริต เป็นชาวนาที่ดีที่สุด ไม่มีทุจริต มันก็เป็นสุขเพราะว่าเราเป็นชาวนาดีที่สุด เป็นชาวสวน เป็นอาชีพอะไรก็ตาม เราทำดีที่สุด พบแต่ความดี ความถูกต้อง มองดูตัวเองแล้วเห็นแต่ความถูกต้อง ไม่มีความผิด ไม่มีความชั่ว ก็ยกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้าใครมันไหว้ตัวเองได้ คนนั้นจะไม่มี ไม่มีความทุกข์เลย
ความทุกข์นี้มันมีหลายชนิด ความทุกข์ที่เกิดมาจากภายใน เราทำเองก็มี ความทุกข์ที่เกิดจากภายนอก คนอื่นมันทำให้ก็มี ความทุกข์ที่เกิดจากธรรมชาติมันเปลี่ยนแปลงร้ายกาจ เช่นว่ามันน้ำท่วม พายุ ไฟไหม้ มันเป็นธรรมชาติ อย่างนี้ก็มี ถ้าเราไปมีความทุกข์กับมัน มันก็ร่อยหรอ ชีวิตมันก็ร่อยหรอ มีความทุกข์ เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเองเสียบ้าง อย่าไปทุกข์กับมัน แล้วก็แก้ไขไปตามเรื่อง แม้แต่ความผิดพลาด ขาดทุนอย่างนี้ ก็มองเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง แล้วก็แก้ไขให้มันถูกต้อง จนมันไม่ผิดพลาด ในข้อแรกก็ว่าเช่นนั้นเองไปทีก่อน อย่าเป็นทุกข์ เช่นทำนาปีนี้ตายหมด แห้งตายหมด ปูกินหมด มันก็ว่าก็เช่นนั้นเอง ทีหลังก็ทำให้มันดี ให้มันถูกต้อง อย่าให้มันเป็นอย่างนั้น ความผิดพลาดทุกอย่างมันก็ต้องมี แต่ถ้าเราตั้งใจดีมันก็ไม่ค่อยมี ถ้าเราฉลาดพอ มันก็ไม่มี เพราะฉะนั้นการศึกษา มันก็สำคัญอยู่ ฉะนั้นต้องมีการศึกษาให้เพียงพอ ลูกเด็กๆ มีการศึกษาให้เพียงพอ โตขึ้นแล้วเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ก็ยังมีการศึกษาที่เพียงพอ เพราะความทุกข์มันเลื่อนชั้น เป็นพ่อบ้านแม่เรือนแล้ว ก็มีการศึกษาให้เพียงพอ เพราะความทุกข์มันอีกแบบหนึ่ง เป็นคนแก่คนเฒ่าแล้ว ก็ต้องมีการศึกษาให้เพียงพอ เพราะความทุกข์มันเลื่อนเป็นอันดับสุดท้ายแล้ว ทีนี้ถ้ามีความรู้ทุกขั้นตอนแห่งชีวิต นั่นแหละ ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมะ ให้ความเป็นมนุษย์ มันมีความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง แล้วมันก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น อย่าประมาท มัวแต่เล่นหัว โง่เง่า เต่า ปู ปลา รู้จักแต่สนุกสนานเหมือนกับเด็กๆ รู้จักเหมือนกับคน คนที่ไม่รู้อะไร เห็นแต่เรื่องสนุกสนาน เรื่องปากเรื่องท้อง สนุกแต่เรื่องอย่างนั้น สนุกกับธรรมะไม่เป็น ที่ว่าสนุกเป็นสุขกับธรรมะนั้น มันเป็นสุข เพราะพอใจว่าเราเป็นคนมีความถูกต้อง สนุกกับพระธรรม สนุกที่ว่าเรามีความถูกต้อง ทีนี้สนุกของคนบ้า คนโง่ คนปุถุชน ก็มันสนุกเพราะมันได้กินเหล้าเมายา อบายมุขทั้งหลาย มันสนุกอย่างนั้น ไม่เท่าไรมันก็ลงอบาย แต่ถ้าว่าสนุกของสัตบุรุษ อริยชนนี่ เขาสนุกในการทำความถูกต้อง แล้วก็พอใจในความถูกต้องโดยเป็นสุข คนโบราณชั้นปู่ย่าตายายของเรานั้น เขาสนุกในการทำงานทั้งนั้น มาในชั้นลูกหลานนี่ ไปสนุกที่อบายมุข มันก็น่าเห็นใจเหมือนกันล่ะ เดี๋ยวนี้ในโลกมันมีสถานที่อบายมุขเต็มไปหมด จนจะหลีกไม่ไหว เด็กๆ ของเราก็ไปสุข ไปสนุกที่สถานอบายมุข ไม่สนุกกับวัว กับควาย กับไร่ กับนา กับเรือก กับสวน สมัยก่อนเขาสนุกกันอยู่ในการงาน แม้แต่ไถนาอย่างนี้ก็เป็นสุข พอใจ ยิ้มกริ่มอยู่เสมอ เดี๋ยวนี้ไม่เอานี่ ไม่อยากทำนา อยากจะไปหางานทำ เงินเดือนแพงๆ และเที่ยวกันสนุก ทีนี้มันก็ไม่ได้อย่างที่ต้องการ มันก็เกิดเป็นอันธพาลไปลักไปขโมย ไปหาโดยลัดกันเข้ามา ไปจบอยู่ในคุกในตะราง ซึ่งเหมือนกับอบาย ถ้าเราไม่สนุกในการทำหน้าที่ ที่ถูกต้อง คนแต่ก่อนเขาสนุกอยู่กับการทำหน้าที่ ที่ถูกต้อง ทำไร่ ทำนา นั่นแหละ หน้าที่ ที่ถูกต้อง สมัยก่อน คนไถนา ไถนาอยู่ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจเย็น เพราะมันไม่ ไม่ทะเยอทะยานอะไรมากกว่านั้น มันทำนากับควาย ก็สบายใจได้ข้าวกิน ได้ใช้ ได้สอยเหมือนกัน เดี๋ยวนี้มันจะทำนากับเครื่องจักรด้วยจิตใจที่ร้อนรนเหมือนกับไฟที่อยู่ในอก แล้วมันก็จะบังคับจิตไม่ได้ เพราะมันจะทำนาเอาเงินไปซื้อหาอบายมุข คนสมัยนี้ก็อยากรวยเพื่อไปซื้อหาอบายมุข คนก่อนๆ น่ะเขาทำงานเพื่อเอาเงินไปทำบุญ คนแก่ไถนาอยู่ เดินไปใกล้ๆ เขาพูดขึ้นมาเองว่า “ไถนา เอาข้าวตักบาตรสักหน่อยเถอะเจ้าเอ้ย” เขาพูดกับพระว่า “เจ้าเอ้ย” ไถนา หว่านเท่าไรไม่รู้ กี่ถัง เอาข้าวใส่บาตรสักหน่อยเจ้าเอ้ย นี่คนแก่รุ่นปู่ตาย่ายาย ไอ้คนสมัยนี้มันไม่คิดว่าทำนาเอาข้าวใส่บาตรหรอก ถ้ามันจะทำ ละมันก็ไม่ทำด้วย ถ้ามันจะทำ มันก็คิดว่าทำนาเอาเงินไปซื้ออบายมุขทั้งหลาย ไปตามอารมณ์ทั้งนั้นแหละ อย่างนั้นจิตใจเขาก็ต้องต่างกัน เดี๋ยวนี้ลูกหลานของเรามันทำนาทำงานเพื่อกามารมณ์ เพื่ออบายมุข ในเมื่อสมัยก่อนเขาทำนาเพื่อบุญ เพื่อกุศล ทำงาน เพื่อการบุญ การกุศล แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง เขาก็อยู่กันด้วยความสงบ ไม่หรูหราและก็สวย สนุกสนานอย่างอันธพาล จะสนุกก็สนุกอย่างสัตบุรุษ อุบาสก อุบาสิกา รู้ว่าทำงานนี้มันเป็นประโยชน์ มันเป็นหน้าที่ แล้วก็พอใจ ได้ทำหน้าที่ของมนุษย์แล้วก็พอใจ ถ้าพลาดไป ไม่ได้ มันก็ว่าเช่นนั้นเอง มันก็ปลงอนิจจัง เช่นนั้นเอง ก็ทำใหม่ได้ โดยไม่ต้องเป็นทุกข์ มันจึงไม่มีการฆ่าฟันกัน ใครจะมาทำอะไร มาลัก มาขโมย มาขัดคออะไรบ้าง ก็ไม่มีการฆ่าฟันกัน เพราะมันเห็นเช่นนั้นเอง ธรรมเนียมโบราณเราสอนไว้เสร็จแล้วว่าให้ทำเผื่อ เผื่อคนขโมย เผื่อนก เผื่อหนูมันกินบ้าง มันจึงไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะทำเผื่อไว้แล้ว คนเดี๋ยวนี้ไม่เคยคิดล่ะ ที่ทำเผื่ออย่างนี้ ก็พร้อมที่จะฆ่า จะแกง จะยิง จะฟัน จะอะไรกันไปตามเรื่อง นี่โลกมันเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ เราก็เป็นพระ เป็นเณร ส่วนหนึ่งก็มีหน้าที่ ที่จะช่วยสั่งสอนธรรมะ แก้ไขปัญหาเหล่านี้ แล้วอีกส่วนหนึ่ง ก็คือเรานั้นแหละ จะไปเป็นเสียเอง พระ เณรนี่ จะไปเป็นประชาชนเหล่านั้นเสียเองก็มี แต่ถ้าว่ายังเป็นพระ เป็นเณรอยู่ พยายามศึกษา สังเกตธรรมะ สำหรับที่จะช่วยมนุษย์กันดีกว่า การช่วยมนุษย์ด้วยเรื่องของธรรมะนี้ ช่วยได้มากกว่า คือช่วยให้เขาเป็นสุขได้กว่า ช่วยด้วยเงินด้วยทองนั้นเป็นเรื่องหลอกๆ เล่นๆ เดี๋ยวก็หมดๆ ช่วยไม่ไหว แต่ถ้าช่วยให้เขามีธรรมะ เป็นการช่วยที่ถาวร เขาไม่ทำผิด เขาทำถูก เขาก็แก้ปัญหาได้ แล้วก็หมดความทุกข์ไปได้ มันเป็นการช่วยที่จริงและสำเร็จประโยชน์
ดังนั้นเราทุกคนจง หันหน้าไปหาธรรมะ โดยแน่ใจเหลือเกินว่า สิ่งอื่นนั้นช่วยไม่ได้ สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ธรรมะ มันก็คงจะมีปัญหาบ้าง ที่ว่าธรรมะนี้ มันลึกลับอยู่เหมือนกัน แต่ว่าไม่เหลือวิสัยที่เราจะเข้าใจ ขอให้จำไว้ อย่างเมื่อตะกี้พูดแล้ว ธรรมคือการประพฤติการกระทำที่ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของเรา ที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ถูกต้อง นั่นแหละคือธรรมะ ทีนี้จะให้ชัด ก็คือหน้าที่ หน้าที่ของมนุษย์ ในธรรมะนั่น ภาษาธรรมดา ภาษาคน ธรรมดา ก็แปลว่าหน้าที่ ธรรมะคือหน้าที่ ภาษาอินเดีย ชาวอินเดียมีคำว่าธรรมะแล้วก็แปลว่าหน้าที่ สิ่งที่มีชีวิต ทุกชนิดมีหน้าที่ ที่จะต้องทำ เพื่อจะให้รอดชีวิต และให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป นั่นแหละคือหน้าที่ ให้รอดชีวิตและให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป นั่นแหละคือหน้าที่ สิ่งใดที่มีชีวิต สิ่งนั้นจะต้องมีหน้าที่ ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็จะต้องตาย ต้นไม้ทั้งหลายรอบตัวเราที่เห็นอยู่นี้ มันก็มีชีวิตและมันก็มีหน้าที่ ที่จะต่อสู้ ที่จะต้องหาน้ำกิน ต้องหาแร่ธาตุกิน จะต้องหาแสงสว่างให้เพียงพอ แล้วก็รอดชีวิตอยู่ได้ หน้าที่ของต้นไม้ สัตว์เดรัจฉานมันก็มีหน้าที่ด้วย มันมีหน้าที่ ที่จะต้องให้ได้กิน และให้ได้รอดชีวิตอยู่ได้ ไม่ทำหน้าที่มันก็ตาย ทีนี้คนมันก็มีหน้าที่อย่างคนสูงขึ้นไป ต้องทำหน้าที่สำหรับให้คนมันรอดชีวิตอยู่ได้ ให้มันสูงขึ้นไป คือให้มีจิตใจสูง จิตใจสูง สูง สูงจนบรรลุมรรคผลนิพพาน นี้คือหน้าที่ ธรรมะแปลว่าหน้าที่ ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ถูกต้องที่สุดเลย ธรรมะ แปลว่า หน้าที่สำหรับเป็นมนุษย์ หน้าที่ของมนุษย์คือธรรมะของมนุษย์ มนุษย์มีหน้าที่อย่างไร เพื่อทำ เพื่อเป็นมนุษย์สมบูรณ์ สมบูรณ์คือเมื่อเป็นพระอรหันต์ เดี๋ยวนี้ยังไม่สมบูรณ์หรอก เพียงให้มัน มันรอดอยู่ได้ๆ แล้วดีขึ้นๆ จนกว่าจะสมบูรณ์ ทั้งหมดนั้นเป็นหน้าที่ เพราะฉะนั้นเราทำเถิด จะต้องหาอาหารกิน จะต้องกินอาหาร จะต้องบริหารร่างกายให้ถูกต้อง เรื่องกิน เรื่องอาบ เรื่องถ่าย เรื่อง ยืน เดิน นั่ง นอน อะไรต่างๆ ให้มันถูกต้อง นั่นก็เป็นหน้าที่ เกิดโรคภัยไข้เจ็บ มันก็รักษาเยียวยา มันก็เป็นหน้าที่ มีความทุกข์อย่างไรเกิดขึ้น มันก็ต้องกำจัดให้หมดไป นั่นมันก็เป็นหน้าที่ หน้าที่ทั้งหมดคือธรรมะ คน คนไหนยากจน รู้แต่ว่า รู้แต่ว่าคนนั้นมันไม่ทำหน้าที่ คือมันไม่ปฏิบัติธรรมะ มันพูดแต่ปาก แล้วคนไหนขี้โรค อมโรค ก็รู้ว่าคนนั้นมันไม่ประพฤติธรรมะ คือมันไม่ทำหน้าที่ ที่ถูกต้อง หรือคนไหนมันพิกลพิการอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เรียกว่ามันไม่ทำหน้าที่ คนไหนยากจนก็ไม่มี เอ่อ, ก็ไม่ทำหน้าที่ คนไหนไม่รู้จักต่อสู้ให้ชนะกิเลส ก็คือมันไม่ ไม่รู้หน้าที่ มันไม่มีหน้าที่ เพราะฉะนั้นคำว่าหน้าที่ มันก็มีตั้งแต่ต่ำสุด จนถึงสูงสุด ขอให้เราทุกคน อย่าบกพร่องในหน้าที่ จะเป็นอุบาสก อุบาสิกา เป็นพระ เป็นเณร เป็นอะไรก็มีหน้าที่ ตั้งแต่ต่ำจนถึงสูงสุด ต้องรอบรู้ในเรื่องหน้าที่ทุกชนิด แล้วก็ปฏิบัติอย่าให้บกพร่องในหน้าที่ แล้วก็จะได้ผลดี ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และพบกับพุทธศาสนา ถ้าบกพร่องแล้วก็เสียชาติเกิด เป็นคำที่เลวร้ายมาก ไอ้คนที่เสียชาติเกิดนี่ มันเลวร้ายมาก ถ้ามันบกพร่องในหน้าที่ของมนุษย์นั่นเอง อย่างนั้นเราต้องรู้ว่าเรามีหน้าที่ที่จะศึกษาธรรมะ ช่วยตัวเราได้ และก็ช่วยผู้อื่นด้วย ช่วยผู้อื่นนี่ ช่วยทั้งในทางวัตถุและช่วยในทางจิตใจ เราทำงานได้มาก กินแต่พอดี เหลือก็ไปช่วยผู้อื่น นี่เรียกช่วยทางวัตถุ ทีนี้เราศึกษาเล่าเรียนให้มาก ดับทุกข์ให้ได้มาก ให้ความรู้แก่ผู้อื่น นี่ก็ช่วยทางจิตใจ ช่วยทางวัตถุก็ให้สิ่งของ ช่วยทางจิตใจก็ให้วิชาความรู้ สติปัญญา นี่เราจะต้องมีนะ ถ้าไม่มีอะไรจะช่วยเพื่อนเสียเลย เราจะพูดว่าไอ้เสียชาติเกิดเหมือนกัน ทำนาไม่เหลือกิน ให้หมาได้กินบ้าง นี่มันเสียชาติเกิด ชาวนามันต้องทำนาให้มีข้าวเหลือกิน ให้หมาได้กินบ้าง มันจึงจะไม่เสียชาติเกิด คือมันไม่ขี้เกียจ มันไม่เหลวไหล ให้มันเอาใจใส่ เพราะฉะนั้นให้มันทำนา ให้มันเหลือกิน แล้วก็ทำบุญบ้าง ใส่บาตรบ้าง อะไรบ้าง นี่ก็ทางวัตถุ ส่วนทางจิตใจนี่เป็นหน้าที่ของบรรพชิตเสียมากกว่า บรรพชิตเล่าเรียนก็เหมือนกับทำนานั่นแหละ เพราะใช้เองไม่หมด ก็สอนผู้อื่นบ้าง แจกจ่ายให้ผู้อื่นบ้าง ผู้อื่นก็จะได้รับประโยชน์ แต่ว่าแม้จะเป็น ฆราวาสก็ทำได้ ฆราวาสที่ไม่เหลวไหล ฆราวาสที่ไม่โง่เขลา นั่นนะ เขาเรียนธรรมะ จนรู้ธรรมะช่วยตัวเองได้ แล้วก็สอนผู้อื่นก็ได้ ในครั้งพุทธกาลก็มีหลายคนเหมือนกัน เป็นฆราวาสสอนธรรมะให้ผู้อื่น ถึงเดี๋ยวนี้ก็มีได้ ฆราวาสที่รู้ธรรมะเพียงพอแก่การปฏิบัติของตนแล้วก็ช่วยผู้อื่น ให้ปฏิบัติธรรมะด้วยก็ได้ ก็มีเหมือนกัน เพราะว่าไอ้ความรู้นี่มันไม่ใช่แต่มีแก่พระแล้ว แก่ฆราวาสมันก็มีได้ ถ้าเขาขวนขวายศึกษาเล่าเรียน หากประพฤติปฏิบัติตั้งแต่หนุ่มจนแก่ คนแก่นี้ก็มีความรู้พอที่จะช่วยแนะนำสั่งสอนลูกเด็กๆ เป็นธรรมดา จึงขอให้สนใจ คือว่าทำให้มาก ให้กินแต่พอดี ใช้แต่พอดี เหลือก็ช่วยผู้อื่น นี่ทายก ทายิกา อุบาสก จงถือหลักว่าเราจะเห็นว่าการทำงานนั้นเป็นธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ การงานคือธรรมะ ทำการงานให้ดีที่สุด คือปฏิบัติธรรมะในหน้าที่ แล้วก็พอใจ แล้วก็เป็นสุขอยู่ที่นั่น อย่าต้องไปเป็นสุขเมื่อไปเล่นไพ่ เล่นโป กินเหล้า เมายา ไปเที่ยวกามารมณ์ อบายมุขเลย ไม่ว่าเด็กๆ หรือคนวัยรุ่น คนหนุ่มสาว คนแก่ คนอะไรก็ตาม อย่าไปแสวงหาไอ้ความสุขด้วยอบายมุขเลย แสวงหาความสุขด้วยการทำหน้าที่ ที่ไร่ ที่นา ที่บ้าน ที่เรือน มีธรรมะอยู่ที่เนื้อ ที่ตัว แล้วมีความสุขอยู่ที่นั่น ความสุขอย่างนี้ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ต้องไปกินเหล้าแพงๆ ไม่ต้องไปขึ้นโรงแรมแพงๆ ไม่ต้องไปทำอะไรชนิดที่มันแพงๆ จนไม่พอกิน พอใช้ จนต้องเป็นหนี้ เป็นสิน จนต้องลัก ต้องขโมย ติดคุก ติดตะราง นั่น มันเป็นอย่างนั้น มันเดินไปทางนั้น เดี๋ยวนี้มันเป็นสุขอยู่ที่การงาน เป็นสุข ไหว้ตัวเองได้ ยกมือไหว้ตัวเองได้ เพราะมองเห็นแต่ความดีแต่ของตน ยกมือไหว้ตัวเองได้ ถึงไม่มี ไม่มีปัญหา คนแบบนี้ไม่มีปัญหา คือไม่ยากจน ทั้งภายในและภายนอก ทั้งภายนอกและภายใน ทางโลก ทางวัตถุ ก็ไม่ยากจน ทางจิต ทางวิญญาณ ทางธรรมะ ก็ไม่ยากจน เขาเป็นคนมั่งมี ทั้งทางภายนอกและภายใน คือทั้งทางวัตถุและทั้งทางจิตใจ นี่คือเป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนเป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้อง เป็นคนไม่ยากจน ทั้งภายนอกและภายใน ทางวัตถุก็ไม่ยากจน ทางจิตใจก็ไม่ยากจน ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว มันรอดตัวแล้ว มันพอจะ พอจะเรียกว่ารอดตัวแล้ว
อย่างที่พูดเมื่อตะกี้นี้ว่า ขอแสดงความยินดีในการมาของท่านทั้งหลาย โดยอาตมาคิดว่า ท่านมาที่นี่เพื่อแสวงหาความรู้ หรือวิธีปฏิบัติ เพื่อจะกำจัดเสียซึ่งกิเลส และความทุกข์ทั้งของตนเองและของผู้อื่น ถ้ามาจริงก็ศึกษาตามที่มีให้ศึกษา จริง ก็จะได้ความรู้ที่จะกำจัดความทุกข์ทั้งของตนเอง และของผู้อื่น แต่ถ้ามาเพ้อๆ ก็มัน ก็ไม่ได้อะไร กลับไปเปล่า เราเขียนเป็นรูปภาพที่ตึก ไป ไปเงยดูบ้าง แจกลูกตาไม่มีใครเอากี่คน นอกนั้นวิ่งกลับไปเป็นฝูงๆ หัวขาดไม่มีลูกตา นี่รูปภาพที่ภาพที่ผนังตึกนั่น ควรจะดูกันทุกคนที่มา มาแจกลูกตา ๒-๓ คนรับเอา นอกนั้นเป็นฝูงๆ ไม่รับเอา มาจากสมุย มาจากชุมพร มาจากบ้านดอน มาจากนคร มาจากพัทลุง เหมือนๆ กันเลย กลับไปหัวขาด เพราะมันไม่สนใจว่ามันมีอะไรให้ ไม่สนใจธรรมะที่มีให้ มันก็ไม่ได้อะไรเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพยายามที่สุดที่จะให้ได้แสงสว่าง ความรู้ ซึ่งเปรียบเหมือนกับลูกตา ก่อนนี้ไม่มีลูกตา แล้วก็มารับลูกตา คือได้แสงสว่าง ได้ความรู้ ว่าจะไปดำเนินชีวิตกันอย่างไร แสงสว่างคือปัญญา คือความรู้ ทำให้เราประพฤติปฏิบัติถูก เหมือนอย่างที่ว่ามาตะกี้ ธรรมะคือหน้าที่ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และก็อย่าเป็นทุกข์เลย ความทุกข์นั้นเกิดมาจากความโง่ คิดไม่ถูก ตั้งใจไว้ไม่ถูก มันก็เป็นทุกข์ หมา แมว มันก็ดีกว่าคน เพราะหมาหรือแมว มันไม่เป็นทุกข์นี่ คนมันเป็นทุกข์มากเกินไป เลยชักชวนให้ใคร่ครวญเปรียบเทียบกันดูว่า หมาทุกตัวนอนหลับ แต่คนหลายคนนอนไม่หลับ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ต้องกินยานอนหลับ คนหลายคนมันปวดหัว หมา แมว ไม่ปวดหัว หลายคนเป็นโรคประสาท หมา แมวไม่เป็นโรคประสาท คนเป็นบ้า ไปอยู่โรงพยาบาล บ้ากันมากมาย หมา แมวสักตัวหนึ่งก็ไม่เห็นว่าเป็นบ้า ชนิดที่เป็นโรคจิตอย่างนั้น ไอ้หมาบ้านั้น มันเป็นโรคชนิดอื่น ไม่ใช่บ้าอย่างที่คนเป็นบ้า มันเป็นเชื้อโรคอย่างอื่น ไอ้คนมันเป็นบ้า เพราะมันคิดไม่เป็น ระบบสมอง ระบบประสาท อะไรสูญเสียหมดเลย มันเลยเป็นบ้า ต้องไปอยู่โรงพยาบาลบ้า หมา แมวมันไม่เป็น นี่ลองนึกอย่างนี้ไว้บ้างสิ จะได้ระมัดระวังตัวดีขึ้น อย่านอนไม่หลับ อย่าเป็นโรคประสาท อย่าเป็นโรคจิตกันเลย ธรรมะช่วยได้ ธรรมะป้องกันให้ได้ ถ้าไม่มีธรรมะ มันก็ยินดี ยินร้าย มันรัก มันโกรธ มันเกลียด มันกลัว มันอิจฉาริษยา มันพยาบาท ปองร้าย หรือว่ามันอาลัยอาวรณ์ มันหึง มันหวง ไปต่างๆ มันก็เลยนอนไม่หลับ เพราะไม่มีธรรมะ ถ้ามีธรรมะ มันก็ทำงานสนุกไป มันไม่ต้องมามัวรัก โกรธ เกลียด กลัว อะไรอยู่ ถึงยังมีอะไรที่น่ารัก มันก็ โอ้, เช่นนั้นเอง กูไม่ไปรักมันให้เสียเวลา จะต้องทำอย่างไร ทำดีกว่า ไม่ไปหลงรักให้เสียเวลา หรือมันมาให้โกรธ ให้เกลียด โอ้, กูก็ไม่ไปโกรธไปเกลียดมันให้เสียเวลา มันเป็นเช่นนั้นเอง อย่างนี้ เรียกว่าเรามีใจคอปกติอยู่เสมอ นั่นแหละ มันจึงไม่เป็นบ้า มันจึงไม่เป็นโรคประสาท มันจึงนอนหลับสนิท มันไม่ปวดหัว อย่าทำเล่นกับเรื่องอย่างนี้นะ ไอ้ปวดหัว นอนไม่หลับนั่นแหละ มัน มันแสดงว่า มันมีความเป็นมนุษย์เหลือน้อยแล้วนะ ถ้ามันมีเรื่องปวดหัวนอนไม่หลับ อึดอัดขัดใจอยู่เสมอ และก็เรียกว่าความเป็นมนุษย์มันเหลือน้อยแล้ว ระวังให้ดี รีบๆ แก้ไขให้หายไปเสีย ให้มีความอิ่มอกอิ่มใจ พอใจในตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองได้ อันนั้นก็เรียกว่าใช้ได้ พอค่ำลงจะนอนนี่ คิดบัญชีดู วันนี้มันมีอะไรดีพอจะไหว้ตัวเองได้ไหม ถ้าดูแล้วทั้งวันมัน ไม่มีอะไรดีพอที่จะไหว้ตัวเองได้ ก็โขกหัวมัน ๔-๕ ที มันเลวจนไม่มีอะไรดีให้ไหว้ตัวเองได้ ถ้าทำอยู่อย่างนี้ละมันจะเจริญ มันจะทำให้มีอะไรที่พอที่จะไหว้ตัวเองได้ทุกวันๆ ก็คือมีความเจริญงอกงามแน่นอน
เป็นอันว่า ต้องทำให้มีสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ คือหน้าที่ แล้วมีผลของหน้าที่ จนเป็นที่พอใจ มีความรู้ในการทำหน้าที่ รู้ธรรมชาติ รู้กฎของธรรมชาติ แล้วก็รู้หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ และก็ทำหน้าที่ ก็ได้รับผลจากหน้าที่ ตามกฎของธรรมชาติ นั่นแหละ คือหนทางดำเนินของมนุษย์ จากต่ำที่สุดไปถึงสูงสุด คือมรรคผลนิพพาน มรรคผลนิพพานคือไม่มีความทุกข์ละ ทุกข์น้อยลงๆ จนไม่มีความทุกข์เลย เรียกว่านิพพาน ถ้ามีความทุกข์มาก มากกว่าแมว มากกว่าหมา อย่างนี้ใช้ไม่ได้ มันเป็นคนที่เลวเกินไป นี่เราก็มีความทุกข์น้อยลงจนเหลือน้อยมาก เราก็เป็นพระอริยะเจ้าขั้นต้นๆ ถ้าหมดเลยก็เป็นพระอรหันต์เลย เพราะฉะนั้นการบวชนี้ ทั้งพระ ทั้งเณร นี้ ขอให้ถือว่าเป็นการบวชเข้ามาเพื่อศึกษาเรื่องนี้นะ ไม่มีเรื่องอื่นนะ บวชเข้ามานี่เพื่อจะศึกษาเรื่องที่กำลังพูดนี่ คือธรรมะนี่ แล้วก็ปฏิบัติธรรมะนี่ และก็ได้ผลของธรรมะ แล้วก็สอนผู้อื่น สอนธรรมะแก่ผู้อื่นต่อไป ตลอดเวลาที่ยังบวชอยู่ ก็ขอให้บวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง แล้วก็สอนต่อๆ กันไปจริงๆ เมื่อสึกออกไปเป็นฆราวาสแล้วก็ยังทำได้ตามสมควร ประพฤติธรรมะจริง คือประพฤติแต่ความถูกต้องจริง ได้ผลจริง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งทางวัตถุ และทั้งทางธรรมะหรือทางจิตใจ นี่สร้างบ้าน สร้างเมือง สร้างโลกให้มีความสุขต้องทำอย่างนี้ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ถือศาสนาอะไรก็ตาม ถ้าจะช่วยสร้างโลกกันจริงๆ ละ ต้องทำอย่างนี้ คือรู้ธรรมะ หรือศาสนา แล้วก็ปฏิบัติ แล้วก็ได้ผล แล้วก็สอนต่อๆ กันไป นี่การที่เรามาพบกันบ้างอย่างนี้ มันก็ดี จะได้ปรึกษาหารือ เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องที่ลึกหรือยากอยู่สักหน่อย ถ้าไม่พบปะปรึกษาหารือ มันก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านจึงวางหลักไว้ว่าให้คบหาสัตบุรุษ คือผู้ที่มีคุณธรรม ให้นั่งใกล้สัตบุรุษ จะเป็นโอกาสให้ได้ยิน ได้ฟัง เมื่อได้ยิน ได้ฟังแล้ว ก็ไปใคร่ครวญ เห็นว่าเป็นประโยชน์ แล้วก็ปฏิบัติตาม ก็ได้รับผลเป็นความสุข แล้วก็อาจจะสอนผู้อื่นได้ นี่ ทุกคนทำอย่างนี้ มนุษย์นี้ก็เป็นมนุษย์แน่ คือมีจิตใจสูง อยู่เหนือกิเลส เหนือความทุกข์ เหนือปัญหา โดยประการทั้งปวง
เอาละเป็นอันว่า แม้ว่านานๆ เราจะมาพบกันทีหนึ่ง และเวลามันก็จำกัด มันมีน้อย แต่เราก็จะพยายามให้ดีที่สุด ที่จะใช้เวลาอันน้อยนี้ ทำความเข้าใจกันให้มาก ให้ลึก ไม่ใช่จะต้องพูดกันทุกวันๆ จนตลอดชีวิต พูดกันครั้งเดียว ถ้าเข้าใจ แล้วก็ใช้ได้จนตลอดชีวิต ฉะนั้นขอให้สนใจ ขอให้ฟังให้ดี ให้เข้าใจ แล้วมันก็จะใช้ไปได้ ใช้ปฏิบัติไปได้จนตลอดชีวิต แล้วมันยังมีอีก วิเศษ ที่ว่าชีวิตนั้น มันจะค่อยรู้และค่อยสอนของมันเอง ชีวิตนั้นจะเป็นการศึกษาในตัวมันเอง จะเป็นครูในตัวมันเอง จะเป็นการสอบไล่ในตัวมันเองนี้ ถ้าจิตดำเนินชีวิตถูกต้อง มันก็น่าปลื้มใจนะ ชีวิตนี้มันเป็นของมีค่า อย่างนี้ มันเป็นการศึกษาอยู่ในตัวชีวิต เป็นการสอนอยู่ในตัวชีวิต ทำอะไรมันก็สอนให้เอง รู้ยิ่งๆ ขึ้นไปในสิ่งนั้น แล้วมันก็สอบไล่ดูเองว่า ไอ้คนนี้มันมีความรู้พอ หรือไม่ ถ้ามันมีความทุกข์อยู่ ก็แสดงว่า ความรู้มันไม่พอ มันต้องศึกษาต่อไปอีกมาก ถ้ามันอยู่อย่างไม่มีความทุกข์เลย มันก็บอก ไอ้นี่สอบไล่ได้ สอบไล่ได้ มันใช้ได้ มันอยู่อย่างไม่มีความทุกข์ เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าทำเล่นกับสิ่งเหล่านี้ อย่าประมาทกับสิ่งเหล่านี้ พยายามจัดให้มันเป็นชีวิต ที่มีประโยชน์ ทุกเวลานาทีเลย ให้เป็นชีวิตที่มีประโยชน์ ทุกเวลานาที อย่าเอามันไปใช้เลวๆ ในการทำอบายมุข แม้แต่สูบบุหรี่ ก็เป็นเรื่องทำลายความดี นี่กล้าพูดว่า แม้แต่สูบบุหรี่ก็เป็นการทำลายความดีของมนุษย์คนนั้น คือมันทำให้โง่ แล้วก็มันทำให้เสียเวลา มันทำให้เกิดโรค มันทำให้เปลืองสตางค์ที่ไปซื้อเอามา มันไม่มีอะไรที่เป็นฝ่ายบวก หรือฝ่ายดี มันมีแต่ฝ่ายลบ ปอดมันอยู่ดีๆ เอาควันไฟไปรมนี่ คิดดูเถิด ของมันอยู่ดีๆ เอาควันไฟไปรมมัน มันจะเป็นอย่างไร มันก็ต้องพินาศฉิบหาย นี่ปอดมันอยู่ดีๆ เอาควันบุหรี่เข้าไปรม นี่ มันก็ต้องเสียเลวละ แล้วมันก็ต้องมีโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต เพราะฉะนั้น อย่าเห็นเป็นสิ่งเล็กน้อยเลย แล้วมันก็มีสิ่งที่ใหญ่โตกว่านี้อีกมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องควบคุมให้ได้ ประพฤติให้ถูกต้อง สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ มันให้โทษ มันต้องทำด้วยความโง่เขลาละ อย่าทำเลย อย่าทำเลย เป็นพุทธบริษัท แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นผู้ลืมหู ลืมตา เห็นอะไรถูกต้องตามที่เป็นจริง เหมือนพระพุทธเจ้าแหละ ผู้ตรัสรู้สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ถูกต้องตามที่เป็นจริงด้วยพระองค์เอง เราก็เป็นสาวกของท่าน รู้จักสิ่งทั้งหลายทั้งปวงให้ถูกต้องตามที่เป็นจริง แล้วก็ดำเนินอยู่แต่ในทางที่เป็นจริง คือมันถูกต้อง มันก็มีแต่เจริญด้วยส่วนเดียว จะเจริญขึ้นมาตามลำดับๆ จนถึงที่สุดในการบรรลุมรรคผลนิพพาน
เป็นอันว่า เราต้องไต่บันไดธรรมะนี่ จากต่ำ ขึ้นมาๆ จนถึงขั้นสูงสุดของมนุษย์ อยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวง นี่มีสิ่งๆ เดียวที่จะต้องทำคือ ธรรมะ คือเรียนธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ ได้ผลของธรรมะ แล้วก็สอน สั่งสอนเพื่อนมนุษย์ของเราต่อๆ กันไป คือแจกธรรมะ เมื่อทำนาได้ข้าวกินพอแล้ว เหลือไปแจกผู้อื่น เดี๋ยวนี้ พระ เณร เราก็เรียนธรรมะ ประพฤติธรรมะ ปฏิบัติธรรมะ ได้ผลของธรรมะ เหลือแต่แจกผู้อื่น ธรรมะนี้ไม่รู้จักหมดจักสิ้น ยิ่งแจก ยิ่งมาก ยิ่งแจก ยิ่งมาก คือมันก็จะเต็มไปในโลก เดี๋ยวนี้โลกมันขาดธรรมะ มันจึงอยู่ในสภาพที่ไม่มีความสงบสุขเลย กิเลสครอบงำแล้ว มันก็ไปทำตรงกันข้ามหมด อย่างที่พวกอันธพาลทั้งหลายเขาทำกันอยู่ พลอยเดือดร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะมันไม่มีธรรมะ เพราะฉะนั้นช่วยกันดูแล อบรมสั่งสอนลูกหลานให้ดีๆ ให้เขามีธรรมะ ลูกหลานของเราอย่าต้องเป็นอันธพาลเลย ให้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสู้ให้เต็มที่ ลูกหลานของเรา อย่าเป็นอันธพาลเลย ลูกศิษย์ของเราอย่าเป็นอันธพาลเลย ตั้งใจให้ต่อสู้กันไว้อย่างเต็มที่ อย่างนี้ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ดี สืบอายุพระศาสนาไว้ได้ ศาสนานี้ยังอยู่ เพราะพุทธบริษัทสืบไว้เป็นอย่างดี ถ้ามันจะสูญไปก็เพราะเราไม่ช่วยกันสืบไว้ วิธีทำลายพระพุทธศาสนาอย่างรวดเร็วคือ สอนให้ผิดๆ สอนให้มันผิดๆ ไปเสียหมด เดี๋ยวใจละ พุทธศาสนามันก็หมด หมดไม่มีเหลือละ การที่จะทำลายพุทธศาสนา มันเป็นอย่างนั้น ไม่ยาก เพราะฉะนั้นจงระมัดระวังให้ดี ให้มีความถูกต้อง ในการศึกษา ก็ถูกต้อง การปฏิบัติ ก็ถูกต้อง หวังผลในการปฏิบัติ ก็ถูกต้อง สอนกันต่อๆ ไป ก็สอนให้มันถูกต้อง ก็มีแต่ความถูกต้อง คือ ธรรมะ มนุษย์ก็เป็นมนุษย์ได้จริง มีความสูงทางจิตใจได้จริง
นี่เรื่องที่ผมมีอยู่ หรือนึกคิดอยู่ทั้งวันทั้งคืน ก็คือเรื่องนี้ วันนี้ก็มีโอกาสระบายออกมา ในเมื่อท่านทั้งหลายมา จึงขอแสดงความยินดีว่ามา แล้วก็พบกันเพื่อระบายความรู้สึก ความต้องการ ความประสงค์ หรือว่าไอ้สิ่งที่เราควรจะกระทำ ช่วยกันกระทำขึ้นในโลก หรือว่าในพระศาสนานี้ ขอให้เราได้พบกันในลักษณะนี้บ่อยๆ แล้วขอให้เราได้เอาไปประพฤติกระทำให้สำเร็จประโยชน์ ตามที่เราได้ศึกษา ได้ยิน ได้ฟังมา ให้มีแต่ความเจริญงอกงามก้าวหน้า ตามทางของพระธรรม อยู่ทั้งวันทั้งคืน ขอตั้งจิตอธิษฐานว่า ท่านทั้งหลายทุกท่าน จงมีความเชื่อที่ถูกต้อง และมีความกล้าหาญอย่างยิ่งยวด ในการที่จะประพฤติ จะกระทำไปตามความเชื่อที่ถูกต้อง แม้ยังจะลำบากต้องอดกลั้นอดทน จนน้ำตาไหล ก็ต้องทำให้มันได้ จะไม่ยอมทอดทิ้งไป ในที่สุด ก็จะสำเร็จตามความปรารถนา มีความสุข ความเจริญ งอกงามก้าวหน้าอยู่ทุกทิวาราตรีกาลเทอญ