แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระคุณเจ้าผู้เจริญ และเพื่อนศาสนิกชนทั้งหลาย ก่อนที่เราจะทำพิธี กระผมใคร่จะขอพูดอะไรสักเล็กน้อย กระผมมองดูแล้วทั้งสมณะและฆราวาสที่เรามากันในวันนี้ ก็ดูเหมือนตัวเองจะแก่ที่สุดคือย่างเข้าปีที่ ๗๘ แล้วที่มาที่วัดนี้ ตัวกระผมเองได้เคยติดต่อมาตั้งแต่ พศ.๒๔๗๕ ขณะที่สวนโมกข์ยังอยู่ที่พุ่มเรียงและต่อๆมาผมก็ได้มาเรื่อยๆ มาจนเมื่อปลดจากราชการแล้ว ก็มีโอกาสได้มานมัสการพระคุณเจ้าและมาพบเพื่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาพบพระภิกษุสามเณรจำนวนมากอย่างนี้รู้สึกว่าประทับใจ ส่วนธรรมะที่ได้รับจากสำนักนี้พูดโดยย่อก็คือว่า เราจะมีความสุขในเมื่อเรายังมีชีวิตไม่ตายได้อย่างไร เราไม่ต้องหวังไปถึงว่าเราตายแล้วไปถึงสวรรค์ นิพพาน เอาว่าเมื่อเรามีชีวิตอยู่ตอนนี้ อยู่ในสังคมนี้เราจะทำตัวของเราอย่างไร อันนี้ก็เป็นที่ประทับใจที่กระผมอุตส่าห์มา กระผมนี้ก็เรียกว่าใส่ใจ แต่ไม่ต้องถึงกับว่าเป็นสัมพะเวสี คือไปหาไหนที่ดีที่ถูกใจอย่างที่ว่า เขาว่าวัดใหม่โรงวัวมีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียผมก็ดั้นด้นไปมาแล้ว หรือสำนักสงฆ์ใหม่ๆ ที่ปทุมธานีคลองสาม หรือที่คลองจันทร์ สำนักของท่านโพธิรักษ์สันติอโศกก็ดี หรือวัดธรรมมงคลที่พระโขนงก็ดี กระผมก็ไปเที่ยวมาแล้ว แต่ว่ากระผมไม่มีวาสนาที่จะเข้าถึงธรรมในระดับนั้นๆ พูดเฉพาะในที่นี้ผมรู้รู้สึกว่าให้ความเย็นใจของกระผมมากที่สุด ผมจึงถือโอกาสมาบ่อยๆ ถ้าจะมาได้ ถ้าชีวิตไม่ล่วงลับไปเสียก่อนก็จะพยายามมา
อนึ่งพระคุณเจ้าทั้งหลายคือพระภิกษุสามเณรถ้าเห็นมาผมหรือช่วง แก่นแก้วคนนี้แล้ วมีโอกาสจะใช้อะไรได้ก็โปรดใช้ ผมถือว่าภิกษุสามเณร จากที่พระคุณเจ้าเทศนาเมื่อตอนเที่ยงว่า บวชแล้วใครๆ ก็ต้องไหว้ผมก็ไหว้ทั้งสามเณรจนถึงพระ และก็รับใช้ด้วย อย่างที่มาวันนี้ได้บุญที่สุดคือว่าได้อาราธนาพระที่หลังสวนถึงแม้ว่าเป็นจำนวนน้อย พระราชภัทรนั้นถ้ามาได้หรือใสใจกับกิจกรรมของสวนโมกข์ก็ให้มาท่านก็มา ผมก็จัดอาหารมาถวายเสร็จและมาพบพระอื่นๆ ก็ได้ถวาย สิ่งสุดท้ายก็คือว่าเมื่อพระลุกไปจากที่แล้วศิษย์วัดก็ไปแล้วผมก็เก็บข้าวของพร้อมทั้งกวาดโรงฉันท์เสร็จพอดี ปลื้มใจจริงๆได้ทำบุญมาเสร็จ
เมื่อคืนนี้ผมได้ฟังวิทยุที่เขาเปิดเทปในการอภิปรายเรื่องความไม่ดีของสังคมในประเทศไทยของเรา ท่านนักการเมืองที่รับไปท่านว่าเหตุของท่านก็คือว่านักการเมืองเราไม่ดี ประชาชนถึงได้เป็นอย่างนี้ ท่านผู้หญิงคนหนึ่งว่าอภิปรายว่า ได้ความว่าอะไรๆ ก็ไม่ดีไปแล้วเราควรจะหาทางที่ให้ดีให้ได้ผู้นำที่ดี เคยมีแนวโน้มว่าอย่าอาศัยศาสนา ศาสนาจะเป็นผู้นำให้ประชาชนมีความดีขึ้น และท่านก็พูดด้วยสำเนียงของผู้ที่เป็นนักพูดก็คล้ายๆ กับว่าคำเสริมของพระมันอยู่ไปทางหนึ่ง พระการปฏิบัติของพระก็อยู่ไปทางหนึ่ง พูดกันตรงๆ ว่าฐานะของพระไม่น่าจะนำสังคมไปสู่สันติสุขได้ เขาไม่ได้พูแบบนี้แต่ว่าฟังออกเป็นแนวนั้น ผมจึงมากราบเรียนพระคุณเจ้าเพื่อพิจารณาดูด้วย กระผมเป็นศิษย์วัดและโตมาในวัดและเชื่อว่าพระยังเป็นผู้นำอยู่เสมอ
บวชสวด (07.20-16.26น)
ขออนุโมทนาเป็นภาษาไทยเล็กน้อยก่อน ขอให้ญาติโยมมีความเข้าใจในการกระทำ โดยเฉพาะการทอดผ้าป่าที่นี่ในวันนี้ หรือที่อื่นในวันอื่นก็ดี ให้กระทำในใจให้ถูกต้องว่า เป็นเรื่องที่เราทำการบำรุงพระศาสนาให้ภิกษุอยู่ด้วยความสามารถเพื่อสืบอายุพระศาสนาด้วยปัจจัย ๔ คืออาหาร รับบิณบาตร จีวร เสนาสณะ และเภสัช อย่าคิดให้น้อยกว่านั้นขอให้คิดให้เต็มว่าเพื่อบำรุงพระศาสนาให้มีอยู่ในโลก เมื่อศาสนามีอยู่ในโลกย่อมเป็นประโยชน์แก่โลกทั้งโลกเลย เวลานี้โลกกำลังจะเรียกว่าวินาศทางศีลธรรม ถ้าไม่มีศาสนาช่วยน่ากลัวจะวินาศ แม้แต่ทางวัตถุ ขอให้ช่วยกันให้ศาสนามีอยู่ในโลกเท่าที่ทายก ทายิกาจะทำได้คือช่วยในเรื่องปัจจัย ๔ ขอให้ตั้งใจอย่างนี้ เรื่องได้บุญแล้วไปอยู่ในวิมานนั้นก็ไม่เท่ากับเรื่องนี้ ไม่เท่ากับเรื่องที่ทำให้โลกไม่วินาศ คิดถึงผู้อื่นให้มากๆ กิเลสย่อมจะละลายไปเอง ถ้าคิดแต่ประโยชน์ส่วนตัวกิเลสไม่ค่อยจะละลาย ก็ขอให้ตั้งใจเจตนาให้ใหญ่โตที่สุดให้ได้ประโยชน์ที่สุด ได้อานิสงค์ที่สุดขอเตือนเท่านี้ ให้ถือเป็นหลักไม่ว่าจะทำบุญที่นี้หรือที่ไหนคราวไหนขอให้ตั้งใจเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งพระศาสนา
บวชสวด (19.32-27.40น)
กระผมขอโอกาสพูดจาปราศัยบ้างตามธรรมเนียม เมื่อกล่าวโดยส่วนตัวกระผมก็ต้องขอแสดงความขอบพระคุณในการมาของท่านทั้งหลาย เมื่อกล่าวโดยธรรมะวินัยก็ขออนุโมทนาในการกระทำซึ่งเป็นธรรมเป็นวินัยคือ อนุโลมตามอริยวังสะปฏิปทา ได้แก้ข้อปฏิบัติบางประการหลายๆ ประการ ซึ่งพระอริยะเจ้าทั้งหลายได้กระทำเป็นแบบฉบับสืบๆ กันมา แม้ที่สุดแต่การแสดงความเคารพตามกาลสมัยซึ่งสมควรกระทำ นี่ก็เป็นระเบียบแห่งอริยวังสะปฏิปทา เมื่อเราได้รักษากันไว้ก็ย่อมเป็นที่น่าอนุโมทนา ควรแก่การอนุโมทนา แม้แต่ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้นกระผมจึงขอแสดงความรู้สึกอนุโมทนารวมทั้งขอบพระคุณเป็นส่วนตัวแก่เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย แม้ที่สุดแต่สามเณร หมายความว่ามีการประพฤติธรรมร่วมกันเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา
วันนี้โดยที่จริงเป็นวันมาเยี่ยมสวนโมกข์ ค่อยๆ กลายมาเป็นวันทำวัตร ก็เป็นเรื่องใหญ่โตก็ขอแสดงความรู้สึกเป็นพิเศษ และขออย่าได้ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลเลย ขอให้ถือเป็นเรื่องของพระธรรมวินัยโดยประการทั้งปวง แม้ที่สุดแต่การทำวัตรจะกระทำแก่บุคคลก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องของธรรมวินัยของส่วนรวม คือ คำว่าส่วนรวมหมายความว่าถ้าเรายังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเอาไว้ได้ย่อมเป็นความมั่นคงของพระศาสนา เพราะว่าการทำวัตรนี้เป็นไปเพื่อความมั่นคงของพระศาสนา ของภิกษุสามเณรและยังจะรวมไปถึงอุบาสก อุบาสิกาด้วย จึงขอถือโอกาสพูดกับอุบาสก อุบาสิกาด้วย พร้อมกันไปเลย
ท่านทั้งหลายก็จงเข้าใจความหมายของการทำวัตรของภิกษุสามเณร และเอาความหมายแห่งการทำวัตรนี้ไปใช้ที่บ้าน ในครอบครัวในหมู่คณะของชาวบ้านด้วยก็ได้ ในที่นี้ขอโอกาสพูดเพื่อผู้บวชใหม่ ภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ยังไม่เคยทราบเรื่องของการทำวัตรก็มี การทำวัตรแบบที่ทำไปแล้วนี้ให้เรียกกันง่ายๆ ว่าแบบเก่าซึ่งทำสืบๆกันมาหลายร้อยปีทีเดียว อย่าต้องไต่เสวนว่าเกิดขึ้นจากเมืองไทยหรือที่ไหน หรือจากไทยไปถึงลังกา ในลังกาก็ยังทำกันอยู่ ถ้าพูดไปจะเป็นเรื่องยกตัวเอาแต่เพียงว่าเป็นแบบที่ได้ทำสืบๆกันมาหลายร้อยปีเต็มที การที่บูรพาจารย์ช่วยกันรักษาแบบนี้ไว้ได้ย่อมเป็นความดีและเป็นหน้าที่ที่เราจะช่วยกันรักษาไว้สืบไป การทำวัตรแบบสมบูรณ์มีความหมายถึง ๓ ประการ วันทามิพันเต หมายความว่าขอแสดงความเคารพ สัพพังอัปราทังธรรมะธรรเมพันเต คือขอให้อดโทษซึ่งกัน และมยากัตตังปุณยัง ขอแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันมันมีถึงสามเรื่อง
เรื่องแรกเป็นเรื่องแสดงความเคารพว่า ถ้าเราอยู่กันมากๆ ก็ต้องมีการเคารพกันตามลำดับๆ อย่าได้เสมอกันเลย เรื่องจะเสมอกันนั้นเป็นเรื่องกิเลส ให้พระประชาธิปไตยบ้าๆ บอๆ ที่เสมอกันได้ ตามธรรมชาติเสมอกันไม่ได้ ถึงจะประชาธิปไตยก็ต้องมีความเคารพกันตามลำดับสูงต่ำแห่งคุณธรรม แห่งอายุวรรณะเป็นต้น เราจงอยู่กันอย่างมีสูงมีต่ำ ตามพระพุทธโอวาสที่ได้แนะนำไว้ ชาวบ้านทั้งหลายก็จงอยู่กันอย่างมีสูงมีต่ำกันในครอบครัวในหมู่บ้าน หมู่คณะก็ดีให้อยู่กันอย่างมีสูงมีต่ำ แสดงความเคารพทุกโอกาสควรจะแสดง
ข้อที่สองให้ขอโทษจนเป็นนิสัย ขอโทษเป็นนิสัยทำให้หัวอ่อนไม่กระด้าง ธรรมดาของมนุษย์มันมีกิเลส จึงต้องล่วงเกินกันบ้างเป็นธรรมดา ไม่ทางกาย ก็ทางวาจา หรือทางจิต ถ้าล่วงเกินแล้วอย่าเก็บไว้ ถ้าเก็บไว้มันเป็นโทษเป็นบาป และมันทำให้เสื่อมเสีย จึงอย่าเก็บไว้ให้ขอโทษซึ่งกันและกันเสีย ให้ขอโทษจนเป็นเรื่องธรรมดา เป็นนิสัย ทำออกหน้าออกตามเป็นระเบียบวินัย เหมือนพวกญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีการขอโทษอย่างยิ่งดูจะยิ่งกว่าชนชาติใดๆ ในโลก เป็นว่าอย่าให้มีโทษในตัว สอนเด็กๆ ให้รู้จักขอโทษ เด็กๆจะได้เป็นคนอ่อนโยนไม่กระด้าง แม้ชาวบ้านเอาไปฏิบัติได้ ถ้าเราไม่ขอโทษซึ่งกันและกัน โทษนั้นจะเป็นเรื่องส่งเสริมกิเลส แล้วกิเลสจะกล้าแข็งเป็นการลำบากที่จะละกิเลส
เรื่องที่สาม มยากัตตังปุณยัง บุญที่ได้ทำนี้ขอให้ต่างฝ่ายต่างมีส่วน คำว่าบุญนั้นเป็นสิ่งที่เป็นคำพูดเก่าแก่เข้าใจว่าเป็นหมื่นๆ ปีตั้งแต่มนุษย์รู้จักดีรู้จักชั่วคำว่าบุญได้เกิดมาแล้วก่อนพุทธกาลนานไกลคำว่าบุญนี้
บุญนี้ถ้าหมายถึงตัวเหตุ ก็คือการล้างบาป เช่น การประพฤติการกระทำที่ล้างบาปล้างกิเลส
ถ้าหมายถึงตัวผล บุญหมายถึงความสุขความสบายสงบเย็น
บุญด้วยเหตุก็ดี ด้วยผลก็ดีที่ได้กระทำแล้วขอให้เรามีส่วนร่วมกัน แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เหมือนกับแลกเปลี่ยนข้าว กล้า อาหารซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ขอให้แลกเปลี่ยนสิ่งที่เรียกว่าบุญกันด้วย ขอให้ญาติโยมทั้งหลายโดยเฉพาะฆราวาสนั้นอย่าละทิ้งประเพณี เช่นถ้าไปทำบุญที่ไหนมา กลับมาจากวัดวา เจอใครก็ขอให้ร้องว่าเอาบุญมาให้นะ เอาบุญมาให้นะ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
เมื่อกระผมเด็กๆ ข้อนี้ก็ประพฤติกันเคร่งครัดมากเมื่อเด็กต้องหิ้วกระเช้าหมากตามหลังย่าไปฟังเทศน์ที่วัดและกลับมาบ้าน ได้ยินย่าร้องบอกเอาบุญมาให้นะ เห็นหน้าใครก็เอาบุญมาให้นะ กลับมาจากวัดกว่าจะถึงบ้านพูดไม่รู้กี่ครั้งกี่สิบครั้งคำว่าเอาบุญมาให้นะ พูดเรื่อยมาเลยคนรู้จัก คนไม่รู้จักบางทีก็พูด คนที่ได้รับก็สาธุๆ นี่มันดีหลายประการที่จะทำให้คนชอบบุญ ถ้าคนชอบบุญก็จะรอดตัว ถ้าสมานสามัคคี ไมตรีความรักใคร่ คนเราอยู่ได้ด้วยความสามัคคี การที่อะไรให้ปันกันอยู่เสมอเป็นการรักษาความสามัคคี คนแก่ๆ จึงประพฤติเป็นกิจวัตรเลย
คนแก่ๆ ก็มีมากที่นั่งที่นี้ขอให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีนี้เอาไว้ อย่าละอายเห็นว่ามันไม่เคยทำ ก็ละอายกลัวเพื่อนจะหัวเราะนั่นแหละคือความเข้าใจผิดไม่รักษาสิ่งที่ดีเอาไว้ เช่นว่ามาที่นี่แล้วเสร็จเรื่องกลับไปบ้านแล้ว เมื่อไปถึงบ้านแล้วขอให้พูดข้อนี้ว่าเอาบุญมาให้นะ เอาบุญมาให้นะกลับมาจากทำบุญที่สวนโมกข์ สั่งทุกคนที่นั่งอยู่ทุกคน ที่นั่งอยู่ กลับไปบ้านถึงระนอง ถึงชุมพร บอกใครคนหนึ่ง ลูกหลานก็ได้ใครก็ได้ว่าเอาบุญมาให้นะ มันจะเกิดธรรมเนียมประเพณีนี้กลับมาใหม่ และจะได้ทำกันยิ่งๆ ขึ่นไปจะเป็นความดีทั้งส่วนตัวและส่วนรวมอย่าได้ละอายเลย สิ่งที่ปู่ย่าตายายเคยทำ ไม่ต้องละอายอะไร กลับมาๆเพราะเคยทำ ซึ่งจะทำให้ลุกหลานของเรามีจิตใจเป็นบุญเป็นกุศลมากขึ้น
ขอให้เข้าใจว่าการทำวัตรของภิกษุสามเณรในวันนี้มีความหมาย ๓ อย่าง ข้อที่หนึ่งแสดงความเคารพตามโอกาส ข้อที่สองขอโทษและอดโทษตามโอกาส ข้อที่สามแลกเปลี่ยนส่วนบุญตามโอกาส อันนี้ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญของหมู่คณะ มิฉะนั้นจะไม่จัดไว้เป็น อริยวังสะปฏิปทา ประพฤติตามพระอริยะเจ้าทั้งหลายตามที่เคยปฏิบัติกันมา สำหรับภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ขอให้ท่านทั้งหลายมองเห็นว่านี้เป็นสิ่งสำคัญ ความเจริญมั่นคงในพรหมจรรย์จะอยู่ไปได้ขอให้ประพฤติวัตรสามประการนี้ คือเคารพ ขอโอษอดโทษ และแลกเปลี่ยนส่วนบุญ จะไม่มีการทะเลาะวิวาทแก่งแย่งกันในหมู่บรรพชิตเลย และพร้อมเพรียงกันกระทำสิ่งซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเรา สิ่งต่างๆ ที่จะเป็นไปเพื่อความมั่นคงของพระศาสนา จะอยู่โดยง่ายโดยสะดวกมากมายพอที่จะสำเร็จประโยชน์ได้ ถ้าเกิดจิตใจกระด้างไม่เคารพ ไม่ขอโทษ และไม่แลกเปลี่ยนส่วนบุญหรือความดี เข้าใจว่าไม่เท่าไรจะพ่ายแพ้แก่มาร แก่พญามาร คือกิเลสที่เป็นเครื่องทำลายแล้วเราจะอยู่ไม่ได้ในพรหมจรรย์นี้จะเป็นที่น่าเสียดาย หรืออยู่ได้อย่างทุรนทุรายไม่สงบเย็น
ขอให้ประพฤติวัตร ๓ ประการนี้คือแสดงความเคารพทุกโอกาสที่ควรเคารพ จะใหญ่กว่าสูงกว่าก็เคารพไปอย่าง เสมอกันก็เคารพไปอย่าง ต่ำกว่าก็เคารพไปอย่างเด็กๆ เราก็เคารพได้อย่าไปดูถูกดูหมิ่น เคารพว่าเด็กก็เป็นมนุษย์เหมือนกันต้องให้ความเคารพนับถือเพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน นั่นคือแสดงความเคารพ
และขอโทษขอให้ติดปาก ขอโทษๆ ให้ติดปากไว้ให้เร็วที่สุดถึงเขาจะไม่มัวรอว่าใครจะเป็นฝ่ายขอโทษ ถ้าหากเกิดขุ่นข้องหมองใจก็รีบขอโทษ ถึงเราจะถูกล่วงเกินก็ยินดีที่จะระงับโทษให้อภัยและเลิกโทษ ก็เป็นคนสะอาดเกลี้ยงจากโทษ
ให้ส่วนบุญแลกเปลี่ยนส่วนบุญเพราะว่าเรามีกิเลสตัวร้ายกาจอยู่ตัวหนึ่ง เป็นธรรมดากิเลสตัวนั้นเรียกว่า ริษยา อิจฉาหรือริษยาไม่ยินดีด้วยความดีของผู้อื่น ริษยาโลกาสิกา ความริษยาทำให้โลกฉิบหาย ที่รบราฆ่าฟันกันทุกวันนี้ทั้งโลกเพราะความริษยาไม่อยากให้ผู้อื่นดีเท่าตัว ดีกว่าตัวไม่ยอม ดีเสมอกันยังไม่ยอมจึงได้ฆ่าฟันกัน ถึงจะไม่ได้ฆ่าฟันก็จะอยู่ด้วยจิตใจที่ร้อนๆ จะนอนฝันร้ายเสมอ คนที่มีจิตริษยาสงบไม่ได้ จะฝันร้ายจะสะดุ้งด้วยความรู้สึกที่ร้ายๆ เรียกว่าไม่นอนเย็น ไม่นอนอย่างเยือกเย็น จะนอนอย่างร้อนๆ นอนสะดุ้งๆ คนที่ริษยามีเวรมีภัยไม่เท่าไหร่จะเป็นโรคประสาทและลำบาก ให้ทำจิตให้เกลี้ยงจากความริษยาด้วยการอยากให้เพื่อนมนุษย์ทุกคนมีความสุขมีความดีมีความเจริญ เราจึงแลกเปลี่ยนส่วนบุญความดีความงาม
อย่าคิดว่าเพื่อนจะดีเท่าเราจึงไม่อยากให้เขารู้อะไร กีดกันแม้แต่วิชาความรู้ ไม่อยากให้เขารู้เท่า ไม่อยากให้เขามีความรู้เท่า ไม่อยากให้เขามีความร่ำรวยเท่า ไม่อยากให้เขามีความสุข ความดีความงาม ความเจริญเท่า นี่เป็นต้นเหตุทำลายหมู่คณะ และทำลายตัวเองให้เป็นคนนอนสะดุ้ง
จึงขอร้องทุกองค์ขอให้ถือว่าผมพูดกับทุกองค์ แต่ละองค์ๆ ทุกองค์ไม่ละเว้นองค์ไหน ขอให้สนใจความหมายการทำวัตรถือเป็นหลักปฏิบัติตลอดกาลนาน จะเป็นภิกษุใหม่ภิกษุเก่า แม้แต่สามเณรก็ให้จดจำไว้ เพราะว่าอุปัชชาอาจารย์ของเราได้เคยกระทำมา ได้เคยรอดตัวมาด้วยการกระทำอย่างนี้ ท่านจึงรักษาศาสนาไว้ได้จนมาถึงพวกเรา
อย่ากล้าคิด อย่ากล้านึก อย่ากล้าเข้าใจว่าครูบาอาจารย์ของเราไม่ได้เล่าเรียนอะไรเป็นคนโง่ทั้งนั้นปฏิบัติแอย่างงมงายเราไม่เอาเราไม่ทำตาม เราไม่ทำตามอย่าง อย่างนั้นคือวินาศ ตัวเองก็วินาสไม่รู้ว่สิ่งที่เขาทำคืออะไร อาจารย์ของเราไม่ได้โง่งมงายเท่าไร ถึงไม่เรียนมากเหมือนเราไม่ได้พูดเก่งเหมือนเรา แต่จิตใตสุจริต ตรงไปตรงมา เมตตาอารีย์ กรุณาตั้งใจดี อยู่ด้วยความตั้งใจดี สืบศาสนามาด้วยความตั้งใจดี อาจารย์ของเราสืบศาสนามาด้วยไม่คิดว่าจะได้ลาภได้ยศได้ศักดิ์ ไม่ได้คิดว่าเขาจะตั้งให้เป็นเจ้าคุณไม่ได้คิดตั้งนั้นใจตั้งใจสร้างวัดสร้างวารักษามาเรื่อยๆ นั่นคือความตรงที่จริงและถูกต้องตามพุทธประสงค์ และสิ่งที่อุปัชชาอาจารย์ได้ทำมาอย่ามองว่าเป็นเรื่องงมงาย ถ้าอยากจะรู้จริงให้ลองปฏิบัติดูเขาสวดมนต์ร้องกันอย่างไร ปฏิบัติอย่างไรอย่าเห็นวางมงายแล้วมาเป็นปฏิบัติดูแล้วจะพบประโยชน์จะพบอานิสงค์เป็นที่น่าพอใจ
รวมความว่าการทำวัตรแบบนี้มีหัวใจอยู่ ๓ข้อ คือเป็นผู้อ่อนน้อทถ่อมตนเป็นผู้ขอโทษเป็นผู้แลกเปลี่ยนส่วนบุญ เราถือเอาเป็นหลักว่าจะได้มีความเจริญงอกงามในพระศาสนาเป็นแน่นอน ขอได้โปรดถือว่าเราทำตามอริยวังสะปฏิปทาเพื่อผลแก่ส่วนรวม อย่าได้คิดว่ามาทำกับผมเป็นส่วนตัวบุคคล มันไม่พอไม่จริง ไม่สมกันด้วยทำส่วนบุคคลมันน้อย ทำเพื่อส่วนรวมเห็นแก่ระเบียบวินัยประเพณีหรืออริยวังสะปฏิปทา ปีหนึ่งมาทำครั้งหนึ่งให้ถือว่าเป็นเรื่องซักซ้อมกันลืมเพราะถ้าทำกันอยู่ก็ไม่ลืมถ้าไม่ทำหลายปีก็ลืมหมด หรือไม่ได้ความรู้ว่าทำกันอย่างไรสำหรับผู้บวชใหม่ ผู้เก่าก็รักษาไว้ให้คงอยู่ผู้ใหม่ก็ได้เห็นได้รู้ได้ปฏิบัติตาม สิ่งนี้ก็จะได้อยู่เป็นร้อยปีเป็นพันปีหลายพันปี ก็ได้เพราะมันมีความดีความวิเศษประเสริฐอยู่ในตัว มันต้องอยู่ได้ แต่ถ้าคนมาทิ้งสิ่งที่ดีที่ประเสริฐเสียก็ได้
แต่มันจะเป็นผลเสียแก่คนผู้กระทำนั่นเอง หากเรากระทำอนุชนรุ่นหลังก็จะกระทำ หมู่คณะพุทธบริษัทก็จะเจริญงอกงามมั่นคงสมตามพระพุทธประสงค์ ผมขอพูดในฐานะเรื่องทำวัตร ตอนต่อไปข้อต่อไปจะพูดปรารภเรื่องที่ควรจะปรารภแก่สหธรรมิกทั้งภิกษุและสามเณรคือได้ทราบว่ามีความหวังความต้องการที่จะได้ฟังอะไรบ้างในการที่มาจนถึงที่นี่ในลักษณะเช่นนี้ ผมก็นึกอยู่ตลอดเวลาเหมือนกันว่าควรจะได้พูดเรื่องอะไรกันบ้างให้สมกับที่มาด้วยความลำบากหมดเปลืองในฐานะเป็นธรรมะปฏิสันฐานซึ่งเป็นคำสอนของสมเด็จพระศาสดาว่านอกว่าจะปฏิสันฐานด้วยอามิสแล้วขอให้ปฏิสันฐานด้วยธรรมด้วย ผมจึงขอถวายความรู้สึกหรือความรู้ความคิดความนึกเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนสหธรรมิกทุกคน หมายความว่าหนึ่งปีล่วงมาแล้วจากที่เราเคยพูดกันปีก่อนจนถึงวันนี้ก็หนึ่งปีแล้ว
ตลอดเวลาหนึ่งปีนี้รู้สึกตามความสังเกตุว่าโลกหรือบ้านเมืองมันก็ยังยุ่งยาก หนึ่งปีล่วงมามันไม่ได้ลดลงในเรื่องความยุ่งยากลำบาระส่ำระสายเสื่อมเสีย ความเจริญทางวัตถุมีมาก ยิ่งเจริญทางวัตถุก็ยิ่งเสื่อมทางจิตใจ คือไปคิด ยิ่งเจริญทางวัตถุก็จะยิ่งยุ่งทางวัตถุ เราจะเห็นว่าทางวัตถุนี้ยุ่งยากลำบากเหลือประมาณ เรื่องข้าวสาร น้ำตาลเป็นต้นมันก็ยิ่งยุ่ง เรื่องของแพงเรื่องอะไรต่างๆ มีมูลมาจากความเจริญทางวัตถุ ยิ่งเจริญทางวัตถุมนุษย์ยิ่งเห็นแก่ตัว มันมีเหตุปัจจัยบ้างอย่างมาประกอบกัน เช่นว่า คนเกิดเร็ว มนุษย์เพิ่มจำนวนเร็วอย่างหนึ่ง ความเจริญทางวัตถุยิ่งมากยิ่งเร็วทำให้คนที่เกิดมากหลงในในวัตถุ ไม่สนใจในศีลธรรมในหมู่มนุษย์จึงไม่พอที่ทำให้มนุษย์มีความสงบสุข ยิ่งเจริญทางวัตถุยิ่งต้องมีศีลธรรมมากให้ทันมัน ให้พอควบคุมความเจริญทางวัตถุ หากมันเจริญทางวัตถุทางศีลธรรมมันถอยหลังเพราะคนมันไม่สนใจไม่ชอบ ศีลธรรมในโลกก็ไม่มีพอควบคุมมนุษย์ มนุษย์จึงไม่มีศีลธรรม
คนเหล่านั้นเห็นว่าสนุกเป็นสุขทางวัตถุ เห็นว่าเป็นสิ่งดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปเลย สิ่งที่จะทำอันตรายมนุษย์แต่เห็นเป็นสิ่งดีสิ่งเจริญไปเลย เรื่องเพลง เรื่องโทรทัศน์สีระวังให้ดีมันจะทำให้วินาศหมด พูดถึงชาวบ้านทั้งหลายด้วย ที่บ้านใครมีวิทยุ มีเครื่องเล่นเพลงเล่นเสียง มีโทรทัสน์สีระวังให้ดีมันจะกัดเด็กตายหมด ตายทางจิตใจ ถ้าว่าเข้าใจไม่ถูกมันจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ที่นี้ยังไม่มีทั้งโทรทัศน์สีและไม่สีเพราะกลัวมันจะกัดเอา อาการที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวมันทำให้มนุษย์ไม่สนใจความจริง ไปลุ่มหลงอยู่กับความสุขสนุกสนานเอร็ดอร่อยและโง่ถึงที่สุดจนว่าเราไม่มีความทุกข์ เราไม่มีปัญหา คนที่มาวัดมันต้องมีความทุกข์และมีปัญหา คนที่ไม่มาวัดมันรู้สึกไม่มีความทุกข์ไม่มีปัญหาไม่ต้องการอะไรจากวัด
ที่นี้โดยส่วนรวมทั้งโลกก็พอจะรู้บ้างเพราะฝรั่งมาที่นี้มากขึ้นทุกๆปี ถามหลายๆเรื่อง แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็ถามเขามีความทุกข์หรือไม่ มีปัญหาหรือไม่ เขาส่ายหัวว่าไม่มีความทุกข์ ฉันเลยบอกว่าไม่มีความทุกข์ก็ไม่ต้องมาที่นี้ ไม่ต้องมาสนใจพุทธศาสนา อุตส่าห์มาจากเมืองฝรั่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาว่าจะศึกษาพุทธศาสนา แต่ถามแล้วไม่มีความทุกข์เลย จะหาความทุกข์สักนิดก็ไม่มีปฏิเสธเป็นคนไม่มีความทุกข์เลย จึงบอกว่าป่วยการไม่จำเป็นต้องศึกษาพุทธศาสนาถ้าไม่มีความทุกข์ ปัญหาก็ไม่มี เพราะแก้ได้หมดปัญหาก็ไม่มี แล้วจะมาศึกษาพุทธศาสนาทำไม มันเป็นเรื่องน่ากลัว คือ คนจะไม่ศึกษาพุทธศาสนาเพื่อดับทุกข์ เขาบอกว่าจะศึกษาเพื่อเป็นความรู้รอบตัวไม่ใช่ศึกษาเพื่อดับทุกข์ มาหาความรู้รอบตัวเผื่อไว้ไม่ใช่มีปัญหาเพื่อจะดับ สิบคนมีแปดคนฝรั่งที่ไม่มีความทุกข์ ก็บอกว่ากลับไปดีกว่า ถ้าพูดแบบหยาบคายว่าจะศึกษาพุทธศาสนาไปทำหัวอะไรในเมื่อไม่มีความทุกข์ มีสองคนที่มีปัญหาศึกษาเพื่อดับทุกข์ มันเหมือนจะเป็นทั้งโลกที่รู้สึกไม่มีความทุกข์ ไม่ต้องการศาสนาเพื่อดับทุกข์ นี่ก็ควรรู้ไว้ด้วยว่าคนจะไม่มีศาสนามากขึ้นในโลกจะไม่มีศาสนากันมากขึ้นเพราะเขาไม่มีความทุกข์ ไม่ต้องการพระเจ้าไม่ต้องการศาสนาเพราะเขาไม่มีความทุกข์ มาศึกษาเผื่อไว้ นี่เรียกว่าโลกมันใกล้ความวินาศเข้าไปทุกที ไม่เห็นความจำเป็นหรือประโยชน์ของศาสนา
ต่อไปขอพูดกันภายใน เราก็พูดได้เหมือนกันว่า การเผยแผ่ธรรมะของพวกเราทั้งหมดนี้ไม่พอ มันยังไม่พอ มันยังไม่พอที่จะทำให้เขาเห็นความทุกข์หรืออยากจะดับทุกข์ไม่พอที่จะให้เขาสนใจ เราเผยแผ่พุทธศาสนายังไม่พอจะทำให้มนุษย์สนใจ ขอให้ต้องจิตอธิษฐานกันให้ดีๆ ช่วยกันเผยแผ่พุทธศาสนาให้ยิ่งไปกว่านี้ ยิ่งกว่าที่กระทำทุกวันนี้ จนให้คนในโลกเขาเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีศาสนาหรือประโยชน์ของศาสนา การที่จะทำให้รู้ธรรมะ รู้ศาสนา อย่างน้อยก็ต้องมี ๓ ชั้นต้องจำทุกองค์จำเหมือนกัน การที่เราจะรู้พระธรรม หรือรู้ศาสนามันมีตั้ง ๓ ชั้น ถือตามพระบาลี ในพระบาลีได้กล่าวไว้มีถึง ๓ ชั้นเป็นพระพุทธภาษิต
ข้อที่ ๑ รู้โดยปริญัติ โดยสุตตะ โดยปริญัติ เราเล่าเรียนเหมือนเราเรียนนักธรรมรู้โดยปริญัติโดยสุตตะ เราอาจจะรู้ เราผู้เรียนแต่เราไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้ เราไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้พระธรรมโดยสุทตะ คือการเล่าเรียนเหมือนที่เราเองเรียน เช่นว่าแม้แต่สวดมนต์ ก็ยังไม่รู้ ทำวัตรก็ว่าไม่เรื่อยไม่รู้อะไร นี้ก็เรียกว่ายังไม่รู้โดยสุทตะ โดยปริญัติ ประชาชนของเราอย่างน้อยต้องรู้ว่าสวดมนต์เช้าเย็นนั้นว่าอย่างไร ให้รู้ธรรมะ หัวข้อธรรมะโดยความจำให้เพียงพอ เวลานี้ไม่พอแม้ความรู้โดยปริญัติหรือโดยสุทตะ
ขั้นที่ ๒ ใช้คำว่าแทงตลอดด้วยปัญญา มีนิพเพถิกะปัญญา คือสิ่งที่เรารู้ เราเรียน เราฟังมาเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ข้อนี้จะไม่มีแม้ในหมู่พวกเราที่เป็นภิกษุสามเณร อย่าว่าแต่ชาวบ้าน มีความรู้ทางสุตตะบ้างแต่ไม่มีการแทงตลอดด้วยปัญญา ชาวบ้านยิ่งไม่รู้ ถึงขนาดแทงตลอดด้วยปัญญา จะรู้ธรรมะข้อไหน หมวดไหนเรื่องไหนมาก็ไม่สามารถแทงตลอดด้วยปัญญา แม้แต่เพียงสุตตะหรือปริญัติก็ไม่ค่อยมี ชาวบ้านไม่ได้เล่าเรียนศึกษาหลักการหรือวิธีการที่จะแทงตลอดด้วยปัญญา อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่สามารถแทงตลอดธรรมะนั้นๆ ด้วยปัญญา ข้อที่ ๒ จึงไม่มี
ข้อที่ ๓ เรียกตามพระบาลีว่า เสวยผลด้วยน้ำมะกาย เสวยสุขด้วยน้ำมะกาย อันนี้ยิ่งไม่มีเพราะต้องปฏิบัติธรรมะที่แทงตลอดด้วยปัญญาแล้ว ปฏิบัติแล้วได้รับความสุข เสวยความสุขรู้รสของธรรมะนั้นอยู่ด้วยน้ำมะกาย คือด้วยจิต น้ำมะกายแปลว่าหมู่แห่งจิต ที่เราบอกเวทนา ระบบสังขารระบบวิญญาน นั่นเรียกน้ำมะกายนั่นคือหมู่แห่งจิต ต้องประสบสุขด้วยน้ำมะกาย พูดง่ายๆ คือว่าได้ชิมรสของพระธรรมที่ได้ปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่สำเร็จก็ไม่มีโอกาสเสวยผลน้ำมะกาย
ประชาชนทั้งหลายของเราก็ยิ่งไม่ค่อยมีความรู้ในขั้นสุดขั้นที่สามคือเสวยสุขด้วยน้ำมะกาย ความรู้ด้วยปริญัติก็ไม่ค่อยจะมี หมายถึงประชาชนทั่วไป การแทงตลอดด้วยปัญญาจึงยิ่งไม่มี การเสวยสุขด้วยน้ำมะกายยิ่งไม่มีทีเดียว การแทงตลอดด้วยปัญญาจึงไม่มี นี่เพราะว่าเราผู้เป็นพระเผยแผ่ธรรมะยังไม่พอ ประชาชนญาติโยมของเราจึงไม่รู้ธรรมะครบทั้งสามขั้น เขายิ่งไม่รู้ เมื่อยิ่งไม่รู้ยิ่งไม่สนใจจะรู้ ยิ่งไม่สนใจจะรู้ยิ่งไม่รู้จึงไม่รู้กันจนตาย ไปทำกันเสียใหม่ให้รู้สึกว่าเรายังไม่รู้อย่างนี้อย่างนั้น จะได้สนใจทำให้รู้ ให้รู้ เขาจะรู้ไปตามลำดับจะรู้ด้วยปริญัติ จะรู้โดยแทงตลอดด้วยปัญญา และในที่สุดจะรู้ที่สุดด้วยการเสวยผลของน้ำมะกาย ด้วยจิตที่รู้สึกผลของธรรมะ การเผยแผ่ไม่พอญาติโยมจึงไม่รู้ธรรมะในลักษณะสามนี้
ที่นี้ก็มาถึงข้อที่ว่าพระพุทธองค์ได้ทรงฝากศาสนาไว้กับพวกเรา พระพุทธเจ้าได้ฝากศาสนาไว้กับพวกเราคือพุทธบริษัททั้งสี่ หน้าที่รับผิดชอบอย่างยิ่งคือภิกษุบรรพชิต เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบยิ่งกว่าอุบาสก อุบาสิกา แต่ว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงฝากพระพุทธสาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้งสี่ ข้อให้คิดดูข้อนี้เราทราบแล้วหรือยัง และยอมรับสนองหรือไม่ อุบาสก อุบาสิกาที่เป็นฆราวาสก็เช่นกัน ขอให้รู้ว่าพระพุทะเจ้าได้ทรงหวังได้ฝากศาสนาไว้กับอุบาสก อุบาสิกาด้วยเหมือนกัน ได้หวังฝากไว้กับพุทธบริษัททั้งสี่คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราจะรับหรือไม่รับ มันก็หนีไม่พ้นคือหลีกไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ มันเขินที่เราจะปฏิเสธ และไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ตรัสว่าให้ช่วยกันทำให้ธรรมวินัยให้คงอยู่ในโลกนี้เพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์
ข้อแรกมีว่าตถาคตเกิดขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ ธรรมวินัยของตถาคตมีอยู่ในโลกนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ ธรรมวินัยนี้จะอยู่จะยังคงอยู่ด้วยการกระทำของสาวกอยู่ในโลกนี้เพื่อประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ ทรงหวังว่าจะสั่งสอนซึ่งกันและกัน จะสามารถสืบการสั่งสอนกันได้ต่อๆไป เหมือนกับในครั้งพุทธกาล
พระภิกษุณีบางองค์ก็สอนเก่ง และอุบาสก อุบาสิกาเป็นธรรมะทินนา พะชุติตรา (10.09) นั่นก็สอนเก่ง ไม่ว่าภิกาณี อุบาสกอุบาสิกานั่นก็รู้สอนเก่ง ได้ทรงฝากไว้กับพุทธบริษัททั้งสี่ เราจึงควรนึกถึงข้อนี้และสนองพระพุทธประสงค์เพราะได้ตรัสไว้เช่นนั้นจริงๆ เพราะเหตุอะไรที่ต้องฝากไว้กับบริษัททั้งสี่ เพราะมันไม่ มีหรือเรียกว่าความจำเป็นก็ได้ เพราะไม่มีมีทางที่จะเป็นไปได้ที่จะไปฝากกับพวกอื่นผู้อื่น จึงได้ฝากไว้กับ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัทสี่ เรามาคิดดูว่าเราจะต้องสนองพระพุทธประสงค์หรือไม่ ถ้าใครไม่คิดว่าต้องรับสนองก็ตามใจ แต่ถ้าใครคิดว่าต้องรับสนองพระพุทธประสงค์อันนี้ จะได้ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้าทรงผิดหวัง หวังไว้ทั้งที่เราต้องทำไม่ให้ผิดหวัง เราต้องเผยแผ่ใหม่ให้พอ สั่งสอนใหม่ให้พออย่างที่ว่าให้ประชาชน รู้โดยปริญัติ รู้โดยแทงตลอดด้วยปัญญา รู้โดยการเสวยผลด้วยน้ำมะกาย
คราวนี้เรามาดูว่าเราได้ทำไปแล้วเท่าไร อย่างไร เพียงไร ถ้ายังไม่พอก็ต้องทำอีก ทำอีก เกี่ยวกับว่าประโยชน์ผู้อื่น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้มากเท่าเประโยชน์ตัว อย่าได้คิดว่าเรามีหน้าที่ทำประโยชน์ของตัว พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ให้เห็นประโยชน์ผู้อื่นเท่าประโยชน์ตัว มีพระบาลีที่กล่าวไว้แบบนั้น ให้มองเห็นประโยชน์ตนมองเห็นประโยชน์ตนถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เมื่อเห็นประโยชน์ผู้อื่นให้ทำประโยชน์ของผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เมื่อเห็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวข้องกันให้ทำประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวข้องกันให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท มีพระบาลีอยู่แบบนี้เราใช้เป็นบทสวดมนต์ทุกวันเลยพระบาลีข้อนี้ อย่าเห็นว่าประโยชน์ของผู้อื่นไม่ใช่หน้าที่ของเรา ตรัสไว้ให้ช่วยสืบอายุพระศาสนาเพื่อประโยชน์ของมหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ พระป่าก็ไม่ยกเว้น พระที่อยู่ป่าก็ไม่ยกเว้นในหน้าที่อันนี้ต้องทำหน้าที่อันนี้
ถึงแม้ว่าเป็นฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา อยู่ที่บ้านเรือนก็ต้องทำด้วยเหมือนกัน ถ้าเอากันตามพระพุทธประสงค์ก็ไม่ยกเว้น ขอให้ช่วยกันเต็มที่ นี่เรียกว่าเราเป็นพุทธบริษัท ถ้าเรียกให้แคบเข้ามาภิกษุนี่เรียกว่า สมณศักดิ์กายะพุทธติยะ หรือพุทธชิโนรส สมณศักดิ์กายะบุตรที่นับเนื่องในสมศักดิ์กายะบุตร สมณะศักดิ์พุตโต คือพระพุทธเจ้านั่นเอง สมศักดิ์กายะพุทธติโยนั่นคือพวกเรา ผู้นับเนื่องในสมศักดิ์กายะบุตร พุทธชิโนรสนั่นคือลูกของพระพุทธเจ้าเกิดโดยธรรม เราจะสนองพระพุทธประสงค์เท่าไรก็ขอให้นึกถึงข้อนี้ เหมือนที่เรามากันวันนี้ก็เป็นการปรึกษาหารือระหว่างสมศักดิ์กายะพุทธติยะ หรือระหว่างพุทธชิโนรส เพื่อทำให้ตรงตามพุทธประสงค์ นั่นเอง เรื่องใหญ่ที่สุดคือทำให้ตรงตามพุทธประสงค์ให้ศาสนาของพระองค์ยังคงมีอยู่ในโลก เป็นประโยชน์แก่มหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ อย่าเพิ่งท้อใจ
บางองค์ที่ยังไม่เคยเล่าเรียนอย่าเพิ่งท้อใจจะเทวดาและมนุษย์ทำได้อย่างไร เทวดาก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน ขอให้จำไว้ง่ายๆว่า เทวดาคือคนที่สบายแล้ว มนุษย์คือคนที่ยังลำบากอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ นั่นนะมนุษย์ คนสบายมีเงินร้อยล้านพันล้านสบายเหมือนเทวดานั่นก็เรียกว่าพวกเทวดา มันก็ยังคงมีความทุกข์ พวกที่มีเงินร้อยล้านพันล้านก็ยังมีความทุกข์ เพราะยังมีกิเลสโทสะ โลภะ โมหะ ทั้งเทวดาและมนุษย์ก็ยังมีความทุกข์ ต่อให้เป็นเทวดาในสวรรค์มันก็เคยอ่านเคยฟังมันก็มีโทสะ โลภะ โมหะเทวดาเหล่านั้น เทวดาก็มีกิเลสเบียดเบียนความทุกข์เบียดเบียนมนุษย์ ก็มีกิเลสเบียดเบียนความทุกข์เบียดเบียน พระพุทธประสงค์ขอให้ทำเพื่อความสุขของมหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์นี่คือสิ่งที่ผมขอพูดสำหรับโอกาสนี้ที่เคยพูดประจำปี คือขอให้ไปพิจารณาดูให้ดีว่าเรายังทำหน้าที่ของเราไม่สมบูรณ์ การเผยแผ่ศาสนาของเรายังไม่พอ ประชาชนยังไม่รู้ธรรมะโดยปริญัติ โดยแทงตลอดด้วยปัญญา โดยเสวยสุขด้วยน้ำมะกายมันยังไม่พอ จึงขอร้องว่ายังต้องเร่งมือกันอีก จะเหน็ดเหนื่อยลำบากยุ่งยากสักเท่าไหร่ก็ต้องอดทน เพื่อเห็นแก่พระพุทธองค์ซึ่งทรงฝากศาสนาไว้กับพวกเรา มีเท่านี้วันนี้ ขอให้ช่วยจำไปทุกๆองค์เรื่องไม่มากมาย ว่าโลกกำลังจะลงเหว มนุษย์ในโลกกำลังจะลงเหว หน้าที่อันนี้การป้องกันนี้อยู่ที่พระพุทธเจ้าหรือว่าพระศาสนา เมื่อพระองค์ล่วงลับไปแล้วด้วยพระกายก็ยังอยู่ด้วยพระคุณมอบไว้กับเราช่วยกันทำให้สำเร็จประโยชน์ด้วย เมื่อการสั่งสอนการเผยแผ่ไม่พอก็ช่วยกันทำให้พอ ขัดข้องอย่างไรเรามาปรึกษาหารือกันดังที่เราได้ทำปีละครั้งเช่นกำลังกระทำอยู่เวลานี้เดี๋ยวนี้การปรึกษาหารือ นี่คือเรื่องที่จะพูดมีเท่านี้
ขอแถมพิเศษเรื่องส่วนตัวครึ่งส่วนรวม บอกให้ทราบกันทุกๆองค์เป็นเรื่องครึ่งส่วนตัวปนด้วยส่วนรวม ปีหน้านี้ พศ.๒๕๒๕ สวนโมกข์ครบห้าสิบปี สวนโมกข์ดำเนินงานมาได้ครบ ๕๐ ปีเมื่อเดือนพค. ปีหน้า ผมคิดว่าจะฉลองแต่คำว่าฉลองของผมไม่เหมือนใครไม่ใช่เรื่องฆ่าควายฆ่าวัว ฉลองครบ ๕๐ ปีจะทำชนิดที่ว่าตามความมุ่งหมายเดิมให้ธรรมะกลับมาให้ศีลธรรมกลับมาให้ศาสนากลับมา คิดว่าจะเทศน์กันสัก ๕ วัน ๕ คืนฉลอง ๕๐ ปี ชวนอดข้าวกันสัก ๕ วัน ๕ คืนเอาไม่เอา ก็คงไม่มีใครเอาก็เลยไม่ชวน ครบ ๕๐ ปี คงเป็นการเทศน์ ดอนอเมริกันฝรั่งบวชเป็นพระอด ๗ วัน ๗ คืนกินน้ำตาลสี่เหลี่ยมวันละ ๒ ก้อนเช้าก้อนเย็นก้อนน้ำขัน อดข้าวให้ ๗ วัน เมื่อเราบอกว่าขอคนละวันเขาก็อด ๗ วันเลย ผอมอยู่แล้วเลยผอม บอกข่าวพิเศษ เดือนพค. ปีหน้าสวนโมกข์ครบ ๕๐ ปี ฉลองกันสักทีไม่มีอะไรก็เทศน์กันสัก ๕ วัน ๕ คืน ปลายเดือนวันที่ ๒๗ ถึงสิ้นเดือนพค. วันที่ ๒๗-๓๑ รวม ๕ วัน (1.19น.)