แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผมขอโอกาสปราศรัยเพื่อนธรรมมิก( )โดยส่วนตัวต้องขอขอบคุณ ขอบพระคุณ ท่านทั้งหลาย อุตส่าห์มาตั้งไกลจากชุมพรก็มี โดยส่วนตัวขอขอบพระคุณ โดยส่วนธรรม โดยธรรม โดยวินัย ขออนุโมทนาท่านทั้งหลายทุกคน ที่บูรพาจารย์ได้วางไว้ ซึ่งอนุโลมตามพระพุธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอพูดสั้นๆว่า โดยส่วนตัวขอขอบพระคุณโดยธรรมโดยวินัย และขออนุโมทนาในการได้มานี้ ทั้งที่ใกล้และที่ไกล ขอโอกาสต่อไปก็คือจะปราศรัยในฐานะ และสมควรจะพูดอย่างไร อันนี้ก็เป็นเรื่องพระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ว่า ให้กระทำปฏิสันฐานโดยธรรมปฏิสันฐาน จึงขอถือโอกาส โดยสมควรแก่ฐานะ ข้อแรกที่สุดที่จะพูดกับพระเพิ่งบวช ซึ่งจะบวชในปีนี้ก็มีหลายๆ ขอให้ตั้งใจฟังเป็นพิเศษก่อน ผู้บวชใหม่เป็นสติก็มี(06.09.4) และไม่เป็นก็มี โดยถ้าเป็นก็เรียกว่าอนุโลมหรือเป็นอาจาริยาติ(06.18.5) ก็ขอถือโอกาสพูดด้วย อย่าหาว่าล่วงเกิน โดยเฉพาะพระบวชใหม่ ยังไม่ทราบความมุ่งหมายของการทำวัตรก็มี หรือรู้น้อยเกินไปก็มี การทำวัตรแบบนี้เรียกว่าทำแบบโบราณซึ่งสืบทอดกันมา ไม่ทราบว่าตั้งแต่ครั้งไหน อาจารย์ของอาจารย์ได้สืบทอดกันมา ไม่ทราบว่าตั้งแต่ครั้งไหน จึงขอถือเป็นประเพณีจะไม่แก้ไข จะไม่ดัดแปลง คือจะไม่เปลี่ยนแปลงจะรักษาไว้ให้มีอายุพันๆปีทีเดียว เพราะเชื่อว่าทำมาเป็นพันๆปีแล้ว ทำวัตรแบบนี้ เรารักษาเรื่อยไปให้เป็นพันๆปีเลย เพราะว่าการทำวัตรแบบนี้มีความหมายที่ดีมาก ความหมายอย่างสูงสุดในการทำลายความรู้สึกอหังกามมังกา(07.29.7)ที่เรียกว่าตัวกูของกู อหังกาแปลว่าตัวกู มมังกาแปลว่าของกู สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้นพี่พระพุทธเจ้าสอนให้กำจัด กำจัดได้แล้วเรียกว่าอัสมิดมานะ(07.45.4) เราก็ได้ยินได้ท่องกันอยู่เสมอ อัสมิด(07.57.9)กำจัด....เป็นสุขอย่างยิ่งโว๊ย ท่านใช้คำว่าโว๊ย คล้ายๆว่ายืนยันเต็มที่เป็นประกันในคำพูดนี้เลย คือการทำวัตรแบบนี้เป็นการละลายอหังกามมังกา(08.15.5)อย่างยิ่งทีเดียว การทำวัตรแบบนี้แบ่งออกได้เป็น3ตอน อุกสวันทา(08.24.9) อันแรกนี้ขอแสดงความเคารพ สพพังนา(08.30.5) ตอนที่2นี้ขออภัยโทษ มยากตัง(08.36.1) ตอนที่3นี้ขอแลกเปลี่ยนส่วนบุญรวมความว่า ขอแสดงความเคารพและขออภัยโทษ และขอแลกเปลี่ยนส่วนบุญ การแสดงความเคารพนั้นมีหลักว่า อยู่เสมอกันเป็นทุกข์ ทุกโขสัมมา(08.56.1)การอยู่เสมอกัน ไม่มีสูงไม่มีต่ำเป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสเช่นนี้ มันจึงมีสูงมีต่ำ มันจึงต้องมีความเคารพกันตามสูงตามต่ำ เมื่อมีความเคารพเกิดขึ้นแล้วนั้น มันจะไม่เป็นทุกข์ จะมีการเชื่อฟังจะมีการสมัครสมานสามัคคี เราจึงมีการแสดงความเคารพเพื่อเป็นเครื่องรับประกันว่าจะไม่ดื้อดึง ทีนี้ความเคารพมันทำลายทิฐิมานะ เห็นว่าเป็นตัวกูของกู คนเราถ้ามีทิฐิมานะเป็นตัวกูของกูย่อมไม่ยอมเคารพใคร ถ้าเคารพใครได้ก็หมายความว่ามันต้องลดตัวกูของกูลงไป ซึ่งตรงกับความมุ่งหมายของพระพุทธเจ้า ทีนี้ให้ยกโทษซึ่งกันและกัน สัพพัง(09.53.1) ให้ยกโทษซึ่งกันและกัน มันทำลายตัวกูของกูเหมือนกัน ถ้ากระด้างด้วยทิฐิแล้ว ย่อมไม่มีใครขอโทษใคร แล้วเพื่อนขอโทษแล้วก็ไม่ยอมยกโทษ กระด้างด้วยมานะ อหังการณมมังการณ์(10.09.4)วันนี้เราสัพพัง(10.12.6) ต่อกันและกันคือยอมยกโทษซึ่งกันและกันทั้ง2ฝ่าย ย่อมเป็นการบรรเทา
4
ซึ่งอหังการณ์ มมังการณ์นี้(10.21.3) เรื่องต่อไปเรื่องที่3 มยาตัง(10.28.6) ใต้เท้าทำผมขอนุโมทนา ผมขอมีส่วน นี่ก็เรื่องแลกเปลี่ยนส่วนบุญ คนเราถ้าจองหอง อยู่ในอำนาจทิฐิแล้ว ย่อมไม่เปลี่ยนอำนาจส่วนบุญกับใคร เมื่อมีการแลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ย่อมหมดมานะทิฐิ และการแลกเปลี่ยนสว่นบุญนี้ย่อมเป็นการทำลายอหังกสมมังกาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นทั้ง3ประการเลยว่าการทำความเคารพซึ่งกันและกันก็ดี ขอยกโทษซึ่งกันและกันก็ดี แลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกันก็ดี ย่อมเป็นไปเพื่อกำจัดซึ่งทิฐิมานะ ความกระด้างในมานะว่าตัวตนว่าของตน มันจึงตรงกับหัวใจของพระพุทธศาสนาว่าต้องการให้กำจัดอัสมิมานะ บูรพาจารย์ของเราได้ทำมาดีแล้ว บูรพาจารย์ก็คืออาจารย์ของอาจารย์ อาจารย์ของอาจารย์ หลายสิบช่วง ทำไว้ดีแล้ว เพื่อให้การปฏิบัตินี้ทำลาย(11.43.1)เราจึงรักษาไว้ตลอดไป ตรงนี้ต้องขอแทรกสักนิดว่า อาจารย์ของเรา บูรพาจารย์ของเราได้ทำไว้ดีแล้ว ว่าพ่อบวชเข้ามาบวชเข้ามาเรียน ยถาปัจจยัง(11.57.8)เพราะว่านั้นคือหัวใจของพุทธศาสนา เรื่องไม่มีตัวไม่มีตนเป็นสัปวาทาศ(12.08.4)เป็นไปตามปัจจัยเป็นหัวใจของศาสนา วันแรกเข้ามาอยู่วัดเพื่อจะบวช ท่านก็ให้หัวใจของพุทธศาสนาเลย ประเพณีนี้ขออย่าได้ทิ้งเสีย และขอให้พระเณรทุกองค์จำยถาปัจจยังให้จำแม่น และให้สามารถประพฤติปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อันนั้น นี่เป็นของที่ดีที่สุด เรื่องของการทำวัตรก็เหมือนกัน เป็นข้อดีที่สุด มุ่งหมายจะทำลายอัสสมานะ ตามหัวใจของพุทธศาสนา มุ่งหมาย เราควรรักษาสิ่งที่ดีที่สุดเอาไว้ มีอยู่กี่อย่างก็รักษาไว้ อย่าได้ทำลาย หรือดัดแปลง เปลี่ยนแปลงเสียเลย ทีนี้ขอให้ทบทวนอีกครั้งหนึ่งว่า การทำวัตรข้อที่1 ให้แสดงความเคารพ ข้อที่2ให้อดโทษซึ่งกันและกัน ข้อที่3ให้แลกเปลี่ยนส่วนบุญซึ่งกันและกัน ขอให้จำไว้ว่า หลักธรรมะประการนี้ต้องใช้จนตลอดชีวิต เธอผู้บวชใหม่หรือสึกออกไปก็ตามใจ หลัก3ประการนี้ต้องติดตัวไปจนตลอดชีวิตและจะยังอยู่ในธรรมะวินัยนี้ยังไม่สึก ก็ต้องมีอยู่จนตลอดชีวิต ในหลัก 3 ประการ คือว่าเคารพแก่ผู้ที่ควรเคารพ จะอดโทษซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนความดีส่วนบุญซึ่งกันและกัน อย่าอิจฉาริษยากันเลย จะอยู่เป็นพระก็ตาม จะสึกออกไปก็ตาม ขอให้ถือธรรมะ3ประการนี้ อย่างเคร่งครัด และถือได้เท่ากันไม่ว่าจะบวชอยู่หรือสึกไป ถ้าสมมุติว่าเธอสึกไป เธอก็ต้องเป็นคนหัวอ่อน สุภาพอ่อนโยน เคารพต่อบุคคลที่ควรเคารพทุกเมื่อเลย นี่เรามีหลักว่า อายุมากกว่าก็เคารพ ถึงแม้ว่าเขาอายุน้อยกว่าแต่เขามีอะไรดีกว่าเราก็เคารพ ถ้ามีชาติตระกูลสูงก็เคารพ ตกลงเราเคารพในฐานะเป็นคนแก่คนเฒ่าก็เคารพ ถึงเขาจะไม่มีสติปัญญามากเหมือนเราก็ต้องเคารพ ขอให้เคารพผู้ที่มีวัยวุฒิ และ มีคุณวุฒิ และมีชาติวุฒิ กี่วุฒิกี่วุฒิก็ต้องเคารพทั้งนั้น ให้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน มีความเคารพและมีความสวัสดิมงคลแก่บุคคลนั้น มนุษย์จะรักใคร่ เทวดาจะรักใคร่ พูดแบบหัวอ่อน เคารพ(25.12.3) ขอให้ถือไว้จนตลอดชีวิตด้วย คราวนี้เรื่องอดโทษเป็นเรื่องสำคัญ เวลานี้เราไม่อดโทษก็ยิงกันทุกที จึงมีการแก้แค้นมีการฆ่ากัน ยิงกันเป็นประจำวัน นี่คือการไม่อดโทษ มีการแก้แค้น มีการก่อเวร มีการจองเวร ถ้าเราถือหลักของพระพุทธเจ้า แม้ที่สุดทำวัตร เราขอโทษ อดโทษ กันอยู่เสมอแล้ว ย่อมไม่มีการแก้แค้น ไม่จองเวร มันจึงจะไม่มีการฆ่าฟันกัน ขอให้บอกกล่าวกันต่อๆกันไปว่า นี่เป็นของที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน และจำเป็นอย่างยิ่งแก่เรา จะต้องมี ถ้าเราไม่มีเราคงฆ่ากันตายหมด ไม่มีเหลือ ถ้ายังจองเวรกันอยู่เรื่อยไป เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่ามันเป็นธรรมดาของคนเรายังต้องพลั้งเผลอไปบ้างในครั้งแรก ซึ่งไม่มากมาย การพลั้งเผลอในครั้งแรกไม่มากมาย แต่พอทำต่อกลับไปกลับมา มันแรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้น จนฆ่ากันตายเพราะฉะนั้นถ้ามีการล่วงเกินกันที่ใด ก็ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษกันไป ขอโทษกันมา ให้มันเลิกร้างกันไป แล้วก็จะไม่มีการเบียดเบียนกันเลย แล้วจะอยู่อย่างผาสุก การขอโทษและการให้อภัยโทษ อย่าได้มีกระด้างมานะทิฐิในเรื่องนี้เลย ในเรื่องแลกเปลี่ยนส่วนบุญ หมายความว่าไม่อิจฉาริษยา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เรามีความดี มีบุญ มีอะไรก็ตามใจ ส่วนนี้บันบัน(16.58.3) ไม่เห็นแก่ตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องเค้าเรียกว่าระยะยาว เพื่อระยะยาว เพื่อผลในระยะยาว ในระยะสั้นจะมองไม่ค่อยเห็น แต่ความดีชนิดนี้ เมื่อทำแล้วจะให้ผลในระยะยาวและมั่นคงด้วย มันช่วยกันแลกเปลี่ยนเอื้อเฟื้อ แบ่งปันซึ่งกันและกันเมื่อได้ทำอย่างนี้ ก็จะไม่มีการพูดร้าย การทำร้ายซึ่งกันและกันและอยู่กันผาสุกทั้งในพรหมจรรย์นี้และเมื่อออกไปเป็นฆราวาสก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้ผู้บวชใหม่ช่วยเข้าใจการทำวัดแบบโบราณซึ่งได้สืบกันมาจนบัดนี้ และไม่ใช่ว่าทำวัดพอเป็นพิธี เราต้องปฎิบัติกันตลอดชีวิต ปฎิบัติ ทุกวัน ทุกวันทุกวัน จนตลอดชีวิต มีการเคารพแก่ผู้ควรเคารพ มีการให้ภัยโทษซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนความดีส่วนบุญซึ่งกันและกัน ทำทุกวันเลย และมาทำวันนี้เป็นพิเศษ ไม่ได้หมายความว่าทำวันนี้แล้วเลิกกัน วันนี้เป็นวันพิเศษคือมาทำความเข้าใจกันให้ยิ่งๆขึ้นไป ย้ำให้แน่นแฟ้น และต้องเอาไปทำทุกวัน กลับไปแล้วต้องเอาไปทำทุกวัน ถ้าปีหน้าฟ้าใหม่มีโอกาสมาย้ำความเข้าใจกันอีกครั้งนึง ให้มันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกปี ทุกปี ทุกปี ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยแล้วการทำวัตรที่อุตส่าห์มาทำด้วยความยากลำบากนี้ จะมีผลมหาศาลที่ดีทีเดียว เพื่อประโยชน์แก่ศาสนา เพื่อประโยชน์แก่หมู่คณะตัวเอง ขออธิบายซ้ำๆซากๆทุกปีเกี่ยวกับเรื่องทำวัตรนี้ แด่ผู้บวชใหม่ คราวนี้เรื่องที่2จะพูดเรื่องทั่วไปทั้งผู้บวชใหม่และผู้บวชเก่า สรุปได้ในคำเดียวว่าความรับผิดชอบ ขอพุทธองค์ให้จำดังก้องอยู่เสมอว่าเราต้องรับผิดชอบ เรามีความรับผิดชอบ เราต้องรับผิดชอบในฐานะที่เราเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา เราต้องรับผิดชอบ เพื่อทำให้พระพุทธศาสนาเจริญงอกงามมั่นคง เรารับผิดชอบพูดอย่างชาวบ้านก็คือว่าเรารับผิดชอบในการทำบ้านเมืองของเราให้เจริญ ถ้าพูดแคบๆว่าเมืองไชยานี้ เราต้องรับผิดชอบทำเมืองไชยานี้ให้เจริญ ถ้าเราจะขยายออกไปเป็นปักษ์ใต้ทั้งภาค นี่เราทำเมืองใต้ให้เจริญ ขยายเข้าไปอีกก็คือทำประเทศไทยให้เจริญ ถ้าขยายไปอีกก็คือทำโลกทั้งโลกให้เจริญ ไม่ใช่อวดดี เรารับผิดชอบ รับผิดชอบไม่ใช่อวดดี อวดดีไม่ใช่รับผิดชอบ ขอให้เข้าใจ เหตุใดเราต้องรับผิดชอบทั้งโลก เพราะว่าเราอยู่ในโลก ถ้าใครไม่รับผิดชอบหน้าที่อันนี้นี้ อย่าอยู่ในโลก ไปตายซะดีกว่า ถ้ายังอยู่ในโลก ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เราอยู่ในโลก ต้องทำโลกนี้ให้เจริญ และเราต้องรับผิดชอบต่อพระศาสนาของพระศาสดา เรามีหน้าที่สืบอายุพระศาสนา
เราต้องทำทุกอย่างเพื่อสืบอายุของพระพุทธศาสนา เราต้องรับผิดชอบตั้งแต่ตัวเองไปเลย รับผิดชอบสำหรับความเจริญของตัวเอง สำหรับความเจริญของวัดวาและตัวอยู่ (20.58.4) เพื่อความเจริญของตำบล ของอำเภอ ของบ้านเมือง ของประเทศ และของโลกในที่สุด อันไหนใกล้อันนั้นทำได้มาก อันไหนไกลอันนั้นทำได้น้อย แต่ก็ต้องทำ เช่นว่าเราอยู่ในโลก ต้องทำให้โลกเจริญ เราก็ทำได้น้อย แต่ถ้าเราทำเมืองไชยาให้เจริญ เราทำได้มาก แต่ถ้าทำวัดนี้ให้เจริญ เรายิ่งทำได้มาก เราทำตัวเราให้เจริญในกุฏิของเรา เรายิ่งทำได้มาก เพราะฉะนั้นขออย่าได้เป็นผู้เหลวไหล ปฎิเสธความรับผิดชอบให้ทุกองค์รู้ว่า เรามีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ ต่อตัวเอง ต่อวัดวาของตัวเอง ต่อบ้านเมืองของตัวเอง ต่อโลกต่อพระศาสนา หมายความว่าต้องใช้เวลาทุกวินาทีให้เป็นประโยชน์ อย่าเหลวไหล ในเวลา24ชั่วโมง อย่าเอาไปหัวเราะกันเล่นตั้งครึ่งนึง อย่าไปเสียเวลากับความขี้เกียจตั้งหลายชั่วโมง หัวเราะเล่นกันตั้งหลายชั่วโมง ขอให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ทุกชั่วโมง นอกจากพักผ่อนต้องทำประโยชน์ อย่างน้อยตอนเย็นๆก็ต้องทำประโยชน์แก่วัดวาอารามนี้สัก 2-3 ชั่วโมง ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายให้ร่างกายสบาย ถ้าพระเณรเคลื่อนไหวน้อยจะเป็นโรคกระสาย จะเป็นโรคอ่อนแอ จะเป็นโรคผอมเหลือง เรียนแต่หนังสือ ก็ตะต้องตายเหมือนกัน ต้องออกกำลังด้วย เพราะฉะนั้นต้องจัดเวลาออกกำลังให้ทำประโยชน์แก่วัดวา สร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้สนุกไปเลย ไม่ใช่ว่าทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อพระศาสนา อย่าคิดว่าทำเพื่ออาจารย์ ทำเพื่อศาสนา ตอนเย็นๆทำประโยชน์ให้เต็มที่ เพื่อพระศาสนาด้วย เพื่อให้เรามีร่างกายแข็งแรงด้วย เพื่อดับกิเลสที่เห็นแก่ตัวและขี้เกียจด้วย มันมีความเห็นแก่ตัวความขี้เกียจ คือถ้าเราทำงานมันแก้ความขี้เกียจเราเรียกว่าเอาเหงื่อล้างความขี้เกียจ ล้างความเห็นแก่ตัว ล้างตัวกูของกูด้วยเหงื่อของเราตอนเย็นๆ วันละชั่วโมง 2 ชั่วโมง ทุกวัน ทุกวัน สร้างโบสถ์ให้ใหญ่เป็นวิมานก็ได้ ถ้าเราเสียสละกันวันละ 2-3 ชั่วโมง ไม่กี่ปีเราสร้างนั้นสร้างนี้ขึ้นได้ นี่เรียกว่ารับผิดชอบโดยบุคคล โดยส่วนบุคคล มีหน้าที่ต้องทำตัวให้เจริญ ทำวัดให้เจริญ ทำบ้านเมืองให้เจริญ เราอยู่ไชยาต้องทำไชยาให้เจริญ อย่าให้ใครดูถูกได้ว่าป่าเถื่อน เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรให้ป่าเถื่อน ให้เสียชื่อเมืองไชยา หรือคณะสงฆ์แห่งเมืองไชยา ซึ่งทำดีมานานแล้วมีประจักษ์พยานตั้งพันปี เช่นพระธาตุ เป็นต้น ช่วยกันรักษาความดีนี้ไว้ ไม่ให้จืดจางไปได้ ในฐานะที่เป็นคนไทย เป็นประเทศไทย ก็ต้องรักษาเกรียติของประเทศไทย อย่าให้คณะสงฆ์ไทยด้อยกว่า คณะสงฆ์ประเทศอื่น ลังกา พม่า เขมร รอบด้าน ประเทศไทยต้องมีคณะสงฆ์ไม่ด้อย นี่คือ มานะ ทิฐิในทางดี แต่ไม่จำเป็นต้องมีมานะทิฐิในการสร้างความดี เราต้องมีความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเราต้องจำไว้ว่าเรามีความรับผิดชอบ เราไม่ยึดถือตัวกูของกู แต่เรามีปัญญารับผิดชอบ ต้องขมักเขม้นทำด้วยความรู้สึกรับผิดชอบ ธรรมะนั้นคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ ผู้ใดทำหน้าที่ผู้นั้นชื่อว่าปฏิบัติธรรมะ หน้าที่ทำมาหากินก็ตาม หน้าที่ปฏิบัติละกิเลสก็ตาม เรียกว่าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ย่อมประพฤติธรรมะ ถ้าเราทำงานเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่นั่นล่ะหมายถึงเราปฏิบัติธรรมมะ คือทำลายความเห็นแก่ตัว ความขี้เกียจ ความเห็นแก่ตัว มันละลายไป ละลายไป คือ เราปฎิบัติธรรมะในหน้าที่การงานนั่นเอง จะได้ผลหลายฝ่าย ช่วยตัวเอง ช่วยวัด ช่วยประเทศ ช่วยโลก พร้อมกันไปเลย สิ่งที่ทำไปนี้มีประโยชน์ กว้างออกไป กว้างออกไป กว้างออกไป ผมจะบอกให้ทุกองค์ทราบ ว่าเมืองไชยานี้ เขารู้จักกันทั่วโลก ในหนังสือทางโบราณคดี พระธาตุไชยาปรากฎอยู่ (26.20.9)ก็รู้จักกันดีในวงโบราณคดี เพระมันมีอะไรให้น่าสนใจ โพธิสัตว์(26.29.5) เขาเรียกว่าโพธิสัตว์ไชยา เรียกกันทั้งโลกว่าโพธิสัตว์ไชยา นี่เรียกว่าคนทั้งโลกรู้จักเมืองโบราณคดีว่าเมืองไชยา ฉะนั้นช่วยกันรักษาเกียรติภูมิของเมืองไชยาอย่าให้เสียเกียรติของเมืองไชยา หรือว่าภาคใต้องประเทศไทย ในอาณาจักรศรีวิชัย แผ่ขยายไปถึงไหน มันก็มีความหมายเท่านั้น ฉะนั้นจะต้องรับผิดชอบ ช่วยจำให้แม่นยำ ให้ก้องในหูว่าเราต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่รับผิดชอบก็ไม่เป็นมนุษย์ ไม่เป็นภิกษุสามเณร ในพระพุทธศาสนาเลย เราต้องรับผิดชอบว่าต้องทำในสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเองกับบ้านเมืองแก่ประเทศชาติแก่โลกแก่ศาสนา ฉะนั้นขอให้อดมั่น อดทน ขอให้เสียสละในทางที่จะทำให้ไม่แตกในความสามัคคี ความสามัคคีแตกเพราะไม่มีเสียสละ จะต้องแตกสามัคคี ถ้ามีความเสียสละแม้แต่ฝ่ายเดียว ก็ยังไม่แตกความสามัคคี ถ้าเสียสละทั้งสองฝ่ายยังไม่เสียความสามัคคี ฉะนั้นเราต้องปฏิบัติตัวเป็นผู้เสียสละ อดทนได้ ยอมได้ เป็นผู้ยอมแพ้ได้ ปู่ย่าตายายพูดไว้ว่า งามอยู่กับที่ ดีอยู่กับละอยู่กับจริง(28.09.1) นิพพานอยู่ที่ตาย หรือก่อนตาย นี่ก็เป็นสมบัติของบ้านเรา ท่านได้พูดไว้ดีที่สุด ประเสริฐที่สุด ว่างามอยู่กับ(28.22.3)อย่าไปหลงกับเขียวๆแดงๆ ดีอยู่กับละดี ดีอยู่กับไม่เอา จำให้แม่น ถ้าเอาก็ไม่ดี เอาของเอานั่นเอานี่ มันเอาด้วยกิเลสเสมอ แต่ให้ออกไปนั้นแหละดี ไม่เอาไม่รับ มีแต่ให้ไปเรื่อยๆ ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นนั่นแหละดี ถ้าเอาเข้ามา เอาเข้ามา นั้นแหละเลวลงๆ เขาจึงเรียกว่าดีอยู่กับละ ละออกไปไม่เอาเข้ามา พระอยู่กับจริง(28.59.4) เป็นพระจริง บวชจริง อยู่จริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง สอบผู้อื่นจริงๆ ฉะนั้นขอให้จริง แม้แต่เรื่องทำวัตรวันนี้ก็ขอให้จริง ปากว่าอย่างไรก็ขอให้จริง กลับไปนี้ต้องปฏิบัติ เป็นผู้เคารพแก่ผู้เราก็จะได้ชื่อว่าบวชจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง(29.32.4)เราก้มหน้าก้มตาทำให้จริง ถ้าว่าจริงหมายความว่าถูกต้อง มีสติปัญญาและถูกต้อง และก้มหน้าก้มตาบูชาความจริง และทำให้จริงตลอดไป จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ พระอยู่กับจริง เป็นคำพูดที่ลึกซึ้งที่สุด พระอยู่กับจริง พระอยู่กับจริง ไม่ใช่อยู่กับผ้าเหลือง ไม่ใช่อยู่กับวัด ไม่ใช่อยู่กับอะไรภายนอกที่เน้นพิธีรีตอง ต้องอยู่กับจริง บวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง สอนกันจริงนี่คือพระต่อไป คำว่านิพพานก่อนตายหรือหลังตายเป็นเรื่องลึก แต่ก็อยากพูดให้เป็นทางเลือกไว้เสมอให้เป็นหนทางนิพพาน อยู่ก็ตายเสียก่อนตาย(30.31.9) ข้อแรกต้องนึกว่าถ้าสามารถนิพพานได้ ถ้าตายแล้วมีประโยชน์อะไร มันบ้าที่สุดเลย นิพพานคอความสุข นิพพานคือความเย็น คือความไม่มีทุกข์ (30.48.4) ไปได้ก็ตายแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไร เหมือน(30.52.4) พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสแบบนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า เวทนา(30.55.8) ทั้งหลายของเธอนั้นจะเป็นของเย็นไปดูในคำบาลีจะเป็น(31.07.0) บาลีคำนี้ดีเหมือนกัน เวทนาทั้งหลายของเธอนั้นจักเป็นของเย็น หมายความว่าผู้ปฏิบัตินั้นจะมีเวทนาจะเป็นของเย็น เวทนาเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะเป็นของเย็น ไม่เป็นของร้อน นั้นคือนิพพาน ท่านจึงได้ ก่อนตาย ไม่ทันเข้าโลง(31.30.5) จะต้องได้ นิพพาน มันจึงเป็นนิพพานแท้จริง คนเราต้องทำให้เย็น อย่าทำให้ร้อน พอร้อนแล้วจะเป็นอบาย เป็นนรก เป็นวัฏสังสาร ร้อนกายหรือร้อนใจก็ตาม ฉะนั้นต้องระวังอย่าให้ร้อน ต้องให้เย็น อยู่ตามเดิม(31.48.8)ถ้าเราไม่ทำอะไรผิด มันเย็นอยู่เรื่อยไป ถ้าเรารักษาไม่ผิด ก็จะเย็นอยู่เรื่อยไปจะเป็นนิพพานแท้จริงยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ถ้าเป็นนิพพานจะไม่กลับเปลี่ยนอีก(32.04.4) เวลานี้เราได้นิพพานประเภทเข้าเรียกว่าปตัง(32.08.6)ประจวบเหมาะเป็นครั้งคราวเย็นอยู่ได้เป็นคราวเดี๋ยวมีความร้อนเข้ามาแทรกแซง ถ้าเก่งกว่านั้น เค้าเรียกว่า(32.18.2)คือบังคับจิตใจดี ภาวนาดีบังคับให้เย็นได้มากกว่าและนานกว่า คือถ้าเมื่อไรหมกกิเลส เมื่อนั้นก็นิพพาน สมมุติเชต(32.29.2) นิพพานจริง แต่อย่างไหนก็ตาม นิพพานไหนก็ตาม มีความหมายว่าเย็น ว่าไม่ร้อน เพราะคำนี้แปลกว่าเย็น ฉะนั้นเราจงให้มีชีวิตเย็นอยู่เรื่อยไป อย่าร้อน เพราะถ้าร้อนแล้วจะเป็นอบายเป็นนรก เป็นวัฏสังสาร เพราะเย็นเป็นนิพพาน กลับไปกลับมา(32.54.6)เช่นนี้ นี่เราก็รักษาเวลาให้เย็น ให้ยาวไป ยาวไป ยาวไป และร้อนให้น้อยเข้าๆๆ จนกระทั่งเย็นตลอดเลยไม่มีร้อนเลย เป็นนิพพานจริง นิพพานคือตายเสียก่อนตาย หมายความว่า (33.16.9) ยังไม่ได้โลง แต่ตัวกูหรืออหังการณ์มมังการ(33.19.5) ตายแล้วและกิเลสที่ว่าตัวกู(33.24.3)มันตายแล้ว ยังไม่ทันเข้าโลง ก็เลยเย็นตลอดการ นี่เขาจึงเรียกว่านิพพานอย่างแท้จริง ต้องได้(33.24.6) จะตายอยากจะได้ของเราจึงว่านิพพานกับตายเสียก่อนตาย ซึ่งเป็นเรื่องทางวิญญาณ ไม่ใช่เป็นเรื่องทางร่างกาย ร่างกายตายแล้วก็จับใส่โลง ตาบแบบธรรมดาเรียกว่าตายไปเป็นผี ถ้าตายไม่ดีก็เป็นผีตายโหง ตายเพียงแค่ให้เขาใส่โลง ไม่น่าสรรเสริญ ถ้าตายดีที่สุด คือต้องตายเสียก่อนตาย มันจะได้นิพพานอย่างนี้น่าสรรเสริญ หมดอัสมิมานะ(34.10.2)ตัวกูของกูเสียจะได้นิพพาน และก็ไม่ทันตาย เวทนาทั้งหลายก็จะเป็นของเย็น เวทนาทางหู จมูก ลิ้น ทางกายทางใจ ทางไหนก็ตาม เป็นของเย็น คือไม่ร้อน นั้นคือตายเสียก่อนตาย เป็นนิพพาน ทีนี้เราต้องคิดว่าปู่ย่าตายายของเรา เข้าใจดี จึงได้พูดข้อนี้ไว้ว่าลูกหลานอย่าเลวกว่าปู่ย่าตายายเลย อย่างน้อยให้เข้าใจเท่าปู่ย่าตายาย ปฏิบัติให้ได้เท่าปู่ย่าตายายเกี่ยวกับนิพพานมีอีกข้อหนึ่ง ขอเล่าให้ฟังเสียเลยว่า(34.51.4)ลิเกทะเลผึ้ง ผมอุตส่าห์ลงทุนขุดสระไว้ตรงนั้น สระใหญ่และมีมะพร้าวอยู่กลางสระ ต้นมันเป็นสัญลักษณ์ ปู่ย่าตายาย ให้ลูกหลาน กล่อมเด็กให้นอนว่า ลิเกต้นเดียวโนเนกลางทะเลขี้ผึ้ง(35.11.9)ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง กลางทะเลขี้ผึ้ง(35.19.2) บุญเอ๋ยต้นเดียวเปลี่ยวลิงโลดเอยก็มี การรู้ถึงนิพพานว่านิพพานอยู่กลางวัฏสงสา(35.27.9) ทำผิดเป็นวัฏสงสา ทำถูกเป็นนิพพาน อยู่กับตรงนั้นเอง เป็นเรื่องสูงสุดในพระพุทธศาสนา ใครเอามาเป็นบทให้กล่อมลูกให้นอน กล่อมน้องให้นอน แสดงว่าสูงมาก ปู่ย่าตายายของเรามีความรู้สูงมาก มีจิตใจสูงมาก ฉะนั้นลูกหลานอย่าเลวกว่าปู่ย่าตายายเลย มันน่าละอาย มันน่าเสียใจ ใจมันเสื่อมลง ฉะนั้นขอให้รักษาให้คงที่หรือให้ดียิ่งๆขี้นไปดีกว่า ทั้งนี้รวมความว่า ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษเมืองไชยา รวมถึงชาวบ้านดอนรวมไปถึง(36.10.3) เรียกว่าอาณาจักรศรีวิชัย 1200ปีแล้วพุทธศาสนาเจริญ พระธาตุสร้างในสมัยนั้น สมัยนั้นธรรมะอาจเจริญในการศึกษาเจริญในสติปัญญา แต่บทกล่อมลูกให้นอนเป็นเรื่องนิพพานได้ บทนี้มีตั้งแต่ชุมพรถึงพัทลุง(36.33.2)ร้องกล่อมลูกให้นอนบทนี้ ปู่ย่าตายายเคยเก่งถึงขนาดนี้ ฉะนั้นก็เราต้องรู้บุญคุณ ต้องรักษาเกียรติยศอันนี้ไว้ ผมพูดด้วยความเป็นห่วง ว่าเราจะปล่อยปละละเลยไม่รับผิดชอบ ไม่รู้ไม่ชี้ จึงขออ้อนวอน วิงวอน กราบไหว้ว่าให้ทุกองค์รับผิดชอบ จงมีความรู้สึกว่ารับผิดชอบ ว่าเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ยุติธรรม ให้ถูกต้องให้ยุติธรรม และให้สมบูรณ์ด้วยความรับผิดชอบ นับตั้งแต่ทำคณะสงฆ์ของประเทศนี้ให้เจริญ ของประเทศให้เจริญ ของโลกให้เจริญไปเป็นลำดับทีเดียว เมื่อผมก็ไม่มีอะไรจะให้ในฐานะเป็นอามัสปฏิสันฐาน(37.31.5)จึงมีแต่ธรรมะปฏิสันฐาน สิ่งใดดีที่สุดสำคัญที่สุด ก็คิดนึกมาตลอดเวลา เอามาพูดให้ฟังสิ่งนี้ขอได้โปรดจำไปไว้พิจารณา เราปฏิบัติตามให้สุดความสามารถ และสำเร็จประโยชน์ สมตามความมุ่งหมายหรือความหมายของการทำวัตร แสดงความเคารพอดโทษ แลกเปลี่ยนส่วนบุญเป็นผู้มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน และจะได้มีความสุข ความเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนา ของสมเด็จพระบรมศาสดาให้เป็นผลสำเร็จสมตามความมุ่งหมาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป(38.24.5) พระนิพพานเทอญ สาธุ
ที่นี้จะสอนยถาปัจยัง(38.36.1) ถังทัมยัง(38.40.3) สวดพร้อมๆกัน(39.17.2) (40.50.9) คำบาลีให้สวดเสียงสูง คำแปลให้สวดเสียงต่ำต่อไป(42.32.2) ตรงไหนมีจุดตรงนั้นหยุด ต่อไป(46.30.5) เราเข้ามาอยู่ในวัดวันแรกได้เข้ามาเรียนหัวข้อพระพุทธศาสนาแล้วค่อยมาเรียน(46.34.5) ที่เราสวดจบไปนี้เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ควรปฏิบัติประจำวัน ให้ถูกต้อง เรามาร้องสัก1บทสั้นๆ ปฏิบัติขาโย(46.52.6)(52.39.1) ช่วยเอาไปสวดอยู่เสมอๆ สำหรับสวด และสำหรับท่องในใจ สำหรับทำกรรมฐานภาวนาด้วย อย่าสวดเฉยๆต่อจะเลี้ยงก็เลี้ยง ตรงนี้ไม่ไหวมันร้อน เร็วๆๆ มาเลี้ยงๆๆ (53.08.4) พังไปแล้วอย่างอาจารย์พูด(53.12.0)ทุกองค์ควรเข้าใจว่าเราเป็นธรรมศักดิ์จารี(53.19.3)ซึ่งกันและกัน อาจารย์ก็เป็นสัพพรมจารีย์(53.23.6)ลูกศิษย์ก็เป็นสัพพรมจารีย์และกฌเป็นสัพพรมจารีย์ คราวนี้เราก็เป็นเพื่อนสัพพรมจารีย์ตามความประสงค์ เพราะฉะนั้นเราตั้งนับทายก ทายิกาทั้งหลายไว้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเป็นผู้บำรุงภิกษุสามเณรได้ทำหน้าที่ของตนในการสืบอายุพระศาสนา เมื่อพูดถึงการสืบอายุพระศาสนาย่อมมีหน้าที่ด้วยกันทั้งบรรพชิตและฆราวาส แต่บรรพชิตภิกษุสามเณรทำได้ดีกว่าทำได้มากกว่า หน้าที่โดยตรงมากกว่า ฉะนั้นบรรพชิตจึงทำหน้าที่ได้มากกว่าด้วยการบวชจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง (56.20) ทายก ทายิกาทั้งหลายก็จริงด้วยการเลี้ยงดูเอาใจใส่ให้ได้รับความผาสุกให้ได้รบความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของภิกษุสามเณร ถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จมาเห็นก็คงพอพระทัยในการที่เราได้ทำหน้าที่ของตนตามความสามารถจึงขอให้ทุกๆท่านบรรพชิตและฆราวาสจงมีปิติปราโมชย์ในการได้กระทำสิ่งนี้ในวันนี้ มีปิติปราโมชย์นี่แหละที่เรียกว่าสิ่งที่เป็นกุศล ก็ทำให้เกิดความสบายอิ่มอกอิ่มใจได้ เพื่อเป็นการสืบอายุพระศาสนาไว้ ให้มีอยู่ในโลกนี้ ให้โลกนี้มีความ ผาสุกด้วย พระสงฆ่ทั้งหลายจึงอนุโมทนา ยถา(57.33.9)เราได้ทำสิ่งที่ควรทำเสร็จลงไปแล้ว ด้วยความยินดีแล้ว ควรจะพร้อมเพรียงกันปิดประชุม เมื่อปิดประชุมแล้ว มีว่าถ้าท่นผู้ใดอยากจะอยู่(1.02.27) หรือทำอะไรก็ได้ ต้อาการจะดูอะไร เรื่องอะไรก็ให้เจ้าหน้าที่ฉายให้ดู และก็มีอะไรแปลกๆเล็กๆน้อยๆทุกปี ถ้าจะอยู่ดูก็ได้ ปิดประชุม (1.06.31.6)ควรเคารพจริง …จริง แลกเปลี่ยนส่วนบุญจริง ตามความประสงค์ เพราะฉะนั้นเราตั้งนับทายก ทายิกาทั้งหลายไว้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเป็นผู้บำรุงภิกษุสามเณรได้ทำหน้าที่ของตนในการสืบอายุพระศาสนา เมื่อพูดถึงการสืบอายุพระศาสนาย่อมมีหน้าที่ด้วยกันทั้งบรรพชิตและฆราวาส แต่บรรพชิตภิกษุสามเณรทำได้ดีกว่าทำได้มากกว่า หน้าที่โดยตรงมากกว่า ฉะนั้นบรรพชิตจึงทำหน้าที่ได้มากกว่าด้วยการบวชจริง ปฏิบัติจริง ได้ผลจริง (56.20) ทายก ทายิกาทั้งหลายก็จริงด้วยการเลี้ยงดูเอาใจใส่ให้ได้รับความผาสุกให้ได้รบความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของภิกษุสามเณร ถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จมาเห็นก็คงพอพระทัยในการที่เราได้ทำหน้าที่ของตนตามความสามารถจึงขอให้ทุกๆท่านบรรพชิตและฆราวาสจงมีปิติปราโมชย์ในการได้กระทำสิ่งนี้ในวันนี้ มีปิติปราโมชย์นี่แหละที่เรียกว่าสิ่งที่เป็นกุศล ก็ทำให้เกิดความสบายอิ่มอกอิ่มใจได้ เพื่อเป็นการสืบอายุพระศาสนาไว้ ให้มีอยู่ในโลกนี้ ให้โลกนี้มีความ ผาสุกด้วย พระสงฆ่ทั้งหลายจึงอนุโมทนา ยถา(57.33.9)เราได้ทำสิ่งที่ควรทำเสร็จลงไปแล้ว ด้วยความยินดีแล้ว ควรจะพร้อมเพรียงกันปิดประชุม เมื่อปิดประชุมแล้ว มีว่าถ้าท่นผู้ใดอยากจะอยู่(1.02.27) หรือทำอะไรก็ได้ ต้อาการจะดูอะไร เรื่องอะไรก็ให้เจ้าหน้าที่ฉายให้ดู และก็มีอะไรแปลกๆเล็กๆน้อยๆทุกปี ถ้าจะอยู่ดูก็ได้ ปิดประชุม