แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีโทษน่าติเตียนอันใดถ้ามีอยู่ในระหว่างเราสองฝ่ายขอให้เป็นอโหสิกรรม ด้วยอำนาจการทำสามีจิกรรมในวันนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
จะทำอะไร? ขอลา ทำพิธีลา เอาสิ พรุ่งนี้จะไปตามความประสงค์ตามกำหนด ให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยกันทุกคน อย่างน้อยก็รู้จักทำวัตร รู้จักแสดงความเคารพ รู้จักขอโทษและอดโทษ รู้จักแลกเปลี่ยนส่วนบุญคือความดีซึ่งกันและกัน นี่แหละกลายเป็นหลักสูงสุดในทางสังคมสมาคมในโลก ขอให้เรื่องสังคมกันในโลกนี้รู้จักแสดงความเคารพกันตามที่ควรจะเคารพ รู้จักขอโทษและอดโทษ รู้จักแลกเปลี่ยนความดีหรือบุญกุศลหรือสิ่งที่ได้รับซึ่งกันและกัน ในระดับบุคคลครอบครัวก็ดีในระดับประเทศชาติรัฐบาลก็ดีในระดับโลกทั้งโลกก็ดี ถ้าเขายังถือหลักสามประการนี้ได้ก็นับว่าดีมาก นั้นขอให้ทุกองค์แหละเอาเถอะไม่ต้องมีอะไรมาก ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ อุปัชฌาย์อาจารย์ ปู่ย่าตายาย เขาเคยทำกันมามันดีที่สุดแล้ว มันไม่มีอะไรสมัยใหม่ที่จะดีไปกว่านี้แล้ว ไม่เชื่อขอให้ไปลองพิจารณาดู เราต้องเคารพเชื่อฟังกันตามลำดับอาวุโส เราต้องขอโทษอย่าหัวดื้อต้องขอโทษแล้วก็ให้อดโทษ แล้วเราก็รู้จักหวังดีซึ่งกันและกันถ้ามีอะไรดีแบ่งปันกัน จะเป็นเรื่องวัตถุก็แบ่งปันจะเป็นเรื่องจิตใจก็แบ่งปันไม่ใช่คอยปัดแข้งปัดขากันเหมือนวงการเมืองในโลกปัจจุบันนี้ คอยจะทำร้ายผู้อื่น ทำลายผู้อื่นเพื่อตัว หาความเจริญไม่ได้ เรื่องของศาสนาไม่พูดกี่คำแหละ ว่าเคารพ ขอโทษและอดโทษแล้วก็แลกเปลี่ยนส่วนบุญพอแล้ว เราพอแล้ว ต่อไปนี้มันก็เหลือแต่การบังคับตัวเองให้ปฏิบัติ เรื่องวิชาความรู้นี่มันจะพอหรือมันจะเฟ้อด้วยซ้ำ ยังเหลือแต่ว่าปฏิบัติให้ได้ตามที่รู้ บังคับตัวเองให้ได้ ให้รู้จักตัวเองให้เชื่อตัวเองให้บังคับตัวเองจนกระทั่งเคารพตัวเองได้ รอดตัวทุกคนรอดตัว หลักธรรมดั้งเดิมแต่โบราณของพวกฝรั่งก็เหมือนกันสังเกตดูแล้วเหมือนกันของพวกฝรั่งที่ดีๆแต่สมัยโบราณมันถือหลักนี้ทั้งนั้น รู้จักตัวเองเชื่อตัวเองบังคับตัวเองได้แล้วก็นับถือตัวเองได้ทุกคนมีความสุข นี่เห็นมั้ยมันตรงกันหมดจะเป็นเรื่องตะวันออกหรือเรื่องตะวันตก ถ้าจะมีทางไหนอีกก็ได้มันจะตรงกันหมดโดยใจความนี่แหละแต่เขาเรียกชื่อต่างๆกัน เอาแต่ใจความแล้วมันจะตรงกันหมดศาสนาทุกศาสนา วัฒนธรรม ผู้มีธรรมคุณธรรมทุกๆ พวกทุกๆ ระดับ ให้มันมารวมอยู่ในว่ามันรู้จัก รู้จักตัวเองแล้วมันเชื่อตัวเองว่าเราต้องทำได้ เราต้องบังคับตัวเองให้ทำได้แล้วเราก็พอใจตัวเองเคารพตัวเองได้ ก็ไปเขียนไว้ในที่กันลืมแล้วแต่ชอบจะเอาสักห้าคำหรือสี่คำแต่ผมว่าต้องขึ้นต้นด้วยว่า รู้จักตัวเองเป็นมนุษย์แบบไหน อย่างไร ทำไม รู้จักตัวเอง ให้มันเชื่อตัวเองว่าเราเป็นมนุษย์นี่เราต้องทำได้อย่างมนุษย์ แล้วก็บังคับตัวเองให้ทำได้ตามที่เราจะต้องทำ พอทำได้แล้วก็จะต้องเคารพนับถือตัวเองพอใจตัวเอง มันก็พอแค่นั้น มันเป็นวิทยาศาสตร์ไปเลยเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตทางวิญญาณ ก็เป็นศาสนาไปเลยเป็นศาสนาทุกศาสนาเลย แล้วไม่ใช่ศาสนางมงายแบบที่ว่างมงายจนรับไม่ไหว หัวใจของศาสนามันก็อยู่แค่นี้อยู่ที่ไม่งมงายทำให้ถูกต้องกับตัวเอง แล้วต้องปฏิบัติกันจนตลอดชีวิตแหละไม่ใช่ปีเดียวสองปี ไอ้หลักเกณฑ์อันนี้มันต้องมีตลอดชีวิต รู้จักตัวเอง เชื่อตัวเอง บังคับตัวเองแล้วก็ในที่สุดมันเคารพตัวเองมันไหว้ตัวเอง มันพอใจตัวเองนั่นคือความสุข นี้จะพูดกับคนโบราณ คนโบราณไม่มีเถียง จะพูดกับคนสมัยใหม่ สมัยปรมาณู สมัยอิเล็กทรอนิกส์นี่ก็ไม่มีใครเถียง ไม่มีใครเถียงได้โดยหลักอันนี้
ในที่สุดนี้ผมขออวยพรให้ทุกๆองค์จะมีความเข้าใจเรื่องนี้ดี เรื่องหลักเกณฑ์ของธรรมะของศาสนาดี แล้วมีความกล้าหาญแน่ใจในการประพฤติปฏิบัติ จงได้ประสบความเจริญตามทางของมนุษยธรรมหรือตามทางของพระศาสนาเรื่อยๆไปทุกทิพาราตรีกาลเทอญฯ
(ผมเป็นโรคอุดตันในเส้นโลหิตฝอยสมองด้านซ้าย ทีนี้ก็จะมีแต่ความลืม นั้นผมจำใครไม่ได้หรอกวันนี้ถึงเจออีกก็จำไม่ได้ นึกก็ไม่ได้มันลืมอย่าไปถือสาอะไรกับมัน พบกันอีกมันก็จำไม่ได้มันลืม คงจำได้บ้างแต่จะจำให้ได้ดีเหมือนคนอื่นเขาไม่ได้)