แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
กระผมขอโอกาสกล่าวความรู้สึกในใจ แก่พระเถระและเพื่อนสหพรมจารีย์ทั้งหลายในโอกาสนี้ตามเคย ในการที่ได้มาด้วยความลำบากจนถึงที่นี้ โดยส่วนตัว ขอแสดงความขอบคุณขอบพระคุณ โดยส่วนระเบียบธรรมวินัย ขออนุโมทนา นี่ขอที่จะต้องอนุโมทนาอยู่หลายอย่างด้วยกัน อย่างน้อยก็คือการที่เรามีการกระทำเป็นระเบียบหรือแบบแผนชนิดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่หมู่คณะ สิ่งที่ทำทุกสิ่งต้องมีประโยชน์แก่หมู่คณะ เมื่อสิ่งเหล่านี้รักษาไว้ได้หรือกระทำอยู่ก็ย่อมเป็นที่น่าอนุโมทนา แล้วหวังในความเจริญได้ สำหรับหมู่คณะด้วย สิ่งแรกก็คือการทำวัตรอย่างที่ทำไปแล้วนี้ ขอบอกกล่าวเฉพาะภิกษุบวชใหม่ซึ่งยังไม่เคยทราบ ว่าการทำวัตรแบบนี้คือแบบของอุปัชฌาย์อาจารย์ ซึ่งสืบๆกันมาจนบอกไม่ได้ว่ากี่ร้อยปีแล้ว หรือพันปีแล้ว เมื่อก่อนถ้าใครจะบวชพระบวชเณรอะไรก็ต้องบวชแบบอุกาสะนี้ทั้งนั้น แล้วเวลาทำวัตรก็ใช้ไอ้บทอุกาสะนี้ เพราะว่าข้อความในนั้นมันมีความหมายที่ดีมาก ไม่ดุ้นๆสั้นๆ โดยมีความหมายแยกได้ถึงสามประเภท คือ อุกาสะ วันทามิ ภันเต นี่แสดงความเคารพ สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต นี้ขอโทษและอดโทษ มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา กะตังเป็นต้นนี้ นี้เป็นการแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นถ้อยคำที่ได้กล่าวไปแล้วในวันนี้ เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง เป็นการขอโทษและอดโทษแก่กันและกันอย่างหนึ่ง เป็นการแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันอย่างหนึ่ง ขอให้ภิกษุใหม่ทุกๆองค์เข้าใจและทำในใจตามที่ว่านี้ด้วย ถึงแม้เมื่อตะกี้ได้ว่าไปโดยไม่มีความเข้าใจ ก็ขอให้เข้าใจเดี๋ยวนี้ก็ยังได้ ว่าเราแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน เราอดโทษซึ่งกันและกัน เราแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน และขอให้กำหนดจดจำไว้เป็นหลักสำหรับถือปฏิบัติต่อไปจนตลอดชีวิต ว่าเราอยู่ในโลกนี้ต้องมีความเคารพซึ่งกันและกันตามฐานะ ถ้าอยู่กันโดยไม่มีความเคารพ ย่อมจะเกิดเป็นทุกข์ เกิดความสับสนวุ่นวาย คือเป็นทุกข์ขึ้นแน่นอน และเราต้องอดโทษซึ่งกันและกัน เพราะว่าเป็นธรรมดาคนที่อยู่กันมากๆย่อมมีความล่วงเกินด้วยกายบ้าง ด้วยวาจาบ้าง ด้วยใจบ้าง บางคราวไม่ชอบนึกโกรธ ก็ถือว่าล่วงเกินด้วยใจ นี้มากกว่าล่วงเกินด้วยวาจาล่วงเกินด้วยกาย นี่ไอ้สิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายจะทำให้เกิดความแตกฉาน ความร้าวราน ความแตกสามัคคี อยู่กันด้วยความเป็นเวรเป็นภัย เพราะฉะนั้นเมื่อจะอยู่กันด้วยความรักใคร่ จึงต้องขอโทษกันเรื่อยไป อดโทษกันเรื่อยไป สมัครขอโทษ และสมัครอดโทษ อย่าถือโทษซึ่งกันและกันไว้เลย นี้ก็จะมีความรักใคร่เมตตาปรานีต่อไปได้ อยู่กันด้วยความเมตตาปรานี ด้วยสายตาที่มองด้วยความรักใคร่เมตตาปรานี ทีนี้ข้อที่ว่าแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันนั้น มีความหมายสำคัญที่สุด คือความไม่อิจฉาริษยา พระพุทธเจ้าหรือนักปราชญ์ทั้งหลายทั้งปวงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความอิจฉา เอ่อ ความริษยาทำให้โลกฉิบหาย เขียนเป็นคำว่า อรติ โลกนาสิกา คุณดูที่เห็นได้เวลานี้รบกันเรื่อยเพราะความอิจฉาริษยาทั้งนั้น รบทำสงครามกันทั่วโลกเพราะว่าไม่ต้องการให้ใครดีกว่าใคร มีความริษยาเป็นที่ตั้ง จึงรบกันไม่มีสิ้นสุด โดยส่วนตัวบุคคลต่อบุคคลก็เหมือนกัน มีความริษยาย่อมไม่ให้อภัย ย่อมไม่แสดงความยินดีด้วย ไม่อะไรทุกอย่าง ก็เลยเบียดเบียนกัน จึงว่าขนบธรรมเนียมประเพณีที่ทำลายความริษยาเสียได้นี้ อุปัชฌาย์อาจารย์ของเราได้วางไว้อย่างลึกซึ้ง จึงให้มีการทำวัตรและทำความรู้สึกชนิดที่เป็นการแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ถ้าคนเราแลกเปลี่ยนความดีแลกเปลี่ยนของดีแลกเปลี่ยนบุญกุศลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว มันจะริษยายังไงได้ ก็เป็นอันว่าไอ้เรื่องแลกเปลี่ยนส่วนบุญนี้ใจความสำคัญที่สุด คือต้องการกำจัดเสียซึ่งความริษยา ซึ่งเป็นเครื่องทำโลกให้ฉิบหาย ขอให้พวกเราทุกๆองค์มองเห็นความจริง และความสำคัญอันลึกซึ้งที่มีอยู่ในการทำวัตร ตามแบบที่อุปัชฌาย์อาจารย์ได้ทำสืบๆกันมาแต่กาลก่อน แล้วขอให้ทำด้วยจิตใจ ไม่ใช่ทำเพียงแต่ท่าทางหรือวาจา ทำเพียงกายเพียงวาจาไม่สำเร็จประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอให้ทำด้วยจิตใจให้สำเร็จประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วการที่เราอุตส่าห์เหนื่อยลำบากมาจนถึงนี้ ก็ต้องได้รับประโยชน์ เกิน เกินค่า มาทำความรู้สึกเข้าใจ แล้วก็มาทำการตั้งอกตั้งใจที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของอุปัชฌาย์อาจารย์ แล้วมาทำความรู้สึกต่อกันและกัน โดยตอนนี้ช่วยเข้าใจไว้ด้วยทุกองค์ว่า ไม่ใช่ทำกับผมองค์เดียว ให้เข้าใจว่าทำซึ่งกันและกันด้วย คำว่าเราทั้งหลายนี้ล่ะ หมายความว่าเราทุกคน ทำซึ่งกันและกัน ทำกลับไปกลับมากลับไปกลับมาซึ่งกันและกัน ให้ถือว่าทุกองค์มีการแสดงความเคารพซึ่งกันและกันตามฐานะ และทุกองค์นี้ล่ะขอโทษซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันด้วย ให้ถือว่ามันเป็นการกระทำที่ได้ผลแก่ทุกๆองค์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ในส่วนที่เป็นบุญเป็นกุศล ในส่วนที่ว่ารักษาขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ มันก็ได้ทุกรูปทุกนาม นี่ขอให้การทำวัตรของเรามีความหมายอย่างนี้ และสำเร็จประโยชน์ตามนี้ แล้วมีผลคือความสุข ความเจริญทั้งโดยส่วนตัวและหมู่คณะ สมตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ให้อยู่กันโดยมีที่เคารพ เช่นพระพุทธเจ้าก็เคารพธรรม อยู่โดยไม่มีที่เคารพย่อมเป็นทุกข์ นี่เราอยู่กันโดยมีที่เคารพตามควรแก่ฐานะ แล้วอยู่กันด้วยความเมตตากรุณามุทิตา ขอโทษอดโทษ มีจิตใจเกลี้ยงเกลาจากโทษ และแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ปราศจากความอิจฉาริษยา มีความเจริญสมตามความมุ่งหมายของการทำวัตรด้วย ทีนี้อยากจะพูดอะไรบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป อากาศร้อนอึดอัด ต้องทน ข้อนี้ก็คือข้อที่ว่าเราทุกองค์อยู่เมืองไชยา มีความรับผิดชอบที่ต้องทำความเจริญให้เมืองไชยา ผมขออ้อนวอนให้ทุกองค์ คิดถึงข้อนี้ จดจ่อในข้อนี้ แล้วต้องพยายามที่สุดในข้อนี้ คือว่าเพื่อความเจริญงอกงามของเมืองไชยา การพูดชนิดนี้ถ้าฟังไม่ดี เป็นเรื่องชาตินิยม เป็นเรื่องมานะทิฏฐิ เป็นเรื่องกิเลสตัณหา ถ้าฟังไม่ดีจะรู้สึกชนิดนั้น ผมไม่ได้หมายถึงชนิดนั้น ไม่ได้หมายถึงมานะทิฏฐิแข่งขัน ถือตัว ว่าเมืองไชยาจะต้องดีกว่าเมืองไหน ไม่ได้มีความประสงค์ชนิดนั้น แต่มีความประสงค์ไปในทางความรับผิดชอบ คือว่าบ้านเมืองใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ มันจึงจะเจริญทั้งโลก ทั้งประเทศหรือทั้งโลก เพราะว่าใครจะไปช่วยสร้างแทนกันก็มันลำบากเหลือเกิน จะให้คนอื่นมาสร้างแทนให้เรา เรานอนเสียเฉยๆนี้ มันก็ลำบาก แล้วก็ไม่มีหวังที่จะเป็นไปได้ นี่เราถือว่าส่วนไหนที่เราต้องรับผิดชอบ ก็คือบ้านเกิดเมืองนอนของเรา นั่นแหล่ะก่อน แล้วเราจึงค่อยทำให้มันกว้างไปทั่วโลกทั่วประเทศนี่มันทีหลัง นี่เรารับผิดชอบในส่วนบ้านเกิดเมืองนอน คือว่าเมืองไชยานี้ล่ะ ต้องมีอะไรที่ใครดูถูกไม่ได้ ที่ว่าใครดูถูกไม่ได้นี้ไม่ใช่มานะทิฏฐิ พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่งสอนให้รักษาคุณธรรมของตัวเหมือนเกลือรักษาความเค็ม คือว่าอย่าให้ใครดูถูกได้ หรือว่าโดยแท้ๆแล้วอย่าให้ตัวเองนั่นแหล่ะบกพร่อง (อย่าไปยุ่งอย่าไปยุ่งนั่งนิ่งๆก่อนดีกว่า ชาวบ้านอย่าเที่ยวขึ้นมา) ขอให้ฟังต่อไปว่าเพื่อนสหพรมจารีย์ทุกคน จงรับผิดชอบในการรักษาเกียรติยศของบ้านเกิดเมืองนอน แม้เป็นพระสงฆ์ในคณะ เป็นพระสงฆ์ก็ต้องรักษาความรับผิดชอบ อย่าให้คณะสงฆ์ของบ้านเกิดเมืองนอนนี้มีจุดบกพร่อง จะต้องมีความสมบูรณ์ในการที่จะเป็นหมู่เป็นคณะที่ประพฤติดีหรือเป็นตัวอย่างที่ดี เพราะฉะนั้นขอให้อุทิศชีวิตจิตใจทั้งหมดในข้อนี้ แล้วทำให้สำเร็จด้วยการอุตส่าห์ศึกษาเล่าเรียนแล้วปฏิบัติดี เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา ผมเป็นห่วงในข้อนี้มากที่สุด ก็โดยเหตุว่าพระเรา เช่น นักบวช อยู่ในสภาพชนิดนี้ คนบางพวกบางหมู่หรือพวกฝรั่งพวกที่เจริญแล้วอาจจะมองว่า พวกพระนี้เป็นกาฝากประชาชน ทำให้ประชาชนลำบาก ดูดสูบเลือดประชาชนแบบนี้ก็มี เกือกกินไม่ทำงานอะไรนี้ หรือว่าอาจจะคิดว่าพวกพระเรานี้ไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ ไม่มีความเก่งกล้าสามารถอะไรก็มี ทีนี้เราก็อาจจะโง่ไปเข้าใจชนิดนั้นด้วยก็ได้ นี่ผมจะพูดสั้นๆเพียงข้อเดียวว่า เราอยู่ในสภาพขอทานชนิดนี้แหล่ะ ปฏิบัติศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติชนิดนี้แหล่ะ เก่งกว่าคนที่ไปโลกพระจันทร์ ช่วยฟังดูให้ดีว่า ไอ้เราอยู่ในสภาพชนิดนี้ยังมีความดีความเก่งความสามารถหรือว่ามีคุณค่าคุณสมบัติยิ่งกว่าไปโลกพระจันทร์ พวกฝรั่งอาจจะว่า ฝรั่งไปโลกพระจันทร์ได้ พระนี่โง่ทำอะไรไม่ได้ อย่าว่าแต่จะไปโลกพระจันทร์ จะทำอะไรต่ออะไรในบ้านในเมืองนี้ก็ไม่ได้ นั่นเพราะเขามองข้าม สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะโง่ไม่ได้ จะไร้ความสามารถไม่ได้ ผิดกันแต่ว่าจะต้องฉลาดหรือใช้ความสามารถในทางที่มีประโยชน์ ไปโลกพระจันทร์ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าประพฤติพรมจรรย์ในพระพุทธศาสนามีประโยชน์เหลือจะพรรณนา มีประโยชน์ทั้งตัวเอง มีประโยชน์ทั้งผู้อื่น มีประโยชน์แก่คนทั้งโลกเหลือที่จะพรรณนา เพราะฉะนั้นเรานี่แหล่ะเป็นพระนี่แหล่ะ ไปโลกพระจันทร์ไม่ได้นี้แหล่ะ กลับมีค่าหรือมีประโยชน์ยิ่งกว่าพวกที่ไปโลกพระจันทร์ได้ แต่ว่าเราต้องบวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง สอนสืบๆกันไปจริง ตามวิธีชนิดนี้แหล่ะ โดยมีชีวิตอย่างคนขอทานนี้แหล่ะ จะประเสริฐยิ่งไปกว่าพวกที่ไปโลกพระจันทร์ได้ ขอให้พระหนุ่มสามเณรอย่าได้ไปเห่อตามว่าไอ้ไปโลกพระจันทร์ได้นั้นมันเก่ง หรือว่ามันจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก นั่นหล่ะคือความโง่ของคุณ ระวังให้ดีๆ การประพฤติพรมจรรย์นี้มันการละกิเลส การละกิเลสนี้ยากลำบากกว่าไปโลกพระจันทร์ ไปโลกพระจันทร์นั้นผมคิดว่าไม่วิเศษหรือไม่อะไร คนป่าคนป่าที่เป็นปู่ย่าตายายของเรารู้จักเอากระจูดในพรุมาสานเป็นกระสอบเป็นเสื่อขึ้นมาได้เป็นคนแรก นั่นหล่ะจะเก่งเท่ากับไปโลกพระจันทร์เหมือนกัน เพราะว่าไม่มีใครรู้จักเอากระจูดมาสานเป็นกระสอบ ครั้งแรกนะ หมายถึงครั้งแรกที่สุดนะ ตั้งแต่คนป่าสมัยนั้นจะรู้จักเอากระจูดมาสานเป็นกระสอบหรือเสื่อรองนั่งนี้ มันยากลำบากหรือมืดมนเท่ากับไปโลกพระจันทร์เหมือนกัน ไอ้เรื่องไปโลกพระจันทร์นี้ไม่วิเศษวิโสอะไร แต่เรื่องประพฤติพรมจรรย์ ทำลายโลภะ โทสะ โมหะ นี้หล่ะยากที่สุด แล้วประเสริฐที่สุด เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราทุกคน จงมั่นคงอยู่ในหน้าที่การงานของเรา คือการประพฤติพรมจรรย์นี้ให้ได้ แล้วเราก็จะอยู่ในสภาพที่ว่า ดีหรือเก่งหรือประเสริฐกว่าการไปโลกพระจันทร์อยู่นั้นเอง ขอให้เพื่อนสหพรมจารีย์ ทั้งพระภิกษุและสามเณรนี้รู้สึกในข้อนี้ พยายามอย่างยิ่งในข้อนี้ รักษาเกียรติยศในข้อนี้ ไม่ใช่ด้วยมานะทิฏฐิแต่ด้วยความรับผิดชอบหรือหน้าที่ที่จะต้องทำ ที่จะต้องสืบอายุพระศาสนา ไม่เช่นนั้นแล้วศาสนาจะถูกดูหมิ่นแล้วจะถูกทำลาย จึงขอให้ตั้งอกตั้งใจดี อุทิศชีวิตแก่พรมจรรย์ สามารถประพฤติพรมจรรย์แม้ด้วยน้ำตา หมายความว่าในการประพฤติพรมจรรย์ยากลำบากจนต้องเสียน้ำตาก็พยายามจนลุล่วงไปได้ ขอให้ถือว่าแม้จะเป็นคำพูดของผมหรือผมพูด แต่มันเป็นความต้องการของพระศาสนา นี่หล่ะเปิดฟังให้ดีๆว่าผมพูดจริงแต่ว่าเป็นความต้องการของศาสนา หรือศาสนาพูด พูดทางผมหรือผมพูดแทน ขอให้ทุกๆองค์ถือว่าศาสนาพูด ขอร้องความร่วมมือจากเรา ทุกๆรูป ทุกๆนาม เพื่อเข้าใจในข้อนี้แล้วทำในข้อนี้ให้ได้ให้สมกับเป็นสมณะศากยบุตร เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่บกพร่องในหน้าที่ของตน แล้วทำตนให้รุ่งเรืองอยู่ด้วยปัญญา ทำพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองอยู่ด้วยคุณค่าอันประเสริฐ คือเป็นเครื่องกำจัดความทุกข์ของสัตว์ทั้งปวงได้จริง เรื่องอื่นไม่สำคัญเป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ ไม่สำคัญ เรื่องนี้สำคัญและเป็นสำหรับทุกๆองค์ ขอให้มีความเข้าใจในข้อนี้ สำหรับคำปราศรัยในปีนี้ คือโอกาสนี้ล่ะ มีอย่างนี้ แม้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ก็ความมุ่งหมายมันก็คล้ายกัน คือขอให้ทุกองค์ตั้งใจอุทิศชีวิตจิตใจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของคณะสงฆ์ ของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา โดยเฉพาะไชยาก่อน แล้วก็ขยายออกเป็นประเทศไทย แล้วขยายเป็นทวีปเอเซีย ชมพูทวีป แล้วขยายออกไปทั้งโลก เพราะว่าโลกนี้เราพูดอยู่บ่อยๆว่าโลกของเรา เราอยู่ในโลกนี้เป็นโลกของเรา แล้วเราขยายให้ไปทั่วโลกได้เหมือนกัน แต่มันต้องตั้งต้นตรงว่าบ้านใครเกิดบ้านใครนอนนี้หล่ะ ต้องทำให้ได้ก่อน ต้องทำให้ดีก่อน ต้องทำให้สำเร็จก่อน มันจึงจะขยายไปทั่วประเทศหรือทั่วโลกได้ ขอให้สนใจมากเป็นพิเศษสิ่งอะไรที่จะเป็นไปเพื่อเกียรติยศหรือความมั่นคงของเมืองไชยา คณะสงฆ์เราแล้วก็ ขอให้อุทิศชีวิตจิตใจ ให้สมกับว่าเราเกิดที่นี่ เป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่นี่ แล้วไม่ใช่เพื่อมานะทิฏฐิเบ่งทับใคร แต่ว่าทำตามหน้าที่สุดความสามารถสุดชีวิตจิตใจในหน้าที่ที่ต้องกระทำ นี่หล่ะคือการประพฤติธรรม คือความไม่เห็นแก่ตัว ประพฤติธรรมคือความไม่เห็นแก่ตัว โปรดจำไว้ให้ดีด้วยว่า การประพฤติธรรมกี่ร้อยอย่างกี่พันอย่างก็ตามใจสรุปลงในอย่างเดียวว่าไม่เห็นแก่ตัว คนขาดศีลเพราะเห็นแก่ตัว ฆ่าสัตว์ลักทรัพย์กาเมก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น คนที่ไม่เห็นแก่ตัวทำไม่ได้เลย ไม่เห็นแก่ตัวอย่างเดียว ไม่ขาดศีลข้อไหนหมด ผมก็ไม่เห็นแก่ตัว จิตเป็นสมาธิตลอดเวลา ความฟุ้งซ่านรำคาญ นิวรณ์ต่างๆมาจากความเห็นแก่ตัว แล้วคนที่ไม่เห็นแก่ตัวนั่นหล่ะคนมีปัญญา มีความรู้ความฉลาดจนไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวตนของตนนี่หล่ะ มันไม่เห็นแก่ตัวมันก็เป็นยอดของปัญญาของวิปัสสนา เพราะฉะนั้นความไม่เห็นแก่ตัวจึงเป็นศีลเป็นสมาธิเป็นปัญญาอย่างยิ่ง ขอได้โปรดมองเห็นในข้อนี้ เป็นอุบายที่ดีที่สุดว่าเราประพฤติบำเพ็ญความไม่เห็นแก่ตัวอย่างเดียว จะมีศีลสมาธิปัญญาบริบูรณ์ จะมีพระธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์บริบูรณ์ เพราะว่าพระธรรมทั้งหมดทุกธรรมขันธ์นั้นเป็นไปเพื่อทำลายความเห็นแก่ตัว คือกิเลสนั่นเอง เห็นแก่ตัวแล้วโลภ เห็นแก่ตัวแล้วโกรธ เห็นแก่ตัวแล้วโง่หลง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวงอันใครๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่นนี่หล่ะ คือไม่เห็นแก่ตัวนั่นหล่ะ ขอให้ภาวนาเป็นบทมนต์บทเดียวว่า ทำลายความยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวกูว่าของกูนี้เสีย ก็จะเป็นความไม่เห็นแก่ตัว ก็จะได้ประโยชน์ในพรมจรรย์ ในพรมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้ หมดครบถ้วนทุกประการ ขอตั้งจิตอธิษฐานว่า เพื่อนสหพรมจารีย์ทั้งหลายทุกๆองค์จะได้เอาถ้อยคำของผมไปคิดไปนึก เข้าใจแล้วจงเห็นแก่บ้านเกิดเมืองนอน เห็นแก่ประเทศชาติศาสนาเป็นส่วนรวม เห็นแก่โลกทั้งหลายเป็นส่วนรวม แล้วบำเพ็ญพรมจรรย์ชนิดที่ว่าจะเก่งกว่าคนที่ไปโลกพระจันทร์ได้ แล้วมีความสุขความเจริญ ในทำนองครองธรรมของพระศาสนาทุกทิพาราตรีกาลเทอญ