แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
จะขออนุโมทนาเลย ผ้าป่าไม่ต้องชักทันทีหรอก ถวายเป็นของทิ้งไว้ ชักเมื่อไหร่ก็ได้ จะขออนุโมทนา ยะถานั่นแหล่ะ ขออนุโมทนาโดยพูดภาษาไทยเราให้เป็นที่เข้าใจบ้างก่อน ญาติโยมทั้งหลายมาแต่ที่ไกล มีการทอดผ้าป่าด้วย ขอให้ได้ทราบโดยถูกต้องในเรื่องที่ได้กระทำ
มาวันนี้ขอให้เรียกว่าวันมาเยี่ยมสวนโมกข์ประจำปี ให้เรียกวันนี้ว่าเป็นวันเยี่ยมสวนโมกข์ประจำปี วัตถุประสงค์คือ ขอให้เราได้พบปะกัน ได้ปรึกษาหารือกัน ได้ทำความเข้าใจกันในการที่จะสืบไว้ซึ่งอายุของพระศาสนาตามความประสงค์ของพระศาสดา ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ามาที่นี้วันนี้เพื่อพบปะปรึกษาหารือกันในการที่จะช่วยสืบอายุพระศาสนาไว้ตามความประสงค์ของพระศาสดา ตามความประสงค์ของพระศาสดาน่ะช่วยนึกให้มาก พระพุทธเจ้าทรงหวังทรงประสงค์ว่าพวกเราพุทธบริษัททั้งสี่จะช่วยกันสืบอายุพระศาสนาไว้ให้เป็นประโยชน์และความสุขแก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ ข้อความนี้มีมากที่สุดในพระไตรปิฎก ประโยคนี้แหล่ะว่า ให้ช่วยกระทำสืบพระธรรมวินัยนี้ไว้เพื่อประโยชน์และความสุขแก่มหาชน ท่านใช้คำว่ามหาชน ทั้งแก่เทวดาและมนุษย์ เริ่มแต่ว่าพระตถาคตเกิดมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ ธรรมวินัยปรากฏขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้เธอทั้งหลายช่วยกันสืบอายุพระศาสนาไว้ตลอดกาลนาน เพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์
สืบอายุพระศาสนานั้นคือกระทำให้ทุกๆ คนเข้าใจ สามารถบอกกล่าวกันถึงเรื่องธรรมวินัย ว่าจะดับทุกข์ของมนุษย์ได้อย่างไร นี่หล่ะใจความสำคัญ เพื่อให้ศึกษาให้เรียนให้ปฏิบัติให้รู้จนสามารถบอกกล่าวกันต่อๆๆๆๆๆไปว่า จะดับทุกข์กันอย่างไร คำพูดนี้ไม่ใช่จะทรงมุ่งหมายเฉพาะบรรพชิต แต่ว่าฆราวาสก็ทำได้ เพราะฆราวาสนี้ก็เป็นพระอริยเจ้า เป็นบรรลุมรรคผลก็มี พูดเก่งก็มี ในพระบาลีปรากฏว่าฆราวาสพูดเก่งที่สุดก็มี นี่เป็นอันว่าทั้งบรรพชิตและคฤหัสนี่จะต้องช่วยกันสืบอายุพระศาสนา เรารับสนองพระพุทธประสงค์ของพระพุทธองค์ว่าจะช่วยกันสืบอายุพระศาสนา
การช่วยสืบอายุพระศาสนานั้นไม่ใช่ทำกันง่ายๆ มันต้องพร้อมเพรียงกันทำเสียสละ ช่วยกันทำ มันจึงจะทำได้ เราจะพร้อมเพรียงกันได้อย่างไรถ้าเราไม่พบปะกันบ่อยๆ เรื่องมันจึงจำเป็นจะต้องมีการพบปะกันบ่อยๆ การมาพบปะกันนี้จึงเป็นการดี คือเป็นโอกาสในการพร้อมเพรียงกัน พูดจากันปรึกษาหารือกัน ทำสิ่งที่จะเป็นการสืบอายุพระศาสนา นี่แหล่ะเป็นใจความสำคัญที่สุด ส่วนที่ว่าจะมาทำบุญทำอะไรกันบ้างนี้เป็นข้อที่สองรองลงมา ข้อใหญ่ใจความมาปรึกษาหารือกันช่วยกันสืบอายุพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนในโลกทั้งเทวดาและมนุษย์ หมายความว่ามนุษย์นั้นมีความทุกข์ตามแบบมนุษย์ เทวดาก็มีความทุกข์ตามแบบของเทวดา อย่าอวดดีไปเลยเทวดาหน่ะ มันก็มีความทุกข์ไปตามแบบของเทวดา มันจึงต้องมีการศึกษาและปฏิบัติให้ดับทุกข์ได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย พูดง่ายๆ ว่าคนยากจนก็มันมีความทุกข์ไปตามแบบคนยากจน คนมั่งมีร่ำรวยเป็นเศรษฐี ก็มันมีความทุกข์ไปตามแบบของเศรษฐี มันยังมีความทุกข์กันทั้งนั้นถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์ ขอให้นึกให้กว้างๆ นี่หล่ะช่วยกันทำความเข้าใจให้ดับทุกข์กันได้ทั้งหมดทั้งสิ้น
ทีนี้ก็อยากจะพูดถึงปัญหาคือความทุกข์นั้นแหล่ะ ช่วยตั้งใจฟังสักนิดเถอะ ทั้งหมดทุกคนนี่ช่วยตั้งใจฟังสักนิดเถอะ ไม่ใช่พูดมากพูดเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าเป็นใจความสำคัญว่าเรามีความทุกข์กันอย่างไรและเราจะดับได้อย่างไรนั่นแหล่ะใจความสำคัญ เรามีความทุกข์หรือปัญหาจากสามฝ่ายหรือสามทิศทาง ช่วยฟังให้ดีช่วยจำให้ดีนะ ว่ามีความทุกข์มาจากสามฝ่ายสามทิศทาง
คือข้อที่หนึ่ง มันเกิดขึ้นในใจเรา ในใจของเราน่ะมีความทุกข์เกิดขึ้นคือเมื่อเกิดกิเลส เมื่อเราโง่ ในขณะที่สัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราโง่ เราจะเกิดกิเลสแล้วจะเกิดความทุกข์ นี้ทางหนึ่ง เรียกว่าเกิดข้างในเป็นกิเลสแล้วเผาให้ร้อนเป็นทุกข์ ทีนี้ทางที่สองมันตามธรรมชาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความฉลาดหรือเจตนาอะไรของเราหรอก เช่นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี้เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วภายนอกมันยังมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลง บางแห่งอยู่ดีๆ แผ่นดินถล่ม บางแห่งอยู่ดีๆน้ำท่วม บางทีก็ภูเขาไฟระเบิด เดี๋ยวนี้มันก็มีตามธรรมชาติ เราอยู่ในโลกนี้มันก็หลีกไม่พ้น ความทุกข์ตามธรรมชาติ แม้แต่ที่เป็นความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถึงเราไม่ได้สร้างเราไม่ได้เจตนามันก็ยังมี นี้ก็เป็นความทุกข์ ทีนี้อีกทางหนึ่งก็คือสังคมไม่ถูกต้อง เพื่อนมนุษย์ที่อยู่ด้วยกันในโลกนี้แหล่ะ มันไม่มีความถูกต้อง มันก็เลยเบียดเบียนกัน เบียดเบียนกัน จนเดือดร้อนกันไปหมด เวลานี้ก็อ่านหนังสือพิมพ์ดูก็แล้วกัน เดือดร้อนกันไปหมดนี้แหล่ะ ความทุกข์มาจากสังคมไม่ถูกต้อง
สามทางนะ ทางที่หนึ่งมาจากภายในของเราเอง เรามันมีกิเลสเกิดขึ้นเพราะความโง่ของเรา นี้หล่ะ นี้เรียกว่าจากภายใน ทางที่สองมีอยู่ตามธรรมชาติ เราก็ต้องเป็นทุกข์ถ้ามันมาถึงเรา ทางที่สามสังคมคนมนุษย์ด้วยกันนี้แหล่ะมันทำให้เกิดเดือดร้อน
จะเกิดกิเลสจากภายใน เกิดทุกข์จากกิเลสภายในนั้นแหล่ะ ให้รู้เรื่องธรรมะก็จะป้องกันไม่ให้เกิดกิเลส รู้เรื่องอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท ว่ากิเลสเกิดอย่างไร เราเผลอเมื่อไร เผลอเมื่อมีผัสสะ แล้วเกิดกิเลสและเกิดความทุกข์ นี้แก้ได้ความรู้เรื่องอิทัปปัจจยตาว่ากิเลสเกิดแบบนั้น ข้อที่สองนี้ตามธรรมชาติภายนอกเกิดแก่เจ็บตาย หรือว่า สิ่งเป็นไปตามธรรมชาติแล้วมาถึงเรา ก็แก้ด้วยความรู้ว่ามันแบบนั้นเอง มันแบบนั้นเอง อย่าเอามาเป็นทุกข์ อย่าเอามาเป็นของเรา ที่เรียกว่าแก้ด้วยความรู้เรื่อง ตถาตา ตถตา ตถาตา แปลว่าเช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง ความเกิดแก่เจ็บตาย เป็นธรรมดาเช่นนั้นเองอย่ารับเอามาเป็นของเรา ให้เป็นของธรรมชาติ อย่าต้องเป็นทุกข์ ข้อที่สามสังคมวิปริตเป็นภัยขึ้นมา ก็ให้แก้ด้วยความเมตตา ในส่วนที่ว่าจะให้มันกลับกลายเป็นดีให้มีเมตตา ที่มันมาถึงเราก็เป็นเรื่องภายนอก ก็รู้ว่าเช่นนั้นเองอยู่แล้ว แต่ว่าจะแก้ให้สังคมดีนี้ทุกคนต้องมีเมตตากรุณาแก่กันตามหลักของธรรมะว่าทุกคนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ถ้าเราถือหลักว่าทุกคนเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ปัญหาทางสังคมมันจะไม่มี แก้ด้วยเมตตา
พูดให้สั้นที่สุดว่าปัญหาทางกิเลสในภายใน แก้ด้วยความรู้เรื่องอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท รู้ว่ากิเลสเกิดขึ้นแบบนั้นน่ะ ถ้าเป็นธรรมชาติภายนอกแก้ด้วยตถตา ความรู้เรื่องตถตา มันเป็นเช่นนั้นเองโว้ย อย่าไปเป็นทุกข์กับมัน สิ่งที่เป็นสังคมวิปริตนี้ให้แก้ด้วยเมตตา เมตตา รักผู้อื่น ที่มีชีวิตจิตใจด้วยกัน ฟังดูมันก็จะจำง่าย ตถตาอย่างที่หนึ่ง อิทัปปัจจยตา แก้กิเลสน่ะอิทัปปัจจยตา แก้เหตุการณ์ตามธรรมชาตินั้นตถาตา แก้ความไม่รักกันนั้นด้วยเมตตา ตา ตา ตา ทั้งนั้น นี่ภาษาบาลี นี่อย่างน้อยช่วยเอาข้อความสามเรื่องนี้แหล่ะ กลับไปในฐานะเป็นของฝากจากสวนโมกข์ หรือที่เรียกว่าแจกลูกตา
ไอ้ภาพแจกลูกตา เขียนอยู่ที่หัวตึก น้อยคนจะรับ ขอให้ทุกคนรับ ธรรมะหรือความรู้หรือแสงสว่างซึ่งเหมือนกับลูกตา ว่าความทุกข์มีที่มาสามสถาน แก้ได้ด้วยธรรมะสามประการ แล้วเอาไป แล้วก็ให้ช่วยกัน เผยแผ่ต่อๆๆๆๆๆกันไปตามพระพุทธประสงค์นะ ทรงประสงค์ให้เราช่วยกันสืบคำสอน สืบการปฏิบัติ สืบผลของการปฏิบัติ นี่แหล่ะเรียกว่าปีนี้แจกลูกตาด้วยข้อความสามข้อนี้
ทีนี้จะบอกให้รู้ลงไปอีกนิดนึงว่า มันเป็นเรื่องที่น่าสงสาร เราเกิดมาจากท้องบิดามารดา ไม่มีกิเลสไม่ได้เอากิเลสมา เป็นไปตามปกติ ตามธรรมชาติ เป็นคนไม่มีบาป อยู่ในท้องแม่เกิดมาจากท้องแม่ไม่ได้เอากิเลสไม่ได้เอาบาปติดตัวมา พอมาเป็นเด็ก เป็นเด็กโตขึ้นโตขึ้น มันสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปพบของเอร็ดอร่อยสนุกสนานนิ่มนวลสวยงาม แล้วมันก็ชอบ ชอบเรื่องของกิเลส ชอบวิถีทางของกิเลส รับเอาไอ้เรื่องของกิเลสเข้ามาไว้ในใจ เมื่อก่อนนะเป็นคนของธรรมชาติ เป็นชีวิตของธรรมชาติเกลี้ยงๆไม่มีบาปไม่มีกิเลสไม่มีทุกข์ แต่พอมาเป็นมนุษย์แล้วรู้เรื่องของเอร็ดอร่อยสวยงามทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันสมัครตัวเป็นทาสของกิเลส เมื่อมันได้เกิดกิเลสแล้วมันจึงได้เกิดทุกข์ แล้วก็มีปัญหายืดเยื้อจนกว่าจะเข้าโลง มันก็ยังมีปัญหาเรื่องกิเลสและความทุกข์
อยากจะบอกเป็นอุปมาธรรมง่ายๆว่าไอ้เด็กน้อยนี้ มันโตขึ้นมา แล้วมันก็ทิ้งพ่อแม่ แล้วก็วิ่งตามโจรไป ทิ้งพ่อแม่ที่บ้านแล้ววิ่งตามพวกโจรไป พวกโจรมันเอาอะไรสวยๆงามๆมาล่อนิดเดียว มันก็วิ่งตามพวกโจร ไปอยู่กับโจรแล้วพวกโจรก็ทำอันตรายเอาอย่างบอบช้ำ จนหนีก็หนีไม่ได้ จะฆ่าโจรก็ฆ่าไม่ได้ ไม่ใช่คือพวกเราสมัยนี้เหรอ ที่นั่งๆกันอยู่นี้ใช่หรือไม่ใช่ เมื่ออยู่ในท้องแม่ไม่มีกิเลสไม่มีบาปไม่มีทุกข์ ออกมาจากท้องแม่ก็ยังไม่มีกิเลสยังไม่มีบาปยังไม่มีทุกข์ แต่พอโตขึ้นโตขึ้น พอพบของเอร็ดอร่อย เกิดความยินดียินร้าย นี้ล่ะเกิดกิเลส โลภะ ราคะ โทสะ โกธะ โมหะอะไรต่างๆนานา แล้วก็อยู่ใต้อำนาจกิเลส ถอยหลังกลับมาไม่ได้ นี่หล่ะมันโง่นี่ นี่อวิชชา ทิ้งพ่อแม่คือความปกติ ไปหาโจรคือกิเลส แล้วไปอยู่ใต้อำนาจของโจรคือกิเลส คำกลอนเรื่องที่แต่งไว้นานแล้วไม่รู้ว่าใครแต่ง ที่ปลายน้ำบ้านดอนนี้แหล่ะ แถวน้ำรอบแถวนั้นแหล่ะ นี่อ่านให้ฟัง
“เหมือนดังเด็กแล วิ่งหนีพ่อหนีแม่ วิ่งตามโจรมา แต่อดแต่อยาก ลำบากเวทนา โอ้ อนิจจา เห็นโจราหน้าเชย โจรนี้ใจร้าย ทำใดทำได้ ไม่ปรานีเลย แต่ร่ำร้องไห้ ไม่มีสุขเลย ใจโจรนี่เอย ไม่คิดเอ็นดู อยู่ด้วยพ่อแม่ ทุกสิ่งใดแล ช่วยถือช่วยชู มีความเมตตา ปรานีเอ็นดู นี่แหล่ะลบหลู่ ละเลยศีลทาน”
ก็คิดว่ามันไม่ผิดนี่มันดีนี่ มันทิ้งไปอยู่กับโจร นี้มันเป็นหนังสือสวด หนังสือสวดแบบโบราณ ถ้าใครสนใจต้องการก็ไปขอกับพระเณรยังมีแจกให้บ้างบางเล่ม เป็นหนังสือสวดแต่โบราณ ปู่ย่าตายายเค้าสวดทำนองเหมือนที่ว่านี้ นี่จำใจความให้ได้ว่า เด็กโง่อยู่กับพ่อแม่ดีๆ โจรเอาอะไรเขียวๆแดงๆ มาล่อนิดเดียววิ่งตามโจรไป ไปอยู่กับโจร อยู่ใต้อำนาจโจรเดือดร้อนเหลือประมาณนี้แหล่ะ มนุษย์เราทีแรกเกิดมาไม่มีทุกข์ไม่มีร้อนไม่มีบาปไม่มีชั่วไม่มีกิเลส แต่พอมาพบรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์เข้า มันก็เลยชอบ จนเกิดกิเลส แล้วอยู่กับกิเลส ยึดถือกิเลส สมัครเป็นทาสเป็นบ่าวของกิเลส นี่หล่ะคือคนเราแหล่ะ ระวังให้ดี!
คือคนเราทุกคนน่ะต่อไปนี้ก็มันมีอยู่สองทางเท่านั้นแหล่ะคือว่า จะหนีมาเสียจากโจรหรือว่าจะช่วยกันฆ่าโจรให้ตาย ไอ้เราทุกคนนี้จะทำกันให้ชนิดว่าอย่าให้กิเลสทำอะไรได้ หรือว่าเราจะช่วยกันฆ่ากิเลสเสียให้หมด นั่นแหล่ะคือปัญหา ขอฝากไว้ เอาไปด้วย กลับบ้านเอาไปด้วย ว่าเด็กโง่ทิ้งพ่อแม่วิ่งตามโจรไป ถูกโจรทำร้ายนั่งร้องไห้อยู่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะฆ่าโจรก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร จะหนีจากโจรก็หนีไม่ออก เพราะมันชอบมันรักนี่ นั่นแหล่ะรู้เรื่องเสียทีเถอะ เพราะมนุษย์มันเป็นแบบนี้เอง พอเติบโตเป็นวัยหนุ่มวัยรุ่นขึ้นมาแล้วก็ชอบไอ้รูปเสียงกลิ่นรส จนถึงกับว่าทิ้ง ทิ้งธรรมะ ทิ้งความถูกต้อง ทิ้งความปกติตามธรรมชาติเดิม นี่แหล่ะ ช่วยเอาไปด้วย
ขอร้องว่าช่วยจำไปด้วย ว่าเรามีปัญหาสามข้อ คือ ภายในเราโง่เกิดกิเลสแล้วร้อน ภายนอกเป็นธรรมชาติเราก็เอามาเป็นของเรา แล้วถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันวิปริต มันก็เป็นปัญหาเกิดขึ้นมา มีอยู่สามปัญหา ถ้าแก้ปัญหานี้หมด แล้วก็สบายที่สุดเลย ไม่มีปัญหาสามข้อนี้แล้วก็เป็นโลกพระศรีอารย์เลย พระศรีอริยเมตตรัยเลย นี้ให้ช่วยเอาไปด้วย ไอ้ความจริงข้อนี้เอาไปคิดเอาไปนึกเอาไปปรึกษาหารือ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน สุขด้วยกัน มาคิดร่วมมือกันคิดกำจัดกิเลสคือโจรนั้นให้ได้
เมื่อถ้าสิ่งต่างๆภายนอกมันเป็นไปตามธรรมชาติแล้วอย่าไปรับเอามาเป็นของเรา แม้ที่สุดแต่ความเกิดแก่เจ็บตายนี้แหล่ะ ก็มันเป็นของธรรมชาติ คำว่าตัวเรานี้มันว่าเอาเอง มันเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเรา มันของธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจิตอย่าไปโง่ขนาดว่ามีตัวเราแล้วไปรับเอาธรรมชาติต่างๆมา รู้ว่ามันเป็นธรรมชาติตามธรรมชาติ ให้มันทิ้งลูกระเบิดปรมาณูลงมาทั้งโลกก็ไม่ถูกกู เพราะกูไม่มี ไม่มีตัวเราไม่มีตัวกู นี่แหล่ะเครื่องลาง ที่จะไม่ถูกแม้เขาจะรบกันใหญ่ทิ้งปรมาณู มันก็ไม่ถูกเราเพราะเรามันไม่มีนี่ เรามีแต่จิต บริสุทธิ์เสียแล้วไม่มีโง่ว่าตัวกูว่าของกู ถ้าแบบนี้ได้แล้วมันก็ไม่ทุกข์แหล่ะ เกิดแก่เจ็บตายก็ไม่ใช่ของเรา อะไรที่จะเป็นวิบัติ แม้แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ก็ไม่มีเราไม่มีถูกตัวเรา เช่นในโลกมันต้องมี แต่มันไม่ใช่เรา มันก็ไม่ถูกตัวเรา มันไม่เกิดแก่เรา
นี่เอาหล่ะจะขออนุโมทนาว่าท่านทั้งหลายได้มา ทอดผ้าป่านี้แหล่ะส่วนที่ว่าช่วยกันในด้านกำลังให้มีพระภิกษุสงฆ์สืบอายุพระศาสนา โดยมีการเรียนการปฏิบัติการสอนสืบๆกันต่อไป ทำเป็นส่วนรวมเป็นของพุทธบริษัททั้งโลกเลย ไม่ใช่ว่าที่ไหนของใครผู้ใดไม่ใช่ ทำตรงนี้ ได้ผลทั้งโลกก็ได้ ทำตรงนี้แหล่ะให้พระ พระที่เห็นนี้แหล่ะ ได้เล่าได้เรียนได้สอนได้อะไร มันก็มีผลทั้งโลกก็ได้ เพราะเวลานี้คำสอนแผ่ไปกว้างมาก คำสอนที่เกิดขึ้นในสวนโมกข์นี้ก็แปลเป็นหลายภาษาแล้วเหมือนกัน ออกไปต่างประเทศหลายภาษาแล้ว แล้วเขามาเรียนมาดูมาฟังมาเรียนนี้ก็มามากแล้วเหมือนกัน กลับไปนี่ธรรมะมันก็มีโอกาสจะแผ่ไปทั่วโลกได้ แต่ว่าถ้าเราปฏิบัติธรรมะกัน อย่าให้เกิดการฆ่าฟันกัน อย่าให้เกิดสงครามกัน แล้วมันก็เป็นสุขกันทั้งโลกแหล่ะ จะเป็นศาสนาไหนก็ตามใจ จะมีความสุขกันหมด เพราะว่ามันไม่มีสงครามเป็นต้น ขึ้นมาในโลก แล้วพูดกันแต่เรื่องฆ่ากิเลสก็ได้ ไม่มีความทุกข์ นี่แหล่ะหน้าที่ของเราช่วยกันสืบอายุพระศาสนา คือธรรมวินัยของพระศาสดา ให้ยังคงมีอยู่เป็นที่พึ่งแก่โลก นี่แหล่ะคือเรื่องที่ท่านทั้งหลายได้มา เยี่ยมสวนโมกข์ พูดจาปรึกษาหารือเรื่องสืบอายุพระศาสนาด้วย แล้วก็ได้ทำจริงๆด้วย นี่แหล่ะด้วยการบริจาคด้วยการอะไรก็ตาม เป็นการช่วยส่งเสริมให้ได้สืบอายุพระศาสนา แล้วเราทั้งหลายทั้งสองฝ่ายทั้งบรรพชิตและฆราวาสนี้จะช่วยกันสืบอายุพระศาสนา ขอให้เราได้พบปะกันบ่อยๆ จะทำความเข้าใจกันให้แจ่มแจ้งยิ่งขึ้นแล้วเราย่อมจะสืบอายุพระศาสนาได้ดียิ่งๆขึ้นไป ต่อไปนี้ขออนุโมทนาโดยภาษาบาลี ขออาราธนา ภิกษุสามเณรทั้งหลาย ตั้งจิต อนุโมทนาการกระทำของทายกทายิกาทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ทายกทายิกาทั้งหลาย ยิ่งๆขึ้นไปตลอดกาลนาน ยะถา......
จะขอโอกาสแจกหนังสือเสียตอนนี้ให้มันเรียบร้อยดี คุณประยูรและกำนันล้ำ เชิญมาช่วยแจกหนังสือที จะได้เรียบร้อย คุณประยูรและกำนันล้ำ มีอยู่สองเรื่องช่วยแจกให้เรียบร้อย ให้คนหนึ่งให้ได้สองเรื่องสองเล่ม เรื่องพ่อแม่สมบูรณ์แบบเป็นของฉัน และเรื่องอื่นท่านปัญญาพูดน่ะเป็นของคนอื่นฝากมามีสองเรื่อง แต่ว่าเรื่องพ่อแม่สมบูรณ์แบบน่ะสำคัญที่สุด ขอให้ได้เป็นพ่อแม่สมบูรณ์แบบตามในหนังสือนี้ด้วย ช่วยดูให้ดีเสียก่อน แยกให้เป็นสองพวกเสียก่อน จะสับสน ถ้าหลายคนนักจะสับสน อ้าว ทีนี้ก็แจกเสียเถอะ พระจะทำอะไรต่อไปอีก คุณแจกก็ไปแล้วกัน แยกเป็นสองเรื่องเสียก่อน แยกเป็นสองเรื่องเสียก่อน อย่าให้ปนเปสับสน เรื่องพ่อแม่สมบูรณ์น่ะแบบสำคัญ
กระผมขอโอกาสปราศรัยตามธรรมเนียม ตามที่เคย เพื่อประโยชน์เพื่อความเจริญ ของพวกเราเอง ขอให้ถือว่าการมาเยี่ยมสวนโมกข์ประจำปีนี้ เป็นโอกาสเพื่อจะทำประโยชน์พระศาสนา ไม่ใช่มุ่งหมายอย่างอื่น ไอ้เรื่องเกียรติยศหรือเรื่องอื่นนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ไม่ไปไหนเสีย แต่ว่าเรื่องหัวใจ คือเราจะได้มีโอกาสพบปะกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ในการที่จะร่วมงานกันสืบอายุพระศาสนา ขอให้เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย ทั้งภิกษุและสามเณร จงได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์อันนี้ ด้วยเจตนาอันนี้ ว่าเราหลีกไม่ได้ หลบหลีกไม่ได้ ในการที่จะช่วยกันสืบอายุพระศาสนา ตามพระพุทธประสงค์
คำว่าพระพุทธประสงค์ของพระพุทธองค์ที่ล่วงลับไปแล้วโดยพระวรกาย มันยังอยู่นะ มันไม่ได้ล่วงลับไปตามพระวรกายนะ แต่มันยังอยู่ พระพุทธประสงค์มันยังอยู่ ยังอยู่ในหัวใจเรา ขอได้โปรดระลึกถึงพระพุทธประสงค์ แล้วอุทิศชีวิตร่างกายความเหน็ดเหนื่อยอะไรก็ตาม สนองพระพุทธประสงค์ โดยเป็นพุทธทาโส ธรรมทาโส สังฆทาโส เวลาเราที่ทำวัตรเย็นน่ะ แล้วก็ดีที่สุดเลย เวลานี้ถ้าว่าพระพุทธองค์ยังอยู่ก็คงจะขวนขวายมาก ในการที่จะดับความทุกข์ ที่กิจการในโลก เพราะโลกมันเลวร้ายยิ่งขึ้นทุกที เลวร้ายยิ่งขึ้นทุกที ศีลธรรมหายไป ธรรมะหายไป กิเลสของคนหนาขึ้นหนาขึ้นจนครองโลก เรียกว่ากิเลสครองโลกก็ไม่มีผิดเลยระหว่างนี้ มันเห็นแก่ประโยชน์ของกู ไม่มีใครที่จะถือพระเจ้า ถือพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง มันไปแท้จริงแต่ประโยชน์ของกูกันเสียหมด นั่นแหล่ะที่ได้รบราฆ่าฟันกัน แล้วมีความทุกข์ เมื่อไม่สนใจในพระศาสนาในพระธรรม มันก็ไม่รู้แหล่ะ พอมันไม่รู้ มันก็ปฏิบัติไม่ถูก ยิ่งเมื่อปฏิบัติไม่ถูก ความทุกข์มันต้องมากขึ้น
เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นโดยพยานหลักฐานยิ่งขึ้นทุกวันทุกวันแม้จากหน้าหนังสือพิมพ์ ว่าคนมีกิเลสมากขึ้นรุนแรงรวดเร็วมากขึ้น ฆ่ากันง่ายๆ ฆ่าพ่อฆ่าแม่แล้วเดี๋ยวนี้ การฆ่าพ่อฆ่าแม่เป็นของธรรมดาไปแล้ว มันฆ่ากันเลยแหล่ะ ไม่ใช่ว่าชกต่อยอะไร เอาปืนยิงกันเลย มันรุนแรงถึงขนาดนั้น นี่แหล่ะกิเลสกำลังแรงที่สุดแล้วกำลังครองโลกด้วย เอาหล่ะเราอย่าว่าเราจะช่วยตัวเราคนเดียวเลย คิดว่าช่วยโลกกันก็แล้วกัน ช่วยกันปราบกิเลสที่ครองโลกนี้ กิเลสหรือโจรมันกำลังได้โอกาสครองโลก เราช่วยกันป้องกันหรือฆ่าโจรหรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก แต่ว่าให้โลกนี้มันปกติสุขลง ให้มีธรรมะครองโลก อย่าให้กิเลสครองโลก ขอให้ความรู้ สติปัญญา ของเราทุกคนเจริญก้าวหน้าให้ทันกันกับโลกสมัยนี้ อย่าให้ภิกษุสามเณรเป็นคนล้าหลังเป็นอันขาด การศึกษาในโลกมันก้าวหน้าสนองกิเลสยิ่งขึ้น การศึกษาของเราก็จะต้องก้าวหน้า เพื่อเอาพระธรรมมากำจัดกิเลสให้พระธรรมครองโลก ว่าไปตามภาษาโลกกิเลสครองโลกเราต้องเข้าไปช่วยกันโดยความอุทิศจริงๆต่อพระพุทธเจ้าน่ะ ให้ธรรมะได้ครองโลกต่อไปตามเดิม
นี่จึงขอร้องอ้อนวอนวิงวอนสหธรรมิกทั้งหลายทั้งภิกษุและสามเณร ว่าจงช่วยกันปรับปรุงขยับขยาย ปรับปรุงขยับขยาย ให้วิชาความรู้ของเราก้าวหน้าทันสมัยกับโลกปัจจุบัน ให้ความรู้ธรรมะของเราก้าวหน้าทันสมัยกับโลกปัจจุบัน ให้สามารถโต้ตอบกับคนในโลกสมัยปัจจุบัน ให้เขายอมรับเอาพระธรรมไปเป็นที่พึ่งให้จนได้แหล่ะ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วก็วินาศแหล่ะ เมื่อเขาวินาศเราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันแหล่ะ เมื่อโลกโดยทั่วไปมันวินาศพระเณรก็ไม่สามารถอยู่ได้ แล้วศาสนาก็พลอยหมดไปด้วยแหล่ะ เขามีความรู้มีความก้าวหน้าที่จะสร้างเหยื่อกิเลส สร้างเหยื่อสนองกิเลส แรงขึ้นไป เขาใช้เครื่องจักร เครื่องจักรมโหฬารมหาศาลผลิตสิ่งของที่ส่งเสริมกิเลสออกแจกจ่ายขายกันไปทั่วโลก แล้วต่างคนต่างใช้ยินดีหลงไหลไปในเรื่องของความสุขทางเนื้อทางหนัง ที่พูดอุปมาเหมือนตะกี้ว่ามันทิ้งพ่อแม่หนีตามโจรไป เมื่อก่อนมันอยู่กับพระธรรมอยู่กับระเบียบขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีของสัตบุรุษ ไม่เท่าไหร่มันก็หนีตามโจรไป คือเอร็ดอร่อยสนุกสนานสวยงามทางเนื้อทางหนังนะ ทางกามารมณ์นะ พูดกันง่ายๆ แล้วก็ไปบูชากันทางนู้นหมด
นี่หล่ะเด็กวัยรุ่นกำลังเป็นแบบนี้นะ เด็กวัยรุ่นในประเทศนี้แหล่ะกำลังทิ้งพ่อแม่วิ่งตามโจรไป มันจะไปเอากันอย่างโจรอย่างกิเลสนั่นแหล่ะ มันจะเดือดร้อนที่สุดแหล่ะ ขอให้ช่วยกันเถอะ ช่วยกันดึงไอ้เด็กที่วิ่งตามโจรไปนี้ ให้มันรู้สึกกันเสียบ้างให้อยู่กับพ่อแม่คือพระธรรม หรือว่าความถูกต้องความปกติ แม้แต่ตามธรรมชาติก็ยังดี อยู่ตามธรรมชาติก็ยังเรียกได้ว่าอยู่กับพ่อแม่น่ะ พอไปยุ่งกับกิเลส ตามกิเลส เอาตามกิเลสก็ใช้คำว่าวิ่งตามโจรไป มันก็ได้เกิดความทุกข์ตามกฏเกณฑ์ เรื่องความทุกข์นี้ก็ขอให้ถือเป็นหลักแต่ใหญ่ๆเหมือนที่พูดให้ชาวบ้านฟังเมื่อตะกี้ว่า ความทุกข์หรือปัญหามันต้องแยกเป็นสามชนิดแหล่ะจึงจะแก้ได้อย่าเอาไปปนกัน ไฟกิเลสคือความโง่สร้างกิเลสขึ้นมาภายในตัว โดยเจตนาด้วย เพราะมันไม่รู้มันโง่ มันเจตนาเลยด้วยโง่ มันเลยเกิดโลภะ โทสะ โมหะ เรียนเรื่องปฏิจจสมุปบาทกันให้ถูกต้องเสียทุกๆองค์
ปฏิจจสมุปบาทน่ะมันสอนกันยัง ชนิดที่เรียกว่ามืดมัวไม่เข้าใจ เข้าใจเสียให้ชัด ที่ว่า ตากับรูปถึงกันเกิดจักษุวิญญาน สามประการมาถึงกันในการทำงานเรียกว่าผัสสะ พอมีผัสสะก็มีเวทนา มีตัณหามีอุปาทาน มีภพมีชาติ แล้วมีทุกข์ ตรงผัสสะนั่นแหล่ะ สำคัญตรงผัสสะนั่นสำคัญ ถ้าตรงผัสสะมีสติสัมปัชชัญญะ มีสมาธิ มีปัญญา ตรงนั้นแหล่ะก็ มันไม่เกิดตัณหาอุปาทานภพชาติ มันเกิดสติปัญญารู้ว่าควรทำอย่างไร แล้วก็ทำอย่างนั้นตามที่ควรทำแล้วก็ไม่มีความทุกข์เลย
จุดมันอยู่ตรงผัสสะนั่น ถ้าผัสสะโง่แล้วมันก็ไปหาความทุกข์ ถ้าผัสสะฉลาดมันก็ไปหาความไม่มีทุกข์ นี่หล่ะคือปฏิจจสมุปบาทที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้จริง เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจกันเสียให้ดีๆ เรื่องปฏิจจสมุปบาท หรือเรียกว่าอิทัปปัจจยตา จะช่วยได้ จะไม่ให้กิเลสข้างในเผาผลาญขึ้นมา แล้วทีนี้ไอ้ความทุกข์ประเภทที่มันมีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ดี อยู่ในโลกต้องประสบอุบัติเหตุก็ดี หรือว่าโลกมันจะมีอะไรบ้าที่สุดของมันก็ดี มันเป็นเรื่องของธรรมชาติภายนอก เรามีจิตใจรู้เท่ารู้ทันพอที่จะไม่รับเอาเข้ามาเป็นของเรา ความเกิดแก่เจ็บตายน่ะเป็นของที่ พ้นได้ เรื่องนี้ขอบอกกล่าวอีกทีหนึ่งว่าวันนี้มันอยู่พร้อมหน้ากันดี ว่าเรามันมัวสวดกันแต่ว่า เรามีความเกิดเป็นธรรมดา ไม่พ้นความเกิดไปได้ มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่พ้นความแก่ไปได้ มีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่พ้นความเจ็บไปได้ มีความตายเป็นธรรมดา ไม่พ้นความตายไปได้ นี่มันสวดท่อนเดียว มันเอาบาลีมาสวดท่อนเดียว แล้วมันก็น่ากลัวแหล่ะ ถ้าไม่พ้นไปได้แล้วมันไม่ตายเหรอ ไอ้พระบาลีภาษิตตอนที่ว่า มมญฺเจ กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม อานนฺท นี้ (นาทีที่ 53.00 น่าจะเป็น “มมญฺหิอานนฺท กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม...” ที่มา: http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/buddhadas/bdd-23.htm)
ตอนนั้นมันก็มีว่า ดูก่อน อานนท์ ถ้าได้อาศัยเราเป็นกัลยาณมิตร สัตว์ที่มีความเกิดเป็นธรรมดาจะพ้นจากความเกิด สัตว์ที่มีความแก่เป็นธรรมดาจะพ้นจากความแก่ สัตว์ที่มีความเจ็บเป็นธรรมดาจะพ้นจากความเจ็บ สัตว์ที่มีความตายเป็นธรรมดาจะพ้นจากความตาย ไอ้ตอนหลังนี้เราไม่เอามาสวดกันนี่ สวดแต่ท่อนต้นมันก็เลยน่ากลัวแหล่ะว่าพ้นไม่ได้ ทีนี้พระบาลีอีกอันหนึ่งว่า ด้วยอาศัยสัมมัตตะ ๑๐ สัตว์ที่มีความเกิดก็พ้นจากความเกิด สัตว์ที่มีความแก่จะพ้นความแก่ มีความเจ็บจะพ้นความเจ็บ สัมมัตตะ ๑๐ ในหลักสูตรมี หลักสูตรนักธรรมโทมี คือ มรรคมีองค์แปด แล้วเติมเข้าอีก ๒ คือสัมมาญาณ สัมมาวิมุตติ นี้มีพระพุทธภาษิตตรัสไว้ชัดๆ เลยว่า ถ้าได้อาศัยสัมมัตตะ ๑๐ แล้วก็ที่มีความเกิดแก่เจ็บตาย จะพ้นจากเกิดแก่เจ็บตาย
อย่าสวดท่อนเดียวว่าเราไม่พ้นไปได้ มันจะน่ากลัว มันจะไม่มีประโยชน์อะไร นี่พยายามที่จะทำความเข้าใจกันเสียใหม่ให้ดีๆ ว่ามันพ้นได้ แม้แต่ความเกิดแก่เจ็บตายน่ะ คือมันไม่มาทำอะไรเรา ไม่มาทำอะไรแก่จิตใจของเราได้ก็แล้วกัน มันอยู่ที่ธรรมชาติ อยู่ที่ข้างนอก อยู่ที่ธรรมชาติ ไม่ทำอันตรายจิตใจของเราก็พอแล้ว นี่หล่ะความเกิดแก่เจ็บตายเราพ้นได้ด้วยเหตุนี้ พ้นจากอำนาจอันร้ายกาจของเกิดแก่เจ็บตายได้เพราะเหตุนี้
นี่หัวใจของพระพุทธศาสนาว่าพ้นเกิดพ้นแก่พ้นเจ็บพ้นตาย พอเห็นแล้วก็ว่า อ๋อ.. มันแบบนั้นเองนี่ เขาเรียก ตถาตา อวิตถตา อนัญถตา คือเป็นเช่นนั้นเองไม่เป็นอย่างอื่น นี่ทุกคนควรจะรู้พอ เอารู้อย่างเพียงพอ อย่าได้กลัวเกิด กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวตาย หรือกลัวอุบัติเหตุ กลัวสงคราม กลัวอะไรต่างๆนานา จนเป็นโรคประสาทไปเสียเลย
ข้อที่สามเรื่องสังคม ก็นี่ ถ้าเราช่วยกันทำความเข้าใจในสังคมให้ดีๆมันจะรักใคร่กัน มันจะไม่ฆ่ากันง่ายๆ เหมือนเวลานี้ ช่วยกันทำความเข้าใจแต่เด็กๆ มันจะเติบโตขึ้นมาให้มันรู้จักรักผู้อื่น มันมีสามปัญหาเท่านี้แหล่ะ โลกกำลังมีปัญหาสามปัญหานี้ ปัญหาเกิดจากทำผิดในภายใน กิเลสของเรา ปัญหาจากธรรมชาติที่เกิดแก่เจ็บตายเป็นต้น และปัญหาทางสังคมคือมนุษย์วิปริต มุ่งหมายจะช่วยกันป้องกันแก้ไขแล้วก็จะไม่เสียทีแหล่ะ เราที่เป็นสาวกของพระพุทธองค์ สนองพระพุทธประสงค์ด้วยการสืบอายุพระศาสนา นี่ขอให้เราได้ทำความเข้าใจในข้อนี้กันยิ่งขึ้นทุกปีทุกปีทุกปีที่เรามา ยิ่งปียิ่งเข้าใจในเรื่องนี้ แล้วแน่นอ แน่วแน่ จะทำหน้าที่อันนี้ เพื่อช่วยโลกตามพระพุทธประสงค์ หน้าที่ของเรามันมีตามพระพุทธประสงค์แล้วก็ มันก็คือช่วยโลกนั่นเอง ขอฝากไว้ในฐานะเป็น ธรรมะปฏิสันถาร ที่มาเยี่ยมสวนโมกข์ในปีนี้
แล้วขอบอกกล่าวซ้ำๆยืนยันว่า การทำวัตรแบบโบราณของเรานั่นแหล่ะดีแล้ว ได้ทำกันมาหลายร้อยปีเต็มที แล้วเป็นของไทยแท้ ผมเชื่อว่าแบบนี้ ยิ่งค้นคว้าทางโบราณคดี ยิ่งพบว่าไอ้ทำวัตรนี้เป็นของไทยแท้มาแต่เดิม ที่ไปสอนให้ลังกา ไปสอนให้ประเทศอื่นๆนี่มันไปจากเมืองไทย มันมีความหมายมากแหล่ะทำวัตรแบบโบราณของเราน่ะ มันมีถึงสามความหมาย เพื่อแสดงความเคารพเมื่อควรแสดง ขอให้อดโทษเมื่อมีโทษ และก็ให้แลกเปลี่ยนส่วนบุญเมื่อควรจะแลกเปลี่ยนส่วนบุญ นี่มันสามความหมายนะ ไอ้แบบใหม่สั้นๆดุ้นๆ ว่าข้าพเจ้าขอโทษอดโทษอย่างเดียว มันก็ทำอย่างที่เรียกว่าเสียไม่ได้ เราอย่าทำวัตรในลักษณะที่เสียไม่ได้ ขอให้ทำวัตรด้วยจิตใจที่ว่าเคารพในฐานะที่ควรเคารพ แล้วจะมีจิตใจต่ำ อ่อน อ่อนแล้วต่ำ นั่นแหล่ะคือความปกติ จะทำอะไรไม่ผิดน่ะ ผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน แล้วต่ำ วางตัวไว้ต่ำไม่กระด้าง ไม่จองหองแล้วจะมีจิตใจที่ทำอะไรไม่ผิด จะละเอียดละออสุขุมรอบคอบ ถ้าวางจิตใจไว้สูงแล้วกระด้าง แข็ง แล้วก็มันมีแต่จะทำผิดโดยไม่รู้สึกตัวแหล่ะ
นั่นแหล่ะเป็นเรื่องดี ทีนี้เรื่องขอโทษนี้อดโทษนี้ขอให้ทำเป็นนิสัยเถอะ โดยเฉพาะที่พึ่งบวชเป็นเณรเป็นพระหนุ่มที่เพิ่งบวชน่ะช่วยจำไว้ด้วย ว่าขอโทษและอดโทษน่ะเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็เป็นอริยวังสปฏิปทา คือสำหรับพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำ พระอริยเจ้าทุกๆองค์แหละท่านจะมีปกติไม่ล่วงเกินผู้อื่น ถ้าเผลอล่วงเกินผู้อื่นท่านจะขอโทษ เมื่อถูกขอโทษแล้วจะให้อภัย ยินดีให้อภัย แล้วก็ไม่มีการทะเลาะวิวาทแหล่ะ ไม่มีเรื่องที่พระกับเณรจะชกจะต่อยจะแทงกันด้วยช้อนส้อมแหล่ะ นี่มันโมโหโทโสมันไม่รู้จักอดโทษ
เรื่องที่น่าหัวเราะเช่นว่า คนหนึ่งมันถอยหลังไปโดนเอาคนหนึ่งแล้วมันขอโทษ ไอ้คนที่ถูกโดน ผมก็ขอโทษ ผมก็ขอโทษ ผมไปยืนในที่ที่มันทำให้คุณต้องถอยมาโดน มันเลยขอโทษกัน แบบนี้มันดีที่สุด เป็นว่าไม่มีใครเป็นผู้ทำผิดเลวร้ายอะไรเลย มันพร้อมที่จะขอโทษกันเสมอ ให้ขอโทษกันให้เป็นปกตินิสัยให้เหมือนกับชนชาติญี่ปุ่นน่ะ แล้วดีแหล่ะ ขอโทษ ขอโทษ แล้วก็เดินห่างกันไปแล้ว หันหน้ามาขอโทษ ขอโทษ แล้วเดินห่างกันไปไกล ตายังดูเห็นกันอยู่ก็ก้มหัวขอโทษ ขอโทษ กันอีกทีจนกว่าจะลับตา เขาเล่าให้ฟังว่าเมืองญี่ปุ่นมันเป็นแบบนั้น ความสามัคคีก็มีมากแหล่ะ
ประการที่สามเรื่องแลกเปลี่ยนส่วนบุญแหล่ะ มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัปพัง แลกเปลี่ยนส่วนบุญ นี่มันป้องกันความอิจฉาริษยาแหล่ะ โลกจะวินาศเพราะความริษยานะ อิจฉาโลกันนาสิกา ความริษยาเป็นเครื่องทำโลกให้วินาศ ก็ดูเอาเถอะว่าเวลานี้มันเห็นอยู่นี้ว่ามันรบกันโครมๆ ก็มันริษยา มันไม่อยากให้ใครดีกว่าใคร มหาอำนาจที่มันตั้งป้อมรบกันไม่สิ้นสุดเพราะมันริษยานี่ มันไม่ให้ใครดีกว่าใคร โลกมันกำลังจะวินาศเห็นอยู่หยกๆ เพราะความริษยา ถ้าศาสนาเข้ามา ศาสนาไหนก็ตามเถอะ ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู ศาสนาคริสต์ อิสลาม มันล้วนแต่ป้องกันความริษยาทั้งนั้นแหล่ะ แต่คนในโลกมันไม่ถือเอง
ยิ่งศาสนาอิสลามถ้าเราไปเปิดดูไอ้ตัวพระคัมภีร์ พูดเรื่องเมตตามาก รักผู้อื่นมาก แต่เขาไม่ปฏิบัติตามกัน อิสลามจึงรบกันไม่สิ้นไม่สุด อิรัก อิหร่านอะไรแบบนี้เพราะมันไม่ปฏิบัติตามพระคัมภีร์ เราจะต้องปฏิบัติตามพระคัมภีร์ ไม่ริษยา แลกเปลี่ยนส่วนบุญ เราได้วันนี้เราก็ได้ขอโทษซึ่งกันและกัน และก็ได้แสดงความเคารพซึ่งกันและกัน และได้แลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ผมนะขอถวายส่วนบุญกุศลแก่ท่านทั้งหลายทุกๆคน กุศลอันใดบุญอันใดที่ผมได้ทำมาแต่ต้นจนบัดนี้ ขอถวายให้ท่านทั้งหลายได้มีส่วนด้วย ผมทำอะไรก็คงจะเห็นกันอยู่แล้ว ผมนี้เผยแพร่ศาสนา นี่เห็นกันอยู่แล้วไม่ต้องบอกนะ ผมนี่ขึ้นธรรมาสเทศน์ตั้งแต่เมื่อบวชได้ ๕ วัน บวชได้ ๕ วันไปเข้าโรงเรียนนักธรรมกลับมาจากโรงเรียนนักธรรมก็ไปโรงธรรมขึ้นธรรมาศเทศน์ให้ยายชีฟัง ตั้งแต่บวชได้ ๕ วัน เรื่อยๆมา เหลือแต่จะนับจนบัดนี้แหล่ะ ในเวลานี้แล้วก็พยายามสุดชีวิตจิตใจที่จะให้ศีลธรรมกลับมา
ผมได้เทศน์ทางวิทยุโดยหัวข้อว่า ศีลธรรมกลับมานะ ครบ ๕๐ ครั้งแล้วนะ นี่ขอถวายส่วนบุญแก่ทุกๆองค์ ว่าได้เทศน์เรื่องศีลธรรมกลับมาทางวิทยุกระจายเสียงแปดโมงเช้า ๕๐ ครั้งแล้ว และได้เขียนหนังสือเรื่องเกี่ยวกับศีลธรรม ศีลธรรม ศีลธรรม ตั้งหมื่นหน้าได้แล้ว ขอให้สนใจ ถ้าสนใจขอให้ไปดูในตึกนั้นนะ ที่เก็บหนังสือ หนังสือทั้งหมดนั้น นี่คือธรรมทาน ธรรมทานที่ทำไปแล้ว เข้าไปดูเถอะผมได้ทำงานเท่าไหร่ ถ้ามันมีบุญมีกุศลแล้วขอแบ่งให้ท่านทั้งหลายให้เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลายทั้งภิกษุและสามเณรทุกๆองค์ด้วย
อีกข้อหนึ่งถ้าเข้าไปดูหนังสือเหล่านั้นแล้ว เห็นว่ามากเกินเชื่อ มีคนเขาบอกว่านี่มันมากเกินกว่าที่จะเชื่อว่าคนเดียวเขียน ก็ขอให้เชื่อเถอะว่ามันคนเดียวทำ โดยเหตุที่ว่ามันไม่ขี้เกียจอย่างหนึ่ง และมันไม่ละโอกาสอย่างหนึ่ง นี่ขอบอกกล่าวให้เพื่อนสหธรรมมิกทั้งพระทั้งเณรแหล่ะว่า ขอให้ถือหลักว่าไม่ละโอกาส เมื่อมีโอกาสจะทำอะไรก็ขอให้ทำเถอะ อย่าบิดพริ้ว อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเถอะ แล้วมันจะทำได้มากไม่น่าเชื่อ คนมาเห็นแล้ว โห!! นี่ไม่เชื่อว่าคนเดียวทำ ขอให้เชื่อเถอะว่าคนเดียวทำ เพราะว่ามันถือหลักว่าไม่ละโอกาสเมื่อควรจะทำหรือจะทำได้แล้วไม่ละโอกาส แล้วก้มหน้าก้มตาทำแล้วจะได้มาก มากเกินเชื่อเกินคาดว่าคนเดียวทำ จึงขอให้ทุกๆองค์ถือหลักเกณฑ์อันนี้ ทำทุกโอกาสที่มันเป็นโอกาสให้ทำโดยไม่บิดพริ้วไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่เฉพาะแต่เรื่องเล่าเรื่องเรียนหรอก แม้แต่เรื่องวัตถุสิ่งของเรื่องก่อสร้าง เรื่องทางวัตถุก็ตามเถอะ ทำเถอะ ขอให้ทำเถอะเมื่อมีโอกาสจะทำแล้วขอให้ทำไม่บิดพริ้วเลย มันจะได้มากมายไม่น่าเชื่อ นี่แหล่ะเรื่องที่ว่าขอให้ส่วนบุญแก่ท่านทั้งหลาย
เรื่องอื่นผมก็ไม่ค่อยมีจะให้ เพราะมันทำอยู่แต่เรื่องเผยแพร่พระธรรม ขุดคุ้ยสิ่งซึ่งหลงเหลืออยู่ในพระไตรปิฎกไม่มีใครเอามาเผยแผ่ ขุดคุ้ยเอามาเผยแผ่ เพราะมันยากมันไม่มีใครเข้าใจแล้วก็ไม่เอามาเผยแผ่ เราต้องทำให้เข้าใจจึงเอามาเผยแผ่ได้ แล้วมันต้องทำกัน เรียกว่าอุทิศมากแหล่ะ ต้องเหนื่อยหัวเหนื่อยสมองมากแหล่ะ แต่มันก็ทำได้ เพื่อจะทำให้พระไตรปิฎกเป็นประโยชน์แก่มนุษย์มากที่สุดที่จะมากได้ ถ้าปล่อยไว้อย่างก่อนๆแล้วมันก็ มันจะอยู่แบบนั้นแหล่ะ มันจะไม่ออกมาเป็นประโยชน์แก่คน ปัจจุบันเวลานี้เป็นที่พอใจว่านักศึกษาปัจจุบันสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปฏิจจสมุปบาท ที่ลึกซึ้งซับซ้อนยุ่งยาก มันมีการพิมพ์ขึ้นตั้งสี่ห้าพันเล่ม มันก็ยังไม่น่าเชื่อว่าคนจะสนใจถึงขนาดนั้น เอาหล่ะเป็นอันว่า ผมได้พยายามสุดความสามารถเท่าที่ทำได้จนร่างกายมันเริ่มทรุดโทรมหรือถอยหลัง เพื่อให้คำสอนของพระพุทธองค์ออกมาจากที่สอนในพระไตรปิฎกมาเป็นประโยชน์แก่มหาชน ผมอวดซักอย่าง ถ้าจะอนุญาต อวด เมื่อก่อนผมบวช เมื่อก่อนผมบวช จะได้ยินแต่คำว่าไม่มีหนังสือธรรมะอ่าน ไม่รู้จะอ่านหนังสืออะไรที่เป็นหนังสือธรรมะ ไม่มีหนังสือธรรมะจะอ่าน เวลานี้ไม่มีใครพูดอย่างนั้นแล้ว เวลานี้ไม่มีใครกล้าพูดหรือพูดว่าไม่มีหนังสือธรรมะจะอ่าน มันมีมากจนอ่านไม่ไหวแล้ว นี่แหล่ะพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งเลย เมื่อก่อนมันมีแต่จะบ่นจะโทษ จะโทษพระ โทษวัด ว่าไม่มีหนังสือธรรมะอ่าน เวลานี้เราทำให้จน มัน มันไม่อ่านแล้ว ทีนี้แหล่ะเราจะโทษเค้าว่าทำไมคุณไม่อ่านล่ะ นี่เป็นเรื่องจริงเรื่องนึงทีเดียว
เป็นอันว่าขอแลกเปลี่ยนส่วนบุญ ขอให้ส่วนบุญ ขอแลกเปลี่ยนส่วนบุญ นี่แหล่ะความหมายของการทำวัตร คืออย่างนี้แหล่ะ คือแสดงความเคารพเพื่อลดกิเลส เพื่ออดโทษเพื่อลดกิเลส เพื่อแลกเปลี่ยนส่วนบุญเพื่อลดกิเลส ล้วนแต่กำจัดกิเลสทั้งนั้นเลย
ทีนี้มีอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องกฏบัตรพุทธบริษัท ได้พิมพ์ขึ้นแล้ว กฏบัตรสำหรับพุทธบริษัทได้พิมพ์ขึ้นแล้ว แล้วที่มีอยู่ในหนังสือทุกๆหอนี้ล่ะ ก็จะถวายไปยังท่านเจ้าอาวาสทุกๆวัด แล้วจะแจกภิกษุสามเณร อีกเป็นร้อยองค์ทุกๆองค์ด้วย ขอให้เอามาเลย เอาหนังสือที่จะแจกพระสามเณร คือเรื่องของท่านปัญญา กับเรื่องกฏบัตรของพุทธบริษัทแหล่ะ ช่วยไปเอามาทีเอามาแจกพระแจกเณร นี่ไม่ใช่ นี่มันสำหรับเจ้าอาวาสหนึ่งๆ นี่สำหรับทุกองค์นะ บอกให้จัดไว้แล้ว อย่างละ ๕๐๐ เล่ม เอามาที กฏบัตรพุทธบริษัท กับหนังสือท่านปัญญาที่ว่า พุทธทาสทำอะไร หนังสือท่านปัญญามีคนฝากมาร่วมแจก เอามาแจกพลาง ให้ทุกองค์ทั้งพระและเณรได้ ๒ เล่ม ๒ เล่ม แล้วนี่ถวายท่านเจ้าอาวาส ๑ ห่อ ๑ ห่อ เอ๊า. คุณเอามาวางสำรวจให้ดีก่อน ให้ครบก่อน แล้วจึงค่อยแจกให้ได้ให้ถูกต้อง ให้ได้ทุกองค์ องค์ละ ๒ เรื่อง ๒ เรื่อง มาช่วยกัน พระเณรเข้ามาได้ไม่ต้องฆราวาส มาเดินบุกในหมู่พระนี่ฆราวาสไม่เหมาะ ช่วยดูให้ดี ตั้งที่ไหนให้มันเรียบร้อย อย่าให้ลักลั่น ให้มันเรียบร้อย แล้วนี่สำหรับเจ้าอาวาสนะช่วยจัดการให้ด้วย ช่วยดูด้วย ไหนๆๆ ขอดึงมาให้ผมเล่ม ดึงมาให้ผมเล่นสิ ไอ้กฏบัตรพุทธบริษัทนี้ นี่แหล่ะหนังสือแบบนี้ กฏบัตรของพุทธบริษัท เป็นข้อแนะนำความคิด มันมีหลักแบบนี้แหล่ะ ดีแน่ ถือเป็นหลักตรงกัน ไม่ขัดขากันในการที่จะปฏิบัติในวงในก็ดี ปฏิบัติเกี่ยวกับฆราวาสก็ดี ปฏิบัติเกี่ยวกับศาสนาอื่นก็ดี หรือปฏิบัติต่อสิ่งที่เรียกว่าไสยศาสตร์ซึ่งมันยังมีปัญหาเป็นปัญหาทั่วไปก็ดี นี่ผมขอร้องให้ช่วยพิจารณาทุกๆองค์เลย กฏบัตร ๑๓๖ ข้อ เป็นเรื่องหนึ่งเรื่องหนึ่ง เป็นข้อสั้นสั้น สั้นสั้น ตลอดถึงเรื่องไสยศาสตร์ซึ่งเป็นปัญหาซึ่งกำลังถูกดูหมิ่น นี่ถ้าเราปรับปรุงให้ดี มันจะไม่ จะพ้นจากการถูกดูหมิ่น จัดไว้ให้คนปัญญาอ่อน อย่าไปว่านะไสยศาสตร์น่ะ แต่ว่าช่วยแก้ไข พระถ้าเป็นเจ้าอาวาสจะได้แบบนี้นะ ถ้าเป็นเจ้าอาวาสจะได้เป็นห่อๆไปทั้งหมดเลย นู้นไปแจกเณรอะไรมาก่อน.... เอาเถอะตรงนี้หล่ะมาประเคนเลย ขึ้นมาประเคนซะเลย เดินมาประเคนเลย
ธรรมะสามารถแก้ปัญหาของโลกได้ทุกชนิด ทุกปัญหาทุกเวลา แต่ชาวโลกเขาก็ไม่เอาธรรมะไปแก้ปัญหา เช่นข้อนี้ ธรรมะมีอะไรแบบไหนก็พูดไปในนี้หมดแหล่ะ ไสยศาสตร์เป็นศาสนาจำเป็นสำหรับคนปัญญาอ่อน ช่วยแก้ไขให้กลายเป็นพุทธศาสน์ ไสยศาสตร์ยังจำเป็นสำหรับคนปัญญาอ่อน ต้องช่วยกันปรับปรุงให้กลายเป็นพุทธศาสน์ อย่างนี้มันเลิกไม่ได้ถ้าว่าเขายังปัญญาอ่อน เขาไม่อาจจะรับพุทธศาสน์เขาก็ต้องรับไสยศาสตร์เป็นที่พึ่ง
แล้วมนุษย์คนไทยเรานี้ มัน มัน เขาสอนให้ถือไสยศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ ให้ถือพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ก็ตามเถอะ โดยไม่มีเหตุผลว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ให้ช่วย นี้มันก็ มันมีลักษณะไสยศาสตร์นั่นเอง จนกว่าจะโต โตพอ โอ้!! พระพุทธเจ้าไม่ใช่แบบนั้น พระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกวิธีดับทุกข์ ก็ดับทุกข์ได้จริง เราจึงขอบูชา ถ้าแบบนี้ก็หมดความเป็นไสยศาสตร์ ถ้าจะหวังพึ่งพระพุทธเจ้าอย่างบุคคลศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระเจ้าอยู่ มันก็เป็นไสยศาสตร์อยู่ในพุทธศาสนา รีบแก้ไขกันเสียเร็วๆให้พ้นความเป็นไสยศาสตร์ นี่แหล่ะมีอยู่ ๑๓๖ ข้อ ทำขึ้นเมื่อวันครบห้าสิบปี ที่ประชุมครบห้าสิบปี เมื่อเดือนพฤษภาคม เพิ่งได้พิมพ์เสร็จเอาเมื่อสองสามวันนี้เอง แล้วถ้าแบบนั้นมันก็ (เรียงน่ะ บอกให้จัดแจงเรียงนะ) เอ๊า..ขอสรุปความ ปิดการประชุมว่า ขอขอบพระคุณ ขอขอบพระคุณในการมา ขออนุโมทนาในการช่วยกันรักษาประเพณีที่ตั้งไว้ดี และขอให้ส่วนบุญ ขอแบ่งส่วนบุญให้ทุกๆรูป ให้มีความเจริญงอกงามก้าวหน้าในพระธรรมวินัย ในพระศาสนาของสมเด็จพระศาสดายิ่งๆขึ้นไป ขอให้มีกำลังใจกล้าแข็งสามารถต่อสู้มาร มีกิเลสเป็นต้น ได้ตลอดทุกทิพาราตรีกาลเทอญ ............ ช่วยฉลองศรัทธาชาวบ้าน.....